เมื่อเข้ามาอยู่ในโลกนิยาย แพทย์หญิงพบว่า หนึ่ง เธอสวมบทนางร้ายล่มเมือง ฉายาโอสถพิษ (ที่สูญเสียความจำบางส่วน) สอง เธอกำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด เรื่องที่สาม นั้นคือหายนะสุดสยอง บิดาของมารหัวขนที่ ในอดีตเจ้าของร่างนี้ได้ส่งลงหลุมเขากำลังฟื้นคืนชีพ!
View Moreเจิ้นหลี่ฉางถลึงตาใส่เด็กน้อย อายุเพียงเท่านี้ ฝีปากดีเกินวัย ทำให้เขาอยากจับมัด ปล่อยให้อดข้าวอดน้ำสักสามวันสามคืนเสียจริงๆ “รีบไปหาแม่นมของเจ้าเสีย ไม่ก็ไปนอนเล่นให้อ้วนฉุ จนลุกเดินไม่ได้ อย่ามากวนใจผู้ใหญ่” “ไม่ใช่เรื่องของผู้ใหญ่ขอรับ แต่เป็นเรื่องของอันกั๋วกับมารดาเลี้ยง และข้าต้องดูแลนาง” “กั๋วเอ๋อร์ อย่าทำนิสัยไม่น่ารัก หากยังไม่หยุด ข้าจะสั่งให้คุกเข่าสำนักตนสักครึ่งวัน”เผยอันกั๋วมองหน้าสวีหรันเฟยและเม้มปาก พร้อมกลั้นน้ำตาที่มันเจียนจะไหลออกมาอย่างรวดเร็ว “ท่านแม่ขอรับ หากลูกผิด ลูกพร้อมยอมรับโทษ โดยไร้เงื่อนไข” เมื่อเด็กชายทำตาแดงๆ และกำลังกลั้นก้อนสะอื้น ฝ่ายสวีหรันเฟยที่อาการดีขึ้น จึงกวักมือเรียกเขา เพื่อจะปลอบขวัญ ทว่าเป็นตอนนั้นที่ จู่ๆ เกิดเสียงดังโหวกเหวก “ท่านแม่ ท่านแม่คนงามขอรับ ลูกรักของท่านโดนรังแก ท่านแม่ สกุลจ้าวกำลังจะสิ้นทายาทแล้ว!” เสียงดังกล่าวดังมาก ก่อนที่จะมีร่างหนึ่ง วิ่งหลบหน้าหลบหลังจากพ่อบ้าน และมายืนอยู่ต่อหน้าสวีหรันเฟย เจิ้นหลี่ฉางที่มีองครักษ์เงาติดตามตัวเสมอ ส่งสัญญาณออกไป เพียงเท่
ลูกชาย(จอมปลอม)ที่พลัดพราก พ่อบ้านซึ่งถูกส่งตัวให้มาดูแลความเรียบร้อยที่เรือนรับรองต้องปวดหัวหนัก เมื่อครู่มีหนูวิ่งผ่านเข้ามาด้านใน เขาต้องตามจับจนวุ่นวาย ตอนนี้เป็นแมลงสาบ ก่อนจะเห็นแมวสีเทาตัวอ้วนวิ่งหายไปด้านใน กระทั่งเดินออกไปตรวจสอบความเรียบร้อยที่พื้นที่เตรียมลำเลียงอาหารไปยังโถงจัดเลี้ยง เขาพบเด็กชายวัยสิบขวบต้นๆ ฝ่ายนั้น แขนขายาวเก้งก้าง ยืนตาขวางราวกับไม่สบอารมณ์ต่อทุกสิ่ง เด็กชายแต่งตัวคล้ายพวกยาจก ถือพัดใบลานที่สภาพดูแทบไม่ได้ มันขาดแหว่ง และเป็นรู อีกมือหนึ่งเป็นลำไม้ไผ่ยาวราวหนึ่งช่วงตัวผู้ใหญ่ ประเมินแล้วคงเป็นอาวุธ เนื้อตัวดูเหนียวเหนอะหนะ น้ำคงไม่ได้อาบน้ำมานาน ทว่ามีเรื่องน่าประหลาด เพราะไร้กลิ่นเหม็นเน่า แต่พอเข้าไปใกล้ๆ กลับสัมผัสได้ถึงไอเย็นราวกับหลุดเข้าไปในถ้ำน้ำแข็ง พ่อบ้านโบกมือไล่ แต่เด็กชายทำเฉยเมย ดวงตาคมๆ นั้นแดงก่ำอย่างผิดปกติ “ไอ้คนชั้นต่ำ เข้ามาในพื้นที่ด้านในได้อย่างไร” คนที่ถูกต่อว่าแยกเขี้ยวขู่ ท่าทางดุร้ายยิ่ง “หิว ข้าต้องการอาหาร” “เฮอะ มันใช่ที่ซึ่งเจ้าจะมาเดินเผ่นผ่านหรือ เนื้อตัวสกปรก และสา
