[ทะลุมิติเข้าไปในนิยาย+ถูกบังคับให้เป็นตัวรับกระสุน+เป็นที่รักของทุกคน+นิยายที่อ่านแล้วฟิน+หญิงแกร่ง] ซ่งรั่วเจินทะลุมิติเข้ามาในนิยาย เข้ามาอยู่ในร่างอดีตภรรยาที่ด่วนจากไปของพระเอก ตระกูลมั่งคั่งร่ำรวยทำให้พระเอกและนางเอกใช้ชีวิตอย่างรุ่งเรืองไปชั่วนิรันดร์ แม้แต่ทุกคนในครอบครัวก็ถูกควบคุมและตายอย่างอเนจอนาถ นางทะลุมิติเข้ามาในวันแต่งงาน เกี้ยวสองหลังข้ามประตูพร้อมกัน ยังไม่ต้องพูดว่าหนังสือแต่งงานเป็นภรรยาที่ถูกต้องในมือกลายเป็นภรรยาหลวงลำดับเดียวกัน แต่ยังกลายเป็นความกรุณาต่อนางอีกด้วย? ซ่งรั่วเจิน “เฮงซวย! ใครอยากเป็นภรรยาหลวงลำดับเดียวกัน?” มีเงินทองมากมายนำไปทำอย่างอื่นไม่ดีกว่าหรือ? เหตุใดนางต้องมอบทรัพย์สินให้พระเอกกับนางเอกด้วย ตัวโง่งมเช่นนี้ใครอยากเป็นก็เป็นเถอะ! บิดาหายตัวไป? นางเป็นถึงเจ้าสำนักวิชาเต๋า ทำนายดวง คำนวณฮวงจุ้ยตามหาคน หาคนกลับมาให้ได้ก็พอ! พี่ใหญ่พิการฆ่าตัวตาย? รักษาหายแล้วก็กลับเข้ากองทัพสร้างความดีความชอบกลายเป็นแม่ทัพยิ่งใหญ่บารมีเทียมฟ้าในราชสำนัก พี่รองถอนหมั้นเพราะตาบอด? คว้าชัยชนะกลายเป็นดาวดวงใหม่ของราชสำนัก เป็นคนโปรดหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้! ในที่สุดซ่งรั่วเจินก็มีชีวิตร่ำรวยและเวลาว่างมากมาย แต่กลับพบว่าท่านอ๋องที่นางเอกในต้นฉบับหลงรักแต่มิได้รับรักตอบถึงขั้นมาตามตอแยนาง? เนื้อเรื่องผิดเพี้ยนไปนี่นา! ฉู่จวินถิง…บิดาหายตัวไป พี่ชายพิการ มารดาร้องไห้น้ำตานองหน้า ตัวนางที่แหลกสลาย แม้มีพลังมหาศาลดุจวัว หนึ่งฝ่ามือสามารถตบชายหลายใจตายได้ แต่ก็ยังปวดใจเหลือเกิน
Lihat lebih banyak“ข้าไม่ช่วย เดิมทีก็ถูกต้องตามหลักการ หาไม่แล้วคนชั่วในใต้หล้านี้ล้วนมาขอให้ข้าช่วยแก้ผลกรรมให้ นั่นยังไม่กลายเป็นโลกของคนชั่วอีกหรือ?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา “ใต้เท้าอวิ๋น ท่านเป็นขุนนางในราชสสำนักมาหลายสิบปี ถึงขั้นไม่มีหลักคุณธรรมขั้นพื้นฐานกระนั้นหรือ?”“หากท่านคิดว่าท่านพูดมีเหตุผล ก็สามารถพูดเรื่องทั้งหมดออกมาได้ พอดีจะได้ถามคนทั่วหล้าว่าคิดเห็นเหมือนท่านหรือไม่!”เพียงอนุอวิ๋นได้ยินก็รีบพูด “ข้ามิได้เชิญผีน้อยมาทำร้ายพี่หญิง ข้าเพียงหวังให้นางและนายท่านกลับมาคืนดีกัน ข้าเองก็ถูกคนชั่วนั่นหลอก”“หากข้ารู้ตั้งแต่แรกก็ไม่มีวันทำเช่นนี้”“อ้อ งั้นหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ เนตรขนงเจือรอยยิ้ม “บัดนี้มีคนทำผิดเหมือนท่านไม่น้อย ราชสำนักมีบัญชีรายชื่ออยู่ในมือแล้ว”“ไม่สู้ไปถามคนเหล่านั้นดู ตกลงพวกเขารู้หรือไม่ว่าที่เชิญผีน้อยมาก็เพื่อทำร้ายคน?”