ซูเหยียนสตรีที่ถูกฮ่องเต้หลงลืม อยู่ในวังหลวงมาหลายปีก็ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน เจอกันครั้งแรก ฮ่องเต้ก็จับนางอุ่นเตียงทันที ทั้งที่ไม่รู้ว่านางคือใคร
ดูเพิ่มเติมเขาก้มลงดูดเม้มและเลียจุกหวานสีน้ำตาลอมชมพู ยิ่งเขาดูดดุนนานขึ้นก็พบว่าจุกหวานแข็งและขยายใหญ่ขึ้นเกือบเท่าปลายนิ้วก้อย แต่ก็ทำให้ดูดถนัดเต็มปากเต็มคำกว่าเดิมนี่คือการเตรียมเต้านมให้กับบุตรในอนาคตสินะ ยิ่งมารดายอดถันใหญ่ น้ำนมก็จะไหลออกมาได้มากเขาจึงไม่ลังเลใจดูดนมสองเต้าสลับไปมาดุจดั่งตนเองเป็นทารกแรกเกิดส่วนท่อนล่างก็กระแทกเร็วขึ้นและหนักขึ้น เพื่อที่จะได้ส่งน้ำเชื้อคุณภาพพุ่งสู่มดลูกทุกหยาดหยดทุกอย่างนี้ก็เพื่อโอรสสวรรค์ที่กำลังจะถือกำเนิดขึ้นเสด็จแม่จะบ่นก็บ่นไป ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วคืนนี้เขาจะจัดอีกหลายท่าและหลายชั่วยาม อย่างไรเสียช่วงนี้เสด็จพ่อยังสำเร็จราชการแทน ดังนั้นเขาจะส่งสตรีขึ้นแตะเส้นขอบฟ้าทั้งวันทั้งคืน และก็จะตามนางไปแตะขอบฟ้าทั้งวันทั้งคืนเช่นเดียวกัน........“ฉางเอ๋อร์แอบไปหาเหยียนเอ๋อร์อย่างนั้นหรือ”ไทเฮายกยิ้มมุมปากแสดงสีหน้าหมั่นไส้กับข่าวที่ได้รับมา“เขาไม่ได้กินยามาครึ่งเดือนแล้ว ก็ยังแข็งแรงดี ข้าว่าแล้วไม่มีผิด เขาไม่ได้ป่วยหรอก”นางบ่นลูกชายให้จ้าวอิงสืออดีตฮ่องเต้ฟัง“เอาน่า” จ้าวอิงสือเอ่ย“ตอนนั้นเขาคงประหม่า คิดว่าตนเองจะทำเรื่องแบบนั้นได้ไม่ดีพอ เ
ซูเหยียนนั่งแช่ชั่วครู่ นางหลับตาซึมซับความรู้สึกที่ห่างหายไปนาน และท่านี้เข้าลึกกว่าที่เคยทำมาทุกครั้งเวลาช่องรักตอดรัดความใหญ่ของอีกฝ่าย ทำให้รู้สึกดีจริงๆนั่งแช่สักพัก สักโพกกลมก็เริ่มถูไถบนท่อนล่างของบุรุษ มังกรยักษ์จึงถูกรูดเข้าออกจนบุรุษหลับตารับความสบายนี้ถูไถจนน้ำใสหลั่งออกมาเยอะพอประมาณ นางก็เปลี่ยนเป็นยกสะโพกขึ้นแล้วกดสะโพกลงล่าง เหมือนกับซาลาเปาตกใส่ตะปูปับ ปับ ปับ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นจ้าวอิ้งฉางมองเรือนร่างอวบอัดกระแทกขึ้นลง เต้านมสวยทั้งสองกระเด้งไปมา ท่อนเอ็นของตนก็ผลุบเข้าออกตามจังหวะของสะโพกกลมกลึงละสายตายากเสียจริงเขาเอื้อมมือหนาขึ้นขยำอกอวบอิ่ม นิ้วเรียวบีบและบี้ยอดถันอย่างเพลิดเพลินเสียงเนื้อกระทบเนื้อและเสียงครางดังออกมาถึงนอกเรือนพวกเขาไม่ได้ทำรักกันมาสิบกว่าวัน เจอกันทั้งทีจึงใส่กันไม่หยุดจ้าวอิ้งฉางเมื่อได้จังหวะก็ยกสะโพกกระแทกสวนบั้นท้ายของซูเหยียนที่กดลงมา ท่อนเอ็นใหญ่ตอกใส่ร่องรักจนหัวหยักแตะถึงปลายสุดโพรงรักของสตรี“อ้า” ซูเหยียนส่งสายตาหวานฉ่ำและเคลิบเคลิ้มให้บุรุษ บ่งบอกว่านางในตอนนี้ตกอยู่ในห้วงความซาบซ่านอย่างถอนตัวไม่ขึ้นจ้าวอิ้งฉางเห็
