พออ่านใจได้ ท่านอ๋องก็จู่โจมชายาแพทย์ทุกวัน ฉินเหย่สุดยอดผู้เชี่ยวชาญทั้งการแพทย์และพิษวิทยาแห่งศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ทะลุมิติไปเป็นพระชายาเฉินที่ทั้งอัปลักษณ์และไม่เป็นที่โปรดปราน ความปรารถนาเดียวชั่วชีวิตของนางก็คือ หย่าขาด! ชายารองประจบสอพลอ นางคอยยื้อแย่งความโปรดปรานในทุกทาง แต่ในใจ 'ฉันสะอิดสะเอียนนายแทบตายแล้ว หย่ากับฉันไวๆ เถอะ!' อ๋องเฉินป่วย ต่อหน้านางรักษาเขา แต่ในใจ 'ฉันจะวางยาพิษให้ท่อนล่างนายหมดสภาพไปเลย!' อ๋องเฉินถูกใส่ร้าย ต่อหน้านางร้อนใจ แต่ในใจ 'ฮ่องเต้กรุณามีราชโองการตัดหัวตาบ้านี่ทีเถอะ!' ทางอ๋องเฉินที่ได้ยินความใจของนางทั้งหมดต้องเดือดดาลคลุ้มคลั่ง ทั้งผลักทั้งดันนางเข้าผ้าห่ม กัดฟันพูด “ชายาที่รัก ควรเข้านอนได้แล้ว!” ครึ่งปีต่อมา นางมองท้องป่องกลมๆ ของตน ร่ำไห้อย่างหมดคำพูดว่า “ขอสวรรค์เปิดตา ให้ตาบ้านี่หมดแรงตายทีเถอะ!”
View Moreโรงหมอคืนนี้ จิ่งอี้นอนไม่หลับทั้งคืน หัวใจของเขาเหมือนถูกโยนขึ้นกลางอากาศแล้วตกลงมา ความรู้สึกที่เหมือนหายใจไม่ออก เคยเกิดขึ้นแค่ตอนที่จางเฟยตาย บนเตียงอวิ๋นอิงนอนอยู่ตรงนั้นนางเปลี่ยนชุดที่สะอาดแล้ว ผมก็ถูกหวีอย่างเรียบร้อย แต่สีหน้าซีดราวกับกระดาษ ไร้ร่องรอยของเลือด ร่างกายผอมเหมือนหนังหุ้มกระดูก ผ้าห่มคลุมอยู่บนร่างกายของนาง เรียบเหมือนไม่มีคนนอนอยู่นางผอมจนแทบเป็นหนึ่งเดียวกับเตียง ราวกับไม่มีตัวตนจิ่งอี้นั่งลืมตาอยู่ที่หน้าเตียงมาทั้งคืนแล้ว ไม่รู้เพราะเหนื่อยล้า หรือเพราะอะไร เบ้าตาของเขาแดงก่ำ ท่าทางที่เหี้ยมเกรียมนั่น มีความดุร้ายแฝงอยู่หลายส่วนริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง สายตาเอาแต่จ้องใบหน้าของนางตลอด คืนนี้ หัวใจของเขาสงบอย่างน่าประหลาดเมื่อใจเย็นลง จู่ๆ เขาก็พบว่านางผอมจนน่ากลัว ผอมจนแก้มไม่มีเนื้อ กระดูกก็นูนออกมาแล้วเมื่อใจเย็นลง เขาพบเช่นกันว่านางที่นอนอยู่บนเตียง เหมือนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา ไม่หลงเหลือความสดใสในอดีตในความทรงจำของเขา นางเป็นคนมั่นใจและภาคภูมิใจเสมอไม่กลัวลำบาก กล้าเผชิญหน้าไม่กลัวอันตราย ยิ่งเจ็บยิ่งแกร่งบนใบหน้าของนางไม่เคยปรากฏ
เมื่อเยว่เอ๋อร์ได้ยินคำพูดนี้ ก็สะดุ้งด้วยความตกใจ กวาดมองรอบๆ โดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่าไม่มีคนในวัง จึงจะถอนใจอย่างโล่งอกนางเดินเข้าไปใกล้พระชายา กล่าวเสียงเบา“พระชายา ในวังคนเยอะหูหลาย ท่านอย่าพูดส่งเดชนะ!”ถ้าหากมีคนได้ยิน ไม่แน่อาจจะใส่ความพระชายาอย่างไรก็ไม่รู้ลูกที่พระชายาอ๋องหลีให้กำเนิด จะคล้ายลูกที่พระชายาอ๋องเฉินให้กำเนิดได้อย่างไร?