เฉินเซียงตกตะลึง “คุณหนู นี่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือไม่เจ้าคะ?”“เจ้าดูสิ ชุดที่นางใส่อยู่เป็นผ้าแบบเดียวกับคนใช้ของฉินซวงซวง คนรู้ก็รู้ว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของข้า แต่คนไม่รู้คงคิดว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของนาง!”ซ่งรั่วเจินมองด้วยสายตาเย็นชา ตอนที่อ่านนิยายนางก็รู้เรื่องนี้แล้ว เหตุผลที่ฉินซวงซวงรู้เรื่องของตัวเอกคนเดิมได้ดี เพราะนางได้วางคนเอาไว้ใกล้ตัวนางเอกมานานแล้วเมื่อคิดดูอย่างละเอียด เพ่ยหลานก็คือสาวใช้ที่ ‘ท่านน้าคนดี’ ของนางเลือกมาให้โดยเฉพาะนอกจากนี้ ตั้งแต่ที่นางทะลุมิติมา ก็ได้ตรวจร่างกายอย่างละเอียด พบว่าสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาใด ๆ แต่ตัวเอกหลังจากแต่งงานกับหลินโหวเพียงสองปีก็เสียชีวิตก่อนหน้านี้ที่อ่านนิยายนางไม่ได้คิดเรื่องนี้ เพียงคิดว่าไม่ได้รับความรักจากสามี และทำงานหนักเพื่อจวนหลินโหวจนป่วย แต่ตอนนี้พอคิดถึงวิธีการที่โหดร้ายและเพ่ยหลานที่อยู่ข้างกาย เกรงว่าอาจมีสาเหตุการตายที่น่าสงสัยกว่านั้น มิใช่เพราะร่างกายอ่อนแอ แต่เพราะมีคนไม่อยากให้นางมีชีวิตอยู่ต่างหาก!คนชั่วช้าเช่นนี้ต้องรีบจัดการออกไปโดยเร็ว!“พวกเจ้า นำตัวเพ่ยหลานไปตระกูลหลิ่ว!” ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้น
“ที่ท่านน้าพูด หมายความว่าสิ่งที่ข้าทำที่จวนตระกูลซ่งวันนี้เป็นเรื่องเสื่อมเสียหรือเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินมองหลิ่วเฟยเยี่ยนตรงหน้าอย่างประเมิน ท่อนบนสวมเสื้อคลุมชวีจวี [1] ตัวยาวสีเขียวน้ำทะเลปักลายโบตั๋น ท่อนล่างคือกระโปรงเนื้อบางสีเหลืองปักลายโบตั๋น ทรงผมที่จัดแต่งอย่างประณีตนั้นประดับด้วยปิ่นปักผมลวดลายโบตั๋น สร้อยมุกโมราตรงลำคอยิ่งวาววับจับตา การแต่งตัวยังหรูหรากว่ามารดาของนางเสียอีกแต่ถึงแม้หลิ่วเฟยเยี่ยนกับหลิ่วหรูเยียนจะเป็นพี่น้องแท้ๆ กัน รูปโฉมของนางกลับด้อยกว่าหลิ่วหรูเยียนชนิดทิ้งห่างกันไกลถึงตอนนี้จะสวมเครื่องประดับเต็มยศ แต่เมื่อมานั่งอยู่ข้างกายหลิ่วหรูเยียนผู้อ่อนโยนที่แต่งกายเรียบง่ายก็ยังคงเทียบไม่ติด กลับดูพะรุงพะรัง แต่งเยอะเกินงาม“รั่วเจิน น้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่เจ้าอายุเกินยี่สิบปีแล้ว เลือกคู่ครองดีๆ ไม่ได้แล้ว มิหนำซ้ำหลินโหวกำลังรุ่งโรจน์ ก่อเรื่องเช่นนี้แล้วผู้ใดจะกล้าเสี่ยงล่วงเกินหลินโหวมาสู่ขอเจ้า?”หลิ่วเฟยเยี่ยนเอ่ยราวกับปรารถนาดี หากมิใช่เพราะซ่งรั่วเจินรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของนางแล้ว มาได้ยินถ้อยคำเปี่ยมน้ำใสใจจริงเช่นนี้เกรงว่าคงหลงเชื่อว่านาง
