“เอามาเถอะน่า...” มือเรียวของญาณินกดบางอย่างที่หน้าจอโทรศัพท์ของมานิตาจนเธอขมวดคิ้ว แต่ก็ต้องละสายตาไปจ้องที่หน้าห้องก่อนเพราะกลัวเรียนไม่ทัน กระทั่งเลิกคลาสแล้วก็ยังเห็นญาณินยังกดบางอย่างที่โทรศัพท์ของเธออยู่
“ทำอะไรเนี่ย...”
“อะ...เรียบร้อยแล้ว” มือน้อยของญาณินยื่นโทรศัพท์กลับคืนให้เพื่อน จนมานิตาได้แต่หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างสงสัย จากนั้นก็จ้องมองที่หน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง
ดวงตากลมโตกวาดตามองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองแล้วเบิกตากว้างเมื่อเห็นแอปพลิเคชันบางอย่างมาปรากฏอยู่ในเครื่องของเธอ มันเป็นแอปสีชมพูหวานแหววและเธอรู้จักดีเพราะเคยเห็นโฆษณาที่หน้าฟีดโซเชียลบ่อยๆ ที่บอกว่าหาเพื่อนสัมพันธ์ แต่ความจริงเพศสัมพันธ์ต่างหาก
“ทำอะไรเนี่ย...”
“แอปฯ หาเนื้อคู่ยังไงล่ะ”
“ไม่เอา...จะมาโหลดให้ทำไม ไม่ได้จะเล่น ฉันจะลบออกเปลืองเมมในเครื่อง” มือบางของมานิตากำลังจะจัดการลบแอปฯ หาคู่ของเพื่อนรักออกจากเครื่อง แต่กลับโดนมือของญาณินดึงโทรศัพท์ไปซะก่อน
“ไม่ได้...ลองเล่นดูก่อน ถ้าไม่คลิกกับใครก็แค่ไม่คุย แกควรมีแฟนได้แล้วนะยัยมิลค์กี้ สวยก็สวยชอบทำตัวห้าวอยู่ได้”
“สวยตรงไหน เอาอะไรมองญาณิน...”
“นี่...ไม่รู้ตัวเองอีก สวยจะตายห่าละ ไม่งั้นไอ้เพไม่จ้องจะเล่นแกแบบนี้หรอก” นิ้วเรียวของญาณินจิ้มที่หน้าอกของเพื่อน
“เล่นอะไร...แกพูดอะไรญาณิน” เสียงหวานถามอย่างตะกุกตะกักพร้อมกวาดตาไปรอบๆ เพราะกลัวคนอื่นจะได้ยินสิ่งที่พวกเธอคุยกัน
“มันอยากเคลมแกจะตาย ฉันมองออก ระวังมันไว้ให้ดีๆ ล่ะ”
“มันเล่นเฉยๆ มั้ง แกคิดมากอะญาณิน” มานิตายิ้มแห้ง
“เหอะ...คอยดูละกัน ถ้าไม่รีบมีผัวนะ แกได้มันเป็นผัวแน่ หรือแกอยากได้มันเป็นผัว ช่วงนี้ฉันได้ข่าวว่ามันก็รวยใช่เล่นนะ พี่เขยรวยขนาดนั้น น้องเมียจะกระจอกได้ยังไงจริงไหม...”
“บ้า...ใครจะอยากได้มันกันล่ะ เพื่อนกันทั้งนั้น อีกอย่างฉันไม่ได้สวยสักหน่อย คิดมาก...ตั้งแต่เรียนมาจนปีสี่ไม่มีผู้ชายคนไหนมาจีบสักคน สวยจริงก็ต้องมีบ้างสิ”
“เฮ้อ...เพื่อนฉัน ส่องกระจกบ้างเถอะ แล้วเลิกมัดผมหางม้ารวบตึงสักที พูดจาให้มันเป็นผู้หญิงขึ้นหน่อย รับรองหัวกระไดไม่แห้งละ”
“พูดไปนั่น...”
