คุณหนูตกอับเกิดตายในเกี้ยวระหว่างงานแต่ง ลืมตาตื่นมาอีกที ฟู่จาวหนิงซึ่งเป็นอัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ก็ข้ามภพมาอยู่ในร่างนี้แทนแล้ว บุตรสาวของหมอเทวดาพึ่งพาอำนาจรังแกคนอื่น ทั้งฉีกชุดแต่งงาน แถมยังบังคับให้นางยกเลิกงานแต่ง คู่หมั่นตัวเองก็เอาแต่ปกป้องคนอื่น ดูถูกนาง รังเกียจนาง แถมยังขู่จะฆ่านางอีก คนในตระกูลก็มีแต่พวกอกตัญญูที่คิดจะฆ่าผู้นำตระกูลเพื่อชิงสมบัติทั้งนั้น ฟู่จาวหนิงทำได้เพียงถลกแขนเสื้อขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสู้เท่านั้น เธอถือคติมีแค้นก็ต้องแก้ทันที งานแต่งเฮงซวยแบบนี้จะยกเลิกก็ยกเลิกไปเลย คนอกตัญญูมาคนหนึ่งฆ่าคนหนึ่ง คนชั่วมาสองคนก็ฆ่าทั้งสองคน! ไหนยังจะต้องสู้กับจวิ้นอ๋องผู้มีฐานะสูงส่ง อำนาจคับเมืองคนนั้นอีก จวิ้นอ๋อง : ข้าผิดไปแล้ว ให้อภัยข้าเถอะ ดีกันนะ มากอดหน่อยเร็ว...
View Moreผู้บริหารท้องถิ่นโหยวพอมองไปทางฟู่จิ้นเชิน พ่อลูกทั้งสองคนก็เข้าใจ ว่าพวกเขาเดาถูกแล้ว"แม่นางจูคนนั้น เป็นหลานสาวของใต้เท้าโหยวหรือ?" ฟู่จาวหนิงถาม"ถูกต้อง"ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเงยหน้าขึ้นมาเพราะหลังจากที่องครักษ์ตระกูลจูเข้าเมืองมาหาเขา ก็เล่าที่มาที่ไปของเรื่องออกมา เขาจึงได้รู้ว่าหลานสาวหลังจากเข้าเมืองกลับไม่ได้มาหาเขากับฮูหยิน แต่หลังจากหาข่าวก็ตรงไปที่โรงหมอเลยยิ่งไปกว่านั้น หลังจากเขาเข้ามาพอเห็นเสี่ยวเยว่กับสืออี ถามถึงจูเฉียนเฉี่ยน สีหน้าของทั้งสองคนก็ยากจะบรรยายเลยทีเดียวสืออีแค่บอกกับเขาคำหนึ่ง "แม่นางจูเอาแต่อาละวาดจะขอพบผู้มีพระคุณ"พอได้ยินองครักษ์ของตระกูลจูบอกมา ผู้มีพระคุณของจูเฉียนเฉี่ยนคือฟู่จิ้นเชิน หญิงสาวคนหนึ่งพูดปาวๆ ว่าจะพบเขาให้ได้ แล้วยังไล่ตามมาตลอดทางอีก เห็นได้ชัดว่ามีจุดประสงค์อยู่ดังนั้นผู้บริหารท้องถิ่นโหยวจึงรู้สึกว่าตนเองหน้าตาป่นปี้ไม่มีชิ้นดี โดยเฉพาะอ๋องเจวี้ยนที่ยังนั่งฟังอยู่ข้างๆผู้บริหารท้องถิ่นโหยวอยากจะยกขาแล้วเผ่นเสียด้วยซ้ำ แต่หลานสาวก็ยังอยู่ที่นี่ ต้องพาคนออกไปด้วย"แล้วใต้เท้าโหยวตอนนี้คิดอะไรอยู่ล่ะ?""พระชายา เด็กคนน
