Share

บทที่ 12

Author: สกุลหยางมีบุตรสาว
วันรุ่งขึ้น

ฉู่เชียนหลีนอนอยู่บนเตียงยังคงคำนึงถึงเรื่องที่ตนเองต้องสูญทรัพย์สินล้านล้านล้านไปในคืนเดียว นางกอดผ้าห่ม ยังคงอยู่ในอารมณ์เศร้าสลดเนิ่นนานมิอาจกลับมาเป็นตัวของตัวเองได้

“เฮ้อ!”

พอรุ่งเช้า เยว่เอ๋อร์ต้องวุ่นหน้าวุ่นหลัง ทำความสะอาดห้องหับ พับเสื้อผ้า เช็ดโต๊ะ ถอนหญ้าในลานบ้าน เปิดหน้าต่างระบายอากาศ และยังต้องยกกระถางดอกไม้ออกไปตากแดดด้วย ซึ่งฉู่เชียนหลีถอนหายใจมาเก้าสิบแปดครั้งแล้ว

“เฮ้อ...”

ทรัพย์สินล้านล้านของนาง

เยว่เอ๋อร์ยกอ่างน้ำเข้ามา “คุณหนูเจ้าคะ ตะวันส่องบั้นท้ายแล้ว ท่านยังไม่ตื่นอีกหรือเจ้าคะ?”

ฉู่เชียนหลีช้อนดวงตาแดงก่ำทั้งคู่ขึ้น ดวงตาที่มีเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดงจ้องเยว่เอ๋อร์ด้วยความคับแค้นใจแสนล้ำลึก

ถ้าไม่ใช่เพราะนังเด็กนี่รับใช้นางอย่างจงรักภักดี ไม่ละไม่ทิ้งมาตั้งแต่เล็ก จะต้องหักคอแสนชั่วช้าของนางเป็นแน่...

“เฮ้อ!”

นางพลิกตัว นอนหลับต่อไปด้วยความห่อเหี่ยวใจ

ไม่อยากลุกจากเตียง ข้าวปลาก็ไม่อยากกิน

เงินของฉัน...

เยว่เอ๋อร์เรียกต่ออีกหลายครั้ง เมื่อเห็นคุณหนูไม่ตอบสนอง จึงได้แต่ไปทำงานอื่นๆ ต่ออย่างจนใจ

ตลอดช่วงเช้า เรือนหลังเล็กโกโรโกโสและรกร้างแห่งนี้กลับคึกคัก

บ่าวในครัวนำอาหารเช้ามาส่ง เยว่เอ๋อร์เกิดมีปากเสียงกับพวกเขา “อาหารนี้ดูคล้ายว่าเน่าเสียแล้ว ข้าวก็แข็งนัก ยามนี้คุณหนูของเรายังอยู่ในตำแหน่งพระฉายาเฉินอ๋อง พวกเจ้ากลับกล้าละเลยถึงเพียงนี้เชียวรึ!”

บ่าวผิวคล้ำจากในครัวกลุ่มนั้นหัวเราะเย็นคราวหนึ่ง ก่อนโยนตะกร้าลงกับพื้น “ในครัวมีแค่เท่านั้นแล้ว ไม่เอาก็แล้วแต่”

เข้าจวนมาสามเดือนกว่าล้วนไม่เคยเป็นที่โปรดปราน ดูทีว่าชาตินี้คงได้อยู่แต่ในเรือนเย็น[footnoteRef:1]เท่านั้น [1: เรือนเย็น เหมือนตำหนักเย็นในวังหลวง ซึ่งเป็นที่พำนักสำหรับนางในในวังที่ไม่เป็นที่โปรดปรานของกษัตริย์แล้ว]

ยังฝันหวานจะได้เป็นพระชายาที่รักของอ๋องเฉินอีกหรือ?

จากนั้น มีพวกบ่าวมาจัดสรรสิ่งของให้

เยว่เอ๋อร์ก็มีปากเสียงกับพวกเขาขึ้นมาอีก “ตามกฎของจวน เครื่องใช้ต่างๆ ของคุณหนูข้าอย่างน้อยต้องมีผ้าห่มนวมสี่ผืน เหตุใดจึงส่งมาแค่ผ้าห่มบางๆ ผืนหนึ่ง นี่ก็จวนเจียนจะเข้าช่วงหนาวของฤดูใบไม้ร่วงแล้ว จะให้พวกเราใช้ชีวิตในฤดูหนาวอย่างไร?”

บ่าวจึงโยนผ้าห่มบางไว้กับพื้นเสียเลย

“โยนกระดูกอันหนึ่งให้สุนัข สุนัขยังรู้จักเห่าโฮ่งๆขอบคุณข้า แต่ยามมาส่งของให้พวกเจ้าน่ะรึ? เทียบไม่ได้กับเดรัจฉานสักตัวด้วยซ้ำ!”

พวกเขาล้วนได้ยินได้ฟังมาว่าในวันที่พระชายารองเซียวเข้าจวน พระชายาก็ถูกเรียกไปปรนนิบัติรับใช้นาง ซ้ำยังถูกท่านอ๋องลงโทษอย่างหนัก เพราะทำน้ำชาหกอีกด้วย

ผู้ใดคือว่าที่นายผู้หญิงของจวนแห่งนี้ ก็เห็นชัดกันอยู่แล้ว

เยว่เอ๋อร์โมโหจนร้องไห้ แต่ก็ไม่รู้จะทำฉันใด

ยามเที่ยง พ่อบ้านเดินเนิบนาบมาหาเพื่อจ่ายเบี้ยเดือน

เมื่อเศษก้อนเงินเล็กๆ แสนน่าสงสารสองก้อนถูกโยนลงบนอุ้งมือของเยว่เอ๋อร์ นางก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ “พ่อบ้าน นี่ท่านจะบีบคุณหนูของข้าให้ตายใช่หรือไม่!”

