ร่างอวบอิ่มของหญิงสาวที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมทั้งใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกชื้นจากการสระผมเมื่อครู่ มือบางบรรจงลูบไล้ที่ผมยาวสลวยอย่างประณีต เพราะผมคือสิ่งที่เธอรักและหวงแหนมากที่สุด แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากกว่านี้เสียง notification จากแอปพลิเคชันสำหรับการแชทก็ดังขึ้น
มือเรียวจัดการยกโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับกวาดสายตามองหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเจอกับข้อความของใครบางคนที่ส่งมาเหมือนกำลังด่าจนเธอหน้าชาไปหมด
(มึงยังไม่เลิกคุยกับคนที่เจอจากในแอปฯ นั้นอีกเหรอมิลค์กี้ มึงจะยั่วให้กูโมโหมึงไปถึงไหนวะ)
ข้อความที่ถูกส่งมาแม้มันจะไม่มีเสียง แต่ก็บ่งบอกถึงความรู้สึกของคนปลายทางได้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธมากแค่ไหน แต่คนอย่าง ‘มานิตา โชติมากรณ์ หรือมิลค์กี้’ จะสนใจ เธอเลือกที่จะมองโดยไม่ได้ตอบกลับอะไร จากนั้นก็วางโทรศัพท์ไว้บนเตียงแล้วบรรจงเช็ดผมที่เปียกของตัวเองอย่างสบายอารมณ์ ไม่ได้สนใจข้อความที่เด้งเข้ามาไม่ขาดสายอีกต่อไป
ทว่ายังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากกว่านี้ โทรศัพท์ก็แผดเสียงดังสนั่นไปทั่วห้อง ทำเอาคนที่กำลังมีความสุขกับการเช็ดผมอยู่ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอเมื่อถูกขัดจังหวะด้วยเสียงร้องของโทรศัพท์ที่ยังคงดังไม่หยุดหย่อน จนเธอทนไม่ไหวจึงจัดการรับสายอย่างช่วยไม่ได้
“อะไร!”
(มึงอย่ามาทำเสียงอย่างนี้กับกูนะมิลค์กี้ มึงอ่านข้อความกูแล้วไม่คิดจะตอบเลยหรือไง!) เสียงตะคอกของปลายสายทำให้มานิตาต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู เพราะเสียงดังที่ลอดออกมาทำเอาแก้วหูเธอเกือบแตก
“ยุ่งอะไรด้วยวะเพ ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉันไหม” มานิตาร้องโวยกลับใส่คนปลายสายอย่าง ‘เพทาย โรจนาพร’ เพื่อนชายคนสนิทที่ตอนนี้มันเลยคำคำนี้มาสักพักแล้ว แต่เธอหาได้สนใจไม่ ในเมื่อตัวมันเองก็ไม่เคยคิดจะแคร์ความรู้สึกของเธออยู่แล้ว คนอย่างมานิตาเองก็ไม่คิดจะจมปลักเช่นเดียวกัน
(จะให้กูพูดใช่ไหมว่ากูมีสิทธิ์อะไรในตัวมึง หรือมึงอยากให้กูประกาศให้คนอื่นรู้ด้วย!) เสียงกัดฟันกรอดที่เล็ดลอดออกมาทำเอามานิตาถึงกับมือสั่น เพราะแค่ฟังเสียงก็รู้ว่าเพทายกำลังรู้สึกอะไร คนตัวเล็กแอบร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาทันที
“อะไรของนาย แล้วช่วยพูดให้มันเพราะๆ กับผู้หญิงบ้างได้ไหม หยาบคายฉิบหาย!”
(คนอย่างมึงควรจะพูดเพราะๆ เหรอ กูขอสั่งให้มึงลบแชทไอ้เหี้xนั้น ไอ้คนที่มึงได้จากแอปฯ เวรนั่นออกจากเครื่องเดี๋ยวนี้ ก่อนที่กูจะจัดการโทรศัพท์ของมึงเอง!)