ต่อให้หน้าตาคล้าย ก็ต้องคล้ายท่านอ๋องฉู่เชียนหลีเม้มปาก “ข้ารู้ ข้าไม่ควรพูดคำพูดประโยคนี้ แต่ตอนที่ข้าอุ้มจื่อเยี่ย สายตาที่เขามองข้า มือของเขาที่จับข้า และรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของเขา ในใจข้ารู้สึกแปลกๆ มันอบอุ่นมากๆ…”ความรู้สึกเช่นนี้แปลกเล็กน้อย อธิบายไม่ถูกเหมือนกับว่านางกับเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยมีความเชื่อมโยงอะไรบางอย่างเยว่เอ๋อร์กล่าว“หรือตอนที่ท่านอุ้มเว่ยซีกับลู่ฉิน ในใจไม่ได้รู้สึกอบอุ่นหรือ?”“ข้า…”ตอนที่นางอุ้มลูกสาวทั้งสองคน ในใจย่อมอบอุ่นมากแต่นางอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยไว้ ก็มีความรู้สึกเช่นนี้“เยว่เอ๋อร์ เจ้าไม่รู้หรอก คือ…มันไม่เหมือนกัน ข้า…ข้าไม่รู้จะอธิบายกับเจ้าอย่างไร” ฉู่เชียนหลีไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาอธิบาย
ท่าทางที่โบกมือถีบเท้าด้วยความตื่นเต้น แก้มแดงๆ และดวงตาที่สะอาดเป็นประกายของเจ้าตัวน้อยนั่น ไม่ต้องพูดถึงว่าน่ารักเพียงใด“อุ้ย…”เต๋อเฟยมองตามสายตาของเขา เห็นพระชายาอ๋องเฉิน รู้ความหมายของเด็กคนนี้แล้ว กล่าวอย่างประหลาดใจ“พระชายาอ๋องเฉิน เหมือนจื่อเยี่ยจะชอบเจ้ามากเลยนะ”นางเลี้ยงพระนัดดาองค์โตเกือบสิบวันแล้ว ตลอดหลายวันมานี้ พระนัดดาองค์โตกินอิ่มนอนหลับทุกวัน ไม่เคยร้องไห้ ไม่ต้องห่วงเลยขณะเดียวกัน ก็ไม่เคยตื่นเต้นเช่นนี้เห็นพระชายาอ๋องเฉิน นี่เป็นครั้งแรกที่มีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้ฮ่องเต้ก็หันมามองด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน “เจ้าหนูนี่ ตอนเห็นเราที่เป็นปู่คนนี้ ก็ไม่เคยเห็นเขามีความสุขเช่นนี้ หรือหน้าของเรามีแรงดึงดูดสู้พระชายาอ๋องเฉินไม่ได้?”เขาลูบหนวดเคราบนใบหน้าเต๋อเฟย “ฝ่าบาท ตอนที่ท่านใช้หนวดแทงจื่อเยี่ย จื่อเยี่ยไม่ร้องไห้ก็ดีมากแล้ว”ฮ่องเต้ “...”พูดความจริงส่งเดชอะไร“คิกๆ”จื่อเยี่ยน้อยพลางโบกกำปั้น พลางหัวเราะคิกคักใส่ฉู่เชียนหลี และกะพริบตาปริบๆ ไม่หยุด ราวกับพูดได้ในใจเต๋อเฟยหวั่นไหวแล้ว “พระชายาอ๋องเฉิน หรือไม่เจ้ามาอุ้มหน่อย?”ในใจฉู่เชียนหล
เพียงชั่วข้ามคืน ข่าวลือที่เกี่ยวกับอ๋องหลีแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง และถึงขั้นกระจายไปถึงเมืองอื่น โจษจันไปทั้งเมือง เป็นที่รู้กันทุกคน“ได้ข่าวหรือยัง อ๋องหลีวางแผนฆ่าอ๋องเฉินไม่สำเร็จ…”“สองพี่น้องชิงราชบัลลังก์ เกรงว่าในอีกไม่ช้า จะเกิดการนองเลือดครั้งใหญ่”“ไม่รู้ใครจะชนะ…”“ได้ยินมาว่าอ๋องหลีถูกกักบริเวณแล้ว ฝ่าบาทกำลังตรวจสอบเรื่องนี้ ถ้าหากเป็นความจริง เขาน่าจะถูกลงโทษกระมัง?”