นิยามคำว่า 'เพื่อน' จะไม่มีอีกต่อไป เมื่อเขาอยากเลื่อนขั้นมากกว่าเพื่อนไปเป็น 'แฟน' เลยงัดทุกกลเม็ดเผด็จศึก 'เพื่อน' ของตัวเองทุกอย่าง
View More“อยากจะคิดอะไรก็แล้วแต่ ถ้ามันทำให้นายสบายใจ” มานิตาตอบอย่างไม่ยี่หระเพราะขี้เกียจมานั่งอธิบายอะไรอีกแล้ว ในเมื่อเพทายเข้าใจแบบนั้นมันก็เรื่องของเขา “มันมีเหี้xไรดีกว่ากู” “ดีกว่าทุกตรง ยังจะให้พูดเหรอวะ” มานิตาบอกอย่างเหลืออด “เหอะ...” เพทายเอาลิ้นหนาของตัวเองดุนที่กระพุ้งแก้มขณะที่กำลังพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้คงทีแต่มานิตาก็ยั่วโมโหได้ตลอด “หล่อกว่า รวยกว่า ดีกว่า มีอะไรบ้างที่ฉันไม่ควรเอาเขา” ดวงตาสวยตวัดมองคนตรงหน้า “แล้วมันค...ใหญ่เหมือนกูไหม เอามึงจนมึงครางเรียกหาแต่กูไหม” “ไม่เคยลอง แต่ไว้ถ้าลองแล้วจะมาบอกนะ แต่คิดว่าน่าจะเด็ดอยู่ ของแบบนี้ขนาดไม่สำคัญ มันสำคัญที่ลีลา” มานิตาตอนนี้สวมบทบาทเป็นผู้หญิงกร้านโลกเพราะอยากจะตอกกลับชายตรงหน้าให้เจ็บแสบเหมือนกัน ในเมื่อแต่ละคำที่ผรุสวาทออกมามีแต่ความใจร้ายจนเธอไม่อยากทนอีกต่อไป “มิลค์กี้!!” “ที่นายตามฉันมานี่ เพราะหึงใช่ไหม ทำไมติดใจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ขอโทษเถอะที่ผ่านมาถือว่าฉันนอนกับหมาแล้วกัน ไม่อยากเก็บมาคิด!!”หญิงสาวบอกแค่นั้น ร่างบอ
“อะไรของนาย แล้วช่วยพูดให้มันเพราะๆ กับผู้หญิงบ้างได้ไหม หยาบคายฉิบหาย!” (คนอย่างมึงควรจะพูดเพราะๆ เหรอ กูขอสั่งให้มึงลบแชทไอ้เหี้xนั้น ไอ้คนที่มึงได้จากแอปฯ เวรนั่นออกจากเครื่องเดี๋ยวนี้ ก่อนที่กูจะจัดการโทรศัพท์ของมึงเอง!) “จุ้นว่ะเพ...ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉันไหม ตัวฉัน ฉันจะคุยหรือไม่คุยกับใครมันก็เรื่องของฉันไหม” มานิตาบอกอย่างไม่ยี่หระ อีกอย่างการที่เธอได้รู้จักใครสักคนจากแอปฯ นั้นมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด บางทีเราอาจจะได้เพื่อนคุย มีคนดี คนไม่ดีปะปนกันไป เพทายทำเหมือนว่าตัวเองไม่เคยเล่นอะไรพวกนี้อย่างนั้นแหละ (มึงโง่ไหม ที่อยากเล่นเพราะอยากนัดเ...ย...กับไอ้คนในนั้นหรือไง กับกูคนเดียวไม่พอใช่ไหม!) “เพ! หยาบคายอะ” (หรือกูเอามึงไม่สะใจพอ มึงเลยแอบคุยกับมัน หรือมึงได้กับมันแล้ว มึงบอกกูมานะ!!) “ถ้ามีแล้วจะทำไม ยุ่งอะไรด้วย มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหม จะไปนอนละ” (เปิดกล้องเดี๋ยวนี้) “อะไรของนายอีกวะ ง่วงจะนอน” มานิตาบอกอย่างรำคาญ ไม่เข้าใจว่าทำไมเพทายถึงจุ้นจ้านกับชีวิตของเธอจัง ไม่เข้าใจอารมณ์ขอ
