Share

บทที่ 8

สองปีก่อนเขาไม่อาจแต่งงานกับนางในดวงใจได้จึงรู้สึกหมดหวัง ตอนรู้ว่าผู้เป็นแม่ได้จัดการหมั้นหมายให้แล้ว เขาก็ตอบรับทั้ง ๆ ที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่แม้แต่จะชายตามองนางเลยสักนิด คิดเพียงว่าคุณหนูตระกูลใหญ่ส่วนมากจะหัวโบราณและขี้ขลาด ไม่เหมือนกับซวงซวงผู้น่ารักและมีเสน่ห์ดึงดูดใจ

ทว่าในขณะนี้เมื่อเขาเห็นซ่งรั่วเจิน ถึงได้รู้ว่านางนั้นงดงามน่ามองเพียงใด

ซ่งรั่วเจินเห็นหลินจือเยว่จ้องนางตาไม่กะพริบ ใจของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ มีเพียงความคิดเดียวในหัวคืออยากจะควักลูกตาของคนผู้นี้ออกมาเสีย

มองอะไร! อัปมงคลเสียจริง!

“แม่นางซ่ง เรื่องวันนี้เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ได้บอกเจ้าตั้งแต่แรก ข้าขอโทษ” หลินจือเยว่กล่าว

ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “หลินโหว ตอนขบวนเจ้าสาวของข้ากำลังจะเข้าเรือน ก็พึ่งได้รู้ว่ามีสตรีอีกนางจะแต่งเข้าพร้อมกับข้า วันนี้ท่านยังพูดต่อหน้าแขกมากมายอีกว่าในใจท่านมีเพียงแม่นางฉินเท่านั้น”

“ในเมื่อพวกท่านรักกัน ข้าก็ยินดีทำให้สมหวัง ไยต้องมาที่นี่อีก?”

เมื่อเห็นหญิงสาวพูดจาไม่น่าฟัง หลินจือเยว่ก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ เขายอมมาขอโทษด้วยตัวเองก็ถือว่าให้เกียรติตระกูลซ่งมากแล้ว ในเวลานี้ซ่งรั่วเจินยังไม่ยอมปล่อยวางอีก ไหนเลยจะมีความสง่างามของคุณหนูตระกูลใหญ่

“เจ้าพูดเช่นนี้ก็เพราะยังโกรธข้าอยู่ ข้ายอมรับว่าการที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าล่วงหน้าถือเป็นความผิดของข้าจริง ๆ แต่เจ้ากลับทำให้เรื่องนี้วุ่นวาย ทำลายงานมงคลนี้ ทำให้ข้ากลายเป็นตัวตลกของทั้งเมืองหลวง”

“จะว่าไปแล้ว เราสองคนก็ถือว่าเสมอกัน ตอนนี้เจ้าจะมาทำให้เรื่องใหญ่โตอีกทำไม?”

“การหมั้นของเราเกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน ข้าไม่คิดจะถอนหมั้น หากเจ้าใจกว้างรับซวงซวง ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบาก เจ้าก็ยังคงเป็นฮูหยินของข้า ไม่ดีหรือ?”

หลินจือเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ฮูหยินผู้เฒ่าหลินเห็นดังนั้นจึงตำหนิเขาเสียงดัง “พูดอะไรของเจ้า?”

“เจินเอ๋อร์ เจ้าอย่าไปถือสาเขาเลย เขาอยู่ในค่ายทหารมานานจึงพูดจาไม่น่าฟัง” หลินรั่วหลานยิ้ม “ข้ากับอดีตท่านโหวมีบุตรตอนอายุมากแล้ว จึงอดตามใจเขาไม่ได้ เขาไม่ใช่คนไม่ดีอะไรหรอกนะ”

หลินรั่วหลานก้าวไปข้างหน้า จับมือซ่งรั่วเจินก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น “เจินเอ๋อร์ ตลอดสองปีนี้ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของข้า เจ้าก็รู้ดี”

“เจ้าไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของเจ้าในจวนหลินโหวได้ และข้าจะไม่ยอมให้ใครรังแกเจ้าเด็ดขาด!”