เบี้ยเดือนของพระชายาอ๋องคือยี่สิบตำลึง พ่อบ้านกลับให้เพียงหนึ่งตำลึง นี่เท่ากับยักยอกเอาไว้เองแทบทั้งหมด!

ยามนี้กระทั่งเบี้ยหวัดก็ยังไม่มี แล้วจะไปซื้อของใช้สำหรับฤดูหนาวให้คุณหนูได้อย่างไร?

“ท่านไม่กลัวหรือไรว่าข้าจะเอาเรื่องท่านไปฟ้องต่อท่านอ๋อง” เยว่เอ๋อร์ถลึงตาใส่พ่อบ้าน ดวงตาทั้งคู่โมโหจนแดงก่ำ

พ่อบ้านเหลือบตามองนางอย่างเกียจคร้านคราวหนึ่ง เอามือสองข้างไพล่หลัง ทำตัวเฉกหัวหน้าเล็กๆ เอ่ยอย่างมีนัยสำคัญว่า “เยว่เอ๋อร์ เจ้าต้องมองสถานการณ์ยามนี้ให้ชัดสิ”

“พระชายาไม่เป็นที่โปรดปราน มีตำแหน่งที่ไม่มั่นคง ทุกคนภายในจวนล้วนไปประจบพระชายารองเซียวกันหมด แต่ข้ายังมาจ่ายเบี้ยเดือนให้พระชายาด้วยตนเอง พระชายาควรต้องขอบใจข้าจึงจะถูก”

ข่มเหงกันเกินไปแล้ว!

ยักยอกเบี้ยเดือนด้วยเจตนาชั่ว ยังอ้างอย่างมีเหตุมีผลอีก

ใครเขาข่มเหงกันอย่างหน้าตาเฉยเช่นนี้!

เยว่เอ๋อร์บันดาลโทสะจนไม่สามารถควบคุมได้ ก้าวเท้าพุ่งตัวเข้าชนทันใด “เอาเบี้ยเดือนของคุณหนูข้ามาเดี๋ยวนี้!”

“เจ้าเป็นผู้น้อยกล้าล่วงเกินผู้ใหญ่รึ?”

พ่อบ้านตวาดใส่ ขณะเอามือจับแขนน้อยๆ แสนผอมบางของเยว่เอ๋อร์ และเงื้อมือขึ้นสูง แต่ในขณะที่กำลังจะหวดลงมากลับรู้สึกเจ็บที่หน้าผาก

“โอ๊ย!”

สิ่งใดกันกระแทกถูกหัวอย่างแรง ทั้งเจ็บทั้งแสบ

เมื่อก้มลงดู

เป็นทองคำแท่งแท่งหนึ่ง?

Related chapters

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 13

    ยังไม่ทันตั้งตัว ก็มีอีกแท่งลอยมากระแทกข้อมือเขา แทบจะกระแทกจนกระดูกป่น จึงคลายมือที่จับเยว่เอ๋อร์“คุณหนู!”นางเห็นคนที่นอนมาทั้งช่วงเช้าลุกจากเตียงแล้วและยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้อง กำลังกะน้ำหนักทองแท่งที่ทั้งใหญ่ทั้งหนักด้วยการโยนขึ้นลงในมือนางหรี่ตา เล็งเป้า“กล้าแตะต้องคนของข้ารึ? แม่จะเอาทองแท่งปาเจ้าให้ตาย!”ตุบ!“โอ๊ย...”โดนทองไปสามแท่ง พ่อบ้านถูกปาจนหน้าผากแตก กระดูกข้อมือหัก เอวชราๆ ยอกไปหมด พลันล้มพับอยู่บนพื้น กุมสะเอวร้องครวญคราง 'ไอ้หยาๆ' ทว่า ในพริบตาต่อมา เขาก็กัดฟันทนต่อความเจ็บปวด หอบเอาทองแท่งหนึ่งขึ้นมาแล้วออกแรงขบไปครั้งหนึ่งในทันทีเจ็บฟัน!แข็งจริงๆ!เป็นของจริง!ทองคำ!หน่วงขนาดนี้ หนักถึงเพียงนี้ ซ้ำยังมีตั้งสามแท่ง พระชายามั่งมียิ่งกว่าท่านอ๋องเสียอีก!ตาของพ่อบ้านเป็นประกายแวววาวขึ้นในบัดดล จู่ๆ เอวก็ไม่เจ็บ ขาไม่ปวด โรคข้ออักเสบที่เป็นมาหลายสิบปีก็หายเป็นปลิดทิ้ง พลันคุกเข่าแบบประจบลงตรงหน้าพระชายา ยิ้มเสียจนมีแต่ความสอพลออยู่เต็มใบหน้า“เป็นบ่าวเองที่ดวงตาโง่เง่า มีตาหามีแววไม่ นับแต่นี้ไป พระชายาให้บ่าวทำสิ่งใดบ่าวก็จะทำสิ่งนั้นขอรับ”“บ่

