Share

บทที่ 8

Author: จี้เวยเวย
last update Last Updated: 2024-08-06 14:21:53
สองปีก่อนเขาไม่อาจแต่งงานกับนางในดวงใจได้จึงรู้สึกหมดหวัง ตอนรู้ว่าผู้เป็นแม่ได้จัดการหมั้นหมายให้แล้ว เขาก็ตอบรับทั้ง ๆ ที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่แม้แต่จะชายตามองนางเลยสักนิด คิดเพียงว่าคุณหนูตระกูลใหญ่ส่วนมากจะหัวโบราณและขี้ขลาด ไม่เหมือนกับซวงซวงผู้น่ารักและมีเสน่ห์ดึงดูดใจ

ทว่าในขณะนี้เมื่อเขาเห็นซ่งรั่วเจิน ถึงได้รู้ว่านางนั้นงดงามน่ามองเพียงใด

ซ่งรั่วเจินเห็นหลินจือเยว่จ้องนางตาไม่กะพริบ ใจของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ มีเพียงความคิดเดียวในหัวคืออยากจะควักลูกตาของคนผู้นี้ออกมาเสีย

มองอะไร! อัปมงคลเสียจริง!

“แม่นางซ่ง เรื่องวันนี้เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ได้บอกเจ้าตั้งแต่แรก ข้าขอโทษ” หลินจือเยว่กล่าว

ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “หลินโหว ตอนขบวนเจ้าสาวของข้ากำลังจะเข้าเรือน ก็พึ่งได้รู้ว่ามีสตรีอีกนางจะแต่งเข้าพร้อมกับข้า วันนี้ท่านยังพูดต่อหน้าแขกมากมายอีกว่าในใจท่านมีเพียงแม่นางฉินเท่านั้น”

“ในเมื่อพวกท่านรักกัน ข้าก็ยินดีทำให้สมหวัง ไยต้องมาที่นี่อีก?”

เมื่อเห็นหญิงสาวพูดจาไม่น่าฟัง หลินจือเยว่ก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ เขายอมมาขอโทษด้วยตัวเองก็ถือว่าให้เกียรติตระกูลซ่งมากแล้ว ในเวลานี้ซ่งรั่วเจินยังไม่ยอมปล่อยวางอีก ไหนเลยจะมีความสง่างามของคุณหนูตระกูลใหญ่

“เจ้าพูดเช่นนี้ก็เพราะยังโกรธข้าอยู่ ข้ายอมรับว่าการที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าล่วงหน้าถือเป็นความผิดของข้าจริง ๆ แต่เจ้ากลับทำให้เรื่องนี้วุ่นวาย ทำลายงานมงคลนี้ ทำให้ข้ากลายเป็นตัวตลกของทั้งเมืองหลวง”

“จะว่าไปแล้ว เราสองคนก็ถือว่าเสมอกัน ตอนนี้เจ้าจะมาทำให้เรื่องใหญ่โตอีกทำไม?”

“การหมั้นของเราเกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน ข้าไม่คิดจะถอนหมั้น หากเจ้าใจกว้างรับซวงซวง ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบาก เจ้าก็ยังคงเป็นฮูหยินของข้า ไม่ดีหรือ?”

หลินจือเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ฮูหยินผู้เฒ่าหลินเห็นดังนั้นจึงตำหนิเขาเสียงดัง “พูดอะไรของเจ้า?”

“เจินเอ๋อร์ เจ้าอย่าไปถือสาเขาเลย เขาอยู่ในค่ายทหารมานานจึงพูดจาไม่น่าฟัง” หลินรั่วหลานยิ้ม “ข้ากับอดีตท่านโหวมีบุตรตอนอายุมากแล้ว จึงอดตามใจเขาไม่ได้ เขาไม่ใช่คนไม่ดีอะไรหรอกนะ”

หลินรั่วหลานก้าวไปข้างหน้า จับมือซ่งรั่วเจินก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น “เจินเอ๋อร์ ตลอดสองปีนี้ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของข้า เจ้าก็รู้ดี”

“เจ้าไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของเจ้าในจวนหลินโหวได้ และข้าจะไม่ยอมให้ใครรังแกเจ้าเด็ดขาด!”

หลิ่วหรูเยียนมองดูการแสดงตรงหน้า หากไม่ได้ฟังเจินเอ๋อร์บอกความจริงทั้งหมด นางก็อาจจะเชื่อ ทว่านางรู้แล้วว่าฉินซวงซวงเป็นคนที่หลินจือเยว่รักมาก นางย่อมไม่ยินยอมให้เจินเอ๋อร์แต่งงานไป

ทุกคนรู้ดีว่าหญิงสาวที่แต่งงานไป หวังเพียงแค่ให้สามีรัก หากสามีมีคนอื่นในใจ อาศัยแค่ความรักจากแม่สามีจะมีประโยชน์อันใด?

ฮูหยินผู้เฒ่าหลินอายุมากแล้ว อีกทั้งสุขภาพก็ไม่ดี ใครจะรู้ว่านางจะอยู่ได้อีกกี่ปี? ยิ่งหากฉินซวงซวงมีลูก ฮูหยินผู้เฒ่าหลินจะยังคงไม่เปลี่ยนใจหรือ?

“เช่นนั้นแล้ว หลินโหวคิดว่าความผิดอยู่ที่ว่าท่านไม่ได้บอกข้าล่วงหน้าเท่านั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าท่านไม่ควรแต่งงานกับแม่นางฉินตั้งแต่แรก?” หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยท่าทีเย็นชา “บุตรสาวตระกูลซ่งของข้าจะต้องเป็นฮูหยินเอกแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ยอมรับภรรยาที่ตำแหน่งเท่ากันเด็ดขาด!”