ลูกหมูของรองแม่ทัพ โถงรับรองที่ว่าการเมืองเผิง ดวงตากลมโตกวาดมองของบนโต๊ะที่มีอยู่มากมาย และสวีหรันเฟยเอ่ยด้วยน้ำเสียงชัดเจน และเป็นท่าทีของผู้มีความรู้ “ของพวกนี้เป็นสมุนไพรช่วยผ่อนคลาย และทำให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งอย่างที่นักปราชญ์กล่าวไว้ การไม่มีโรคย่อมเป็นลาภอันประเสริฐ ร่างกายดี มาจากการกินอาหารดี เช่นนั้น โรคภัยต่างๆ ย่อมไม่กล้ำกราย และช่วยให้หมอในสำนักแพทย์เบาแรง” เผยอี้ฮุ่ยพยักหน้าๆ และรู้สึกว่าตนละอายใจที่เคยเหยียดหยาม ทั้งล่วงเกินอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ แต่ให้ทำอย่างไรได้ เมื่อเห็นใครน่ารัก มีเสน่ห์ เขามักจะก่อกวนเพื่อเรียกร้องให้อีกฝ่ายสนใจ กล่าวได้ว่าเผยอี้ฮุ่ยเข้าหาคนไม่เก่ง เขามักใจร้อน บุ่มบ่าม นอกจากนั้นยังทำตัวได้แย่เสมอ หากพบคนถูกใจ “แม่นางจ้าวคนงาม” สวีหรันเฟยยกมือห้ามอีกฝ่าย พลางคิดใคร่ครวญอยู่ประเดี๋ยวก็บอกรองแม่ทัพว่า “หากต้องการให้เกียรติข้า จงเรียกว่านายหญิงจ้าวเถิด” เผยอี้ฮุ่ยยิ้มกว้าง และหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ ดีๆ เรียกเช่นนั้นนับว่าเหมาะสม” สวีหรันเฟยไม่ได้ตอบ แต่คนที่ฉุนหนัก และปัดถ้วยนำชาซึ่
ร่างไร้ศีรษะในตำหนักบูรพาเมืองหลวง แคว้นปู้โจว ตำหนักบูรพา เป็นเวลาหัวค่ำที่บรรยากาศเงียบ และหนาวเย็นอยู่สักหน่อย ในห้องทำงานกว้าง ร่างเซียวตันเหวิน (รัชทายาท) เกือบพลัดตกเก้าอี้ เพราะหลังจากได้รับข่าวจากขันทีคนสนิท ซึ่งฝ่ายนั้นแจ้งว่า ตำหนักวิเวิก ถูกไฟไหม้ และมีความเสียหายอย่างหนัก แต่สิ่งที่ทำให้เขาตื่นตระหนก เป็นเพราะสุสานลับใต้ดินพังทลาย เมื่อเข้าไปค้นร่างที่ถูกฝังเอาไว้ กลับหายไป และดูเหมือนว่าในโลงศพศิลา ไม่มีได้ร่างของคนผู้นั้นอยู่บัดซบ เรื่องเช่นนี้ไม่สมควรเกิดขึ้น ในช่วงเวลาที่เขาต้องการอำนาจให้มาอยู่ในมือ อีกทั้งบิดากลับมาแข็งแรงเช่นเดิม ไม่มีทางว่าจะสิ้นลมหายใจเหมือนก่อนหน้านี้ นั่นย่อมหมายความว่า ผู้เป็นฮ่องเต้อาจคิดเปลี่ยนรัชทายาทคนใหม่ และเขาจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ยังไม่ทันที่เซียวตันเหวินจะได้คิดสิ่งใดให้กระจ่างแจ้งหลิวเสี้ยนผู้เป็นพระชายาพลันกรีดร้องลั่น นางไม่ได้สวมเสื้อ ด้านล่างเป็นกางเกงชั้นในตัวบาง วิ่งเข้ามายังห้องทำงานของรัชทายาท หญิงสาวส่งเสียงไม่หยุด ก่อนหน้านี้ก็ล้มลุกคลุกคลานมาตามพื้น แต่แข็งใจ บ่ายหน้าออกวิ่งไม่หยุด นางกลั