“ข้าว่าไม่หรอก เขาเป็นพ่อของพระนัดดาอ๋องโต อายุพระนัดดาองค์โตยังไม่ครบหนึ่งเดือนเลย ฝ่าบาทไม่ไว้หน้าเขา ก็ต้องเห็นแก่พระนัดดาองค์โต อย่างไรก็ไม่ทำอะไรอ๋องหลีแน่นอน…”ความคิดเห็นแตกต่างกันไปทุกคนมีปาก หนึ่งร้อยคน มีหนึ่งร้อยวิธีพูด หนึ่งพันคน มีหนึ่งพันความคิดเห็นจวนอ๋องเฉินรุ่งเช้า กงกงในวังมาถ่ายทอดคำพูดที่จวน บอกว่าให้พระชายาอ๋องเฉินพาลูกสาวฝาแฝดไปเดินเล่นในวังบ้าง ตั้งแต่นางคลอดลูก ฝ่าบาทยังไม่เคยได้ดูเด็กสองคนนี้ดีๆ สักครั้งหลังอาหารเช้าฉู่เชียนหลีอุ้มลูกไว้ ถามเฟิงเย่เสวียน “เจ้าจะไปหรือไม่?”เฟิงเย่เสวียนกล่าว “เมื่อคืนข้าได้รับจดหมายลับ จวนอ๋องหลีกับจวนอัครเสนาบดีฉู่แอบติดต่อกัน ข้
จวนอ๋องเฉินกลางดึกฉู่เชียนหลียังไม่นอน กำลังรออวิ๋นอิงกลับมาเยว่เอ๋อร์อุ้มเด็กทั้งสองคนไปนอนแล้ว เมื่อเห็นพระชายายังไม่นอน อดไม่ได้ที่ห้ามปราม“พระชายา นี่ก็ดึกแล้ว ท่านรีบพักผ่อนเถอะ อวิ๋นอิงไม่ใช่เด็กแล้ว และยังเป็นวรยุทธ์ ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ”ฉู่เชียนหลีกังวลวันนี้ทั้งวันไม่เจออวิ๋นอิงเลย และยังเป็นวันแต่งงานของท่านโหวน้อยกับกู้ชิงชิง จะให้นางนอนหลับได้อย่างไร?“ข้าให้หานเฟิง หานอิ๋ง ลองไปตามหาดู” เฟิงเย่เสวียนกล่าว “แต่สถานการณ์เช่นนี้ บางทีให้นางอยู่เงียบๆ คนเดียว ไม่ไปรบกวนน่าจะดีกว่า เชียนหลี เจ้าแน่ใจหรือว่าจะตามนางกลับมาตอนนี้?”ตอนที่จิตใจสับสน อยู่เงียบๆ คนเดียว จิตใจสงบง่ายกว่าถ้าหากคนอื่นเข้ามายุ่ง เจ้าหนึ่งคำ ข้าหนึ่งคำ ความห่วงใยกลับยิ่งทำให้วุ่นวายฉู่เชียนหลีอ้าปากแล้วอ้าปากอีก“ข้า…”นางลังเลแล้ว“แต่ว่า…”นางลังเลอยู่สองอึดใจ เสียงของพ่อบ้านหยางดังมาจากข้างนอก “พระชายา มีคนจากโรงหมอมาขอรับ บอกว่าคืนนี้อวิ๋นอิงนอนที่คุณชายจิ่ง ท่านไม่ต้องห่วง”เยว่เอ๋อร์เบิกตากว้าง “?!”เมื่อฉู่เชียนหลีได้ยิน โล่งอกทันทีเป็นห่วงทั้งวันที่แท้อวิ๋นอิงอยู่กับจิ่งอี้
“อ๊ะ!”ร่างกายที่สั่นเทาของนางขนลุกตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า กระทั่งทุกตารางนิ้วของผิวหนัง แม้แต่ลมหายใจก็กำลังต่อต้านอย่าแตะต้องนาง!อย่าเข้าใกล้นาง!นางพยายามขัดขืน ดิ้นรนอย่างแรงแต่ถูกมัดมือสองข้าง สองขาก็ถูกเขาทับไว้ นอกจากบิดเอว ก็ขยับไม่ได้อีกแล้ว กลับกัน การกระทำที่บิดเอวของนาง เหมือนอยากปฏิเสธแต่ก็ต้องการ ทำให้การกระทำต่อจากนี้ของจิ่งอี้ ยิ่งลื่นไหลเหมือนปลาได้น้ำบุกเข้าตีอย่างหนักหน่วง“ปล่อยข้า!”นางต่อต้านอย่างสุดชีวิต เพราะดิ้นรนแรงเกินไป ข้อมือจึงถูกสายรัดเอวถูจนถลอก มีเลือดไหลออกมาแล้วไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด กลับกันยิ่งดิ้นรนสุดชีวิตในแววตาของนาง เต็มไปด้วยความรังเกียจเขาเหมือนถูกกระตุ้นจนโกรธแล้ว ไม่เพียงไม่ปล่อยนาง และยังจับคางของนาง ตรึงศีรษะนางไว้ ให้นางมองดูคนที่รังเกียจเข้าใกล้ต่อหน้าต่อตา มันเป็นความรู้สึกเช่นไรที่จริง นางควรเคยชินนานแล้ว…การดิ้นรนและต่อต้านของนาง สำหรับเขา มันไม่เคยมีประโยชน์เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป เสียงของนางค่อยๆ เบาลง มือสองข้างเลิกดิ้นรน ร่างกายผ่อนคลายนอนแผ่ ละทิ้งแรงทั้งหมด นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นเจ็บต่อให้ร้องก็ไม่มีประโยชน์
