“ขอขึ้นไปฉี่ที่ห้องน้ำในห้องเธอได้ไหม” เพทายหรี่ตาราวกับกำลังปวดมาก จนมานิตาอดสงสารไม่ได้เพราะเข้าใจว่าเวลาที่เราปวดฉี่มันทรมานมากแค่ไหน
“จะดีเหรอ”
“ดี...หอเธอไม่ใช่หอหญิงไม่ใช่ไง ขอขึ้นไปฉี่นิดเดียวได้ไหม ขอร้องล่ะ อย่าให้แตกราดเลย”
“พูดอะไร ทุเรศอะ ไปๆ รีบไปจะได้รีบกลับ” ว่าจบสาวร่างเล็กก็เปิดประตูแล้วเดินนำหน้าชายหนุ่มไป โดยไม่ทันได้ดูเลยว่าเพทายกำลังแสยะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
ร่างใหญ่เดินตามคนตัวเล็กพร้อมกับมองร่างบอบบางจากทางด้านหลัง วันนี้มานิตาไม่ได้ใส่เสื้อช็อปอย่างทุกวันเธออยู่ในชุดนักศึกษาตัวเล็กพร้อมทั้งกระโปรงพีชที่ไม่สั้นไม่ยาวเกินไป ทำเอาคนที่มองบั้นท้ายงามงอนอยู่ถึงกับใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“ถึงแล้ว...รีบเข้าไปฉี่สิ”
มานิตาเปิดประตูให้คนตัวโตเข้าไป เพทายก็รุดหน้าไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว จากนั้นมานิตาก็ปิดประตูหอพักของตัวเองทันที และรอให้เพื่อนชายเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยจนกระทั่งเธอรอเพทายที่หน้าห้องน้ำเกือบสิบนาทีจนต้องร้องเรียก
“เพ...เข้าไปนานจัง...ถ่ายหนักหรือไง...”
“เปล่า” เสียงเข้มตะโกนออกมา
“แล้วเข้าไปทำอะไรนานจัง ฉันก็ปวดฉี่นะ” ร่างเล็กบดเบียดเรียวขาของตัวเองไปมาเพื่อสะกดกลั้นความรู้สึกปวดฉี่เอาไว้
“เสร็จแล้ว...” ว่าจบร่างใหญ่ก็เดินออกมาในสภาพเปลือยท่อนบนทำเอาคนตัวเล็กถึงกับตาค้างเพราะเห็นร่างกายขาวผ่องของเพทายเต็มๆ ตา รูปร่างสูงใหญ่แผงอกกว้างที่มีไหล่กำยำ และเมื่อไล่มองที่หน้าท้องแกร่งมันแข็งเป็นลอนจนเธอเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัว
‘พระเจ้า เพทายหุ่นดีเป็นบ้า คนอะไรเกิดมาหน้าตาดีไม่พอ พระเจ้ายังสร้างให้หุ่นดีอีก’
“มองขนาดนี้กินกันเลยไหม” เมื่อเสียงทุ้มเปล่งออกมาทำเอาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่ถึงกับหลุดออกจากภวังค์เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มพูดมันแทบจะจริงทุกอย่าง
“บ้า...แล้วถอดเสื้อทำไม ไหนว่าเข้าไปฉี่”
“ก็ฉี่ แต่พอดีกดสายฉีดผิด มันเลยพุ่งโดนเสื้อหมดเลย เปียกหมดเลยเนี่ย” มือหนาโชว์เสื้อนักศึกษาสีขาวของตัวเองที่ตอนนี้เปียกชุ่มไปทั้งตัว จนเธอสงสัยว่าเขาไปทำอิท่าไหนถึงได้เปียกหมดแบบนี้
“เอ้า! อะไรของนายเนี่ย แล้วจะกลับบ้านยังไง”
“ขอนอนนี่ก่อนได้ไหม”
“ฮะ...ไม่ได้สิ นายเอารถมานี่ เดินไปเปียกๆ แบบนี้ก็กลับบ้านได้ไหม” เจ้าของเสียงหวานร้องแว้ดเมื่อเพื่อนมาขอค้างด้วย ถ้าเป็นเพื่อนผู้หญิงเธอจะไม่ว่าอะไรเลย
ทำไมนะ ทำไมถึงรู้สึกว่าเพทายรุกเธอเหลือเกิน แต่มานิตาก็พยายามไม่คิดอะไรมาก เพราะที่ผ่านมาเพทายก็เป็นเพื่อนที่ดีมาตลอด อาจจะมีแซวกันบ้างตามประสาเพื่อน แต่แค่รู้สึกว่าช่วงหลังๆ เพทายดูรุกเธอแปลกๆ แค่นั้น
ครืด!!
