“กูว่าใจเย็นๆ ดีกว่านะเว้ย ยังไงมิลค์กี้มันก็เป็นผู้หญิง” “ไม่ต้องมาเสือกเรื่องของกู เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อนเถอะ” เพทายผรุสวาทออกมาอย่างหงุดหงิด มานิตาไม่รู้หรอกว่าในใจของเขามันเหมือนมีไฟมาสุมที่อกมากแค่ไหน ยิ่งเห็นภาพที่หญิงสาวเดินขึ้นรถไปกับชายอื่นมันยิ่งทำให้เขาแทบทนไม่ได้ จนอยากจะไปกระชากหญิงสาวออกมาตั้งแต่เมื่อกี้ แต่ถ้าทำแบบนั้นเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองกับมานิตาจะหลุดออกไป วินาทีนี้ก็ได้แต่ตีอกชกลมกับตัวเอง “อ้าว...กูโดนด่าเฉยเลย จะโดนเมียทิ้งแล้วมาหงุดหงิดใส่เพื่อนว่ะ” “ไอ้วาโย!!” “ไม่พูดแล้ว กลับบ้านดีกว่า มึงจะกลับเลยไหม หรือจะไปตามเมียกลับบ้าน” วาโยร้องแซว ปากของเพทายที่บอกไม่สนใจมานิตา แต่วันนี้ทั้งวันเขาเห็นสายตาที่มันจ้องหลังของหญิงสาวทั้งคลาส และยิ่งมาเจอเมียตัวเองกำลังไปกับชายอื่นมันคงกำลังโกรธ “จุ้นว่ะ” “ก็ถนอมๆ มันหน่อยนะ ยังไงมิลค์กี้มันก็เป็นผู้หญิง” “เออ...มึงกลับไปเถอะ” มือหนาของเพทายจ้องมองสตอรี่ไอจีของมานิตาที่ถ่ายคลิปลงแล้วยิ้มอย่างมีความสุขโดยมีผู้ชายคนใหม่นั่งข้างๆ ท
“อะไรของนาย แล้วช่วยพูดให้มันเพราะๆ กับผู้หญิงบ้างได้ไหม หยาบคายฉิบหาย!” (คนอย่างมึงควรจะพูดเพราะๆ เหรอ กูขอสั่งให้มึงลบแชทไอ้เหี้xนั้น ไอ้คนที่มึงได้จากแอปฯ เวรนั่นออกจากเครื่องเดี๋ยวนี้ ก่อนที่กูจะจัดการโทรศัพท์ของมึงเอง!) “จุ้นว่ะเพ...ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉันไหม ตัวฉัน ฉันจะคุยหรือไม่คุยกับใครมันก็เรื่องของฉันไหม” มานิตาบอกอย่างไม่ยี่หระ อีกอย่างการที่เธอได้รู้จักใครสักคนจากแอปฯ นั้นมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด บางทีเราอาจจะได้เพื่อนคุย มีคนดี คนไม่ดีปะปนกันไป เพทายทำเหมือนว่าตัวเองไม่เคยเล่นอะไรพวกนี้อย่างนั้นแหละ (มึงโง่ไหม ที่อยากเล่นเพราะอยากนัดเ...ย...กับไอ้คนในนั้นหรือไง กับกูคนเดียวไม่พอใช่ไหม!) “เพ! หยาบคายอะ” (หรือกูเอามึงไม่สะใจพอ มึงเลยแอบคุยกับมัน หรือมึงได้กับมันแล้ว มึงบอกกูมานะ!!) “ถ้ามีแล้วจะทำไม ยุ่งอะไรด้วย มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหม จะไปนอนละ” (เปิดกล้องเดี๋ยวนี้) “อะไรของนายอีกวะ ง่วงจะนอน” มานิตาบอกอย่างรำคาญ ไม่เข้าใจว่าทำไมเพทายถึงจุ้นจ้านกับชีวิตของเธอจัง ไม่เข้าใจอารมณ์ขอ