“อะ...ไม่เชื่อรอรับข้อความจากหนุ่มๆ คืนนี้ได้เลย”
“ทำอะไรอีกเนี่ย”
“ก็เดี๋ยวกลับห้องแล้วแกก็เล่นดูสิ...เผื่อตกหนุ่มๆ ได้ ฉันเลือกรูปที่สวยที่สุดให้แกละ รับรองหนุ่มๆ เพียบ ไว้ตอนเย็นค่อยเล่นเดี๋ยวคุยเพลินจะไม่ได้กลับห้อง” ญาณินหันมาขยิบตาให้เพื่อนรักจนเธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยคุยกับผู้ชายคนไหนในเชิงชู้สาวเลย
“ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง...”
“ขนาดนั้นเลย ถ้าเจองานดีรับรองแกจะติดโทรศัพท์ทั้งวันเลยละ กลับกันดีกว่าเดี๋ยวเย็นซะก่อน”
“อืม...”
ญาณินและมานิตาแยกกันกลับเนื่องจากเพื่อนรักอาศัยอยู่กับครอบครัว ส่วนเธออยู่หอพักคนเดียวเนื่องจากมารดาอยู่ต่างจังหวัดจนต้องมาอยู่หอแบบนี้ แต่มันก็ส่วนตัวดีไม่ต้องวุ่นวายกับใคร แม้จะต้องแบกรับกับค่าใช้จ่ายหอคนเดียวแต่เธอก็ไม่ชินที่ต้องอยู่ร่วมกับใคร
“ขึ้นรถ...” รถหรูเคลื่อนมาขนาบข้างกับร่างเล็กของมานิตาที่กำลังเดินบนฟุตพาทในมหาวิทยาลัยเพื่อจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างกลับหอพัก และช่วงนี้เย็นแล้วทำให้ไม่มีวินผ่านเข้ามาเธอเลยต้องอาศัยการเดินไปหาจุดขึ้น และถึงจะอยู่หอพักแต่มันก็ไม่ได้ใกล้ถึงขนาดจะเดินกลับได้ เพราะยิ่งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเท่าไหร่ค่าเช่าก็ยิ่งแพง เธอเลยเลือกจะอยู่ไกลนิดหน่อยเพื่อจะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย
“อะไร...” มานิตาหันไปมองคนที่เพิ่งเปิดกระจกรถเรียกเธอ ทุกวันนี้เพทายรวยเอาๆ จนอดสงสัยไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะกลัวจะเป็นการเสียมารยาท
“ขึ้นรถ...” เสียงเข้มตะโกนออกมาดังขึ้น จนคนที่เดินผ่านไปผ่านมามองเธอเป็นตาเดียว
“ไม่...”
“จะขึ้นมาดีๆ หรือต้องให้เดินไปอุ้มขึ้นมา” เพทายออกคำสั่ง จากนั้นก็ใช้ดวงตาคมกริบของตัวเองจ้องมองไปยังร่างเล็กที่มัวแต่ยืนหันซ้ายหันขวา พร้อมทั้งมองรถที่ต่อแถวรอเพทายขับออกไป จนเธอไม่มีทางเลือกที่จะขึ้นไปนั่งบนรถหรู
“ทำอะไรอีกเพ...เห็นไหมคนรอขับรถออกตั้งเยอะ” เมื่อขึ้นมาในรถแล้วเสียงหวานก็หันไปตวาดใส่คนตัวโตที่สายตาของเขาจ้องมองถนนเบื้องหน้าอย่างไม่ได้สนใจเสียงแว้ดๆ ของเธอ
“จะตะโกนทำไม...ได้ยินแล้ว คุยกันแค่สองคนไหม” เพทายส่งเสียงบอกจนมานิตาหันไปนั่งกอดอกของตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ
“ชิส์...”
“กลับหอเลยไหม”
“กลับเลยสิ จะอยู่ทำไมล่ะ หรือนายอยากอยู่ที่มหาวิทยาลัย” เสียงหวานถาม
“อยากอยู่กับเธอได้ไหม” เสียงที่ดังออกมาอย่างแผ่วเบาทำเอามานิตาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง แต่จะให้ถามย้ำอีกครั้งมันก็ยังไงอยู่ เธอเลยนั่งนิ่งเงียบและรับรู้ถึงอาการเห่อร้อนที่ข้างแก้มของตัวเอง
ติ๊ด!!
