“ไหนบอกฉันสิว่าเธอยังอยากมีผัวใหม่อีกไหม...” เพทายถามย้ำแล้วจ้องมองคนที่สติเลือนหายไปเพราะความต้องการเข้าครอบงำ “ไม่แล้ว...มิลค์กี้มีเพคนเดียว มีเพเป็นผัวคนเดียว” เธอตอบรับเขาอย่างที่ใจคิดและนั่นทำให้เพทายพึงพอใจ ตอนนี้เขาไม่ได้รักมานิตาก็จริงแต่เขาก็จะไม่มีทางปล่อยเธอไปให้ใครเด็ดขาด “ดีมาก งั้นคืนนี้ผัวจะให้รางวัลอย่างงามเลย อย่าร้องเสียงดังมากล่ะ นี่ไม่ใช่บ้านเราเดี๋ยวข้างห้องได้ยิน” เพทายบอกแล้วดึงตัวตนออกมาแล้วตอกอัดเข้าไปใหม่อย่างรุนแรง จนร่างน้อยสั่นสะท้านไปหมด มือทั้งสองข้างบีบที่ต้นแขนหนาอย่างแรง “อู้ว...เพ” “แม่งเอ๊ย...” มือหนาของเพทายเลื่อนมาค้ำยันกับที่นอนหนานุ่มของมานิตาพร้อมกับส่งตัวตนเข้าสู่กลีบบางอย่างรุนแรงและต่อเนื่องจนเกิดเสียงกระแทกกระทั้นเสียงดัง “เพ มิลค์กี้เสียวจัง” มือน้อยปัดป่ายไขว่คว้าต้นคอแกร่งเพื่อให้เขาโน้มลงมารับจูบของเธอ โดยที่เพทายไม่ได้เกี่ยงงอนอะไร เขายอมรับว่าถ้าไม่มีเรื่องที่เธอเป็นลูกสาวของตระกูลพสุธาดา หรือเป็นคนชวนอลิซไปงานในวันนั้น วันนี้ตัวเองคงได้นอนกกกอดกับคนตัวเล็กอย่างมีความสุขไปแล้
“แล้วเป็นคนแบบนี้ เดี๋ยวจะทำรอยให้ทั่วตัวมึงเลย เวลามันเห็นมันได้รู้ว่าร่างกายของมึงเป็นของกู” “ไม่นะเพ” “ทำไมกลัวมันรู้เหรอว่ามีผัวแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงหรอกกูทำแน่ และถ้ามึงยังไปยุ่งกับมันกูจะตามไปกระทืบมันด้วยโทษฐานที่มายุ่งกับเมียคนอื่น” มานิตารู้ว่าเพทายไม่ได้ขู่ สมัยเรียนใหม่ๆ เพทายเป็นคนอารมณ์ร้อนมักมีเรื่องชกต่อยกับรุ่นพี่เสมอ และเขาไม่เคยกลัวใครเลยสักคนเดียว “มันเกินไปหรือเปล่า” “ไม่เกิน ใครมันจะไปทนได้วะเวลาเมียกำลังมีชู้” “ฉันไม่ใช่เมียนายนะ!!” มานิตาร้องโวยเพราะเขากับเธอในตอนนี้มันไม่มีสถานะอะไรด้วย “แล้วที่เสียบคาอยู่ในห-มันคืออะไร นิ้วมึงหรือไง!!!” เพทายตะโกนออกมาอย่างโกรธจัดแล้วดันตัวตนหนาเข้าใส่อย่างแรงจนเธอเผลอกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างเสียวซ่าน “โอ๊ย...” กายหนาเสยเข้ามาเต็มแรงจนสุดท้ายทำเอาเธอร้องลั่นอย่างเจ็บปวดที่เขากระทำรุนแรงเช่นนี้ “เจ็บนะเพ” “เจ็บแล้วก็ช่วยจำใส่สมองน้อยๆ ของมึงเอาไว้ ร่างกายมึง ชีวิตมึงเป็นของกู เดี๋ยวจะหาว่ากูเอาเปรียบ...ทุกครั้งที่กูเ...ย...มึงกุจะมีค่าขนมให
