Share

บทที่ 11

Author: สกุลหยางมีบุตรสาว
เรือนหมิงเยว่

ภายในห้องนอนที่ตกแต่งอย่างวิจิตรอ่อนโยน ร่างแสนอ่อนเพลียของเซียวจือฮว่านอนอยู่บนเตียง ใบหน้าเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือซีดขาวไปสามส่วน ไม่มีสีเลือด ลมหายใจค่อนข้างกระชั้น

“เฉิน ทำให้ท่านต้อง... แค่ก... เป็นห่วง... รบกวนท่านทำงาน... แค่ก...”

นางรู้จักฉอเลาะบุรุษ

ท่าทางแสนทรมานเพราะขืนสะกดอาการไอเอาไว้แต่ยังคงคำนึงถึงบุรุษเช่นนั้นทำเอาคนสงสารยิ่ง

เฟิงเย่เสวียนนั่งอยู่ข้างเตียงกุมมือเล็กๆ ที่ค่อนข้างเย็นของนางเอาไว้ กล่าวเสียงหนักว่า “จือฮว่า ข้าจะต้องหายาดีมารักษาเจ้าให้ได้ ตลอดหลายปีมานี้ เป็นเพราะข้า เจ้าจึงต้องทุกข์ทรมาน”

“แค่ก...ไม่...” นางส่ายหน้าอย่างอ่อนแรงพลางจับจ้องดวงตาที่เปี่ยมด้วยความรักลึกล้ำไม่ทรยศของเขา

“ปีนั้น หากฮว่าเอ๋อร์มิได้ช่วยท่านอ๋องเอาไว้ ยามนี้ก็จะไม่ได้มีวาสนาได้แต่งงานกับท่านอ๋อง... แค่ก กลับเป็นฮว่าเอ๋อร์ที่ร่างกายอ่อนแอ ทำให้ท่านอ๋องเป็นห่วงเปล่าๆ ให้ท่านอ๋องพลอยต้องลำบาก...แค่ก...”

เพียงแค่ไม่กี่ประโยค นางก็ทั้งหอบทั้งไอไม่หยุด ท่าทางเช่นนั้น ดั่งต้นหยางหลิวโบกไหวท่ามกลางสายลม

เฟิงเย่เสวียนเอื้อมมือไปช่วยสอดชายผ้าห่มเข้าใต้ตัวนาง

เซียวจือฮว่ายังอยากพูดบางสิ่ง

แต่ในขณะนั้นเองกลับมีเสียงปี่ซั่วน่าที่สูงแหลม ระคายหู รุนแรงดังมาจากบนหลังคาอย่างกะทันหัน เหมือนสายฟ้าฟาดกลางท้องฟ้า เซียวจือฮว่าตกใจจนหายใจไม่ทัน

เอียงคอลงและหมดสติลงทันใด

“?”

สีหน้าของเฟิงเย่เสวียนถมึงทึงขึ้นโดยพลัน ก่อนพุ่งออกไปจากประตูและกระโดดขึ้นบนหลังคา เห็นสตรีนางหนึ่งกำลังเอามือประกบแก้ม ร่ายรำขณะเป่าเสียงดนตรีอย่างเข้าถึงอารมณ์ เสียงนั้นกรีดบาดฟากฟ้ายามราตรีของจวนอ๋องเฉิน ก้องสะท้อนไปทั่วทั้งจวน

แสบแก้วหูเป็นที่สุด!

ค่ำคืนดึกดื่นเป็นเวลาที่ควรนอนหลับ นางกลับมาเป่าปี่ซั่วน่าอยู่ที่นี่!

“ฉู่เชียนหลี!”

ฉู่เชียนหลีแค่รู้สึกว่าแก้วหูสั่น พอหยุดและมองไปก็เห็นว่าชายหนุ่มไม่รู้มายามใด กำลังจับจ้องนางด้วยสีหน้าเกรี้ยวโกรธ ขบฟันบอกว่า

“จือฮว่ายังไม่ป่วยถึงเพียงนั้น นี่เจ้าอยากส่งนางไปจนอดรนทนไม่ไหวเชียวหรือ?”

ซั่วน่าประโคม ผ้าขาวห่มคลุม แขกทั้งเมืองรออาหารขึ้นโต๊ะ?

ร่างนอนเหยียดตรง สองมือแผ่ออก เข้านอนในโลงฝังบนภูผา?

ฉู่เชียนหลีเพียงต้องการอาศัยความโศกเศร้าจากเสียงของปี่ซั่วน่ามาปลอบประโลมความทุกข์ใจที่ต้องสูญเสียสมบัติล้านล้านไป เช่นนี้ก็ผิดด้วยหรือ?

นางเศร้าโศก

ไม่มีเงินแล้ว ยังจะถูกด่าว่าอีก

พอเลือดขึ้นหน้าจึงตะคอกกลับไปทันที “จวนอ๋องเฉินมีกฎด้วยหรือว่าห้ามเป่าปี่ซั่วน่า?”

เฟิงเย่เสวียนสีหน้าถมึงทึงทันที เอาใหญ่แล้ว ยังกล้าเถียงอีก วันหน้าจะไม่เหยียบหัวเขาแผลงฤทธิ์หรอกหรือ?

เขากล่าวเสียงเย็น “ยามนี้ดึกดื่น เป็นช่วงเวลาที่ควรนอนหลับ แต่เจ้ากลับมาเป่าปี่ซั่วน่ารึ?”