“อยากจะคิดอะไรก็แล้วแต่ ถ้ามันทำให้นายสบายใจ” มานิตาตอบอย่างไม่ยี่หระเพราะขี้เกียจมานั่งอธิบายอะไรอีกแล้ว ในเมื่อเพทายเข้าใจแบบนั้นมันก็เรื่องของเขา “มันมีเหี้xไรดีกว่ากู” “ดีกว่าทุกตรง ยังจะให้พูดเหรอวะ” มานิตาบอกอย่างเหลืออด “เหอะ...” เพทายเอาลิ้นหนาของตัวเองดุนที่กระพุ้งแก้มขณะที่กำลังพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้คงทีแต่มานิตาก็ยั่วโมโหได้ตลอด “หล่อกว่า รวยกว่า ดีกว่า มีอะไรบ้างที่ฉันไม่ควรเอาเขา” ดวงตาสวยตวัดมองคนตรงหน้า “แล้วมันค...ใหญ่เหมือนกูไหม เอามึงจนมึงครางเรียกหาแต่กูไหม” “ไม่เคยลอง แต่ไว้ถ้าลองแล้วจะมาบอกนะ แต่คิดว่าน่าจะเด็ดอยู่ ของแบบนี้ขนาดไม่สำคัญ มันสำคัญที่ลีลา” มานิตาตอนนี้สวมบทบาทเป็นผู้หญิงกร้านโลกเพราะอยากจะตอกกลับชายตรงหน้าให้เจ็บแสบเหมือนกัน ในเมื่อแต่ละคำที่ผรุสวาทออกมามีแต่ความใจร้ายจนเธอไม่อยากทนอีกต่อไป “มิลค์กี้!!” “ที่นายตามฉันมานี่ เพราะหึงใช่ไหม ทำไมติดใจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ขอโทษเถอะที่ผ่านมาถือว่าฉันนอนกับหมาแล้วกัน ไม่อยากเก็บมาคิด!!”หญิงสาวบอกแค่นั้น ร่างบอ
บทที่ 11จองจำร่างกายด้วยความแค้น “เพจะทำอะไรฉัน...” เสียงหวานถามอย่างตะกุกตะกักพร้อมกับมองใบหน้าคมคายอย่างสั่นระริก เธอรู้ว่าเพทายโกรธแต่อย่างน้อยเขาน่าจะนึกถึงช่วงเวลาดีๆ ที่มีให้กันบ้างสิ “เราสองคนเคยมีช่วงเวลาร่วมกันนะเพ เห็นแก่ความรู้สึกนั้นได้ไหม” เสียงหวานร้องอย่างวิงวอน “ช่วงเวลาดีๆ อย่างนั้นเหรอ มันหายไปตั้งแต่ที่กูรู้ว่ามึงเป็นคนลวงอลิซไปให้ไอ้พวกเวรนั่นทำร้ายแล้วมิลค์กี้ และที่ผ่านมามึงไม่เคยบอกกูด้วยว่าเป็นน้องสาวเมนี่ มึงจะให้กูรู้วันไหน สันดานเลวๆ ของมึงก็เหมือนพี่สาวของมึง และคนในตระกูลของมึงนั่นแหละ” สิ่งที่ทำให้เพทายฟิวส์ขาดที่สุดคือการต้องมารับรู้ว่ามานิตาและเมนิศาคือพี่น้องกัน คนในตระกูลของพสุธาดาทำธุรกิจผิดกฎหมายหลายอย่าง ที่ผ่านมาเขาไม่ได้เอะใจเพราะนามสกุลของมานิตาไม่ใช่พสุธาดา แต่หลังจากที่เขารับรู้ก็ลองไปสืบประวัติดูก็พบว่าเธอเป็นลูกสาวอีกคนที่ทางพสุธาดาไม่ยอมเปิดเผยให้ใครรับรู้ เหตุการณ์ตายของอลิซกลายเป็นข่าวครึกโครมอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนนั้นทางแอชตันพยายามหาหลักฐานการตายของน้องสาวและคิดว่าเพทายเป็นคนทำให้อลิซตายเนื่องจากช่วงเวลานั้นมีเ
“ก็เราสองคนเลิกกันไปแล้ว ฉันจะมีคนอี่นมันผิดอะ...” ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อปากหยักของเพทายก็โน้มลงมาประกบจูบกับปากเล็กทันที จนเธอครางอื้อในลำคอพร้อมกับใช้มือบางของตัวเองทุบไปที่ร่างหนาแต่มันกลับไม่ได้ทำให้คนตัวโตสะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย “อยากทุบก็ทุบไปดิ เดี๋ยวคืนนี้กูจะกระแทกให้จมเตียงไปเลย” ว่าจบมือหนาก็ทำการกระชากชุดนอนของคนตัวเล็กออกอย่างแรงจนมันขาดวิ่นติดมือหนาไป ปลายเล็บครูดไปตามร่างสวยจนเกิดรอยเป็นริ้วๆ ทำเอาหญิงสาวต้องกัดฟันเพื่อข่มความเจ็บของตัวเอง “ไม่เอา” “เอา...