“กูว่าใจเย็นๆ ดีกว่านะเว้ย ยังไงมิลค์กี้มันก็เป็นผู้หญิง” “ไม่ต้องมาเสือกเรื่องของกู เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อนเถอะ” เพทายผรุสวาทออกมาอย่างหงุดหงิด มานิตาไม่รู้หรอกว่าในใจของเขามันเหมือนมีไฟมาสุมที่อกมากแค่ไหน ยิ่งเห็นภาพที่หญิงสาวเดินขึ้นรถไปกับชายอื่นมันยิ่งทำให้เขาแทบทนไม่ได้ จนอยากจะไปกระชากหญิงสาวออกมาตั้งแต่เมื่อกี้ แต่ถ้าทำแบบนั้นเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองกับมานิตาจะหลุดออกไป วินาทีนี้ก็ได้แต่ตีอกชกลมกับตัวเอง “อ้าว...กูโดนด่าเฉยเลย จะโดนเมียทิ้งแล้วมาหงุดหงิดใส่เพื่อนว่ะ” “ไอ้วาโย!!” “ไม่พูดแล้ว กลับบ้านดีกว่า มึงจะกลับเลยไหม หรือจะไปตามเมียกลับบ้าน” วาโยร้องแซว ปากของเพทายที่บอกไม่สนใจมานิตา แต่วันนี้ทั้งวันเขาเห็นสายตาที่มันจ้องหลังของหญิงสาวทั้งคลาส และยิ่งมาเจอเมียตัวเองกำลังไปกับชายอื่นมันคงกำลังโกรธ “จุ้นว่ะ” “ก็ถนอมๆ มันหน่อยนะ ยังไงมิลค์กี้มันก็เป็นผู้หญิง” “เออ...มึงกลับไปเถอะ” มือหนาของเพทายจ้องมองสตอรี่ไอจีของมานิตาที่ถ่ายคลิปลงแล้วยิ้มอย่างมีความสุขโดยมีผู้ชายคนใหม่นั่งข้างๆ ท
“พร้อมก็เล่านะ ฉันอยากรับฟังแก” มือบางของญาณินลูบที่หลังบางอย่างปลอบใจ รู้ดีว่ามานิตาพยายามเก็บกดความเสียใจของตัวเองเอาไว้ จากสายตาที่บ่งบอกว่าเพื่อนกำลังเจ็บปวด “ขอบใจมากนะที่เข้าใจฉัน” มานิตาเลือกจะนั่งข้างหน้าเพราะไม่อยากเห็นเพทาย ไม่อยากมองอะไรที่เป็นเขา และไม่อยากให้ตัวเองต้องเจ็บปวดแบบนี้อีกแล้ว “วันนี้ไปหาอะไรกินกันไหม เผื่อแกจะได้หายเครียด” “ก็ดีนะ” ขณะที่หญิงสาวกำลังจะลุกขึ้นเสียงข้อความก็ดังแจ้งเตือนและพบว่าตะวันเป็นคนส่งข้อความมา (วันนี้เลิกเรียนมิลค์กี้ว่างไหมครับ) (มิลค์มีนัดกับเพื่อนแล้วค่ะพี่ซัน) นิ้วเรียวพิมพ์ตอบกลับไปทำให้ญาณินที่ยืนข้างๆ แอบเหลือบมองว่าใครกันที่ส่งข้อความมาหาเพื่อนและดูมานิตาจะอารมณ์ดีขึ้น (เหรอครับ ชวนเพื่อนไปด้วยก็ได้นะครับ พี่อยากรู้จักเพื่อนมิลค์กี้) (จะดีเหรอคะ) (ดีสิครับ งั้นมิลค์กี้รอที่มหาวิทยาลัยนะครับ เดี๋ยวพี่ไปรับ) (เออไปเจอกันที่ห้างฯ เลยดีไหมคะ) หญิงสาวตอบกลับไปเพราะเกรงใจที่ตะวันฉายต้องวนมารับเธอกับญาณิน (ไม่ดีครับ เพราะพี่รออย