ฉู่เชียนหลีโต้เขา “ใครกำหนดว่าห้ามเป่าปี่ซั่วน่าตอนกลางดึกซึ่งเป็นเวลาที่ควรนอนหลับกัน?”

“ดึกดื่นเช่นนี้ ในเวลาที่ควรนอนหลับ แต่กลับวิ่งมาเป่าเพลงโศกเศร้าอยู่บนหลังคาของจื่อฮว่า เจ้ามีเจตนาใด?”

“แล้วใครกำหนดว่ากลางดึก ในเวลาที่ควรนอนหลับ ห้ามมาเป่าบรรเลงเพลงสายลมร้าวรานแห่งบูรพาบนหลังคาเพื่อปลดปล่อยอารมณ์โศกเศร้าเสียใจของตัวเองเล่า?”

“...”

สตรีปากคอเราะรายผู้นี้!

จือฮว่าตายแล้วนางจะเสียใจหรือ? กลัวแต่จะแอบยินดีอยู่ในใจอยู่นานแล้วต่างหาก

เขาสาวเท้าเข้าไปคว้าปี่ซั่วน่าของนาง “เอามา!”

“ไม่ให้!” ฉู่เชียนหลีแย่งกลับมา

“เจ้า!” ชายหนุ่มโมโหจนเส้นเลือดที่หน้าผากปูดโปนออกมา พลันเงื้อมือขึ้น

“อ๊า!” ฉู่เชียนหลีหมุนตัวและวิ่งไปทันใด ก่อนวิ่งไปยังไม่ลืมแย่งปี่ซั่วน่าของตนกลับไปและผลักชายหนุ่มหนหนึ่ง

ทว่า มือของนางซัดถูกหัวใจของชายหนุ่ม ทำให้ร่างของเขาสั่นสะเทือนจนเซถอยหลังไปสองก้าว โลหิตดำคำหนึ่งล้นออกมาจากมุมปากที่ปิดสนิทในทันใด

“อุ๊ก...”

“นายท่าน!”

องครักษ์ลับหานเฟิงพุ่งตัวออกมาจากมุมมืดและรีบประคองชายหนุ่มเอาไว้

พิษกำเริบแล้ว!

“หรือว่าหญิงอัปลักษณ์ผู้นี้จะเป็นองค์รัชทายาทส่งมาเป็นสายลับ!”

ชายหนุ่มปรับกำลังภายในอยู่ลับๆ เมื่อสะกดลมหายใจสงบแล้ว จึงมองตามทางที่ฉู่เชียนหลีจากไป แววแห่งความคิดฉายผ่านดวงตา

นางผู้นี้... น่าสนใจยิ่ง

“แค่กๆ...” เขาไอต่ำ “ปล่อยข่าวออกไป บอกว่าตอนที่ข้าทำสงครามได้รับบาดเจ็บสาหัสยังไม่ทันหาย ตอนนี้อาการร่อแร่...”

Related chapters

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 12

    วันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีนอนอยู่บนเตียงยังคงคำนึงถึงเรื่องที่ตนเองต้องสูญทรัพย์สินล้านล้านล้านไปในคืนเดียว นางกอดผ้าห่ม ยังคงอยู่ในอารมณ์เศร้าสลดเนิ่นนานมิอาจกลับมาเป็นตัวของตัวเองได้“เฮ้อ!”พอรุ่งเช้า เยว่เอ๋อร์ต้องวุ่นหน้าวุ่นหลัง ทำความสะอาดห้องหับ พับเสื้อผ้า เช็ดโต๊ะ ถอนหญ้าในลานบ้าน เปิดหน้าต่างระบายอากาศ และยังต้องยกกระถางดอกไม้ออกไปตากแดดด้วย ซึ่งฉู่เชียนหลีถอนหายใจมาเก้าสิบแปดครั้งแล้ว“เฮ้อ...”ทรัพย์สินล้านล้านของนางเยว่เอ๋อร์ยกอ่างน้ำเข้ามา “คุณหนูเจ้าคะ ตะวันส่องบั้นท้ายแล้ว ท่านยังไม่ตื่นอีกหรือเจ้าคะ?”ฉู่เชียนหลีช้อนดวงตาแดงก่ำทั้งคู่ขึ้น ดวงตาที่มีเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดงจ้องเยว่เอ๋อร์ด้วยความคับแค้นใจแสนล้ำลึกถ้าไม่ใช่เพราะนังเด็กนี่รับใช้นางอย่างจงรักภักดี ไม่ละไม่ทิ้งมาตั้งแต่เล็ก จะต้องหักคอแสนชั่วช้าของนางเป็นแน่...“เฮ้อ!”นางพลิกตัว นอนหลับต่อไปด้วยความห่อเหี่ยวใจไม่อยากลุกจากเตียง ข้าวปลาก็ไม่อยากกิน เงินของฉัน...เยว่เอ๋อร์เรียกต่ออีกหลายครั้ง เมื่อเห็นคุณหนูไม่ตอบสนอง จึงได้แต่ไปทำงานอื่นๆ ต่ออย่างจนใจตลอดช่วงเช้า เรือนหลังเล็กโกโรโกโสและ

