ฉู่เชียนหลีกินข้าว เที่ยวผู้ชาย ฟังคำซุบซิบของชาวบ้าน และเดินตลาดครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดสองมือไพล่หลังเดินกลับจวนอ๋องเฉินอย่างสบายใจ ราวกับชายชราที่มีอายุมากแล้วเมื่อเหล่าคนรับใช้เห็นใบหน้าอัปลักษณ์ที่มีปาน ตกใจจนเดินเลี่ยงสามส่วนยามดึกยามราตรีในจวนดั่งวารี แสงเทียนล้นเหลือ สายลมอ่อนตีหน้า เงาต้นไม้กวัดแกว่ง สงบสุขสำราญทันใดนั้นเสียงจืดชืดของผู้ชายก็ดังขึ้นกลางอากาศ ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน“ไปไหนมา”ฉู่เชียนหลีหันกลับมา ก็มองเห็นเงาอันสูงศักดิ์ร่างหนึ่งเดินออกมาจากยามราตรีที่มืดสลัวอย่างเชื่องช้า ชายคนนั้นเดินทวนแสงเข้ามา เงาร่างยาวที่ถูกสะท้อนกระทบลงบนร่างกายของนาง ทำให้นางมองไม่เห็นใบหน้าของเขารู้สึกเพียงดวงตาสีดำคู่นั้นลึกล้ำมาก มองไม่เห็นก้นบึ้ง“กลับบ้านแม่”ตอนออกจากบ้านก็บอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ?นายบกพร่องทางสติปัญญาเหรอ?นายหูหนวกเหรอ?นายปัญญาอ่อนเหรอ?แววตาเฟิงเย่เสวียนครึ้มลง เดินผ่านข้างกายนาง แล้วหยุดอยู่ตรงระหว่างไหล่ที่เฉียดผ่านหันหน้า โน้มตัว ริมฝีปากบางเฉียดผ่านติ่งหูของนาง“ตัวหอมเช่นนี้เลยหรือ?” น้ำเสียงแหบแห้งฉู่เชียนหลีตกใจจนร่างเกร็ง พริบตาที่ริมฝีปา
อะไรนะ!ดวงตาฉู่เชียนหลีเบิกกว้างทันที ดวงตาทั้งสองลูกแทบหลุดออกจากเบ้า“นี่พระชายาดีใจหรือ?” เฟิงเย่เสวียนชำเลืองนางแวบนาง เก็บอาการตกใจกับตะลึงงันของนางไว้ในสายตา พลันมีแววเจตนาร้ายแล่นผ่านดวงตาอย่างเร็วฉู่เชียนหลีอยากร้องไห้จริงๆดีใจแม่เจ้าสิ!เสียงออดอ้อนร่างอรชรอย่างเซียวจือฮว่าเจ้าไม่เอา แต่จะเอานางที่อัปลักษณ์ไร้ความงาม เจ้าบ้านนี่ตาบอดหรืออย่างไร ของแปลกเช่นนี้ก็กล้าเอาอุจจาระที่สุนัขก็ไม่กิน แต่เขากลับกินเก่งยิ่งกว่าสุนัขด่าทอในใจ สีหน้าแสร้งปลื้มปีติอย่างคาดไม่ถึง “หา จริงหรือ จริงหรือ ความสุขมากะทันหันเกินไป ข้าอึ้งไปชั่วขณะ ข้าจะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ จะได้ปรนนิบัติท่านอ๋องได้ดียิ่งขึ้น!”พูดจบก็สับขาวิ่งทันทีเพิ่งพุ่งออกไปครึ่งก้าว ปกคอเสื้อด้านหลังก็ถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งคว้าไว้“ไม่เป็นไร ข้าชอบรสชาติดั้งเดิม”เชี่ย!ชอบของแปลกอย่างนี้เลย!ไม่ให้นางอาบน้ำ แล้วนางจะหาโอกาสหนีได้อย่างไรไม่ทันได้คิดมาก เฟิงเย่เสวียนได้เข้าใกล้นางแล้ว นางเซถอยหลังอย่างตื่นตระหนกหนึ่งก้าว ล้มก้นทิ่มนั่งลงบนหินภูเขาจำลองก้อนหนึ่ง เฟิงเย่เสวียนถือโอกาสนี้โน้มตัวเข้าไป แขนทั้งสองข้าง