“แค่กๆ…อ่า…”อวิ๋นอิงอาเจียนอย่างหนัก สีหน้าซีดขาวเหมือนกระดาษ ไร้ร่องรอยของเลือดปฏิกิริยาของนางทำให้สายตาจิ่งอี้ขรึมลง และดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นอายโดยรอบก็เย็นลงเรื่อยๆเมื่อเอ่ยถึงท่านโหวน้อย ปฏิกิริยาก็รุนแรงเช่นนี้ต่อให้ท่านโหวน้อยแต่งงานแล้ว นางก็ยังคิดถึงเขา?เขาลุกขึ้นยืน คว้าไหล่ของนาง แล้วกดกลับไปนั่งที่เก้าอี้ “กิน!”ในกระเพาะอวิ๋นอิงปั่นป่วนมาก กินไม่ลงแล้วจริงๆ“ข้าไม่กิน!”นางปฏิเสธสายตาจิ่งอี้เย็นชา “เจ้าคิดว่าข้ากำลังหารือกับเจ้าหรือ?”เขาจับคางของนาง พลันออกแรงบิดเปิดปากนาง มืออีกข้างที่ว่างอยู่ หยิบช้อนขึ้นตักข้าวหนึ่งคำ แล้วยัดใส่ปากนาง“อ๊ะ!”นางพลางบิดร่างกาย พลางส่ายศีรษะ พยายามดิ้นรน“ข้าไม่…อ่า…แค่กๆ…ปล่อย ปล่อยข้า…”นางพยายามบิดอย่างสุดชีวิต แต่ฝ่ามือใหญ่ของจิ่งอี้ที่จับนางเหมือนกับเหล็กกล้า เย็นๆ แข็งๆ ทำอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุดถูกบังคับให้กลืน ในกระเพาะปั่นป่วน ร่างกายทรมาน แทบเป็นลมแล้วทรมานมาก“ข้าไม่กิน…ไม่กิน…” นางถูกบังคับให้เงยหน้า ไม่รู้เพราะสำลัก หรือเพราะทรมาน น้ำตามารวมกันตรงหางตาที่เปียกชุ่ม ไหลออกจากเบ้าตา หยดลงมาติ๋ง!หยดน้ำต
ขณะเดียวกัน ทางด้านโรงหมอจิ่งอี้กลับจากข้างนอก เฟิ่งหรานเดินตามข้างๆ เขาพลางกล่าว “หลังจากแม่นางอวิ๋นมาถึงเมื่อช่วงบ่าย ก็ไม่ยอมกินอะไรเลย แม้แต่น้ำก็ไม่ดื่ม”จิ่งอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย“น้ำก็ไม่ดื่ม?”“ใช่”เขาเดินเข้าไปในเรือนส่วนหลัง กวาดมองห้องที่ปิดประตูสนิทแวบหนึ่ง หลังจากหันไปกล่าวกับเฟิ่งหรานเบาๆ สองประโยค ก็เดินไปผลักประตูห้องโดยตรงภายในห้อง ไม่ได้จุดเทียนยามราตรีมืดสลัว สามารถมองเห็นร่างเงาที่เพรียวบางสายหนึ่ง นั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะรางๆเขาเดินเข้าไปจุดเทียนแสงเทียนสีเหลืองที่อบอุ่นปะทุขึ้น ส่องสว่างทั้งห้อง บนโต๊ะ มีอาหารที่ไม่ได้แตะต้องเลยวางอยู่ ข้างโต๊ะ อวิ๋นอิงหลุบตา นั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น สีหน้ามืดมน ราวกับวิญญาณล่องลอยออกจากร่าง เหลือเพียงร่างกายที่ว่างเปล่าแสงเทียนกระทบลงบนใบหน้านาง แลดูซีดเซียวไร้ชีวิตชีวา เหมือนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาเขาเดินไปที่ข้างโต๊ะ ก้มมองนางแล้วกล่าว“กิน!”อวิ๋นอิงราวกับไม่ได้ยิน ยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นเขาขมวดคิ้วพลันยกมือจับคางนาง นิ้วที่แข็งแรงออกแรงบีบ“อื้อ…”นางขมวดคิ้วเพราะความเจ็บ เมื่อถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น ในที่สุดสา
