อัจฉริยะทางการแพทย์ยุคปัจจุบันเดินทางข้ามผ่านเวลากลายมาเป็นพระชายาอ๋องผู้ถูกทอดทิ้ง แม้แต่ลูกชายของตนยังถูกเรียกว่าลูกนอกสมรส! จ้าวสงครามที่สองขาพิการรังเกียจนางเยี่ยงมด แม้แต่การอยู่การกินของนางก็แสนระกำลำบาก! ดีที่นางมีมืออันวิเศษของหมออัจฉริยะ และพรแห่งห้วงเวลาอยู่ ถูกคนรับใช้ดูหมิ่น ก็ทำให้ตาบอดเสียเลย! พวกนางรับใช้ แม่นมรังแก ก็ตัดเส้นเอ็นข้อมือเสียให้! สามีขี้เผด็จการ ก็แขวนเขาไว้บนต้นไม้ซะสิ! หลิงอวี๋ถลกแขนเสื้อขึ้น ทำเสียจนตำหนักอ๋องอี้วุ่นวาย! อาศัยมือวิเศษคู่นั้นที่ช่วยชีวิตท่านเสนาบดี ช่วยชีวิตไทเฮา... ! ชนะใจชายหนุ่มผู้มากยศมั่งคั่งทั้งหลาย ในที่สุด นางก็ถูกสามีจ้าวสงครามต้อนจนมุมเสียได้ “ขโมยทั้งร่างกายทั้งหัวใจข้า ยังคิดที่จะหนีไปให้ไร้ร่องรอยอีกรึ?”
View More“ข้าคือหลิงอวี๋!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าพี่หรงเปิดเผยสถานะตนออกมา ก็มิได้ปิดบังและยอมรับตามตรง“ข้ามาที่นี่เพื่อสืบคดีสตรีมีครรภ์ที่สูญหายไป!”เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด หลิงอวี๋จึงอธิบายจุดประสงค์ในการมาของตนออกไปด้วยนางมองไปทางพี่หรงอย่างคาดหวัง ในใจก็หวังจริง ๆ ว่าคนผู้นี้จะเป็นหลิงหรง!แม้ว่าหลิงอวี๋จะสุขสบายอยู่ในยุคนี้ราวกับปลาได้น้ำ แต่นางก็ยังคงรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่ตนเป็นคนยุคปัจจุบันเพียงผู้เดียวและกำลังดิ้นรนอยู่ในโลกที่มิได้เป็นของตน แม้ว่าจะมีคนใกล้ชิดเช่นเซียวหลินเทียนกับเซียวเยวี่ยและคนอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ก็มิอาจลบล้างความรู้สึกโดดเดี่ยวนี้ไปได้!เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยนี้ หลิงอวี๋ก็มีความรู้สึกผสมปนเปกันมากมาย การปรากฏตัวของหลิงหรงเป็นการชดเชยความโดดเดี่ยวนี้!เย่หรงขมวดคิ้วมองหลิงอวี๋ ดวงตาคู่นั้นยิ่งมองก็ยิ่งดูคุ้นเคย แต่เขาจำมิได้จริง ๆ ว่าตนเคยเจอคนผู้นี้มาก่อน!นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกจากแดนปีศาจมาที่ใต้หล้านี้ เขากล้ารับประกันเลยว่า เขามิเคยเห็นใบหน้านี้ในแดนปีศาจเช่นกัน“พี่หรง ท่านรู้จักนางหรือ?”หยางหงหนิงเอียงตัวมาปิดกั้นการมองของเย่หรงที่มองหลิงอว
“คุณหนูมิได้อยู่ที่นี่เจ้าค่ะ นางอยู่ที่เรือนลั่วเฟิ่งด้านบน พวกท่านรอสักครู่ ข้าจะพาพวกท่านไป!”หนานฮุ่ยวิ่งกลับไปบอกนางรับใช้อีกคนแล้ววิ่งออกมาตอนนี้หลิงอวี๋รู้แล้วว่า คนที่สี่ที่อยู่ข้างในนั้นคือคนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเฉียวเค่อก็มิได้ถามอะไร แล้วพาคนของตนตามหนานฮุ่ยขึ้นไปบนภูเขาเมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าพวกเขาไปไกลแล้ว นางก็ขยับไปอยู่ตรงหน้าพี่หรงอย่างทนมิไหวแล้วเอ่ยเบา ๆ “เสี่ยวหรง นี่พี่หลิงอวี๋เอง นายก็เจอเรื่องเหมือนกับพี่ใช่ไหม?”