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 14

    พ่อบ้านยกทองแท่งก้อนหนึ่งยิ้มปากแทบฉีกเดินออกไปเยว่เอ๋อร์ตะลึงจนเหม่อ “คุณหนูเจ้าคะ นะ นะ นะ นั่นคือทองคำแท่ง...ขะ ขะ ขะ เขาเอาไปแล้ว นะ นะ นั่น...”กระทั่งพูดจาก็ยังติดๆ ขัดๆ เสียแล้วฉู่เชียนหลีตบไหล่นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “เงินทองเป็นของนอกกาย ไม่ต้องใส่ใจ ยามนี้เจ้าจงรีบไปเตรียมกระดาษพู่กันมาให้ข้า ยิ่งไวยิ่งดี”ยังดีที่ก่อนนี้นางหลักแหลมจึงวางแผนจัดเก็บเงินที่หามาได้ส่วนหนึ่งเอาไว้กับบัตรธนาคาร อีกส่วนหนึ่งเป็นเงินสด ที่เหลือซึ่งเป็นเงินส่วนใหญ่ก็เอาไปซื้อทองคำแท่งจนหมดและเรียงไว้เหมือนก่อผนังฉะนั้น นางจึงมีทองคำแท่ง อยู่มากมายเท่ากับผนังด้านหนึ่งทีเดียวแม้จะสูญเงินสดไปเป็นล้านๆ แต่ก็ยังมีทองแท่งอยู่อีกมากเพียงนี้ หลังจากโศกเศร้ามาหนึ่งคืน ที่สุดอารมณ์ก็ผ่อนคลายลงบ้างแล้ว ยามนี้นางมีเรื่องที่สำคัญกว่าจะต้องทำตัวทั้งตัวของเยว่เอ๋อร์เหมือนถูกสายฟ้าฟาด แต่หัวจรดเท้ามีแต่ความงุนงง นางไปหยิบกระดาษและพู่กันมา มองแผ่นหลังของคุณหนูขณะเดินจากไป เนิ่นนานจากนั้นก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้นี่นี่ใช่คุณหนูของนางจริงหรือ?!ณ เรือนหานเฟิงด้วยอ๋องเฉินปล่อยข่าวออกไปว่าได้รับบาด

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 15

    ในกระดาษจดหมาย เป็นตัวอักษรเขียนด้วยพู่กันที่โอนไปเอียงมา ตัวอักษรนั้นเหมือนถูกไก่เขี่ย เอียงกระเท่เร่ไปหมดเนื้อหาว่า:...วันนี้ อ๋องเฉินล้มป่วย อารมณ์แปรปรวนรุนแรง กินข้าวห้าถ้วยด้วยความโมโห จนเมื่อกินมันดิน[footnoteRef:1]เส้นไปคำหนึ่ง ใส่เกลือน้อยไป จึงลงโทษบ่าวอย่างหนัก คำที่สองกินปลานึ่งซีอิ๊ว ปรากฏว่ามันย่องเกินไป เป็นเหตุให้ โกรธจนไปแย่งกระทะมา ลงครัวด้วยตนเองเสีย [1: มันดิน คือ มันฝรั่ง] “เฮอะ!”เฟิงเย่เสวียนหลุดหัวเราะออกมา เมื่อรู้สึกตัวว่าเสียกิริยา จึงรีบกลั้นเอาไว้และอ่านต่อไป ...อ๋องเฉินร่อแร่ หญิงงามอยู่ในอ้อมอกหากไม่แตะต้อง ข้าสังเกตดู สงสัยว่าจะ...ไม่ขัน“...” ความโค้งที่มุมปากของชายหนุ่มหดหายไปทันใด หายไปอย่างไร้ร่องรอย บรรยากาศรอบตัวก็หนักอึ้งตามไปด้วย...แม้คนผู้นี้จะมีสันดานป่าเถื่อน แต่กลับหน้าตาไม่เลว จากที่ข้าสืบดูอย่างละเอียด บนแก้มก้นซ้ายของเขามีไฝดำอยู่เม็ดหนึ่ง“...”หานเฟิงยืนอยู่ข้างๆ เห็นเจ้านายตนมีอาการประเดี๋ยวอมยิ้ม ประเดี๋ยวสายตาเคร่งขรึม ประเดี๋ยวก็เลิกคิ้ว จึงตระหนกอยู่ในใจก่อนนี้ ยามนายท่านจัดการพวกสายลับ วิธีทรมานทั้งสิบแปดล้วนเลือก

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 16

    หลังป้อนยาเสร็จ ฉู่เชียนหลีกอดหมอน เดินไปนั่งที่ขอบหน้าต่างนำหมอนหนุนไว้ข้างหลัง นั่งพิงอยู่ตรงนั้น ชันขาข้างหนึ่งขึ้น แล้วห้อยขาอีกหนึ่งแกว่งสบายๆ และถือขวดแก้วใสใบเล็กไว้ในมือนี่เป็นยาชนิดใหม่ที่นางศึกษา สามารถแก้พิษประหลาด และก็ย่อมสามารถแก้พิษบนตัวอ๋องเฉินได้เช่นกันแต่นางไม่อยากให้ผิวปากไปพลาง แกว่งขาไปพลาง และล้วงปี่ซั่วน่าออกจากบั้นท้ายอย่างเข้ากับบรรยากาศเฟิงเย่เสวียน “...ห้ามเป่า!”เขายังไม่ตาย!“นี่ไม่ใช่เพราะกลัวท่านอ๋องนอนทั้งวันจะรู้สึกเบื่อหน่ายหรอกหรือ?” นางยิ้มแล้วยิ้มอีก พลางโยนยาช่วยชีวิตของผู้ชายบางคนออกนอกหน้าต่างนางยอมมองดูเขาตาย ก็ไม่ยอมช่วยเขาเฟิงเย่เสวียมองดูขวดโปร่งใสที่ใส่ของเหลวสีเขียวอ่อนถูกโยนออกนอกหน้าต่าง ตกลงไปในพุ่มดอกไม้และหายไป แววตาครึ้มลงนี่ยาถอนพิษหรือ?นางเป็นคนศึกษาทำเองกับมืออย่างนั้นหรือ?นางเกี่ยวข้องอะไรกับคนร้าย?ตอนนั้นนางแต่งเข้าจวนอ๋องเฉินโดยไม่เลือกวิธีการ ทว่านางกลับไม่สนใจความเป็นตาย แต่ในจดหมายลับที่ส่งให้จวนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ กลับไม่ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญของจวนอ๋องเฉิน และตอนนี้ยังต้องการหนังสือหย่าตกลงจุด