“ว่ายังไงครับ...จีบได้ไหม” ดวงตาของตะวันฉายเป็นประกายเวลาที่มองหน้าของมานิตา ยอมรับว่าเธอเขินเพราะใครจะไม่เขินเวลาที่มีผู้ชายหล่อๆ มาบอกว่าจะจีบ แต่ถ้าถามว่าจะให้เปิดใจตอนนี้ไหมก็คงไม่ แต่ถ้าลองคุยกับใครสักคนดูมันก็คงไม่เสียหายอะไร อย่างน้อยเขาอาจจะช่วยมาเยียวยาหัวใจที่กำลังบอบช้ำของเธอก็ได้ “ไม่รู้สิคะ...” “ไม่รู้แสดงว่าจีบได้ใช่ไหมครับ” ในเมื่อหญิงสาวไม่ปิดกั้นเขาก็มีสิทธิ์ที่จะจีบเธอ “เอ่อ...” “งั้นพี่เดินหน้าเลยนะครับ” ตะวันฉายคิดว่าการที่มีโอกาสได้เข้าหามานิตาแล้วเขาจะไม่รอช้าอีกต่อไป หลังจากนี้ตัวเองจะเดินหน้าจีบเธอแม้จะรู้ว่าความหวังมันริบหรี่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ในเมื่อเธอไม่ปิดกั้นแสดงว่าหัวใจของเธอยังสามารถเปิดรับเขาได้ “จะดีเหรอคะ” “ครับ...ดีที่สุดเลย” “มิลค์กี้เขินนะคะที่พี่พูดแบบนี้” ใบหน้าหวานแดงซ่านแต่ไม่ได้ตื่นเต้นจนหัวใจจะทะลุออกมาเหมือนตอนที่อยู่กับเพทาย แต่มันไม่ได้หมายความว่าเธอจะลืมผู้ชายคนนั้นไม่ได้ อย่างน้อยตะวันฉายอาจจะช่วยทำให้หัวใจของเธอแข็งแรงขึ้นก็ได้ “ดีแล้วครั
“แหม...รีบไล่พวกกูเลยนะ อยากสวีตสองคนก็ไม่บอกนะ งั้นพวกพี่กลับก่อนนะครับน้องมิลค์กี้ ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่ออกจากโรงพยาบาลพวกพี่จะมาเยี่ยมใหม่นะครับ” สองหนุ่มโบกมือลาพร้อมกับยักคิ้วให้กับตะวันฉายอีกครั้งเมื่อรู้ว่าเพื่อนชอบแม่สาวร่างเล็กคนนี้ ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบเมื่อมานิตานึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกครั้ง จนเธออยากจะร้องไห้ออกมา เธอกำลังเสียใจเรื่องของเพทาย “มิลค์กี้เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” มือหนาเอื้อมไปหยิบทิชชูพร้อมกับส่งมันให้กับมานิตาที่กำลังน้ำตาไหล “เปล่าค่ะ มิลค์กี้มีอะไรให้ต้องคิดนิดหน่อย ขอบคุณสำหรับความห่วงใยนะคะ” เธอบอกด้วยเสียงสะอื้น “มีอะไรเล่าให้พี่ฟังได้นะครับ พี่พร้อมจะเป็นผู้รับฟังที่ดีให้มิลค์กี้ได้นะ” ใบหน้าหล่อเหลาเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อเห็นน้ำตาสาว เธอเหมือนมีเรื่องที่ทุกข์ใจจนเขาอดห่วงไม่ได้ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อย่าเอาเรื่องของมิลค์กี้ไปคิดเลยนะคะ” เสียงหวานบอกพร้อมกับบีบมือของตัวเองแน่นและเม้มริมฝีปากบางเข้าหากัน “เรื่องบางเรื่องมันอาจจะแก้ปัญหาคนเดียวไม่ได้ ถ้ามีสองคนช่วยคิดช่วยแก้ปัญหามันอาจจะดีขึ้นก็ได