“จะเป็นไปได้อย่างไร?” หลินจือเยว่ตอบกลับโดยทันทีและกำลังจะพูดต่อ แต่ถูกสายตาของหลินรั่วหลานหยุดไว้

“เรื่องในวันนี้เป็นความไม่รอบคอบของพวกเราเอง เจินเอ๋อร์ หากเจ้าไม่ชอบ เช่นนั้นให้ฉินซวงซวงเป็นฮูหยินรองดีหรือไม่? เจ้าจะเป็นฮูหยินเอกและนางเป็นฮูหยินรอง ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไม่สามารถกดข่มเจ้าได้”

ในสายตาของหลินรั่วหลานมีแต่ความรักและเมตตา “เจ้าก็รู้ว่าวันนี้เกิดเรื่องราวใหญ่โต ถ้าปล่อยให้นางกลับไป เกรงว่าต่อไปไม่ว่าจะแต่งไปตระกูลไหนนางก็คงจะถูกคนเขารังเกียจ”

“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนใจดีและใจกว้าง ย่อมไม่อาจหักใจให้นางลำบาก รอให้นางเข้าเรือน ข้าจะให้นางอยู่ห่างจากเจ้า ไม่ให้นางมีโอกาสเกินหน้าเจ้าไปตลอดชีวิต ดีหรือไม่?”

ซ่งรั่วเจินเห็นว่าหลินรั่วหลานพูดจารอบคอบทุกคำ ดูราวกับกำลังปลอบประโลมนางอยู่ ทว่าแท้จริงแล้วกลับนึกถึงลูกชายของตนเป็นหลัก ไม่เพียงแต่จะให้ฉินซวงซวงเข้าเรือน แต่ยังให้นางทนความอึดอัดนี้อีกด้วย คำพูดทุกคำล้วนสวยงาม แต่การกระทำไม่ใช่เลย!

“หลินโหวก็คิดเช่นนี้ด้วยหรือเจ้าคะ?” ซ่งรั่วเจินถาม

เทียบกับหลินรั่วหลานที่เหมือนจิ้งจอกเฒ่าแล้ว หลินจือเยว่ยังรับมือได้ง่ายกว่า

และไม่ผิดหวังจริง ๆ หลินจือเยว่พูดด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ “หากเจ้ายอมอยู่ร่วมกับซวงซวงอย่างสงบสุข ไม่ต่อต้านนาง ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าลำบาก”

“เช่นนั้นหากข้าเข้าจวนหลินโหว ข้าต้องเอาใจนางตลอดเวลา ถึงจะทำให้หลินโหวไม่ทำให้ข้าลำบากหรือ?” ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “บุญคุณเช่นนี้ ข้าคงไม่มีวาสนาพอที่จะรับไว้ เช่นนั้นก็ช่างเถิดเจ้าค่ะ”

“โหวอย่างข้ายอมถอยแล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีก? ข้าจะแต่งงานกับซวงซวงอย่างแน่นอน เจ้าอย่าได้ทำเกินไปนัก!”

ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้น “หลินโหวโปรดอย่ามีโทสะ ข้าเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แม้นางจะปฏิเสธท่านไปเมื่อสองปีที่แล้วเพราะนางชอบองค์ชายสาม แต่ตอนนี้นางกลับใจมาหาท่านดั่งที่วาดหวังไว้ ข้าก็ยินดีกับท่านเช่นกันเจ้าค่ะ”

“ในเมื่อเป็นคนที่ท่านรัก จะทำให้นางลำบากได้อย่างไร? แน่นอนต้องยกให้นางเป็นฮูหยินเอก ข้ารู้ว่าหลินโหวทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใส และฮูหยินผู้เฒ่าก็เห็นว่าข้าเป็นลูกสาวแท้ ๆ ย่อมไม่ต้องการให้ข้าเสียหาย”

“หวังแค่จวนหลินโหวจะคืนเงินให้ข้าสำหรับการเสียสละตลอดสองปีนี้ แยกจากกันโดยดี แล้วข้าจะไม่กล่าวโทษแม้แต่คำเดียว”

ทันทีที่นางพูดออกมา หลินรั่วหลานและหลินจือเยว่ถึงกับตะลึงงัน

จุดประสงค์ของพวกเขาในคืนนี้คือให้ซ่งรั่วเจินเปลี่ยนใจ แล้วคืนข้าวของที่ย้ายออกจากจวนหลินโหวในวันนี้ และเพิ่มข้าวของกลับไปอีกสักหน่อย แต่ทำไมจู่ ๆ กลับเป็นหนี้เพิ่มขึ้นมาอีก?

การเสียสละของซ่งรั่วเจินตลอดสองปี หากแปลงเป็นเงินก็ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย!

“เจินเอ๋อร์พูดถูก ในเมื่อหลินโหวเจอคู่ครองที่ดี พวกเราก็ขอแสดงความยินดี เชื่อว่าหลินโหวผู้ที่ได้รับการยกย่องในราชสำนักย่อมไม่ใช่คนขาดจิตสำนึก คืนเงินมาแล้วก็ต่างคนต่างแยกย้ายโดยดีเถิด”

หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกสาวผู้อ่อนโยนของตนเหมือนเติบโตขึ้นภายในวันเดียว ไม่หวั่นไหวต่อแผนการของหลินรั่วหลาน แก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาดรวดเร็ว ขณะที่รู้สึกใจหายก็อดไม่ได้ที่จะปลาบปลื้มใจ

“ซ่งรั่วเจิน เจ้าแน่ใจแล้วนะว่าจะทำเช่นนี้? ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าอายุเกินยี่สิบปีแล้ว หากการแต่งงานนี้ล้มเลิกไป คิดอยากจะหาคนแต่งงานใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย!”