"ถ้าอย่างนั้นก็พูดออกมาตรงๆ ท่านเองก็ไม่ใช่คนมีนิสัยคิดมากนี่"ตอนที่ฟู่จาวหนิงพูด เซียวหลันยวนก็กวักมือมาทางนางแล้ว ให้นางมานั่งข้างๆ จากนั้นจึงเอาน้ำแกงถ้วยหนึ่งยกมาตรงหน้านาง"นี่คือรังนกเลือดหายากตุ๋น รีบชิมเร็ว"พูดจบเขาก็หันไปทางฟู่จิ้นเชิน "เอาด้วยไหม?"ฟู่จิ้นเชินตอนนี้ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถามว่าเขาจะเอาไหม แต่มันมีอยู่แค่ถ้วยเดียวเท่านั้น นี่ตุ๋นมาให้จาวหนิงไม่ใช่เรอะ แล้วเขายังกล้าพูดว่าเอาได้รึ?"ไม่ล่ะ ให้จาวหนิงกินก็พอ นางช่วงนี้เหนื่อยหนักมากจริงๆ"ฟู่จิ้นเชินพูดเช่นนี้ เซียวหลันยวนกลับร้องเรียกคน "ยกเข้ามาเลย"พอสิ้นเสียงเขา ก็เห็นหงจั๋วถือถาดเข้ามาจากประตูบนถาดยังมีถ้วยเคลือบขาวลายทองแบบเดียวกันใบหนึ่ง ดูแล้วเหมือนกับของฟู่จาวหนิงไม่ผิดเพี้ยน"คุณชายฟู่ ตุ๋นไว้ให้ท่านถ้วยหนึ่งด้วยเช่นกัน กินตอนที่ยังร้อนเถิด" หงจั๋วบอกพอเปิดฝาถ้วยออก ก็เป็นรังนกเลือดเช่นกันเซียวหลันยวนน้ำเสียงราบเรียบ "เดิมทีข้าก็ไม่ใช่คนที่ขี้งกนักหรอก"ท่าทางนั้นเหมือนจะดูหยิ่งๆ อยู่หน่อยๆ ด้วยฟู่จาวหนิงอดขำขึ้นมาไม่ได้ เซียวหลันยวนตอนนี้ดูมีอารมณ์เหมือนเด็กๆ กล้ามาแย่พ่อของนางด้วย
ฟู่จิ้นเชินรู้สึกว่า แม้พวกเขาจะไม่มีช่วงเวลารักใคร่ระหว่างพ่อลูกอะไรแบบนั้น จาวหนิงเองก็ไม่ได้เรียกเขาว่าท่านพ่อแบบหวานๆ แต่พวกเขาตอนนี้สามารถทำอะไรด้วยกันได้ อยู่กันเหมือนกับเพื่อน เขาก็รู้สึกพอใจมากแล้วและที่น่าตลกก็คือ ทุกครั้งที่จาวหนิงยอมรับความเห็นหรือวิธีการของเขา ชื่นชมเขาขึ้นมา เขาก็รู้สึกมีความสุขมาก"แล้วตอนนี้ให้ข้าช่วยเจ้าเขียนของง่ายๆ ดูดีไหม? แล้วเจ้าจะลดจะเพิ่มบนนั้นก็ค่อยว่ากัน แบบนี้จะลดภาระงานของเจ้าได้บ้างหรือเปล่า?"พอเวลาที่ฟู่จิ้นเชินกับฟู่จาวหนิงอยู่ด้วยกันนานขึ้นหน่อย แล้วพอทำงานด้วยกัน ก็ปรับตัวกับจังหวะของนางได้อย่างรวดเร็ว แล้วยังเรียนรู้ความเคยชินการพูดของนางมาด้วยบางส่วนยังเหลือแค่ช่วยนางเขียนวิธีกับแผนการนี่ล่ะฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกขำๆ แต่ฟู่ชิ้นเชินเองก็ช่วยแบ่งเบางานนางได้มากเลยทีเดียว"เช่นนั้นท่านก็พักผ่อนดีดี อีกเดี๋ยวข้าจะฝังเข็มให้ท่านเสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงอยากจะฉีดยาบำรุงให้เขาสักเข็ม ถือโอกาสฉีดให้ตอนฝังเข็มนี่เลย เขาน่าจะไม่สงสัยอะไร"ได้"ความกังวลใส่ใจของลูกสาว ฟู่จิ้นเชินไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้วตอนนี้เองฟู่จาวหนิงจึงพูดเรื่องของจูเ