ยังไม่ทันที่สองหนุ่มสาวจะได้คุยอะไรกันมากไปกว่านี้ เสียงฟ้าร้องด้านนอกก็ดังขึ้น มานิตาชำเลืองมองที่หน้าต่างแล้วรู้สึกว่าฟ้าฝนก็เป็นใจเสียเหลือเกิน นี่ไม่ใช่นิยายนะทำไมฝนดันมาตกถูกจังหวะเสียจริง
“ว้า...ฝนตกละ หนักด้วยนะ จะขับรถกลับยังไงเนี่ย...ขอนอนที่นี่ก่อนได้ไหม หรือไม่ถ้าฝนหยุดตกแล้วจะกลับ” ดวงตาคมกริบจ้องมองใบหน้าหวานที่ทำท่าทางกังวล จนเขาเปรยออกมาเพราะไม่อยากให้สาวเจ้ารู้สึกไม่ดี
“ก็ได้ งั้นหลีกไปหน่อย ฉันจะไปอาบน้ำ” แขนบางดันร่างหนาให้ออกห่างจากห้องน้ำจนรู้สึกถึงหน้าท้องลอนสวยที่แกร่งจนเธอวูบวาบเลย
“อาบด้วยได้ไหม”
“อะไร...ทะลึ่งไหมเนี่ย” ใบหน้าหวานเงยมองคนตัวโตที่พูดจาสองแง่สองง่ามจนเธอขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“จะได้ประหยัดน้ำไง” ว่าจบร่างหนาของเพทายก็ขยับเบียดตัวเองเข้ามาใกล้คนตัวเล็ก จนหญิงสาวรับรู้ว่าแผ่นหลังของเธอแนบชิดกับผนังห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“จะ...จะทำอะไร” ด้วยความที่ส่วนสูงห่างกันเยอะมากเธอเลยต้องเงยหน้ามองคนตัวโตที่ตอนนี้กำลังก้มมองเธอแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
“คิดว่าจะทำอะไรล่ะ เวลาที่ผู้หญิงผู้ชายอยู่ด้วยกันสองต่อสอง” ขณะที่พูดมือหนาของคนตัวโตก็เลื่อนมาโอบเอวบางเอาไว้แล้วรั้งให้เธอแนบชิดกับเขาให้มากที่สุด
“อย่าทำอะไรบ้าๆ เราเพื่อนกันนะเว้ย” ดวงตาสวยสั่นระริก ยิ่งตอนนี้เธอได้กลิ่นหอมๆ จากกายหนาทำเอาหัวใจสาวเต้นแรง ร่างกายที่เปลือยของเขาทำเอาเธอควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ กระทั่งรับรู้ว่าใบหน้าหล่อเหลากำลังโน้มลงมาใกล้
ติ๊ด!!
เสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์มือถือราวกับระฆังช่วยชีวิตเอาไว้ ร่างเล็กสะดุ้งพร้อมกับผลักอกแกร่งให้ออกห่างซึ่งเธอเห็นแวบหนึ่งที่เพทายยิ้มออกมาแต่มันเป็นยิ้มร้ายๆ ที่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร
ร่างเล็กเดินไปหยิบโทรศัพท์แล้วจะเอาเข้าไปในห้องน้ำด้วย แต่มือหนาของเพทายกลับคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ก่อนที่เธอจะเข้าไปข้างใน
“จะเอาโทรศัพท์เข้าไปทำไม รีบอาบน้ำดิ”
“จะเอาไปเปิดเพลงฟังตอนอาบน้ำ” เสียงหวานบอกก่อนเพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับคนตัวโตที่ทำเหมือนจับผิดเธอทุกอย่าง
“จะเอาไปเปิดเพลงฟังหรือจะไปแอบคุยกับใครกันแน่” ดวงตาคมกริบหรี่ตามองราวกับกำลังจับผิด แล้วไม่รู้ทำไมเธอต้องรู้สึกกลัวสายตาของเขาด้วยนะ กลัวว่าตัวเองจะทำผิดแล้วทำให้เขาไม่สบายใจ
“อะไร...จะคุยกับใครมันก็เรื่องของฉันไหม” ดวงตากลมโตเหลือบมองเพทายที่เอาแต่จ้องมองเธอไม่วางตา แถมมือที่กำข้อมือเล็กก็เริ่มเพิ่มแรงมากขึ้นจนรู้สึกเจ็บ “เจ็บนะเพ...จับข้อมือเราแรงไปไหม”
มานิตานิ่วหน้าด้วยความเจ็บเมื่อมือใหญ่เพิ่มแรงบีบมากขึ้น มือของเขาใหญ่มาก ใหญ่กว่าข้อมือของเธอมากๆ
“เอาโทรศัพท์วางตรงนี้ แล้วเข้าไปอาบน้ำซะ...ไม่ต้องเอาเข้าไป” เพทายบอกอย่างออกคำสั่ง จากนั้นก็ดึงโทรศัพท์มือถือในมือของเธอออกไปจนเธอหน้าเหวออย่างไม่เข้าใจ ทำไมเขาต้องทำเหมือนหวงเธอด้วย ถ้าไม่คิดอะไรอย่ามาทำให้รู้สึกคิดลึกได้ไหม
“แต่...”