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 17

    ซ่า…เงาสีดำสายหนึ่งถือกระบี่คมกระโจนเข้ามาจากหน้าต่าง ดวงตาเย็นชาคู่นั้นแทบรวมเป็นเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่อันเยือกเย็น แทงตรงมาทางผู้ชายพริบตานั้น บรรยากาศดุดันตึงเครียดเฟิงเย่เสวียนดึงผ้าห่มเข้ามาซ่อนฉู่เชียนหลีไว้ จากนั้นเหวี่ยงแขนสะบัดกระบี่อ่อนออกมาหนึ่งเล่ม พลันยกมือโจมตีออกไปปัง!กระบี่สองเล่มปะทะกัน ประกายไฟกระเด็นไปทั่วกำลังภายในที่แกร่งกล้าระเบิดออกมา พัดม่านปลิวว่อน กลิ่นอายเยือกเย็นบนกระบี่สะท้อนเข้าไปในดวงตาผู้ชาย สุขุม เจตนาสังหาร กระหายเลือด ไร้ความปราณีสองตาประสานกัน พลันสนามรบที่ไร้ควันดินปืนปะทุขึ้นร่างเงาสองสายหนึ่งดำหนึ่งทมิฬพัวพันปะทะกันโครมคราม!ฉู่เชียนหลีห่อตัวในผ้าห่ม หลบอยู่บนเตียง เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่ง มองดูสถานการณ์ข้างนอกอย่างระมัดระวังวรยุทธ์ของทั้งสองแกร่งกล้า การเคลื่อนไหวและทักษะรวดเร็วมาก แทบมองไม่เห็นกระบวนท่าวรยุทธ์ เห็นเพียงกระบี่นั้นฟาดฟันกันชิ้งๆ เงากระบี่แกว่งไปแกว่งมาจนตาลายนี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นคนโบราณต่อสู้กันเชี่ย!ตวัดกำลังภายใน สะเทือนแจกันแตกซัดกำลังภายใน โต๊ะระเบิดเป็นเสี่ยงๆละครทีวีไม่ได้โกหกจริงๆ!ห

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 18

    เฟิงเย่เสวียน “?”หานเฟิง “?”ไม่เคยได้ยินได้ฟัง ไม่เคยได้พบได้เห็นฉู่เชียนหลีชำเลืองมองทั้งสองอย่างเย่อหยิ่งแวบหนึ่ง สายตาราวกับมองคนบ้านนอก “ปืน นี่คือปืน”นางในฐานะหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงระดับโลกของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวงการแพทย์ คนที่อยากทำร้ายนางมีนับไม่ถ้วน นอกจากเชี่ยวชาญทั้งการแพทย์และพิษวิทยา ยังต้องมีความสามารถพอที่จะปกป้องตนเองนางที่ฉลาดหลักแหลมเช่นนี้ และมีทั้งกำลังและความสามารถ เหตุใดจึงมาเสียทีให้กับเจ้าเด็กน้อยอ๋องเฉินจนได้?“ปืน?” เฟิงเย่เสวียนประหลาดใจสิ่งของเล็กๆ สีดำเช่นนี้ สามารถปล่อยพลังที่รุนแรงเช่นนี้เลยหรือ?รุนแรงยิ่งกว่ากำลังภายในเสียอีก?อดไม่ได้ที่จะถามต่อ “อะไรคือปืน?”ฉู่เชียนหลีขี้เกียจอธิบาย เป่าปากกระบอกปืนเก้าแปดคาและหมุนกายเดินจากไปตอนผู้ชายคนนี้นอนอยู่บนเตียงท่าทางอ่อนปวกเปียก ที่แท้เสแสร้งทั้งหมดเลย ตอนต่อสู้ฮึกเหิมประดุจมังกรพยัคฆ์ผาดโผน ร่างกายแข็งแรง ทำให้นางต้องปรนนิบัติเปล่าๆ ทั้งคืนกลับเรือนไปนอนอ๋องเฉินอยากตาม “ฉู่…”ฉู่เชียนหลีหันกายกลับมา รูสีดำสนิทชี้มาทางผู้ชาย กล่าวด่าว่าอย่างรำคาญ “อย่ามาพูดไร้สาระ

