“เสียงร้องครางเช่นนี้เด็ดเสียจริง ทำเอาข้าอยากไปส่งเสียงให้กำลังใจถึงภายในห้อง”
จินเผยนั่งโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลเรือนนอน เมื่อได้ยินเสียงก็รู้สึกคึกคักอยากโห่ร้องเสียงดัง
อีกใจก็อยากเข้าไปชี้แนะอย่างละเอียดยิบที่ข้างเตียง
เห็นเขาหน้าตาหงิมๆ ดูเรียบร้อย ทว่าตั้งแต่ศึกษาเรื่องอย่างว่าพร้อมกับจ้าวอิ้งฉาง เขาก็ลองใช้ทฤษฎีปฏิบัติกับนางคณิกา เมื่อค้นพบว่าสุขสม ล่องลอยและสบายตัว เขาจึงไปหอนางโลมเพื่อทบทวนทักษะนี้อยู่เป็นประจำ อนาคตฮูหยินของเขาต้องติดใจร้องขอไม่หยุดปากแน่นอน
........
ร่างของสตรีกระตุกเกร็ง ท่อนล่างตอดรัดนิ้วเรียวตุบๆ แถมยังหลั่งน้ำใสชโลมนิ้วจนสตรีต้องหลบสายตาของบุรุษที่จ้องมองใบหน้านางด้วยความพอใจ
ใช้แค่นิ้วก็ส่งนางขึ้นสวรรค์ได้แล้ว เขานี้เก่งกาจเสียจริง
บุรุษมองสายตาเย้ายวนของสตรี จากนั้นก็ลงมือในขั้นตอนถัดไป
ลงลิ้นให้สะโพกนางร่อนไปมา โลมเลียให้นางเสียวซ่านร้องครางลั่นห้อง
เขาก้มหน้าลงให้จมูกและปากประทับลงบนร่องรักที่ยังเปียกชุ่ม ลิ้นร้อนตวัดเลียความหวานบนกลีบเนื้อแล้วสลับแหย่ร่องรักพร้อมเกร็งแล้วทำท่าฉกลงบนติ่งเนื้อนูนที่เผยโฉมออกมา
ซูเหยียนแหงนหน้าสูดปากส่งเสียงครางด้วยความสุขสม
นางรู้สึกว่ากลีบเนื้ออ่อนและเนินเนื้อโหนกนูนของตนถูกบุรุษใช้ริมฝีปากดูดเม้ม ลิ้นก็ทั้งแยงทั้งเลียจนเหมือนกับว่าอวัยวะของตนจะละลายเข้าไปในปากของเขา
ยิ่งเขากดจมูกและเพิ่มน้ำหนักที่ปาก สะโพกกลมกลึงก็ยกสูงดันใส่ใบหน้าคมเข้ม
ไม่ต่างกับการเชื้อเชิญและส่งสารท้ารบ
ถ้าแน่จริงก็จัดการขั้นต่อไปสิ โพรงเนื้อนุ่มของข้ารอมังกรของเจ้ามาอวดดีอยู่นะ
รับรู้ได้ว่าปากโพรงรักคุ้นชินกับการเล้าโลม จ้าวอิ้งฉางจึงลุกขึ้นนั่งชันเข่า จับมังกรที่ผงาดพร้อมสู้ศึกจ่อลงไปที่ปากถ้ำร้อน
เขาขยับเอวสอบช้าๆ ดันส่งให้ส่วนหัวมังกรของเขามุดเข้าไปสำรวจโพรงถ้ำที่คับแคบและชุ่มชื้น
“อื้อ แน่นจังเลย”
ซูเหยียนขยับเอวและสะโพกพยายามจะหนีการสอดใส่ แต่มือหนาของจ้าวอิ้งฉางจับต้นขาขาวรั้งไว้ไม่ให้ขยับหนี ครั้งนี้จะต้องแทรกท่อนยาวเข้าจนมิดโคนให้ได้
บุรุษคิดในใจ เขาขยับเอวแรงๆ หนึ่งครั้งส่งส่วนหัวหยักเข้าไปจนมิด รอให้ปากถ้ำรักบีบรัดทำความรู้จักท่อนเอ็นแข็งและหยุ่นสักพัก เมื่อได้จังหวะก็ขยับเอวถี่ๆ รัวๆ ราวกับตอกตะปูลงไปในร่องจนมิดลำ
ดวงตาเหยี่ยวมองดูแก่นกายของตนถูกส่วนล่างของสตรีกลืนกิน ภาพท่อนเนื้อคาอยู่ในรู มีกลีบเนื้อนุ่มสัมผัสแนบชิด แล้วถูกภายในรูบีบรัดเหมือนจะถูกรีดน้ำเชื้อ ทำให้เขารู้สึกมหัศจรรย์ยิ่งนัก
นี่เป็นการเชื่อมกันระหว่างคนสองคนได้อย่างงดงามและสมบูรณ์
ของเขาใหญ่ขนาดนี้ ของสตรียังรองรับได้จนหมด
มังกรตัวเขื่องนอนสงบเพราะถูกโพรงเนื้อบีบรัดสักพัก มันก็เริ่มขยับตัวสู้ศึกด้วยความคึกคัก ส่วนหัวหยักและลำตัวยาวครูดเข้าออกช่องเนื้อนุ่มที่ตอดรัดแน่น แม้จะคับจนแทบขยับตัวไม่ได้ แต่มันก็ไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำฝ่ายเดียว
จ้าวอิ้งฉางก้มหน้าบดริมฝีปากของซูเหยียน ลิ้นร้ายเกี่ยวลิ้นนุ่มของสตรีแล้วดึงมาดูดอย่างดุดัน เอวสอบก็ขยับเป็นจังหวะส่งแก่นกายกระแทกร่องรักดังตับ ตับ ตับ ไม่หยุด
อ่า เสียงนี้ฟังแล้วไพเราะยิ่งนัก
ซูเหยียนที่ถูกจูบปาก ท่อนล่างถูกกระแทกถี่ๆ แรงๆ ในหัวของนางก็เลิกกังวลทุกอย่าง คิดแค่อ้าขารับความเสียวซ่านนี้ให้เต็มที่ ส่วนบริเวณท้องน้อยรู้สึกปั่นป่วนเหมือนมีพายุหมุนก่อตัวอยู่ในนั้น
ทำให้ร่างกายโคลงเคลง ล่องลอย เหมือนจะลอยไปแตะที่เส้นขอบฟ้าได้ตลอดเวลา
........