“ไม่เอาแล้ว เหนื่อย” มานิตาร้องออกมาเมื่อร่างกายของเธอกำลังบอบช้ำกับการกระทำของเขา ความอ่อนเพลียไม่สามารถต่อต้านแรงอันมหาศาลของเพทายได้ “บอกว่าให้นอนเฉยๆ ไงเดี๋ยวทำเอง จะเรื่องมากทำไม” เสียงทุ้มกล่าวอย่างขัดใจเมื่อคนตัวเล็กพยายามยกมือปัดป้องไม่ให้เขากลืนกินร่างกายสาว แต่มีหรือที่คนอย่างเพทายจะยอมให้เป็นอย่างนั้น ในเมื่อเขากำลังกระหายรักในตัวของมานิตายิ่งกว่าสิ่งใด “เพ” มือหนายกบั้นท้ายกลมกลึงเพื่อรองรับแรงกระแทกที่เขาพยายามส่งตัวตนเข้าไป แม้ช่องทางรักจะถูกรุกรานจนบอบช้ำแต่ถึงกระนั้นมันยังแน่นหนึบไม่เปลี่ยนแปลง “อ๊า...ทำไมยังแน่นขนาดนี้มิลค์กี้” มือหนาบีบที่สะโพกสวยเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของคนตัวเล็กอีกครั้ง มานิตาเหนื่อยล้าก็จริงแต่คิดว่าร่างกายของเธอยังสามารถรองรับอารมณ์ของตัวเขาได้เป็นอย่างไร และตลอดทั้งคืนนี้จะไม่มีทางปล่อยให้มานิตาได้นอนอย่างแน่นอน ความแข็งร้อนลู่ไปตามกลีบบางจนร่องสวยปลิ้นไปตามแรงขับเคลื่อน ยิ่งได้เห็นจุดเชื่อมกึ่งกลางของทั้งคู่มันยิ่งทำให้เขาอดใจไม่ได้ที่จะผลักดันเข้าไปอย่างแรง “อ๊ะ...เพกระแทกเข้าม
บทที่ 12ประกาศตัว มานิตาตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนเนื่องจากวันนี้เธอมีเรียนเช้า แม้จะเหนื่อยอ่อนจากกิจกรรมเมื่อคืนแต่เธอไม่อยากขาดเรียน เพราะใกล้จะเรียนจบแล้วเลยอยากจะทุ่มเททุกอย่างไม่ให้เสียเวลา “รีบตื่นไปไหน” เพทายลุกขึ้นมาจากเตียงพร้อมมองคนตัวเล็กที่กำลังแต่งหน้าแต่งตัวสวยกว่าทุกวัน ทำเอาคนตัวโตรู้สึกหงุดหงิด “แล้วจะแต่งสวยอะไรขนาดนี้วะ ไปเรียนเฉยๆ ไม่ใช่ไง” เพทายชันตัวมองคนตัวเล็กที่กำลังแต่งหน้าแต่งตัวอย่างตั้งใจ “อยากสวยบ้างไม่ได้หรือไง” ใบหน้าหวานที่ถูกแต่งด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ แต่เค้าโครงใบหน้าที่สวยหวานอยู่แล้วทำให้เธอดูน่ารักมากยิ่งขึ้น “ไม่ได้!” “อะไรอีกล่ะ ฉันจะไปเรียนแล้ว” “รอกูตรงนี้ ไปพร้อมกัน” เพทายลุกขึ้นยืนทั้งๆ ที่ตัวเองเปล่าเปลือยทำเอามานิตาหน้าแดงเมื่อคนตัวโตไม่สวมใส่อะไรเลยตอนเดินลงจากเตียง “ทำไมไม่เอาผ้าคลุมให้มันเรียบร้อย” มานิตาหันไปทางอื่นด้วยความเขินอาย แต่ตรงหน้าที่หันมาก็คือกระจกทำให้เธอหนีไม่พ้นอยู่ดี “คลุมทำไม ตอนเอากันยังแก้ผ้าเลย จะเขินอะไร” เพทา
“น้ำลายเธอทั้งนั้น เพราะน้ำรักของฉันเธอกลืนมันไปหมดแล้ว” เพทายอดยิ้มกับคนตัวเล็กไม่ได้ เขาชอบที่เป็นแบบนี้และชอบแกล้งให้เธอหงุดหงิด “ทะลึ่ง ไปอาบน้ำเลย ถ้าช้าฉันจะไปเรียนเอง” “งั้นรอแป๊บเดียว ถ้าเธอเดินไปก่อนฉันจะไปลากเธอกลับมาปล้ำอีกรอบ” เพทายขู่ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ “ชิส์” มานิตาใช้ทิชชูเช็ดข้างแก้มของตัวเองที่เมื่อกี้เพทายเอาลำกายหนามาตี จากนั้นก็เริ่มบรรจงแต่งหน้าอีกครั้งพร้อมทั้งลบรอยที่ลำคอของตัวเองอย่างประณีต จากนั้นก็แต่งตัวให้กลับมาเรียบร้อยตามเดิม