ร่างเล็กสะโอดสะองของมานิตาเดินเข้าหาเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งจากทางด้านหลัง จากนั้นก็ทำการตบไหล่บางของ ‘ญาณิน ลดานันท์’ ทำเอาคนที่กำลังกดโทรศัพท์พิมพ์อยู่ถึงกับสะดุ้งตกใจแรงจนเกือบทำโทรศัพท์ในมือของตัวเองร่วงหล่นลงมา
“ว้าย!!”
ใบหน้าสวยของญาณินซีดเผือดเพราะคิดว่าโทรศัพท์จะร่วงเสียแล้ว จากนั้นเธอก็หันมามองเจ้าของมือเจ้าปัญหาที่เกือบทำให้เสียของรักไปแล้ว
“ยัยมิลค์กี้...ตกอกตกใจหมดเลย มาแบบนี้ทำไมเนี่ย” มือน้อยของญาณินทาบอกของตัวเองเพื่อเรียกขวัญที่หายกลับมา จนมานิตาหัวเราะยิ้มเห็นฟันให้กับเพื่อน
“แกนั่นแหละมัวแต่ทำอะไร เหม่อลอยแบบนี้ คุยกับใครเหรอ หรือหนุ่มๆ ที่ไหนจ๊ะ...ไม่คิดจะบอกเพื่อนบ้างเลยนะ” มานิตาบอกพร้อมกับชะโงกหน้าไปมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเพื่อนอย่างสนใจ มานิตาและญาณินเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งจวบจนตอนนี้ปีสี่แล้ว ความสัมพันธ์ของสองสาวค่อนข้างแน่นแฟ้นจนไม่มีใครมาทำให้ทั้งสองคนทะเลาะกันได้ เพราะพวกเธอเข้าใจกันมากที่สุด
“ไม่มีอะไรสักหน่อย” ใบหน้าหวานของญาณินบอก แต่แก้มทั้งสองข้างกลับแดงก่ำราวกับกำลังเขินอาย จนมานิตาจ้องมองอย่างสงสัยใคร่รู้ว่าใครที่สามารถทำให้คนที่สวยอย่างญาณินเขินได้ เพราะเพื่อนรักของเธอเนี่ยคนจีบเป็นโขยงทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง
“ไม่มีแต่หน้าแดงเนี่ยนะ” มานิตาเท้าคางมองเพื่อนแล้วจ้องมองอย่างไม่ลดละ
“อย่าจ้องอย่างกับจะจับผิดฉันอย่างนี้สิมิลค์กี้”
“อะไรล่ะ ก็อยากรู้นี่”
“อย่าบอกใครนะ...” เสียงหวานของญาณินบอกอย่างกระซิบพร้อมกับเอามือป้องปากข้างหนึ่งเพื่อไม่ให้ใครเห็นว่ากำลังพูดอะไร
“อืม...”
“ฉันกำลังเล่นแอปฯ หาเพื่อนคุย...”
“ฮะ...” มานิตาหน้าเหวอเพราะไม่อยากจะเชื่อว่าคนสวยแซ่บอย่างญาณินจะเล่นอะไรแบบนี้ ทั้งๆ ที่ในชีวิตของญาณินมีผู้ชายแวะเวียนมาเยอะมากจนไม่ขาดสาย ผิดกับเธอที่แทบไม่มีผู้ชายคนไหนมาจีบเลย
“อย่างแกเนี่ยนะจะเล่นแอปฯ ผู้ชายมาจีบตัวเป็นๆ เยอะแยะไม่เอา ไปคุยทำไมในแอปฯ เนี่ย”
“ก็มันตื่นเต้นกว่าผู้ชายที่มาจีบฉันน่ะสิ”
“ยังไงอะ”
“ก็แบบแค่คุยๆ เฉยๆ พอไม่เคยเจอกันมันก็แบบมีเรื่องอะไรให้เราเล่าให้เขาฟังเยอะแยะเลย ตื่นเต้นดี แบบทำให้เราอยากรู้ตัวตนของเขามากขึ้นน่ะ”
“ไม่เข้าใจอยู่ดีอะ” มือน้อยยกขึ้นเกาหัวของตัวเอง เพราะเธอไม่เคยคิดที่จะโหลดแอปฯ พวกนี้อยู่แล้ว
“แกเนี่ยควรเล่นนะมิลค์กี้ เผื่อจะได้มีผัวกับเขาสักที”