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 19

    สีหน้าเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมลง เหตุใดเขาจึงไม่รู้ว่าตนเองหลับไปแค่คืนเดียวก็ ‘ตายแล้ว’?เขาดึงธงสวดวิญญาณที่ขวางหูขวางตาทิ้ง พอก้าวเท้าเดินออกจากเรือนหานเฟิง ก็เห็นนอกเรือนมีร่างเงาเพรียวบางหนึ่งยืนอยู่บนก้อนหิน มือข้างหนึ่งเท้าเอว มืออีกข้างชี้ฟ้า  น้ำเสียงเปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรม“การจู่โจมของมือสังหารอันตรายสุดขีด ช่วงความเป็นความตายพริบตาเดียว! เขา ยืดอกถือกระบี่กระโจนออกไป!”“เขา ผลักภูเขาพลิกทะเล กล้าหาญไร้เทียมทาน!”“เขา เชี่ยวชาญบุ๋นและบู๊ ไม่กลัวความลำบาก!”สีหน้าหญิงสาวโกรธมาก เนื้อหนังบนใบหน้าสั่น ยิ่งเมื่อพูดถึงจุดสูงสุด น้ำลายถึงกับกระเด็น “สุดท้าย ในที่สุดเขาก็ตายใต้คมกระบี่ของมือสังหาร”“...”สาวใช้สิบกว่าคนที่มาล้อมวง ‘ฟังงิ้ว’ ที่นี่ ในที่สุดเบ้าตาก็แดงก่ำไม่สามารถหักห้ามใจได้อีกคิดไม่ถึงว่าเมื่อคืนจะเกิดเรื่องรุนแรงเช่นนี้คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องผู้อาจหาญที่เป็นดั่งเทพสงครามไร้พ่ายในสนามรบ สุดท้ายแล้วกลับต้องมาจบชีวิตให้กับมือสังหารไร้นามคนหนึ่ง“ท่านอ๋อง!”ในที่สุดสาวใช้คนหนึ่งก็อดกลั้นไม่อยู่ ปล่อยโฮร้องไห้ออกมา“ท่านอ๋องช่างน่าเวทนายิ่ง! ท่านอ๋อง ท่านนอนตาย

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 20

    เรือนข้างหลังจากฉู่เชียนหลีกลับถึงเรือน กินอาหารเช้าอย่างเรียบง่ายเสร็จ ก็นั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลือง สังเกต ‘ปาน’ บนใบหน้าเยว่เอ๋อร์กำลังเก็บของที่ระเกะระกะบนโต๊ะ จนถึงตอนนี้ก็ยังตกใจ ตะลึงงัน ไม่กล้าเชื่อ มองแผ่นหลังของผู้หญิงอย่างไม่เชื่อสายตานิสัยคุณหนูเปลี่ยนไปกะทันหัน กินมากขึ้น นอนหลับสนิท และยังไม่รักท่านอ๋องมากเช่นนั้นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แม้แต่วิธีการพูด การกระทำ ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงนี่…ยังเป็นคุณของนางจริงหรือ?เงาสะท้อนในกระจกทองเหลือง ฉู่เชียนหลีประสานสายตากับเยว่เอ๋อร์ “มีอะไร?”เยว่เอ๋อร์ลุกลน รีบก้มศีรษะลง “ไม่ ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ”“รู้สึกว่าข้าแปลกหน้ามากหรือ”คำพูดประโยคเดียวของฉู่เชียนหลี ชี้ให้เห็นสิ่งที่เยว่เอ๋อร์คิดในใจจริงๆนางยิ้มแล้ว “เยว่เอ๋อร์ เจ้ายังเด็ก ไม่รู้จักความโหดร้ายของโลกใบนี้ ไม่มีใครเหมือนเดิมตลอดไป ตอนเจ้าอายุห้าขวบชอบเล่นแมลงปอไม้ไผ่ เมื่อเจ้าอายุสิบห้าจะยังชอบเล่นหรือไม่”นางยังคงเป็นนาง“เห็นหรือไม่” นางชี้ใบหน้าของตนเอง “นี่ไม่ใช่ปาน แต่เป็นพิษ”“อะไรนะ?!” เยว่เอ๋อร์เบิกตากว้างอย่างตะลึงงันพิษ!พิษชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายตั้งแต

Latest chapter

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1148

    “เป็นไปได้อย่างไร?”นางกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เมื่อห้าวันก่อน ข้าคุยกับเขาแล้ว และจัดการทุกอย่างไว้ให้เขาแล้ว เขาสามารถออกจากวังอย่างราบรื่น นอกเสียจาก…”จู่ๆ นางก็เข้าใจอะไรบางอย่าง เสียงค่อยๆ เบาลงเฟิงเย่เสวียนกล่าวต่อ“เขาไม่อยากไป”ใช่!ไท่ซ่างหวงไม่อยากไปมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยังอาลัยอาวรณ์ หรือเพราะสาเหตุอื่น เขาจึงเลือกที่จะอยู่เมืองหลวงแต่ถ้าหากเขาอยู่เมืองหลวง เฟิงเจิ้งหลีต้องหาเรื่องเขาแน่นอนฉู่เชียนหลีเป็นห่วง หลังจากครุ่นคิด ก็เดินออกไปข้างนอกแล้ว“ไม่ได้ ข้าต้องกลับวังหลวง ทิ้งเขาไว้ในเมืองหลวงเพียงลำพังไม่ได้”“ไม่ทันแล้ว”เฟิงเย่เสวียนจับข้อมือของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ทำให้ทุกคนรู้ตัวแล้ว เกรงว่าตอนนี้คนสนิทของเฟิงเย่เสวียนกำลังมา เขาก็อยู่ระหว่างทางกลับเช่นกัน เสียเวลาไม่ได้แล้ว”กำลังหลักของเขาอยู่ที่เจียงหนานไม่เหมาะที่จะอยู่เมืองหลวงนาน ครึ่งปีมานี้ วิธีการของเฟิงเจิ้งหลีเหี้ยมโหด กำจัดพวกต่อต้าน รวบอำนาจเข้าด้วยกัน เมืองหลวงเป็นถิ่นของเขา อยู่ในถิ่นของเขา พวกเขาเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1147