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 13

    ยังไม่ทันตั้งตัว ก็มีอีกแท่งลอยมากระแทกข้อมือเขา แทบจะกระแทกจนกระดูกป่น จึงคลายมือที่จับเยว่เอ๋อร์“คุณหนู!”นางเห็นคนที่นอนมาทั้งช่วงเช้าลุกจากเตียงแล้วและยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้อง กำลังกะน้ำหนักทองแท่งที่ทั้งใหญ่ทั้งหนักด้วยการโยนขึ้นลงในมือนางหรี่ตา เล็งเป้า“กล้าแตะต้องคนของข้ารึ? แม่จะเอาทองแท่งปาเจ้าให้ตาย!”ตุบ!“โอ๊ย...”โดนทองไปสามแท่ง พ่อบ้านถูกปาจนหน้าผากแตก กระดูกข้อมือหัก เอวชราๆ ยอกไปหมด พลันล้มพับอยู่บนพื้น กุมสะเอวร้องครวญคราง 'ไอ้หยาๆ' ทว่า ในพริบตาต่อมา เขาก็กัดฟันทนต่อความเจ็บปวด หอบเอาทองแท่งหนึ่งขึ้นมาแล้วออกแรงขบไปครั้งหนึ่งในทันทีเจ็บฟัน!แข็งจริงๆ!เป็นของจริง!ทองคำ!หน่วงขนาดนี้ หนักถึงเพียงนี้ ซ้ำยังมีตั้งสามแท่ง พระชายามั่งมียิ่งกว่าท่านอ๋องเสียอีก!ตาของพ่อบ้านเป็นประกายแวววาวขึ้นในบัดดล จู่ๆ เอวก็ไม่เจ็บ ขาไม่ปวด โรคข้ออักเสบที่เป็นมาหลายสิบปีก็หายเป็นปลิดทิ้ง พลันคุกเข่าแบบประจบลงตรงหน้าพระชายา ยิ้มเสียจนมีแต่ความสอพลออยู่เต็มใบหน้า“เป็นบ่าวเองที่ดวงตาโง่เง่า มีตาหามีแววไม่ นับแต่นี้ไป พระชายาให้บ่าวทำสิ่งใดบ่าวก็จะทำสิ่งนั้นขอรับ”“บ่

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 14

    พ่อบ้านยกทองแท่งก้อนหนึ่งยิ้มปากแทบฉีกเดินออกไปเยว่เอ๋อร์ตะลึงจนเหม่อ “คุณหนูเจ้าคะ นะ นะ นะ นั่นคือทองคำแท่ง...ขะ ขะ ขะ เขาเอาไปแล้ว นะ นะ นั่น...”กระทั่งพูดจาก็ยังติดๆ ขัดๆ เสียแล้วฉู่เชียนหลีตบไหล่นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “เงินทองเป็นของนอกกาย ไม่ต้องใส่ใจ ยามนี้เจ้าจงรีบไปเตรียมกระดาษพู่กันมาให้ข้า ยิ่งไวยิ่งดี”ยังดีที่ก่อนนี้นางหลักแหลมจึงวางแผนจัดเก็บเงินที่หามาได้ส่วนหนึ่งเอาไว้กับบัตรธนาคาร อีกส่วนหนึ่งเป็นเงินสด ที่เหลือซึ่งเป็นเงินส่วนใหญ่ก็เอาไปซื้อทองคำแท่งจนหมดและเรียงไว้เหมือนก่อผนังฉะนั้น นางจึงมีทองคำแท่ง อยู่มากมายเท่ากับผนังด้านหนึ่งทีเดียวแม้จะสูญเงินสดไปเป็นล้านๆ แต่ก็ยังมีทองแท่งอยู่อีกมากเพียงนี้ หลังจากโศกเศร้ามาหนึ่งคืน ที่สุดอารมณ์ก็ผ่อนคลายลงบ้างแล้ว ยามนี้นางมีเรื่องที่สำคัญกว่าจะต้องทำตัวทั้งตัวของเยว่เอ๋อร์เหมือนถูกสายฟ้าฟาด แต่หัวจรดเท้ามีแต่ความงุนงง นางไปหยิบกระดาษและพู่กันมา มองแผ่นหลังของคุณหนูขณะเดินจากไป เนิ่นนานจากนั้นก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้นี่นี่ใช่คุณหนูของนางจริงหรือ?!ณ เรือนหานเฟิงด้วยอ๋องเฉินปล่อยข่าวออกไปว่าได้รับบาด

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 15

    ในกระดาษจดหมาย เป็นตัวอักษรเขียนด้วยพู่กันที่โอนไปเอียงมา ตัวอักษรนั้นเหมือนถูกไก่เขี่ย เอียงกระเท่เร่ไปหมดเนื้อหาว่า:...วันนี้ อ๋องเฉินล้มป่วย อารมณ์แปรปรวนรุนแรง กินข้าวห้าถ้วยด้วยความโมโห จนเมื่อกินมันดิน[footnoteRef:1]เส้นไปคำหนึ่ง ใส่เกลือน้อยไป จึงลงโทษบ่าวอย่างหนัก คำที่สองกินปลานึ่งซีอิ๊ว ปรากฏว่ามันย่องเกินไป เป็นเหตุให้ โกรธจนไปแย่งกระทะมา ลงครัวด้วยตนเองเสีย [1: มันดิน คือ มันฝรั่ง] “เฮอะ!”เฟิงเย่เสวียนหลุดหัวเราะออกมา เมื่อรู้สึกตัวว่าเสียกิริยา จึงรีบกลั้นเอาไว้และอ่านต่อไป ...อ๋องเฉินร่อแร่ หญิงงามอยู่ในอ้อมอกหากไม่แตะต้อง ข้าสังเกตดู สงสัยว่าจะ...ไม่ขัน“...” ความโค้งที่มุมปากของชายหนุ่มหดหายไปทันใด หายไปอย่างไร้ร่องรอย บรรยากาศรอบตัวก็หนักอึ้งตามไปด้วย...แม้คนผู้นี้จะมีสันดานป่าเถื่อน แต่กลับหน้าตาไม่เลว จากที่ข้าสืบดูอย่างละเอียด บนแก้มก้นซ้ายของเขามีไฝดำอยู่เม็ดหนึ่ง“...”หานเฟิงยืนอยู่ข้างๆ เห็นเจ้านายตนมีอาการประเดี๋ยวอมยิ้ม ประเดี๋ยวสายตาเคร่งขรึม ประเดี๋ยวก็เลิกคิ้ว จึงตระหนกอยู่ในใจก่อนนี้ ยามนายท่านจัดการพวกสายลับ วิธีทรมานทั้งสิบแปดล้วนเลือก