เสียงแจ้งเตือนข้อความที่ดังเข้ามาถี่รัวจนมานิตาละจากความเขินแล้วเปิดหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับมองว่าใครกันที่ส่งข้อความหาเธอแบบนี้ และเสียงแจ้งเตือนที่ประหลาดทำให้เธออดสงสัยไม่ได้ว่ามันมาจากแอปฯ อะไร แต่เมื่อเปิดดูแล้วก็รับรู้ได้ทันทีว่ามันมาจากแอปพลิเคชันหาคู่ที่ญาณินโหลดให้ พร้อมทั้งกรอกข้อความโปรไฟล์ต่างๆ ให้เสร็จสรรพจนกระทั่งมีเสียงแจ้งเตือนขึ้นจากผู้ชายหลายคนที่รัวทักเธอมาเต็มไปหมด (ทักครับ) (สวัสดีครับคนสวย สนใจมาคุยกันไหมครับ) (อยากรู้จักต้องทำยังไงบ้างครับ โสดไหมครับ) (มาเป็นแฟน เอ๊ย...เฟรนด์กันนะครับ) (สวัสดีครับ ไม่รู้จักทักยังไงดี แต่ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ) ดวงตากลมโตไล่อ่านข้อความในแอปฯ ก่อนจะมาสะดุดกับคนบนสุด คำพูดของเขาดูสุภาพมาก ไม่ได้รุกเหมือนผู้ชายคนอื่น และรูปโปรไฟล์ก็ดูดีมาก จนไม่อยากจะเชื่อว่าคนหล่อๆ อย่างนี้จะมาเล่นอะไรแบบนี้ด้วย ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้จริงจังกับความสัมพันธ์แบบนี้อยู่แล้ว ในเมื่อญาณินให้โหลดมาคุยเล่นเธอเลยจะลองดูสักตั้ง แอปฯ ตัวนี้ไม่จำเป็นต้องแมชต์ก่อนถึงจะคุยกันได้ แต่ถ้ายังไม่แมชต์กันก็สามา
“ขอขึ้นไปฉี่ที่ห้องน้ำในห้องเธอได้ไหม” เพทายหรี่ตาราวกับกำลังปวดมาก จนมานิตาอดสงสารไม่ได้เพราะเข้าใจว่าเวลาที่เราปวดฉี่มันทรมานมากแค่ไหน “จะดีเหรอ” “ดี...หอเธอไม่ใช่หอหญิงไม่ใช่ไง ขอขึ้นไปฉี่นิดเดียวได้ไหม ขอร้องล่ะ อย่าให้แตกราดเลย” “พูดอะไร ทุเรศอะ ไปๆ รีบไปจะได้รีบกลับ” ว่าจบสาวร่างเล็กก็เปิดประตูแล้วเดินนำหน้าชายหนุ่มไป โดยไม่ทันได้ดูเลยว่าเพทายกำลังแสยะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ร่างใหญ่เดินตามคนตัวเล็กพร้อมกับมองร่างบอบบางจากทางด้านหลัง วันนี้มานิตาไม่ได้ใส่เสื้อช็อปอย่างทุกวันเธออยู่ในชุดนักศึกษาตัวเล็กพร้อมทั้งกระโปรงพีชที่ไม่สั้นไม่ยาวเกินไป ทำเอาคนที่มองบั้นท้ายงามงอนอยู่ถึงกับใจเต้นไม่เป็นส่ำ “ถึงแล้ว...รีบเข้าไปฉี่สิ” มานิตาเปิดประตูให้คนตัวโตเข้าไป เพทายก็รุดหน้าไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว จากนั้นมานิตาก็ปิดประตูหอพักของตัวเองทันที และรอให้เพื่อนชายเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยจนกระทั่งเธอรอเพทายที่หน้าห้องน้ำเกือบสิบนาทีจนต้องร้องเรียก “เพ...เข้าไปนานจัง...ถ่ายหนักหรือไง...” “เปล่า” เสียงเข้มต