เสียงครางแสนหวานเงียบหายไป เสียงเนื้อกระทบเนื้อเข้ามาแทนที่ บรรดาองครักษ์และจินเผยที่รอลุ้นอยู่ด้านนอกต่างชูกำปั้นให้กันด้วยความดีใจ
วันนี้ต้องบันทึกลงหน้าประวัติศาสตร์ ฮ่องเต้ของพวกเขาในที่สุดก็เสียพรหมจรรย์เต็มตัวสักที
จากวันนี้ไปพวกเขาก็หาเมียได้แล้ว
เพราะจ้าวอิ้งฉางเคยกล่าวไว้ว่า หากข้าไม่สมหวังในเรื่องบนเตียง พวกเจ้าที่เป็นองครักษ์ก็อย่าหวังว่าจะมีเมีย ให้ไปหอนางโลมผ่อนคลายได้เมื่อมีวันหยุดเท่านั้น
คำกล่าวนี้รวมถึงจินเผยด้วย เขาจึงยังไม่ได้แต่งงานเช่นกัน
........
“เจ้าเป็นสตรีของข้าแล้ว เจ้าชื่ออะไร” จ้าวอิ้งฉางถอนริมฝีปาก เอ่ยถามสตรีน้ำเสียงอ่อนโยน
สตรีของเขานั้นมีมากมาย แต่สตรีที่กินมังกรของโอรสสวรรค์เช่นเขามีแค่นางคนเดียว
“เมิ่งเหยียน เรียกข้าว่าเมิ่งเหยียนหรือเหยียนเอ๋อร์ก็ได้” ซูเหยียนพูดชื่อที่คนอื่นใช้เรียกนาง ไม่ได้บอกชื่อจริงออกไป
“เมิ่งเหยียน”
จ้าวอิ้งฉางเรียกชื่อนาง สกุลเมิ่งไม่น่ามีผู้ใดเป็นขุนนาง ถึงจะยากหน่อยหากพานางเข้าวัง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“เรียกข้าว่าต้าอิ้ง” จ้าวอิ้งฉางบอกสตรี ตอนนี้ยังไม่เปิดเผยสถายนะ ไม่สะดวกให้นางรู้ชื่อจริง
“คิคิ” ซูเหยียนหัวเราะออกมา เห็นสายตาสงสัยของบุรุษจึงอธิบาย
“ทั้งใหญ่ทั้งแข็ง ท่านตั้งชื่อให้ตัวเองหรือ”
จ้าวอิ้งฉางเงียบไปชั่วลมหายใจ หากนางรู้ชื่อจริงของเขาคงรู้สึกจุกกว่านี้ ‘แข็งและยาว’
ที่จริงชื่อนี้หมายถึงสรรพสิ่งในโลกล้วนมีความแข็งแกร่ง และสามารถมีชีวิตได้ยืนยาว แต่ถ้าแปลตามบริบทที่อยู่บนเตียงก็ตรงๆ ตามชื่อ ‘แข็งและยาว’
สามารถทำให้สตรีจุกและเสียวได้เป็นวันๆ
ได้ยินเสียงหัวเราะของสตรีใต้ร่าง จ้าวอิ้งฉางก็หมั่นเขี้ยว เขาเพิ่มแรงที่บั้นเอวให้ท่อนเอ็นแกร่งกระทุ้งเข้าร่องรักหนักๆ เน้นๆ ซูเหยียนจึงเลิกหัวเราะ แต่ร้อง “อ้า อ้า อ้า” ตามจังหวะที่ถูกแทงลงมา
เสียงครางหวานประสานกับเสียงกระทบของเนื้อดังขึ้นเป็นเวลานาน จ้าวอิ้งฉางส่งซูเหยียนแต่ขอบฟ้าหลายครั้งในที่สุดก็ถึงตาเขาที่เสร็จสม
น้ำรักขาวขุ่นของบุรุษหลั่งออกมาใส่โพรงเนื้อนุ่มของสตรี จ้าวอิ้งฉางแช่แก่นกายตนเองไว้พักใหญ่ เผื่อในวันนี้จะมีโอรสสวรรค์ถือกำเนิดขึ้น
หากติดตั้งแต่ครั้งแรกเขาคงโอ้อวดไปได้อีกนาน
“ท่านปล่อยในหรือ” ซูเหยียนตั้งสติได้ถามด้วยความตกใจ
“ใช่ หรือเจ้าไม่อยากเป็นภรรยาเอก” บุรุษถามกลับ
“แล้วสามีข้าล่ะ หมายถึงครอบครัวสามีข้า” ซูเหยียนสีหน้าวิตกกังวลชัดเจน
จ้าวอิ้งฉางยกแขนแกร่งขึ้นมาโอบกอดซูเหยียน ฝ่ามืออีกอย่างลูบศีรษะเบาๆ เขาพยายามทำให้นางคลายกังวล
“ข้านี่ไงสามีเจ้า เกิดเรื่องอะไรข้าจะรับไว้เอง เจ้านอนพักเถอะ ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นหรอก”
อยู่ดีๆ ข้าก็ได้สามี ซูเหยียนคิดในใจก่อนผล็อยหลับด้วยความเหนื่อย ชีวิตของนางและต้าอิ้งผู้นี้จะเกิดอันตรายหรือไม่นะ หากมีคนรู้เรื่องแล้วไปฟ้องกล่าวโทษนางให้ฮ่องเต้ฟัง
ได้แต่ภาวนาอย่าให้ต้าอิ้งผู้นี้มีศัตรูเยอะเลย หากนางถูกศัตรูของเขาสืบค้นประวัติอาจจะมีเรื่องจริงๆ ก็เป็นได้
ผู้ที่รู้จักกับกงกงในวังหลวงเช่นเขาต้องมีอิทธิพลในระดับหนึ่ง วันใดวันหนึ่งเกิดไปขัดแข้งขัดขากับใครเข้า ย่อมต้องมีปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากเขาจะยอมทิ้งทุกอย่างในเมืองหลวง แล้วหนีไปอยู่กับนาง
........