หลินจือเยว่ขมวดคิ้วแน่น เขายังไม่เชื่อว่าซ่งรั่วเจินจะยอมถอนหมั้นกับเขาจริง ๆ

“จริงแท้” ซ่งรั่วเจินตอบอย่างสบาย ๆ และหยิบสร้อยข้อมือที่ถอดมาจากข้อมือของซ่งอี้อันในวันนี้ส่งกลับไป “สร้อยข้อมือเส้นนี้ข้าขอคืนให้ท่าน รวมถึงสิ่งของที่ท่านเคยให้ข้ามา ประเดี๋ยวข้าจะให้คนส่งกลับไปยังจวนหลินโหว”

หลินจือเยว่จำสร้อยข้อมือในมือได้ว่าเป็นของที่ตนให้ซ่งอี้อัน เขาขมวดคิ้ว “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”

“เก็บไว้เถิดเจ้าค่ะ ข้าทำสิ่งใดมักเด็ดขาด ไม่ชอบทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ”

ซ่งรั่วเจินสังเกตปฏิกิริยาของหลินจือเยว่ เห็นว่าเขาเพียงแค่โกรธเท่านั้น ไม่ได้รู้ถึงความหมายของสร้อยข้อมือนี้ ก็ให้รู้สึกสงสัย หรือว่าจะเป็นความบังเอิญ? หรือบางที...สร้อยข้อมือนี้ไม่ใช่ของที่เขาเลือกเอง แต่เป็นของที่คนอื่นให้เขามา

“สร้อยข้อมือนี้น่าจะเป็นของที่แม่นางฉินเลือกกระมัง? นางช่างเก่งกาจโดยแท้ ไม่เพียงแต่รู้รสนิยมของหลินโหว ยังรู้ความชอบของพี่ชายข้าอีกด้วย”
Comments (1)
goodnovel comment avatar
김나다
แม่ก็เข้มแข็งหน่อย เป็นภรรยาท่านแม่ทัพ อ่อนแอร์จริง
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 9

    “นางย่อมเป็นคนใจดีและใจกว้าง นางเป็นคุณหนูตระกูลฉิน ฐานะไม่ต่ำกว่าเจ้า แต่เพราะข้ายอมรับเจ้า เจ้ากลับมีจิตใจคับแคบ เทียบกับนางไม่ได้เลยแม้แต่น้อย และไม่มีวาสนาพอรับน้ำใจของนางได้!”หลินจือเยว่คว้าสร้อยข้อมือไปและสวมไว้ที่ข้อมือตนเองซ่งรั่วเจินยกคิ้วขึ้น คดีไขได้แล้ว เป็นฉินซวงซวงจริง ๆ ด้วย!“ฮูหยินซ่ง เรื่องนี้ต้องคิดให้รอบคอบ!”หลินรั่วหลานร้อนใจมาก สองปีนี้นางนำเงินของตระกูลซ่งไปใช้ชีวิตอย่างสบาย ออกไปที่ใดก็มีแต่คนอิจฉา นางใช้ชีวิตกินดีอยู่สบายจนเคยชินแล้ว ไหนเลยจะยอมกลับไปใช้ชีวิตลำบากแบบเดิมได้?หากซ่งรั่วเจินไม่แต่งงานเข้ามา จวนหลินโหวก็จะว่างเปล่า อย่าว่าแต่ชีวิตที่กินดีอยู่สบายเลย เงินที่มีก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง แม้แต่เงินที่จะจ่ายให้คนรับใช้ก็ไม่มี“ความสัมพันธ์ของสองตระกูลดีเพียงนี้ จะขาดสะบั้นเพราะเรื่องเล็กน้อยนี้ได้อย่างไร? เยว่เอ๋อร์ยังหนุ่ม เพียงแค่หลงผิดไป รอให้เวลาผันผ่านย่อมรู้ว่ารั่วเจินต่างหากที่เป็นคู่ครองที่ดี”หลิ่วหรูเยียนปัดมือของหลินรั่วหลานออก “ไม่จำเป็น ลูกสาวของข้าไม่จำเป็นต้องอดทนรอให้ใครกลับใจ การหมั้นหมายล้มเลิกแต่เพียงเท่านี้ เราทั้งสองต่างก็เป็นค

    Last Updated : 2024-08-06
  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 10

    เฉินเซียงตกตะลึง “คุณหนู นี่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือไม่เจ้าคะ?”“เจ้าดูสิ ชุดที่นางใส่อยู่เป็นผ้าแบบเดียวกับคนใช้ของฉินซวงซวง คนรู้ก็รู้ว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของข้า แต่คนไม่รู้คงคิดว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของนาง!”ซ่งรั่วเจินมองด้วยสายตาเย็นชา ตอนที่อ่านนิยายนางก็รู้เรื่องนี้แล้ว เหตุผลที่ฉินซวงซวงรู้เรื่องของตัวเอกคนเดิมได้ดี เพราะนางได้วางคนเอาไว้ใกล้ตัวนางเอกมานานแล้วเมื่อคิดดูอย่างละเอียด เพ่ยหลานก็คือสาวใช้ที่ ‘ท่านน้าคนดี’ ของนางเลือกมาให้โดยเฉพาะนอกจากนี้ ตั้งแต่ที่นางทะลุมิติมา ก็ได้ตรวจร่างกายอย่างละเอียด พบว่าสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาใด ๆ แต่ตัวเอกหลังจากแต่งงานกับหลินโหวเพียงสองปีก็เสียชีวิตก่อนหน้านี้ที่อ่านนิยายนางไม่ได้คิดเรื่องนี้ เพียงคิดว่าไม่ได้รับความรักจากสามี และทำงานหนักเพื่อจวนหลินโหวจนป่วย แต่ตอนนี้พอคิดถึงวิธีการที่โหดร้ายและเพ่ยหลานที่อยู่ข้างกาย เกรงว่าอาจมีสาเหตุการตายที่น่าสงสัยกว่านั้น มิใช่เพราะร่างกายอ่อนแอ แต่เพราะมีคนไม่อยากให้นางมีชีวิตอยู่ต่างหาก!คนชั่วช้าเช่นนี้ต้องรีบจัดการออกไปโดยเร็ว!“พวกเจ้า นำตัวเพ่ยหลานไปตระกูลหลิ่ว!” ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้น

    Last Updated : 2024-08-06
  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 11