“ถ้อยคำนี้ ท่านหลอกตนเองก็ช่างเถอะ คิดว่าคนทั่วหล้าโง่เขลาเหมือนท่านหรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินคมกริบ “ทำร้ายคนและช่วยคน ทำร้ายคนต้องชดใช้มากยิ่งกว่า หากท่านทำเพราะอยากให้ทั้งสองคนคืนดีกันจริง สิ่งที่ท่านเชิญกลับไป สมควรเป็นพระพุทธ
นึกถึงตรงนี้ อนุอวิ๋นก็ร้องไห้ออกมา กลับคล้ายตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต ท่าทีเด็ดขาด“นายท่าน ข้ารู้พี่หญิงไม่มีวันยอมให้อภัยข้า ก็ให้ข้าไปตายเถอะ เช่นนี้พี่หญิงก็สามารถกลับมาอยู่ข้างกายท่านได้แล้ว!”“เดิมทีเรื่องในครั้งนี้ก็เป็นความผิดของข้า เกือบทำร้ายพี่หญิงจนตาย ต่อให้ข้าชดใช้ด้วยชีวิตก็สมควรแล้ว หวังเพียงหลังข้าตายไปแล้ว นายท่านจะดูแลซีหว่านดีๆ”“ข้ามีลูกสาวเพียงคนเดียว ไม่อาจวางใจปล่อยไปได้จริงๆ”“เจ้าพูดอะไรกัน? ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าตาย!”สีหน้าอวิ๋นหงหล่างเปลี่ยนไป เพลิงโทสะเพิ่มขึ้นไม่หยุด มองท่าทางน่าสงสารของอนุอวิ๋น จากนั้นมองจางเหวินที่กำลังบีบคั้นคน ความรักในอดีตจืดจางลงไปมาก“จางเหวิน เจ้าข้าเป็นสามีภรรยากัน หลายปีมานี้ข้าเองก็ไม่เคยทำผิดต่อเจ้า”“เจ้าไม่พอใจที่ข้ารับอนุ ข้าก็รับอนุเพียงคนเดียว ต่อให้ข้าทำผิดต่อเจ้าก่อน ก็มิได้ทำผิดมากอันใด”“เจ้ากลับขุ่นเคืองใจแคบ จะต้องบังคับนางไปตายให้ได้กระนั้นหรือ!”จางเหวินมองอวิ๋นหงหล่างที่กำลังพูดอย่างมั่นใจ รู้สึกเพียงอยากขัน แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยคิดว่าหลอกนางเป็นความผิดมาก่อน“ใช่ หากไม่หย่า นางก็ต้องตาย ท่านเลือกเองเ
“ข้าขอโทษ พี่หญิง ท่านให้อภัยข้าเถอะ”พูดไป อนุอวิ๋นก็คุกเข่าลง “ข้าขอโขกศีรษะให้พี่หญิง ขอเพียงท่านยอมยกโทษให้ข้า ไม่ว่าจะให้ข้าทำอันใดก็ย่อมได้เจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินมองภาพอบอวลไปด้วยกลิ่นชาเบื้องหน้า ถอนใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “ไม่ว่าเป็นชาเก่าหรือชาใหม่ ล้วนมีกลิ่นเข้มเหมือนกันทั้งนั้น”ซ่งจืออวี้ “??? น้องหญิงห้า เจ้าพูดคำนี้หมายความว่าอันใด?”