เฟิงเย่เสวียนได้ยินคำพูดนี้ การเคลื่อนไหวหยุดชะงักในพริบตา เขาปล่อยฉู่เชียนหลีและตามสาวใช้ออกไปอย่างเร่งรีบก่อนออกไป สาวใช้หันมาจ้องเขม็งฉู่เชียนหลีแวบหนึ่ง‘ผู้หญิงอัปลักษณ์คนนี้ไม่เคยได้รับความโปรดปรานหรืออย่างไร? ตะโกนเสียเสียงดังเช่นนั้น โชคดีที่หูนางดีจึงได้ยิน ไม่เช่นนั้น ความโปรดปรานเพียงผู้เดียวที่เป็นของพระชายารองก็จะถูกนางแย่งไปแล้ว’ฉู่เชียนหลีหล่นลงพื้น ก้มหัวใจที่เต้นตุบๆ ของตนเองไว้ อีกแค่ห้าก้าวก็จะถึงเตียงแล้ว…ตกใจแทบตายนางตกใจมากจริงๆ!นางใช้มือและเท้าดันร่างกายลุกขึ้น วิ่งกลับเรือนโทรมๆ อย่างเร็ว นางหยิบผ้าห่อของผืนหนึ่งออกจากตู้ กางไว้บนโต๊ะ นำแจกันถ้วยชา ปิ่นปักผมเครื่องประดับใส่เข้าไปทั้งหมด“คุณหนู เหตุใดจึงเพิ่งกลับมาเจ้าคะ ท่านหิว…”นอกประตู เยว่เอ๋อร์วิ่งเข้ามา เมื่อเห็นท่าทางที่กำลังเก็บของของคุณหนู ก็ตะลึงงันครู่หนึ่งนี่คือ…“ข้าจะไปจากสถานที่นี่! ข้าจะไปจากจวนอ๋อง!” ฉู่เชียนหลีพลางห่อของ พลางกัดฟันกล่าว “ข้าไม่อยากอยู่สถานที่บ้าบอแห่งนี้แม้แต่ครู่เดียว”เยว่เอ๋อร์ตกใจมาก “ไม่ได้เจ้านะคุณหนู!”ฮ่องเต้เป็นคนพระราชทานการแต่งงานครั้งนี้ หากคุณหน
เรือนหมิงเยว่ภายในห้องนอนที่ตกแต่งอย่างวิจิตรอ่อนโยน ร่างแสนอ่อนเพลียของเซียวจือฮว่านอนอยู่บนเตียง ใบหน้าเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือซีดขาวไปสามส่วน ไม่มีสีเลือด ลมหายใจค่อนข้างกระชั้น“เฉิน ทำให้ท่านต้อง... แค่ก... เป็นห่วง... รบกวนท่านทำงาน... แค่ก...”นางรู้จักฉอเลาะบุรุษท่าทางแสนทรมานเพราะขืนสะกดอาการไอเอาไว้แต่ยังคงคำนึงถึงบุรุษเช่นนั้นทำเอาคนสงสารยิ่งเฟิงเย่เสวียนนั่งอยู่ข้างเตียงกุมมือเล็กๆ ที่ค่อนข้างเย็นของนางเอาไว้ กล่าวเสียงหนักว่า “จือฮว่า ข้าจะต้องหายาดีมารักษาเจ้าให้ได้ ตลอดหลายปีมานี้ เป็นเพราะข้า เจ้าจึงต้องทุกข์ทรมาน”“แค่ก...ไม่...” นางส่ายหน้าอย่างอ่อนแรงพลางจับจ้องดวงตาที่เปี่ยมด้วยความรักลึกล้ำไม่ทรยศของเขา“ปีนั้น หากฮว่าเอ๋อร์มิได้ช่วยท่านอ๋องเอาไว้ ยามนี้ก็จะไม่ได้มีวาสนาได้แต่งงานกับท่านอ๋อง... แค่ก กลับเป็นฮว่าเอ๋อร์ที่ร่างกายอ่อนแอ ทำให้ท่านอ๋องเป็นห่วงเปล่าๆ ให้ท่านอ๋องพลอยต้องลำบาก...แค่ก...”เพียงแค่ไม่กี่ประโยค นางก็ทั้งหอบทั้งไอไม่หยุด ท่าทางเช่นนั้น ดั่งต้นหยางหลิวโบกไหวท่ามกลางสายลมเฟิงเย่เสวียนเอื้อมมือไปช่วยสอดชายผ้าห่มเข้าใต้ตัวนางเซียวจือฮว่า
วันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีนอนอยู่บนเตียงยังคงคำนึงถึงเรื่องที่ตนเองต้องสูญทรัพย์สินล้านล้านล้านไปในคืนเดียว นางกอดผ้าห่ม ยังคงอยู่ในอารมณ์เศร้าสลดเนิ่นนานมิอาจกลับมาเป็นตัวของตัวเองได้“เฮ้อ!”พอรุ่งเช้า เยว่เอ๋อร์ต้องวุ่นหน้าวุ่นหลัง ทำความสะอาดห้องหับ พับเสื้อผ้า เช็ดโต๊ะ ถอนหญ้าในลานบ้าน เปิดหน้าต่างระบายอากาศ และยังต้องยกกระถางดอกไม้ออกไปตากแดดด้วย ซึ่งฉู่เชียนหลีถอนหายใจมาเก้าสิบแปดครั้งแล้ว“เฮ้อ...”ทรัพย์สินล้านล้านของนางเยว่เอ๋อร์ยกอ่างน้ำเข้ามา “คุณหนูเจ้าคะ ตะวันส่องบั้นท้ายแล้ว ท่านยังไม่ตื่นอีกหรือเจ้าคะ?”ฉู่เชียนหลีช้อนดวงตาแดงก่ำทั้งคู่ขึ้น ดวงตาที่มีเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดงจ้องเยว่เอ๋อร์ด้วยความคับแค้นใจแสนล้ำลึกถ้าไม่ใช่เพราะนังเด็กนี่รับใช้นางอย่างจงรักภักดี ไม่ละไม่ทิ้งมาตั้งแต่เล็ก จะต้องหักคอแสนชั่วช้าของนางเป็นแน่...“เฮ้อ!”นางพลิกตัว นอนหลับต่อไปด้วยความห่อเหี่ยวใจไม่อยากลุกจากเตียง ข้าวปลาก็ไม่อยากกิน เงินของฉัน...เยว่เอ๋อร์เรียกต่ออีกหลายครั้ง เมื่อเห็นคุณหนูไม่ตอบสนอง จึงได้แต่ไปทำงานอื่นๆ ต่ออย่างจนใจตลอดช่วงเช้า เรือนหลังเล็กโกโรโกโสและ
ยังไม่ทันตั้งตัว ก็มีอีกแท่งลอยมากระแทกข้อมือเขา แทบจะกระแทกจนกระดูกป่น จึงคลายมือที่จับเยว่เอ๋อร์“คุณหนู!”นางเห็นคนที่นอนมาทั้งช่วงเช้าลุกจากเตียงแล้วและยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้อง กำลังกะน้ำหนักทองแท่งที่ทั้งใหญ่ทั้งหนักด้วยการโยนขึ้นลงในมือนางหรี่ตา เล็งเป้า“กล้าแตะต้องคนของข้ารึ? แม่จะเอาทองแท่งปาเจ้าให้ตาย!”ตุบ!“โอ๊ย...”โดนทองไปสามแท่ง พ่อบ้านถูกปาจนหน้าผากแตก กระดูกข้อมือหัก เอวชราๆ ยอกไปหมด พลันล้มพับอยู่บนพื้น กุมสะเอวร้องครวญคราง 'ไอ้หยาๆ' ทว่า ในพริบตาต่อมา เขาก็กัดฟันทนต่อความเจ็บปวด หอบเอาทองแท่งหนึ่งขึ้นมาแล้วออกแรงขบไปครั้งหนึ่งในทันทีเจ็บฟัน!แข็งจริงๆ!เป็นของจริง!ทองคำ!หน่วงขนาดนี้ หนักถึงเพียงนี้ ซ้ำยังมีตั้งสามแท่ง พระชายามั่งมียิ่งกว่าท่านอ๋องเสียอีก!ตาของพ่อบ้านเป็นประกายแวววาวขึ้นในบัดดล จู่ๆ เอวก็ไม่เจ็บ ขาไม่ปวด โรคข้ออักเสบที่เป็นมาหลายสิบปีก็หายเป็นปลิดทิ้ง พลันคุกเข่าแบบประจบลงตรงหน้าพระชายา ยิ้มเสียจนมีแต่ความสอพลออยู่เต็มใบหน้า“เป็นบ่าวเองที่ดวงตาโง่เง่า มีตาหามีแววไม่ นับแต่นี้ไป พระชายาให้บ่าวทำสิ่งใดบ่าวก็จะทำสิ่งนั้นขอรับ”“บ่
พ่อบ้านยกทองแท่งก้อนหนึ่งยิ้มปากแทบฉีกเดินออกไปเยว่เอ๋อร์ตะลึงจนเหม่อ “คุณหนูเจ้าคะ นะ นะ นะ นั่นคือทองคำแท่ง...ขะ ขะ ขะ เขาเอาไปแล้ว นะ นะ นั่น...”กระทั่งพูดจาก็ยังติดๆ ขัดๆ เสียแล้วฉู่เชียนหลีตบไหล่นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “เงินทองเป็นของนอกกาย ไม่ต้องใส่ใจ ยามนี้เจ้าจงรีบไปเตรียมกระดาษพู่กันมาให้ข้า ยิ่งไวยิ่งดี”ยังดีที่ก่อนนี้นางหลักแหลมจึงวางแผนจัดเก็บเงินที่หามาได้ส่วนหนึ่งเอาไว้กับบัตรธนาคาร อีกส่วนหนึ่งเป็นเงินสด ที่เหลือซึ่งเป็นเงินส่วนใหญ่ก็เอาไปซื้อทองคำแท่งจนหมดและเรียงไว้เหมือนก่อผนังฉะนั้น