Share

บทที่ 10

Penulis: จี้เวยเวย
เฉินเซียงตกตะลึง “คุณหนู นี่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือไม่เจ้าคะ?”

“เจ้าดูสิ ชุดที่นางใส่อยู่เป็นผ้าแบบเดียวกับคนใช้ของฉินซวงซวง คนรู้ก็รู้ว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของข้า แต่คนไม่รู้คงคิดว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของนาง!”

ซ่งรั่วเจินมองด้วยสายตาเย็นชา ตอนที่อ่านนิยายนางก็รู้เรื่องนี้แล้ว เหตุผลที่ฉินซวงซวงรู้เรื่องของตัวเอกคนเดิมได้ดี เพราะนางได้วางคนเอาไว้ใกล้ตัวนางเอกมานานแล้ว

เมื่อคิดดูอย่างละเอียด เพ่ยหลานก็คือสาวใช้ที่ ‘ท่านน้าคนดี’ ของนางเลือกมาให้โดยเฉพาะ

นอกจากนี้ ตั้งแต่ที่นางทะลุมิติมา ก็ได้ตรวจร่างกายอย่างละเอียด พบว่าสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาใด ๆ แต่ตัวเอกหลังจากแต่งงานกับหลินโหวเพียงสองปีก็เสียชีวิต

ก่อนหน้านี้ที่อ่านนิยายนางไม่ได้คิดเรื่องนี้ เพียงคิดว่าไม่ได้รับความรักจากสามี และทำงานหนักเพื่อจวนหลินโหวจนป่วย แต่ตอนนี้พอคิดถึงวิธีการที่โหดร้ายและเพ่ยหลานที่อยู่ข้างกาย เกรงว่าอาจมีสาเหตุการตายที่น่าสงสัยกว่านั้น มิใช่เพราะร่างกายอ่อนแอ แต่เพราะมีคนไม่อยากให้นางมีชีวิตอยู่ต่างหาก!

คนชั่วช้าเช่นนี้ต้องรีบจัดการออกไปโดยเร็ว!

“พวกเจ้า นำตัวเพ่ยหลานไปตระกูลหลิ่ว!” ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้นสั่งให้คนมาปิดปากเพ่ยหลานแล้วส่งตัวออกไป

“คุณหนูเจ้าคะ เพ่ยหลานถูกฉินซวงซวงซื้อตัวไปแล้วจริงหรือ? ฉินซวงซวงเพิ่งกลับมามิใช่หรือเจ้าคะ? นางจะซื้อตัวเพ่ยหลานได้อย่างไร?”

ดวงตาของเฉินเซียงเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ แต่เมื่อคิดอย่างละเอียดก็รู้สึกหวาดกลัว ฉินซวงซวงที่ดูอ่อนแอกลับมีวิธีการที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างไร?

“เจ้าคิดว่าข้าพูดเหลวไหลหรือ?” ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ แล้วถามกลับ นางรู้ว่าเฉินเซียงภักดีต่อตัวเอกคนเดิม น่าเสียดายที่สุดท้ายก็ไม่ได้มีจุดจบที่ดี กลับเป็นเพ่ยหลานที่กลายเป็นคนของฉินซวงซวงเต็มตัวและมีชีวิตสุขสบาย

เฉินเซียงส่ายหน้า เอ่ยอย่างโกรธจัด “บ่าวก็คิดว่าวันนี้นางพูดจาน่ารำคาญ ปากก็ช่วยพูดแทนจวนหลินโหว แต่บ่าวไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าถ้าถูกฉินซวงซวงซื้อตัวไปแล้ว เช่นนั้นมิใช่ว่าควรหาวิธีหยุดยั้งไม่ให้คุณหนูแต่งงานไปมิใช่หรือเจ้าคะ?”

“เหตุใดพอตอนนี้ไม่แต่งไป พวกเขากลับร้อนใจ?”

“เพราะพวกเขาเสียดายเงินของตระกูลซ่ง เจ้าก็เห็นสภาพจวนหลินโหวในยามนี้ บัญชีแทบไม่มีเงินเลย แม้ฉินซวงซวงจะเป็นคุณหนูตระกูลฉิน แต่ฮูหยินฉินเป็นภรรยาคนใหม่ นางไม่ได้รับการยกย่องในตระกูลมากนัก”

“ตอนนี้นางแต่งงานกับหลินโหว สินสอดย่อมไม่มาก หลินจือเยว่ยังประกาศต่อหน้าขุนนางทั้งหมดว่าจะรับใช้ราชสำนัก ไม่ยอมรับทองคำและสมบัติล้ำค่าที่ฮ่องเต้พระราชทาน ทำให้ได้ชื่อเสียงที่ดีว่าเป็นคนสุจริต”