“จะอาบดีๆ หรือจะให้เข้าไปอาบน้ำด้วย แต่จะบอกอะไรให้นะ ถ้าฉันเข้าไปด้วย มันไม่จบแค่อาบน้ำด้วยกันหรอกนะ” เพทายกดสายตามองคนตัวเล็กจนเธอตัวสั่นระริกอย่างกลัวๆ และเมื่อมือหนาปล่อยข้อมือเธอเป็นอิสระหญิงสาวก็รีบไปหยิบเสื้อผ้าที่จะใส่นอนพร้อมกับผ้าเช็ดตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนโทรศัพท์มือถือของเธอตอนนี้มันลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่ที่เตียงแล้ว เพราะเมื่อครู่เพทายโยนมันไป ย้ำอีกครั้งว่าโยนจริงๆ ถ้าไม่คิดว่าเป็นที่นอนนุ่มๆ ป่านนี้โทรศัพท์ของเธอคงพังไปแล้ว
“โยนแบบนี้ถ้าโทรศัพท์ฉันพังนายต้องชดใช้นะ!”
“จะเอาอีกกี่เครื่องก็บอกมา เดี๋ยวซื้อให้หมด” เพทายบอกด้วยเสียงเคร่งขรึม
“ชิส์...รวยสุดจ้า”
“อยากมีผัวรวยไหมล่ะ เป็นให้ได้นะ”
“ไม่คุยกับนายแล้ว ปวดจิต ไปอาบน้ำดีกว่า” ว่าจบคนตัวเล็กก็รีบเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ทำการอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่ปกติเธอเป็นคนที่อาบน้ำนานแต่เพราะคำพูดของคนตัวโตทำให้เธอเร่งรีบอย่างไม่รู้ว่าเพราะอะไรต้องทำตามคำพูดของเขา
ก่อนจะออกจากห้องน้ำมือน้อยก็จัดการแง้มประตูเพื่อชะโงกหน้าไปดูก่อนว่าคนตัวโตกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ และเมื่อมองก็เห็นว่าชายหนุ่มกำลังนอนเล่นมือถือบนเตียงของเธออย่างสบายใจ
“นี่...เพทาย...นายยังไม่อาบน้ำมานอนบนเตียงฉันได้ยังไง” ร่างเล็กเดินมายืนเท้าสะเอวมองเพทายที่นอนสบายใจราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ก็บอกว่าจะอาบพร้อมเธอเธอก็ไม่ยอม...”