นางจึงมีทองคำแท่ง อยู่มากมายเท่ากับผนังด้านหนึ่งทีเดียวแม้จะสูญเงินสดไปเป็นล้านๆ แต่ก็ยังมีทองแท่งอยู่อีกมากเพียงนี้ หลังจากโศกเศร้ามาหนึ่งคืน ที่สุดอารมณ์ก็ผ่อนคลายลงบ้างแล้ว ยามนี้นางมีเรื่องที่สำคัญกว่าจะต้องทำตัวทั้งตัวของเยว่เอ๋อร์เหมือนถูกสายฟ้าฟาด แต่หัวจรดเท้ามีแต่ความงุนงง นางไปหยิบกระดาษและพู่กันมา มองแผ่นหลังของคุณหนูขณะเดินจากไป เนิ่นนานจากนั้นก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้นี่นี่ใช่คุณหนูของนางจริงหรือ?!ณ เรือนหานเฟิงด้วยอ๋องเฉินปล่อยข่าวออกไปว่าได้รับบาด
ในกระดาษจดหมาย เป็นตัวอักษรเขียนด้วยพู่กันที่โอนไปเอียงมา ตัวอักษรนั้นเหมือนถูกไก่เขี่ย เอียงกระเท่เร่ไปหมดเนื้อหาว่า:...วันนี้ อ๋องเฉินล้มป่วย อารมณ์แปรปรวนรุนแรง กินข้าวห้าถ้วยด้วยความโมโห จนเมื่อกินมันดิน[footnoteRef:1]เส้นไปคำหนึ่ง ใส่เกลือน้อยไป จึงลงโทษบ่าวอย่างหนัก คำที่สองกินปลานึ่งซีอิ๊ว ปรากฏว่ามันย่องเกินไป เป็นเหตุให้ โกรธจนไปแย่งกระทะมา ลงครัวด้วยตนเองเสีย [1: มันดิน คือ มันฝรั่ง] “เฮอะ!”เฟิงเย่เสวียนหลุดหัวเราะออกมา เมื่อรู้สึกตัวว่าเสียกิริยา จึงรีบกลั้นเอาไว้และอ่านต่อไป ...อ๋องเฉินร่อแร่ หญิงงามอยู่ในอ้อมอกหากไม่แตะต้อง ข้าสังเกตดู สงสัยว่าจะ...ไม่ขัน“...” ความโค้งที่มุมปากของชายหนุ่มหดหายไปทันใด หายไปอย่างไร้ร่องรอย บรรยากาศรอบตัวก็หนักอึ้งตามไปด้วย...แม้คนผู้นี้จะมีสันดานป่าเถื่อน แต่กลับหน้าตาไม่เลว จากที่ข้าสืบดูอย่างละเอียด บนแก้มก้นซ้ายของเขามีไฝดำอยู่เม็ดหนึ่ง“...”หานเฟิงยืนอยู่ข้างๆ เห็นเจ้านายตนมีอาการประเดี๋ยวอมยิ้ม ประเดี๋ยวสายตาเคร่งขรึม ประเดี๋ยวก็เลิกคิ้ว จึงตระหนกอยู่ในใจก่อนนี้ ยามนายท่านจัดการพวกสายลับ วิธีทรมานทั้งสิบแปดล้วนเลือก
อวิ๋นอิงหลับตา ไม่อยากพูด และไม่อยากเห็นเขาเขาป้อนนางดื่มข้าวต้ม?นี่คิดจะทำอะไรอีก?เปลี่ยนวิธีทรมานนาง?ช่างเถอะ ขอแค่เป็นเรื่องที่เขาอยากทำ นางไม่มีโอกาสหนีด้วยซ้ำ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็นอนอยู่ตรงนี้เงียบๆ ปล่อยให้เขาทรมานอย่างไรเสีย นอกจากร่างกายร่างนี้ นางก็ไม่มีอะไรอีกแล้วนางไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิด“อวิ๋นอิง เจ้าช่วยพูดอะไรกับข้าหน่อยได้หรือไม่?” น้ำเสียงของจิ่งอี้วิงวอนเล็กน้อย ฟังแล้วค่อนข้างถ่อมตน“อวิ๋นอิง เจ้าไม่มีความสุข อย่าเก็บไว้ในใจ”“อวิ๋นอิง”“อวิ๋นอิง…”เขาเรียกนางไม่หยุด สายตาที่โหยหาสามารถมองไปที่ร่างกายนาง แต่นางเหมือนหลับสนิท ไม่แยแสใครเขาเจ็บปวดทรมานใจ แทบจะพังทลายแล้ว“อวิ๋นอิง เจ้าอย่าทำเช่นนี้กับข้า!”เขาจับคางของนาง หันศีรษะนางกลับมานางถูกบังคับให้ลืมตา ในแววตาเต็มไปด้วยประกายที่เย็นเยียบ เย็นชาราวกับน้ำค้างแข็งในฤดูหนาว ชั้นบางๆ แต่กลับควบแน่นเป็นน้ำแข็ง เย็นจนแสบกระดูกนางมองเขาเงียบๆ ทั้งเช่นนี้ไม่มีความแปรปรวนทั้งอารมณ์ ยิ่งไม่มีความเศร้าโศก ก็เหมือนกับบ่อน้ำนิ่ง สงบมากหรือกล่าวอีกอย่างคือ ถูกกระทำมานานเช่นนี้ นางเหนื่อยแล้ว