“จุ้นว่ะเพ...ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉันไหม ตัวฉัน ฉันจะคุยหรือไม่คุยกับใครมันก็เรื่องของฉันไหม” มานิตาบอกอย่างไม่ยี่หระ อีกอย่างการที่เธอได้รู้จักใครสักคนจากแอปฯ นั้นมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด บางทีเราอาจจะได้เพื่อนคุย มีคนดี คนไม่ดีปะปนกันไป เพทายทำเหมือนว่าตัวเองไม่เคยเล่นอะไรพวกนี้อย่างนั้นแหละ
(มึงโง่ไหม ที่อยากเล่นเพราะอยากนัดเ...ย...กับไอ้คนในนั้นหรือไง กับกูคนเดียวไม่พอใช่ไหม!)
“เพ! หยาบคายอะ”
(หรือกูเอามึงไม่สะใจพอ มึงเลยแอบคุยกับมัน หรือมึงได้กับมันแล้ว มึงบอกกูมานะ!!)
“ถ้ามีแล้วจะทำไม ยุ่งอะไรด้วย มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหม จะไปนอนละ”
(เปิดกล้องเดี๋ยวนี้)
“อะไรของนายอีกวะ ง่วงจะนอน” มานิตาบอกอย่างรำคาญ ไม่เข้าใจว่าทำไมเพทายถึงจุ้นจ้านกับชีวิตของเธอจัง ไม่เข้าใจอารมณ์ของผู้ชายคนนี้เลย
(กูบอกให้เปิดกล้อง ถ้ามึงไม่เปิดกูจะบุกไปที่หอฯ มึงเดี๋ยวนี้เลย เลือกเอา...) มานิตาไม่ได้กลัวคำขู่ของบุคคลปลายสาย แต่ที่จะเปิดเพราะอยากจะจบเรื่องทุกอย่าง ไม่อยากทะเลาะกันไปมากกว่านี้
ติ๊ด!!
เสียงแจ้งเตือนขอเปิดกล้องทำเอามานิตาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายกับอารมณ์ของร้ายๆ ของผู้ชายคนนี้
“มีอะไร!!”
(แพนกล้องในห้องดิ...)
“ทำไมต้องแพน” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างเบื่อหน่ายกับความอารมณ์ร้ายของผู้ชายคนนี้
(หรือจะให้กูบุกไปเอามึงถึงห้อง มึงเลือกเอา)
“เวรเหอะ...ประสาทไหม” มานิตาสบถออกมาเมื่อคนปลายสายบอกอย่างเอาแต่ใจจนเธอต้องแพนกล้องไปทั่วห้องเพื่อให้ชายหนุ่มดู ซึ่งเธอไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร “ไง...จะให้แพนไปไหนอีก”
(ไหนกดกล้องต่ำดิ...เอากล้องเข้าหาตัวด้วย)
“ต่ำห่าอะไร ฉันยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า” มานิตาอยากจะกุมขมับของตัวเองเมื่อคนปลายสายกำลังสั่งให้เธอกดกล้องลงต่ำ ทั้งๆ ที่ตอนนี้เธอมีเพียงผ้าเช็ดตัวกระโจมอกเอาไว้อยู่
(ก็กูจะดูมึง...)
“อะไร...”