บทที่ 2ขอกินนมได้ไหมเวลาล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาทีที่เพทายหายเข้าไปอาบน้ำเพราะเธอไม่ชอบคนซกมก แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมให้เพทายอยู่ที่นี่ ทั้งๆ ที่เขามีรถยนต์ส่วนตัวที่สามารถจะขับกลับตอนฝนตกได้ เสียงสายน้ำที่กระทบลงพื้นสงบลงพร้อมกับเสียงเปิดประตูที่ดังขึ้น จนคนที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นมอง และก็ต้องตกตะลึงเมื่อชายหนุ่มอยู่ในสภาพที่มีผ้าขนหนูคลุมกายเบื้องล่างอย่างหมิ่นเหม่ จนเธอหอบหายใจแรงอย่างตื่นเต้น เกิดมาไม่เคยเห็นผู้ชายในสภาพล่อแหลมแบบนี้มาก่อน “นี่! เพ...นายแต่งตัวออกมาแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันเป็นผู้หญิงนะ อีกอย่างนี่ก็ห้องของฉันด้วย หัดอายบ้างเถอะ” เสียงหวานร้องแว้ดใส่คนตัวโตที่ทำเหมือนไม่ยี่หระต่อคำพูดของเธอ ชายหนุ่มเดินเช็ดผมของตัวเองแล้วเดินมานั่งที่ปลายเตียง “ทำไม...เขินเหรอที่เห็นฉันแบบนี้” “คะ...ใครเขาจะเขินนาย คิดไปเองเถอะ” “ถ้าไม่เขินงั้นช่วยเช็ดผมให้หน่อยได้ไหม” คนตัวโตเอี้ยวตัวมองคนตัวเล็กที่นอนเล่นอยู่บนเตียง จากนั้นสายตาคมกริบก็ไล่มองเรือนร่างเล็กที่ซ่อนรูป ใครจะรู้ว่าภายใต้เสื้อช็อปตัวใหญ่จะซุก
“ไอ้เพ...ฉันเพื่อนแกนะ” ใบหน้าหวานบ่งบอกถึงความหงุดหงิด แม้จะสะดุ้งกับคำพูดของชายหนุ่มก่อนหน้านี้ก็ตาม “ถ้าไม่อยากเป็นเพื่อน เลื่อนมาเป็นเมียก็ได้นะ!” เพียะ!! ไม่ทันที่เพทายจะได้ทำอะไรต่อ ฝ่ามือพิฆาตของมานิตาก็ฟาดเข้าไปที่อกเปลือยของเพทายอย่างแรง ทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งด้วยความตกใจก่อนจะก้มมองแผงอกของตัวเองที่มีรอยนิ้วมือทั้งห้าของคนตัวเล็กประทับตราเป็นดวงเลย “โอ๊ย!! ตีเข้ามาได้ โรคจิตเหรอ หรือซาดิสม์เนี่ย” เพทายนิ่วหน้าจากนั้นก็ใช้มือของตัวเองลูบตรงผิวที่เพิ่งโดนหญิงสาวฟาดเต็มแรง “ก็นายชอบลามกยังไงล่ะ เราเพื่อนกันนะเว้ย ที่ฉันให้นายนอนที่นี่เพราะเห็นว่าเสื้อผ้านายเปียกกับฝนตกนะ ถึงให้อยู่ด้วย ได้คืบจะเอาศอก” “ไม่อยากเอาศอก แต่ ‘เอาเธอ’ ได้ไหม” “ไอ้เพ!!” มานิตาขบกรามของตัวเองอย่างโมโหเมื่อคนตัวโตยังเล่นไม่เลิกจนตอนนี้เธอเริ่มสับสนแล้วว่าชายหนุ่มเล่นหรือคิดจริงกันแน่ “จ๋า...ดุจังวุ้ย...แต่ดุแบบนี้ไอ้เพชอบเลย อยากจับทำเมีย!!” เพทายยิ้มและหัวเราะออกมาเมื่อเจอฤทธิ์ฝ่ามือของมานิตา เขาชอบเหลือเกินที่ได้แกล
“อนาคตไม่แน่คืออะไร...แอบคุยอยู่กับใคร” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแล้วจ้องมองลึกที่ใบหน้าหวาน “ไม่แน่ๆ ก็คืออาจจะมีไง จะมายุ่งอะไรด้วยวะ” “ห้ามมี...” จู่ๆ เพทายก็พูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นจนเธอรู้สึกขนลุกวาบขึ้นมาทันที ทำไมนะทั้งน้ำเสียงและแววตาของเพทายในตอนนี้มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน “ห้ามมีอะไร” “ผัว...