และที่วันนี้เธอลุกขึ้นมาแต่งตัวแต่งหน้าเพราะคิดว่าตัวเองจะต้องปรับเปลี่ยนตัวเองบ้าง ถ้าเราไม่ทำให้ตัวเองดีขึ้นคนอื่นก็อาจะหยามเหยียดเรา เพทายเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมมองคนตัวเล็กผ่านกระจกและรู้สึกหงุดหงิดใจที่เธอน่ารักเป็นพิเศษ ยิ่งได้ใส่ชุดนักศึกษาด้วยแล้วมันยิ่งทำให้เขาอดใจไม่ไหว “ไปกันเลยไหม” เพทายบอกอย่างกระแทกเสียงและจ้องมองที่ลำคอระหงที่ไม่เหลือร่องรอยสีกุหลาบที่เขาทำเอาไว้ จนอยากจะเดินไปถูรองพื้นนั้นออกจากคอนั้นซะ “ไปสิ” มานิตาเดิ
“อะไรวะ!! มันคืออะไรวะเนี่ย มิลค์กี้กับมึงคบกันเหรอวะ” เหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหลายกอดคอกันมองสองหนุ่มสาวอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “เปล่า...ไม่ได้คบกัน แล้วอยู่ด้วยกันไม่ได้เหรอวะ” “อู้ย...” คำตอบของเพทายทำเอาเหล่าผู้ชายต่างร้องโห่ออกมา เพราะถ้าพูดถึงเรื่องใต้เตียงคงไม่ต้องนึกอะไรต่อว่ามันหมายความว่ายังไง “เพ!” มานิตาตะโกนเรียกชื่อของชายหนุ่มอย่างตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ “สรุปพวกมึงเป็นเพื่อนเล่นเพื่อนเหรอวะ แม่งอะไรวะเนี่ย ถึงว่าทำไมช่วงนี้ไอ้มิลค์กี้มันสวยขึ้นผิดหูผิดตา สงสัยจะได้น้ำดีว่ะ” คำพูดหยาบโลนของเพื่อนผู้ชายในรุ่นทำเอามานิตาหน้าแดงจัดด้วยความโกรธ จากนั้นก็หันไปมองค้อนคนตัวโตที่ทำให้ทุกคนคิดไปไกลทั้งๆ ที่ผ่านมาพยายามปิดบังเรื่องนี้เอาไว้แล้วแท้ๆ “พวกมึงหยุดพูดแบบนี้เลยนะ” ญาณินตะโกนห้ามปรามเหล่าผู้ชายที่เอาแต่แซวมานิตาจนเธอเห็นตัวของเพื่อนสั่นเครือเลยอดด่าผู้ชายพวกนี้ไม่ได้ “ไอ้เพแม่งเด็ดฉิบหาย” มุมปากของเพทายกระตุกยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นใบหน้าหวานของมานิตากำลังโกรธจัด และนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ ต้องการให้ทุกคนมองเธ
ร่างหนาก้าวเดินออกจากคณะ วันนี้เขาไม่มีอารมณ์จะเรียนแล้ว ใจก็อยากไปหามานิตาแต่คิดว่าเธอคงเกลียดเขาไปแล้ว “ทำไมต้องไปสนใจยัยนั่นด้วย โธ่เว้ย!!!” “ฮื้อ...” มานิตาวิ่งออกมาจากคณะด้วยความรู้สึกเสียใจ เธอเจ็บเหลือเกินกับคำพูดและการกระทำของเพทาย ทั้งๆ ที่ผ่านมาเธอควรหยุดรักเขาได้แล้ว แต่แค่ชายหนุ่มมาทำดีด้วยเธอกลับอ่อนระทวยไปเสียทุกครั้ง “มิลค์กี้ แฮ่กๆ” ญาณินเรียกชื่อเพื่อนพร้อมทั้งหแบกายใจแรงอย่างเหนื่อยอ่อนที่ต้องวิ่งตามเพื่อนรักเพราะกลัวมานิตาคิดสั้น เธอไม่รู้ว่าจิตใจของมานิตาตอนนี้มันย่ำแย่ไปแค่ไหนแล้ว “ทำไมวะ...ทำไมมันต้องทำร้ายฉันขนาดนี้ ทำไม!!” มือน้อยปาดน้ำตาข้างแก้มของตัวเองอย่างเสียใจ “ไม่เป็นไรนะแก ฉันจะอยู่ข้างๆ แกแบบนี้เอง” มือน้อยของญาณินยกขึ้นลูบแผ่นหลังของเพื่อนอย่างปลอบประโลม สิ่งที่มานิตาต้องเจอในวันนี้มันร้ายแรงมากเกินไป เพทายทำเกินไปจริงๆ “ทำไมมันถึงทำกับแกอย่างนี้ แกพอรู้ไหม” “มันคงเพราะเขาแค้นฉันมั้ง” มานิตาแค่นยิ้มออกมาทั้งน้ำตาเมื่อนึกถึงเรื่องราวทั้งหมด ทั้งๆ ที่ตัวเองควรจะเอะใจ การกระท