วังหลวง
จ้าวอิ้งฉางเลิกประชุมขุนนางด้วยอารมณ์สดใส เขารีบเดินกลับตำหนักหมิงเหอ ไม่ให้จินเผยที่อยู่ข้างหลังเดินตามทัน
“ฝ่าบาท เล่าให้ฟังหน่อยนะ” บุรุษก้าวขาด้วยความรวดเร็ว ปากก็ส่งเสียงไม่หยุด
เมื่อถึงตำหนักหมิงเหอ จินเผยก็ยังพร่ำถามไม่หยุดปาก “ดีใช่หรือไม่ แล้วนางสุดยอดเลยไหม”
“ระวังคำพูดด้วย สตรีที่เจ้าถามถึงคือว่าที่ฮองเฮา” จ้าวอิ้งฉางเอ่ยเสียงเข้ม
“โอ้ คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนี้จากฝ่าบาท รับสตรีหม้ายที่ชาติตระกูลต่ำต้อยมาเป็นฮองเฮา ย่อมต้องมีเสียงวิพากย์วิจารณ์จากขุนนางและบรรดาราษฎรแน่นอน” จินเผยกล่าว
“แต่ทำอย่างนี้สิ ถึงจะเป็นสุภาพบุรุษ”
“อืม เจ้าเร่งทำงานที่ข้าสั่งได้แล้ว อนุญาตให้สตรีหม้ายที่ต้องการแต่งงานใหม่ไว้ทุกข์ให้สามีอย่างน้อยหนึ่งปีก็พอ อีกอย่าง ครอบครัวฝั่งสามีไม่มีสิทธิ์คัดค้าน ถ้าหากมีข้อโต้แย้งหรือมีข้อร้องเรียน ให้ที่ว่าการเมืองที่ว่าการอำเภอรับผิดชอบตัดสินคดี”
เมื่อจ้าวอิ้งฉางกล่าวจบ หยางกงกงก็เข้ามากราบทูลด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ฝ่าบาท เกิดเรื่องแล้วพะย่ะ” หยางกงกงเอ่ยขึ้น สายตามองจ้าวอิ้งฉางเป็นคนแรกก่อนหันมองที่จินเผย “พูดมาเถอะ เขาฟังได้”จ้าวอิ้งฉางกล่าวเสียงราบเรียบ เขากับจินเผยสนิทกันมาก หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายระดับบิดามารดาถือมีดไล่ฟันกันด้วยเรื่องชู้สาวก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังกัน เรื่องนี้หยางกงกงก็รู้ดี เพียงแต่ต้องการคำรับรองจากจ้าวอิ้งฉาง “กุ้ยเฟยทรงตั้งครรภ์พะย่ะค่ะ อายุครรภ์ประมาณสามเดือน” หยางกงกงกราบทูล สายตาหลุบต่ำรอการตัดสินใจ “กุ้ยเฟยตั้งครรภ์หรือ กับใครกัน”จินเผยขมวดคิ้วสีหน้าสงสัย กุ้ยเฟยเพิ่งถูกแต่งตั้งได้ตำแหน่งไม่นาน จ้าวอิ้งฉางก็ไม่เคยไปหานาง ที่สำคัญก็คือ ถึงไปหาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แล้วนางจะท้องได้อย่างไรหากไม่ใช่เพราะบุรุษอื่นช่วยทำแทน ทั้งหยางกงกงและจินเผยลอบมองจ้าวอิ้งฉาง พวกเขาคิดว่าจ้าวอิ้งฉางคงโกรธเกรี้ยวเพราะตนเองถูกสวมหมวกเขียว กลับกลายเป็นว่าจ้าวอิ้งฉางพูดน้ำเสียงปกติไม่มีคลื่นอารมณ์ใดเจือปน “ปลดนางออกจากตำแหน่งกุ้ยเฟย ส่งนางกลับสกุลเดิม อ่อ หาตัวพ่อเด็กมารับผิดชอบภายในเวลาห้าวัน”
ช่วงสายของอีกวันขณะที่ซูเหยียนกำลังกินอาหารเช้าในสวนหย่อมอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงพ่อบ้านกับคนงานสกุลซูพูดคุยกันน้ำเสียงกังวลใจ“คุณหนูรองไม่เห็นกลับจวนเลย ไหนว่าฝ่าบาทปลดนางสนมทุกคน และส่งตัวออกนอกวังแล้ว”ซูเหยียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เริ่มเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนางได้รับอิสระแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นอิสระจริงๆ นางยังต้องกลับจวนสกุลซู กลับไปหาครอบครัว ทว่าตอนนี้นางมีบุรุษคนหนึ่งข้างกาย ทั้งยังมีสัมพันธ์ลึกซึ้งโดยที่ยังไม่ได้แต่งงานกันจะทำอย่างไรดี จะบอกแต่ละฝ่ายอย่างไรเรื่องที่นางเคยเป็นสตรีของฮ่องเต้สุดท้ายต้าอิ้งก็ต้องรู้อยู่ดีสตรีรีบกินข้าวจนอิ่มแล้วกลับเรือนไปคิดหาทางออกอย่างแรกก็คือ จะไปจวนสกุลซูด้านข้างอย่างไร ในเมื่อคนของจ้าวอิ้งฉางคอยจับตามองเวลาที่นางป้วนเปี้ยนพยายามปีนออกนอกกำแพงจวนระหว่างที่ซูเหยียนเดินวนไปเวียนมาภายในเรือนอยู่นั้น ก็มีเสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากดังขึ้น นางแง้มประตูออกดูก็เห็นบุรุษเรือนกายสูงใหญ่ ตรงกลางเป็นสตรีวัยกลางคนที่มีใบหน้าคุ้นตาไทเฮา“ข้าจะพูดคุยกับแม่นางคนนี้ตามลำพัง พวกเจ้าออกไปให้หมด”ไทเฮาสั่งทั้งกงกง องครักษ์ของตนเองและองครักษ์