“อ้าว...นี่แกว่าฉันเหรอ” มานิตาถลึงตาใส่เพื่อนที่ว่าเธอที่ไม่มีใครสักที ก็คนมันใฝ่เรียนจะให้ไปสนใจเรื่องแบบนี้ทำไม แค่เรียนวิศวกรรมก็แทบไม่มีเวลาแล้ว ไหนจะต้องเจอนิสัยของเพื่อนผู้ชายในรุ่นก็แทบเอือมกับพวกผู้ชายจะแย่อยู่แล้ว
“ใช่สิ...ฉันรู้นะว่าแกไม่อยากมีแฟนเพราะเห็นนิสัยของเพื่อนๆ รุ่นเราใช่ไหม ผู้ชายมีตั้งหลายแบบ อย่าไปสนใจไอ้พวกเถื่อนพวกนั้นเลย คนในนี้มันมีให้แกเลือกหลากหลายเลยนะ ตั้งแต่หนุ่มๆ ยันแก่ อย่างเราก็ต้องเลือกก็ต้องหาคุยไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้คนที่ดีที่สุดสิ”
ญาณินสอนเพื่อนเพราะไม่อยากให้มานิตาขึ้นคลาน ก็ตั้งแต่เรียนด้วยกันมาเพื่อนของเธอไม่มีใครมาจีบสักคน อาจจะเพราะมิลค์กี้ชอบทำตัวห้าวๆ ผู้ชายเลยคิดว่าเป็นทอมไปหมดแล้ว ขนาดผู้ชายในรุ่นยังไม่มีใครเห็นมานิตาเป็นผู้หญิงสักคน
“ไม่เอา...ไม่อยากมีแฟนตอนนี้ กลัวเจอแบบเพื่อนๆ เรา” มิลค์กี้ทำท่าทางลูบที่แขนทั้งสองของตัวเองราวกับหนาวๆ ร้อนๆ เมื่อนึกถึงสภาพของตัวเองมีแฟน และถ้าต้องเจอแบบเพื่อนผู้ชายเธอคงได้ปวดหัววันละสามรอบ
“เนี่ย...เอาแต่คิดงี้ เดี๋ยวก็ได้เพื่อนในรุ่นเป็นผัวสักคนหรอก ถึงตอนนั้นฉันจะหัวเราะเลย เกลียดอะไรได้อย่างนั้น” ญาณินยิ้มกริ่มออกมาเพราะรู้ดีว่ามานิตาเอือมเพื่อนชายแต่ละคนมากแค่ไหน แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อรุ่นของเธอมันรวมพลคนหล่อที่สุดของปี
“ไม่เอาเว้ย!! อย่าพูดได้ไหม ขนลุก”
“ทำอะไรกันจ๊ะสาวๆ”
เสียงเรียกยังไม่ทันพูดจบปากหยักของใครบางคนก็โน้มลงมาแนบที่ข้างแก้มของมานิตาทันที และเสียงแบบนี้ กลิ่นน้ำหอมเซ็กซี่แบบนี้ เป็นใครไม่ได้นอกจาก ‘เพทาย’ ผู้ชายที่จัดว่าหล่อที่สุดในรุ่นและยังเป็นเดือนประจำมหาวิทยาลัยอีกด้วย จนตอนนี้ปีสี่ก็ยังไม่มีใครมาล้มแชมป์ได้ ถ้าไม่นับรุ่นพี่อีกคนอย่าง ‘แอชตัน’ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของพวกเธอสามปีที่ตอนนี้จบไปแล้ว รายนั้นทั้งหล่อ ทั้งรวย ดีกรีทายาทหมื่นล้านที่ตอนนี้แต่งงานกับพี่สาวของเพทายไปเป็นที่เรียบร้อย ทำเอาสาวๆ ในมหาวิทยาลัยได้แต่น้ำตาตกใน รวมทั้งเธอด้วย
“ไอ้เพ...ทำบ้าอะไรวะเนี่ย!!” มือน้อยยกขึ้นถูข้างแก้มที่เพิ่งโดนเพทายจอมกะล่อนขโมยจูบไปเมื่อครู่
ยอมรับเลยว่าเพทายจัดว่าเป็นผู้ชายที่หล่อจัด หล่อแบบแบดบอย รูปร่างสูงใหญ่จากการเล่นกีฬาอย่างหนักส่งเสริมให้เพทายมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามเป็นอย่างมาก“ถูแรงขนาดนั้น แก้มแดงหมดแล้วมิลค์กี้” มือหนาคว้าข้อมือของมานิตามารั้งเอาไว้เพื่อไม่ให้เธอถูกแก้มเนียนๆ ของตัวเองไปมากกว่านี้“แล้วมาหอมทำไมวะ...”“เปล่าหอม...”