ห้ามเธอมีผัว” “อะไรอีกเนี่ย กวนประสาทอยู่ได้ มาห้ามอะไรฉัน จะมาขัดขวางความสุขกันหรือไง” “เพราะความสุขของเธอต้องมีฉันอยู่ในนั้นด้วย” จู่ๆ เพทายก็พูดจาประหลาด เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอกเลยแม้แต่นิดเดียว และจังหวะนั้นก็เห็นว่าคนตัวโตทำหน้างองุ้มราวกับกำลังงอนเธอทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ผิดอะไรเลย “อะไรกันเพ...อย่ามาหันหลังให้กันนะ” มือน้อยจับร่างหนาให้เขาหันกลับมา แต่ตอนนี้เพทายเลือกที่จะนอนตะแคงไปอีกข้างแล้วไม่สนใจเธออีกต่อไป “จะนอน...เธอง่วงแล้วไม่ใช่เหรอ นอนไปสิ...จะมายุ่งอะไรด้วย” เพทายหลับตาลงไม่สนใจเสียงแหลมๆ ของมานิตาอีกต่อไป “อะไรของนายวะ เอาใจยากจริงๆ ผู้ชายคนนี้ อยากนอนก็นอนไปเลย” ว่าจบร่างเล็กก็ลุกขึ้นไ
“ปกติไม่ใส่ แต่นายมานอนด้วยไงเลยใส่ จะให้เดินโท่งๆ ออกมาไง” “คราวหลังไม่ต้องใส่หรอก ฉันขี้เกียจถอด” กึก!! เสียงตะขอชั้นในหลุดออกจากกันจนเธอใจหายวาบ ไม่รู้ว่าฝ่ามือของเขาเลื่อนไปปลดตอนไหน แต่รู้ว่ามันเร็วมาก ขนาดเธอที่ใส่ทุกวันยังปลดตะขอออกช้ากว่าเขาอีก “เพ” “นมใหญ่จังวะมิลค์กี้” มือหนาจับหมับที่หนาอกอิ่ม มันเต็มมือของเขา ขนาดฝ่ามือหนาใหญ่หน้าอกของเธอกลับใหญ่กว่ามือเขาอีก ทั้งปลิ้นไปตามร่องนิ้วยามที่กำลังบีบเคล้น “อ๊ะ...อย่าบีบอย่างนั้นสิเจ็บ” เสียงหวานร้องครางออกมาเมื่อมือหนาทำการเคล้นคลึงอย่างแรงจนหน้าอกสวยบดบี้ไปตามแรงบีบ “นมโคตรใหญ่ เหี้xเหอะ ไม่มีผัวมาถึงตอนนี้ได้ไงวะ” เสียงเข้มสบถออกมาอย่างแหบพร่า “เจ็บ...บีบแรงเกินไปแล้ว” “ขอเลียนะ” “ฮะ” ไม่ทันได้พูดอะไรต่อมือหนาของเพทายก็จัดการถอดเสื้อยืดตัวเล็กของมานิตาออกทันที จนเผยให้เห็นอกอิ่มที่ลอยเด่นชูชันท้ากับแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา “ขอเลียหน่อย ฉันหิวนม” ว่าจบใบหน้าหล่อเหลาของเพทายก็โน้มลงมาใกล้กับหน้าอกสวยจนเธอรับร
บทที่ 3ผู้ชายจากแอปฯ หาคู่ เมื่อคืนนี้หลังจากที่เพทายออกจากห้องของเธอไป เธอก็พยายามติดต่อหาเขาแต่เหมือนว่าชายหนุ่มไม่สนใจที่จะรับสาย จนเธอนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนทำเอาพะว้าพะวังไปหมดกลัวว่าจะเกิดอันตรายอะไรกับเขา “เป็นอะไรอะมิลค์กี้ ทำหน้ายังกับตูด” ญาณินที่ตามมาทีหลังเดินเข้ามาหาเพื่อนรักที่หน้าบูดบึงราวกับมีเรื่องอะไรให้คิดอย่างนั้น “เปล่า” “เปล่าแต่ใต้ตาดำมากเว่อร์ ไปอดหลับอดนอนจากไหนมาเนี่ย ไหนว่าเมื่อวานง่วงแล้วไง ฮั่นแน่...แอบคุยกับใครหรือเปล่า” นิ้วเรียวของญาณินชี้หน้าของเพื่อนราวกับกำลังจับผิด “เปล่า...