“ไอ้เพ...ทะลึ่งละ ไปอาบน้ำไป”
“ค้าบ...ดุจังเลย ถ้าเป็นเมียจะดุขนาดไหน”
เพทายบอกแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวอีกผืนของมานิตาแล้วเอาพาดบ่าพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องน้ำ แต่ก่อนจะถึงห้องน้ำเขาก็ต้องเดินผ่านคนตัวเล็กที่ตอนนี้ร่างกายหอมกรุ่นจากกลิ่นสบู่อ่อนๆ
“ตัวหอมจัง...” คนตัวโตโน้มเข้ามาใกล้แล้วทำท่าสูดดมความหอมจากกลิ่นกายหญิงสาว
“ไอ้บ้า! ไปอาบน้ำเลยนะ มายุ่งอะไรกับฉันเนี่ย”
“หึ...” เพทายเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้ว แต่มานิตากลับกำลังยืนใจเต้นแรง เพราะจังหวะที่ชายหนุ่มโน้มตัวลงมาเพื่อจะสูดดมกลิ่นจากกายเธอมันใกล้ชิดจนเธอหวั่นไหว
บทที่ 2ขอกินนมได้ไหมเวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาทีที่เพทายหายเข้าไปอาบน้ำเพราะเธอไม่ชอบคนซกมก แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมให้เพทายอยู่ที่นี่ ทั้งๆ ที่เขามีรถยนต์ส่วนตัวที่สามารถจะขับกลับตอนฝนตกได้ เสียงสายน้ำที่กระทบลงพื้นสงบลงพร้อมกับเสียงเปิดประตูที่ดังขึ้น จนคนที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นมอง และก็ต้องตกตะลึงเมื่อชายหนุ่มอยู่ในสภาพที่มีผ้าขนหนูคลุมกายเบื้องล่างอย่างหมิ่นเหม่ จนเธอหอบหายใจแรงอย่างตื่นเต้น เกิดมาไม่เคยเห็นผู้ชายในสภาพล่อแหลมแบบนี้มาก่อน “นี่! เพ...นายแต่งตัวออกมาแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันเป็นผู้หญิงนะ อีกอย่างนี่ก็ห้องของฉันด้วย หัดอายบ้างเถอะ” เสียงหวานร้องแว้ดใส่คนตัวโตที่ทำเหมือนไม่ยี่หระต่อคำพูดของเธอ ชายหนุ่มเดินเช็ดผมของตัวเองแล้วเดินมานั่งที่ปลายเตียง “ทำไม...เขินเหรอที่เห็นฉันแบบนี้” “คะ...ใครเขาจะเขินนาย คิดไปเองเถอะ” “ถ้าไม่เขินงั้นช่วยเช็ดผมให้หน่อยได้ไหม” คนตัวโตเอี้ยวตัวมองคนตัวเล็กที่นอนเล่นอยู่บนเตียง จากนั้นสายตาคมกริบก็ไล่มองเรือนร่างเล็กที่ซ่อนรูป ใครจะรู้ว่าภายใต้เสื้อช็อปตัวใหญ่จะซุก
“ไอ้เพ...ฉันเพื่อนแกนะ” ใบหน้าหวานบ่งบอกถึงความหงุดหงิด แม้จะสะดุ้งกับคำพูดของชายหนุ่มก่อนหน้านี้ก็ตาม “ถ้าไม่อยากเป็นเพื่อน เลื่อนมาเป็นเมียก็ได้นะ!” เพียะ!! ไม่ทันที่เพทายจะได้ทำอะไรต่อ ฝ่ามือพิฆาตของมานิตาก็ฟาดเข้าไปที่อกเปลือยของเพทายอย่างแรง ทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งด้วยความตกใจก่อนจะก้มมองแผงอกของตัวเองที่มีรอยนิ้วมือทั้งห้าของคนตัวเล็กประทับตราเป็นดวงเลย “โอ๊ย!! ตีเข้ามาได้ โรคจิตเหรอ หรือซาดิสม์เนี่ย” เพทายนิ่วหน้าจากนั้นก็ใช้มือของตัวเองลูบตรงผิวที่เพิ่งโดนหญิงสาวฟาดเต็มแรง “ก็นายชอบลามกยังไงล่ะ เราเพื่อนกันนะเว้ย ที่ฉันให้นายนอนที่นี่เพราะเห็นว่าเสื้อผ้านายเปียกกับฝนตกนะ ถึงให้อยู่ด้วย ได้คืบจะเอาศอก” “ไม่อยากเอาศอก แต่ ‘เอาเธอ’ ได้ไหม” “ไอ้เพ!!” มานิตาขบกรามของตัวเองอย่างโมโหเมื่อคนตัวโตยังเล่นไม่เลิกจนตอนนี้เธอเริ่มสับสนแล้วว่าชายหนุ่มเล่นหรือคิดจริงกันแน่ “จ๋า...ดุจังวุ้ย...แต่ดุแบบนี้ไอ้เพชอบเลย อยากจับทำเมีย!!” เพทายยิ้มและหัวเราะออกมาเมื่อเจอฤทธิ์ฝ่ามือของมานิตา เขาชอบเหลือเกินที่ได้แกล