“ไม่ใช่อะไร คนอื่นเขาเห็นหมด เขาเป็นพยานได้ว่านายมาหอมแก้มฉันเนี่ย” ดวงตากลมโตถลึงมองชายร่างสูงตรงหน้าอย่างไม่พอใจ“เมื่อกี้ไม่เรียกหอมนะ เขาเรียกว่าจูบ...” ดวงตาคมมองมานิตาแพรวพราวจนเพื่อนๆ ทั้งผู้ชายที่อยู่ตรงนี้ร้องโห่ออกมา แต่ใครจะรู้บ้างว่าหัวใจดวงน้อยๆ ของมานิตากำลังเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา“ฮิ้ว! มันจีบกันว่ะ...แบบนี้สงสัยอนาคตได้เป็นผัวเมียกันชัวร์...” วาโยร้องแซวพร้อมกับมองเพื่อนๆ ผู้ชายที่แอบมองการกระทำของเพทายเมื่อครู่“พูดบ้าอะไร พวกนายก็บ้าเนาะ” มานิตาบอกพร้อมกับเบือนหน้าไปทางอื่น เพราะเธอรู้สึกว่าแก้มทั้งสองข้างของตัวเองกำลังร้อนผ่าว แต่ก็พยายามดึงสติของตัวเองกลับมาเพราะรู้นิสัยของเพทายดีว่าเป็นคนยังไง มันชอบทำตัวเป็นหมาหยอกไก่แบบนี้ตลอด จนเธอแยกไม่ออกแล้วว่ามันกำลังคิดจริง
“เอามาเถอะน่า...” มือเรียวของญาณินกดบางอย่างที่หน้าจอโทรศัพท์ของมานิตาจนเธอขมวดคิ้ว แต่ก็ต้องละสายตาไปจ้องที่หน้าห้องก่อนเพราะกลัวเรียนไม่ทัน กระทั่งเลิกคลาสแล้วก็ยังเห็นญาณินยังกดบางอย่างที่โทรศัพท์ของเธออยู่ “ทำอะไรเนี่ย...” “อะ...เรียบร้อยแล้ว” มือน้อยของญาณินยื่นโทรศัพท์กลับคืนให้เพื่อน จนมานิตาได้แต่หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างสงสัย จากนั้นก็จ้องมองที่หน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง ดวงตากลมโตกวาดตามองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองแล้วเบิกตากว้างเมื่อเห็นแอปพลิเคชันบางอย่างมาปรากฏอยู่ในเครื่องของเธอ มันเป็นแอปสีชมพูหวานแหววและเธอรู้จักดีเพราะเคยเห็นโฆษณาที่หน้าฟีดโซเชียลบ่อยๆ ที่บอกว่าหาเพื่อนสัมพันธ์ แต่ความจริงเพศสัมพันธ์ต่างหาก “ทำอะไรเนี่ย...” “แอปฯ หาเนื้อคู่ยังไงล่ะ” “ไม่เอา...จะมาโหลดให้ทำไม ไม่ได้จะเล่น ฉันจะลบออกเปลืองเมมในเครื่อง” มือบางของมานิตากำลังจะจัดการลบแอปฯ หาคู่ของเพื่อนรักออกจากเครื่อง แต่กลับโดนมือของญาณินดึงโทรศัพท์ไปซะก่อน “ไม่ได้...ลองเล่นดูก่อน ถ้าไม่คลิกกับใครก็แค่ไม่คุย แกควรมีแฟนได้แล้วนะยั
เสียงแจ้งเตือนข้อความที่ดังเข้ามาถี่รัวจนมานิตาละจากความเขินแล้วเปิดหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับมองว่าใครกันที่ส่งข้อความหาเธอแบบนี้ และเสียงแจ้งเตือนที่ประหลาดทำให้เธออดสงสัยไม่ได้ว่ามันมาจากแอปฯ อะไร แต่เมื่อเปิดดูแล้วก็รับรู้ได้ทันทีว่ามันมาจากแอปพลิเคชันหาคู่ที่ญาณินโหลดให้ พร้อมทั้งกรอกข้อความโปรไฟล์ต่างๆ ให้เสร็จสรรพจนกระทั่งมีเสียงแจ้งเตือนขึ้นจากผู้ชายหลายคนที่รัวทักเธอมาเต็มไปหมด (ทักครับ) (สวัสดีครับคนสวย สนใจมาคุยกันไหมครับ) (อยากรู้จักต้องทำยังไงบ้างครับ โสดไหมครับ) (มาเป็นแฟน เอ๊ย...