คืนนี้กูจะเอามึงจะได้เลิกทำตัวระริกระรี้หาผู้ชายคนอื่นทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีผัวอยู่แล้ว” เพทายบอกอย่างกรุ่นโกรธ ความหึงหวงทำให้เขาด่าเธอสาดเสียเทเสียจนพาลเรื่องทุกอย่าง “แต่เราเลิกกันไปแล้ว นายเป็นคนบอกเลิกฉันเองจะมายุ่งกันอีกทำไม ไม่รักแล้วทำแบบนี้ทำไม” มานิตาตะโกนถาม “ไม่จำเป็นต้องรักก็เอาได้ และกูมันพวกหวงของด้วย ถ้ายังไม่เบื่อก็ไม่มีใครได้ไป แต่ถ้าเบื่อเมื่อไหร่มึงจะไปเอากับใครมันก็เรื่องของมึงเลย”เพทายบอกอย่างไม่แยแส แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถึงตอนนั้นตัวเ
“ไม่รู้” ใบหน้าหวานส่ายไปมาเมื่อไม่สามารถควบคุมความต้องการของตัวเองได้ ลิ้นเปียกชื้นลากไล้ไปทั่วทรวงอกอิ่มแล้วประทับตราสีกุหลาบที่เนินอกสวยอย่างเอาแต่ใจจนเกิดรอยแดงไปทั่ว เขายิ้มออกมาอย่างพึงพอใจที่เห็นร่องรอยของตัวเองบนกายสาวที่ย้ำเตือนว่าเธอคือผู้หญิงของเขา “ไม่รู้คืออะไร ข้างล่างเธอแฉะหมดแล้ว” เพทายแสยะยิ้มเมื่อปลายนิ้วหนาเลื่อนไปแตะที่ร่องรักที่เริ่มมีน้ำใสๆ ไหลออกมาจนนิ้วหนาของเขาแทบจะไถลเข้าไปได้ในคราเดียว แต่ก็ต้องยั้งมือของตัวเองก่อนเนื่องจากต้องการทรมานคนตัวเล็ก “มะ...ไม่เพ...อย่าแตะตรงนั้น” มานิตาร้องเสียงหลงเมื่อนิ้วร้อนๆ ของเขากำลังเคลื่อนเข้าไปในโพรงสาว ทำเอาลมหายใจของเธอหอบถี่อย่างตื่นเต้น “ไม่เอาจริงๆ เหรอ เธอชอบให้ฉันแตะตรงนี้ไม่ใช่เหรอ” เสียงทุ้มร้องถามอย่างแหบพร่า ร่างบอบบางดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่างราวกับกำลังบอกให้เขาเข้าไปในกายสาวตอนนี้ แต่มันยังไม่ถึงเวลา “เพ...อย่าแกล้งมิลค์กี้ ขอร้อง” เสียงหวานร้องแล้วหลับตาพริ้มเมื่อรู้สึกวาบหวามกับสัมผัสของชายร่างใหญ่ ยามที่ปลายนิ้วหนาลากไล้ไปทั่วร่างสาวมันทำเอาเธอสะดุ้งทุกจุด
“ไหนบอกฉันสิว่าเธอยังอยากมีผัวใหม่อีกไหม...” เพทายถามย้ำแล้วจ้องมองคนที่สติเลือนหายไปเพราะความต้องการเข้าครอบงำ “ไม่แล้ว...มิลค์กี้มีเพคนเดียว มีเพเป็นผัวคนเดียว” เธอตอบรับเขาอย่างที่ใจคิดและนั่นทำให้เพทายพึงพอใจ ตอนนี้เขาไม่ได้รักมานิตาก็จริงแต่เขาก็จะไม่มีทางปล่อยเธอไปให้ใครเด็ดขาด “ดีมาก งั้นคืนนี้ผัวจะให้รางวัลอย่างงามเลย อย่าร้องเสียงดังมากล่ะ นี่ไม่ใช่บ้านเราเดี๋ยวข้างห้องได้ยิน” เพทายบอกแล้วดึงตัวตนออกมาแล้วตอกอัดเข้าไปใหม่อย่างรุนแรง จนร่างน้อยสั่นสะท้านไปหมด มือทั้งสองข้างบีบที่ต้นแขนหนาอย่างแรง “อู้ว...เพ” “แม่งเอ๊ย...” มือหนาของเพทายเลื่อนมาค้ำยันกับที่นอนหนานุ่มของมานิตาพร้อมกับส่งตัวตนเข้าสู่กลีบบางอย่างรุนแรงและต่อเนื่องจนเกิดเสียงกระแทกกระทั้นเสียงดัง “เพ มิลค์กี้เสียวจัง” มือน้อยปัดป่ายไขว่คว้าต้นคอแกร่งเพื่อให้เขาโน้มลงมารับจูบของเธอ โดยที่เพทายไม่ได้เกี่ยงงอนอะไร เขายอมรับว่าถ้าไม่มีเรื่องที่เธอเป็นลูกสาวของตระกูลพสุธาดา หรือเป็นคนชวนอลิซไปงานในวันนั้น วันนี้ตัวเองคงได้นอนกกกอดกับคนตัวเล็กอย่างมีความสุขไปแล้