“อนาคตไม่แน่คืออะไร...แอบคุยอยู่กับใคร” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแล้วจ้องมองลึกที่ใบหน้าหวาน “ไม่แน่ๆ ก็คืออาจจะมีไง จะมายุ่งอะไรด้วยวะ” “ห้ามมี...” จู่ๆ เพทายก็พูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นจนเธอรู้สึกขนลุกวาบขึ้นมาทันที ทำไมนะทั้งน้ำเสียงและแววตาของเพทายในตอนนี้มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน “ห้ามมีอะไร” “ผัว...ห้ามเธอมีผัว” “อะไรอีกเนี่ย กวนประสาทอยู่ได้ มาห้ามอะไรฉัน จะมาขัดขวางความสุขกันหรือไง” “เพราะความสุขของเธอต้องมีฉันอยู่ในนั้นด้วย” จู่ๆ เพทายก็พูดจาประหลาด เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอกเลยแม้แต่นิดเดียว และจังหวะนั้นก็เห็นว่าคนตัวโตทำหน้างองุ้มราวกับกำลังงอนเธอทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ผิดอะไรเลย “อะไรกันเพ...อย่ามาหันหลังให้กันนะ” มือน้อยจับร่างหนาให้เขาหันกลับมา แต่ตอนนี้เพทายเลือกที่จะนอนตะแคงไปอีกข้างแล้วไม่สนใจเธออีกต่อไป “จะนอน...เธอง่วงแล้วไม่ใช่เหรอ นอนไปสิ...จะมายุ่งอะไรด้วย” เพทายหลับตาลงไม่สนใจเสียงแหลมๆ ของมานิตาอีกต่อไป “อะไรของนายวะ เอาใจยากจริงๆ ผู้ชายคนนี้ อยากนอนก็นอนไปเลย” ว่าจบร่างเล็กก็ลุกขึ้นไ
“ปกติไม่ใส่ แต่นายมานอนด้วยไงเลยใส่ จะให้เดินโท่งๆ ออกมาไง” “คราวหลังไม่ต้องใส่หรอก ฉันขี้เกียจถอด” กึก!! เสียงตะขอชั้นในหลุดออกจากกันจนเธอใจหายวาบ ไม่รู้ว่าฝ่ามือของเขาเลื่อนไปปลดตอนไหน แต่รู้ว่ามันเร็วมาก ขนาดเธอที่ใส่ทุกวันยังปลดตะขอออกช้ากว่าเขาอีก “เพ” “นมใหญ่จังวะมิลค์กี้” มือหนาจับหมับที่หนาอกอิ่ม มันเต็มมือของเขา ขนาดฝ่ามือหนาใหญ่หน้าอกของเธอกลับใหญ่กว่ามือเขาอีก ทั้งปลิ้นไปตามร่องนิ้วยามที่กำลังบีบเคล้น “อ๊ะ...อย่าบีบอย่างนั้นสิเจ็บ” เสียงหวานร้องครางออกมาเมื่อมือหนาทำการเคล้นคลึงอย่างแรงจนหน้าอกสวยบดบี้ไปตามแรงบีบ “นมโคตรใหญ่ เหี้xเหอะ ไม่มีผัวมาถึงตอนนี้ได้ไงวะ” เสียงเข้มสบถออกมาอย่างแหบพร่า “เจ็บ...บีบแรงเกินไปแล้ว” “ขอเลียนะ” “ฮะ” ไม่ทันได้พูดอะไรต่อมือหนาของเพทายก็จัดการถอดเสื้อยืดตัวเล็กของมานิตาออกทันที จนเผยให้เห็นอกอิ่มที่ลอยเด่นชูชันท้ากับแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา “ขอเลียหน่อย ฉันหิวนม” ว่าจบใบหน้าหล่อเหลาของเพทายก็โน้มลงมาใกล้กับหน้าอกสวยจนเธอรับร