เมื่อคืนฟ้ามันร้องดังเลยนอนไม่หลับ” มานิตาเลือกที่จะโกหกไป ถ้าไปบอกใครต่อใครว่าเมื่อคืนเพทายอยู่กับเธอมีหวังโดนล้อยันลูกบวชอย่างแน่นอน “อย่างนั้นเหรอ ไม่ได้โกหกแน่ใช่ไหม” “โกหกแล้วได้อะไรล่ะ ว่าแต่เห็นเพบ้างไหม” ตั้งแต่เธอมามหาวิทยาลัยก็ไม่เจอเพทายเลย เขาหายไปตั้งแต่เมื่อคืนไม่รู้ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน “ยังนะ ปกติมันไม่เคยขาดเรียนนะ ไม่รู้วันนี้ไปไหน อาจจะติดธุระเปล่า” ญาณินหันไปมองรอบบริเวณ เพื่อหาเพทายแต
“จะอยู่บ้านไหมนะ” ร่างอวบอั๋นเดินทอดน่องไปที่หน้าบ้านหลังขนาดกลางซึ่งมีรถหรูของเพทายจอดเอาไว้อยู่ หรูจริงๆ หรูชนิดที่ขัดกับขนาดของบ้านเลยด้วยซ้ำ ติ๊งน๋อง!! นิ้วเรียวเล็กจัดการกดลงไปที่ออดหน้าบ้านของเพทายด้วยอาการหัวใจเต้นรัว และคาดหวังให้คนในบ้านเดินออกมาเปิดจนกระทั่งเธอพบกับร่างใหญ่ของเพทายที่เดินเปลือยท่อนบนเดินออกมาที่หน้าบ้าน ใบหน้าหวานฉีกยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยังปกติดีอยู่ ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับเขา เธอเริ่มสบายใจขึ้นทั้งๆ ที่เมื่อคืนเป็นห่วงเพทายจะแย่ “มาทำไม” ประโยคแรกที่เพทายถามทำเอามานิตาหุบยิ้มแทบไม่ทัน และรู้สึกหน้าชาเมื่อตอนนี้เธอทำตัวเหมือนแขกไม่ได้รับเชิญของเขา “ก็ฉันทักนายไปนายไม่ตอบ ก็เลยอยากรู้ว่าโอเคอยู่ไหม” เสียงหวานถามอย่างตะกุกตะกักเพราะไม่อยากบอกตรงๆ ว่ากำลังห่วงผู้ชายคนนี้ใจจะขาด “เหรอ...ยังไม่ตายก็แล้วกัน อยากรู้แค่นี้ใช่ไหม งั้นกลับไปได้แล้ว ฉันจะนอน” เสียงเข้มบอกอย่างรำคาญ จากนั้นชายหนุ่มก็เลือกจะหันหลังกลับไป จนมานิตารู้สึกเฟลเล็กน้อย ทว่าจังหวะที่เธอโดนไล่ฝนก็ดันมาตกพอดี
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ
ทั้งสองเดินทางมายังคลับของเวลล์ที่ตอนนี้หนาแน่นไปด้วยผู้คนที่เข้ามาใช้บริการ ไม่แปลกใจว่าช่วงหลังๆ กิจการของคลับเป็นไปได้อย่างดี “ไหนเพื่อนเธอเหรอ” วาโยมองไปรอบๆ เพื่อหาเพื่อนของญาณินและก็พบกับกลุ่มเพื่อนสามสี่คน และมีผู้ชายอยู่ประมาณสองคน ส่วนที่เหลือเป็นผู้หญิง “ไหนนายบอกจะไปหาพี่เวลล์ จะไปกับฉันทำไม” ญาณินหันมาแว้ดใส่เพื่อนสนิทที่เหมือนจะเดินตามไป “เฮียคงกำลังยุ่งๆ รับลูกค้า ขอไปนั่งด้วยได้ไหม” เวลล์บอกคนตัวเล็กเพราะจากสายตาที่เขาประเมินกลุ่มเพื่อนของญาณินดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ ถ้าปล่อยให้หญิงสาวไปคนเดียวมันคงไม่ดีแน่ “โหย...อะไรของนาย” “ถ้าให้ไปเดี๋ยวเลี้ยงเหล้าด้วย โอเคไหม” ข้อเสนอของวาโยน่าสนใจ จนญาณินคลี่ยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ มีคนเลี้ยงเหล้าใครบ้างจะไม่สนใจ ทำให้ตอนนี้ทั้งสองหนุ่มสาวเดินตรงไปยังโต๊ะที่มีกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว “เฮ้...ญาณิน” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขึ้นเรียกเพื่อนสาว “ดีใจจังได้เจอพวกแก” ญาณินยิ้มให้กับเพื่อนที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์กรึ่มๆ เพราะดื่มกันก่อนท