(กูจะดูตัวมึง...) เสียงเข้มบอกอย่างแผ่วลงจนมานิตาหอบหายใจออกมา พร้อมกับใจเต้นแรง ใบหน้าหวานวูบวาบไปหมดเมื่อเสียงของคนปลายสายเปลี่ยนเป็นกระเส่ากว่าเดิม
“ดูทำไม...” มานิตายังไม่ลดละที่จะถามทั้งๆ ที่เธอรู้ดีว่าสิ่งที่เพทายบอกคืออะไร
(อย่าโง่...มึงก็รู้ว่ากูต้องการอะไร)
“ไอ้เพ!! ฉันไม่ถ่ายตัวเองให้นายดูตอนนี้แน่!!” มานิตาตอบกลับอย่างไม่พอใจเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มคิดจะทำอะไรกันแน่ เธอจะไม่ปล่อยให้เขาบังคับเธอเหมือนที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ถ้ายอมหนึ่งครั้งเท่ากับยอมตลอดไป คนอย่างมานิตาไม่ใช่เบี้ยล่างของเพทายอย่างแน่นอน
(อืม...จะไม่หันกล้องก็ได้...แต่คืนนี้กูจะไปเอามึงที่ห้องเอง...ทนไม่ไหวแล้วว่ะ)
“อะ...อะไร พูดบ้าอะไรเนี่ย” เสียงหวานถามอย่างติดๆ ขัดๆ เมื่อคนปลายสายบอกความต้องการของตัวเองอย่างไม่ปิดบังจนเธอร้อนวูบวาบไปทั่วร่างกาย
(อย่าให้กูอธิบาย และกูจะไปดูที่ห้องมึงด้วยว่าแอบซุกผู้ชายคนอื่นไว้หรือเปล่า ถ้ากูเจอกูเอามันตายแน่!!) ดวงตาคมหรี่มองคนตัวเล็กที่ใบหน้าซีดเผือด
มานิตาตัวสั่น ไม่ใช่เพราะว่ากลัวเพทายจะเจอใคร แต่เพราะเธอรู้ดีว่าถ้าชายหนุ่มมาที่ห้องของเธอมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แค่นี้ก็ไม่ต้องเดา
“ฉันเพื่อนนายนะเว้ย!” เสียงหวานตะโกนเข้าไปเพื่อย้ำเตือนเพทายให้รู้สถานะของเขาและเธอ แต่มีหรือที่ชายหนุ่มจะสนใจ เพราะสิ่งที่เขาสนใจมากกว่าคือตอนนี้หญิงสาวอยู่ในสภาพไหนต่างหาก
(แล้วยังไง...จากเพื่อนจะเลื่อนเป็นเมียใครจะทำไม)
“กรี๊ด...ฉันไม่เป็นเว้ย” แม้ปากจะร้องออกมา แต่ใครจะรู้บ้างว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ของเธอและเพทายมันซับซ้อนเกินกว่าที่จะเล่าให้ใครฟังได้
(ไม่เป็นแต่เวลากูแทงเข้าไปเห็นมึงก็รับเต็มลำตลอด)
“ไอ้บ้า!!”
(กูกำลังไป กูถึงแล้วเปิดห้องให้ด้วย อย่าให้กูต้องงัดเพราะถ้ากูเข้าไปได้...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคืนนี้มึงจะต้องเจอกับอะไรบ้าง) คำขู่ของเพทายไม่เกินจริงเลยสักนิด เพราะเธอรู้ดีว่าคนอย่างเพทายเอาแต่ใจและร้ายกาจเกินกว่านิสัยที่แสดงออกมายิ่งกว่าอะไร
“ฉันเพื่อนนายนะเว้ย ทำแบบนี้มันถูกต้องที่ไหน”
(ถ้ายังไม่อยากเป็นเมีย...งั้นตอนนี้ก็เพื่อนกันมันดีไปก่อนละกัน)