มู่จิงหนิงเห็นท่าทางของซูหลีก็เกิดอาการไม่พอใจ นางยอมลดตัวเป็นคู่หมั้นของคนสกุลซูก็ดีเท่าไหร่แล้ว ใครๆ ต่างก็รู้ว่าสกุลซูเพิ่งย้ายมาอยู่ที่เมืองหนานได้เพียงห้าปี นายท่านแต่ละคนเป็นขุนนางที่ถูกลดขั้นมาจากเมืองหลวงสกุลดังแต่ไม่เป็นที่โปรดปราน ลูกหลานจะได้ดิบได้ดีแค่ไหนเชียวตอนนี้หลินจื่อตี๋ คู่หมั้นของซูโหย่วผู้ซึ่งเป็นพี่ชายของซูเหยียนออกไปท่องเที่ยวต่างเมือง มู่จิงหนิงจึงข่มใจรอให้นางกลับมาเสียก่อน แล้วค่อยชวนมาต้อนรับซูเหยียนกลับจวนสตรีที่ถูกบุรุษปฏิเสธ น่าอับอายอย่างมาก มู่จิงหนิงอยากจะทำให้ซูเหยียนรู้บ้างว่านางไม่ใช่คนที่จะเมินใส่ได้ง่ายๆ........ซูเหยียนเข้ามาภายในจวนท่ามกลางสายาตาแปลกประหลาดของบ่าวรับใช้ แต่เมื่อเดินใกล้เรือนหลักก็มีพ่อบ้านเก่าแก่ของสกุลซูวิ่งเข้ามาทักทายนางสีหน้าดีใจ“คุณหนูรองกลับมาแล้ว”“พ่อบ้านหมี่” ซูเหยียนยิ้มตอบ นางกวาดสายตาสำรวจเขาแล้วกล่าว “ท่านยังดูแข็งแรงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”“คุณหนูรองชมเกินไปแล้ว พวกนายท่านอยู่ด้านใน เชิญคุณหนูเข้าไปเถอะ”ซูเหยียนพยักหน้ารับ นางก้าวเท้าเข้าเรือนหลัก เรือนนี้เป็นเรือนที่ใช้พูดคุยพร้อมหน้าพร้อมตาของคนในตระกูล รวมถึ
“ราชโองการ ฝ่าบาททรงแต่งตั้งให้แม่นางซูเหยียนเข้าเป็นพระสนมในวัง รอแต่งตั้งเป็นฮองเฮา ส่วนขุนนางสกุลซูที่เคยถูกลดขั้น ให้เพิ่มคนละสามขั้นจากตำแหน่งปัจจุบัน ทั้งให้ย้ายกลับไปสังกัดเดิม ทำงานในเมืองหลวงเช่นเดิม”ผู้อื่นที่ได้ยินล้วนดีใจจนอยากจะกระโดดโลดเต้น สกุลซูจะได้กลับมามีหน้ามีตาอีกครั้ง ยกเว้นซูเหยียนที่สีหน้าซีดเผือกนางยกมือคัดค้านราชโองการนี้ทันที“ใต้เท้า ข้าคงเป็นฮองเฮาไม่ได้ เอ่อ ข้ามีสามีแล้ว” นางพูดตามความเป็นจริง สตรีไม่บริสุทธิ์เช่นนางจะเป็นพระสนมของฮ่องเต้ได้อย่างไรอีกทั้งฝ่าบาทเล่นอะไรอยู่ หน้าตานางก็ไม่เคยเห็น จู่ๆ มาทำกลับกลอกเดี๋ยวให้เข้าๆ ออกๆ วัง จะปั่นหัวนางกับสกุลซูหรืออย่างไรบุรุษที่ถือราชโองการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สตรีนางนี้ไม่เห็นแก่ลาภยศ ทั้งยังซื่อสัตย์ต่อตนเองและคนรัก เขาจึงก้มตัวลงไปกระซิบที่ข้างหูของซูเหยียน“ฝ่าบาทมีพระนามว่าจ้าวอิ้งฉาง แต่ใช้ชื่อต้าอิ้งเวลาพูดกับสหาย”ก่อนที่ซูเหยียนจะตกใจว่าบุรุษที่ตนเองนอนด้วยมานานคือฝ่าบาท นางกลับตกใจกับชื่อของเขา ชื่อจริงคือ ‘แข็งและยาว’ ชื่อเล่นที่ใช้เรียกคือ ‘ใหญ่และแข็ง’ ฝ่าบาทเป็นคนแบบใดกัน ถึงได้ตั้งชื่อเช่นนี้
ซูเหยียนนั่งแช่ชั่วครู่ นางหลับตาซึมซับความรู้สึกที่ห่างหายไปนาน และท่านี้เข้าลึกกว่าที่เคยทำมาทุกครั้งเวลาช่องรักตอดรัดความใหญ่ของอีกฝ่าย ทำให้รู้สึกดีจริงๆนั่งแช่สักพัก สักโพกกลมก็เริ่มถูไถบนท่อนล่างของบุรุษ มังกรยักษ์จึงถูกรูดเข้าออกจนบุรุษหลับตารับความสบายนี้ถูไถจนน้ำใสหลั่งออกมาเยอะพอประมาณ นางก็เปลี่ยนเป็นยกสะโพกขึ้นแล้วกดสะโพกลงล่าง เหมือนกับซาลาเปาตกใส่ตะปูปับ ปับ ปับ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นจ้าวอิ้งฉางมองเรือนร่างอวบอัดกระแทกขึ้นลง เต้านมสวยทั้งสองกระเด้งไปมา ท่อนเอ็นของตนก็ผลุบเข้าออกตามจังหวะของสะโพกกลมกลึงละสายตายากเสียจริงเขาเอื้อมมือหนาขึ้นขยำอกอวบอิ่ม นิ้วเรียวบีบและบี้ยอดถันอย่างเพลิดเพลินเสียงเนื้อกระทบเนื้อและเสียงครางดังออกมาถึงนอกเรือนพวกเขาไม่ได้ทำรักกันมาสิบกว่าวัน เจอกันทั้งทีจึงใส่กันไม่หยุดจ้าวอิ้งฉางเมื่อได้จังหวะก็ยกสะโพกกระแทกสวนบั้นท้ายของซูเหยียนที่กดลงมา ท่อนเอ็นใหญ่ตอกใส่ร่องรักจนหัวหยักแตะถึงปลายสุดโพรงรักของสตรี“อ้า” ซูเหยียนส่งสายตาหวานฉ่ำและเคลิบเคลิ้มให้บุรุษ บ่งบอกว่านางในตอนนี้ตกอยู่ในห้วงความซาบซ่านอย่างถอนตัวไม่ขึ้นจ้าวอิ้งฉางเห็