บทที่ 3ผู้ชายจากแอปฯ หาคู่ เมื่อคืนนี้หลังจากที่เพทายออกจากห้องของเธอไป เธอก็พยายามติดต่อหาเขาแต่เหมือนว่าชายหนุ่มไม่สนใจที่จะรับสาย จนเธอนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนทำเอาพะว้าพะวังไปหมดกลัวว่าจะเกิดอันตรายอะไรกับเขา “เป็นอะไรอะมิลค์กี้ ทำหน้ายังกับตูด” ญาณินที่ตามมาทีหลังเดินเข้ามาหาเพื่อนรักที่หน้าบูดบึงราวกับมีเรื่องอะไรให้คิดอย่างนั้น “เปล่า” “เปล่าแต่ใต้ตาดำมากเว่อร์ ไปอดหลับอดนอนจากไหนมาเนี่ย ไหนว่าเมื่อวานง่วงแล้วไง ฮั่นแน่...แอบคุยกับใครหรือเปล่า” นิ้วเรียวของญาณินชี้หน้าของเพื่อนราวกับกำลังจับผิด “เปล่า...เมื่อคืนฟ้ามันร้องดังเลยนอนไม่หลับ” มานิตาเลือกที่จะโกหกไป ถ้าไปบอกใครต่อใครว่าเมื่อคืนเพทายอยู่กับเธอมีหวังโดนล้อยันลูกบวชอย่างแน่นอน “อย่างนั้นเหรอ ไม่ได้โกหกแน่ใช่ไหม” “โกหกแล้วได้อะไรล่ะ ว่าแต่เห็นเพบ้างไหม” ตั้งแต่เธอมามหาวิทยาลัยก็ไม่เจอเพทายเลย เขาหายไปตั้งแต่เมื่อคืนไม่รู้ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน “ยังนะ ปกติมันไม่เคยขาดเรียนนะ ไม่รู้วันนี้ไปไหน อาจจะติดธุระเปล่า” ญาณินหันไปมองรอบบริเวณ เพื่อหาเพทายแต
“จะอยู่บ้านไหมนะ” ร่างอวบอั๋นเดินทอดน่องไปที่หน้าบ้านหลังขนาดกลางซึ่งมีรถหรูของเพทายจอดเอาไว้อยู่ หรูจริงๆ หรูชนิดที่ขัดกับขนาดของบ้านเลยด้วยซ้ำ ติ๊งน๋อง!! นิ้วเรียวเล็กจัดการกดลงไปที่ออดหน้าบ้านของเพทายด้วยอาการหัวใจเต้นรัว และคาดหวังให้คนในบ้านเดินออกมาเปิดจนกระทั่งเธอพบกับร่างใหญ่ของเพทายที่เดินเปลือยท่อนบนเดินออกมาที่หน้าบ้าน ใบหน้าหวานฉีกยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังปกติดีอยู่ ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับเขา เธอเริ่มสบายใจขึ้นทั้งๆ ที่เมื่อคืนเป็นห่วงเพทายจะแย่ “มาทำไม” ประโยคแรกที่เพทายถามทำเอามานิตาหุบยิ้มแทบไม่ทัน และรู้สึกหน้าชาเมื่อตอนนี้เธอทำตัวเหมือนแขกไม่ได้รับเชิญของเขา “ก็ฉันทักนายไปนายไม่ตอบ ก็เลยอยากรู้ว่าโอเคอยู่ไหม” เสียงหวานถามอย่างตะกุกตะกักเพราะไม่อยากบอกตรงๆ ว่ากำลังห่วงผู้ชายคนนี้ใจจะขาด “เหรอ...ยังไม่ตายก็แล้วกัน อยากรู้แค่นี้ใช่ไหม งั้นกลับไปได้แล้ว ฉันจะนอน” เสียงเข้มบอกอย่างรำคาญ จากนั้นชายหนุ่มก็เลือกจะหันหลังกลับไป จนมานิตารู้สึกเฟลเล็กน้อย ทว่าจังหวะที่เธอโดนไล่ฝนก็ดันมาตกพอดี
“เดี๋ยวเดินไปเอาให้ เธอขึ้นไปอาบห้องฉันนะ ข้างล่างฟักบัวมันเสียฉันยังไม่ได้ซื้อสายมาเปลี่ยน” เพทายบอก คนตัวเล็กอ้าปากค้างเพราะเธอไม่เคยขึ้นไปที่ห้องของเพทายเลยสักครั้งเดียว ตอนที่เคยมาก็นอนกันแต่ข้างล่างมาตลอด “เอ่อ...