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 16

    หลังป้อนยาเสร็จ ฉู่เชียนหลีกอดหมอน เดินไปนั่งที่ขอบหน้าต่างนำหมอนหนุนไว้ข้างหลัง นั่งพิงอยู่ตรงนั้น ชันขาข้างหนึ่งขึ้น แล้วห้อยขาอีกหนึ่งแกว่งสบายๆ และถือขวดแก้วใสใบเล็กไว้ในมือนี่เป็นยาชนิดใหม่ที่นางศึกษา สามารถแก้พิษประหลาด และก็ย่อมสามารถแก้พิษบนตัวอ๋องเฉินได้เช่นกันแต่นางไม่อยากให้ผิวปากไปพลาง แกว่งขาไปพลาง และล้วงปี่ซั่วน่าออกจากบั้นท้ายอย่างเข้ากับบรรยากาศเฟิงเย่เสวียน “...ห้ามเป่า!”เขายังไม่ตาย!“นี่ไม่ใช่เพราะกลัวท่านอ๋องนอนทั้งวันจะรู้สึกเบื่อหน่ายหรอกหรือ?” นางยิ้มแล้วยิ้มอีก พลางโยนยาช่วยชีวิตของผู้ชายบางคนออกนอกหน้าต่างนางยอมมองดูเขาตาย ก็ไม่ยอมช่วยเขาเฟิงเย่เสวียมองดูขวดโปร่งใสที่ใส่ของเหลวสีเขียวอ่อนถูกโยนออกนอกหน้าต่าง ตกลงไปในพุ่มดอกไม้และหายไป แววตาครึ้มลงนี่ยาถอนพิษหรือ?นางเป็นคนศึกษาทำเองกับมืออย่างนั้นหรือ?นางเกี่ยวข้องอะไรกับคนร้าย?ตอนนั้นนางแต่งเข้าจวนอ๋องเฉินโดยไม่เลือกวิธีการ ทว่านางกลับไม่สนใจความเป็นตาย แต่ในจดหมายลับที่ส่งให้จวนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ กลับไม่ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญของจวนอ๋องเฉิน และตอนนี้ยังต้องการหนังสือหย่าตกลงจุด

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 17

    ซ่า…เงาสีดำสายหนึ่งถือกระบี่คมกระโจนเข้ามาจากหน้าต่าง ดวงตาเย็นชาคู่นั้นแทบรวมเป็นเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่อันเยือกเย็น แทงตรงมาทางผู้ชายพริบตานั้น บรรยากาศดุดันตึงเครียดเฟิงเย่เสวียนดึงผ้าห่มเข้ามาซ่อนฉู่เชียนหลีไว้ จากนั้นเหวี่ยงแขนสะบัดกระบี่อ่อนออกมาหนึ่งเล่ม พลันยกมือโจมตีออกไปปัง!กระบี่สองเล่มปะทะกัน ประกายไฟกระเด็นไปทั่วกำลังภายในที่แกร่งกล้าระเบิดออกมา พัดม่านปลิวว่อน กลิ่นอายเยือกเย็นบนกระบี่สะท้อนเข้าไปในดวงตาผู้ชาย สุขุม เจตนาสังหาร กระหายเลือด ไร้ความปราณีสองตาประสานกัน พลันสนามรบที่ไร้ควันดินปืนปะทุขึ้นร่างเงาสองสายหนึ่งดำหนึ่งทมิฬพัวพันปะทะกันโครมคราม!ฉู่เชียนหลีห่อตัวในผ้าห่ม หลบอยู่บนเตียง เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่ง มองดูสถานการณ์ข้างนอกอย่างระมัดระวังวรยุทธ์ของทั้งสองแกร่งกล้า การเคลื่อนไหวและทักษะรวดเร็วมาก แทบมองไม่เห็นกระบวนท่าวรยุทธ์ เห็นเพียงกระบี่นั้นฟาดฟันกันชิ้งๆ เงากระบี่แกว่งไปแกว่งมาจนตาลายนี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นคนโบราณต่อสู้กันเชี่ย!ตวัดกำลังภายใน สะเทือนแจกันแตกซัดกำลังภายใน โต๊ะระเบิดเป็นเสี่ยงๆละครทีวีไม่ได้โกหกจริงๆ!ห