เขาก้มลงดูดเม้มและเลียจุกหวานสีน้ำตาลอมชมพู ยิ่งเขาดูดดุนนานขึ้นก็พบว่าจุกหวานแข็งและขยายใหญ่ขึ้นเกือบเท่าปลายนิ้วก้อย แต่ก็ทำให้ดูดถนัดเต็มปากเต็มคำกว่าเดิมนี่คือการเตรียมเต้านมให้กับบุตรในอนาคตสินะ ยิ่งมารดายอดถันใหญ่ น้ำนมก็จะไหลออกมาได้มากเขาจึงไม่ลังเลใจดูดนมสองเต้าสลับไปมาดุจดั่งตนเองเป็นทารกแรกเกิดส่วนท่อนล่างก็กระแทกเร็วขึ้นและหนักขึ้น เพื่อที่จะได้ส่งน้ำเชื้อคุณภาพพุ่งสู่มดลูกทุกหยาดหยดทุกอย่างนี้ก็เพื่อโอรสสวรรค์ที่กำลังจะถือกำเนิดขึ้นเสด็จแม่จะบ่นก็บ่นไป ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วคืนนี้เขาจะจัดอีกหลายท่าและหลายชั่วยาม อย่างไรเสียช่วงนี้เสด็จพ่อยังสำเร็จราชการแทน ดังนั้นเขาจะส่งสตรีขึ้นแตะเส้นขอบฟ้าทั้งวันทั้งคืน และก็จะตามนางไปแตะขอบฟ้าทั้งวันทั้งคืนเช่นเดียวกัน........“ฉางเอ๋อร์แอบไปหาเหยียนเอ๋อร์อย่างนั้นหรือ”ไทเฮายกยิ้มมุมปากแสดงสีหน้าหมั่นไส้กับข่าวที่ได้รับมา“เขาไม่ได้กินยามาครึ่งเดือนแล้ว ก็ยังแข็งแรงดี ข้าว่าแล้วไม่มีผิด เขาไม่ได้ป่วยหรอก”นางบ่นลูกชายให้จ้าวอิงสืออดีตฮ่องเต้ฟัง“เอาน่า” จ้าวอิงสือเอ่ย“ตอนนั้นเขาคงประหม่า คิดว่าตนเองจะทำเรื่องแบบนั้นได้ไม่ดีพอ เ
“ตรงนี้เย็นสบายดีจัง”ซูเหยียน สตรีวัยสิบแปดปี ใบหน้ารูปแตง ดวงตากลมโต ริมฝีปากอวบอิ่ม เรือนร่างทั้งหน้าอกและสะโพกล้วนโค้งนูนยั่วยวนชวนให้หลงใหล นางหาที่ริมสระน้ำแล้วหย่อนตัวลงนั่งพักผ่อน ซูเหยียนเป็นสตรีที่ฮ่องเต้ทรงเพิกเฉยไม่สนพระทัย นางเข้าวังมาตั้งแต่อายุยังน้อย สิบสี่ขวบปีตระกูลซูส่งนางเข้าวังหลวงเพื่อให้รออภิเษกและแต่งตั้งเป็นฮองเฮา แต่เข้าวังได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน ฮ่องเต้ก็เกิดไม่พอพระทัยสกุลซู คนในตระกูลของนางที่รับราชการถูกลดขั้นและไปทำงานต่างเมือง ส่งผลให้คนอื่นๆ ในครอบครัวต้องย้ายตามจนไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ในเมืองหลวง ส่วนตัวนางนั้นถูกส่งมาอยู่แปลงผักในเขตพระราชฐาน ขนาดตำหนักเย็นยังไม่ได้อยู่ ที่ตำหนักเย็นนั่นฮ่องเต้ให้เฉพาะสตรีที่เคยปรนนิบัติแล้วอยู่เท่านั้น นางจึงกลายเป็นสตรีตำแหน่งต่ำต้อยต้องมาคอยปลูกผัก ผักเหล่านี้ปลูกจากเมล็ดพันธุ์ที่เป็นของบรรณาการจากต่างแคว้น เมื่อได้ผลผลิตออกมาก็ถูกส่งให้ฮ่องเต้และบรรดาเชื้อพระวงศ์รวมถึงเหล่านางสนมขั้นสูงในวัง แต่ด้วยความดื้อรั้นของซูเหยียน ผักทั้งหมดที่เพาะปลูกได้นั้นมีหรือจะถูกส่งเข้าครัวหลวงทั้งหมด แน่นอนว่าน
กำแพงวังหลวงที่สูงท่วมหัว หากไม่ใช่ผู้ที่มีวรยุทธสูงส่งก็ยากมากที่จะกระโดดข้ามได้ แต่ซูเหยียนที่พอมีพื้นฐานวรยุทธ ทั้งยังรู้เรื่องวังหลวงอย่างดี นางกระโดดจับไม้ไผ่จากต้นเตี้ยแล้วไล่ระดับไปที่ต้นสูง สุดท้ายก็กระโดดไปที่ขอบกำแพง ภายนอกกำแพงวังหลวงบริเวณนี้มีแผ่นไม้ขนาดเล็กติดไว้เป็นขั้นบันได คล้ายกับที่วัดส่วนสูงบนผนัง แต่ใช้วัดระดับน้ำคูเมือง หากสูงถึงสีแดงก็เตรียมตัวอพยพออกจากวังหลวงได้เลยซูเหยียนที่อยู่บนขอบกำแพงวังหลวงค่อยๆ ไต่แผ่นไม้วัดระดับน้ำลงมาทีละขั้น ใกล้ถึงด้านล่างก็หยิบท่อนไม้ที่วางซุกพิงกำแพงมาวางพาดข้ามคูน้ำ จากนั้นก็เดินบนท่อนไม้ข้ามคูน้ำอย่างช่ำชอง กว่าจะออกนอกวังหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนทั่วไป ซูเหยียนต้องใช้เวลาเกือบปีถึงคิดวิธีนี้ได้นางดึงท่อนไม้มาวางซ่อนใต้น้ำอีกด้านของคูน้ำ แล้วก็มุ่งหน้าไปยังชุมชนเล็กๆ ที่คนยากไร้อยู่ นางมาที่นี่บ่อยครั้ง ส่วนมากก็นำผักผลไม้มาให้พวกเขา บางครั้งก็แอบนอนสักหนึ่งคืนแล้วค่อยกลับ การมาที่นี่ทำให้นางไม่เหงาจนคิดถึงครอบครัวมากเกินไปชาวบ้านที่นี่ต่างรักและเอ็นดูนาง พวกเขาถึงขั้นสร้างบ้านหลังเล็กไว้ให้ใกล้ๆ กับคูน้ำบริเวณที่นางข้ามม