“พี่สาม ท่านไม่ต้องใส่ใจความหมาย ท่านต้องจำเพียงว่าภายภาคหน้าได้พบคนที่รู้จักเพียงร้องไห้ทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ ออกห่างสักหน่อยย่อมดี”“มองดูแล้วคล้ายใจดีเข้าใจหัวอกคน แต่แท้จริงแล้วเหมาะสมเป็นปีศาจร้ายที่สุด” ซ่งรั่วเจินเอ่ยเตือนมองสถานการณ์ในตอนนี้ พี่ใหญ่ย่อมไม่จำเป็นต้องกังวล พี่รองเป็นคนฉลาด ซ่งจิ่งเซินภายภาคหน้าฟื้นคืนความทรงจำย่อมไม่พลาดท่าให้เคอหยวนจื่อ เดิมทีก็ไม่มีปัญหาอันใดเช่นนี้แล้ว มีเพียงพี่สามที่น่ากังวลที่สุด“เจ้าวางใจ ข้าเกลียดผู้หญิงรู้จักเพียงร้องไห้เช่นนี้ที่สุด ได้ยินแล้วก็รำคาญ อยากต่อยให้หมดสติไปเสียเลย จะได้เงียบ” ซ่งจืออวี้พูดอย่างลำพองใจซ่งรั่วเจิน “...”เทียบกับความกังวลว่าพี่สามจะตบแต่งหญิงแพศยา คล้ายจะต้อ
จางเหวินฟังอวิ๋นหงหล่างที่กล่าวหาอย่างมั่นใจ แววตาจึงเริ่มแสดงความเย้ยหยัน“แค่ให้ท่านรอเดี๋ยวเดียวกลับโกรธขนาดนี้ หลายปีก่อนหน้าข้ารอคอยมานานกว่านี้มาก แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นท่าน ช่างไม่มีความอดทนแม้แต่น้อย”อวิ๋นหงหล่างโกรธจัด “เจ้าพูดอะไรนะ?”“หูตึงจริงๆ แม้แต่คำพูดก็ยังได้ยินไม่ชัด!” สีหน้าของจางเหวินเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม “คราวหน้าเลือกบ่าวรับใช้ที่ฉลาดกว่านี้มาอยู่ข้างกายเสียสิ จะได้พูดย้ำรอบสองให้ท่านฟัง”บรรยากาศที่ตึงเครียดในตอนแรกถูกทำลายลงด้วยสองประโยคของจางเหวิน จนบางคนกลั้นหัวเราะไม่อยู่อวิ๋นหงหล่างเคยถูกจางเหวินทำให้อับอายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?เห็นได้ชัดว่าในอดีตจางเหวินมีนิสัยดีมาก เขาพูดอะไรก็มักได้ตามนั้น มีน้อยครั้งที่ทะเลาะกันก็เพื่อลูก เขาก็สามารถเข้าใจได้ ตั้งแต่นางขอหย่าเมื่อไม่นานนี้ก็กลายเป็นเหมือนเม่น ไม่ว่าจะพูดอะไรล้วนโต้กลับ ยามนี้คำพูดยิ่งฟังดูไม่เข้าหูมากขึ้นไปอีก!“ยามนี้เจ้าช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย เสียมาดความเป็นนายหญิงไปหมดแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ลูกๆ ถูกสอนให้เสียคนกันหมด!”เมื่อได้ยินเช่นนี้ จางเหวินก็เหลือบมองไปที่อวิ๋นเนี่ยนชูและถามว่า "ยาม
“ท่านพ่อมองว่าข้าขัดหูขัดตาพอดี ไม่สู้ใช้โอกาสนี้ตัดขาดความสัมพันธ์กันไปเลย จะได้ไม่ทำลายชื่อเสียงของท่านในอนาคต!” “เจ้าพูดอะไร?” อวิ๋นหงหล่างโกรธจนทนไม่ไหว ยกมือขึ้นแล้วตบไปทันที “ข้าเห็นว่ายามนี้เจ้าชักจะเกินไปแล้ว แม่ของเจ้าไม่รู้ว่าสอนอะไรเจ้าทุกวัน ถึงได้สอนให้เจ้าไร้กฎเกณฑ์เช่นนี้!” ทว่าอวิ๋นหงหล่างไม่สามารถตบหน้าอวิ๋นเนี่ยนชูได้ เพราะถูกอวิ๋นเฉิงเจ๋อป้องกันไว้ “ทำไม? เจ้าก็จะไร้กฎเกณฑ์ไปด้วยกันหรือ?” อวิ๋นหงหล่างสีหน้าบึ้งตึง “หลายปีที่ที่เจ้าอยู่ในจวนอวิ๋น ข้าไม่เคยละเลยเจ้าเลย!”