มันยังพออาบได้ไหมข้างล่าง ฉันว่าฉันอาบข้างล่างดีกว่านะ” มานิตายิ้มแห้งออกมา “จะเรื่องมากอะไรวะมิลค์กี้ อาบที่ไหนก็อาบไปเถอะ หรือเธอกลัว” ว่าจบร่างใหญ่ก็ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้จนเธอถอยหลังออกมาอย่างกลัวๆ พอหวนนึกถึงเรื่องของเมื่อคืนใบหน้าหวานก็แดงซ่านพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว “กลัวอะไร อย่ามามั่ว คนอย่างฉันเหรอจะกลัวนาย” เสียงหวานบอกอย่างแข็งๆ เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง “นึกว่ากลัวฉันจะดูดนมเธออีก” ใบหน้าหล่อเหลาของเพทายก้มต่ำมองที่ทรวงอกของหญิงสาวอย่างไม่วางตา ทำให้ใบหน้าหวานเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อนึกถึงยามที่ปากหยักของเขาอ้างับยอดอกของเธอ นี่ล่ะมั้งที่เข้าบอกว่าเพื่อนกันไม่ควรทำแบบนี้ เพราะถ้าอยู่ในสถานการณ์บางอย่างอาจจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ “ไอ้บ้า!!” “หึหึ...”เพทายมองร่างเล็กที่ก้าวขึ้นไปบนห้อง
“ข้างล่างเย็นจัง มันเปียกๆ ด้วย” เพราะวันนี้อยู่บ้านชายหนุ่มเลยใส่แค่กางเกงขาสั้น ส่งผลให้เนื้อกายของเธอแนบชิดกับตักแกร่งแบบไม่มีอะไรมากั้น “ปะ...ปล่อยนะ ฉันจะไปแต่งตัว” มือน้อยๆ พยายามยันอกแกร่งให้ออกห่าง เพราะแค่นี้ร่างกายของเธอและเขามันก็แนบชิดจนแทบไม่มีช่องว่างอะไรอีกแล้ว “เธอทำให้ฉันตื่นนะมิลค์กี้...” “อะไรตื่น...อะไร” ดวงตาของหญิงสาวกลอกไปมาอย่างตื่นเต้นโดยที่หัวใจเธอกำลังเต้นอย่างรุนแรงราวกับกลองชุด “หึหึ...” “ยิ้มอะไรปล่อยนะ” มานิตาท้วงออกมาเมื่อเห็นรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ของคนตัวโต “กลีบของเธอมันโดนขาฉันด้วยอะ” เพทายขบเม้มริมฝีปากของตัวเองเบาๆ แต่มันโคตรเซ็กซี่จนหญิงสาวเจ้าตัวสั่นระริก แถมคำพูดชวนเสียวที่ได้ฟังมันยิ่งทำให้เธอทำตัวไม่ถูก “กะ...กลีบอะไร นายคิดลามกอยู่เหรอ” “เอาจริงในสภาพนี้ บรรยากาศแบบนี้ ใครไม่คิดลามกบ้าง หรือเธอไม่คิดบอกหน่อยนะ” เพทายก้มมองคนตรงหน้าเขายิ้มออกมาจนเห็นฟันซี่สวย “ไม่คิดๆ ไม่คิดอะไรทั้งนั้น ปล่อยนะ!!” “พิสูจน์กันไหมว่าเธอไม่คิด” “พิสูจน์อะ
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ
ทั้งสองเดินทางมายังคลับของเวลล์ที่ตอนนี้หนาแน่นไปด้วยผู้คนที่เข้ามาใช้บริการ ไม่แปลกใจว่าช่วงหลังๆ กิจการของคลับเป็นไปได้อย่างดี “ไหนเพื่อนเธอเหรอ” วาโยมองไปรอบๆ เพื่อหาเพื่อนของญาณินและก็พบกับกลุ่มเพื่อนสามสี่คน และมีผู้ชายอยู่ประมาณสองคน ส่วนที่เหลือเป็นผู้หญิง “ไหนนายบอกจะไปหาพี่เวลล์ จะไปกับฉันทำไม” ญาณินหันมาแว้ดใส่เพื่อนสนิทที่เหมือนจะเดินตามไป “เฮียคงกำลังยุ่งๆ รับลูกค้า ขอไปนั่งด้วยได้ไหม” เวลล์บอกคนตัวเล็กเพราะจากสายตาที่เขาประเมินกลุ่มเพื่อนของญาณินดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ ถ้าปล่อยให้หญิงสาวไปคนเดียวมันคงไม่ดีแน่ “โหย...อะไรของนาย” “ถ้าให้ไปเดี๋ยวเลี้ยงเหล้าด้วย โอเคไหม” ข้อเสนอของวาโยน่าสนใจ จนญาณินคลี่ยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ มีคนเลี้ยงเหล้าใครบ้างจะไม่สนใจ ทำให้ตอนนี้ทั้งสองหนุ่มสาวเดินตรงไปยังโต๊ะที่มีกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว “เฮ้...ญาณิน” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขึ้นเรียกเพื่อนสาว “ดีใจจังได้เจอพวกแก” ญาณินยิ้มให้กับเพื่อนที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์กรึ่มๆ เพราะดื่มกันก่อนท