จิ่งอี้กลับถึงโรงหมอก็ดึกแล้วภายในห้อง แสงเทียนที่สลัวไหวระริก ยามราตรีสงบดั่งน้ำ สตรีที่นอนมาทั้งคืนทั้งวันยังคงหลับตา ลมหายใจเบามาก สีหน้าซีดเซียว ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นเฟิ่งหรานบอกว่านางจะฟื้นเร็วสุดคืนนี้ ช้าสุดก็พรุ่งนี้เช้าเขานั่งอยู่ที่หน้าเตียง เฝ้านางไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวสายตาจ้องไปที่ร่างกายนาง ไม่เคยละสายตาเลยเวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละนิด…หนึ่งเค่อครึ่งชั่วยามสองชั่วยามยามสามรุ่งอรุณ…ไม่ได้หลับทั้งคืน นอกห้องเริ่มมีน้ำค้างยามเช้า ร่างกายจิ่งอี้ก็เหมือนกับถูกห่อหุ้มด้วยน้ำค้างแข็ง เย็นเฉียบและแข็งไปทั้งร่าง ไม่ได้หลับตานอนสองวัน ร่างกายที่เหนื่อยล้าฟุบอยู่บนขอบเตียงมือของเขาจับมือเล็กที่เย็นเล็กน้อยของนางไว้แน่นไม่ยอมปล่อยไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไรนิ้วมือของนางกระดิกทีหนึ่ง…พริบตานั้น เขาสะดุ้งตื่นราวกับถูกไฟช็อต ดีดตัวขึ้นนั่งฉับพลัน สายตาที่ร้อนรนจ้องคนบนเตียง“อวิ๋นอิง!”นางใกล้จะฟื้นแล้วขนตาสั่นเบาๆ หลังจากผ่านไปสิบกว่าวินาที เปลือกตาเปิดขึ้นเป็นช่องเล็กๆ ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความอ่อนเพลีย สายตาพร่ามัว เต็มไปด้วยความสับสนตั้งสติอยู่นานเมื่อความพร
จวนอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียนทำแผลที่มือให้ฉู่เชียนหลี เขาเอาแต่ขมวดคิ้วจนเป็นก้อนแล้วถูกควักเนื้อออกไปหนึ่งชิ้นเล็กๆ ยังบอกไม่เกี่ยวข้องกับเฟิงเจิ้งหลี?ฉู่เชียนหลีเปลี่ยนประเด็น “วันนี้เจ้าไปทำอะไร?”“ไปหารือกับขุนนางสองสามคนก่อน ช่วงบ่ายไปค่ายทหาร โยกย้ายทหาร”“โยกย้ายทหาร?”“อืม ข้าย้ายทหารทหารส่วนหนึ่งไปยังที่ศักดินาแล้ว” เขาสรุปง่ายๆ ได้ใจความฉู่เชียนหลีได้กลิ่นแปลกๆในยุคโบราณ กำลังทหารคือสัญลักษณ์ของอำนาจ เขาวังกำลังทหารไว้ในที่ศักดินาของตัวเอง เพื่อทำให้อำนาจมั่นคงสถานการณ์ของเมืองหลวง เกรงว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วกระมังเขากล่าว “รอลูกอายุครบหนึ่งเดือน ร่างกายของเจ้าดีขึ้นบ้างแล้ว เจ้าพาลูกไปอยู่ที่ที่ศักดินาเถอะ”ฉู่เชียนหลีตะลึงย้ายนางกับลูกไปด้วย?ฉู่เชียนหลีรู้ความหมายของเขา เขาไม่อยากให้นางกับลูกตกอยู่ในอันตราย ขอแค่นางกับลูกไปแล้ว เวลาทำสิ่งต่างๆ เขาสามารถไปทำอย่างเต็มที่นางเม้มปากเบาๆ หลุบตาลงเงียบๆหลังจากนิ่งเงียบชั่วขณะนางเงยหน้ากะทันหัน “เยว่เอ๋อร์ อวิ๋นอิงยังไม่กลับมาหรือ?”เยว่เอ๋อร์ที่รอรับใช้อยู่ข้างๆ พึมพำในใจ คุณชายจิ่