“ยามที่บิดามารดาของเจ้าตาย หากไม่ใช่ข้ารับเจ้ากลับมา เจ้าจะประสบความสำเร็จเช่นวันนี้ได้อย่างไร?” เมื่อคิดว่าเขาให้บุตรีตบแต่งกับอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเด็กนั่นแล้ว ทว่าเขากลับไม่พอใจ แม้กระทั่งยังเผยเรื่องนี้ออกมา จนทำให้ยามนี้เขาถูกสหายร่วมงานล้อเลียน เขาก็แทบอยากจะทุบตีสิ่งอกตัญญูนี้ให้ตายตกไปเสีย! หากรู้เช่นนี้ ในยามนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงไม่ยอมให้จางเหวินรับเด็กเหลือขอผู้นี้กลับมาอวิ๋นเฉิงเจ๋อเข้าใจความคิดของอวิ๋นหงหล่างดี ช่วงนี้เขาได้พบอวิ๋นหงหล่า
หลังจากอวิ๋นหงหล่างเห็นกู้หรูเยียนพาจางเหวินเข้าไปด้านในก็คิดจะตามเข้าไปด้วย ใครจะคิดว่ายังไม่ทันจะก้าวเข้าประตูก็ถูกขวางไว้เสียก่อน"พวกเจ้ามาขวางข้าทำไม? ข้ารู้จักกับฮูหยินของพวกเจ้า เมื่อครู่ไม่เห็นหรืออย่างไร?" อวิ๋นหงหล่างพูดด้วยความโกรธ"ฮูหยินของพวกเราไม่ได้บอกให้ท่านเข้าไป"เมื่อเห็นองครักษ์เฝ้าประตูมีสีหน้าเป็นปกติ เมื่อครู่เขายืนอยู่ตรงนี้และเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจนใต้เท้าอวิ๋นภายนอกดูเป็นคนมีศีลธรรมสูงส่ง แท้จริงแล้วกลับหลงใหลอนุจนละเลยภรรยา ยามนี้แม้กระทั่งชื่อเสียงก็พังพินาศไปสิ้นแล้ว ยังจะกล้าข่มเหงอวิ๋นฮูหยินต่อหน้าผู้คนอีก แม้แต่พวกเขาก็ทนดูไม่ไหวแล้ว"ยามนี้เจ้าเข้าไปแจ้งเสียก่อน ฮูหยินของพวกเจ้าย่อมไม่มีทางไม่ให้ข้าเข้าไป!"อวิ๋นหงหล่างสีหน้าถมึงทึง หันไปมองอนุอวิ๋นใบหน้าซีดเซียวที่อยู่ข้างๆ เขาเองก็จนปัญญาจึงต้องพานางมาที่นี่อนุอวิ๋นอยู่ดีๆ ก็ราวกับถูกเข้าสิง ไม่หลับไม่นอนทั้งคืนตอนแรกเขาก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเห็นชื่อของอนุอวิ๋นอยู่ในรายชื่อของอ๋องฉู่ เขาก็เข้าใจได้ทันที และยังไปสืบดูว่าจางเหวินเป็นอย่างไรบ้างเมื่อรู้ว่าจางเหวินได้พบกับซ่งรั