“แล้วเป็นคนแบบนี้ เดี๋ยวจะทำรอยให้ทั่วตัวมึงเลย เวลามันเห็นมันได้รู้ว่าร่างกายของมึงเป็นของกู” “ไม่นะเพ” “ทำไมกลัวมันรู้เหรอว่ามีผัวแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงหรอกกูทำแน่ และถ้ามึงยังไปยุ่งกับมันกูจะตามไปกระทืบมันด้วยโทษฐานที่มายุ่งกับเมียคนอื่น” มานิตารู้ว่าเพทายไม่ได้ขู่ สมัยเรียนใหม่ๆ เพทายเป็นคนอารมณ์ร้อนมักมีเรื่องชกต่อยกับรุ่นพี่เสมอ และเขาไม่เคยกลัวใครเลยสักคนเดียว “มันเกินไปหรือเปล่า” “ไม่เกิน ใครมันจะไปทนได้วะเวลาเมียกำลังมีชู้” “ฉันไม่ใช่เมียนายนะ!!” มานิตาร้องโวยเพราะเขากับเธอในตอนนี้มันไม่มีสถานะอะไรด้วย “แล้วที่เสียบคาอยู่ในห-มันคืออะไร นิ้วมึงหรือไง!!!” เพทายตะโกนออกมาอย่างโกรธจัดแล้วดันตัวตนหนาเข้าใส่อย่างแรงจนเธอเผลอกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างเสียวซ่าน “โอ๊ย...” กายหนาเสยเข้ามาเต็มแรงจนสุดท้ายทำเอาเธอร้องลั่นอย่างเจ็บปวดที่เขากระทำรุนแรงเช่นนี้ “เจ็บนะเพ” “เจ็บแล้วก็ช่วยจำใส่สมองน้อยๆ ของมึงเอาไว้ ร่างกายมึง ชีวิตมึงเป็นของกู เดี๋ยวจะหาว่ากูเอาเปรียบ...ทุกครั้งที่กูเ...ย...มึงกุจะมีค่าขนมให
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ
ทั้งสองเดินทางมายังคลับของเวลล์ที่ตอนนี้หนาแน่นไปด้วยผู้คนที่เข้ามาใช้บริการ ไม่แปลกใจว่าช่วงหลังๆ กิจการของคลับเป็นไปได้อย่างดี “ไหนเพื่อนเธอเหรอ” วาโยมองไปรอบๆ เพื่อหาเพื่อนของญาณินและก็พบกับกลุ่มเพื่อนสามสี่คน และมีผู้ชายอยู่ประมาณสองคน ส่วนที่เหลือเป็นผู้หญิง “ไหนนายบอกจะไปหาพี่เวลล์ จะไปกับฉันทำไม” ญาณินหันมาแว้ดใส่เพื่อนสนิทที่เหมือนจะเดินตามไป “เฮียคงกำลังยุ่งๆ รับลูกค้า ขอไปนั่งด้วยได้ไหม” เวลล์บอกคนตัวเล็กเพราะจากสายตาที่เขาประเมินกลุ่มเพื่อนของญาณินดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ ถ้าปล่อยให้หญิงสาวไปคนเดียวมันคงไม่ดีแน่ “โหย...อะไรของนาย” “ถ้าให้ไปเดี๋ยวเลี้ยงเหล้าด้วย โอเคไหม” ข้อเสนอของวาโยน่าสนใจ จนญาณินคลี่ยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ มีคนเลี้ยงเหล้าใครบ้างจะไม่สนใจ ทำให้ตอนนี้ทั้งสองหนุ่มสาวเดินตรงไปยังโต๊ะที่มีกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว “เฮ้...ญาณิน” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขึ้นเรียกเพื่อนสาว “ดีใจจังได้เจอพวกแก” ญาณินยิ้มให้กับเพื่อนที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์กรึ่มๆ เพราะดื่มกันก่อนท