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 18

    เฟิงเย่เสวียน “?”หานเฟิง “?”ไม่เคยได้ยินได้ฟัง ไม่เคยได้พบได้เห็นฉู่เชียนหลีชำเลืองมองทั้งสองอย่างเย่อหยิ่งแวบหนึ่ง สายตาราวกับมองคนบ้านนอก “ปืน นี่คือปืน”นางในฐานะหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงระดับโลกของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวงการแพทย์ คนที่อยากทำร้ายนางมีนับไม่ถ้วน นอกจากเชี่ยวชาญทั้งการแพทย์และพิษวิทยา ยังต้องมีความสามารถพอที่จะปกป้องตนเองนางที่ฉลาดหลักแหลมเช่นนี้ และมีทั้งกำลังและความสามารถ เหตุใดจึงมาเสียทีให้กับเจ้าเด็กน้อยอ๋องเฉินจนได้?“ปืน?” เฟิงเย่เสวียนประหลาดใจสิ่งของเล็กๆ สีดำเช่นนี้ สามารถปล่อยพลังที่รุนแรงเช่นนี้เลยหรือ?รุนแรงยิ่งกว่ากำลังภายในเสียอีก?อดไม่ได้ที่จะถามต่อ “อะไรคือปืน?”ฉู่เชียนหลีขี้เกียจอธิบาย เป่าปากกระบอกปืนเก้าแปดคาและหมุนกายเดินจากไปตอนผู้ชายคนนี้นอนอยู่บนเตียงท่าทางอ่อนปวกเปียก ที่แท้เสแสร้งทั้งหมดเลย ตอนต่อสู้ฮึกเหิมประดุจมังกรพยัคฆ์ผาดโผน ร่างกายแข็งแรง ทำให้นางต้องปรนนิบัติเปล่าๆ ทั้งคืนกลับเรือนไปนอนอ๋องเฉินอยากตาม “ฉู่…”ฉู่เชียนหลีหันกายกลับมา รูสีดำสนิทชี้มาทางผู้ชาย กล่าวด่าว่าอย่างรำคาญ “อย่ามาพูดไร้สาระ

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 19

    สีหน้าเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมลง เหตุใดเขาจึงไม่รู้ว่าตนเองหลับไปแค่คืนเดียวก็ ‘ตายแล้ว’?เขาดึงธงสวดวิญญาณที่ขวางหูขวางตาทิ้ง พอก้าวเท้าเดินออกจากเรือนหานเฟิง ก็เห็นนอกเรือนมีร่างเงาเพรียวบางหนึ่งยืนอยู่บนก้อนหิน มือข้างหนึ่งเท้าเอว มืออีกข้างชี้ฟ้า  น้ำเสียงเปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรม“การจู่โจมของมือสังหารอันตรายสุดขีด ช่วงความเป็นความตายพริบตาเดียว! เขา ยืดอกถือกระบี่กระโจนออกไป!”“เขา ผลักภูเขาพลิกทะเล กล้าหาญไร้เทียมทาน!”“เขา เชี่ยวชาญบุ๋นและบู๊ ไม่กลัวความลำบาก!”สีหน้าหญิงสาวโกรธมาก เนื้อหนังบนใบหน้าสั่น ยิ่งเมื่อพูดถึงจุดสูงสุด น้ำลายถึงกับกระเด็น “สุดท้าย ในที่สุดเขาก็ตายใต้คมกระบี่ของมือสังหาร”“...”สาวใช้สิบกว่าคนที่มาล้อมวง ‘ฟังงิ้ว’ ที่นี่ ในที่สุดเบ้าตาก็แดงก่ำไม่สามารถหักห้ามใจได้อีกคิดไม่ถึงว่าเมื่อคืนจะเกิดเรื่องรุนแรงเช่นนี้คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องผู้อาจหาญที่เป็นดั่งเทพสงครามไร้พ่ายในสนามรบ สุดท้ายแล้วกลับต้องมาจบชีวิตให้กับมือสังหารไร้นามคนหนึ่ง“ท่านอ๋อง!”ในที่สุดสาวใช้คนหนึ่งก็อดกลั้นไม่อยู่ ปล่อยโฮร้องไห้ออกมา“ท่านอ๋องช่างน่าเวทนายิ่ง! ท่านอ๋อง ท่านนอนตาย

Latest chapter

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1154

    คืนแรกที่ออกจากเมืองหลวงฉู่เชียนหลีนอนไม่หลับ…เมืองหลวงอันไกลโพ้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำอูหลาน วังหลวงจุดเทียนสว่างไสวในยามค่ำคืนที่มืดมิด เหล่านางกำนัลถือโคมไฟ ก้มหน้าเดินผ่านยังเงียบๆ ไม่มีใครกล้าพูดมากตำหนักเจาหยางทุกที่มืดมิด ไร้ผู้คน และไม่มีเทียนแม้แต่เล่มเดียว เหมือนกับถูกความมืดกลืนกิน เงียบราวกับดินแดนไร้ผู้คนแต่ท่ามกลางความมืดนั่น กลับมีเสียงหายใจเย็นๆ สายหนึ่งเบาจนแทบไม่ได้ยิน เฟิงเจิ้งหลีนั่งอยู่บนบันได ร่างกายของเขากลมกลืนกับความมืดจนมองเห็นแทบไม่ชัด ดวงตาคู่นั้นฉายแสงในความมืด ราวกับจมอยู่ในเหวลึกอันไร้ที่สิ้นสุดในอดีตที่นี่เคยมีเสียงหัวเราะของเด็กๆ เคยมีรอยยิ้มของนาง ท่าทางที่อ่อนโยนของนาง และเสียงอันนุ่มนวลที่พูดคุยกับเขา ภาพเหล่านั้นเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดยังคงอยู่ในสมองของเขา ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาชัดเจนมากตราตรึงมากนางเคยพูด อยู่ข้างกายเขา รู้สึกสบายใจมากนางเคยพูด จื่อเยี่ยชอบเขา นางก็จะดีกับเขานางเคยพูด…คำพูดไพเราะนางเป็นคนพูด เรื่องใจร้ายก็นางเป็นคนทำล้วนเป็นนาง!ฉู่เชียนหลี!โกหกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเชื่อครั้งแล้วครั้