บทที่ 1แอปฯ หาคู่ ร่างเล็กสะโอดสะองของมานิตาเดินเข้าหาเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งจากทางด้านหลัง จากนั้นก็ทำการตบไหล่บางของ ‘ญาณิน ลดานันท์’ ทำเอาคนที่กำลังกดโทรศัพท์พิมพ์อยู่ถึงกับสะดุ้งตกใจแรงจนเกือบทำโทรศัพท์ในมือของตัวเองร่วงหล่นลงมา “ว้าย!!” ใบหน้าสวยของญาณินซีดเผือดเพราะคิดว่าโทรศัพท์จะร่วงเสียแล้ว จากนั้นเธอก็หันมามองเจ้าของมือเจ้าปัญหาที่เกือบทำให้เสียของรักไปแล้ว “ยัยมิลค์กี้...ตกอกตกใจหมดเลย มาแบบนี้ทำไมเนี่ย” มือน้อยของญาณินทาบอกของตัวเองเพื่อเรียกขวัญที่หายกลับมา จนมานิตาหัวเราะยิ้มเห็นฟันให้กับเพื่อน “แกนั่นแหละมัวแต่ทำอะไร เหม่อลอยแบบนี้ คุยกับใครเหรอ หรือหนุ่มๆ ที่ไหนจ๊ะ...ไม่คิดจะบอกเพื่อนบ้างเลยนะ” มานิตาบอกพร้อมกับชะโงกหน้าไปมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเพื่อนอย่างสนใจ มานิตาและญาณินเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งจวบจนตอนนี้ปีสี่แล้ว ความสัมพันธ์ของสองสาวค่อนข้างแน่นแฟ้นจนไม่มีใครมาทำให้ทั้งสองคนทะเลาะกันได้ เพราะพวกเธอเข้าใจกันมากที่สุด “ไม่มีอะไรสักหน่อย” ใบหน้าหวานของญาณินบอก แต่แก้มทั้งสองข้างกลับแดงก่
ยอมรับเลยว่าเพทายจัดว่าเป็นผู้ชายที่หล่อจัด หล่อแบบแบดบอย รูปร่างสูงใหญ่จากการเล่นกีฬาอย่างหนักส่งเสริมให้เพทายมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามเป็นอย่างมาก“ถูแรงขนาดนั้น แก้มแดงหมดแล้วมิลค์กี้” มือหนาคว้าข้อมือของมานิตามารั้งเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอถูกแก้มเนียนๆ ของตัวเองไปมากกว่านี้“แล้วมาหอมทำไมวะ...”“เปล่าหอม...”“ไม่ใช่อะไร คนอื่นเขาเห็นหมด เขาเป็นพยานได้ว่านายมาหอมแก้มฉันเนี่ย” ดวงตากลมโตถลึงมองชายร่างสูงตรงหน้าอย่างไม่พอใจ“เมื่อกี้ไม่เรียกหอมนะ เขาเรียกว่าจูบ...” ดวงตาคมมองมานิตาแพรวพราวจนเพื่อนๆ ทั้งผู้ชายที่อยู่ตรงนี้ร้องโห่ออกมา แต่ใครจะรู้บ้างว่าหัวใจดวงน้อยๆ ของมานิตากำลังเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา“ฮิ้ว! มันจีบกันว่ะ...แบบนี้สงสัยอนาคตได้เป็นผัวเมียกันชัวร์...” วาโยร้องแซวพร้อมกับมองเพื่อนๆ ผู้ชายที่แอบมองการกระทำของเพทายเมื่อครู่“พูดบ้าอะไร พวกนายก็บ้าเนาะ” มานิตาบอกพร้อมกับเบือนหน้าไปทางอื่น เพราะเธอรู้สึกว่าแก้มทั้งสองข้างของตัวเองกำลังร้อนผ่าว แต่ก็พยายามดึงสติของตัวเองกลับมาเพราะรู้นิสัยของเพทายดีว่าเป็นคนยังไง มันชอบทำตัวเป็นหมาหยอกไก่แบบนี้ตลอด จนเธอแยกไม่ออกแล้วว่ามันกำลังคิดจริง
“เอามาเถอะน่า...” มือเรียวของญาณินกดบางอย่างที่หน้าจอโทรศัพท์ของมานิตาจนเธอขมวดคิ้ว แต่ก็ต้องละสายตาไปจ้องที่หน้าห้องก่อนเพราะกลัวเรียนไม่ทัน กระทั่งเลิกคลาสแล้วก็ยังเห็นญาณินยังกดบางอย่างที่โทรศัพท์ของเธออยู่ “ทำอะไรเนี่ย...” “อะ...