ข้อตกลง ภายในห้องโถงรับรองอันกว้างขวางเมืองเผิง ฝ่ายเผยอี้ฮุ่ยหงุดหงิดยิ่งนัก เขาต้องการให้หมอจากสำนักแพทย์ช่วยตรวจสมุนไพร และยาที่รับมาจากต่างแคว้น เพื่อทำการซื้อขายกับต่างชาติเพื่อใช้ในกองทัพ ทว่าคนเหล่านี้ หัวโบราณ ทั้งยังบอกว่าสิ่งเหล่านี้หากต้องการให้ปรุงเป็นยา ย่อมใช้เวลานาน และต้องศึกษาอย่างน้อยก็ราวๆ ครึ่งปี ถึงจะสามารถนำเข้าไปใช้กองทัพได้ นอกจากนั้นยังมีสถานการณ์เร่งด่วน ยามนี้มีโรคระบาดที่ส่งผลแก่กองทัพเขา ซึ่งต้องระวังเป็นอย่างมาก รวมถึงตัวเขามีอาการคล้ายคนเป็นไข้มาสองสามวัน และรู้สึกแสบๆ คันๆ ที่หางตากับในร่มผ้า เรื่องนี้เขายังไม่อาจเปิดเผยต่อผู้อื่น แต่ทหารคนสนิทซึ่งเขาเรียกใช้งานบ่อยๆ นั้น ยามนี้ป่วยหนักจนถึงขั้นนอนซม ที่เผยอี้ฮุ่ยย่อมทราบว่าเมืองเผิง มีกำลังผลิตสมุนไพรต่างๆ เป็นอันดับหนึ่งของแคว้น และเผยอี้ฮุ่ย อยากได้ส่วนแบ่งทางการค้า เขาต้องการเป็นนายหน้าโดยให้ญาติฝ่ายมารดาเป็นธุระจัดหา และนำมาขายให้กองทัพ ดังนั้นสำนักแพทย์เมืองเผิงที่เลื่องชื่อ ทั้งยังมีโรงยา โรงปลูกสมุนไพร หากลงความเห็นว่า สิ่งที่เขาให้ตรวจสอบมีคุณภาพดี ภายภาคหน้าเขาจะค้ากำ
ขันทีไม่แท้ การนั่งรถม้าไปยังจวนรับรองของเผยอี้ฮุ่ย ผู้เป็นรองแม่ทัพประจิม สร้างความอึดอัด และครั่นคร้ามใจแก่สวีหรันเฟยเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น คงเพราะในหัวคิดสิ่งต่างๆ ว้าวุ่นไปหมด ซึ่งในห้วงเวลาหนึ่งนางรู้สึกคลับคล้ายว่า คุ้นเคยชายร่างสูงคนนี้ ผิดแต่ชื่อของเขา และเรื่องราวในหนหลังดูเหมือนจะถูกลบหายไปจากหน่วยความทรงจำ ส่วนในยามนี้รับรู้ได้ว่า เจิ้นหลี่ฉางมีหน้าที่สำคัญในการมาเมืองเผิง ซึ่งสำคัญต่อบ้านเมืองยิ่ง “ท่านเป็นผู้ใด และยื่นมือเข้าช่วยข้า มีประสงค์ร้ายหรือดี” สวีหรันเฟยถาม ทั้งระแวง ซึ่งนางออกมาเพียงลำพัง ไม่มีซานซือคุ้มครอง แม้ไม่กลัวอันตราย แต่ซานซือเคยบอกว่าในอดีต ตัวนางมีศัตรูที่จ้องเอาชีวิตตลอด อย่างไรก็ให้ระวังเอาไว้ ฝ่ายเจิ้นหลี่ฉาง อมยิ้มในสีหน้า ท่าทางที่ขึงขังก่อนหน้ากลับผ่อนคลาย และยังส่งความอบอุ่นมาถึงสวีหรันเฟย “บอกตามตรงข้าไม่เบื่อหรอกนะ หากเราต้องทำความรู้จักกันใหม่ อีกสักร้อยหน พันหน” สวีหรันเฟยเลิกคิ้วสูง และฉงนหนัก “อย่าเล่นลิ้น ข้าต้องการความจริง” “โถ กำลังจะเป็นมารดาผู้อื่นแล้ว เจ้าคงต้องการพ่อทูนหัวของเ