บทที่ 10สิ่งที่เข้ามาแทนที่กลิ่นยาลอยเข้ามาในจมูกทำเอาคนที่หมดสติไปพยายามลืมตาขึ้นมา พร้อมกับมองตรงหน้าก็พบกับเพดานสีขาวสะอาดตาพร้อมกับกลิ่นที่เธอไม่ชอบมากที่สุด กลิ่นที่เธอได้กลิ่นแล้วอยากจะอาเจียนออกมาแต่เพราะกลิ่นนี้มันทำให้เธอตื่นจากการหลับใหลมาหลายชั่วโมง “ฟื้นแล้วเหรอมิลค์กี้...” เสียงที่คุ้นหูทำให้มานิตาค่อยๆ หันไปมองแล้วพยายามโฟกัสกับภาพตรงหน้ามากขึ้น ก่อนจะพบว่าคนที่กำลังนั่งจับมือของเธออยู่คือตะวันฉาย ผู้ชายที่เธอเคยเจอตอนที่เล่นแอปฯ หาเพื่อน “พี่ซัน...” เสียงหวานเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบา “พี่ดีใจนะที่มิลค์กี้ฟื้นขึ้นมาแล้ว” ใบหน้าหล่อเหลาฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับบีบมือบางของหญิงสาวเอาไว้เบาๆ เพื่อย้ำเตือนให้เธอมีสติมากขึ้น “มิลค์กี้อยู่ที่ไหนคะ” ดวงตากลมโตค่อยๆ มองรอบๆ ก็พบกับผนังสีสะอาดตาพร้อมกับกลิ่นยาที่คละคลุ้งเต็มไปหมด “พี่พามิลค์กี้มาโรงพยาบาลเอง โอเคขึ้นไหม ดีขึ้นหรือเปล่า” เมื่อคนร่างสูงพูดจบ มานิตาก็พยายามพยุงร่างกายของตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ก็รู้สึกเจ็บที่หน้าท้องซึ่งน่าจะเกิดจากการที่ถูกไอ้เลวพวกนั่นต่อย
เพทายก้มมองส่วนยอดที่ถูกร่างบางกลืนเข้าไปอย่างเสียวซ่าน จากนั้นเขาก็โถมสะโพกเสยเข้าไปในร่างกายของเธออย่างรัวและแรงเพื่อปลดปล่อยความต้องการของตัวเองออกมา ทุกครั้งเวลามีอะไรกับหญิงสาวเขาจะเป็นฝ่ายป้องกันตลอดเพราะไม่อยากให้เธอกินยา แต่วันนี้ตัวเขาลืมเพราะมัวแต่โกรธคนตัวเล็ก กระทั่งรับรู้ว่าเชื้อพันธุ์ในร่างกายของตัวเองกำลังจะหลั่งไหลออกมา แต่แทนที่ตนจะถอดถอนมันออกมา เขากลับกดย้ำเข้าไปในโพรงสาวลึกมากกว่าเดิม“อ๊า...เสียวเป็นบ้าเลย” ใบหน้าคมคายแหงนขึ้นเมื่อน้ำสีขาวขุ่นแตกเข้าไปในร่องรักเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเขาก็รู้สึกเสียวซาบซ่านไปทั่วสรรพางค์ร่างใหญ่ทรุดกายทาบทับคนตัวเล็กอย่างอ่อนแรงกับศึกรักที่กินเวลาเป็นชั่วโมง เขาไม่เคยบ้าคลั่งกับคนตัวเล็กเท่านี้มาก่อน แต่เธอทั้งยั่วโมโหและยั่วอารมณ์จนไม่สามารถหยุดยั้งอารมณ์ของตัวเองได้มานิตาลืมตามองเสี้ยวใบหน้าคมคายที่หลับตาพริ้มอย่างอ่อนแรง แต่ตอนนี้นอกจากจะเหนื่อยกายแล้วแต่กลับเหนื่อยใจกับความรักในครั้งนี้เพทายนอนพักอยู่บนเรือนร่างเล็กเพียงสักครู่ จากนั้นเขาก็ผละออกจากมานิตาพร้อมกับปรายตามองเธอเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูคลุมกายท่อนล