เฟิงเจิ้งหลีก้มหน้า ยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น“อยู่ใต้จมูกเรา มือของเจ้ายื่นไปไกลจริงๆ ในวัง ทหารรักษาพระองค์ สักวันจะยื่นมาถึงบนหัวเราแล้วใช่หรือไม่?” ฮ่องเต้ตำหนิด้วยความโกรธเขาให้คนไปถ่ายทอดคำพูดที่จวนอ๋องหลีเขากลับดี ไม่อยู่ในจวนระหว่างช่วงกักบริเวณเขารอมาครึ่งชั่วยามแล้ว“เจ้าช่างเป็นลูกชายที่ดีของเราจริงๆ ให้เรารอเจ้านานเช่นนี้ สิบกว่าปีมานี้ มีเพียงเจ้าที่ได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้”“เจ้าใจกล้าไม่เบาจริงๆ”“พูด เรื่องพระนัดดาองค์โต เป็นฝีมือเจ้าใช่หรือไม่!”ฮ่องเต้ตบโต๊ะ เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธดังขึ้นเรื่อยๆ เต๋อฝูตกใจจนไล่ขันทีน้อยออกไปทั้งหมด เขาก็ออกไปด้วยเช่นกัน ปิดประตูรออยู่ที่ข้างนอก“นี่เจ้าเป็นพ่ออย่างไรกัน ใต้ฟ้า มีพ่อแท้ๆ ทำเรื่องเช่นนี้กับลูกแท้ๆ ได้อย่างไร!”“เจ้าทำให้เราผิดหวังมาก!”ฮ่องเต้เกรี้ยวกราดจนน้ำลายกระเซ็น ตำหนิเขาเสียงดัง ในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธเฟิงเจิ้งหลีก้มหน้าเล็กน้อยๆ เอาแต่นิ่งเงียบ สายตาเฉยเมยเขาเหี้ยมโหด?เขาที่เป็นพ่อคนนี้ทำหน้าที่แย่?เหอะ“เสด็จพ่อ นี่ตั้งแต่เมื่อไรก็เรียนรู้จากพระองค์ไม่ใช่หรือ?” เขาเงยหน้ากะทันหัน“เจ้า…เ
เฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว หลังจากเหลือบมองอ๋องหลีอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ก็อุ้มฉู่เชียนหลีกลับจวนเมื่อประตูใหญ่ปิดลงเขากัดฟันทันใดนั้น “เจ้ายังช่วยเขาพูดอีก?” หยิกไปที่เอวของนางหนึ่งทีฉู่เชียนหลีตะลึง “ข้าช่วยเขาพูดตรงไหน?”“เจ้าอยู่กับเขา ไม่ใช่เขาที่ทำร้ายเจ้าหรอกหรือ? หรือว่าเขาวางยาอะไรเจ้า เจ้าถึงปกป้องเขา?” เขากล่าวอย่างโมโหเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยิน ร้องไห้ไม่ออก หัวเราะไม่ได้ทันทีนางไม่มีเจตนาช่วยอ๋องหลีพูดแน่นอนอ๋องหลีไม่ได้ทำร้ายนางจริงๆ และยังแบกนางอย่างอดทนตลอดทาง นางพล่ามตลอดทาง ก็ไม่ปล่อยนางลงแม้ไม่รู้เขามีจุดประสงค์อะไร แต่อย่างน้อยคืนนี้ เขาก็พอทำให้นางประทับใจอยู่บ้าง“นี่ข้าเล่าให้เจ้าฟัง อูหนูอยู่ข้างกายอ๋องหลี เหมือนนางจะเป็นคนของอ๋องหลี”“อูหนู?”เฟิงเย่เสวียนคิดครู่หนึ่ง ก็นึกขึ้นได้แล้ว“นางกลับเหมียวเจียงแล้วไม่ใช่หรือ?”“อืม” ฉู่เชียนหลีเงยหน้า “ข้าก็คิดว่านางกลับเหมียวเจียงแล้ว แต่นางกลับบอกว่าเจ้าได้ประโยชน์แล้ว สั่งให้คนฆ่านาง?”เฟิงเย่เสวียน “?”พูดเหลวไหล!“ตอนนั้น ยาที่นางปรุงมีปัญหา หลังจากข้าลงโทษนางเบาๆ เห็นแก่ที่ก่อนหน้านี้นางมีผลงาน จริง