    “ที่ท่านน้าพูด หมายความว่าสิ่งที่ข้าทำที่จวนตระกูลซ่งวันนี้เป็นเรื่องเสื่อมเสียหรือเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินมองหลิ่วเฟยเยี่ยนตรงหน้าอย่างประเมิน ท่อนบนสวมเสื้อคลุมชวีจวี [1] ตัวยาวสีเขียวน้ำทะเลปักลายโบตั๋น ท่อนล่างคือกระโปรงเนื้อบางสีเหลืองปักลายโบตั๋น ทรงผมที่จัดแต่งอย่างประณีตนั้นประดับด้วยปิ่นปักผมลวดลายโบตั๋น สร้อยมุกโมราตรงลำคอยิ่งวาววับจับตา การแต่งตัวยังหรูหรากว่ามารดาของนางเสียอีกแต่ถึงแม้หลิ่วเฟยเยี่ยนกับหลิ่วหรูเยียนจะเป็นพี่น้องแท้ๆ กัน รูปโฉมของนางกลับด้อยกว่าหลิ่วหรูเยียนชนิดทิ้งห่างกันไกลถึงตอนนี้จะสวมเครื่องประดับเต็มยศ แต่เมื่อมานั่งอยู่ข้างกายหลิ่วหรูเยียนผู้อ่อนโยนที่แต่งกายเรียบง่ายก็ยังคงเทียบไม่ติด กลับดูพะรุงพะรัง แต่งเยอะเกินงาม“รั่วเจิน น้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่เจ้าอายุเกินยี่สิบปีแล้ว เลือกคู่ครองดีๆ ไม่ได้แล้ว มิหนำซ้ำหลินโหวกำลังรุ่งโรจน์ ก่อเรื่องเช่นนี้แล้วผู้ใดจะกล้าเสี่ยงล่วงเกินหลินโหวมาสู่ขอเจ้า?”หลิ่วเฟยเยี่ยนเอ่ยราวกับปรารถนาดี หากมิใช่เพราะซ่งรั่วเจินรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของนางแล้ว มาได้ยินถ้อยคำเปี่ยมน้ำใสใจจริงเช่นนี้เกรงว่าคงหลงเชื่อว่านาง

    Last Updated : 2024-08-06
  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 12

    เฉินเซียงที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดคุณหนูของตนเองแล้วก็นึกขำอย่างอดไม่ได้ เมื่อวานเพ่ยหลานถูกมัดตัวส่งไปที่จวนตระกูลหลิ่วชัดๆ โดยส่งตรงถึงเรือนพักของพ่อบ้านหลิ่วเมื่อพ่อบ้านหลิ่วรู้ว่าเป็นเรื่องมงคลที่คุณหนูจัดแจงให้ก็หาได้ปฏิเสธ สานต่อเรื่องดีจนสำเร็จ พวกเขายังจดให้คนมาเฝ้าอยู่ข้างนอก ได้ยินว่าตอนแรกเพ่ยหลานไม่ยินยอม แต่ตอนหลังเสียงที่ดังออกมานั้นก็ฟังต่อไปไม่ไหวจริงๆจากคำบอกกล่าวของคนที่มารายงาน ตอนออกมาเช้าวันนี้เห็นภรรยาเอกของพ่อบ้านหลิ่วสีหน้าดำคล้ำนำคนบุกไปจัดการเพ่ยหลานอย่างเกรี้ยวกราด ได้ยินเสียงกรีดร้องน่าอนาถดังมาจากข้างหลัง รายละเอียดเป็นอย่างไรก็ไม่มีแก่ใจจะอยู่ฟังต่อไปแล้ว“นี่มันเหลวไหลชัดๆ รั่วเจิน ต่อให้งานวิวาห์ของเจ้ามีปัญหาก็ไม่ควรเอาไปลงกับคนรับใช้เช่นนี้! ดีชั่วอย่างไรเพ่ยหลานก็ติดตามเจ้ามาหลายปี เจ้าทำลายชีวิตนางเช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือ?”หลิ่วเฟยเยี่ยนพลันนึกโมโห เดิมเข้าใจว่าแค่ส่งคนกลับไป อย่างมากแค่รอให้ผ่านไปสักพักค่อยให้กลับมาก็ได้ แต่กลายเป็นว่าแต่งให้หลิ่วเหิงไปเสียแล้ว?หลิ่วเหิงไม่ได้เป็นแค่พ่อบ้าน เตียงของเขา คนแบบเพ่ยหลานสามารถปีนขึ้นไปได้เช่นนั้

    Last Updated : 2024-08-06
  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 13

    ซ่งรั่วเจินกินอาหารมื้อกลางวันเสร็จก็ไปที่จวนตระกูลหลิ่วมองเห็นผู้คนมากมายเข้าออกประตูจวนตระกูลหลิ่วมาแต่ไกล คนไปมาหาสู่มีจำนวนไม่น้อย เมื่อเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงชมเชยเซ็งแซ่“ไต้ซือเทียนสุ่ยมีวิชาแก่กล้าจริงๆ เจ้าจำหลานชายของตระกูลจ้าวที่หมู่นี้เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดได้หรือไม่ หาหมอมากมายล้วนไม่เห็นผล เห็นๆ อยู่ว่าสุขภาพย่ำแย่ลงทุกทีจนแทบจะไม่ไหวแล้ว พอไต้ซือเทียนสุ่ยลงมือเท่านั้นก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง!”“นั่นน่ะสิ หลานชายข้าพักนี้ค้าขายไม่ราบรื่น เกือบทำกิจการของตระกูลล้มละลายไปเสียแล้ว ตั้งแต่ไต้ซือเทียนสุ่ยอัญเชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภมาให้ ทุกวันนี้การค้าเจริญรุ่งเรือง ดีวันดีคืน!”“ตระกูลหลิ่วเองก็ไม่รู้ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนไปมากมายเท่าไหร่จึงสามารถเชิญไต้ซือเทียนสุ่ยมาได้ วันหน้าจะต้องได้ดิบได้ดีแน่”ได้ยินคำพูดแฝงความอิจฉาเหล่านั้น คิ้วใบหลิวของซ่งรั่วเจินก็เลิกขึ้นเล็กน้อย นางจะไปหยั่งเชิงไต้ซือเทียนสุ่ยผู้นี้ดูสักหน่อยว่ามีความสามารถจริงหรือไม่!เมื่อนางเข้าไปในจวนตระกูลหลิ่ว เห็นข้ารับใช้ในจวนกำลังจัดฮวงจุ้ยตามคำแนะนำของไต้ซือเทียนสุ่ย ก็แค่นหัวเราะในใจฮวงจุ้ยในจวนตระกูลหลิ่ว

    Last Updated : 2024-08-06
  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 14