เขาก้มลงดูดเม้มและเลียจุกหวานสีน้ำตาลอมชมพู ยิ่งเขาดูดดุนนานขึ้นก็พบว่าจุกหวานแข็งและขยายใหญ่ขึ้นเกือบเท่าปลายนิ้วก้อย แต่ก็ทำให้ดูดถนัดเต็มปากเต็มคำกว่าเดิมนี่คือการเตรียมเต้านมให้กับบุตรในอนาคตสินะ ยิ่งมารดายอดถันใหญ่ น้ำนมก็จะไหลออกมาได้มากเขาจึงไม่ลังเลใจดูดนมสองเต้าสลับไปมาดุจดั่งตนเองเป็นทารกแรกเกิดส่วนท่อนล่างก็กระแทกเร็วขึ้นและหนักขึ้น เพื่อที่จะได้ส่งน้ำเชื้อคุณภาพพุ่งสู่มดลูกทุกหยาดหยดทุกอย่างนี้ก็เพื่อโอรสสวรรค์ที่กำลังจะถือกำเนิดขึ้นเสด็จแม่จะบ่นก็บ่นไป ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วคืนนี้เขาจะจัดอีกหลายท่าและหลายชั่วยาม อย่างไรเสียช่วงนี้เสด็จพ่อยังสำเร็จราชการแทน ดังนั้นเขาจะส่งสตรีขึ้นแตะเส้นขอบฟ้าทั้งวันทั้งคืน และก็จะตามนางไปแตะขอบฟ้าทั้งวันทั้งคืนเช่นเดียวกัน........“ฉางเอ๋อร์แอบไปหาเหยียนเอ๋อร์อย่างนั้นหรือ”ไทเฮายกยิ้มมุมปากแสดงสีหน้าหมั่นไส้กับข่าวที่ได้รับมา“เขาไม่ได้กินยามาครึ่งเดือนแล้ว ก็ยังแข็งแรงดี ข้าว่าแล้วไม่มีผิด เขาไม่ได้ป่วยหรอก”นางบ่นลูกชายให้จ้าวอิงสืออดีตฮ่องเต้ฟัง“เอาน่า” จ้าวอิงสือเอ่ย“ตอนนั้นเขาคงประหม่า คิดว่าตนเองจะทำเรื่องแบบนั้นได้ไม่ดีพอ เ
ซูเหยียนนั่งแช่ชั่วครู่ นางหลับตาซึมซับความรู้สึกที่ห่างหายไปนาน และท่านี้เข้าลึกกว่าที่เคยทำมาทุกครั้งเวลาช่องรักตอดรัดความใหญ่ของอีกฝ่าย ทำให้รู้สึกดีจริงๆนั่งแช่สักพัก สักโพกกลมก็เริ่มถูไถบนท่อนล่างของบุรุษ มังกรยักษ์จึงถูกรูดเข้าออกจนบุรุษหลับตารับความสบายนี้ถูไถจนน้ำใสหลั่งออกมาเยอะพอประมาณ นางก็เปลี่ยนเป็นยกสะโพกขึ้นแล้วกดสะโพกลงล่าง เหมือนกับซาลาเปาตกใส่ตะปูปับ ปับ ปับ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นจ้าวอิ้งฉางมองเรือนร่างอวบอัดกระแทกขึ้นลง เต้านมสวยทั้งสองกระเด้งไปมา ท่อนเอ็นของตนก็ผลุบเข้าออกตามจังหวะของสะโพกกลมกลึงละสายตายากเสียจริงเขาเอื้อมมือหนาขึ้นขยำอกอวบอิ่ม นิ้วเรียวบีบและบี้ยอดถันอย่างเพลิดเพลินเสียงเนื้อกระทบเนื้อและเสียงครางดังออกมาถึงนอกเรือนพวกเขาไม่ได้ทำรักกันมาสิบกว่าวัน เจอกันทั้งทีจึงใส่กันไม่หยุดจ้าวอิ้งฉางเมื่อได้จังหวะก็ยกสะโพกกระแทกสวนบั้นท้ายของซูเหยียนที่กดลงมา ท่อนเอ็นใหญ่ตอกใส่ร่องรักจนหัวหยักแตะถึงปลายสุดโพรงรักของสตรี“อ้า” ซูเหยียนส่งสายตาหวานฉ่ำและเคลิบเคลิ้มให้บุรุษ บ่งบอกว่านางในตอนนี้ตกอยู่ในห้วงความซาบซ่านอย่างถอนตัวไม่ขึ้นจ้าวอิ้งฉางเห็
“ราชโองการ ฝ่าบาททรงแต่งตั้งให้แม่นางซูเหยียนเข้าเป็นพระสนมในวัง รอแต่งตั้งเป็นฮองเฮา ส่วนขุนนางสกุลซูที่เคยถูกลดขั้น ให้เพิ่มคนละสามขั้นจากตำแหน่งปัจจุบัน ทั้งให้ย้ายกลับไปสังกัดเดิม ทำงานในเมืองหลวงเช่นเดิม”ผู้อื่นที่ได้ยินล้วนดีใจจนอยากจะกระโดดโลดเต้น สกุลซูจะได้กลับมามีหน้ามีตาอีกครั้ง ยกเว้นซูเหยียนที่สีหน้าซีดเผือกนางยกมือคัดค้านราชโองการนี้ทันที“ใต้เท้า ข้าคงเป็นฮองเฮาไม่ได้ เอ่อ ข้ามีสามีแล้ว” นางพูดตามความเป็นจริง สตรีไม่บริสุทธิ์เช่นนางจะเป็นพระสนมของฮ่องเต้ได้อย่างไรอีกทั้งฝ่าบาทเล่นอะไรอยู่ หน้าตานางก็ไม่เคยเห็น จู่ๆ มาทำกลับกลอกเดี๋ยวให้เข้าๆ ออกๆ วัง จะปั่นหัวนางกับสกุลซูหรืออย่างไรบุรุษที่ถือราชโองการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สตรีนางนี้ไม่เห็นแก่ลาภยศ ทั้งยังซื่อสัตย์ต่อตนเองและคนรัก เขาจึงก้มตัวลงไปกระซิบที่ข้างหูของซูเหยียน“ฝ่าบาทมีพระนามว่าจ้าวอิ้งฉาง แต่ใช้ชื่อต้าอิ้งเวลาพูดกับสหาย”ก่อนที่ซูเหยียนจะตกใจว่าบุรุษที่ตนเองนอนด้วยมานานคือฝ่าบาท นางกลับตกใจกับชื่อของเขา ชื่อจริงคือ ‘แข็งและยาว’ ชื่อเล่นที่ใช้เรียกคือ ‘ใหญ่และแข็ง’ ฝ่าบาทเป็นคนแบบใดกัน ถึงได้ตั้งชื่อเช่นนี้