พี่หรงก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างประหลาดใจแล้วจ้องมองหลิงอวี๋อย่างระมัดระวังหลิงอวี๋เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาก็รู้สึกหดหู่ในใจ หรือว่าตนคิดผิดไป คนผู้นี้มิใช่หลิงหรง!มิฉะนั้นแม้ว่าหลิงหรงจะมิรู้จักใบหน้านี้ของตน แต่ก็ไม่มีทางที่จะมิแยแสกับชื่อหลิงอวี๋!“พี่หรง เราควรตามพวกเขาไปหรือไม่? เฉียวเค่อผู้นั้นจะต้องเป็นพวก…”สตรีที่พูดก่อนหน้านี้วิ่งออกมาแล้วเอ่ยด้วยเสียงต่ำแต่เมื่อพี่หรงก้าวออกไปจ้องมองนาง เสียงของนางก็หยุดชะงักไปหลังจากนั้น หลิงอวี๋ก็เดินตามออกมาจากที่ซ่อนเช่นกันหลิงอวี๋มองเห็นรูปลักษณ์ของสตรีที่พูดได้อย่างชัดเจนเห็นใบหน้ารูปไข่สี
ชั่วครู่หนึ่งหลิงอวี๋คิดจะล่าถอยไป แต่ที่ด้านหลังของนางล้วนเป็นพุ่มไม้ เป็นไปมิได้ที่นางจะล่าถอยโดยมิถูกพบบุรุษที่พุ่งเข้ามานั้นเร็วมาก เขาคือพี่หรงที่พูดจาสงบผู้นั้นทันทีที่เขาพุ่งมาถึงที่ที่หลิงอวี๋ซ่อนตัวอยู่ก็พบว่ามีคนซ่อนตัวอยู่แล้วหนึ่งคนพี่หรงยกฝ่ามือขึ้นทันที คิดจะโจมตีหลิงอวี๋ที่อยู่ในความมืดหลิงอวี๋รู้สึกถึงอันตรายอยู่ครู่หนึ่ง กำลังคิดจะลงมือโดยมิสนใจสิ่งใดแล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษผู้นั้นที่แสงจันทร์ส่องสว่างลงมาใบหน้านั้นราวกับแกะสลัก หล่อเหลาไร้ที่ติริมฝีปากบางมีความดูถูกเหยียดหยามและเยือกเย็นอยู่เล็กน้อย ดวงตาสีเข้มคู่นั้นเปล่งประกายสะท้อนแสงจันทร์ และมีแสงสีเขียวเข้มประหลาดสะท้อนออกมาด้วย...เหตุผลหลักที่หลิงอวี๋มิลงมือก็เพราะว่า ใบหน้าของบุรุษผู้นี้เหมือนกับหลิงหรงลูกพี่ลูกน้องของตนในยุคปัจจุบันทุกประการนอกจากปู่แล้วหลิงหรงเป็นคนที่ใกล้ชิดกับนางมากที่สุด เพียงแต่หลิงหรงอายุเพียงสิบห้าก็มาหายตัวไปมิพบตัวและมิพบศพเพราะไปปีนเขาแล้วเกิดอุบัติเหตุตกลงมาจากยอดภูเขาน้ำแข็งตอนนั้นหลิงอวี๋ตามหาอยู่เป็นเวลาหนึ่งเดือนแต่ก็มิพบหลิงหรงต่อมาในเวลาว่างก็มักจะ
ท้องฟ้าเพิ่งจะมืดลง พวกหลิงอวี๋ก็รีบไปที่ภูเขาสัตตะสมบัติที่ตั้งของศาลบูรพกษัตริย์ภูเขาสัตตะสมบัติแห่งนี้อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านและอยู่กลางภูเขาเพราะเป็นสถานที่ที่เหล่าสนมมาบำเพ็ญเพียรกันในสมัยโบราณ จึงมีขนาดใหญ่มาก แบ่งออกเป็นลานเล็ก ๆ สิบกว่าแห่ง รวมแล้วมีอยู่หลายร้อยเรือนก่อนที่หลิงอวี๋จะมาที่นี่ นางได้พบภาพวาดการก่อสร้างศาลบูรพกษัตริย์ในตอนแรก และได้ศึกษารูปแบบของศาลบูรพกษัตริย์และภูเขาสัตตะสมบัติมาแล้วนาง ฉินซานและเผยอวี้ต่างก็ได้ข้อสรุปมาอย่างหนึ่งจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอาศัยการปิดบังของเหล่าสนมที่ศาลบูรพกษัตริย์ทำการบำเพ็ญตนที่นี่ เช่นนั้นเพื่อมิให้พวกนางตกใจแล้วเปิดเผยเรื่องที่ตนนำคนมาบำเพ็ญตน ที่พักอาศัยของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงเลือกได้เพียงแค่เรือนที่อยู่ห่างไกลเท่านั้นลานเล็ก