เฉินเซียงที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดคุณหนูของตนเองแล้วก็นึกขำอย่างอดไม่ได้ เมื่อวานเพ่ยหลานถูกมัดตัวส่งไปที่จวนตระกูลหลิ่วชัดๆ โดยส่งตรงถึงเรือนพักของพ่อบ้านหลิ่วเมื่อพ่อบ้านหลิ่วรู้ว่าเป็นเรื่องมงคลที่คุณหนูจัดแจงให้ก็หาได้ปฏิเสธ สานต่อเรื่องดีจนสำเร็จ พวกเขายังจดให้คนมาเฝ้าอยู่ข้างนอก ได้ยินว่าตอนแรกเพ่ยหลานไม่ยินยอม แต่ตอนหลังเสียงที่ดังออกมานั้นก็ฟังต่อไปไม่ไหวจริงๆจากคำบอกกล่าวของคนที่มารายงาน ตอนออกมาเช้าวันนี้เห็นภรรยาเอกของพ่อบ้านหลิ่วสีหน้าดำคล้ำนำคนบุกไปจัดการเพ่ยหลานอย่างเกรี้ยวกราด ได้ยินเสียงกรีดร้องน่าอนาถดังมาจากข้างหลัง รายละเอียดเป็นอย่างไรก็ไม่มีแก่ใจจะอยู่ฟังต่อไปแล้ว“นี่มันเหลวไหลชัดๆ รั่วเจิน ต่อให้งานวิวาห์ของเจ้ามีปัญหาก็ไม่ควรเอาไปลงกับคนรับใช้เช่นนี้! ดีชั่วอย่างไรเพ่ยหลานก็ติดตามเจ้ามาหลายปี เจ้าทำลายชีวิตนางเช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือ?”หลิ่วเฟยเยี่ยนพลันนึกโมโห เดิมเข้าใจว่าแค่ส่งคนกลับไป อย่างมากแค่รอให้ผ่านไปสักพักค่อยให้กลับมาก็ได้ แต่กลายเป็นว่าแต่งให้หลิ่วเหิงไปเสียแล้ว?หลิ่วเหิงไม่ได้เป็นแค่พ่อบ้าน เตียงของเขา คนแบบเพ่ยหลานสามารถปีนขึ้นไปได้เช่นนั้
ซ่งรั่วเจินกินอาหารมื้อกลางวันเสร็จก็ไปที่จวนตระกูลหลิ่วมองเห็นผู้คนมากมายเข้าออกประตูจวนตระกูลหลิ่วมาแต่ไกล คนไปมาหาสู่มีจำนวนไม่น้อย เมื่อเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงชมเชยเซ็งแซ่“ไต้ซือเทียนสุ่ยมีวิชาแก่กล้าจริงๆ เจ้าจำหลานชายของตระกูลจ้าวที่หมู่นี้เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดได้หรือไม่ หาหมอมากมายล้วนไม่เห็นผล เห็นๆ อยู่ว่าสุขภาพย่ำแย่ลงทุกทีจนแทบจะไม่ไหวแล้ว พอไต้ซือเทียนสุ่ยลงมือเท่านั้นก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง!”“นั่นน่ะสิ หลานชายข้าพักนี้ค้าขายไม่ราบรื่น เกือบทำกิจการของตระกูลล้มละลายไปเสียแล้ว ตั้งแต่ไต้ซือเทียนสุ่ยอัญเชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภมาให้ ทุกวันนี้การค้าเจริญรุ่งเรือง ดีวันดีคืน!”“ตระกูลหลิ่วเองก็ไม่รู้ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนไปมากมายเท่าไหร่จึงสามารถเชิญไต้ซือเทียนสุ่ยมาได้ วันหน้าจะต้องได้ดิบได้ดีแน่”ได้ยินคำพูดแฝงความอิจฉาเหล่านั้น คิ้วใบหลิวของซ่งรั่วเจินก็เลิกขึ้นเล็กน้อย นางจะไปหยั่งเชิงไต้ซือเทียนสุ่ยผู้นี้ดูสักหน่อยว่ามีความสามารถจริงหรือไม่!เมื่อนางเข้าไปในจวนตระกูลหลิ่ว เห็นข้ารับใช้ในจวนกำลังจัดฮวงจุ้ยตามคำแนะนำของไต้ซือเทียนสุ่ย ก็แค่นหัวเราะในใจฮวงจุ้ยในจวนตระกูลหลิ่ว