มู่จิงหนิงเห็นท่าทางของซูหลีก็เกิดอาการไม่พอใจ นางยอมลดตัวเป็นคู่หมั้นของคนสกุลซูก็ดีเท่าไหร่แล้ว ใครๆ ต่างก็รู้ว่าสกุลซูเพิ่งย้ายมาอยู่ที่เมืองหนานได้เพียงห้าปี นายท่านแต่ละคนเป็นขุนนางที่ถูกลดขั้นมาจากเมืองหลวงสกุลดังแต่ไม่เป็นที่โปรดปราน ลูกหลานจะได้ดิบได้ดีแค่ไหนเชียวตอนนี้หลินจื่อตี๋ คู่หมั้นของซูโหย่วผู้ซึ่งเป็นพี่ชายของซูเหยียนออกไปท่องเที่ยวต่างเมือง มู่จิงหนิงจึงข่มใจรอให้นางกลับมาเสียก่อน แล้วค่อยชวนมาต้อนรับซูเหยียนกลับจวนสตรีที่ถูกบุรุษปฏิเสธ น่าอับอายอย่างมาก มู่จิงหนิงอยากจะทำให้ซูเหยียนรู้บ้างว่านางไม่ใช่คนที่จะเมินใส่ได้ง่ายๆ........ซูเหยียนเข้ามาภายในจวนท่ามกลางสายาตาแปลกประหลาดของบ่าวรับใช้ แต่เมื่อเดินใกล้เรือนหลักก็มีพ่อบ้านเก่าแก่ของสกุลซูวิ่งเข้ามาทักทายนางสีหน้าดีใจ“คุณหนูรองกลับมาแล้ว”“พ่อบ้านหมี่” ซูเหยียนยิ้มตอบ นางกวาดสายตาสำรวจเขาแล้วกล่าว “ท่านยังดูแข็งแรงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”“คุณหนูรองชมเกินไปแล้ว พวกนายท่านอยู่ด้านใน เชิญคุณหนูเข้าไปเถอะ”ซูเหยียนพยักหน้ารับ นางก้าวเท้าเข้าเรือนหลัก เรือนนี้เป็นเรือนที่ใช้พูดคุยพร้อมหน้าพร้อมตาของคนในตระกูล รวมถึ
ช่วงสายของอีกวันขณะที่ซูเหยียนกำลังกินอาหารเช้าในสวนหย่อมอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงพ่อบ้านกับคนงานสกุลซูพูดคุยกันน้ำเสียงกังวลใจ“คุณหนูรองไม่เห็นกลับจวนเลย ไหนว่าฝ่าบาทปลดนางสนมทุกคน และส่งตัวออกนอกวังแล้ว”ซูเหยียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เริ่มเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนางได้รับอิสระแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นอิสระจริงๆ นางยังต้องกลับจวนสกุลซู กลับไปหาครอบครัว ทว่าตอนนี้นางมีบุรุษคนหนึ่งข้างกาย ทั้งยังมีสัมพันธ์ลึกซึ้งโดยที่ยังไม่ได้แต่งงานกันจะทำอย่างไรดี จะบอกแต่ละฝ่ายอย่างไรเรื่องที่นางเคยเป็นสตรีของฮ่องเต้สุดท้ายต้าอิ้งก็ต้องรู้อยู่ดีสตรีรีบกินข้าวจนอิ่มแล้วกลับเรือนไปคิดหาทางออกอย่างแรกก็คือ จะไปจวนสกุลซูด้านข้างอย่างไร ในเมื่อคนของจ้าวอิ้งฉางคอยจับตามองเวลาที่นางป้วนเปี้ยนพยายามปีนออกนอกกำแพงจวนระหว่างที่ซูเหยียนเดินวนไปเวียนมาภายในเรือนอยู่นั้น ก็มีเสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากดังขึ้น นางแง้มประตูออกดูก็เห็นบุรุษเรือนกายสูงใหญ่ ตรงกลางเป็นสตรีวัยกลางคนที่มีใบหน้าคุ้นตาไทเฮา“ข้าจะพูดคุยกับแม่นางคนนี้ตามลำพัง พวกเจ้าออกไปให้หมด”ไทเฮาสั่งทั้งกงกง องครักษ์ของตนเองและองครักษ์
“ฝ่าบาท เกิดเรื่องแล้วพะย่ะ” หยางกงกงเอ่ยขึ้น สายตามองจ้าวอิ้งฉางเป็นคนแรกก่อนหันมองที่จินเผย “พูดมาเถอะ เขาฟังได้”จ้าวอิ้งฉางกล่าวเสียงราบเรียบ เขากับจินเผยสนิทกันมาก หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายระดับบิดามารดาถือมีดไล่ฟันกันด้วยเรื่องชู้สาวก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังกัน เรื่องนี้หยางกงกงก็รู้ดี เพียงแต่ต้องการคำรับรองจากจ้าวอิ้งฉาง “กุ้ยเฟยทรงตั้งครรภ์พะย่ะค่ะ อายุครรภ์ประมาณสามเดือน” หยางกงกงกราบทูล สายตาหลุบต่ำรอการตัดสินใจ “กุ้ยเฟยตั้งครรภ์หรือ กับใครกัน”จินเผยขมวดคิ้วสีหน้าสงสัย กุ้ยเฟยเพิ่งถูกแต่งตั้งได้ตำแหน่งไม่นาน จ้าวอิ้งฉางก็ไม่เคยไปหานาง ที่สำคัญก็คือ ถึงไปหาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แล้วนางจะท้องได้อย่างไรหากไม่ใช่เพราะบุรุษอื่นช่วยทำแทน ทั้งหยางกงกงและจินเผยลอบมองจ้าวอิ้งฉาง พวกเขาคิดว่าจ้าวอิ้งฉางคงโกรธเกรี้ยวเพราะตนเองถูกสวมหมวกเขียว กลับกลายเป็นว่าจ้าวอิ้งฉางพูดน้ำเสียงปกติไม่มีคลื่นอารมณ์ใดเจือปน “ปลดนางออกจากตำแหน่งกุ้ยเฟย ส่งนางกลับสกุลเดิม อ่อ หาตัวพ่อเด็กมารับผิดชอบภายในเวลาห้าวัน”