เรียบร้อยแล้ว” มือน้อยของญาณินยื่นโทรศัพท์กลับคืนให้เพื่อน จนมานิตาได้แต่หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างสงสัย จากนั้นก็จ้องมองที่หน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง ดวงตากลมโตกวาดตามองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองแล้วเบิกตากว้างเมื่อเห็นแอปพลิเคชันบางอย่างมาปรากฏอยู่ในเครื่องของเธอ มันเป็นแอปสีชมพูหวานแหววและเธอรู้จักดีเพราะเคยเห็นโฆษณาที่หน้าฟีดโซเชียลบ่อยๆ ที่บอกว่าหาเพื่อนสัมพันธ์ แต่ความจริงเพศสัมพันธ์ต่างหาก “ทำอะไรเนี่ย...” “แอปฯ หาเนื้อคู่ยังไงล่ะ” “ไม่เอา...จะมาโหลดให้ทำไม ไม่ได้จะเล่น ฉันจะลบออกเปลืองเมมในเครื่อง” มือบางของมานิตากำลังจะจัดการลบแอปฯ หาคู่ของเพื่อนรักออกจากเครื่อง แต่กลับโดนมือของญาณินดึงโทรศัพท์ไปซะก่อน “ไม่ได้...ลองเล่นดูก่อน ถ้าไม่คลิกกับใครก็แค่ไม่คุย แกควรมีแฟนได้แล้วนะยั
เสียงแจ้งเตือนข้อความที่ดังเข้ามาถี่รัวจนมานิตาละจากความเขินแล้วเปิดหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับมองว่าใครกันที่ส่งข้อความหาเธอแบบนี้ และเสียงแจ้งเตือนที่ประหลาดทำให้เธออดสงสัยไม่ได้ว่ามันมาจากแอปฯ อะไร แต่เมื่อเปิดดูแล้วก็รับรู้ได้ทันทีว่ามันมาจากแอปพลิเคชันหาคู่ที่ญาณินโหลดให้ พร้อมทั้งกรอกข้อความโปรไฟล์ต่างๆ ให้เสร็จสรรพจนกระทั่งมีเสียงแจ้งเตือนขึ้นจากผู้ชายหลายคนที่รัวทักเธอมาเต็มไปหมด (ทักครับ) (สวัสดีครับคนสวย สนใจมาคุยกันไหมครับ) (อยากรู้จักต้องทำยังไงบ้างครับ โสดไหมครับ) (มาเป็นแฟน เอ๊ย...เฟรนด์กันนะครับ) (สวัสดีครับ ไม่รู้จักทักยังไงดี แต่ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ) ดวงตากลมโตไล่อ่านข้อความในแอปฯ ก่อนจะมาสะดุดกับคนบนสุด คำพูดของเขาดูสุภาพมาก ไม่ได้รุกเหมือนผู้ชายคนอื่น และรูปโปรไฟล์ก็ดูดีมาก จนไม่อยากจะเชื่อว่าคนหล่อๆ อย่างนี้จะมาเล่นอะไรแบบนี้ด้วย ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้จริงจังกับความสัมพันธ์แบบนี้อยู่แล้ว ในเมื่อญาณินให้โหลดมาคุยเล่นเธอเลยจะลองดูสักตั้ง แอปฯ ตัวนี้ไม่จำเป็นต้องแมชต์ก่อนถึงจะคุยกันได้ แต่ถ้ายังไม่แมชต์กันก็สามา
“ขอขึ้นไปฉี่ที่ห้องน้ำในห้องเธอได้ไหม” เพทายหรี่ตาราวกับกำลังปวดมาก จนมานิตาอดสงสารไม่ได้เพราะเข้าใจว่าเวลาที่เราปวดฉี่มันทรมานมากแค่ไหน “จะดีเหรอ” “ดี...หอเธอไม่ใช่หอหญิงไม่ใช่ไง ขอขึ้นไปฉี่นิดเดียวได้ไหม ขอร้องล่ะ อย่าให้แตกราดเลย” “พูดอะไร ทุเรศอะ ไปๆ รีบไปจะได้รีบกลับ” ว่าจบสาวร่างเล็กก็เปิดประตูแล้วเดินนำหน้าชายหนุ่มไป โดยไม่ทันได้ดูเลยว่าเพทายกำลังแสยะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ร่างใหญ่เดินตามคนตัวเล็กพร้อมกับมองร่างบอบบางจากทางด้านหลัง วันนี้มานิตาไม่ได้ใส่เสื้อช็อปอย่างทุกวันเธออยู่ในชุดนักศึกษาตัวเล็กพร้อมทั้งกระโปรงพีชที่ไม่สั้นไม่ยาวเกินไป ทำเอาคนที่มองบั้นท้ายงามงอนอยู่ถึงกับใจเต้นไม่เป็นส่ำ “ถึงแล้ว...