    ไต้ซือเทียนสุ่ยมองซ่งรั่วเจินนิ่งๆ “แม่นางซ่ง หลายวันก่อนอาตมาไปดูฮวงจุ้ยที่จวนตระกูลซ่ง หมู่นี้จวนตระกูลซ่งเกิดเรื่องติดต่อกัน ใช่ว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าเลยเสียทีเดียว”“อ้อ? ไหนท่านลองพูดให้ฟังที ว่าเกี่ยวข้องกับข้าอย่างไรบ้าง?”ซ่งรั่วเจินยิ้มหยัน มองคนตรงหน้าด้วยความสงบเยือกเย็น นางอยากรู้นักว่าคนผู้นี้จะแต่งเรื่องอย่างไรออกมา!“ข้าเคยดูเวลาตกฟากของเจ้ามาก่อน เจ้าชะตาอาภัพมีดวงพิฆาต หลินโหวเป็นดาวนำโชคในชีวิตเจ้า มีเพียงต้องออกเรือนให้เขาจึงจะสามารถคลี่คลายได้”“เดิมทีหลินโหวไม่มีทางแต่งเจ้า หากไม่ใช่เพราะข้าใช้วิธีการบางอย่าง แม้แต่ภรรยาหลวงเจ้าก็คงไม่ได้เป็น วันนี้เจ้าอยากอยู่อย่างสงบก็มีแต่ต้องเดินทางนี้เท่านั้น มิเช่นนั้น ดวงพิฆาตของเจ้ายังจะทำให้คนอื่นเคราะห์ร้ายไปด้วย”ได้ยินเช่นนั้น คนที่เดินตามไต้ซือเทียนสุ่ยออกมาล้วนเผยสีหน้าตื่นตกใจดวงพิฆาต นี่เป็นชะตาชีวิตที่ทุกคนหวาดกลัวที่สุด เดิมนึกว่าหลินโหวทอดทิ้งซ่งรั่วเจินเป็นการปฏิบัติต่อนางอย่างไม่เป็นธรรม แต่ดูจากตอนนี้ หลินโหวเป็นดาวช่วยชีวิตนาง นางกลับไม่รู้ดีชั่ว!“มิน่าเล่า หมู่นี้ตระกูลซ่งถึงได้เกิดเรื่องไม

    Last Updated : 2024-08-06
  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 15

    สิ้นเสียงซ่งรั่วเจิน ทุกคนก็ขมวดคิ้ว รู้สึกว่านางช่างก้าวร้าวเสียจริง ส่วนว่าของสกปรกดังกล่าวคืออะไรกลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อยแต่เมื่อไต้ซือเทียนสุ่ยได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนสี นางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?หรือนางจะเข้าใจฮวงจุ้ยจริงๆ? นั่นเป็นไปไม่ได้!ความคิดนั้นเพิ่งผุดขึ้นมา ไต้ซือเทียนสุ่ยก็ปัดทิ้งไปโดยไม่ลังเล ถ้ารู้จริงก็ควรค้นพบไปนานแล้ว จะเพิ่งมาคิดบัญชีเอาป่านนี้ได้อย่างไร?“เจ้าทำอะไรของเจ้า?”น้ำเสียงแฝงความไม่พอใจเสียงหนึ่งดังขึ้น หลังจากนั้นก็มีเสียงอ่อนหวานดังตามมาติดๆ“ท่านโหว ท่านอย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ เรื่องนี้อาจมีอะไรเข้าใจผิดกันก็เป็นได้”ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มของฉินซวงซวงฉายแววบริสุทธิ์ใจ สายตาที่มองมาทางซ่งรั่วเจินยังสะท้อนความไม่สบายใจอยู่ในนั้น “คิดว่าแม่นางซ่งคงรู้สึกไม่ดีจึงได้มาก่อเรื่องเช่นนี้ ท่านโหวอย่าถือสานางเลยนะเจ้าคะ”“ซ่งรั่วเจิน เมื่อวานข้าขอโทษเจ้าไปแล้ว เป็นเจ้าที่ไม่อยากแต่งกับข้า ไฉนตอนนี้ยังมาให้ร้ายซวงซวงอีก?”ซ่งรั่วเจินกวาดสายตาไปมองก็สบเข้ากับแววตาคาดคั้นของหลินจือเยว่ “ข้าประลองกับไต้ซือเทียนสุ่ยเกี่ยวอันใดกับฉินซวงซวง? หลินโหว สม

    Last Updated : 2024-08-06
  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 16

    ไต้ซือเทียนสุ่ยรับคำสั่งจากฉินซวงซวง สายตาที่ทอดมองซ่งรั่วเจินเองก็เจือไอเย็น สตรีผู้นี้บังอาจมาทำลายช่องทางทำมาหากินของเขา เขาจะจัดการให้หนักเลยทีเดียว!ครู่ถัดมา เขามองผีน้อยที่ตนเลี้ยงอย่างลำพองใจ เขาต้องเสียแรงไปมากถึงจะเลี้ยงออกมาได้ ยังได้รับคำชี้แนะจากผู้มีวิชาจึงมีความสามารถเช่นนี้สายตาซ่งรั่วเจินเองก็ตกลงบนตัวผีน้อย ผีน้อยตัวนี้อายุราวหกถึงเจ็ดขวบเท่านั้น เพราะถูกเลี้ยงดูอย่างดี รูปร่างกลับไม่น่ากลัว เพียงแต่กลิ่นอายชั่วร้ายยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าคือวิญญาณอาฆาตตนหนึ่งตายอย่างไม่เป็นธรรม จึงสั่งสมไอแค้นไว้มากในฐานะคนของสำนักวิชาเต๋า เผชิญหน้ากับวิญญาณอาฆาตเช่นนี้สมควรหาวิธีกำจัดความอาฆาตพยาบาท ช่วยเหลือเขาให้ไปเกิดใหม่ในเร็ววันไต้ซือเทียนสุ่ยผู้นี้ ใช้ประโยชน์จากความอาฆาตพยาบาทเล็กน้อยนี้ ทำให้กลายเป็นกลวิธีหาเงิน“ไต้ซือเทียนสุ่ย ชาตินี้ข้ายังมีหวังจะหาตัวลูกสาวของข้าพบอีกหรือไม่?” สวีฮูหยินเอ่ยถามอย่างร้อนใจไต้ซือเทียนสุ่ยแสร้งหยิบกระดองเต่าออกมา ใส่แผ่นเหล็กสองชิ้นเข้าไปภายใน ปากบ่นงึมงำสวดคาถาขึ้นมาสกุลสวีตามหาลูกสาวคนนี้มานานนับสิบกว่าปีแล้ว ก