“ราชโองการ ฝ่าบาททรงแต่งตั้งให้แม่นางซูเหยียนเข้าเป็นพระสนมในวัง รอแต่งตั้งเป็นฮองเฮา ส่วนขุนนางสกุลซูที่เคยถูกลดขั้น ให้เพิ่มคนละสามขั้นจากตำแหน่งปัจจุบัน ทั้งให้ย้ายกลับไปสังกัดเดิม ทำงานในเมืองหลวงเช่นเดิม”ผู้อื่นที่ได้ยินล้วนดีใจจนอยากจะกระโดดโลดเต้น สกุลซูจะได้กลับมามีหน้ามีตาอีกครั้ง ยกเว้นซูเหยียนที่สีหน้าซีดเผือกนางยกมือคัดค้านราชโองการนี้ทันที“ใต้เท้า ข้าคงเป็นฮองเฮาไม่ได้ เอ่อ ข้ามีสามีแล้ว” นางพูดตามความเป็นจริง สตรีไม่บริสุทธิ์เช่นนางจะเป็นพระสนมของฮ่องเต้ได้อย่างไรอีกทั้งฝ่าบาทเล่นอะไรอยู่ หน้าตานางก็ไม่เคยเห็น จู่ๆ มาทำกลับกลอกเดี๋ยวให้เข้าๆ ออกๆ วัง จะปั่นหัวนางกับสกุลซูหรืออย่างไรบุรุษที่ถือราชโองการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สตรีนางนี้ไม่เห็นแก่ลาภยศ ทั้งยังซื่อสัตย์ต่อตนเองและคนรัก เขาจึงก้มตัวลงไปกระซิบที่ข้างหูของซูเหยียน“ฝ่าบาทมีพระนามว่าจ้าวอิ้งฉาง แต่ใช้ชื่อต้าอิ้งเวลาพูดกับสหาย”ก่อนที่ซูเหยียนจะตกใจว่าบุรุษที่ตนเองนอนด้วยมานานคือฝ่าบาท นางกลับตกใจกับชื่อของเขา ชื่อจริงคือ ‘แข็งและยาว’ ชื่อเล่นที่ใช้เรียกคือ ‘ใหญ่และแข็ง’ ฝ่าบาทเป็นคนแบบใดกัน ถึงได้ตั้งชื่อเช่นนี้
มู่จิงหนิงเห็นท่าทางของซูหลีก็เกิดอาการไม่พอใจ นางยอมลดตัวเป็นคู่หมั้นของคนสกุลซูก็ดีเท่าไหร่แล้ว ใครๆ ต่างก็รู้ว่าสกุลซูเพิ่งย้ายมาอยู่ที่เมืองหนานได้เพียงห้าปี นายท่านแต่ละคนเป็นขุนนางที่ถูกลดขั้นมาจากเมืองหลวงสกุลดังแต่ไม่เป็นที่โปรดปราน ลูกหลานจะได้ดิบได้ดีแค่ไหนเชียวตอนนี้หลินจื่อตี๋ คู่หมั้นของซูโหย่วผู้ซึ่งเป็นพี่ชายของซูเหยียนออกไปท่องเที่ยวต่างเมือง มู่จิงหนิงจึงข่มใจรอให้นางกลับมาเสียก่อน แล้วค่อยชวนมาต้อนรับซูเหยียนกลับจวนสตรีที่ถูกบุรุษปฏิเสธ น่าอับอายอย่างมาก มู่จิงหนิงอยากจะทำให้ซูเหยียนรู้บ้างว่านางไม่ใช่คนที่จะเมินใส่ได้ง่ายๆ........ซูเหยียนเข้ามาภายในจวนท่ามกลางสายาตาแปลกประหลาดของบ่าวรับใช้ แต่เมื่อเดินใกล้เรือนหลักก็มีพ่อบ้านเก่าแก่ของสกุลซูวิ่งเข้ามาทักทายนางสีหน้าดีใจ“คุณหนูรองกลับมาแล้ว”“พ่อบ้านหมี่” ซูเหยียนยิ้มตอบ นางกวาดสายตาสำรวจเขาแล้วกล่าว “ท่านยังดูแข็งแรงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”“คุณหนูรองชมเกินไปแล้ว พวกนายท่านอยู่ด้านใน เชิญคุณหนูเข้าไปเถอะ”ซูเหยียนพยักหน้ารับ นางก้าวเท้าเข้าเรือนหลัก เรือนนี้เป็นเรือนที่ใช้พูดคุยพร้อมหน้าพร้อมตาของคนในตระกูล รวมถึ