    “อ๋อง อ๋องเฉิน…”มองดูเฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามาทีละก้าว ร่างกายผู้บัญชาการจางหดเกร็ง เพิ่งอ้าปาก ก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศที่เฉียบคมดังขึ้นเพี๊ยะ!“อ่า!”แส้สีดำแหวกอากาศ ฟาดไปที่ใบหน้าผู้บัญชาการจางตั้งแต่หน้าผากถึงจะจมูกและคาง มีรอยสีเลือดปรากฏขึ้นทั้งลึกทั้งน่ากลัวเขากุมใบหน้า ขดตัวด้วยความเจ็บปวด เสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกฆ่า ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้ ก็โดนฟาดอีกครั้ง“อ่า!”แผ่นหลัง เจ็บอย่างรุนแรงเสื้อผ้าฉีกขาด ผิวหนังปรี่แตกเพี๊ยะเพี๊ยะๆ!“ช่วยด้วย…อ่า!”“อ๊ะ…โปรด โปรดไว้ชีวิต….อ่า!”ผู้บัญชาการจางอยากโต้ตอบ แต่เขาไม่มีโอกาสนี้ และไม่มีความสามารถนี้ อยู่ต่อหน้าเฟิงเย่เสวียน ก็เหมือนกับลูกไก่ตัวหนึ่ง ทำอะไรไม่ได้เลยเขาเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาพื้นไม่มีใครกล้าเข้าไปเหมือนกับที่ผู้บัญชาการจางฟาดเฟิงเย่เสวียนเมื่อครึ่งปีก่อน เฟิงเย่เสวียนฟาดคืนด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบและยังเหี้ยมโหดกว่าด้วยหลังจากถูกฟาดไปหลายสีที ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าเละจนจำไม่ได้ผู้บัญชาการจางทั้งเจ็บทั้งกลัว ประมาณว่ากลัวจนถึงขีดสุด ฟางเส้นสุดท้ายขาด กุมศีรษะกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด“เฟิงเย่เ

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1146

    เฟิงเย่เสวียน!“อ๋องเฉิน?!”“เฟิงเย่เสวียน!”เมื่อร่างเงาสีหมึกสายนั้นร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง และใบหน้าที่คุ้นเคยแผ่กลิ่นอายอันเย็นเยือก ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตะลึงตกใจประหลาดใจคิดไม่ถึงผ่านไปครึ่งปี อ๋องเฉินกลับถึงเมืองหลวงอีกครั้ง ก้าวสู่บ้านเกิดที่คุ้นเคยแห่งนี้ฉู่เชียนหลีไม่เจอเขามาครึ่งปีเต็มๆ แวบแรก ก็มองเห็นหนวดที่อยู่ใต้คางของเขาแล้วทั้งๆ ที่เพิ่งอายุยี่สิบห้าปี ยังหนุ่ม สุขุม หนักแน่น หนวดสีดำนั่นดูไม่เข้ากับใบหน้าของเขาเลยแปลกๆตลกสบตากันผ่านผู้คนมากมายนางมองเห็นเขาในฝูงชนตั้งแต่แวบแรก แล้วเขาจะมองไม่เห็นนางตั้งแต่แวบแรกหรือ? เขาพุ่งพรวดเข้ามากอดนางไว้ในอ้อมกอด กระชับแขนกอดนางไว้แน่น หมื่นพันคำพูด ทั้งหมดอยู่ในอ้อมกอดที่แน่นหนานี้ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด กลับสื่อความหมายออกมาทั้งหมดการกอดคือสิ่งที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยที่สุด“อีอา!”จื่อเยี่ยน้อยยังถูกฉู่เชียนหลีอุ้มไว้ในอ้อมแขนบิดากอดมารดา ประกบเขาไว้ตรงกลาง ทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก โดยเฉพาะหนวดที่อยู่ใต้คาง ตามใบหน้าของเขาจนแดงก่ำแล้วผู้ชายบ้าที่ไหนเนี่ย!โมโห!โบกกำปั้นน้อยๆ ตีใส่ใบหน้าของเฟ

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1145

    ฉู่เจียวเจียวได้ยินคำนี้ แค่อยากหัวเราะดังๆนี่มันเวลาไหนแล้ว นางกำนัลตัวน้อยๆ คนหนึ่งก็กล้าขวางนาง?“ข้าอยากให้ใครตาย คนคนนั้นก็ต้องตาย ข้าอยากฆ่าเจ้า ก็ง่ายเหมือนบี้มดตัวหนึ่ง”มดตัวน้อยๆ ยังกล้ากระโดดออกมาเรียกร้องความสนใจ?น่าขำ!ขันทีคนหนึ่งเดินเข้าไปใช้มือคว้าคอของไฉ่เซียไว้“อ่า!”ออกแรงบีบ!ไฉ่เซียหายใจไม่ออก หน้าแดงก่ำ ดิ้นรนอย่างเจ็บปวด“คนอย่างเจ้าก็กล้าออกหน้าแทนฉู่เชียนหลี? รนหาที่ตาย นี่ก็คือจุดจบของเจ้า!” ฉู่เจียวเจียวมองอย่างเย็นชาฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วพลันยกเขาถีบขันทีคนนั้นจนหน้าหงาย“แค่ก…แค่กๆ…” ไฉ่เซียล้มลงพื้นอย่างเจ็บปวด หอบหายใจและน้ำตาคลอเบ้า“กลับไป” ฉู่เชียนหลีหลุบตาไฉ่เซียพักหายใจครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้น จับชายกระโปรงของฉู่เชียนหลี “บ่าวไม่ไป”นางรับใช้แม่นางฉู่ครึ่งปี แม่นางฉู่ดีกับนางมาก และนางก็ชอบจื่อเยี่ยน้อยมาก มีความผูกพันต่อกัน“ฝ่าบาทเคยสั่งไว้ ต้องดูแลท่านให้ดี บ่าวจะปล่อยให้ท่านตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร?”เขาหอยหายใจ ลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซ“ฮองเฮา ท่านขัดเจตนาของฝ่าบาท หลังจากฝ่าบาทกลับมา ต้องลงโทษท่านแน่”ฉู่เจียวเจียวโกรธทันทีนา