“ชื่อเสียงภายนอกฟังดูดี แต่การจะใช้ชีวิตก็ต้องใช้เงินไปทุกที่ จึงวางแผนไว้ที่ข้า คิดว่าข้าจะทนยอมรับการเสียเปรียบนี้อย่างบื้อใบ้”

เมื่อซ่งรั่วเจินเล่าความจริงออกมา เฉินเซียงก็รู้สึกขนลุกไปทั่วร่าง “คุณหนู โชคดีที่คุณหนูไม่ได้แต่งออกไป หลินโหวช่างกินคนไม่เหลือกระดูกจริง ๆ ! เขาไร้ยางอายถึงเพียงนี้ วันนี้ยังมีท่าทางหยิ่งยโสเช่นนั้นอีก คนเช่นนี้คู่ควรต่อการเป็นขุนนางคนสำคัญในราชสำนักหรือ?”

“ไม่ต้องกังวล ข้าก็ยังไม่ได้แต่งออกไปนี่” ซ่งรั่วเจินตบไหล่เฉินเซียง พลางยิ้มบาง ๆ

“คุณหนู เพ่ยหลานทำเรื่องทรยศลืมบุญคุณเช่นนี้ การส่งนางไปแต่งงานเช่นนี้ไม่ง่ายไปหรือเจ้าคะ?” เฉินเซียงยังไม่สามารถยอมรับได้ พวกนางเติบโตมากับคุณหนูตั้งแต่เล็ก ไยจึงทรยศคุณหนูเพียงเพราะเงินแค่เล็กน้อยได้เล่า?

“ในเมื่อนางถูกซื้อตัวไปแล้ว ต่อให้ทุบตีและขายนางออกไปก็จะถูกตระกูลหลิ่วหรือฉินซวงซวงซื้อตัวกลับไป ถึงตอนนั้นข้าก็จะถูกใส่ร้ายป้ายสีอีก เกรงว่าจะทำให้ชื่อเสียงที่ข้าเป็นคนขี้อิจฉาและใจแคบเป็นจริง”

“ตอนนี้ในจวนเรากำลังมีเรื่องมากมาย มีสายตาหลายคู่จับจ้อง ไม่สู้ส่งนางกลับไปตระกูลหลิ่วเสีย ภรรยาของพ่อบ้านหลิ่วไม่ใช่คนที่อยู่ด้วยง่าย ๆ พวกเราไม่ต้องลงมือเอง นางก็ต้องทนทุกข์ทรมานเป็นแน่”

ในดวงตาซ่งรั่วเจินมีประกายเย็นวาบ ท่านน้าส่งเพ่ยหลานมาอยู่ข้างกายนาง ตอนนี้นางก็ส่งคนกลับไปอย่างครบสามสิบสอง!

นอกจากนี้ พูดถึงพ่อบ้านหลิ่วผู้นี้ก็มีความน่าสนใจ คนอื่นอาจไม่รู้ แต่นางรู้ว่าเหตุผลที่เขาสามารถเป็นพ่อบ้านตระกูลหลิ่วได้ในอายุแค่นี้ ไม่ใช่เพราะความสามารถโดดเด่น แต่เพราะมีความลับบางอย่าง

ท่านน้าโจมตีพวกเขาอย่างต่อเนื่อง โศกนาฏกรรมของครอบครัวนางเอกมีส่วนมาจากคนผู้นั้นไม่น้อย ตอนนี้นางมาแล้ว นางจะเอาคืนอย่างสาสม!

“จริงสิ เก็บของของนางให้เรียบร้อย แล้วส่งของขวัญเพิ่มเติมจากข้าไปพร้อมกันเลย!”

“จำไว้นะ ของสิ่งนี้ส่งให้ถึงมือเพ่ยหลาน อย่าเปิดเอง”

เฉินเซียงสงสัยว่ามีอะไรอยู่ข้างใน แต่เมื่อได้ยินคำพูดของคุณหนูก็รีบล้มเลิกความคิด แค่รู้สึกว่าท่าทางของคุณหนูจริงจังมาก นางจึงไม่กล้าทำตามใจตนเอง

ทั้ง ๆ ที่เป็นคุณหนูที่คุ้นเคย แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดในวันนี้กลับรู้สึกเหมือนว่าคุณหนูเปลี่ยนไป ในอดีตเพ่ยหลานก็ทำเรื่องผิดพลาดไม่น้อย นางทนดูไม่ไหวจึงเอ่ยเตือนคุณหนูอยู่บ่อยครั้ง ทว่าคุณหนูก็ให้อภัยเพราะเห็นแก่ท่านน้า นานวันเข้านางก็ไม่พูดเตือนอีก

แต่วันนี้...ช่างสะใจเสียจริง!