ไต้ซือเทียนสุ่ยมองซ่งรั่วเจินนิ่งๆ “แม่นางซ่ง หลายวันก่อนอาตมาไปดูฮวงจุ้ยที่จวนตระกูลซ่ง หมู่นี้จวนตระกูลซ่งเกิดเรื่องติดต่อกัน ใช่ว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าเลยเสียทีเดียว”“อ้อ? ไหนท่านลองพูดให้ฟังที ว่าเกี่ยวข้องกับข้าอย่างไรบ้าง?”ซ่งรั่วเจินยิ้มหยัน มองคนตรงหน้าด้วยความสงบเยือกเย็น นางอยากรู้นักว่าคนผู้นี้จะแต่งเรื่องอย่างไรออกมา!“ข้าเคยดูเวลาตกฟากของเจ้ามาก่อน เจ้าชะตาอาภัพมีดวงพิฆาต หลินโหวเป็นดาวนำโชคในชีวิตเจ้า มีเพียงต้องออกเรือนให้เขาจึงจะสามารถคลี่คลายได้”“เดิมทีหลินโหวไม่มีทางแต่งเจ้า หากไม่ใช่เพราะข้าใช้วิธีการบางอย่าง แม้แต่ภรรยาหลวงเจ้าก็คงไม่ได้เป็น วันนี้เจ้าอยากอยู่อย่างสงบก็มีแต่ต้องเดินทางนี้เท่านั้น มิเช่นนั้น ดวงพิฆาตของเจ้ายังจะทำให้คนอื่นเคราะห์ร้ายไปด้วย”ได้ยินเช่นนั้น คนที่เดินตามไต้ซือเทียนสุ่ยออกมาล้วนเผยสีหน้าตื่นตกใจดวงพิฆาต นี่เป็นชะตาชีวิตที่ทุกคนหวาดกลัวที่สุด เดิมนึกว่าหลินโหวทอดทิ้งซ่งรั่วเจินเป็นการปฏิบัติต่อนางอย่างไม่เป็นธรรม แต่ดูจากตอนนี้ หลินโหวเป็นดาวช่วยชีวิตนาง นางกลับไม่รู้ดีชั่ว!“มิน่าเล่า หมู่นี้ตระกูลซ่งถึงได้เกิดเรื่องไม
สิ้นเสียงซ่งรั่วเจิน ทุกคนก็ขมวดคิ้ว รู้สึกว่านางช่างก้าวร้าวเสียจริง ส่วนว่าของสกปรกดังกล่าวคืออะไรกลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อยแต่เมื่อไต้ซือเทียนสุ่ยได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนสี นางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?หรือนางจะเข้าใจฮวงจุ้ยจริงๆ? นั่นเป็นไปไม่ได้!ความคิดนั้นเพิ่งผุดขึ้นมา ไต้ซือเทียนสุ่ยก็ปัดทิ้งไปโดยไม่ลังเล ถ้ารู้จริงก็ควรค้นพบไปนานแล้ว จะเพิ่งมาคิดบัญชีเอาป่านนี้ได้อย่างไร?“เจ้าทำอะไรของเจ้า?”น้ำเสียงแฝงความไม่พอใจเสียงหนึ่งดังขึ้น หลังจากนั้นก็มีเสียงอ่อนหวานดังตามมาติดๆ“ท่านโหว ท่านอย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ เรื่องนี้อาจมีอะไรเข้าใจผิดกันก็เป็นได้”ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มของฉินซวงซวงฉายแววบริสุทธิ์ใจ สายตาที่มองมาทางซ่งรั่วเจินยังสะท้อนความไม่สบายใจอยู่ในนั้น “คิดว่าแม่นางซ่งคงรู้สึกไม่ดีจึงได้มาก่อเรื่องเช่นนี้ ท่านโหวอย่าถือสานางเลยนะเจ้าคะ”“ซ่งรั่วเจิน เมื่อวานข้าขอโทษเจ้าไปแล้ว เป็นเจ้าที่ไม่อยากแต่งกับข้า ไฉนตอนนี้ยังมาให้ร้ายซวงซวงอีก?”ซ่งรั่วเจินกวาดสายตาไปมองก็สบเข้ากับแววตาคาดคั้นของหลินจือเยว่ “ข้าประลองกับไต้ซือเทียนสุ่ยเกี่ยวอันใดกับฉินซวงซวง? หลินโหว สม