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1144

    ข้าเกือบจะจมอยู่ในโลกของเจ้าแล้ว รักเจ้า ปกป้องเจ้า ตามใจเจ้า ในใจในสายตาล้วนมีแต่เจ้าสุดท้ายแล้วกลับบอกเขาว่า นี่เป็นเพียงแผนลวงฉู่เชียนหลี เจ้าเป็นเด็กดื้อจริงๆการอยู่ด้วยกันที่ยาวนานถึงครึ่งปี ข้าทุ่มเทให้เจ้าทุกอย่าง เจ้าไม่รู้สึกซาบซึ้งเลยหรือ? ไม่มีความผูกพันเลยหรือ?ต่อให้เป็นก้อนหิน ก็ควรจะกุมจนอุ่นนานแล้วต่อให้เป็นน้ำแข็ง ก็ควรกุมจนละลายนานแล้วหัวใจของเจ้าทำด้วยอะไร?เหตุใดจึงแข็งยิ่งกว่าก้อนหิน เย็นยิ่งกว่าหิมะน้ำแข็ง แต่ข้า…กลับรักเจ้าองครักษ์ลับคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างกระวนกระวาย หัวใจกระสับกระส่าย หางตากวาดมองสีหน้าเขาอย่างระมัดระวัง และกล่าวอย่างระมัดระวัง“นายท่านวางใจได้ ผู้บัญชาการจางจับตัวไว้แล้ว”อาศัยแค่แม่นางฉู่คนเดียว และเด็กอายุครึ่งขวบคนหนึ่ง ต่อให้ติดปีกก็ยากจะหนีออกจากเมืองหลวงเฟิงเจิ้งหลีค่อยๆ หลุบตา เสียงที่เฉยเมยฟังอารมณ์ไม่ออก“อย่าทำร้ายนาง”“ขอรับ…”เวลานี้แล้ว นายท่านยังห่วงความปลอดภัยของแม่นางฉู่เฮ้อตั้งแต่อดีตรักมากก็เจ็บมากองครักษ์ลับรับคำสั่ง ขี่ม้าเร็วกลับเมืองหลวง เวลาเดียวกัน ทหารส่งสารของเมืองเทียนสู่ก็ส่งจดหมายมา“รายงา

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1143

    ฉู่เจียวเจียวกุมมือที่มีเลือดไหล เจ็บจนโกรธแล้ว ประกอบกับไฟโทสะที่อยู่เต็มอก ระเบิดออกมาโดยตรง“ความโชคร้ายของข้าล้วนเกิดจากเจ้า!”ฉู่เชียนหลีกล่าวเสียงเย็น“ข้าไม่เคยชอบเฟิงเจิ้งหลี และไม่เคยคิดจะแย่งผู้ชายกับเจ้า เจ้าเป็นคนยืนกรานว่าเป็นข้า เจ้าเป็นคนคาดเดาว่าเป็นข้าอย่างไร้เหตุผล เจ้าแต่งงานกับเขา และยังให้กำเนิดลูกสาวของเขาหนึ่งคน เป็นเจ้าที่ไม่รู้จักดูแลครอบครัวนี้ จึงส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ในวันนี้”“ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย!”คนสองคนอยู่ด้วยกัน ความสัมพันธ์ที่ยาวนานคืออาศัยการดูแลซึ่งกันและกันไม่ได้พยายามอะไรเลย ก็อยากได้มา?ใต้ฟ้าไม่มีเรื่องที่ดีเช่นนี้“ไม่! เจ้านั่นแหละ!” ฉู่เจียวเจียวกรีดร้อง น้ำตาทะลักออกมาอย่างไม่สามารถควบคุม “ตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิต ฝ่าบาทก็ชอบเจ้า ห่วงเจ้า เจ้ายังมีชีวิต ข้าก็ไม่มีวันมีโอกาส”“ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้า!”“อ๊ะ!”นางร้องไห้อย่างเศร้าโศก“ฉู่เชียนหลี เจ้าเป็นแค่ลูกสาวชาวนาที่แม่ข้าเก็บมาเลี้ยง ชาติกำเนิดของเจ้าต่ำต้อย ในร่างกายมีเลือดของคนธรรมดาไหลอยู่ ถ้าไม่ใช่แม่ข้ารับเลี้ยงเจ้า เจ้าก็ไม่มีวันกลายเป็นคุณสี่จวนอัครเสนาบดีฉู่ และไม่มีส

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1142

    แม่คือจุดอ่อนของลูกไม่มีข้อยกเว้นไม่ มีคนหนึ่งที่ยกเว้น ฉู่เจียวเจียวไม่เคยเป็นห่วงลูกสาวของตัวเองเลยฉู่เชียนหลีกล่าว “เจ้าเป็นผู้หญิงที่น่าเวทนาจริงๆ”ฉู่เจียวเจียวอึ้งไปครู่หนึ่ง“ในฐานะภรรยา เจ้าไม่ได้ใจของสามี ทำได้เพียงดึงดูดความสนใจด้วยวิธีที่บ้าคลั่งเหมือนคนบ้า”“ในฐานะแม่ เจ้าให้กำเนิดลู่ฉิน กลับไม่เคยเลี้ยงนาง ไม่เคยแยแสนาง เจ้าตั้งครรภ์สิบเดือนคลอดอะไรออกมา? เจ้าไม่รู้สึกว่าตัวเองน่าเวทนาและน่าสมเพชเลยหรือ?”ม่านตาฉู่เจียวเจียวหด มีอารมณ์บางอย่างแลบผ่านแววตาอารมณ์เชื่อมโยงกับหัวใจ แน่นหน้าอกฉับพลันนาง…ได้ครอบครองตำแหน่งฮองเฮาแล้วมารดาแห่งแผ่นดินในสายตาของผู้อื่น ความสูงศักดิ์และความสูงส่งของนางทำให้ผู้คนอิจฉาริษยา แต่ในความเป็นจริง ภายใต้รูปลักษณ์ที่สดใสงดงาม กลับมีจิตวิญญาณที่โดดเดี่ยวและน่าเวทนานางไม่มีครอบครัว…กำหมัดแน่น ไม่แสดงอารมณ์ออกมา กล่าวเสียงแข็ง“คนที่น่าเวทนาคือเจ้า! เจ้ามันก็แค่นักโทษคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรมาตัดสิน? คืนนี้ เจ้าก็จะตายแล้ว เมื่อเทียบกับว่าข้า ไม่สู้เป็นห่วงตัวเองก่อนดีกว่า!”เพิ่งสิ้นเสียง ยกมือจับคอที่บอบบางของเฟิงเจิ้งจื่