รีบเข้าไปฉี่สิ” มานิตาเปิดประตูให้คนตัวโตเข้าไป เพทายก็รุดหน้าไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว จากนั้นมานิตาก็ปิดประตูหอพักของตัวเองทันที และรอให้เพื่อนชายเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยจนกระทั่งเธอรอเพทายที่หน้าห้องน้ำเกือบสิบนาทีจนต้องร้องเรียก “เพ...เข้าไปนานจัง...ถ่ายหนักหรือไง...” “เปล่า” เสียงเข้มต
บทที่ 2ขอกินนมได้ไหมเวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาทีที่เพทายหายเข้าไปอาบน้ำเพราะเธอไม่ชอบคนซกมก แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมให้เพทายอยู่ที่นี่ ทั้งๆ ที่เขามีรถยนต์ส่วนตัวที่สามารถจะขับกลับตอนฝนตกได้ เสียงสายน้ำที่กระทบลงพื้นสงบลงพร้อมกับเสียงเปิดประตูที่ดังขึ้น จนคนที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นมอง และก็ต้องตกตะลึงเมื่อชายหนุ่มอยู่ในสภาพที่มีผ้าขนหนูคลุมกายเบื้องล่างอย่างหมิ่นเหม่ จนเธอหอบหายใจแรงอย่างตื่นเต้น เกิดมาไม่เคยเห็นผู้ชายในสภาพล่อแหลมแบบนี้มาก่อน “นี่! เพ...นายแต่งตัวออกมาแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันเป็นผู้หญิงนะ อีกอย่างนี่ก็ห้องของฉันด้วย หัดอายบ้างเถอะ” เสียงหวานร้องแว้ดใส่คนตัวโตที่ทำเหมือนไม่ยี่หระต่อคำพูดของเธอ ชายหนุ่มเดินเช็ดผมของตัวเองแล้วเดินมานั่งที่ปลายเตียง “ทำไม...เขินเหรอที่เห็นฉันแบบนี้” “คะ...ใครเขาจะเขินนาย คิดไปเองเถอะ” “ถ้าไม่เขินงั้นช่วยเช็ดผมให้หน่อยได้ไหม” คนตัวโตเอี้ยวตัวมองคนตัวเล็กที่นอนเล่นอยู่บนเตียง จากนั้นสายตาคมกริบก็ไล่มองเรือนร่างเล็กที่ซ่อนรูป ใครจะรู้ว่าภายใต้เสื้อช็อปตัวใหญ่จะซุก
“ไอ้เพ...ฉันเพื่อนแกนะ” ใบหน้าหวานบ่งบอกถึงความหงุดหงิด แม้จะสะดุ้งกับคำพูดของชายหนุ่มก่อนหน้านี้ก็ตาม “ถ้าไม่อยากเป็นเพื่อน เลื่อนมาเป็นเมียก็ได้นะ!” เพียะ!! ไม่ทันที่เพทายจะได้ทำอะไรต่อ ฝ่ามือพิฆาตของมานิตาก็ฟาดเข้าไปที่อกเปลือยของเพทายอย่างแรง ทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งด้วยความตกใจก่อนจะก้มมองแผงอกของตัวเองที่มีรอยนิ้วมือทั้งห้าของคนตัวเล็กประทับตราเป็นดวงเลย “โอ๊ย!! ตีเข้ามาได้ โรคจิตเหรอ หรือซาดิสม์เนี่ย” เพทายนิ่วหน้าจากนั้นก็ใช้มือของตัวเองลูบตรงผิวที่เพิ่งโดนหญิงสาวฟาดเต็มแรง “ก็นายชอบลามกยังไงล่ะ เราเพื่อนกันนะเว้ย ที่ฉันให้นายนอนที่นี่เพราะเห็นว่าเสื้อผ้านายเปียกกับฝนตกนะ ถึงให้อยู่ด้วย ได้คืบจะเอาศอก” “ไม่อยากเอาศอก แต่ ‘เอาเธอ’ ได้ไหม” “ไอ้เพ!!” มานิตาขบกรามของตัวเองอย่างโมโหเมื่อคนตัวโตยังเล่นไม่เลิกจนตอนนี้เธอเริ่มสับสนแล้วว่าชายหนุ่มเล่นหรือคิดจริงกันแน่ “จ๋า...ดุจังวุ้ย...แต่ดุแบบนี้ไอ้เพชอบเลย อยากจับทำเมีย!!” เพทายยิ้มและหัวเราะออกมาเมื่อเจอฤทธิ์ฝ่ามือของมานิตา เขาชอบเหลือเกินที่ได้แกล