ช่วงสายของอีกวันขณะที่ซูเหยียนกำลังกินอาหารเช้าในสวนหย่อมอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงพ่อบ้านกับคนงานสกุลซูพูดคุยกันน้ำเสียงกังวลใจ“คุณหนูรองไม่เห็นกลับจวนเลย ไหนว่าฝ่าบาทปลดนางสนมทุกคน และส่งตัวออกนอกวังแล้ว”ซูเหยียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เริ่มเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนางได้รับอิสระแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นอิสระจริงๆ นางยังต้องกลับจวนสกุลซู กลับไปหาครอบครัว ทว่าตอนนี้นางมีบุรุษคนหนึ่งข้างกาย ทั้งยังมีสัมพันธ์ลึกซึ้งโดยที่ยังไม่ได้แต่งงานกันจะทำอย่างไรดี จะบอกแต่ละฝ่ายอย่างไรเรื่องที่นางเคยเป็นสตรีของฮ่องเต้สุดท้ายต้าอิ้งก็ต้องรู้อยู่ดีสตรีรีบกินข้าวจนอิ่มแล้วกลับเรือนไปคิดหาทางออกอย่างแรกก็คือ จะไปจวนสกุลซูด้านข้างอย่างไร ในเมื่อคนของจ้าวอิ้งฉางคอยจับตามองเวลาที่นางป้วนเปี้ยนพยายามปีนออกนอกกำแพงจวนระหว่างที่ซูเหยียนเดินวนไปเวียนมาภายในเรือนอยู่นั้น ก็มีเสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากดังขึ้น นางแง้มประตูออกดูก็เห็นบุรุษเรือนกายสูงใหญ่ ตรงกลางเป็นสตรีวัยกลางคนที่มีใบหน้าคุ้นตาไทเฮา“ข้าจะพูดคุยกับแม่นางคนนี้ตามลำพัง พวกเจ้าออกไปให้หมด”ไทเฮาสั่งทั้งกงกง องครักษ์ของตนเองและองครักษ์
“ฝ่าบาท เกิดเรื่องแล้วพะย่ะ” หยางกงกงเอ่ยขึ้น สายตามองจ้าวอิ้งฉางเป็นคนแรกก่อนหันมองที่จินเผย “พูดมาเถอะ เขาฟังได้”จ้าวอิ้งฉางกล่าวเสียงราบเรียบ เขากับจินเผยสนิทกันมาก หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายระดับบิดามารดาถือมีดไล่ฟันกันด้วยเรื่องชู้สาวก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังกัน เรื่องนี้หยางกงกงก็รู้ดี เพียงแต่ต้องการคำรับรองจากจ้าวอิ้งฉาง “กุ้ยเฟยทรงตั้งครรภ์พะย่ะค่ะ อายุครรภ์ประมาณสามเดือน” หยางกงกงกราบทูล สายตาหลุบต่ำรอการตัดสินใจ “กุ้ยเฟยตั้งครรภ์หรือ กับใครกัน”จินเผยขมวดคิ้วสีหน้าสงสัย กุ้ยเฟยเพิ่งถูกแต่งตั้งได้ตำแหน่งไม่นาน จ้าวอิ้งฉางก็ไม่เคยไปหานาง ที่สำคัญก็คือ ถึงไปหาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แล้วนางจะท้องได้อย่างไรหากไม่ใช่เพราะบุรุษอื่นช่วยทำแทน ทั้งหยางกงกงและจินเผยลอบมองจ้าวอิ้งฉาง พวกเขาคิดว่าจ้าวอิ้งฉางคงโกรธเกรี้ยวเพราะตนเองถูกสวมหมวกเขียว กลับกลายเป็นว่าจ้าวอิ้งฉางพูดน้ำเสียงปกติไม่มีคลื่นอารมณ์ใดเจือปน “ปลดนางออกจากตำแหน่งกุ้ยเฟย ส่งนางกลับสกุลเดิม อ่อ หาตัวพ่อเด็กมารับผิดชอบภายในเวลาห้าวัน”