    Last Updated : 2024-08-06

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 472

    ตั้งแต่ซ่งจิ่งเซินกลับมา เขาก็ได้รับรู้ว่าหลินจือเยว่ทอดทิ้งน้องสาวของตนไปเพราะฉินซวงซวง ในใจก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขุ่นเคืองเพียงใดเดิมทีคิดจะหาโอกาสสั่งสอนหลินจือเยว่เสียบ้าง ต่อมาได้รู้ว่าพวกน้องสามได้จัดการกันไปแล้ว จนบัดนี้แม้แต่ที่ให้ซุกหัวนอนก็ยังไม่มีจะอยู่หากเป็นคนทั่วไปแล้วเล่าก็ ใครยังจะมีแก่ใจมาพลอดรักกันอวดผู้คนให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ โชคยังดีที่น้องหญิงห้ายังไม่ทันได้แต่งออกไปกับคนเช่นนั้น!“หน้าของฉินซวงซวงนี่ก็ช่างหนายากจะหาผู้ใดเทียมเทียบจริงเชียว!”เมิ่งชิ่นหรี่เดินตาหยีด้วยแขยงสายตามาอยู่ข้างกายซ่งรั่วเจิน “ตั้งแต่นางมาวันนี้ก็ทำเอาผู้คนไม่น้อยเกิดไม่พอใจ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจสักนิด ซ้ำยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอยู่ได้”“ข้าว่าหลินจือเยว่ยิ้มได้มิน่าดูเสียยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นางราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ข้าว่าอย่างไรพวกเขาคงไปกันได้ไม่นานนักหรอก”ซ่งรั่วเจินมองเมิ่งชิ่นที่ยู่ตรงหน้าพลางยิ้มบาง “ยันต์คุ้มกายที่ข้าให้ไปใช้ได้ผลดีหรือไม่?”“ได้ผลดียิ่งเลยล่ะ!” เมิ่งชิ่นจับมือซ่งรั่วเจินความตื้นเต้นในใจ หน่วยดวงตาเต็มด้วยความตื้นต้น “หากมิใช่เพราะเจ้า ต

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 471

    แม้จะกล่าวได้ว่าชื่อเสียงป่นปี้ไปแล้ว แต่ผู้คนต่างรู้ดีว่าอย่างไรนางก็เป็นเหยื่อ ไม่ได้ถึงขั้นที่ต้องถูกรังเกียจเดียดฉันท์ราวหนูโสโครกบนท้องถนนเฉกเช่นทุกวันนี้หลินจือเยว่เมื่อได้เห็นว่าซ่งจืออวี้เจ้าคนกำยำล่ำหนาผู้นั้นได้เป็นถึงราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสาม ก็อดพาลอิจฉาขึ้นมาไม่ได้อยากจะเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งนั้นไม่ได้ง่ายดาย และแม้จะได้เป็นจริงแล้วก็ต้องเริ่มจากการเป็นราชองครักษ์หลานหลิง ทว่าซ่งจืออวี้กลับข้ามขั้นขึ้นมาเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสามโดยตรงเลยเสียนี่ยิ่งไปกว่านั้น ในวันนี้เขาก็ยังมีความดีความชอบจากการช่วยชีพองค์ชายเอาไว้ องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเห็นในส่วนนี้ย่อมพิจารณาเลื่อนขั้นให้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความใส่ใจที่ฉู่จวินถิงมีต่อสกุลซ่งเขาแทบจะมั่นใจได้เลยว่า หนทางของซ่งจืออวี้ย่อมจะต้องราบรื่นไร้อุปสรรคขวากหนามใดขวางกั้น ทว่าวาสนาทั้งหมดทั้งมวลนี้เดิมทีควรจะเป็นของเขาต่างหากเล่า!“จือเยว่ ซ่งรั่วเจินแย่งชิงวาสนาของเราไปเช่นนี้แล้ว ท่านก็ควรจะรู้ได้แล้วว่านางเป็นคนเช่นไร!” ฉินซวงซวงกล่าวหลินจือเยว่ปรายตามองฉินซวงซวง ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยชอบพอนาง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 470

    “ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ? พี่น้องตระกูลซ่งไม่เพียงช่วยเหลือองค์ชายรอง แต่ยังช่วยองค์ชายใหญ่ไว้ด้วย?”ฉินซวงซวงจับมือเหอเซียงหนิงไว้ด้วยสีหน้าร้อนใจ ดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?ชาติที่แล้วคนถูกลอบสังหารคือองค์ชายรองชัดๆ นอกจากนี้ ข้อมูลที่สืบพบในตอนท้ายยังเผยว่าทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือองค์ชายใหญ่ เหตุใดชาตินี้จึงไม่เหมือนเดิมเล่า?ถ้าองค์ชายใหญ่ก็ถูกลอบโจมตีด้วย เช่นนั้นแล้วตัวการเบื้องหลังคือใครกันแน่?“ไม่ผิดแน่นอน ครู่ก่อนข้าเห็นกับตาว่าพี่น้องตระกูลซ่งพาองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองกลับมา ซ่งรั่วเจินกับฉู่อ๋องก็กลับมาพร้อมกัน”“หมอหลวงเข้าไปถวายการรักษาในทันที ต่อมายังมีข่าวออกมาว่า องค์ชายทั้งสองถูกลอบโจมตีในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องตระกูลซ่งจึงรักษาชีวิตไว้ได้”เหอเซียงหนิงมีสีหน้าย่ำแย่จนถึงที่สุด เดิมตั้งใจว่าจะใช้โอกาสวันนี้ทำให้ซ่งรั่วเจินพ่ายแพ้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกคนทั้งเมืองหลวงชิงชังรังเกียจเหมือนหนูข้างถนน ทำร้ายนางจนตกอยู่ในสภาพนี้ ซ่งรั่วเจินมีสิทธิ์อะไรถึงยังมีชีวิตดีๆ อยู่ได้?แต่...ยามนี้ตระกูลซ่งสร้างคว