“อนาคตไม่แน่คืออะไร...แอบคุยอยู่กับใคร” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแล้วจ้องมองลึกที่ใบหน้าหวาน “ไม่แน่ๆ ก็คืออาจจะมีไง จะมายุ่งอะไรด้วยวะ” “ห้ามมี...” จู่ๆ เพทายก็พูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นจนเธอรู้สึกขนลุกวาบขึ้นมาทันที ทำไมนะทั้งน้ำเสียงและแววตาของเพทายในตอนนี้มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน “ห้ามมีอะไร” “ผัว...ห้ามเธอมีผัว” “อะไรอีกเนี่ย กวนประสาทอยู่ได้ มาห้ามอะไรฉัน จะมาขัดขวางความสุขกันหรือไง” “เพราะความสุขของเธอต้องมีฉันอยู่ในนั้นด้วย” จู่ๆ เพทายก็พูดจาประหลาด เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอกเลยแม้แต่นิดเดียว และจังหวะนั้นก็เห็นว่าคนตัวโตทำหน้างองุ้มราวกับกำลังงอนเธอทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ผิดอะไรเลย “อะไรกันเพ...อย่ามาหันหลังให้กันนะ” มือน้อยจับร่างหนาให้เขาหันกลับมา แต่ตอนนี้เพทายเลือกที่จะนอนตะแคงไปอีกข้างแล้วไม่สนใจเธออีกต่อไป “จะนอน...เธอง่วงแล้วไม่ใช่เหรอ นอนไปสิ...จะมายุ่งอะไรด้วย” เพทายหลับตาลงไม่สนใจเสียงแหลมๆ ของมานิตาอีกต่อไป “อะไรของนายวะ เอาใจยากจริงๆ ผู้ชายคนนี้ อยากนอนก็นอนไปเลย” ว่าจบร่างเล็กก็ลุกขึ้นไ
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ
ทั้งสองเดินทางมายังคลับของเวลล์ที่ตอนนี้หนาแน่นไปด้วยผู้คนที่เข้ามาใช้บริการ ไม่แปลกใจว่าช่วงหลังๆ กิจการของคลับเป็นไปได้อย่างดี “ไหนเพื่อนเธอเหรอ” วาโยมองไปรอบๆ เพื่อหาเพื่อนของญาณินและก็พบกับกลุ่มเพื่อนสามสี่คน และมีผู้ชายอยู่ประมาณสองคน ส่วนที่เหลือเป็นผู้หญิง “ไหนนายบอกจะไปหาพี่เวลล์ จะไปกับฉันทำไม” ญาณินหันมาแว้ดใส่เพื่อนสนิทที่เหมือนจะเดินตามไป “เฮียคงกำลังยุ่งๆ รับลูกค้า ขอไปนั่งด้วยได้ไหม” เวลล์บอกคนตัวเล็กเพราะจากสายตาที่เขาประเมินกลุ่มเพื่อนของญาณินดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ ถ้าปล่อยให้หญิงสาวไปคนเดียวมันคงไม่ดีแน่ “โหย...อะไรของนาย” “ถ้าให้ไปเดี๋ยวเลี้ยงเหล้าด้วย โอเคไหม” ข้อเสนอของวาโยน่าสนใจ จนญาณินคลี่ยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ มีคนเลี้ยงเหล้าใครบ้างจะไม่สนใจ ทำให้ตอนนี้ทั้งสองหนุ่มสาวเดินตรงไปยังโต๊ะที่มีกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว “เฮ้...ญาณิน” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขึ้นเรียกเพื่อนสาว “ดีใจจังได้เจอพวกแก” ญาณินยิ้มให้กับเพื่อนที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์กรึ่มๆ เพราะดื่มกันก่อนท