ฉู่เชียนหลีตะลึงทันที“?”ยังไม่ทันตั้งตัว เขาก็แบกนางขึ้นหลังแล้วนางกำลังจะดิ้นรน “ปล่อยข้า…”“อย่าขยับ อีกไม่นานฟ้าก็จะมืดแล้ว ถ้าหากยังไม่กลับไป เฟิงเย่เสวียนจะเป็นห่วงเจ้า” เขาแบกนางไว้อย่างมั่นคง ก็ออกเดินทางทันทีฉู่เชียนหลีเม้มปากแน่น มักจะรู้สึกมีบางอย่างไม่ถูกต้องความสัมพันธ์ของนางกับเขา ดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?“เจ้าแสร้งทำเช่นนี้ ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยหรือ?” นางถามเขากล่าว “ไม่เหนื่อย ชินแล้ว”“...”นางสะอึกไปชั่วขณะเงียบไปอึดใจหนึ่ง เอ่ยปากอีกครั้ง “เพราะเหตุใดเจ้าต้องวางยาพระนัดดาองค์โต? เจ้าไม่รู้สึกว่าการใช้เด็กเล็กเพื่อทำให้ตัวเองพ้นผิด มันคือพฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบ และต่ำช้ามากเลยหรือ?”เป็นพ่อ กลับทำร้ายลูกเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั่วหล้า มีพ่อที่เหี้ยมโหดเช่นนี้ที่ไหนกัน?เฟิงเจิ้งหลีหลุบตา เดินอย่างจริงจัง ไม่ได้ตอบคำถามเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยเป็นลูกแท้ๆ ของนาง เขาจะทำร้ายลงได้อย่างไร?เรื่องนี้เป็นอูหนูที่ทำลับหลังเขาตอนที่เขารู้เรื่อง ก็ยับยั้งไม่ทันแล้วและยังมีฉู่เจียวเจียวผู้หญิงโง่คนนั้น ก็วิ่งเข้าวังทันที ช่วยเขาจนเป็นเรื่อง…“เขายังเด็ก
ตอนฉู่เชียนหลีฟื้น อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยห้องที่มืดสลัว เต็มไปด้วยของจิปาถะ ทรุดโทรมมาก มีฝุ่นเขรอะ และใยแมงมุมที่มุมห้อง แสงสลัวลอดเข้ามาจากหน้าต่าง ฝุ่นตลบกลางอากาศ นางถูกมัดมือไขว้หลังติดกับเสาเดิมทีอยากช่วยตัวเอง แต่เสาต้นนี้หนามาก แยกมือซ้ายและขวาของนางออกจากกัน ห่างกันพอสมควร ส่งผลให้นางไม่สามารถนำมีดผ่าตัดออกจากกำไลเฉียนคุนประกอบกับมีแผลที่แขนลองขยับอยู่หลายครั้งก็ไม่สำเร็จ และยังกระชากโดนบาดแผล เลือดไหลเยอะมาก คิ้วของนางก็ขมวดแน่นอูหนูทิ้งนางไว้ที่นี่โดยไม่สนใจแล้ว?และไม่ฆ่านาง?หมายความว่าอย่างไร?นางพยายามบิดข้อมือขณะที่กำลังจริงจัง เสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ เข้าใกล้ดังขึ้นในอากาศ เวลาสั้นๆ เพียงอึดใจเดียว ก็วิ่งมาถึงหน้าห้อง จากนั้นถีบประตูออกปัง!เดิมทีคิดว่าเป็นอูหนูมา กลับคิดไม่ถึงว่าเป็นเฟิงเจิ้งหลี!“เจ้า…”“ฉู่เชียนหลี!”เฟิงเจิ้งหลีเดินตรงเข้ามา ปลดเชือกบนมือ จับไหล่ทั้งสองข้างของนาง ตรวจดูตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ได้รับบาดเจ็บหรือไม่…มือของเจ้า…”เห็นบนแขนเสื้อนางมีเลือดเมื่อดึงขึ้นมาดู ตรงแขนของนาง เนื้อชิ้นเล็กๆ ถูกควัก