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 469

    เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดบัญชี รออีกสักหน่อยค่อยไปพูดกับซ่งรั่วเจินให้รู้เรื่องก็ยังไม่สาย“อี้ชวน อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เกากุ้ยเฟยถามอย่างเป็นห่วงฉู่อี้ชวนแสดงคารวะก่อนกล่าวว่า “แม้ลูกจะได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”“เช่นนั้นก็ดี” เกากุ้ยเฟยถอนหายใจโล่งอก “เจ้ารีบไปพักผ่อนดีกว่า”ฮ่องเต้รับทราบอาการบาดเจ็บของฉู่อี้ชวนจากปากหมอหลวงแล้ว แม้ไม่ได้สาหัสเท่าฉู่เทียนเช่อ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง ยามนี้ยังมีสีหน้าซีดขาว แต่กลับไม่ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน เด็กคนนี้เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด“นั่งลงพักก่อนเถอะ”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”หลังจากฉู่อี้ชวนมาแล้ว มีเขาบอกเล่ารายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยตัวเอง บวกกับคำบอกเล่าของฉู่จวินถิงก็เป็นการยืนยันความดีความชอบของพี่น้องตระกูลซ่งในที่สุด“ครั้งนี้พวกเจ้าสี่พี่น้องช่วยเหลือองค์ชายทั้งสองเอาไว้ สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ อยากได้รางวัลแบบไหนก็บอกมาได้เลย!”ฮ่องเต้พอพระทัยสี่พี่น้องตระกูลซ่งยิ่งนัก ซ่งหลินข่าวคราวเงียบหาย ทุกคนล้วนยอมรับกันอย่างเงียบๆ ว่าเขาคงไม่

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 468

    “พวกเจ้าสี่คนบังเอิญผ่านไปบริเวณนั้นพอดี?”ฮ่องเต้กวาดสายตาผ่านพวกซ่งเยี่ยนโจวสี่พี่น้อง ดูเหมือนถามคำถามทั่วไป แต่กลับทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างมากซ่งเยี่ยนโจวกับซ่งอี้อันล้วนเคยเข้าเฝ้าฮ่องเต้มาก่อน แม้จะรู้สึกกดดันไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับแตกตื่น ซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินกลับรู้สึกว่าสายพระเนตรของฮ่องเต้มีแรงกดดันใหญ่หลวง ทำให้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง“พวกกระหม่อมสี่คนกำลังล่าสัตว์อยู่แถวนั้นพอดี น้องสามของกระหม่อมไปพบเข้าก่อน พวกกระหม่อมได้ยินเสียงน้องสามจึงรีบตามไปพ่ะย่ะค่ะ” ซ่งเยี่ยนโจวตอบอย่างไม่เย่อหยิ่งและไม่ต่ำต้อยฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ทอดพระเนตรซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ หน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียด แต่กลับมีลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงถึงจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินเกี่ยวกับพี่น้องฝาแฝดตระกูลซ่งคู่นี้ว่านิสัยต่างกันสุดขั้ว ด้วยเหตุนี้จึงสามารถระบุตัวซ่งจืออวี้ได้อย่างง่ายดาย“เราได้ยินว่ามีมือสังหารถึงแปดคน แต่เจ้าตัวคนเดียวก็กล้าบุกเข้าไป?”ซ่งจืออวี้ตอบด้วยท่าทางกริ่งเกรง “ฝ่าบาท ตอนนั้นกระหม่อมเห็นองค์ชายทั้งสองตกอยู่ในอันตรายจึงกระโจนเข้าไปโด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 467

    “ฝ่าบาท เจ้าโจรชั่วนี้ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้ายิ่งนัก ถึงกับกล้าลอบสังหารเช่ออ๋องในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ ดีที่อี้ชวนบังเอิญไปเจอเข้าพอดี หาไม่แล้วเกรงว่า...”ฮ่องเต้พยักหน้า “อี้ชวนเป็นเด็กจิตใจดี เรารู้มาตลอด”พวกซ่งรั่วเจินรออยู่นอกกระโจม สามารถได้ยินบทสนทนาที่ดังมาจากข้างในได้อย่างชัดเจน เหล่าพี่น้องสบตากัน อดนึกทอดถอนใจไม่ได้ อยู่ในราชวงศ์หากไม่มีสมองสักหน่อยคงจะไม่ได้จริงๆเกากุ้ยเฟยเอ่ยวาจาประโยคเดียวโดยไม่กระโตกกระตากก็เหมารวมความดีความชอบให้องค์ชายใหญ่ได้แล้ว ทั้งยังทำให้ฮ่องเต้จดจำความดีขององค์ชายใหญ่ไว้ได้ซ่งรั่วเจินเห็นอย่างนั้นก็รู้ว่าองค์ชายใหญ่รอดพ้นคราเคราะห์ครั้งนี้ไปได้แล้ว อย่างไรเสียตนเองก็ได้รับบาดเจ็บ ถึงสุดท้ายหลักฐานจะชี้ไปที่เขาก็ไม่มีน้ำหนัก แต่กลับทำให้คนมองว่ามีใครจงใจวางแผนใส่ร้ายเขามากกว่าส่วนฉู่จวินถิง นางกลับไม่กังวลใจเลยชายผู้นี้เก่งกาจมาแต่ไหนแต่ไร บัดนี้ทราบแผนการของนางแล้วก็คงเตรียมแผนรับมือไว้เป็นอย่างดีไม่ว่าอย่างไร สุดท้ายเรื่องนี้ก็ไม่มีทางพัวพันไปถึงเขา“จวินถิง เรื่องนี้ยกให้เจ้าไปสืบสวน จะต้องสืบสวนหาความจริงออกมาให้ได้!” ฮ่องเต้สั