“เพ...” ร่างบอบบางอ่อนไหวอีกครั้งเมื่อเพทายไม่ได้หยาบคายและดิบเถื่อนเหมือนก่อนหน้า เธอชอบใจอ่อนให้กับเขาเสมอ แต่เมื่อไหร่ที่ชายหนุ่มทำตัวร้ายๆ เธอก็อดที่จะกลัวเช่นเดียวกันจ๊วบ!!มานิตาโน้มมารับจูบหวานๆ จากเพทาย เธอไม่อยากให้เขาเกลียด อยากให้เขารักเธอเหมือนก่อนหน้านี้ แม้จะรู้ว่าความรักที่ชายหนุ่มมอบให้เธอมันไม่ถึงเสี้ยวที่ชายหนุ่มมอบให้กับอลิซ แต่อย่างน้อยเธอขอเพียงแค่เศษเสี้ยวหัวใจของเขาก็พอแล้วท่าทีโอนอ่อนของคนตัวเล็กทำให้เพทายแสยะยิ้มออกมา เขารู้ว่ามานิตาหวั่นไหวกับเขา เพียงแค่พูดดีด้วยเธอก็อ่อนระทวยจนแทบไม่ต้องทำอะไรแล้ว“รักเราไหม”“เพ” ดวงตากลมโตจ้องมองคนที่อยู่ใต้ร่างแล้วจ้องใบหน้าหล่อเหลาด้วยอาการหัวใจกระตุก เธอไม่รู้ว่าทำไมเพทายถามออกมาแบบนี้“บอกฉันหน่อยสิ รักฉันไหม”“ฉันรักนาย” มานิตาไม่ปกปิดความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเพทาย เธอรักเขา รักมาตลอด รักผู้ชายที่ไม่เคยแม้แต่จะเหลียวมอง แต่วันนี้เขากลับมาอยู่ตรงหน้า จูบเธอ กอดเธอ มันยิ่งทำให้หัวใจสาวลิงโลดมีความสุขที่เขาทำดีด้วย“หึหึ...แต่ฉันไม่เคยรักเธอ คนที่ฉันรักคนเดียวคืออลิซ ไม่ใช่เธอ” คำพูดที่เหมือนคมมีดที่กรีดไปถึงขั้วหัว
บทนำเพื่อนกันมันดีร่างอวบอิ่มของหญิงสาวที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมทั้งใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกชื้นจากการสระผมเมื่อครู่ มือบางบรรจงลูบไล้ที่ผมยาวสลวยอย่างประณีต เพราะผมคือสิ่งที่เธอรักและหวงแหนมากที่สุด แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากกว่านี้เสียง notification จากแอปพลิเคชันสำหรับการแชทก็ดังขึ้น มือเรียวจัดการยกโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับกวาดสายตามองหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเจอกับข้อความของใครบางคนที่ส่งมาเหมือนกำลังด่าจนเธอหน้าชาไปหมด (มึงยังไม่เลิกคุยกับคนที่เจอจากในแอปฯ นั้นอีกเหรอมิลค์กี้ มึงจะยั่วให้กูโมโหมึงไปถึงไหนวะ)ข้อความที่ถูกส่งมาแม้มันจะไม่มีเสียง แต่ก็บ่งบอกถึงความรู้สึกของคนปลายทางได้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธมากแค่ไหน แต่คนอย่าง ‘มานิตา โชติมากรณ์ หรือมิลค์กี้’ จะสนใจ เธอเลือกที่จะมองโดยไม่ได้ตอบกลับอะไร จากนั้นก็วางโทรศัพท์ไว้บนเตียงแล้วบรรจงเช็ดผมที่เปียกของตัวเองอย่างสบายอารมณ์ ไม่ได้สนใจข้อความที่เด้งเข้ามาไม่ขาดสายอีกต่อไป ทว่ายังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากกว่านี้ โทรศัพท์ก็แผดเสียงดังสนั่นไปทั่วห้อง ทำเอาคนที่กำลังมีความ...
Comments