ยามราตรีมาเยือนคืนส่งตัวเข้าห้องหอ ยามสอบติดขุนนางเดิมทีควรเป็นวันมงคลแห่งการเฉลิมฉลอง คืนจันทร์เต็มดวง หลิงเชียนอี้กลับนั่งอยู่บนบันไดและพิงเสา ไม่รู้ดื่มเหล้าไปมากเท่าไร ทั้งร่างกายมีแต่กลิ่นเหล้า ข้างมือมีไหเหล้าเปล่าตกกระจายสี่ห้าใบ และยังแหงนหน้ากระดกเหล้าไม่หยุดคนรับใช้เห็นแล้ว อดไม่ได้ที่จะเกลี้ยกล่อม“ท่านโหวน้อย ท่านดื่มไม่ได้แล้ว บ่าวประคองท่านเข้าห้องหอดีกว่า?”“ไสหัวไป!”เขาผลักคนที่อยู่ข้างกายอย่างมึนเมา ทว่าผลักไม่โดน กลับกันตัวเองหน้าทิ่มลงพื้น“ท่านโหวน้อย!”เขารับใช้รีบประคองเขาร่างกายที่หนักอึ้งของเขาฟุบอยู่บนพื้นราวกับดินโคลน ออกแรงอย่างไรก็ลุกไม่ขึ้นคนรับใช้หมดหนทาง ได้แต่ไปรายงานองค์หญิงใหญ่กับท่านโหวตอนที่ทั้งสองมาถึง เห็นสภาพที่หมดอาลัยตายอยากของหลิงเชียนอี้ สบตากันด้วยสายตาที่ซับซ้อนแวบหนึ่ง ต่างก็มองเห็นความจนใจในแววตาอีกฝ่ายนิสัยของลูกชาย พวกเขารู้ดีที่สุดคำเดียวดื้อดึง!ขอแค่เป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจแล้ว ต่อให้ผิด ต่อให้ต้องทุกข์ทรมาน ต่อให้ตนเองไม่ต้องการ เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว ก็จะไม่หันหลังกลับ และไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้นี่คือเส
ณ จวนอ๋องเฉิน แคว้นตงหลิง “สารเลว!” “โอ๊ย!”เสียงตวาดแผดขึ้น ร่างผอมบางร่างหนึ่งถูกถีบจนกระเด็นเข้าชนกับเสาที่ผนัง ก่อนกระแทกกับพื้นอย่างแรง ปิ่นเงินร่วงลง เส้นผมสีดำกระจายลงบนพื้นเจ็บ...เจ็บจัง...เธอเพิ่งเสร็จสิ้นการผ่าตัดใหญ่ที่นานถึงสามสิบแปดชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก พอออกมาจากห้องผ่าตัดก็หมดสติล้มลงกับพื้น แต่ทำไมตัวเธอถึงได้เจ็บขนาดนี้นะ?จากนั้น ความทรงจำที่ไม่คุ้นเคยกลุ่มหนึ่งก็เบียดเข้ามาในหัวสมองและฉายให้เห็นอย่างรวดเร็ว ฉู่เชียนหลี คุณหนูสี่ผู้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ ใบหน้าอัปลักษณ์ไร้ซึ่งความงาม นางแต่งเข้าจวนเฉินอ๋องเมื่อสามเดือนก่อน ไม่เคยได้รับความชื่นและต้องอยู่ลำพังในห้องว่างเปล่าเรื่อยมาวันนี้อ๋องเฉินรับอนุภรรยา นางถูกเรียกให้มาปรนนิบัติอนุภรรยา แต่เพราะพลั้งเผลอปัดน้ำชาหกไปลวกถูกอีกฝ่าย จึงถูกอ๋องเฉินถีบจนตายในคราวเดียว!เป็นผู้ชายที่โหดจริงๆ!แต่ในเมื่อมาแล้ว ก็ทำใจอยู่อย่างสงบเสียฉู่เชียนหลีรับเรื่องราวต่างๆ เข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว ฝืนทนความเจ็บปวด เงยหน้าขึ้นมาห้องหอที่ประดับตกแต่งด้วยสีแดงแห่งงานมงคล ชายหญิงในชุดแต่งงานคู่หนึ่งอย
Comments