ๆ หลายแห่งที่อยู่ห่างไกลออกไปที่ภูเขาด้านหลังน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเมื่อพวกหลิงอวี๋มาถึงตีนเขาก็แยกกันไปสามทาง แต่ละคนก็พาคนของตนไปสำรวจตามลานเล็ก ๆ เหล่านั้นหลิงอวี๋ออกมาคราวนี้พาเถาจื่อ หานเหมย สุ่ยหลิงและหานอวี้มาด้วย นางให้หานเหมยไปกับฉินซาน หานอวี้ไปกับเผยอวี้ ส่วนตนก็พาเถาจ
หลิงอวี๋สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา แล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ “แม่นม จากที่ท่านบอก เช่นนั้นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารคนไปมากมายถึงเพียงนี้ อาการบาดเจ็บภายในของนางก็ฟื้นตัวดีแล้วใช่หรือไม่?”“นางได้บรรลุดินแดนที่หกไปสู่ดินแดนที่เจ็ดแล้วด้วยหรือไม่?”แม่นมอูเม้มปาก “เรื่องนี้มิอาจบอกได้ บ่าวมิเข้าใจวิชาบำเพ็ญตนชั่วร้ายเหล่านั้น บางทีอาการบาดเจ็บภายในของนางอาจจะหายแล้ว! แล้วยังบรรลุดินแดนที่เจ็ดหรืออาจจะสูงกว่านั้นแล้วเพคะ!”“เหตุผลที่วิชาบำเพ็ญตนชั่วร้ายสามารถดึงดูดผู้บำเพ็ญตนให้ละทิ้งวิธีบำเพ็ญที่ถูกต้องไปได้ก็คือ มันสามารถทำให้พัฒนาการบำเพ็ญได้อย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้นจะมีคนเลือกใช้วิธีที่เสี่ยงต่อการเป็นปีศาจเช่นนี้ได้อย่างไร!”เหงื่อเย็นไหลออกมาที่หลังของหลิงอวี๋หากจ้าวหรุ่ยหรุ่ยบรรลุเข้าสู่ดินแดนที่เจ็ดหรือแปดอย่างรวดเร็วดังเช่นที่แม่นมอูบอก เช่นนั้นนางกับแม่นมอูรวมถึงขันทีโม่ก็ล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย!“ข้าจะไปสอบสวนดูก่อนสักหน่อยแล้วกัน!”ในสถานการณ์ที่ยังมิรู้แน่นี้ หลิงอวี๋มิกล้าให้แม่นมอูและคนอื่น ๆ ตกอยู่ในอันตรายไปกับตนได้นางเรียกเผยอวี้กับฉินซานมาแล้วเล่าเรื่องนี้ให้พวก
หลิงอวี๋ใช้เครื่องยาสมุนไพรที่ขันทีโม่ให้มาสกัดเป็นยาอายุวัฒนะอันล้ำค่าหลายเม็ด นางมิได้กินไปทั้งหมด เมื่อเห็นว่าขันทีโม่ได้รับบาดเจ็บเพราะหาเครื่องยาสมุนไพรให้ตน ก็ให้ยาแก่ขันทีโม่สองเม็ดเพื่อช่วยเขาฟื้นคืนพลังหลิงอวี๋ให้ยาสองเม็ดกับแม่นมอูด้วยเช่นกัน ครานี้แม่นมอูพลังอ่อนแอลงมากเพราะช่วยชีวิตนาง หลิงอวี๋รู้สึกขอบคุณนางมากยาอายุวัฒนะที่สกัดมาอย่างยากลำบากในครั้งนี้ แม้ว่าหลิงอวี๋จะเหลือมิมากนัก แต่โชคดีที่ขันทีโม่มิเพียงแต่หาเครื่องยาสมุนไพรมาให้นางเท่านั้น แต่ยังนำต้นกล้าสมุนไพรมาให้หลายต้นด้วยหลิงอวี๋ปลูกไว้ในมิติและรอให้เติบโตจนนำมาใช้ได้ ก็จะได้เครื่องยาสมุนไพรมากขึ้นอีกแต่เพียงมิกี่วันหลังจากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับไท่เฟยเส้าอยู่อย่างสงบ ในหมู่บ้านใกล้เมืองหลวงก็เกิดเรื่องแปลก ๆ ขึ้นเริ่มแรกคือมีบุรุษวัยกลางคนหายตัวไปอย่างไร้เหตุผล จากนั้นสตรีมีครรภ์หลายคนก็หายตัวไปอีกสิ่งนี้ทำให้คนในหมู่บ้านเหล่านั้นต่างก็ตื่นตระหนกกัน บางคนบอกว่ามีปีศาจภูเขากินคน และบางคนก็บอกว่าบนภูเขาใกล้เคียงนี้มีหมาป่าอยู่แม่ทัพเฉินรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของเมืองหลวง ขุนนางและผู้ใหญ่บ้านของที่ว