อันที่จริงสวีหรันเฟยอยากรู้หลายสิ่งจากปากของสัตว์เหล่านั้นอีกสักหน่อย ทว่าใจนางห่วงหนิงเจี้ยน สถานการณ์ยามนี้ของอีกฝ่ายอยู่ระหว่างความเป็นความตาย เมื่อเป็นเยี่ยงนี้ จึงต้องหาหมอสักคนไปดูอาการหนิงเจี้ยน สำนักแพทย์อยู่ห่างจากโรงเตี้ยมไม่ไกล ทว่าเป็นตอนนั้นที่สวีหรันเฟยรับรู้ได้ว่ามีคนติดตามนางแต่พอหันกลับไปมองก็ไม่พบพวกสะกดรอย นี่คือสิ่งที่คิดไว้ เฮ้อ ก้าวขาออกจากสกุลจ้าวเมื่อเช้านี้ นางลืมไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เหตุนี้ทุกอย่างจึงไม่สะดวก ทั้งพบอุปสรรคขวางหน้า กระทั่งมาถึงด้านหน้าสำนักแพทย์ มีทหารของเผยอี้ฮุ่ยยืนขวางเอาไว้ “โอ้ นึกว่าผู้ใด ที่แท้ก็เป็นแม่นางที่ชิงตัวทาสของรองแม่ทัพเผยไป” สวีหรันเฟยไม่ชอบใจต่อการแสดงความเจ้าชู้ของคนพวกนี้ “ข้าไม่ได้ต้องการหาเรื่องผู้อื่น ยามนี้มีธุระเร่งด่วนโปรดหลีกทาง” สวีหรันเฟยกัดฟันกรอดๆ “หมอที่มีฝีมือทั้งหมด กำลังรับใช้รองแม่ทัพเผย ข้าย้ำเช่นนี้เข้าใจหรือไม่” สวีหรันเฟยกำหมัดแน่น เหตุใดเรื่องราวถึงกำหนดไว้เช่นนี้ กระนั้นเมื่อออกปากจะช่วยหนิงเจี้ยน อีกทั้งคิดถึงตน หากภายภาคหน้า ต้องคลอดบุตรและไม่ได
“เท่าที่ข้าดูด้วยสายตา หากอยากให้นางคนนี้รอด จงรีบป้อนยาขับเลือดให้เขาเสีย ท้องยังไม่โตมาก หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิต นี่คือสิ่งที่ข้าพอจะช่วยได้!” หญิงชรากล่าว และทำให้ทั้งห้องพักเงียบลงราวกับอยู่ในป่าช้า “มารดาท่านเถอะ อาชีพท่านคือ ทำคลอดให้ผู้อื่น ไฉนถึงมีวาจาราวกับสุนัขที่ชอบกินอาจม” สวีหรันเฟยทำให้ทั้งหมอตำแยและผู้อื่นทึ่ง แต่เดิมนางสงบปากสงบคำ ไม่ชอบด่าทอ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ด้วยกดดัน ทั้งยังเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ซึ่งมันเป็นบาปกรรมใหญ่หลวง “ฮึ หากเจรจากันไม่รู้ความ ข้าก็ไม่อาจช่วยเหลือได้ ขอตัวก่อน” หมอตำแยกล่าวจบ ก็เตรียมผละออกจากห้องพัก แต่ซานซือยกมือห้ามนางไว้ “ข้าเสียเวลาตามเจ้ามา ก่อนหน้านี้ก็อวดอ้างว่าตนมีฝีมือเป็นเลิศในเมืองเผิง ไฉนถึงคิดปัดก้นแล้วเดินหนีไปง่ายๆ” “ข้ารับงานมานับสามสิบปี ช่วยเหลือหลายชีวิตมามิน้อย ชื่อเสียงย่อมประจักษ์แจ้ง ส่วนแน่นางน้อยคนนี้ อย่างที่บอก หากอยากให้รอด ต้องสละชีวิตในครรภ์เสีย มิอย่างนั้น จงไปหาหมอจากสำนักแพทย์มาช่วย แต่นางต้องเปลื้องผ้าตรวจร่างกายอย่างละเอียด ต่อหน้าคนอื่น จึงจะได้รู้ว