“เรื่องนี้ขอเมนี่จัดการนะคะพ่อ” เมนิศามองบิดาแล้วหันมามองหน้าของมานิตาอย่างมีเลศนัยจนเธอได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เพราะที่ผ่านมาเมนิศาไม่เคยเห็นใจเธอในฐานะน้องสาวเลย “แล้วแต่ลูกแล้วกัน เรื่องนี้พ่อจะไม่ยุ่ง” ศักรินทร์ปรายตามองลูกสาวคนเล็กอย่างเย็นชา จากนั้นก็เดินเลี่ยงออกไปโดยไม่แยแสคนที่เป็นสายเลือดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย “ถ้าแกอยากได้เงินงั้นทำตามที่ฉันสั่งสิมิลค์กี้” เมนิศาบอกแล้วแสยะยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว เพราะเธอกำลังยืมมือของมานิตาทำอะไรบางอย่าง “หมายความว่ายังไง” “แกเป็นเพื่อนกับอลิซนี่” เมนิศาหันไปยิ้มเยาะใส่มานิตาที่ทำหน้าเหมือนกำลังสงสัย “แล้วยังไง” “พอดีฉันมีเรื่องทะเลาะกับอลิซนิดหน่อย แต่ฉันโทร.ไปหานัดมันมาหาแล้วมันไม่ยอมมา แกช่วยตามมันมาให้หน่อยได้ไหม” มานิตาหรี่ตามอง ก่อนหน้านี้เธอได้ยินมาว่าช่วงหลังๆ อลิซสนิทกับมานิศาเป็นพิเศษและเหมือนจะมีความสัมพันธ์กับยศพล ซึ่งเธอไม่รู้ว่าเพทายรู้เรื่องนี้ไหม แต่ก็ไม่กล้าบอกชายหนุ่มเพราะรู้ดีว่าเพทายรักอลิซมากแค่ไหน “โทร.ไปเองสิ” “ถ้าแกโทร.ให้ ฉันจะให้เงินแ
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ
ทั้งสองเดินทางมายังคลับของเวลล์ที่ตอนนี้หนาแน่นไปด้วยผู้คนที่เข้ามาใช้บริการ ไม่แปลกใจว่าช่วงหลังๆ กิจการของคลับเป็นไปได้อย่างดี “ไหนเพื่อนเธอเหรอ” วาโยมองไปรอบๆ เพื่อหาเพื่อนของญาณินและก็พบกับกลุ่มเพื่อนสามสี่คน และมีผู้ชายอยู่ประมาณสองคน ส่วนที่เหลือเป็นผู้หญิง “ไหนนายบอกจะไปหาพี่เวลล์ จะไปกับฉันทำไม” ญาณินหันมาแว้ดใส่เพื่อนสนิทที่เหมือนจะเดินตามไป “เฮียคงกำลังยุ่งๆ รับลูกค้า ขอไปนั่งด้วยได้ไหม” เวลล์บอกคนตัวเล็กเพราะจากสายตาที่เขาประเมินกลุ่มเพื่อนของญาณินดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ ถ้าปล่อยให้หญิงสาวไปคนเดียวมันคงไม่ดีแน่ “โหย...อะไรของนาย” “ถ้าให้ไปเดี๋ยวเลี้ยงเหล้าด้วย โอเคไหม” ข้อเสนอของวาโยน่าสนใจ จนญาณินคลี่ยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ มีคนเลี้ยงเหล้าใครบ้างจะไม่สนใจ ทำให้ตอนนี้ทั้งสองหนุ่มสาวเดินตรงไปยังโต๊ะที่มีกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว “เฮ้...ญาณิน” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขึ้นเรียกเพื่อนสาว “ดีใจจังได้เจอพวกแก” ญาณินยิ้มให้กับเพื่อนที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์กรึ่มๆ เพราะดื่มกันก่อนท