เฟรนด์กันนะครับ) (สวัสดีครับ ไม่รู้จักทักยังไงดี แต่ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ) ดวงตากลมโตไล่อ่านข้อความในแอปฯ ก่อนจะมาสะดุดกับคนบนสุด คำพูดของเขาดูสุภาพมาก ไม่ได้รุกเหมือนผู้ชายคนอื่น และรูปโปรไฟล์ก็ดูดีมาก จนไม่อยากจะเชื่อว่าคนหล่อๆ อย่างนี้จะมาเล่นอะไรแบบนี้ด้วย ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้จริงจังกับความสัมพันธ์แบบนี้อยู่แล้ว ในเมื่อญาณินให้โหลดมาคุยเล่นเธอเลยจะลองดูสักตั้ง แอปฯ ตัวนี้ไม่จำเป็นต้องแมชต์ก่อนถึงจะคุยกันได้ แต่ถ้ายังไม่แมชต์กันก็สามา
“ขอขึ้นไปฉี่ที่ห้องน้ำในห้องเธอได้ไหม” เพทายหรี่ตาราวกับกำลังปวดมาก จนมานิตาอดสงสารไม่ได้เพราะเข้าใจว่าเวลาที่เราปวดฉี่มันทรมานมากแค่ไหน “จะดีเหรอ” “ดี...หอเธอไม่ใช่หอหญิงไม่ใช่ไง ขอขึ้นไปฉี่นิดเดียวได้ไหม ขอร้องล่ะ อย่าให้แตกราดเลย” “พูดอะไร ทุเรศอะ ไปๆ รีบไปจะได้รีบกลับ” ว่าจบสาวร่างเล็กก็เปิดประตูแล้วเดินนำหน้าชายหนุ่มไป โดยไม่ทันได้ดูเลยว่าเพทายกำลังแสยะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ร่างใหญ่เดินตามคนตัวเล็กพร้อมกับมองร่างบอบบางจากทางด้านหลัง วันนี้มานิตาไม่ได้ใส่เสื้อช็อปอย่างทุกวันเธออยู่ในชุดนักศึกษาตัวเล็กพร้อมทั้งกระโปรงพีชที่ไม่สั้นไม่ยาวเกินไป ทำเอาคนที่มองบั้นท้ายงามงอนอยู่ถึงกับใจเต้นไม่เป็นส่ำ “ถึงแล้ว...รีบเข้าไปฉี่สิ” มานิตาเปิดประตูให้คนตัวโตเข้าไป เพทายก็รุดหน้าไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว จากนั้นมานิตาก็ปิดประตูหอพักของตัวเองทันที และรอให้เพื่อนชายเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยจนกระทั่งเธอรอเพทายที่หน้าห้องน้ำเกือบสิบนาทีจนต้องร้องเรียก “เพ...เข้าไปนานจัง...ถ่ายหนักหรือไง...” “เปล่า” เสียงเข้มต
บทที่ 2ขอกินนมได้ไหมเวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาทีที่เพทายหายเข้าไปอาบน้ำเพราะเธอไม่ชอบคนซกมก แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมให้เพทายอยู่ที่นี่ ทั้งๆ ที่เขามีรถยนต์ส่วนตัวที่สามารถจะขับกลับตอนฝนตกได้ เสียงสายน้ำที่กระทบลงพื้นสงบลงพร้อมกับเสียงเปิดประตูที่ดังขึ้น จนคนที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นมอง และก็ต้องตกตะลึงเมื่อชายหนุ่มอยู่ในสภาพที่มีผ้าขนหนูคลุมกายเบื้องล่างอย่างหมิ่นเหม่ จนเธอหอบหายใจแรงอย่างตื่นเต้น เกิดมาไม่เคยเห็นผู้ชายในสภาพล่อแหลมแบบนี้มาก่อน “นี่! เพ...