จางเหวินมีแววตาซับซ้อน เอ่ยออกมาอย่างสงบ ทว่าแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและความสิ้นหวังหากนางมีญาติฝ่ายมารดาคอยสนับสนุน การขอหย่าก็คงไม่ใช่เรื่องยาก ทว่าบัดนี้นางมีตัวคนเดียว ญาติฝ่ายมารดาและอวิ๋นหงหล่างต่างก็คัดค้านเรื่องนี้ หากอวิ๋นหงหล่างไม่ยอมตกลง ก็ยากมากที่จะประสบความสำเร็จ“ท่านป้าจาง หากท่านตั้งใจจริง เช่นนั้นวันนี้ย่อมเป็นโอกาสที่ดี”ซ่งรั่วเจินมองด้วยแววตาจริงจัง “ในเมื่อใต้เท้าอวิ๋นต้องการช่วยอนุอวิ๋น ไม่ต่างอะไรกับการที่เรากำจุดอ่อนของเขาไว้ในมือ มีเพียงเขาตกลงหย่าเท่านั้น ข้าถึงจะยื่นมือเข้าไปช่วย”เมื่อได้ยินเช่นนั้น จางเหวินก็ตระหนักได้ในทันที ใจมั่นใจว่าอวิ๋นหงหล่างที่กัดไม่ปล่อยตลอดหลายวันมานี้ ทว่าหากเงื่อนไขคืออนุอวิ๋น เขาย่อมตอบตกลงเป็นแน่คิดไม่ถึงเลยว่า... เมื่อถึงเวลาที่ต้องหย่าร้าง ยังต้องอาศัยความช่วยเหลือจากอนุอวิ๋นถึงจะสำเร็จ ช่างน่าขันนัก!“แค่หย่ายังไม่พอ รวมถึงเนี่ยนชูและอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ในอนาคตพวกเขาจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาอีก ยังมีทรัพย์สินที่พึงได้จากการหย่า ท่านควรต้องพิจารณาให้ดี”“นอกจากเนี่ยนชูและเฉิงเจ๋อ ข้าไม่ต้องการสิ่งอื่นใด” จางเหวินเอ่ยเสียง
ซ่งรั่วเจินแทบไม่เคยเห็นกู้หรูเยียนโกรธขนาดนี้มาก่อน นางมีนิสัยอ่อนโยนมาโดยตลอด มักจะผ่อนปรนให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็กและจัดการเรื่องเล็กให้หมดไป ทว่าวันนี้กลับโกรธมากผิดปกติ นับว่าเป็นเรื่องคาดไม่ถึงจางเหวินเองก็อารมณ์ไม่ดีเช่นกัน ทว่าเมื่อเห็นกู้หรูเยียนยืนหยัดปกป้องตน ความอัดอั้นที่อยู่ในใจมานานก็จางหายลงไปมาก“หรูเยียน ขอบใจเจ้ามาก” นางเผยรอยยิ้มบางและกล่าวว่า “อวิ๋นหงหล่างเป็นคนเช่นไร ตลอดหลายปีมานี้ข้าได้เห็นชัดเจนแล้ว”“เมื่อนึกย้อนไปยามที่เขาแสร้งเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก จนทุกคนในจวนต่างก็คิดว่าเขาเป็นบุรุษผู้อ่อนน้อมถ่อมตน สุภาพเรียบร้อย หากแต่งกับข้าแล้วย่อมไม่มีทางรังแกข้าเป็นแน่”“สุดท้ายแล้ว ในยามนั้นข้าตาบอดเอง จึงมองไม่ออกเลยว่าสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นเพียงการเสแสร้งของเขา และยังเชื่อว่าเป็นความจริง"“วันนี้เขาพาอนุอวิ๋นมาขอความช่วยเหลือ ช่างน่าขันยิ่งนัก!”กู้หรูเยียนคิดถึงเมื่อครู่ที่อวิ๋นหงหล่างพูดขอโทษออกมา ทว่าอนุอวิ๋นกลับแสร้งทำเป็นทรงตัวไม่อยู่ เขาจึงผลักจางเหวินออกไปโดยไม่รู้ตัว แม้แต่นางเองเองที่มองอยู่ยังรู้สึกโกรธ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจางเหวินเลย เกรงว่าใ