“เสียงร้องครางเช่นนี้เด็ดเสียจริง ทำเอาข้าอยากไปส่งเสียงให้กำลังใจถึงภายในห้อง”จินเผยนั่งโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลเรือนนอน เมื่อได้ยินเสียงก็รู้สึกคึกคักอยากโห่ร้องเสียงดัง อีกใจก็อยากเข้าไปชี้แนะอย่างละเอียดยิบที่ข้างเตียง เห็นเขาหน้าตาหงิมๆ ดูเรียบร้อย ทว่าตั้งแต่ศึกษาเรื่องอย่างว่าพร้อมกับจ้าวอิ้งฉาง เขาก็ลองใช้ทฤษฎีปฏิบัติกับนางคณิกา เมื่อค้นพบว่าสุขสม ล่องลอยและสบายตัว เขาจึงไปหอนางโลมเพื่อทบทวนทักษะนี้อยู่เป็นประจำ อนาคตฮูหยินของเขาต้องติดใจร้องขอไม่หยุดปากแน่นอน ........ ร่างของสตรีกระตุกเกร็ง ท่อนล่างตอดรัดนิ้วเรียวตุบๆ แถมยังหลั่งน้ำใสชโลมนิ้วจนสตรีต้องหลบสายตาของบุรุษที่จ้องมองใบหน้านางด้วยความพอใจ ใช้แค่นิ้วก็ส่งนางขึ้นสวรรค์ได้แล้ว เขานี้เก่งกาจเสียจริง บุรุษมองสายตาเย้ายวนของสตรี จากนั้นก็ลงมือในขั้นตอนถัดไป ลงลิ้นให้สะโพกนางร่อนไปมา โลมเลียให้นางเสียวซ่านร้องครางลั่นห้อง เขาก้มหน้าลงให้จมูกและปากประทับลงบนร่องรักที่ยังเปียกชุ่ม ลิ้นร้อนตวัดเลียความหวานบนกลีบเนื้อแล้วสลับแหย่ร่องรักพร
“นี่ท่านจะพาข้าไปไหน”ซูเหยียนดิ้นรนขัดขืนในอ้อมแขนแกร่งของจ้าวอิ้งฉาง นางอุตส่าห์หาที่หลบซ่อนตัวได้แล้ว ดันมาเจอคนที่ตนเองหนีหน้าเสียง่ายๆ “ไม่ต้องดิ้นแล้ว เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก”จ้าวอิ้งฉางเอ่ยเสียงเข้ม เขายังคิดหาที่ดีๆ พานางไปหลบซ่อนตัวไม่ได้ จะพาเข้าวังโดยที่นางสถานะเป็นแม่หม้าย คงถูกบรรดาสนมในวังเล่นงาน และถ้าเกิดเล็ดลอดเข้าหูของขุนนางบางคน เขาคงถูกถวายฎีกาให้เลิกข้องเกี่ยวกับนาง “สามีเจ้าตายไปกี่ปีแล้ว”จ้าวอิ้งฉางวางซูเหยียนบนรถม้า ต้องเริ่มวางแผนนำสตรีนางนี้เข้าวังอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม ซูเหยียนกรอกตาครุ่นคิดรวดเร็ว “สองปี ข้ายังต้องไว้ทุกข์” นางโกหกเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำเรื่องน่าอายกับบุรุษผู้นี้อีก “เกินครึ่งปีก็พอแล้ว” จ้าวอิ้งฉางกล่าวเสียงเรียบ เขาคิดว่าสตรีที่แต่งงานแต่ไม่ได้มีอะไรกับสามี ก็เหมือนไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกัน ที่มีปัญหาก็แค่ครอบครัวของทั้งสองฝ่าย เห็นทีกลับวังไปเขาต้องออกราชโองการ ปล่อยสตรีหม้ายทุกคนที่สามีเสียชีวิตเกินหนึ่งปีสามารถเป็นอิสระจากตระกูลสามีและแต่งงานใหม่ได้ จากน
จ้าวอิ้งฉางใช้มือหนาดันต้นขาขาวของสตรีให้ยกสูงและกว้างขึ้น จากนั้นก้มหน้าเข้าซอกระหว่างขาของสตรี จมูกโด่งแตะที่เนินเนื้อนุ่มแล้วแลบลิ้นเลียกลีบดอกไม้ที่ขนาบร่องฉ่ำทั้งสองข้าง มือข้างหนึ่งก็ยื่นนิ้วเรียวคลึงติ่งเกสรนูนที่เริ่มโผล่ยื่นออกมาทักทาย“อื้ม อ้า”สตรีที่หลับลึกส่งเสียงครางหวานให้ใจบุรุษหวั่นไหว เขาอยากจะทำขั้นตอนต่อไปเร็วๆ แล้วแต่ก็ต้องข่มกลั้นเอาไว้ จับเรียวขาขาวพาดบ่าของตน แล้วใช้ลิ้นชิมความหวานส่วนล่างของสตรีอย่างพิถีพิถันอืม มันก็นุ่ม เพลินและถูกปากดีนะจิ้วอิ้งฉางพอได้ลองสัมผัสก็เริ่มติดใจ เขาตวัดลิ้นร้อนขึ้นลงและสอดเข้าร่องที่ชุ่มฉ่ำ ริมฝีปากก็ดูดเม้มเนื้อนุ่มเป็นระยะ ทำให้สตรีใต้ร่างแอ่นสะโพกสูงขึ้นราวกับต้องการให้เขากินถนัดกว่าเดิมใช้เวลาประมาณหนึ่งถ้วยน้ำชา ร่างอวบอัดก็เริ่มกระตุกเกร็ง น้ำหวานไหลออกมาจากช่องทางรัก เขาจึงช่วยเลียทำความสะอาดอย่างไม่รังเกียจหลังจากนั้นบุรุษก็เปลี่ยนท่าทางของตน เขานั่งคุกเข่าแล้วดันโคนขาสตรียกสูงอีกครั้ง อีกทั้งยังจับกางออกจนกลีบเนื้ออ้าออก เห็นปากทางเข้าโพรงรักเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ สูดลมหายใจเข้าจนลึก มังกรตัวใหญ่ยาวด้านล่างเริ่มขยับ