นายแต่งตัวออกมาแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันเป็นผู้หญิงนะ อีกอย่างนี่ก็ห้องของฉันด้วย หัดอายบ้างเถอะ” เสียงหวานร้องแว้ดใส่คนตัวโตที่ทำเหมือนไม่ยี่หระต่อคำพูดของเธอ ชายหนุ่มเดินเช็ดผมของตัวเองแล้วเดินมานั่งที่ปลายเตียง “ทำไม...เขินเหรอที่เห็นฉันแบบนี้” “คะ...ใครเขาจะเขินนาย คิดไปเองเถอะ” “ถ้าไม่เขินงั้นช่วยเช็ดผมให้หน่อยได้ไหม” คนตัวโตเอี้ยวตัวมองคนตัวเล็กที่นอนเล่นอยู่บนเตียง จากนั้นสายตาคมกริบก็ไล่มองเรือนร่างเล็กที่ซ่อนรูป ใครจะรู้ว่าภายใต้เสื้อช็อปตัวใหญ่จะซุก
“ไอ้เพ...ฉันเพื่อนแกนะ” ใบหน้าหวานบ่งบอกถึงความหงุดหงิด แม้จะสะดุ้งกับคำพูดของชายหนุ่มก่อนหน้านี้ก็ตาม “ถ้าไม่อยากเป็นเพื่อน เลื่อนมาเป็นเมียก็ได้นะ!” เพียะ!! ไม่ทันที่เพทายจะได้ทำอะไรต่อ ฝ่ามือพิฆาตของมานิตาก็ฟาดเข้าไปที่อกเปลือยของเพทายอย่างแรง ทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งด้วยความตกใจก่อนจะก้มมองแผงอกของตัวเองที่มีรอยนิ้วมือทั้งห้าของคนตัวเล็กประทับตราเป็นดวงเลย “โอ๊ย!! ตีเข้ามาได้ โรคจิตเหรอ หรือซาดิสม์เนี่ย” เพทายนิ่วหน้าจากนั้นก็ใช้มือของตัวเองลูบตรงผิวที่เพิ่งโดนหญิงสาวฟาดเต็มแรง “ก็นายชอบลามกยังไงล่ะ เราเพื่อนกันนะเว้ย ที่ฉันให้นายนอนที่นี่เพราะเห็นว่าเสื้อผ้านายเปียกกับฝนตกนะ ถึงให้อยู่ด้วย ได้คืบจะเอาศอก” “ไม่อยากเอาศอก แต่ ‘เอาเธอ’ ได้ไหม” “ไอ้เพ!!” มานิตาขบกรามของตัวเองอย่างโมโหเมื่อคนตัวโตยังเล่นไม่เลิกจนตอนนี้เธอเริ่มสับสนแล้วว่าชายหนุ่มเล่นหรือคิดจริงกันแน่ “จ๋า...ดุจังวุ้ย...แต่ดุแบบนี้ไอ้เพชอบเลย อยากจับทำเมีย!!” เพทายยิ้มและหัวเราะออกมาเมื่อเจอฤทธิ์ฝ่ามือของมานิตา เขาชอบเหลือเกินที่ได้แกล
“อนาคตไม่แน่คืออะไร...แอบคุยอยู่กับใคร” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแล้วจ้องมองลึกที่ใบหน้าหวาน “ไม่แน่ๆ ก็คืออาจจะมีไง จะมายุ่งอะไรด้วยวะ” “ห้ามมี...” จู่ๆ เพทายก็พูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นจนเธอรู้สึกขนลุกวาบขึ้นมาทันที ทำไมนะทั้งน้ำเสียงและแววตาของเพทายในตอนนี้มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน “ห้ามมีอะไร” “ผัว...ห้ามเธอมีผัว” “อะไรอีกเนี่ย กวนประสาทอยู่ได้ มาห้ามอะไรฉัน จะมาขัดขวางความสุขกันหรือไง” “เพราะความสุขของเธอต้องมีฉันอยู่ในนั้นด้วย” จู่ๆ เพทายก็พูดจาประหลาด เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอกเลยแม้แต่นิดเดียว และจังหวะนั้นก็เห็นว่าคนตัวโตทำหน้างองุ้มราวกับกำลังงอนเธอทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ผิดอะไรเลย “อะไรกันเพ...อย่ามาหันหลังให้กันนะ” มือน้อยจับร่างหนาให้เขาหันกลับมา แต่ตอนนี้เพทายเลือกที่จะนอนตะแคงไปอีกข้างแล้วไม่สนใจเธออีกต่อไป “จะนอน...เธอง่วงแล้วไม่ใช่เหรอ นอนไปสิ...จะมายุ่งอะไรด้วย” เพทายหลับตาลงไม่สนใจเสียงแหลมๆ ของมานิตาอีกต่อไป “อะไรของนายวะ เอาใจยากจริงๆ ผู้ชายคนนี้ อยากนอนก็นอนไปเลย” ว่าจบร่างเล็กก็ลุกขึ้นไ