ตอนพิเศษYanin X Wayoขอเป็นมากกว่าเพื่อน ชีวิตที่แสนเรียบง่ายของญาณินเป็นอันต้องพังทลายลงเมื่อบิดาประกาศกร้าวให้เธอไปดูตัวคู่หมั้นของตัวเอง คู่หมั้นที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาเป็นอย่างไร วันนั้นเธอร้องห่มร้องไห้ไปหามานิตาเพื่อให้เพื่อนช่วยคิดแผนการล้มเลิกการดูตัวในครั้งนี้ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่กล้าที่จะไปขอความช่วยเหลือจากวาโย เพราะมันเป็นเรื่องน่าอายที่จะบอกให้วาโยมาแกล้งเป็นแฟน “เฮ้อ...” “เป็นอะไรไปญาณิน” วาโยที่นั่งกินข้าวเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนของตัวเองที่เอาแต่นั่งหน้าเศร้าตีหน้ามึนทำเอาคนที่กำลังกินอาหารอยู่รู้สึกกร่อยขึ้นมาทันที “ไม่มีอะไร” “เอ้า!! ไม่มีอะไรได้ไง แกเอาแต่ทำหน้าซึมแบบนี้” วาโยมองเพื่อนอย่างสงสัย เพราะช่วงหลังๆ มานี่ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้นเพราะเพทายกับมานิตาตัวติดกันราวกับปลาท่องโก๋ พวกเขาเลยกลายเป็นส่วนเกินที่ต้องมากอดคอร้องไห้เมื่อโดนเพื่อนทิ้งไปจู๋จี๋กัน “คิดๆ อะไรนิดหน่อย” “คิดอะไรวะ” วาโยที่กำลังคีบเนื้อเข้าปากมองคนตัวเล็กซึ่งกำลังสะบัดผมไปข้างหลัง จนทำให้เขามองเห็นร่องหน้าอกขอ
“รีบเปลี่ยนนะครับ ไว้ถ้ากลับมาจากทะเล เพขอจัดหนักสักน้ำนะ” ชายหนุ่มบอกอย่างมีเลศนัย จนมานิตาได้แต่หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย “ค่ะ” เมื่อทั้งสี่เปลี่ยนชุดแล้ว พวกเขาก็เดินไปยังทะเลที่อยู่หน้ารีสอร์ต เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยทำเอาพวกเขาต่างมีความสุข “คุณแม่ขา...มาช่วยหนูก่อกองทรายหน่อยค่ะ” เสียงหวานๆ ของลูกสาวบอก จากนั้นมานิตาที่เพิ่งเป็นแบบถ่ายรูปให้กับเพทายต้องละความสนใจแล้วเดินไปหาลูกสาวลูกชายทันที “ไปช่วยลูกก่อกองทรายกันค่ะเพ...” เพทายเดินมากุมมือของมานิตาแล้วพาเดินตรงไปหาลูกสาวที่นั่งที่ทรายทันที “คุณแม่ครับ อันนี้เป็นเครื่องบินน้องมิกซ์วาดเอง” เสียงของลูกชายบอกอย่างเจี๊ยวจ๊าว ผู้ใหญ่ทั้งสองคนหันไปมอง ก็พบกับภาพเครื่องบินในจินตนาการของลูกชาย “วาดเองเหรอครับ” “ครับ” เพทายและมิลค์กี้มองหน้ากันเมื่อเห็นภาพที่ลูกชายวาด มันสวยเกินกว่าที่เด็ก 5 ขวบจะวาดด้วยซ้ำ แสดงว่าลูกชายของพวกเขาอาจจะมีพรสวรรค์ด้านนี้ “สวยจังเลย คนเก่งของแม่”มานิตาทำการหอมหัวของลูกชายหนึ่งที พร้อมที่จะมองเพทายแล้วยิ้มอ