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1153

    “คุณหนูอย่าคิดมาก แม้องค์หญิงแคว้นหนานยวนท่านนี้น่ารังเกียจไปบ้าง แต่นางทำงานเสร็จ ก็น่าจะกลับแคว้นแล้ว ก็แค่เจอกันชั่วคราว ทำอะไรไม่ได้หรอก” จิ่งอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมฉู่เชียนหลีไม่ได้คิดมากอย่างไรก็ตามผู้ชายอย่างเฟิงเย่เสวียนที่อายุยังน้อย รูปร่างหน้าตาโดดเด่น มีฐานะมีอิทธิพล สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง มีผู้หญิงมากมายชอบก็เป็นเรื่องปกติถ้านางจะถือสา คนมากมายเช่นนั้น จะถือสาไหวได้อย่างไร?นางนึกถึงเรื่องของกู่แพทย์ มองจิ่งอี้อย่างจริงจัง เห็นสีหน้าของเขาค่อนข้างซีดเหมือนคนป่วย ก็รู้แล้วว่าเขากำลังใช้ร่างกายตัวเองเลี้ยงกู้แพทย์“เลี้ยงรอดหรือไม่?” นางถามเบาๆมีการบันทึกในตำราโบราณ กู่แพทย์ชนิดนี้อ่อนแอเลี้ยงยาก เผลอไม่ระวังนิดเดียวก็จะตาย สิ่งที่ทำมาก่อนหน้านี้ก็เปล่าประโยชน์จิ่งอี้หลุบตา เสียงเบามาก“เลี้ยงแล้วสามสิบกว่าตัว ในที่สุดก็เลี้ยงรอดสองตัว…”กู่แพทย์สองตัวนี้ ตอนนี้ถูกเขาเก็บไว้ในหน้าอก พกติดตัวไปทุกที่ ต่อให้เป็นเวลานอน ก็จะนำออกมาดูเป็นระยะกลัวว่าพลั้งเผลอนิดเดียว พวกมันก็จะตายฉู่เชียนหลีเหลือบมอง “อวิ๋นอิงรู้หรือไม่?”“นางไม่รู้ขอรับ คุณหนู อย่าพูดถ

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1152

    เป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปีใบหน้างดงาม การแต่งกายดูขี้เล่นแต่ยังคงสูงศักดิ์ มัดมวยผมและถักเปียหางม้า ซึ่งบ่งบอกว่านางยังไม่แต่งงาน กระโดดออกมาปรากฏตัว ท่าทางที่สดใสร่าเริงนั่น ทำให้ดูเข้าถึงได้ง่ายมากฉู่เชียนหลีเหลือบมอง“เจ้าคือ…”“ข้าชื่อจวินลั่วยวน เป็นองค์หญิงแคว้นหนานยวน”นางแนะนำตัวเอง เสียงนั่นเหมือนนกขมิ้นที่บินออกจากหุบเขา สดใสไพเราะ“อ๋องเฉินกับฮ่องเต้ตงหลิงสู้กัน เสด็จพ่อให้ข้ามาช่วยอ๋องเฉินที่เจียงหนาน ก็เพราะข้าแทรกแซง ฮ่องเต้ตงหลิงจึงให้ความสำคัญกับศึกเมืองเทียนสู่เป็นพิเศษ และลงสนามรบด้วยตัวเอง”ไม่เช่นนั้น ยังไม่สามารถล่อฮ่องเต้ตงหลิงออกมาได้ล่อเสือออกจากถ้ำ พระชายาอ๋องเฉินจึงสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยพูดถึงก็ล้วนเป็นผลงานของนางฉู่เชียนหลีเข้าใจแล้วองค์หญิงของแคว้นหนานยวนท่านนี้ ได้ยินมานานแล้วว่าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของฮ่องเต้หนานยวน เป็นแก้วตาดวงใจที่เหมือนไข่มุกงามบนฝ่ามือ ถูกเอาใจใส่อย่างดีตั้งแต่เด็ก“รบกวนองค์หญิงแล้ว” นางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ถือเป็นมารยาทจวินลั่วยวนประหลาดใจเล็กน้อย “?”แค่นี้?ไม่มีแล้ว?พูดแค่สี่คำก็แสดงความขอบค

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1151

    เด็กน้อยที่ดูกลัวๆ ในตอนแรก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหมือนกับเจอที่พึ่งพิง เบ้าตาแดงก่ำ มุดเข้าไปในอ้อมแขนของนาง“อุแว้!”ร้องไห้เสียงดังนางกลัวมากแม่ของนางไม่อยู่ นางถูกคนรับใช้โยนไปโยนมา กินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ และยังไม่กล้าร้องไห้ เพราะไม่มีใครกล่อมนางอย่างอ่อนโยนและอดทนเหมือนท่านแม่ในที่สุดก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคยแล้วไม่สามารถควบคุมความน้อยใจที่กดเอาไว้ได้อีกต่อไป ปล่อยโฮร้องไห้“ฮือๆ…”สองมือจับเสื้อฉู่เชียนหลี มุดเข้าไปในอกของนางก็ร้องไห้อวิ๋นอิงยกมือขวาขึ้น รีบรับรองทันที “พระชายาวางใจได้ ตอนที่ท่านไม่อยู่ พวกเราดูแลลู่ฉินอย่างดี ไม่มีใครรังแกนางแน่นอน นางน่าจะคิดถึงท่านมาก จึงร้องไห้เช่นนี้”“ท่านไม่รู้หรอก แม้ลู่ฉินยังเล็ก แต่นางรู้ว่าใครเป็นใคร นางจะเอาท่านคนเดียว พึ่งพาท่าน คิดถึงท่าน”หัวใจฉู่เชียนหลีละลายตั้งแต่เด็กคนนี้เกิดมา นางเลี้ยงเองกับมือมาโดยตลอด และความเชื่อใจและการพึ่งพาที่เด็กมีต่อนาง ก็คือการตอบแทนที่ดีที่สุด“ไม่ร้องนะ”นางเช็ดน้ำตาเบาๆ “แม่กลับมาแล้ว ต่อไปจะไม่ไปอีกแล้ว”ในเมื่อเฟิงเจิ้งหลีกับฉู่เจียวเจียวไม่เอาเด็กคนนี้ นางเลี้ยงเอง“แม่…”เสียง