“ปกติไม่ใส่ แต่นายมานอนด้วยไงเลยใส่ จะให้เดินโท่งๆ ออกมาไง” “คราวหลังไม่ต้องใส่หรอก ฉันขี้เกียจถอด” กึก!! เสียงตะขอชั้นในหลุดออกจากกันจนเธอใจหายวาบ ไม่รู้ว่าฝ่ามือของเขาเลื่อนไปปลดตอนไหน แต่รู้ว่ามันเร็วมาก ขนาดเธอที่ใส่ทุกวันยังปลดตะขอออกช้ากว่าเขาอีก “เพ” “นมใหญ่จังวะมิลค์กี้” มือหนาจับหมับที่หนาอกอิ่ม มันเต็มมือของเขา ขนาดฝ่ามือหนาใหญ่หน้าอกของเธอกลับใหญ่กว่ามือเขาอีก ทั้งปลิ้นไปตามร่องนิ้วยามที่กำลังบีบเคล้น “อ๊ะ...อย่าบีบอย่างนั้นสิเจ็บ” เสียงหวานร้องครางออกมาเมื่อมือหนาทำการเคล้นคลึงอย่างแรงจนหน้าอกสวยบดบี้ไปตามแรงบีบ “นมโคตรใหญ่ เหี้xเหอะ ไม่มีผัวมาถึงตอนนี้ได้ไงวะ” เสียงเข้มสบถออกมาอย่างแหบพร่า “เจ็บ...บีบแรงเกินไปแล้ว” “ขอเลียนะ” “ฮะ” ไม่ทันได้พูดอะไรต่อมือหนาของเพทายก็จัดการถอดเสื้อยืดตัวเล็กของมานิตาออกทันที จนเผยให้เห็นอกอิ่มที่ลอยเด่นชูชันท้ากับแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา “ขอเลียหน่อย ฉันหิวนม” ว่าจบใบหน้าหล่อเหลาของเพทายก็โน้มลงมาใกล้กับหน้าอกสวยจนเธอรับร
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ
ทั้งสองเดินทางมายังคลับของเวลล์ที่ตอนนี้หนาแน่นไปด้วยผู้คนที่เข้ามาใช้บริการ ไม่แปลกใจว่าช่วงหลังๆ กิจการของคลับเป็นไปได้อย่างดี “ไหนเพื่อนเธอเหรอ” วาโยมองไปรอบๆ เพื่อหาเพื่อนของญาณินและก็พบกับกลุ่มเพื่อนสามสี่คน และมีผู้ชายอยู่ประมาณสองคน ส่วนที่เหลือเป็นผู้หญิง “ไหนนายบอกจะไปหาพี่เวลล์ จะไปกับฉันทำไม” ญาณินหันมาแว้ดใส่เพื่อนสนิทที่เหมือนจะเดินตามไป “เฮียคงกำลังยุ่งๆ รับลูกค้า ขอไปนั่งด้วยได้ไหม” เวลล์บอกคนตัวเล็กเพราะจากสายตาที่เขาประเมินกลุ่มเพื่อนของญาณินดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ ถ้าปล่อยให้หญิงสาวไปคนเดียวมันคงไม่ดีแน่ “โหย...อะไรของนาย” “ถ้าให้ไปเดี๋ยวเลี้ยงเหล้าด้วย โอเคไหม” ข้อเสนอของวาโยน่าสนใจ จนญาณินคลี่ยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ มีคนเลี้ยงเหล้าใครบ้างจะไม่สนใจ ทำให้ตอนนี้ทั้งสองหนุ่มสาวเดินตรงไปยังโต๊ะที่มีกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว “เฮ้...ญาณิน” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขึ้นเรียกเพื่อนสาว “ดีใจจังได้เจอพวกแก” ญาณินยิ้มให้กับเพื่อนที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์กรึ่มๆ เพราะดื่มกันก่อนท