“สังหารเขา… สังหารเขา!”การกระทำที่น่ารังเกียจของพวกจ้าวฮุยกระตุ้นให้เกิดความมิพอใจ ทหารเหล่านั้นต่างกล่าวโทษจ้าวฮุยด้วยความโกรธเกรี้ยวจ้าวฮุยถูกก้อนหินกระแทกจนเลือดออกที่หัวเขามิเคยรู้สึกอับอายเยี่ยงนี้มาก่อนในชีวิตไม่มีข้อแก้ตัว และมิสามารถแก้ตัวได้ด้วยเขาคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังลั่นแล้วตะโกนออกมาอย่างเต็มที่ “ฝ่าบาท แม้ว่ากระหม่อมจะมีความผิด แต่ก็ต้องไต่สวนให้ชัดเจนก่อนจึงจะตัดสินโทษได้พ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาทจะให้คนเหล่านี้ใส่ร้ายและทุบตีกระหม่อมจนตายเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“หากจะให้กระหม่อมตายไปเช่นนี้ กระหม่อมมิอาจยอมได้พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนประทับใจในความสามารถต่อต้านอย่างดื้อรั้นของจ้าวฮุยจริง ๆ ถูกกล่าวหาชี้ตัวเช่นนี้แล้ว แต่เขาก็ยังยืนยันว่าตนไม่มีความผิดเขาคิดว่าเมื่อถูกพาตัวกลับไปเมืองหลวงแล้ว เขาจะใช้อำนาจของตระกูลจ้าวพลิกสถานการณ์ได้หรือ?“คุมตัวพวกเขากลับเมืองหลวงก่อน!”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างเยาะเย้ย ในเมื่อจ้าวฮุยรู้สึกว่ายังมีความหวัง เช่นนั้นเขาจะให้จ้าวฮุยกอดความเพ้อฝันกลับเมืองหลวงแล้วกัน!ถึงเวลานั้น ให้ทุกคนในตระกูลจ้าวและทุกคนในใต้หล้าเห็นใบหน้าของจ้า
ในการประลองครานี้องค์ชายอิงพ่ายแพ้อย่างราบคาบ และข้อเท้าข้างหนึ่งของเขาก็หักด้วยที่ปรึกษาและแม่ทัพขององค์ชายอิงรีบพาตัวจ้าวฮุยออกมาอย่างรวดเร็ว หวังว่าจะได้ตัวองค์ชายอิงกลับมาเมื่อครู่จ้าวฮุยเห็นองค์ชายอิงถูกเซียวหลินเทียนโจมตีจนพ่ายแพ้ก็กังวลขึ้นมา คราวนี้เขาวางแผนไว้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ก็พ่ายแพ้ เขาจะยินดีได้อย่างไร!แต่ความจริงอยู่ตรงหน้า แม้เขามิยอมรับความพ่ายแพ้ก็ไม่มีแรงที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาได้!จ้าวฮุยรู้สึกท้อแท้อยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงสงบใจลงได้ ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ ก็มีโอกาสเริ่มใหม่อีกครั้งเขาสัมผัสยาที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยให้มาในอ้อมแขน และรอระหว่างทางกลับจะหาโอกาสใช้มันกับเซียวหลินเทียน เช่นนี้ตนก็มินับว่าแพ้แล้วองค์ชายอิงถูกองครักษ์พยุงให้ลุกขึ้นยืน เขาเหลือบมองจ้าวฮุยอย่างเย็นชาก่อนจะหันไปหาเซียวหลินเทียนพลางเอ่ย“จักรพรรดิเซิ่งอู่ ข้าแพ้การประลอง ข้าจะรักษาสัญญาทำการคืนอัครเสนาบดีจ้าวและคนของเขากลับไปให้หมด!”“ปล่อยพวกเขาไป!”จ้าวฮุยเหลือบมององค์ชายอิงด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนแล้วเดินไปพร้อมกับคนของตนลู่หนานและพวกองครักษ์ยืนอยู่ข้างหลังเซียวหลินเทียน ท่าทางราวกับ