คิดไม่ถึงว่าเพิ่งมาถึงประตูทางเข้าก็ได้ยินเสียงทะเลาะกัน กู้หรูเยียนได้ยินคำพูดที่อวิ๋นหงหล่างพูดออกมาแล้วก็รู้สึกว่าน่าขันนักไม่แปลกเลยที่จางเหวินไม่ยอมทนอีกต่อไป ใครจะทนต่อไปได้ไหว?“นายหญิงของบ้านควรมีจิตใจกว้างขวางก็จริง แต่ใต้เท้าอวิ๋นให้ท้ายอนุมารังแกนายหญิงของบ้านครั้งแล้วครั้งเล่า ยังจะต้องอดทนต่อไปอีกงั้นรึ?”“โปรดปรานอนุเหยียบย่ำภรรยานั้นผิดมหันต์ ใต้เท้าอวิ๋นสามารถกล่าววาจาเช่นนี้ออกมาได้โดยไม่ละอายปาก ออกจะน่าขันเกินไปแล้ว!”กู้หรูเยียนดึงมือจางเหวินเดินเข้าไปข้างใน ในดวงตาคือความรังเกียจที่อดกลั้นไว้ไม่ไหว“อนุคนหนึ่งขึ้นเขาไปขอให้ผีสางมาทำร้ายนายหญิงของบ้านจนเกือบทำให้เจ้าเอาชีวิตไม่รอด ยามนี้ตัวเองถูกคุณไสยสะท้อนกลับ ยังมีหน้ามาขอความช่วยเหลือจากพวกข้าอีก ช่างไม่มียางอายแม้แต่น้อยนิดโดยแท้!”ช่วงนี้ตระกูลอวิ๋นเกิดเรื่องติดต่อกัน อวิ๋นซีหว่านก่อเรื่องขายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเรื่องไปถึงทางการจนสูญเสียสัญญาหมั้นหมายไปอวิ๋นฮูหยินต้องการหย่าร้าง ตอนแรกคนมากมายไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุ จนกระทั่งมารู้เรื่องในภายหลังจึงเข้าใจว่าใต้เท้าอวิ๋นทำกันเกินไปแล้วชาวบ้า
ราชวงศ์ฉู่โยว เมืองหลวงเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังหยุดเรียงกันหน้าประตูจวนหลินโหว ตามมาด้วยเสียงประทัดฆ้องกลอง ครึกครื้นมากเป็นพิเศษแขกเหรื่อมาร่วมงานเห็นภาพนี้แล้วก็ตกตะลึง “เหตุใดมีเกี้ยวเจ้าสาวสองหลังกันเล่า?”“แม่นางห้าสกุลซ่ง—ซ่งรั่วเจิน รอหลินโหวมานานสองปี ดูแลงานทั้งจวนโหวแทนเขา บัดนี้หลินโหวคว้าชัยชนะกลับมา ตบแต่งแม่นางซ่งก็คือเรื่องดีของเมืองหลวง แต่เกี้ยวเจ้าสาวเข้าประตูพร้อมกัน มิใช่ว่ายังแต่งกับคนอื่นด้วยหรือ?”“คุณหนู ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินรู้สึกเพียงเสียงดังเอะอะอยู่ข้างหูพักหนึ่ง ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว ลืมตาทั้งสองข้างก็มองเห็นชุดแต่งงานสีแดงเข้ม?เกิดเหตุอันใดขึ้น?ชุดแต่งงานซิ่วเหอและเกี้ยวเจ้าสาวสีแดงเข้ม นี่มิใช่ขบวนแต่งงานหรอกหรือ?“ท่านโหวทำเกินไปแล้ว ก่อนนี้เขาออกรบอยู่ภายนอก หากมิได้ท่านดูแลฮูหยินผู้เฒ่า ไฉนเลยเขาจะสามารถออกรบอย่างสบายใจได้? บัดนี้กลับมาอย่างยากลำบาก เขาถึงขั้นตบแต่งฉินซวงซวงเป็นภรรยาหลวงลำดับเดียวกันในวันแต่งงาน ไม่บอกกล่าวแม้คำเดียว เห็นได้ชัดว่ากำลังรังแกคุณหนู!”เฉินเซียงยิ่งพูดยิ่งโมโห บัดนี้เกี้ยวเจ้าสาวทั้งสองหลังหยุดอ...
Komen