ฟู่จาวหนิงกลับไปที่ห้องข้างฝั่งตะวันตก นางวุ่นอยู่กับการช่วยชีวิตรักษา จนพอว่างลงมาได้ประมาณครึ่งชั่วยามเหนื่อยจนนางหอบเบาๆฟู่จิ้นเชินเองก็ยุ่งอยู่ตลอด พอเห็นนางนั่งลงบนหินด้านนอก ก็หยิบเบาะใบหนึ่งเข้ามา"หิมมันเย็นนะ รองไว้หน่อย"ฟู่จาวหนิงลุกขึ้นเอาเบาะมารองไว้แล้วค่อยนั่งลงอย่างเชื่อฟัง"จำนวนคนที่ติดโรคเพิ่มมากขึ้นอีกแล้ว อีกเดี๋ยวผู้บริหารท้องถิ่นโหยวกับที่ปรึกษาคงเข้ามา เกรงว่าน่าจะเป็นข่าวร้ายอีก"ฟู่จิ้นเชินกังวลถึงข่าวร้าย เพราะรู้สึกว่าฟู่จาวหนิงเหนื่อยเกินไปแล้วนั่นเองนางเองเมื่อคืนก็นอนดีหน่อยแล้ววันนี้ก็นอนช้าหน่อย แต่เขารู้ว่าก่อนหน้านี้ตอนกลางวันนางก็เอาแต่วุ่นกับการรักษาคนไข้ ตอนกลางคืนก็ยังค้นคว้ายาอยู่ในห้องตัวเองคนทั้งหมดล้วนกำลังรอตำรับยาของนางตำรับยาที่นางใช้ตอนนี้ก็เป็นตำรับยารักษาโรคหวัดพื้นฐานแต่มีการปรับวัตถุดิบยากับสัดส่วน แต่ท้ายสุดก็ยังรักษาไปถึงต้นตอไม่ได้ กระทั่งยังมีผลกับโรคช้ามากด้วย คนป่วยแรกสุดที่เข้ามา ก็มีแค่ป้าหนิวคนเดียวที่อาการดีขึ้นมาก แต่คนอื่นยังซมกันอยู่เลยถ้าหากประสิทธิภาพช้าขนาดนี้ก็ไม่ไหว พวกเขาเองก็รับคนมากขนาดนี้ไม่ได้ ยิ่
ฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำพูดของไฉ่เอ๋อร์ ก็รู้สึกพูดไม่ออกนางถามต่อถึงสถานการณ์ของกลุ่มเดินทางนั้น แล้วให้ไฉ่เอ๋อร์บรรยายหน้าตาของฮูหยินอะไรนั่น แล้วจึงเตรียมจะออกไปหาเซียวหลันยวนคนเดินทางกลุ่มนั้นน่าจะเป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้าง แล้วยังตรงไปที่เมืองหลวงด้วย ต้องหาตัวพวกเขาให้พบฟู่จาวหนิงไม่ได้รู้สึกญาติดีด้วยกับคนของลัทธิเทพทำลายล้างเลย บวกกับเรื่องที่เสิ่นเชี่ยวถูกใส่ร้ายว่าวางยาเซียวหลันยวนในตอนนั้น ก็เป็นเรื่องที่ลัทธิเทพทำลายล้างจัดฉากขึ้นมา ลัทธิเทพทำลายล้างถือว่าเป็นศัตรูคู่แค้นของนางกับเซียวหลันยวนแล้วเสี่ยวเยว่ก็หิ้วยาน้ำเข้ามาพอดี"ให้นางแช่ไว้จนกว่าอุณหภูมิลดลงก็พอแล้ว อย่าให้เย็นจนจับไข้ หลังจากแช่เสร็จก็ให้นางดื่มน้ำร้อน อย่ากินของซี้ซั้ว ถ้าหิวก็ทนไว้ก่อน" ฟู่จาวหนิงกำชับกับเสี่ยวเยว่"คุณหนู คุณสมบัติทางยาในตัวนางแก้แล้วใช่ไหม?""ตอนนี้แก้ไปเจ็ดส่วนแล้ว ถัดจากนี้อีกสองสามวันยังต้องดื่มยาอีก แล้วก็ยังจะรู้สึกทรมานอยู่บ้าง แต่ก็พอทนได้ ไม่ต้องดูแลมากนักแล้ว"นางเองก็ขี้เกียจจะมาสนใจจูเฉียนเฉี่ยนถ้ามาได้ยินคำพูดพวกนั้นของจูเฉียนเฉี่ยนอีก นางกลัวว่าจะกินข้าวไม่ลง"เ