ตอนพิเศษYanin X Wayoขอเป็นมากกว่าเพื่อน ชีวิตที่แสนเรียบง่ายของญาณินเป็นอันต้องพังทลายลงเมื่อบิดาประกาศกร้าวให้เธอไปดูตัวคู่หมั้นของตัวเอง คู่หมั้นที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาเป็นอย่างไร วันนั้นเธอร้องห่มร้องไห้ไปหามานิตาเพื่อให้เพื่อนช่วยคิดแผนการล้มเลิกการดูตัวในครั้งนี้ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่กล้าที่จะไปขอความช่วยเหลือจากวาโย เพราะมันเป็นเรื่องน่าอายที่จะบอกให้วาโยมาแกล้งเป็นแฟน “เฮ้อ...” “เป็นอะไรไปญาณิน” วาโยที่นั่งกินข้าวเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนของตัวเองที่เอาแต่นั่งหน้าเศร้าตีหน้ามึนทำเอาคนที่กำลังกินอาหารอยู่รู้สึกกร่อยขึ้นมาทันที “ไม่มีอะไร” “เอ้า!! ไม่มีอะไรได้ไง แกเอาแต่ทำหน้าซึมแบบนี้” วาโยมองเพื่อนอย่างสงสัย เพราะช่วงหลังๆ มานี่ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้นเพราะเพทายกับมานิตาตัวติดกันราวกับปลาท่องโก๋ พวกเขาเลยกลายเป็นส่วนเกินที่ต้องมากอดคอร้องไห้เมื่อโดนเพื่อนทิ้งไปจู๋จี๋กัน “คิดๆ อะไรนิดหน่อย” “คิดอะไรวะ” วาโยที่กำลังคีบเนื้อเข้าปากมองคนตัวเล็กซึ่งกำลังสะบัดผมไปข้างหลัง จนทำให้เขามองเห็นร่องหน้าอกขอ
“รีบเปลี่ยนนะครับ ไว้ถ้ากลับมาจากทะเล เพขอจัดหนักสักน้ำนะ” ชายหนุ่มบอกอย่างมีเลศนัย จนมานิตาได้แต่หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย “ค่ะ” เมื่อทั้งสี่เปลี่ยนชุดแล้ว พวกเขาก็เดินไปยังทะเลที่อยู่หน้ารีสอร์ต เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยทำเอาพวกเขาต่างมีความสุข “คุณแม่ขา...มาช่วยหนูก่อกองทรายหน่อยค่ะ” เสียงหวานๆ ของลูกสาวบอก จากนั้นมานิตาที่เพิ่งเป็นแบบถ่ายรูปให้กับเพทายต้องละความสนใจแล้วเดินไปหาลูกสาวลูกชายทันที “ไปช่วยลูกก่อกองทรายกันค่ะเพ...” เพทายเดินมากุมมือของมานิตาแล้วพาเดินตรงไปหาลูกสาวที่นั่งที่ทรายทันที “คุณแม่ครับ อันนี้เป็นเครื่องบินน้องมิกซ์วาดเอง” เสียงของลูกชายบอกอย่างเจี๊ยวจ๊าว ผู้ใหญ่ทั้งสองคนหันไปมอง ก็พบกับภาพเครื่องบินในจินตนาการของลูกชาย “วาดเองเหรอครับ” “ครับ” เพทายและมิลค์กี้มองหน้ากันเมื่อเห็นภาพที่ลูกชายวาด มันสวยเกินกว่าที่เด็ก 5 ขวบจะวาดด้วยซ้ำ แสดงว่าลูกชายของพวกเขาอาจจะมีพรสวรรค์ด้านนี้ “สวยจังเลย คนเก่งของแม่”มานิตาทำการหอมหัวของลูกชายหนึ่งที พร้อมที่จะมองเพทายแล้วยิ้มอ