ในหัวองค์ชายอิงคิดอย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้ยินเซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างมิอดทน “องค์ชายอิง ข้าเคารพเจ้าในฐานะลูกผู้ชาย เจ้าอย่าได้แพ้แล้วมิยอมรับเลย!”องค์ชายอิงมิสามารถแยกแยะเจตนาที่แท้จริงของเซียวหลินเทียนได้ จึงตะโกนอย่างโหดร้าย “ข้ายอมรับความพ่ายแพ้!”เซียวหลินเทียนยิ้ม แล้วยกง้าวมังกรเขียวขึ้นมาพลางตะโกน “องค์ชายอิงแห่งเว่ยเหนือยอมแพ้แล้ว!”“กี๊ก ๆ…”ขณะที่ทุกคนในฉินตะวันตกรู้สึกเสียดายที่เซียวหลินเทียนมิสามารถสังหารองค์ชายอิงได้ทันเวลา เสียงร้องของนกเหยี่ยวก็ดังมาจากท้องฟ้าทุกคนเงยหน้าขึ้นมองไปแล้วก็เห็นนกเหยี่ยวสีดำขนาดใหญ่ขององค์ชายอิงโฉบลงมาจากที่สูง แล้วพุ่งเข้าใส่เซียวหลินเทียนปีกของเฮยอิงพัดพาลมแรงไปทางเซียวหลินเทียน คิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะทำให้เซียวหลินเทียนตกลงจากหลังม้านกที่ดุร้ายเช่นนี้เต็มไปด้วยความโหดร้าย หากถูกมันฟาดเข้า เซียวหลินเทียนมิตกจากม้าก็ต้องถูกฟาดได้รับบาดเจ็บเซียวหลินเทียนไหนเลยจะถูกมันฟาดบาดเจ็บได้ เขาเหวี่ยงง้าวมังกรเขียวกระแทกพลังใส่เฮยอิงกระเด็นไปแต่เฮยอิงตัวนี้ทรงพลังมากจริง ๆ มันเอียวงตัว หมุนครึ่งวงกลมกลางอากาศ แล้วหันกลับไปโจมตีเซียวหลินเทียน
“หลิงอวี๋!” “ในปีนั้นเจ้าวางแผนการชั่วร้ายใส่ข้าอย่างไร้ยางอาย… จากนั้นยังใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้มาบีบบังคับให้ข้าแต่งงานกับเจ้า...” “มาตอนนี้ยังลอบขโมยของล้ำค่าที่เสด็จแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่เจ้าขาดหายไป! ยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายเฮยจื่อเสียจนปางตาย!” “หากว่าข้ายังไว้ชีวิตเจ้าอีก ข้าก็คงจะไม่แซ่เซียวแล้ว!” ใคร? ใครกำลังพูดอยู่กัน ขณะที่เธอกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแส้ “เพียะ!” ดังขึ้น ทั่วทั้งตัวของหลิงอวี๋เจ็บปวดจนสั่นสะท้าน จนต้องลืมตาขึ้นมาทันที... จากนั้นเมื่อมองเห็นด้านหน้าของเธอ มีชายหนุ่มหล่อเหลา สูงส่งราวกับเทพเจ้านั่งอยู่บนรถเข็น จ้องมองยังเธออย่างแข็งกร้าว “โบย! ห้าสิบแส้! อย่าให้ขาดแม้แต่หนึ่ง!” “โบยให้ตาย แล้วจงลากไปโยนทิ้งที่สุสานรวมซะ!” เพียะ! เพียะ! เพียะ! เสียงแส้ดังออกมาพร้อมกับเสียงลมครั้งแล้วครั้งเล่ากระแทกลงบนกายของหลิงอวี๋ หลิงอวี๋เจ็บปวดจนดวงตามืดมน อีกเพียงนิดเกือบจะเป็นลมไป... หลิงอวี๋ที่เกือบจะสิ้นลมไป เธอนึกไม่ออกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องอะไรกัน? เฮยจื่ออะไร? เมื่อคร...
Comments