นางชอบฟู่จิ้นเชินจริงๆ ครั้งนี้พอได้เห็นก็ยิ่งชอบ ก่อนหน้าครั้งนั้น ฟู่จิ้นเชินอยู่ในชุดเรียบง่าย ก็ทำให้นางรู้สึกดูสง่ามากแล้วครั้งนี้ฟู่จิ้นเชินพอสุขภาพกลับมาแข็งแรง แล้วยังอยู่ในชุดผ้าไหมใหม่ พอมองใบหน้าหล่อเหลา นางก็ลุ่มหลงไปแล้วจริงๆ"ข้าจะไม่แย่งความโปรดปรานจากแม่ของท่านหรอก พวกท่านมองข้าเป็นคนที่เพิ่มเข้ามาในบ้านไม่ใช่คนที่เข้ามาแย่งเขาไปก็พอ มองข้าเป็นคนในครอบครัวด้วยได้ไหม?"จูเฉียนเฉี่ยนมองฟู่จาวหนิงอย่างลึกซึ้ง ถ้าไม่ใช่ว่ามือนางขยับไม่ได้ คงจะเข้าไปกุมมือฟู่จาวหนิงอย่างจริงใจไว้แล้วสายตาตอนนี้ของฟู่จาวหนิงที่มองนางก็เหมือนกับมองคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง"ตอนที่พบเจ้าครั้งแรก" จู่ๆ นางก็เอ่ยขึ้นอย่างสงบ ทำให้จูเฉียนเฉี่ยนมองมาที่นางอย่างคาดหวัง "ก็ยังรุ้สึกว่าเป็นแม่นางที่ดูร่าเริงคนหนึ่ง"จูเฉียนเฉี่ยนตาเปล่งประกาย "ข้าเองก็ใช่นั่นล่ะ พวกเราหลังจากนี้ยังเป็นเพื่อนกันได้นี่""แต่ว่าตอนนี้" ฟู่จาวหนิงเอ่ยต่อมาว่า "กลับสมองมีปัญหาเหมือนคนป่วยหนัก"จูเฉียนเฉี่ยนงงงันฟู่จาวหนิงเปลี่ยนหัวข้อทันที "ถัดจากนี้ข้าต้องการให้เจ้าปิดตาปิดปาก จากนั้นก็ไปซะ"เข็มในมือนางแทงเข้าไปที่
พวกของหมอหลวงเผียวเห็นจูเฉียนเฉี่ยนถูกหิ้วออกมา ก็อยากจะถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่เสียงของฟู่จาวหนิงก็ดังลอดออกมาจากในห้อง"หมอหลวงเผียว พาคุณชายหยวนไปช่วยด้านหน้า อย่ามาเกะกะลูกตาที่นี่"หยวนอี้ร้องซู๊ด ถึงกับบอกว่าเขาเกะกะลูกตาเลยหรือนี่?หมอหลวงเผียวเองก็ไม่คิดว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนจะไม่เกรงใจต่อคุณชายหยวนขนาดนี้ นางน่าจะรู้ว่าเขาเป็นคุณชายทูตจากแคว้นหมิ่นแล้วนี่?"ไม่ได้ยินหรือ?"ฟู่จาวหนิงเริ่มหมดความอดทน จูเฉียนเฉี่ยนเป็นหญิงสาว ติดพิษแบบนี้มา พวกเขาเป็นผู้ชายสองคนยังจะมาอยู่วุ่นวายกันที่นี่อีก?