เช้าวันต่อมา ซ่งรั่วเจินตื่นแต่เช้าตรู่ ตั้งใจจะไปหาไต้ซืออวิ๋นสุ่ยเพื่อสะสางเรื่องราว แต่ไม่คิดว่าจะมีคนมาเยือนเช้ากว่า

“น้องหญิง ข้าได้ยินเรื่องเมื่อวานแล้ว ดูสิ เรื่องนี้ใหญ่โตมากจนทั้งเมืองหลวงรู้กันหมด แม้ว่าการที่หลินโหวจะแต่งงานกับแม่นางตระกูลฉินพร้อมกันจะไม่เหมาะสม แต่รั่วเจินประกาศถอนหมั้นที่หน้าจวนหลินโหว มันผิดธรรมเนียมเกินไปแล้ว เช่นนี้จะให้จวนหลินโหวเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“ตอนนี้ทุกคนต่างพูดว่ารั่วเจินขี้อิจฉา ไม่มีความใจกว้าง ทำให้ชื่อเสียงเสื่อมเสีย แล้วจะทำอย่างไรต่อไปดี?”

หลิ่วเฟยเยี่ยนมีสีหน้ากังวล พูดปลอบโยนอย่างใจดี “ข้าได้ยินว่าฮูหยินผู้เฒ่าหลินและหลินโหวมาขอโทษเมื่อวานนี้ สองปีที่ผ่านมาพวกเจ้าก็เข้ากันได้ดี เหตุใดต้องไม่พอใจกันเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ด้วย?”

“หลินโหวเป็นสามีที่ดีขนาดนี้ หลายตระกูลต่างอิจฉา รั่วเจินกลับทำให้ความมั่งคั่งมหาศาลนี้หลุดมือไป เจ้าไม่คิดว่าสิ้นคิดไปหน่อยหรือ?”

“น้องหญิง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว หลินโหวมีคนรักอยู่แล้ว ต่อให้รั่วเจินแต่งงานไปก็ไม่ได้รับการใส่ใจ ในเมื่อทำให้เรื่องใหญ่โตขนาดนี้แล้ว เช่นนั้นก็ถอนหมั้นให้จบไปเถิด”

หลิ่วหรูเยียนโบกมือ นางนอนไม่หลับทั้งคืน ครุ่นคิดตลอดทั้งราตรี ทว่าไม่เสียใจที่ยกเลิกการหมั้นครั้งนี้ เพียงแค่รู้สึกไม่ยุติธรรมแทนรั่วเจิน

นางเสียเวลาไปกับหลินโหวถึงสองปี เสียช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต และโทษตนเองในฐานะแม่ที่มองผิดไป คิดว่าจวนหลินโหวเป็นที่พึ่งพิงที่ดี

หลิ่วเฟยเยี่ยนเห็นหลิ่วหรูเยียนไม่หวั่นไหว ก็แปลกใจ “พี่หญิง ท่านเป็นอะไรไป? ข้าทำเพื่อรั่วเจินนะ หากพลาดการหมั้นหมายครั้งนี้ ต่อไปนางจะทำอย่างไร?”

“นางยังเด็ก อาจสับสนและแยกไม่ออกก็เท่านั้น แต่ท่านจะเลอะเลือนไม่ได้ ต้องคำนึงถึงนางให้ดี”

“ท่านน้าไม่ต้องเปลืองน้ำลายพูดมากแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะไม่แต่งเข้าจวนหลินโหว” ซ่งรั่วเจินเดินเข้ามาพร้อมพูดด้วยเสียงเย็นชา

หลิ่วเฟยเยี่ยนเห็นซ่งรั่วเจินก็แสดงท่าทางเป็นมิตรทันที “รั่วเจิน เจ้ามาพอดี น้าคิดเพื่อเจ้าอย่างจริงใจ สตรีอย่างไรก็ต้องแต่งงาน สองปีมานี้เจ้ายุ่งอยู่แต่ในจวนหลินโหว ทุกคนต่างคิดว่าเจ้าเป็นฮูหยินของหลินโหว ตอนนี้การหมั้นยกเลิกไปแล้ว เกรงว่าจะไม่มีใครต้องการเจ้า”