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1150

    ท้ายที่สุดเฟิงเจิ้งหลีก็ไม่ได้ลงมือกองทัพทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันในระยะไกลทั้งเช่นนี้เฟิงเย่เสวียนกอดฉู่เชียนหลีไว้ จับเชือกบังเหียนม้าแน่น ขี่ม้าจากไปเฟิงเจิ้งหลียืนอยู่ที่ข้างแม่น้ำ ร่างกายที่บอบบางถูกลมเย็นพัดจนเสื้อคลุมพลิ้วไหว สีหน้าซีดเผือด แววตาอ่อนล้า มุมปากยังมีคราบเลือด ยืนมองนิ่งๆ ทั้งเช่นนี้…มอง…รอหลังจากขบวนของอ๋องเฉินหายลับตา เขายังคงยืนอยู่ข้างแม่น้ำ เนิ่นนานก็ไม่ขยับสองเท้าหนักเหมือนถูกถ่วงด้วยตะกั่ว สายตามองตรงไปข้างหน้ากลิ่นอายรอบตัวขรึมมาก สีหน้าแยกไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธชั่วขณะ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือเข้าไป…เจียงหนาน เมืองน้ำ[1]  อากาศเย็นสบาย สภาพแวดล้อมดีมากขบวนตรงไปที่ทำเนียบ“ท่านอ๋องกลับมาแล้ว!”“พระชายา?!”เมื่อคนที่เข้ามาต้อนรับเห็นฉู่เชียนหลี แต่ละคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อน แต่หลังจากนั้นก็ดีใจ“พระชายากลับมาแล้ว!”“พระชายากลับมาแล้ว!”เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังก้องไปทั่วท้องฟ้า จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย ข่าวแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วอวิ๋นอิง จิ่งอี้ เฟิ่งหราน คนมากมายรีบมาไม่เจอครึ่งปี มิตรภาพยังคงอยู่“พระชายา ในที่สุ

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1149

    แสงแห่งรุ่งอรุณยามเช้าริบหรี่เวลาหนึ่งคืนเดียว เร่งเดินทางจากเมืองหลวงไปยังแม่น้ำอูหลาน ในช่วงที่ฟ้าใกล้สว่าง คนทั้งกลุ่มข้ามแม่น้ำเมื่อเดินไปถึงครึ่งทาง จุดที่ไกลออกไป มีขบวนอีกกลุ่มมุ่งหน้ามาอย่างเร่งรีบราวกับกระแสน้ำ สายลมเย็นยามเช้าพัดผ่าน เหมือนกับทัพใหญ่เข้าใกล้ชายแดน บรรยากาศที่กดดันอบอวลกลางอากาศหานเฟิง “นายท่าน อ๋องหลีมาแล้ว…”ขบวนสองกลุ่ม พบกันที่แม่น้ำอูหลานเฟิงเย่เสวียนอยู่บนสะพานเฟิงเจิ้งหลีอยู่บนฝั่งหยาดน้ำฟ้าตก สายน้ำไหลเชี่ยว สาดซัดเข้าฝั่ง หยดน้ำกระเซ็น ในอากาศเต็มไปด้วยความหนาวเย็น สองพี่น้องยืนสบตากันจากระยะที่ห่างกันหลายเมตรอยู่ไกลเกินไป แทบมองไม่เห็นอะไรเลยแต่ก็เหมือนกับว่าพวกเขามองเห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ใช้สายตาประลองกันเงียบๆ“ฝ่าบาท” รองแม่ทัพเอ่ยปาก “นี่คือโอกาสดีในการกำจัดอ๋องเฉิน ถือโอกาสตอนที่พวกเขายังอยู่บนสะพาน พวกเราระเบิดสะพาน ให้พวกเขาตกลงไปในน้ำที่ไหลเชี่ยว ไม่ตายก็เหลือแค่ครึ่งชีวิตแน่นอน!”เขาคิดว่า นี่เป็นวิธีที่เหมาะสมมากอ๋องเฉินข้ามสะพานไปครึ่งหนึ่งแล้ว ต่อให้วิ่งไปอีกฝั่งของแม่น้ำ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งก้านธูปเวลาครึ่ง