ยังไว้หน้าคนอื่นเขาไหมเนี่ย?"คุณหนู ข้าจะหิ้วคุณชายหยวนออกไปเอง" ไป๋หู่ขึ้นหน้ามาหยวนอี้พอเห็นว่าเขามาจริงๆ ก็รีบก้าวเท้าออกไปทันที"ไม่ต้องลงไม้ลงมือหรอก ข้าออกไปเองได้"เขารู้สึกว่าฟู่จาวหนิงคงจะเห็นด้วยที่ให้องครักษ์ลงไม้ลงมือกับเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้รับการเคารพยกย่องหลังจากมาถึงแคว้นเจาเหล่าขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงพวกนั้น คนไหนบ้างที่ไม่ยกย่องต้อนรับเขา?แต่ละคนล้วนพูดกันว่าเขาอายุน้อยแต่ชาญฉลาดมีความสามารถ เป็นคนที่ยอดเยี่ยมอะไรเทือกนั้น อยากจะเชิญเข้าไปกินข้าวร่ำส
พอเห็นออร่าแบบนี้ของฟู่จาวหนิง ก็รู้สึกว่านางน่าจะมีวิธีอยู่หมอหลวงเผียวก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงใจเย็นและนิ่งมาก เหมือนทำทุกอย่างให้ลุล่วงได้ แต่เขาก็ยังไม่ได้มองในแง่ดีนัก"เจ้าสิ่งนี้แก้ไขได้ยากมากจริงๆ"หยวนอี้ตอนนี้เองก็พูดอะไรไม่ค่อยได้ แต่เขาก็จับจุดสำคัญอีกจุดได้ "สาวใช้คนเมื่อครู่ไม่ใช่กำลังถามถึงคุณชายฟู่หรือ? ที่นี่ยังมีคุณชายฟู่คนไหนอีก? ข้าจำได้ว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนไม่มีพี่ชายนี่"ไม่ใช่แค่ไม่มีพี่ชาย เหมือนว่าพี่ทางญาติก็ไม่มีด้วย"นางมีน้องชาย" หมอหลวงเผียวกดเสียงต่ำ"อ้อ ที่แต่ก่อนเป็นคุณชายน้อยเฮ่อเหลียนนั่นน่ะหรือ?""คุณชายหยวนนี่เข้าใจเรื่องของพระชายาอ๋องเจวี้ยนดีเสียจริง?" หมอหลวงเผียวมองหยวนอี้อย่างสงสัย ทำไมต้องคอยหาข่าวของฟู่จาวหนิงขนาดนี้ด้วย?"ก็ไม่หรอก รู้แค่คร่าวๆ เท่านั้น"หยวนอี้เอ่ยต่อ "แต่ว่าคุณชายน้อยฟู่คนนั้นอายุยังน้อยอยู่นี่? คงไม่น่าใช่ผู้มีพระคุณของแม่นางจูนี่หรอกกระมัง?"หมอหลวงเผียวเดิมทีก็ไม่อยากสนทนาหัวข้อนี้กับเขา แต่พอถูกเขาถามแบบนี้ เขาเองก็คุมปากตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน"ก็ไม่เหมือนจริงๆ นั่นล่ะ"หยวนอี้เลิกคิ้ว "หรือก็คือ คุณชายฟู่คน