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1141

    “พ่ะย่ะค่ะ!”เหล่าขันทีขานรับ ล้วงไม้กระบองที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมา เดินปรี่เข้าไปยกกระบองขึ้นก็ฟาดลงไปอย่างแรงตายซะเถอะ!ฉู่เชียนหลีใช้มือซ้ายอุ้มลูกไว้แน่น เบี่ยงร่างกายหลบ มือขวาคว้าข้อมือของขันทีคนหนึ่ง พลันออกแรงหัก ก็ผลักเขาออก ชนขันทีล้มไปสามคนในเมื่ออย่างไรก็ต้องสู้ เช่นนั้นนางก็ไม่เกรงใจแล้วสะบัดแขนเสื้อ โคจรกำลังภายใน ยกมือคว้ากลางอากาศ ก็มีกระบี่น้ำแข็งเล่มหนึ่งปรากฏในมือชูกระบี่ฟันออกไป ไม้กระบองแตกเป็นเสี่ยงเพียะ!เมื่อกระทบกัน คมกระบี่แตกออกเป็นเศษน้ำแข็ง กระจายกลางอากาศ ระเหยเป็นไอ อากาศที่หนาวเย็นแผ่ออก ทำให้ค่ำคืนที่ไม่ธรรมดานี้ดุเดือดยิ่งขึ้นการเคลื่อนไหวของนางปราดเปรียว รับมือการโจมตีของเหล่าขันทีได้อย่างง่ายดาย ทำเอาพวกเขาไม่สามารถโต้ตอบฉู่เจียวเจียวเห็นแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อยฉู่เชียนหลีซ่อนไผ่ตายไว้ด้วย?เป็นวรยุทธ์ตั้งแต่เมื่อไร?เหตุใดร้ายกาจเช่นนี้?แต่ว่าต่อให้นางมีวรยุทธ์ที่ร้ายกาจเพียงใด มันก็ไม่มีประโยชน์ นางคนเดียวจะสู้คนมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? ต่อให้ผลัดกันเข้าไปสู้กับนาง ก็ต้องทำให้นางเหนื่อยตายทั้งเป็น!นางเหลือบมองนางกำน

  • ท่านอ๋องอ่านใจกับชายาแพทย์ทะลุมิติ   บทที่ 1140

    ฉู่เชียนหลีหัวเราะเบาๆ ช่างเถอะ อุ้มเขาขึ้น เปิดประตู“แม่นางฉู่ ดึกเช่นนี้แล้ว ท่านจะออกไปข้างนอกหรือ?” ไฉ่เซียกับไฉ่เตี๋ยยืนอยู่ที่นอกประตู รับใช้อย่างเอาใจใส่ทั้งวันทั้งคืนโดยเฉพาะไฉ่เตี๋ย เป็นคนมากอุบายฉู่เชียนหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองเหมือนเช่นเคย“คืนนี้ป้อนนมจื่อเยี่ยมากไปหน่อย เขาไม่ค่อยสบาย ข้าพาเขาไปสูดอากาศในสวน”“ไฉ่เตี๋ย ไปเอานำซานจาที่ห้องครัวให้ข้าหน่อย”ไฉ่เตี๋ยโน้มกายกล่าวอย่างนอบน้อมโดยไม่ต้องคิด ‘เจ้าค่ะ’ ก็ไปแล้ว“ไฉ่เซีย”“เจ้าคะ” ไฉ่เซียเดินออกมาหนึ่งก้าว โน้มกายก้มหน้าฉู่เชียนหลีมองนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ครึ่งปีมานี้ ขอบคุณที่เจ้าดูแลข้า เจ้าเป็นคนจิตใจดี วันข้างหน้าต้องได้แต่งงานกับคนดีแน่นอน”เมื่อไฉ่เซียได้ยินคำนี้ จู่ๆ ก็แน่นหน้าอกอย่างน่าประหลาด“แม่นางฉู่…”อยู่ดีๆ มาพูดเรื่องนี้นางได้กลิ่นแปลกๆฝ่าบาทเพิ่งออกรบ แม่นางฉู่ก็พูดเรื่องนี้ คงไม่ได้คิดจะ…“แม่นางฉู่ เจ้า…”ฉู่เชียนหลีนำทรัพย์สินทั้งหมดที่มี และส่วนใหญ่เป็นของที่เฟิงเจิ้งหลีมอบให้นาง เปลี่ยนเป็นตั๋วเงิน มอบให้ไฉ่เตี๋ยทั้งหมด“ดูแลตัวเองด้วย”ไฉ่เซียเบิกตากว้าง มองตั๋วเงิ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status