ตอนพิเศษYanin X Wayoขอเป็นมากกว่าเพื่อน ชีวิตที่แสนเรียบง่ายของญาณินเป็นอันต้องพังทลายลงเมื่อบิดาประกาศกร้าวให้เธอไปดูตัวคู่หมั้นของตัวเอง คู่หมั้นที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาเป็นอย่างไร วันนั้นเธอร้องห่มร้องไห้ไปหามานิตาเพื่อให้เพื่อนช่วยคิดแผนการล้มเลิกการดูตัวในครั้งนี้ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่กล้าที่จะไปขอความช่วยเหลือจากวาโย เพราะมันเป็นเรื่องน่าอายที่จะบอกให้วาโยมาแกล้งเป็นแฟน “เฮ้อ...” “เป็นอะไรไปญาณิน” วาโยที่นั่งกินข้าวเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนของตัวเองที่เอาแต่นั่งหน้าเศร้าตีหน้ามึนทำเอาคนที่กำลังกินอาหารอยู่รู้สึกกร่อยขึ้นมาทันที “ไม่มีอะไร” “เอ้า!! ไม่มีอะไรได้ไง แกเอาแต่ทำหน้าซึมแบบนี้” วาโยมองเพื่อนอย่างสงสัย เพราะช่วงหลังๆ มานี่ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้นเพราะเพทายกับมานิตาตัวติดกันราวกับปลาท่องโก๋ พวกเขาเลยกลายเป็นส่วนเกินที่ต้องมากอดคอร้องไห้เมื่อโดนเพื่อนทิ้งไปจู๋จี๋กัน “คิดๆ อะไรนิดหน่อย” “คิดอะไรวะ” วาโยที่กำลังคีบเนื้อเข้าปากมองคนตัวเล็กซึ่งกำลังสะบัดผมไปข้างหลัง จนทำให้เขามองเห็นร่องหน้าอกขอ
“รีบเปลี่ยนนะครับ ไว้ถ้ากลับมาจากทะเล เพขอจัดหนักสักน้ำนะ” ชายหนุ่มบอกอย่างมีเลศนัย จนมานิตาได้แต่หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย “ค่ะ” เมื่อทั้งสี่เปลี่ยนชุดแล้ว พวกเขาก็เดินไปยังทะเลที่อยู่หน้ารีสอร์ต เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยทำเอาพวกเขาต่างมีความสุข “คุณแม่ขา...มาช่วยหนูก่อกองทรายหน่อยค่ะ” เสียงหวานๆ ของลูกสาวบอก จากนั้นมานิตาที่เพิ่งเป็นแบบถ่ายรูปให้กับเพทายต้องละความสนใจแล้วเดินไปหาลูกสาวลูกชายทันที “ไปช่วยลูกก่อกองทรายกันค่ะเพ...” เพทายเดินมากุมมือของมานิตาแล้วพาเดินตรงไปหาลูกสาวที่นั่งที่ทรายทันที “คุณแม่ครับ อันนี้เป็นเครื่องบินน้องมิกซ์วาดเอง” เสียงของลูกชายบอกอย่างเจี๊ยวจ๊าว ผู้ใหญ่ทั้งสองคนหันไปมอง ก็พบกับภาพเครื่องบินในจินตนาการของลูกชาย “วาดเองเหรอครับ” “ครับ” เพทายและมิลค์กี้มองหน้ากันเมื่อเห็นภาพที่ลูกชายวาด มันสวยเกินกว่าที่เด็ก 5 ขวบจะวาดด้วยซ้ำ แสดงว่าลูกชายของพวกเขาอาจจะมีพรสวรรค์ด้านนี้ “สวยจังเลย คนเก่งของแม่”มานิตาทำการหอมหัวของลูกชายหนึ่งที พร้อมที่จะมองเพทายแล้วยิ้มอ