“เสียงร้องครางเช่นนี้เด็ดเสียจริง ทำเอาข้าอยากไปส่งเสียงให้กำลังใจถึงภายในห้อง”จินเผยนั่งโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลเรือนนอน เมื่อได้ยินเสียงก็รู้สึกคึกคักอยากโห่ร้องเสียงดัง อีกใจก็อยากเข้าไปชี้แนะอย่างละเอียดยิบที่ข้างเตียง เห็นเขาหน้าตาหงิมๆ ดูเรียบร้อย ทว่าตั้งแต่ศึกษาเรื่องอย่างว่าพร้อมกับจ้าวอิ้งฉาง เขาก็ลองใช้ทฤษฎีปฏิบัติกับนางคณิกา เมื่อค้นพบว่าสุขสม ล่องลอยและสบายตัว เขาจึงไปหอนางโลมเพื่อทบทวนทักษะนี้อยู่เป็นประจำ อนาคตฮูหยินของเขาต้องติดใจร้องขอไม่หยุดปากแน่นอน ........ ร่างของสตรีกระตุกเกร็ง ท่อนล่างตอดรัดนิ้วเรียวตุบๆ แถมยังหลั่งน้ำใสชโลมนิ้วจนสตรีต้องหลบสายตาของบุรุษที่จ้องมองใบหน้านางด้วยความพอใจ ใช้แค่นิ้วก็ส่งนางขึ้นสวรรค์ได้แล้ว เขานี้เก่งกาจเสียจริง บุรุษมองสายตาเย้ายวนของสตรี จากนั้นก็ลงมือในขั้นตอนถัดไป ลงลิ้นให้สะโพกนางร่อนไปมา โลมเลียให้นางเสียวซ่านร้องครางลั่นห้อง เขาก้มหน้าลงให้จมูกและปากประทับลงบนร่องรักที่ยังเปียกชุ่ม ลิ้นร้อนตวัดเลียความหวานบนกลีบเนื้อแล้วสลับแหย่ร่องรักพร
“นี่ท่านจะพาข้าไปไหน”ซูเหยียนดิ้นรนขัดขืนในอ้อมแขนแกร่งของจ้าวอิ้งฉาง นางอุตส่าห์หาที่หลบซ่อนตัวได้แล้ว ดันมาเจอคนที่ตนเองหนีหน้าเสียง่ายๆ “ไม่ต้องดิ้นแล้ว เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก”จ้าวอิ้งฉางเอ่ยเสียงเข้ม เขายังคิดหาที่ดีๆ พานางไปหลบซ่อนตัวไม่ได้ จะพาเข้าวังโดยที่นางสถานะเป็นแม่หม้าย คงถูกบรรดาสนมในวังเล่นงาน และถ้าเกิดเล็ดลอดเข้าหูของขุนนางบางคน เขาคงถูกถวายฎีกาให้เลิกข้องเกี่ยวกับนาง “สามีเจ้าตายไปกี่ปีแล้ว”จ้าวอิ้งฉางวางซูเหยียนบนรถม้า ต้องเริ่มวางแผนนำสตรีนางนี้เข้าวังอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม ซูเหยียนกรอกตาครุ่นคิดรวดเร็ว “สองปี ข้ายังต้องไว้ทุกข์” นางโกหกเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำเรื่องน่าอายกับบุรุษผู้นี้อีก “เกินครึ่งปีก็พอแล้ว” จ้าวอิ้งฉางกล่าวเสียงเรียบ เขาคิดว่าสตรีที่แต่งงานแต่ไม่ได้มีอะไรกับสามี ก็เหมือนไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกัน ที่มีปัญหาก็แค่ครอบครัวของทั้งสองฝ่าย เห็นทีกลับวังไปเขาต้องออกราชโองการ ปล่อยสตรีหม้ายทุกคนที่สามีเสียชีวิตเกินหนึ่งปีสามารถเป็นอิสระจากตระกูลสามีและแต่งงานใหม่ได้ จากน