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1148

    “เป็นไปได้อย่างไร?”นางกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เมื่อห้าวันก่อน ข้าคุยกับเขาแล้ว และจัดการทุกอย่างไว้ให้เขาแล้ว เขาสามารถออกจากวังอย่างราบรื่น นอกเสียจาก…”จู่ๆ นางก็เข้าใจอะไรบางอย่าง เสียงค่อยๆ เบาลงเฟิงเย่เสวียนกล่าวต่อ“เขาไม่อยากไป”ใช่!ไท่ซ่างหวงไม่อยากไปมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยังอาลัยอาวรณ์ หรือเพราะสาเหตุอื่น เขาจึงเลือกที่จะอยู่เมืองหลวงแต่ถ้าหากเขาอยู่เมืองหลวง เฟิงเจิ้งหลีต้องหาเรื่องเขาแน่นอนฉู่เชียนหลีเป็นห่วง หลังจากครุ่นคิด ก็เดินออกไปข้างนอกแล้ว“ไม่ได้ ข้าต้องกลับวังหลวง ทิ้งเขาไว้ในเมืองหลวงเพียงลำพังไม่ได้”“ไม่ทันแล้ว”เฟิงเย่เสวียนจับข้อมือของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ทำให้ทุกคนรู้ตัวแล้ว เกรงว่าตอนนี้คนสนิทของเฟิงเย่เสวียนกำลังมา เขาก็อยู่ระหว่างทางกลับเช่นกัน เสียเวลาไม่ได้แล้ว”กำลังหลักของเขาอยู่ที่เจียงหนานไม่เหมาะที่จะอยู่เมืองหลวงนาน ครึ่งปีมานี้ วิธีการของเฟิงเจิ้งหลีเหี้ยมโหด กำจัดพวกต่อต้าน รวบอำนาจเข้าด้วยกัน เมืองหลวงเป็นถิ่นของเขา อยู่ในถิ่นของเขา พวกเขาเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1147

    “อ๋อง อ๋องเฉิน…”มองดูเฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามาทีละก้าว ร่างกายผู้บัญชาการจางหดเกร็ง เพิ่งอ้าปาก ก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศที่เฉียบคมดังขึ้นเพี๊ยะ!“อ่า!”แส้สีดำแหวกอากาศ ฟาดไปที่ใบหน้าผู้บัญชาการจางตั้งแต่หน้าผากถึงจะจมูกและคาง มีรอยสีเลือดปรากฏขึ้นทั้งลึกทั้งน่ากลัวเขากุมใบหน้า ขดตัวด้วยความเจ็บปวด เสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกฆ่า ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้ ก็โดนฟาดอีกครั้ง“อ่า!”แผ่นหลัง เจ็บอย่างรุนแรงเสื้อผ้าฉีกขาด ผิวหนังปรี่แตกเพี๊ยะเพี๊ยะๆ!“ช่วยด้วย…อ่า!”“อ๊ะ…โปรด โปรดไว้ชีวิต….อ่า!”ผู้บัญชาการจางอยากโต้ตอบ แต่เขาไม่มีโอกาสนี้ และไม่มีความสามารถนี้ อยู่ต่อหน้าเฟิงเย่เสวียน ก็เหมือนกับลูกไก่ตัวหนึ่ง ทำอะไรไม่ได้เลยเขาเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาพื้นไม่มีใครกล้าเข้าไปเหมือนกับที่ผู้บัญชาการจางฟาดเฟิงเย่เสวียนเมื่อครึ่งปีก่อน เฟิงเย่เสวียนฟาดคืนด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบและยังเหี้ยมโหดกว่าด้วยหลังจากถูกฟาดไปหลายสีที ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าเละจนจำไม่ได้ผู้บัญชาการจางทั้งเจ็บทั้งกลัว ประมาณว่ากลัวจนถึงขีดสุด ฟางเส้นสุดท้ายขาด กุมศีรษะกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด“เฟิงเย่เ

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1146

    เฟิงเย่เสวียน!“อ๋องเฉิน?!”“เฟิงเย่เสวียน!”เมื่อร่างเงาสีหมึกสายนั้นร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง และใบหน้าที่คุ้นเคยแผ่กลิ่นอายอันเย็นเยือก ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตะลึงตกใจประหลาดใจคิดไม่ถึงผ่านไปครึ่งปี อ๋องเฉินกลับถึงเมืองหลวงอีกครั้ง ก้าวสู่บ้านเกิดที่คุ้นเคยแห่งนี้ฉู่เชียนหลีไม่เจอเขามาครึ่งปีเต็มๆ แวบแรก ก็มองเห็นหนวดที่อยู่ใต้คางของเขาแล้วทั้งๆ ที่เพิ่งอายุยี่สิบห้าปี ยังหนุ่ม สุขุม หนักแน่น หนวดสีดำนั่นดูไม่เข้ากับใบหน้าของเขาเลยแปลกๆตลกสบตากันผ่านผู้คนมากมายนางมองเห็นเขาในฝูงชนตั้งแต่แวบแรก แล้วเขาจะมองไม่เห็นนางตั้งแต่แวบแรกหรือ? เขาพุ่งพรวดเข้ามากอดนางไว้ในอ้อมกอด กระชับแขนกอดนางไว้แน่น หมื่นพันคำพูด ทั้งหมดอยู่ในอ้อมกอดที่แน่นหนานี้ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด กลับสื่อความหมายออกมาทั้งหมดการกอดคือสิ่งที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยที่สุด“อีอา!”จื่อเยี่ยน้อยยังถูกฉู่เชียนหลีอุ้มไว้ในอ้อมแขนบิดากอดมารดา ประกบเขาไว้ตรงกลาง ทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก โดยเฉพาะหนวดที่อยู่ใต้คาง ตามใบหน้าของเขาจนแดงก่ำแล้วผู้ชายบ้าที่ไหนเนี่ย!โมโห!โบกกำปั้นน้อยๆ ตีใส่ใบหน้าของเฟ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status