ตอนพิเศษYanin X Wayoขอเป็นมากกว่าเพื่อน ชีวิตที่แสนเรียบง่ายของญาณินเป็นอันต้องพังทลายลงเมื่อบิดาประกาศกร้าวให้เธอไปดูตัวคู่หมั้นของตัวเอง คู่หมั้นที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาเป็นอย่างไร วันนั้นเธอร้องห่มร้องไห้ไปหามานิตาเพื่อให้เพื่อนช่วยคิดแผนการล้มเลิกการดูตัวในครั้งนี้ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่กล้าที่จะไปขอความช่วยเหลือจากวาโย เพราะมันเป็นเรื่องน่าอายที่จะบอกให้วาโยมาแกล้งเป็นแฟน “เฮ้อ...” “เป็นอะไรไปญาณิน” วาโยที่นั่งกินข้าวเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนของตัวเองที่เอาแต่นั่งหน้าเศร้าตีหน้ามึนทำเอาคนที่กำลังกินอาหารอยู่รู้สึกกร่อยขึ้นมาทันที “ไม่มีอะไร” “เอ้า!! ไม่มีอะไรได้ไง แกเอาแต่ทำหน้าซึมแบบนี้” วาโยมองเพื่อนอย่างสงสัย เพราะช่วงหลังๆ มานี่ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้นเพราะเพทายกับมานิตาตัวติดกันราวกับปลาท่องโก๋ พวกเขาเลยกลายเป็นส่วนเกินที่ต้องมากอดคอร้องไห้เมื่อโดนเพื่อนทิ้งไปจู๋จี๋กัน “คิดๆ อะไรนิดหน่อย” “คิดอะไรวะ” วาโยที่กำลังคีบเนื้อเข้าปากมองคนตัวเล็กซึ่งกำลังสะบัดผมไปข้างหลัง จนทำให้เขามองเห็นร่องหน้าอกขอ
“รีบเปลี่ยนนะครับ ไว้ถ้ากลับมาจากทะเล เพขอจัดหนักสักน้ำนะ” ชายหนุ่มบอกอย่างมีเลศนัย จนมานิตาได้แต่หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย “ค่ะ” เมื่อทั้งสี่เปลี่ยนชุดแล้ว พวกเขาก็เดินไปยังทะเลที่อยู่หน้ารีสอร์ต เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยทำเอาพวกเขาต่างมีความสุข “คุณแม่ขา...มาช่วยหนูก่อกองทรายหน่อยค่ะ” เสียงหวานๆ ของลูกสาวบอก จากนั้นมานิตาที่เพิ่งเป็นแบบถ่ายรูปให้กับเพทายต้องละความสนใจแล้วเดินไปหาลูกสาวลูกชายทันที “ไปช่วยลูกก่อกองทรายกันค่ะเพ...” เพทายเดินมากุมมือของมานิตาแล้วพาเดินตรงไปหาลูกสาวที่นั่งที่ทรายทันที “คุณแม่ครับ อันนี้เป็นเครื่องบินน้องมิกซ์วาดเอง” เสียงของลูกชายบอกอย่างเจี๊ยวจ๊าว ผู้ใหญ่ทั้งสองคนหันไปมอง ก็พบกับภาพเครื่องบินในจินตนาการของลูกชาย “วาดเองเหรอครับ” “ครับ” เพทายและมิลค์กี้มองหน้ากันเมื่อเห็นภาพที่ลูกชายวาด มันสวยเกินกว่าที่เด็ก 5 ขวบจะวาดด้วยซ้ำ แสดงว่าลูกชายของพวกเขาอาจจะมีพรสวรรค์ด้านนี้ “สวยจังเลย คนเก่งของแม่”มานิตาทำการหอมหัวของลูกชายหนึ่งที พร้อมที่จะมองเพทายแล้วยิ้มอ