ไต้ซือเทียนสุ่ยรับคำสั่งจากฉินซวงซวง สายตาที่ทอดมองซ่งรั่วเจินเองก็เจือไอเย็น สตรีผู้นี้บังอาจมาทำลายช่องทางทำมาหากินของเขา เขาจะจัดการให้หนักเลยทีเดียว!ครู่ถัดมา เขามองผีน้อยที่ตนเลี้ยงอย่างลำพองใจ เขาต้องเสียแรงไปมากถึงจะเลี้ยงออกมาได้ ยังได้รับคำชี้แนะจากผู้มีวิชาจึงมีความสามารถเช่นนี้สายตาซ่งรั่วเจินเองก็ตกลงบนตัวผีน้อย ผีน้อยตัวนี้อายุราวหกถึงเจ็ดขวบเท่านั้น เพราะถูกเลี้ยงดูอย่างดี รูปร่างกลับไม่น่ากลัว เพียงแต่กลิ่นอายชั่วร้ายยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าคือวิญญาณอาฆาตตนหนึ่งตายอย่างไม่เป็นธรรม จึงสั่งสมไอแค้นไว้มากในฐานะคนของสำนักวิชาเต๋า เผชิญหน้ากับวิญญาณอาฆาตเช่นนี้สมควรหาวิธีกำจัดความอาฆาตพยาบาท ช่วยเหลือเขาให้ไปเกิดใหม่ในเร็ววันไต้ซือเทียนสุ่ยผู้นี้ ใช้ประโยชน์จากความอาฆาตพยาบาทเล็กน้อยนี้ ทำให้กลายเป็นกลวิธีหาเงิน“ไต้ซือเทียนสุ่ย ชาตินี้ข้ายังมีหวังจะหาตัวลูกสาวของข้าพบอีกหรือไม่?” สวีฮูหยินเอ่ยถามอย่างร้อนใจไต้ซือเทียนสุ่ยแสร้งหยิบกระดองเต่าออกมา ใส่แผ่นเหล็กสองชิ้นเข้าไปภายใน ปากบ่นงึมงำสวดคาถาขึ้นมาสกุลสวีตามหาลูกสาวคนนี้มานานนับสิบกว่าปีแล้ว ก
“องค์ชายสาม?”ชั่วขณะหลินจือเยว่มองเห็นฉู่จวินถิง สีหน้าก็เข้มขึ้น เขายังจำได้ดี เมื่อสองปีก่อนซวงซวงปฏิเสธเขาก็เพราะฉู่จวินถิง!“ข้าได้ยินว่ามีไต้ซือวิชาล้ำเลิศของลัทธิเต๋าท่านหนึ่งเดินทางมาเมืองหลวงจึงมาดูสักหน่อย มองรูปลักษณ์ดูแล้วยอดเยี่ยมกว่าที่คิดไว้มากนัก”ใบหน้าฉู่จวินถิงประดับยิ้ม ท่วงท่าที่แสดงออกมากลับไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าเขาเพียงยืนอยู่ที่นั่น พูดคุยอย่างสนุกสนานแต่กลับสง่างามเจิดจรัส ทำให้คนไม่กล้าล่วงเกินชั่วขณะที่ฉินซวงซวงมองเห็นฉู่จวินถิง ก็ยังมิอาจควบคุมความหลงใหลที่สะท้อนภายในสายตาได้แม้กลับชาติมาเกิดอีกครั้ง ยามได้พบฉู่จวินถิงก็ยังรู้สึกโหยหาอย่างมิอาจอดกลั้น บุรุษเช่นนี้ถึงจะเป็นคนที่นางต้องการอย่างแท้จริง สูงศักดิ์ หล่อเหลา ลึกลับ นางอยากรู้เหลือเกินว่าบุรุษเช่นนี้ จะเป็นอย่างไรหากวันหนึ่งเกิดหลงใหลยอมจำนนขึ้นมา?ทว่าน่าเสียดายชาติก่อนนางเสียเวลาไปมากเพียงนั้น เดินทางผิดมากเพียงนั้น สุดท้ายก็ไม่สามารถทำให้เขาชายตาแลได้ ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคนซ่งรั่วเจินเองก็คิดไม่ถึงว่าจะได้พบฉู่จวินถิงที่นี่ มองเห็นโชคชะตาสีแดงจนเริ่มม่วงนั้นของเขา
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป
นางจำรายการสินเดิมในปีนั้นได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงกำไรของร้านค้าที่เป็นสินเดิมเพราะหลายปีมานี้ผิดหวังกับอวิ๋นหงหล่างมาก นางจึงหันไปสนใจการค้านางและกู้หรูเยียนเป็นสหายที่ดีต่อกัน การค้าของสกุลซ่งดีมากถึงเพียงนี้ ย่อมชี้แนะนางเป็นอย่างดี ดังนั้นเงินที่หาได้ย่อมมีไม่น้อย ภายในนั้นเขียนไว้ในบัญชีรวมมากมายทว่านางเก็บรักษาบัญชีของร้านไว้อย่างดี แม้แต่ภายในจวนเบิกเงินของนางไปมากน้อยเพียงใด นางก็จำได้ทั้งหมดบัดนี้...จะเอาคืนกลับมาให้หมด!“พี่หญิง คืนของให้ท่านย่อมเป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่ท่านเองก็ต้องการมากเกินไปแล้ว”อนุอวิ๋นเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ หันมองอวิ๋นหงหล่างอย่างกังวล กลัวเขาโมโหลงนามลงไปอวิ๋นหงหล่างย่อมไม่ยอมให้เกิดปัญหาตามมาอย่างต่อเนื่อง แม้ปวดใจ แต่ยังลงนามประทับลายนิ้วมือลงไป“ตอนนี้ใช้ได้แล้ว พวกเจ้าสามารถช่วยคนได้แล้วกระมัง!”เห็นจางเหวินเก็บหนังสือหย่าไป ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ “ให้ข้าลงมือช่วยอนุอวิ๋นก็ย่อมได้ สามแสนตำลึง!”ถ้อยคำนี้พูดออกมา อวิ๋นหงหล่างก็โง่งมแล้ว “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”“ซ่งรั่วเจิน เจ้าอย่าทำเลยเถิดเกินไปนัก ทั้งๆ ที่เจ้าพูดว่าขอเพียงลงนามในหน
“ข้าคิดไว้ดีตั้งแต่แรกแล้ว นับตั้งแต่วันที่ติดตามท่านแม่ออกจากสกุลอวิ๋น ข้าก็ไม่คิดกลับไปอีก”พูดไป อวิ๋นเนี่ยนชูก็เหลือบมองอวิ๋นเฉิงเจ๋อแวบหนึ่ง พูดว่า “ภายภาคหน้าไม่ว่าข้าแต่งกับใคร ต่อให้เป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่ง ข้าก็ยินดี”อย่างไรเสีย ชาตินี้หากไม่สามารถแต่งงานกับคนที่รักได้ ไม่ว่าแต่งกับใครก็ล้วนเหมือนกันเมื่อแรกท่านแม่แต่งงานกับท่านพ่อ ทุกคนล้วนพูดว่าแต่งได้ดี แต่สุดท้ายได้รับอะไรเล่า?อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินว่าอวิ๋นเนี่ยนชูจะแต่งงานกับสามัญชน ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว นิ้วมือภายในแขนเสื้อกำแน่น ภายในก้นบึ้งของสายตาซับซ้อน“เจ้า ดีนักนะ!” อวิ๋นหงหล่างโมโหจนหัวเราะออกมา “ถึงตอนนั้นเจ้าหาทางออกไปได้ อย่ามาขอข้าให้ช่วยเจ้าก็แล้วกัน!”“ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น ตรงข้ามกันภายในหัวใจท่านพ่อ ซีหว่านล้วนสำคัญที่สุดมาโดยตลอด”“นางทำผิดมากเพียงใดล้วนไม่เป็นไร ข้าเพียงทำผิดเล็กน้อยก็ถูกลงโทษ หากข้าตามท่านกลับไป ภายภาคหน้าบ้านหลังนี้มีอนุอวิ๋นดูแล ข้ายังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือ?”อวิ๋นเนี่ยนชูคิดตกแล้ว เดิมทีอนุอวิ๋นก็โหดเหี้ยมอำมหิต พวกเขาล้วนมองออก มีเพียงบิดาที่มองไม่ออกบางที...บิดาอาจไม่ยอมมอง