จ้าวอิ้งฉางใช้มือหนาดันต้นขาขาวของสตรีให้ยกสูงและกว้างขึ้น จากนั้นก้มหน้าเข้าซอกระหว่างขาของสตรี จมูกโด่งแตะที่เนินเนื้อนุ่มแล้วแลบลิ้นเลียกลีบดอกไม้ที่ขนาบร่องฉ่ำทั้งสองข้าง มือข้างหนึ่งก็ยื่นนิ้วเรียวคลึงติ่งเกสรนูนที่เริ่มโผล่ยื่นออกมาทักทาย“อื้ม อ้า”สตรีที่หลับลึกส่งเสียงครางหวานให้ใจบุรุษหวั่นไหว เขาอยากจะทำขั้นตอนต่อไปเร็วๆ แล้วแต่ก็ต้องข่มกลั้นเอาไว้ จับเรียวขาขาวพาดบ่าของตน แล้วใช้ลิ้นชิมความหวานส่วนล่างของสตรีอย่างพิถีพิถันอืม มันก็นุ่ม เพลินและถูกปากดีนะจิ้วอิ้งฉางพอได้ลองสัมผัสก็เริ่มติดใจ เขาตวัดลิ้นร้อนขึ้นลงและสอดเข้าร่องที่ชุ่มฉ่ำ ริมฝีปากก็ดูดเม้มเนื้อนุ่มเป็นระยะ ทำให้สตรีใต้ร่างแอ่นสะโพกสูงขึ้นราวกับต้องการให้เขากินถนัดกว่าเดิมใช้เวลาประมาณหนึ่งถ้วยน้ำชา ร่างอวบอัดก็เริ่มกระตุกเกร็ง น้ำหวานไหลออกมาจากช่องทางรัก เขาจึงช่วยเลียทำความสะอาดอย่างไม่รังเกียจหลังจากนั้นบุรุษก็เปลี่ยนท่าทางของตน เขานั่งคุกเข่าแล้วดันโคนขาสตรียกสูงอีกครั้ง อีกทั้งยังจับกางออกจนกลีบเนื้ออ้าออก เห็นปากทางเข้าโพรงรักเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ สูดลมหายใจเข้าจนลึก มังกรตัวใหญ่ยาวด้านล่างเริ่มขยับ
“ตรงนี้เย็นสบายดีจัง”ซูเหยียน สตรีวัยสิบแปดปี ใบหน้ารูปแตง ดวงตากลมโต ริมฝีปากอวบอิ่ม เรือนร่างทั้งหน้าอกและสะโพกล้วนโค้งนูนยั่วยวนชวนให้หลงใหล นางหาที่ริมสระน้ำแล้วหย่อนตัวลงนั่งพักผ่อน ซูเหยียนเป็นสตรีที่ฮ่องเต้ทรงเพิกเฉยไม่สนพระทัย นางเข้าวังมาตั้งแต่อายุยังน้อย สิบสี่ขวบปีตระกูลซูส่งนางเข้าวังหลวงเพื่อให้รออภิเษกและแต่งตั้งเป็นฮองเฮา แต่เข้าวังได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน ฮ่องเต้ก็เกิดไม่พอพระทัยสกุลซู คนในตระกูลของนางที่รับราชการถูกลดขั้นและไปทำงานต่างเมือง ส่งผลให้คนอื่นๆ ในครอบครัวต้องย้ายตามจนไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ในเมืองหลวง ส่วนตัวนางนั้นถูกส่งมาอยู่แปลงผักในเขตพระราชฐาน ขนาดตำหนักเย็นยังไม่ได้อยู่ ที่ตำหนักเย็นนั่นฮ่องเต้ให้เฉพาะสตรีที่เคยปรนนิบัติแล้วอยู่เท่านั้น นางจึงกลายเป็นสตรีตำแหน่งต่ำต้อยต้องมาคอยปลูกผัก ผักเหล่านี้ปลูกจากเมล็ดพันธุ์ที่เป็นของบรรณาการจากต่างแคว้น เมื่อได้ผลผลิตออกมาก็ถูกส่งให้ฮ่องเต้และบรรดาเชื้อพระวงศ์รวมถึงเหล่านางสนมขั้นสูงในวัง แต่ด้วยความดื้อรั้นของซูเหยียน ผักทั้งหมดที่เพาะปลูกได้นั้นมีหรือจะถูกส่งเข้าครัวหลวงทั้งหมด แน่นอนว่าน...
ความคิดเห็น