กำจัดมารหัวขน เรื่องนี้น่าประหลาดใจและชวนให้หงุดหงิด ก็คือการที่สวีหรันเฟยถามออกไปแล้ว กลับไร้คำตอบ ทั้งซานซือ และหนิเจี้ยนต่างทำท่าเหมือนคนน้ำท่วมปาก เมื่อเป็นเช่นนี้ นางรู้ว่าตนคงต้องคอยมองว่า แมวเทาตัวนั้นจะโผล่มาอีกเมื่อใด ซึ่งแน่นอน หนูที่อาละวาดย่อมเป็นฝีมือแมวปีศาจ เมื่อส่งขนมหัวผักกาดและลูกอมถั่วที่โรงเตี้ยม กับเหลาอาหารเรียบร้อย สวีหรันเฟยต้องพบเรื่องที่ไม่คาดฝันอีกหน คราวนี้กลายเป็นว่านางไม่อาจเดินทางกลับเรือนบรรพชนสกุลจ้าวได้ในทันที นั่นเป็นเพราะหนิงเจี้ยนปวดท้องอย่างหนัก สถานการณ์เช่นนี้ ไม่น่าไว้วางใจ ดังนั้นจึงให้ซานซือ เปิดห้องพักพาหนิงเจี้ยนไปรอพบหมอตำแย แต่ทุกอย่างกลับไม่ง่ายดาย เนื่องจาก จู่ๆ ประตูเมืองเปิดต้อนรับ คนแปลกหน้า ทั้งพ่อค้า ชาวต่างแคว้น และมือสังหารไม่ทราบฝ่าย ที่เป็นเช่นนี้ เพราะการมาเยือนของทหารที่มีเผยอี้ฮุ่ยนำทัพนั่นเอง ร้านค้าต่างๆ จึงปิดเร็วกว่าปกติ ใครที่ไม่อยากมีเรื่องกับพวกขุนนางพากันเก็บตัวเงียบ “ไหวหรือไม่” หนิงเจี้ยน ถูกทรมานร่างกายจากสามีมาไม่น้อย ครั้งหนึ่งฝ่ายนั้นแจ้งความประสงค์ว่า ไม่ต้องการให้นางตั
เล่าเรื่องแบบย่อๆ ชาติก่อน สวีหรันเฟย คือนางร้ายโฉมงามล่มเมืองสุดอำมหิตในนิยาย นางหลอกใช้คนรัก แล้วตอกหมุดควบคุมวรยุทธ์ ฝังคนผู้นั้นทั้งเป็น โดยหารู้ไม่ว่า สิ่งที่ทำคือการสร้างจอมมาร ก่อนหน้านั้น สวีหรันเฟยคือผู้ทำหน้าที่ลับๆ ให้กับสกุลสวี มีฉายาว่าโอสถพิษ นางใช้เสน่ห์มัดใจชินอ๋อง (เซียวเหิงจิ้น) หลอกล่อให้หลงเชื่อคำหวานหู ก่อนวางยาเพื่อเพิ่มพลังยุทธ์ เป็นเหตุให้อีกฝ่ายอยู่ในสภาพครึ่งคนครึ่งปีศาจ แล้วควบคุมเขานำกองทัพอาชาโลหิตปราบกบฏจนสำเร็จ สิ่งที่สวีหรันเฟยทำทั้งหมดก็เพื่อช่วยเหลือคนที่นางรักฝ่ายนั้นคือรัชทายาท เมื่อแผนการเรียบรอย หญิงสาวจึงสั่งคนของตน ตอกหมุดเหล็กควบคุมเจ็ดอารมณ์ หกปรารถนา และทำลายพลังยุทธ์เซียวเหิงจิ้น สุดท้ายก็ฝังร่างเขาไว้ในสุสานลับตำหนักเย็น กระนั้น ถึงช่วยรัชทายาทมีชัยชนะขจัดเสี้ยนหนามเขาได้หมด แต่สวีหรันเฟยกลับไม่สมรักกับอีกฝ่าย คนผู้นั้นต้องการผู้ที่มือขาวสะอาดอยู่ข้างกาย(และเขาเลือกหลิวเสี้ยน) ไม่ใช่โอสถพิษอย่างสวีหรันเฟยดังนั้นข้อหาร้ายแรงจึงถูกสร้างขึ้น แล้วโยนความผิดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ จนมีการสังหารยกครัวสกุลสวี หากสวรรค...
Comments