ฟู่จาวหนิงมาถึงเรือนหน้า เสี่ยวเยว่กับไฉ่เอ๋อร์ก็แทบจะรับมือไม่ไหวแล้วเพราะจูเฉียนเฉี่ยนกระชากเสื้อผ้าตนเองออกหมดแล้ว สีหน้าก็แดงก่ำ สายตาที่มองพวกนางล้วนประกายที่ทำให้คนหวาดกลัวได้อยู่ถ้าไม่ใช่เพราะอายคน เสี่ยวเยว่ก็อยากจะถามหมอหลวงเผียว ว่าพอโดนยานี้แล้ว จะกลายเป็นพวกกินไม่เลือก แล้วหันมากัดนางกับไฉ่เอ๋อร์หรือเปล่า?หญิงสาว ไม่น่าจะมีประโยชน์หรอกกระมัง?"แม่นาง ขอร้องล่ะ รีบได้สติเสียที!" ไฉ่เอ๋อร์เห็นสภาพนี้ของจูเฉียนเฉี่ยนแล้วรู้สึกพังทลายมากพวกนางลงกลอนที่ประตู ไม่เช่นนั้นถ้ามีชายหนุ่มทะเล่อทะล่าเข้ามาแล้วเห็นสภาพของจูเฉียนเฉี่ยนเข้าล่ะก็ จูเฉียนเฉี่ยนคงจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้แล้วเสี่ยวเยว่เห็นแล้วก็รู้สึกไม่มีทางเลือก นางคิดจะฟาดจูเฉียนเฉี่ยนให้สลบไปแต่หมอหลวงเผียวบอกว่าสกัดจุดชีพจรก็ยังไม่ได้ผล"สาดน้ำเย็นใส่นางได้ไหม" เสี่ยวเยว่ถามที่นี่มีน้ำเย็นอยู่กาหนึ่ง เย็นชืดไปแล้ว"แบบนั้นแม่นางข้าจะเป็นหวัดไหม?" ไฉ่เอ๋อร์กลัวขึ้นมาเสี่ยวเยว่เอาชุบน้ำ จากนั้นปิดไปบนหน้าจูเฉียนเฉี่ยน"ทำแบบนี้จะได้สติมาหน่อยไหม?"จูเฉียนเฉี่ยนรู้สึกเย็ฯวาบ แต่ก็แค่สั่นขึ้นมา ยังไม่ได้สติ
ณ เมืองหลวง แคว้นเจาบนถนนที่คึกคักหญิงสาวที่สวมชุดงดงามนางหนึ่งกำลังนำทหารหลายคนของนางไปดักขบวนแห่เจ้าสาวขบวนหนึ่งอย่างดุดัน“หลีกไป นี่คือคุณหนูใหญ่จากตระกูลของหมอเทวดาหลี่ หากว่าพวกเจ้าทำให้คุณหนูไม่พอใจระวังจะเดือดร้อน!” ผู้คนที่กำลังเดินอยู่บนถนนต่างพากันรีบหลีกทางให้ในทันที ด้วยกลัวว่าจะถูกลูกหลง เหล่าชาวเมืองมองไปที่ขบวนแห่เจ้าสาวที่ถูกตกแต่งด้วยความรู้สึกเห็นใจ “นี่เจ้าสาวจากตระกูลไหนกันเนี่ย? ไปทำอะไรให้คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ขัดใจกัน?”“เจ้าไม่รู้หรือ? วันนี้เป็นวันแต่งงานของรัชทายาทเซียวกับคุณหนูตระกูลฟู่ คนที่นั่งอยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวนั่นก็ต้องเป็นคุณหนูฟู่นั่นแหละ”โครม เกี้ยวเจ้าสาวถูกทหารของตระกูลหลี่ใช้กำลังบังคับให้หยุดลง หลังจากที่เกี้ยวเจ้าสาวเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ก็ได้ยินเสียงตุ๊บดังออกมา คล้ายจะเป็นเสียงของศีรษะที่กระแทกอะไรสักอย่าง“ไปเอาตัวฟู่จาวหนิงมา! แล้วก็ไปถอดชุดเจ้าสาวของนางทิ้งซะ!”คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ชี้นิ้วไปยังเกี้ยวเจ้าสาวก่อนจะสั่งออกมาอย่างวางอำนาจ ทันใดนั้นทหารรับใช้ก็วิ่งไปแล้วยื่นมือไปเปิดม่านบังเกี้ยวเจ้าสาวทันทียายเฒ่าผู้ดูแลพิธีที่ยืนอยู่ด้านข้...
Comments