หลิ่วหรูเยียนมองดูการแสดงตรงหน้า หากไม่ได้ฟังเจินเอ๋อร์บอกความจริงทั้งหมด นางก็อาจจะเชื่อ ทว่านางรู้แล้วว่าฉินซวงซวงเป็นคนที่หลินจือเยว่รักมาก นางย่อมไม่ยินยอมให้เจินเอ๋อร์แต่งงานไป

ทุกคนรู้ดีว่าหญิงสาวที่แต่งงานไป หวังเพียงแค่ให้สามีรัก หากสามีมีคนอื่นในใจ อาศัยแค่ความรักจากแม่สามีจะมีประโยชน์อันใด?

ฮูหยินผู้เฒ่าหลินอายุมากแล้ว อีกทั้งสุขภาพก็ไม่ดี ใครจะรู้ว่านางจะอยู่ได้อีกกี่ปี? ยิ่งหากฉินซวงซวงมีลูก ฮูหยินผู้เฒ่าหลินจะยังคงไม่เปลี่ยนใจหรือ?

“เช่นนั้นแล้ว หลินโหวคิดว่าความผิดอยู่ที่ว่าท่านไม่ได้บอกข้าล่วงหน้าเท่านั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าท่านไม่ควรแต่งงานกับแม่นางฉินตั้งแต่แรก?” หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยท่าทีเย็นชา “บุตรสาวตระกูลซ่งของข้าจะต้องเป็นฮูหยินเอกแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ยอมรับภรรยาที่ตำแหน่งเท่ากันเด็ดขาด!”

“จะเป็นไปได้อย่างไร?” หลินจือเยว่ตอบกลับโดยทันทีและกำลังจะพูดต่อ แต่ถูกสายตาของหลินรั่วหลานหยุดไว้

“เรื่องในวันนี้เป็นความไม่รอบคอบของพวกเราเอง เจินเอ๋อร์ หากเจ้าไม่ชอบ เช่นนั้นให้ฉินซวงซวงเป็นฮูหยินรองดีหรือไม่? เจ้าจะเป็นฮูหยินเอกและนางเป็นฮูหยินรอง ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไม่สามารถกดข่มเจ้าได้”

ในสายตาของหลินรั่วหลานมีแต่ความรักและเมตตา “เจ้าก็รู้ว่าวันนี้เกิดเรื่องราวใหญ่โต ถ้าปล่อยให้นางกลับไป เกรงว่าต่อไปไม่ว่าจะแต่งไปตระกูลไหนนางก็คงจะถูกคนเขารังเกียจ”

“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนใจดีและใจกว้าง ย่อมไม่อาจหักใจให้นางลำบาก รอให้นางเข้าเรือน ข้าจะให้นางอยู่ห่างจากเจ้า ไม่ให้นางมีโอกาสเกินหน้าเจ้าไปตลอดชีวิต ดีหรือไม่?”

ซ่งรั่วเจินเห็นว่าหลินรั่วหลานพูดจารอบคอบทุกคำ ดูราวกับกำลังปลอบประโลมนางอยู่ ทว่าแท้จริงแล้วกลับนึกถึงลูกชายของตนเป็นหลัก ไม่เพียงแต่จะให้ฉินซวงซวงเข้าเรือน แต่ยังให้นางทนความอึดอัดนี้อีกด้วย คำพูดทุกคำล้วนสวยงาม แต่การกระทำไม่ใช่เลย!

“หลินโหวก็คิดเช่นนี้ด้วยหรือเจ้าคะ?” ซ่งรั่วเจินถาม

เทียบกับหลินรั่วหลานที่เหมือนจิ้งจอกเฒ่าแล้ว หลินจือเยว่ยังรับมือได้ง่ายกว่า

และไม่ผิดหวังจริง ๆ หลินจือเยว่พูดด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ “หากเจ้ายอมอยู่ร่วมกับซวงซวงอย่างสงบสุข ไม่ต่อต้านนาง ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าลำบาก”

“เช่นนั้นหากข้าเข้าจวนหลินโหว ข้าต้องเอาใจนางตลอดเวลา ถึงจะทำให้หลินโหวไม่ทำให้ข้าลำบากหรือ?” ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “บุญคุณเช่นนี้ ข้าคงไม่มีวาสนาพอที่จะรับไว้ เช่นนั้นก็ช่างเถิดเจ้าค่ะ”

“โหวอย่างข้ายอมถอยแล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีก? ข้าจะแต่งงานกับซวงซวงอย่างแน่นอน เจ้าอย่าได้ทำเกินไปนัก!”

ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้น “หลินโหวโปรดอย่ามีโทสะ ข้าเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แม้นางจะปฏิเสธท่านไปเมื่อสองปีที่แล้วเพราะนางชอบองค์ชายสาม แต่ตอนนี้นางกลับใจมาหาท่านดั่งที่วาดหวังไว้ ข้าก็ยินดีกับท่านเช่นกันเจ้าค่ะ”

“ในเมื่อเป็นคนที่ท่านรัก จะทำให้นางลำบากได้อย่างไร? แน่นอนต้องยกให้นางเป็นฮูหยินเอก ข้ารู้ว่าหลินโหวทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใส และฮูหยินผู้เฒ่าก็เห็นว่าข้าเป็นลูกสาวแท้ ๆ ย่อมไม่ต้องการให้ข้าเสียหาย”

“หวังแค่จวนหลินโหวจะคืนเงินให้ข้าสำหรับการเสียสละตลอดสองปีนี้ แยกจากกันโดยดี แล้วข้าจะไม่กล่าวโทษแม้แต่คำเดียว”

ทันทีที่นางพูดออกมา หลินรั่วหลานและหลินจือเยว่ถึงกับตะลึงงัน

จุดประสงค์ของพวกเขาในคืนนี้คือให้ซ่งรั่วเจินเปลี่ยนใจ แล้วคืนข้าวของที่ย้ายออกจากจวนหลินโหวในวันนี้ และเพิ่มข้าวของกลับไปอีกสักหน่อย แต่ทำไมจู่ ๆ กลับเป็นหนี้เพิ่มขึ้นมาอีก?

การเสียสละของซ่งรั่วเจินตลอดสองปี หากแปลงเป็นเงินก็ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย!

“เจินเอ๋อร์พูดถูก ในเมื่อหลินโหวเจอคู่ครองที่ดี พวกเราก็ขอแสดงความยินดี เชื่อว่าหลินโหวผู้ที่ได้รับการยกย่องในราชสำนักย่อมไม่ใช่คนขาดจิตสำนึก คืนเงินมาแล้วก็ต่างคนต่างแยกย้ายโดยดีเถิด”

หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกสาวผู้อ่อนโยนของตนเหมือนเติบโตขึ้นภายในวันเดียว ไม่หวั่นไหวต่อแผนการของหลินรั่วหลาน แก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาดรวดเร็ว ขณะที่รู้สึกใจหายก็อดไม่ได้ที่จะปลาบปลื้มใจ

“ซ่งรั่วเจิน เจ้าแน่ใจแล้วนะว่าจะทำเช่นนี้? ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าอายุเกินยี่สิบปีแล้ว หากการแต่งงานนี้ล้มเลิกไป คิดอยากจะหาคนแต่งงานใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย!”

หลินจือเยว่ขมวดคิ้วแน่น เขายังไม่เชื่อว่าซ่งรั่วเจินจะยอมถอนหมั้นกับเขาจริง ๆ

“จริงแท้” ซ่งรั่วเจินตอบอย่างสบาย ๆ และหยิบสร้อยข้อมือที่ถอดมาจากข้อมือของซ่งอี้อันในวันนี้ส่งกลับไป “สร้อยข้อมือเส้นนี้ข้าขอคืนให้ท่าน รวมถึงสิ่งของที่ท่านเคยให้ข้ามา ประเดี๋ยวข้าจะให้คนส่งกลับไปยังจวนหลินโหว”

หลินจือเยว่จำสร้อยข้อมือในมือได้ว่าเป็นของที่ตนให้ซ่งอี้อัน เขาขมวดคิ้ว “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”

“เก็บไว้เถิดเจ้าค่ะ ข้าทำสิ่งใดมักเด็ดขาด ไม่ชอบทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ”

ซ่งรั่วเจินสังเกตปฏิกิริยาของหลินจือเยว่ เห็นว่าเขาเพียงแค่โกรธเท่านั้น ไม่ได้รู้ถึงความหมายของสร้อยข้อมือนี้ ก็ให้รู้สึกสงสัย หรือว่าจะเป็นความบังเอิญ? หรือบางที...สร้อยข้อมือนี้ไม่ใช่ของที่เขาเลือกเอง แต่เป็นของที่คนอื่นให้เขามา

“สร้อยข้อมือนี้น่าจะเป็นของที่แม่นางฉินเลือกกระมัง? นางช่างเก่งกาจโดยแท้ ไม่เพียงแต่รู้รสนิยมของหลินโหว ยังรู้ความชอบของพี่ชายข้าอีกด้วย”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status