ตอนพิเศษYanin X Wayoขอเป็นมากกว่าเพื่อน ชีวิตที่แสนเรียบง่ายของญาณินเป็นอันต้องพังทลายลงเมื่อบิดาประกาศกร้าวให้เธอไปดูตัวคู่หมั้นของตัวเอง คู่หมั้นที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาเป็นอย่างไร วันนั้นเธอร้องห่มร้องไห้ไปหามานิตาเพื่อให้เพื่อนช่วยคิดแผนการล้มเลิกการดูตัวในครั้งนี้ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่กล้าที่จะไปขอความช่วยเหลือจากวาโย เพราะมันเป็นเรื่องน่าอายที่จะบอกให้วาโยมาแกล้งเป็นแฟน “เฮ้อ...” “เป็นอะไรไปญาณิน” วาโยที่นั่งกินข้าวเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนของตัวเองที่เอาแต่นั่งหน้าเศร้าตีหน้ามึนทำเอาคนที่กำลังกินอาหารอยู่รู้สึกกร่อยขึ้นมาทันที “ไม่มีอะไร” “เอ้า!! ไม่มีอะไรได้ไง แกเอาแต่ทำหน้าซึมแบบนี้” วาโยมองเพื่อนอย่างสงสัย เพราะช่วงหลังๆ มานี่ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้นเพราะเพทายกับมานิตาตัวติดกันราวกับปลาท่องโก๋ พวกเขาเลยกลายเป็นส่วนเกินที่ต้องมากอดคอร้องไห้เมื่อโดนเพื่อนทิ้งไปจู๋จี๋กัน “คิดๆ อะไรนิดหน่อย” “คิดอะไรวะ” วาโยที่กำลังคีบเนื้อเข้าปากมองคนตัวเล็กซึ่งกำลังสะบัดผมไปข้างหลัง จนทำให้เขามองเห็นร่องหน้าอกขอ
“รีบเปลี่ยนนะครับ ไว้ถ้ากลับมาจากทะเล เพขอจัดหนักสักน้ำนะ” ชายหนุ่มบอกอย่างมีเลศนัย จนมานิตาได้แต่หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย “ค่ะ” เมื่อทั้งสี่เปลี่ยนชุดแล้ว พวกเขาก็เดินไปยังทะเลที่อยู่หน้ารีสอร์ต เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยทำเอาพวกเขาต่างมีความสุข “คุณแม่ขา...มาช่วยหนูก่อกองทรายหน่อยค่ะ” เสียงหวานๆ ของลูกสาวบอก จากนั้นมานิตาที่เพิ่งเป็นแบบถ่ายรูปให้กับเพทายต้องละความสนใจแล้วเดินไปหาลูกสาวลูกชายทันที “ไปช่วยลูกก่อกองทรายกันค่ะเพ...” เพทายเดินมากุมมือของมานิตาแล้วพาเดินตรงไปหาลูกสาวที่นั่งที่ทรายทันที “คุณแม่ครับ อันนี้เป็นเครื่องบินน้องมิกซ์วาดเอง” เสียงของลูกชายบอกอย่างเจี๊ยวจ๊าว ผู้ใหญ่ทั้งสองคนหันไปมอง ก็พบกับภาพเครื่องบินในจินตนาการของลูกชาย “วาดเองเหรอครับ” “ครับ” เพทายและมิลค์กี้มองหน้ากันเมื่อเห็นภาพที่ลูกชายวาด มันสวยเกินกว่าที่เด็ก 5 ขวบจะวาดด้วยซ้ำ แสดงว่าลูกชายของพวกเขาอาจจะมีพรสวรรค์ด้านนี้ “สวยจังเลย คนเก่งของแม่”มานิตาทำการหอมหัวของลูกชายหนึ่งที พร้อมที่จะมองเพทายแล้วยิ้มอ