“ยังมีเจ้า!” หลิ่วหรูเยียนชี้อนุอวิ๋น “ตอนยังเป็นสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ช่างเถอะ บัดนี้แก่จนหน้าเหลืองแล้วกลับยังไม่แก้ไข หากชอบร้องไห้ถึงเพียงนั้น ตอนจัดงานศพก็ไปร้องที่นั่นสิ วิ่งมาสร้างความอัปมงคลที่จวนซ่งของพวกเราทำอันใด!”คนสกุลซ่งหันมองมารดาอย่างแปลกใจ ที่ผ่านมามารดาอ่อนโยนนุ่มนวล ไม่เคยพูดจาเช่นนี้มาก่อน คำพูดวันนี้ช่าง...สาแก่ใจจริงๆ!จางเหวินที่เดิมทีโมโหแทบแย่กลับถูกคำพูดของหลิ่วหรูเยียนทำให้ขำจนหัวเราะออกมานางหวนนึกถึงเมื่อครั้นยังอยู่ในวัยแรกรุ่น กู้หรูเยียนมีอุปนิสัยอ่อนโยนรังแกง่าย เพราะได้รับความทุกข์จากสกุลหลิ่ว ครอบครัวลำเอียง นางอธิบายไปแล้วก็ไม่มีใครฟัง หนำซ้ำยังถูกลงโทษ ดังนั้นกู้หรูเยียนจึงชินชากับการไม่อธิบายจนกระทั่งมีคนพูดว่าร้ายนาง นางได้เห็นคนอ่อนโยนนุ่มนวลเสมอมาอย่างกู้หรูเยียนออกมาตอบโต้คน ถึงขั้นด่ากลับไปความสะเทือนใจในตอนนั้นก็คล้ายตอนนี้ ฉากตรงหน้าแทบจะซ้อนทับกัน“หลายปีมานี้เจ้าไม่บอกข้ามาโดยตลอด หากข้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเจ้าได้รับความทุกข์เช่นนี้ จะต้องช่วยเจ้าด่าชายโฉดหญิงชั่วไร้ยางอายคู่นี้ดีๆ แน่!”จางเหวินจับมือกู้หรูเยียนไว้ ขอบตาแดงเรื่อ “ห
“ข้าไม่ช่วย เดิมทีก็ถูกต้องตามหลักการ หาไม่แล้วคนชั่วในใต้หล้านี้ล้วนมาขอให้ข้าช่วยแก้ผลกรรมให้ นั่นยังไม่กลายเป็นโลกของคนชั่วอีกหรือ?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา “ใต้เท้าอวิ๋น ท่านเป็นขุนนางในราชสสำนักมาหลายสิบปี ถึงขั้นไม่มีหลักคุณธรรมขั้นพื้นฐานกระนั้นหรือ?”“หากท่านคิดว่าท่านพูดมีเหตุผล ก็สามารถพูดเรื่องทั้งหมดออกมาได้ พอดีจะได้ถามคนทั่วหล้าว่าคิดเห็นเหมือนท่านหรือไม่!”เพียงอนุอวิ๋นได้ยินก็รีบพูด “ข้ามิได้เชิญผีน้อยมาทำร้ายพี่หญิง ข้าเพียงหวังให้นางและนายท่านกลับมาคืนดีกัน ข้าเองก็ถูกคนชั่วนั่นหลอก”“หากข้ารู้ตั้งแต่แรกก็ไม่มีวันทำเช่นนี้”“อ้อ งั้นหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ เนตรขนงเจือรอยยิ้ม “บัดนี้มีคนทำผิดเหมือนท่านไม่น้อย ราชสำนักมีบัญชีรายชื่ออยู่ในมือแล้ว”“ไม่สู้ไปถามคนเหล่านั้นดู ตกลงพวกเขารู้หรือไม่ว่าที่เชิญผีน้อยมาก็เพื่อทำร้ายคน?”“ถ้อยคำนี้ ท่านหลอกตนเองก็ช่างเถอะ คิดว่าคนทั่วหล้าโง่เขลาเหมือนท่านหรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินคมกริบ “ทำร้ายคนและช่วยคน ทำร้ายคนต้องชดใช้มากยิ่งกว่า หากท่านทำเพราะอยากให้ทั้งสองคนคืนดีกันจริง สิ่งที่ท่านเชิญกลับไป สมควรเป็นพระพุทธ