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 466

    “ข้าไม่เห็นนางวางอุบายเจ้า เจ้าต่างหากที่หาเรื่องนางไปเสียทุกทาง!”ชั่วขณะนี้หลินจือเยว่ฟังไม่เข้าหูเลยสักนิด เรื่องที่ผ่านมาคอยวนเวียนอยู่ในหัวเขาไม่หยุด“ตอนแรกก็เป็นเจ้าที่หาเรื่องนางตลอด นางไม่เคยหาเรื่องเจ้าก่อนสักครั้ง หากไม่ใช่เพราะเจ้าคอยหาเรื่องนางครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้ก็คงไม่เป็นแบบนี้!”ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขามีลางสังหรณ์เหมือนว่าทุกอย่างไม่ควรเป็นเช่นนี้ตอนนี้เขาควรมีชีวิตที่ยอดเยี่ยม ได้รับคำยกย่องสรรเสริญในเมืองหลวง ทั้งยังร่ำรวยทรัพย์สิน จะสิ้นเนื้อประดาตัวเหมือนตอนนี้ได้อย่างไร?ทุกอย่างล้วนไม่ถูกต้อง!ฉินซวงซวงเป็นคนทำลายชีวิตอันดีงามของเขา!ฉินซวงซวงมองหลินจือเยว่ที่ราวกับเสียสติไปแล้ว ตอนแรกยังประหวั่นลนลาน หากต่อมาก็อดจะขุ่นเคืองไม่ได้“ท่านพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? ตอนแรกท่านพร่ำบอกว่าชอบข้าอยากแต่งงานกับข้า ข้าถึงได้ทิ้งทุกอย่างในครอบครัวมาหาท่าน”“ท่านบอกว่าจะยกตำแหน่งภรรยาเอกให้ข้า ไม่ปล่อยให้ข้าได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจ ดีชั่วอย่างไรข้าก็เป็นคุณหนูตระกูลฉิน ยังจะให้ข้าเป็นอนุภรรยาของท่านอย่างนั้นหรือ?”“ข้าจริงใจต่อท่าน ท่านเล่าคู่ควรกับข้างั้น

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 465

    เมื่อซ่งเยี่ยนโจวกับซ่งจืออวี้ลงมือโดยมีซ่งอี้อันกับซ่งจิ่งเซินคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ในไม่ช้าก็สังหารไปได้หลายคน ขณะเดียวกันก็เหลือผู้รอดชีวิตไว้สองคน มีสองคนที่หนีไปได้ฉู่เทียนเช่อถูกแทงที่อกหนึ่งกระบี่ เลือดไหลย้อมอาภรณ์ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวหมดสติล้มลงไปอาการของฉู่อี้ชวนดีกว่าบ้าง แต่ก็ได้แผลน้อยใหญ่มาไม่น้อย สีหน้าเผือดขาวในเวลาเดียวกันนั้น ซ่งรั่วเจินกับฉู่จวินถิงก็มาถึงบริเวณใกล้เคียงแล้วเมื่อมาเห็นภาพนี้ ทั้งคู่ก็ ‘ประหลาดใจ’ อย่างมากฉู่จวินถิงตามไปจับสองคนที่หนีไปได้อย่างรวดเร็ว ซ่งรั่วเจินส่งเชือกให้อย่างเอาใจใส่“ต้องเก็บคนเป็นๆ เอาไว้ กลับไปเค้นหาตัวการเบื้องหลัง”“เจ้าพูดถูก” ฉู่จวินถิงพยักหน้าอย่างเห็นพ้องคนทั้งสองคุมตัวมือสังหารเดินมาทางนี้ก็เห็นฉู่เทียนเช่อหมดสติ ฉู่อี้ชวนก็แลดูอ่อนแออย่างมาก“องค์ชายใหญ่ ท่านไม่เป็นไรกระมัง? พวกกระหม่อมจะส่งท่านกลับไปเดี๋ยวนี้” ซ่งเยี่ยนโจวกล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวลฉู่อี้ชวนมองสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยตรงหน้าก็ไม่รู้เลยว่าควรพูดอย่างไรดี แค้นใจนักที่ไม่สามารถจัดการพวกคนตรงหน้าหนักๆ สักยก!แล้วมองซ่งรั่วเจินกับน้องสามของตนเอง ทันใ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 464

    เหล่ามือสังหารอึ้งไปชั่วเวลาสั้นๆ ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว“รนหาที่ตายอีกคน งั้นก็จัดการไปด้วยกันนี่แหละ!”อาชาพันธุ์ดีถูกแทงบาดเจ็บจึงส่งเสียงร้องแหลมวิ่งเตลิดหนี ส่วนฉู่อี้ชวนก็ถูกบังคับให้ต้องกระโดดลงมาจากม้า ตกอยู่ในวงล้อมมือสังหารด้วยกันกับฉู่เทียนเช่อ“น้องรอง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” ฉู่อี้ชวนขมวดคิ้วมุ่น สายตาสำรวจไปรอบด้านไม่หยุด คิดว่าต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถออกไปจากที่นี่จะว่าไปก็ประหลาดนัก ทั่วเขตล่าสัตว์หลวงมีคนไม่น้อย แต่ระหว่างทางมาเขากลับพบว่าบริเวณนี้มีคนน้อยยิ่งนักยามนี้เกิดความวุ่นวายใหญ่โตแบบนี้ รอบด้านกลับไม่มีคนปรากฏตัว หากจะรอให้มีคนมาช่วยเหลือพวกเขา ความเป็นไปได้คงมีน้อยมากความสับสนวาบผ่านแววตาฉู่เทียนเช่อ สีหน้ายังคงตื่นตระหนกลนลานดุจเดิม“ข้าล่าสัตว์มาแถวนี้พอดีจึงถูกพวกเขาทำร้ายบาดเจ็บ เสด็จพี่ ท่านรีบหนีไปเถอะ ครั้งนี้เป้าหมายของพวกเขาคือข้า!”ฉู่อี้ชวนนึกทอดถอนใจ สถานการณ์ตอนนี้เขาไม่อยากหนีเสียที่ไหน แต่เป็นเพราะหนีไม่พ้นต่างหากเล่า!“ยันไว้ได้เท่าไรก็เท่านั้น รอจนสบโอกาสค่อยหาทางหนีออกไป”“เคร้ง ๆ ๆ!”เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้น เหล่ามือสังหารล

DMCA.com Protection Status