ตอนพิเศษYanin X Wayoขอเป็นมากกว่าเพื่อน ชีวิตที่แสนเรียบง่ายของญาณินเป็นอันต้องพังทลายลงเมื่อบิดาประกาศกร้าวให้เธอไปดูตัวคู่หมั้นของตัวเอง คู่หมั้นที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาเป็นอย่างไร วันนั้นเธอร้องห่มร้องไห้ไปหามานิตาเพื่อให้เพื่อนช่วยคิดแผนการล้มเลิกการดูตัวในครั้งนี้ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่กล้าที่จะไปขอความช่วยเหลือจากวาโย เพราะมันเป็นเรื่องน่าอายที่จะบอกให้วาโยมาแกล้งเป็นแฟน “เฮ้อ...” “เป็นอะไรไปญาณิน” วาโยที่นั่งกินข้าวเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนของตัวเองที่เอาแต่นั่งหน้าเศร้าตีหน้ามึนทำเอาคนที่กำลังกินอาหารอยู่รู้สึกกร่อยขึ้นมาทันที “ไม่มีอะไร” “เอ้า!! ไม่มีอะไรได้ไง แกเอาแต่ทำหน้าซึมแบบนี้” วาโยมองเพื่อนอย่างสงสัย เพราะช่วงหลังๆ มานี่ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้นเพราะเพทายกับมานิตาตัวติดกันราวกับปลาท่องโก๋ พวกเขาเลยกลายเป็นส่วนเกินที่ต้องมากอดคอร้องไห้เมื่อโดนเพื่อนทิ้งไปจู๋จี๋กัน “คิดๆ อะไรนิดหน่อย” “คิดอะไรวะ” วาโยที่กำลังคีบเนื้อเข้าปากมองคนตัวเล็กซึ่งกำลังสะบัดผมไปข้างหลัง จนทำให้เขามองเห็นร่องหน้าอกขอ
“รีบเปลี่ยนนะครับ ไว้ถ้ากลับมาจากทะเล เพขอจัดหนักสักน้ำนะ” ชายหนุ่มบอกอย่างมีเลศนัย จนมานิตาได้แต่หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย “ค่ะ” เมื่อทั้งสี่เปลี่ยนชุดแล้ว พวกเขาก็เดินไปยังทะเลที่อยู่หน้ารีสอร์ต เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยทำเอาพวกเขาต่างมีความสุข “คุณแม่ขา...มาช่วยหนูก่อกองทรายหน่อยค่ะ” เสียงหวานๆ ของลูกสาวบอก จากนั้นมานิตาที่เพิ่งเป็นแบบถ่ายรูปให้กับเพทายต้องละความสนใจแล้วเดินไปหาลูกสาวลูกชายทันที “ไปช่วยลูกก่อกองทรายกันค่ะเพ...” เพทายเดินมากุมมือของมานิตาแล้วพาเดินตรงไปหาลูกสาวที่นั่งที่ทรายทันที “คุณแม่ครับ อันนี้เป็นเครื่องบินน้องมิกซ์วาดเอง” เสียงของลูกชายบอกอย่างเจี๊ยวจ๊าว ผู้ใหญ่ทั้งสองคนหันไปมอง ก็พบกับภาพเครื่องบินในจินตนาการของลูกชาย “วาดเองเหรอครับ” “ครับ” เพทายและมิลค์กี้มองหน้ากันเมื่อเห็นภาพที่ลูกชายวาด มันสวยเกินกว่าที่เด็ก 5 ขวบจะวาดด้วยซ้ำ แสดงว่าลูกชายของพวกเขาอาจจะมีพรสวรรค์ด้านนี้ “สวยจังเลย คนเก่งของแม่”มานิตาทำการหอมหัวของลูกชายหนึ่งที พร้อมที่จะมองเพทายแล้วยิ้มอ