นึกถึงตรงนี้ อนุอวิ๋นก็ร้องไห้ออกมา กลับคล้ายตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต ท่าทีเด็ดขาด“นายท่าน ข้ารู้พี่หญิงไม่มีวันยอมให้อภัยข้า ก็ให้ข้าไปตายเถอะ เช่นนี้พี่หญิงก็สามารถกลับมาอยู่ข้างกายท่านได้แล้ว!”“เดิมทีเรื่องในครั้งนี้ก็เป็นความผิดของข้า เกือบทำร้ายพี่หญิงจนตาย ต่อให้ข้าชดใช้ด้วยชีวิตก็สมควรแล้ว หวังเพียงหลังข้าตายไปแล้ว นายท่านจะดูแลซีหว่านดีๆ”“ข้ามีลูกสาวเพียงคนเดียว ไม่อาจวางใจปล่อยไปได้จริงๆ”“เจ้าพูดอะไรกัน? ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าตาย!”สีหน้าอวิ๋นหงหล่างเปลี่ยนไป เพลิงโทสะเพิ่มขึ้นไม่หยุด มองท่าทางน่าสงสารของอนุอวิ๋น จากนั้นมองจางเหวินที่กำลังบีบคั้นคน ความรักในอดีตจืดจางลงไปมาก“จางเหวิน เจ้าข้าเป็นสามีภรรยากัน หลายปีมานี้ข้าเองก็ไม่เคยทำผิดต่อเจ้า”“เจ้าไม่พอใจที่ข้ารับอนุ ข้าก็รับอนุเพียงคนเดียว ต่อให้ข้าทำผิดต่อเจ้าก่อน ก็มิได้ทำผิดมากอันใด”“เจ้ากลับขุ่นเคืองใจแคบ จะต้องบังคับนางไปตายให้ได้กระนั้นหรือ!”จางเหวินมองอวิ๋นหงหล่างที่กำลังพูดอย่างมั่นใจ รู้สึกเพียงอยากขัน แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยคิดว่าหลอกนางเป็นความผิดมาก่อน“ใช่ หากไม่หย่า นางก็ต้องตาย ท่านเลือกเองเ
“ข้าขอโทษ พี่หญิง ท่านให้อภัยข้าเถอะ”พูดไป อนุอวิ๋นก็คุกเข่าลง “ข้าขอโขกศีรษะให้พี่หญิง ขอเพียงท่านยอมยกโทษให้ข้า ไม่ว่าจะให้ข้าทำอันใดก็ย่อมได้เจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินมองภาพอบอวลไปด้วยกลิ่นชาเบื้องหน้า ถอนใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “ไม่ว่าเป็นชาเก่าหรือชาใหม่ ล้วนมีกลิ่นเข้มเหมือนกันทั้งนั้น”ซ่งจืออวี้ “??? น้องหญิงห้า เจ้าพูดคำนี้หมายความว่าอันใด?”“พี่สาม ท่านไม่ต้องใส่ใจความหมาย ท่านต้องจำเพียงว่าภายภาคหน้าได้พบคนที่รู้จักเพียงร้องไห้ทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ ออกห่างสักหน่อยย่อมดี”“มองดูแล้วคล้ายใจดีเข้าใจหัวอกคน แต่แท้จริงแล้วเหมาะสมเป็นปีศาจร้ายที่สุด” ซ่งรั่วเจินเอ่ยเตือนมองสถานการณ์ในตอนนี้ พี่ใหญ่ย่อมไม่จำเป็นต้องกังวล พี่รองเป็นคนฉลาด ซ่งจิ่งเซินภายภาคหน้าฟื้นคืนความทรงจำย่อมไม่พลาดท่าให้เคอหยวนจื่อ เดิมทีก็ไม่มีปัญหาอันใดเช่นนี้แล้ว มีเพียงพี่สามที่น่ากังวลที่สุด“เจ้าวางใจ ข้าเกลียดผู้หญิงรู้จักเพียงร้องไห้เช่นนี้ที่สุด ได้ยินแล้วก็รำคาญ อยากต่อยให้หมดสติไปเสียเลย จะได้เงียบ” ซ่งจืออวี้พูดอย่างลำพองใจซ่งรั่วเจิน “...”เทียบกับความกังวลว่าพี่สามจะตบแต่งหญิงแพศยา คล้ายจะต้อ