อูหนูกุมสะบักที่บาดเจ็บ หน้าซีดเล็กน้อย ปากเม้มจนกลายเป็นเส้นตรงนางกัดฟัน จ้องฉู่เชียนหลีอย่างเย็นเยือก“ใครเป็นคนสั่งข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้า ไม่ใช่ลูกของเจ้าเสียหน่อย เจ้ามันชอบยุ่งวุ่นวายเรื่องของคนอื่นจริงๆ!”“เรื่องนี้ข้ายุ่งแน่!”อูหนูโยนความผิดให้นาง นางไม่ยุ่งได้หรือ?อีกอย่าง เฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยยังเล็กเช่นนั้น นางสามารถนิ่งดูดายได้หรือ?“เจ้า!”“พูด!” ฉู่เชียนหลีกดนางไว้ “ถ้าเจ้าไม่ยอมพูด ข้าก็ไม่ถือสาที่จะใช้วิธีอื่น บังคับเจ้าเปิดปาก”อูหนูกัดฟันอย่างดุร้าย สายตาราวกับอาบยาพิษ แทบอยากจะกลืนฉู่เชียนหลีลงท้องทั้งเป็นเสียเดี๋ยวนี้ทักษะการแพทย์ของนางด้อยกว่าฉู่เชียนหลีสู้ก็สู้ฉู่เชียนหลีไม่ได้ถึงว่าอ๋องหลีชอบฉู่เชียนหลี ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็น นางดีกว่าคุณหนูที่อ้อนแอ้นเหล่านั้นไม่รู้กี่เท่าได้ครอบครองนาง ไม่เพียงได้รับลูกแฝดชายหญิง และยังได้รับแรงหนุนสายหนึ่งถ้าหากนางเป็นอ๋องหลี ก็อยากได้ฉู่เชียนหลีมาอยู่ในมือเช่นกันถ้าหากไม่ได้ ก็จะไม่ปล่อยให้คนอื่นได้ไป ฆ่าทิ้งโดยตรง!“พูด…” นางหลุบตา แววตาค่อยๆ กลายเป็นดุร้าย “พูด…ข้าพูด…”นางกำหมัดช้าๆ“ข้าบ
เก็บนางไว้อีกวัน ยังไม่รู้จะสร้างปัญหาอย่างไรอีก!อูหนูล้วงมีดสั้นอันแหลมคมออกจากแขนเสื้อ เลียริมฝีปากเบาๆ มีประกายอันเย็นเยือกแลบผ่านแววตา ฆ่า?นางย่อมไม่ฆ่าฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีเป็นคนที่อ๋องหลีชอบ ถ้าหากนางฆ่าฉู่เชียนหลี ก็เท่ากับล่วงเกินอ๋องหลีในเมื่อฆ่าไม่ได้ นางก็ใช้วิธีอื่นสั่งสอนนาง“ในเมื่อเจ้ามักจะขัดแข้งขัดขาข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าก็ตัดมือของเจ้า ดูสิต่อไปเจ้าจะรักษาคนอย่างไร!”พลันสายตานางเหี้ยมเกรียม ถือมีดสั้น เหวี่ยงไปที่มือซ้ายของฉู่เชียนหลีซ่า…ทันใดนั้น หนามน้ำแข็งพุ่งออกมา“ซี้ด!”หนามน้ำแข็งแหวกอากาศพุ่งเข้าไปหาอูหนู พลันอูหนูแน่นหน้าอก รีบเบี่ยงร่างกาย หนามน้ำแข็งเฉียดผ่านใบหน้าของนาง รู้สึกเจ็บแสบทันทีเมื่อยกมือจับเลือดไหลแล้วตอนที่มองไป ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ท่าทางนั่นดูเกียจคร้านนัก เหมือนคนหมดสติเสียที่ไหนกัน?นางไม่ได้หมดสติ!“เจ้าแกล้งหมดสติ?”อูหนูถอยออกมาสามก้าว จ้องผู้หญิงที่กำลังนวดข้อมือ“ใช่ ตอนอยู่หน้าประตูวัง เพิ่งขึ้นรถม้า ข้าก็รู้สึกถึงความผิดปกติแล้ว ก็เลยใช้แผนซ้อนแผน จะได้ดูว่าใครแอบเล่นตุกติกอยู่เบื้องห