จางเหวินฟังอวิ๋นหงหล่างที่กล่าวหาอย่างมั่นใจ แววตาจึงเริ่มแสดงความเย้ยหยัน“แค่ให้ท่านรอเดี๋ยวเดียวกลับโกรธขนาดนี้ หลายปีก่อนหน้าข้ารอคอยมานานกว่านี้มาก แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นท่าน ช่างไม่มีความอดทนแม้แต่น้อย”อวิ๋นหงหล่างโกรธจัด “เจ้าพูดอะไรนะ?”“หูตึงจริงๆ แม้แต่คำพูดก็ยังได้ยินไม่ชัด!” สีหน้าของจางเหวินเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม “คราวหน้าเลือกบ่าวรับใช้ที่ฉลาดกว่านี้มาอยู่ข้างกายเสียสิ จะได้พูดย้ำรอบสองให้ท่านฟัง”บรรยากาศที่ตึงเครียดในตอนแรกถูกทำลายลงด้วยสองประโยคของจางเหวิน จนบางคนกลั้นหัวเราะไม่อยู่อวิ๋นหงหล่างเคยถูกจางเหวินทำให้อับอายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?เห็นได้ชัดว่าในอดีตจางเหวินมีนิสัยดีมาก เขาพูดอะไรก็มักได้ตามนั้น มีน้อยครั้งที่ทะเลาะกันก็เพื่อลูก เขาก็สามารถเข้าใจได้ ตั้งแต่นางขอหย่าเมื่อไม่นานนี้ก็กลายเป็นเหมือนเม่น ไม่ว่าจะพูดอะไรล้วนโต้กลับ ยามนี้คำพูดยิ่งฟังดูไม่เข้าหูมากขึ้นไปอีก!“ยามนี้เจ้าช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย เสียมาดความเป็นนายหญิงไปหมดแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ลูกๆ ถูกสอนให้เสียคนกันหมด!”เมื่อได้ยินเช่นนี้ จางเหวินก็เหลือบมองไปที่อวิ๋นเนี่ยนชูและถามว่า "ยาม
“ท่านพ่อมองว่าข้าขัดหูขัดตาพอดี ไม่สู้ใช้โอกาสนี้ตัดขาดความสัมพันธ์กันไปเลย จะได้ไม่ทำลายชื่อเสียงของท่านในอนาคต!” “เจ้าพูดอะไร?” อวิ๋นหงหล่างโกรธจนทนไม่ไหว ยกมือขึ้นแล้วตบไปทันที “ข้าเห็นว่ายามนี้เจ้าชักจะเกินไปแล้ว แม่ของเจ้าไม่รู้ว่าสอนอะไรเจ้าทุกวัน ถึงได้สอนให้เจ้าไร้กฎเกณฑ์เช่นนี้!” ทว่าอวิ๋นหงหล่างไม่สามารถตบหน้าอวิ๋นเนี่ยนชูได้ เพราะถูกอวิ๋นเฉิงเจ๋อป้องกันไว้ “ทำไม? เจ้าก็จะไร้กฎเกณฑ์ไปด้วยกันหรือ?” อวิ๋นหงหล่างสีหน้าบึ้งตึง “หลายปีที่ที่เจ้าอยู่ในจวนอวิ๋น ข้าไม่เคยละเลยเจ้าเลย!”“ยามที่บิดามารดาของเจ้าตาย หากไม่ใช่ข้ารับเจ้ากลับมา เจ้าจะประสบความสำเร็จเช่นวันนี้ได้อย่างไร?” เมื่อคิดว่าเขาให้บุตรีตบแต่งกับอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเด็กนั่นแล้ว ทว่าเขากลับไม่พอใจ แม้กระทั่งยังเผยเรื่องนี้ออกมา จนทำให้ยามนี้เขาถูกสหายร่วมงานล้อเลียน เขาก็แทบอยากจะทุบตีสิ่งอกตัญญูนี้ให้ตายตกไปเสีย! หากรู้เช่นนี้ ในยามนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงไม่ยอมให้จางเหวินรับเด็กเหลือขอผู้นี้กลับมาอวิ๋นเฉิงเจ๋อเข้าใจความคิดของอวิ๋นหงหล่างดี ช่วงนี้เขาได้พบอวิ๋นหงหล่า