“ไม่สู้เจ้าอดทนกล้ำกลืนไปก่อน? มีฮูหยินผู้เฒ่าหลินคอยหนุนหลังให้ก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติได้มิใช่หรือ”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 11

    “ที่ท่านน้าพูด หมายความว่าสิ่งที่ข้าทำที่จวนตระกูลซ่งวันนี้เป็นเรื่องเสื่อมเสียหรือเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินมองหลิ่วเฟยเยี่ยนตรงหน้าอย่างประเมิน ท่อนบนสวมเสื้อคลุมชวีจวี [1] ตัวยาวสีเขียวน้ำทะเลปักลายโบตั๋น ท่อนล่างคือกระโปรงเนื้อบางสีเหลืองปักลายโบตั๋น ทรงผมที่จัดแต่งอย่างประณีตนั้นประดับด้วยปิ่นปักผมลวดลายโบตั๋น สร้อยมุกโมราตรงลำคอยิ่งวาววับจับตา การแต่งตัวยังหรูหรากว่ามารดาของนางเสียอีกแต่ถึงแม้หลิ่วเฟยเยี่ยนกับหลิ่วหรูเยียนจะเป็นพี่น้องแท้ๆ กัน รูปโฉมของนางกลับด้อยกว่าหลิ่วหรูเยียนชนิดทิ้งห่างกันไกลถึงตอนนี้จะสวมเครื่องประดับเต็มยศ แต่เมื่อมานั่งอยู่ข้างกายหลิ่วหรูเยียนผู้อ่อนโยนที่แต่งกายเรียบง่ายก็ยังคงเทียบไม่ติด กลับดูพะรุงพะรัง แต่งเยอะเกินงาม“รั่วเจิน น้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่เจ้าอายุเกินยี่สิบปีแล้ว เลือกคู่ครองดีๆ ไม่ได้แล้ว มิหนำซ้ำหลินโหวกำลังรุ่งโรจน์ ก่อเรื่องเช่นนี้แล้วผู้ใดจะกล้าเสี่ยงล่วงเกินหลินโหวมาสู่ขอเจ้า?”หลิ่วเฟยเยี่ยนเอ่ยราวกับปรารถนาดี หากมิใช่เพราะซ่งรั่วเจินรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของนางแล้ว มาได้ยินถ้อยคำเปี่ยมน้ำใสใจจริงเช่นนี้เกรงว่าคงหลงเชื่อว่านาง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 12

    เฉินเซียงที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำพูดคุณหนูของตนเองแล้วก็นึกขำอย่างอดไม่ได้ เมื่อวานเพ่ยหลานถูกมัดตัวส่งไปที่จวนตระกูลหลิ่วชัดๆ โดยส่งตรงถึงเรือนพักของพ่อบ้านหลิ่วเมื่อพ่อบ้านหลิ่วรู้ว่าเป็นเรื่องมงคลที่คุณหนูจัดแจงให้ก็หาได้ปฏิเสธ สานต่อเรื่องดีจนสำเร็จ พวกเขายังจดให้คนมาเฝ้าอยู่ข้างนอก ได้ยินว่าตอนแรกเพ่ยหลานไม่ยินยอม แต่ตอนหลังเสียงที่ดังออกมานั้นก็ฟังต่อไปไม่ไหวจริงๆจากคำบอกกล่าวของคนที่มารายงาน ตอนออกมาเช้าวันนี้เห็นภรรยาเอกของพ่อบ้านหลิ่วสีหน้าดำคล้ำนำคนบุกไปจัดการเพ่ยหลานอย่างเกรี้ยวกราด ได้ยินเสียงกรีดร้องน่าอนาถดังมาจากข้างหลัง รายละเอียดเป็นอย่างไรก็ไม่มีแก่ใจจะอยู่ฟังต่อไปแล้ว“นี่มันเหลวไหลชัดๆ รั่วเจิน ต่อให้งานวิวาห์ของเจ้ามีปัญหาก็ไม่ควรเอาไปลงกับคนรับใช้เช่นนี้! ดีชั่วอย่างไรเพ่ยหลานก็ติดตามเจ้ามาหลายปี เจ้าทำลายชีวิตนางเช่นนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือ?”หลิ่วเฟยเยี่ยนพลันนึกโมโห เดิมเข้าใจว่าแค่ส่งคนกลับไป อย่างมากแค่รอให้ผ่านไปสักพักค่อยให้กลับมาก็ได้ แต่กลายเป็นว่าแต่งให้หลิ่วเหิงไปเสียแล้ว?หลิ่วเหิงไม่ได้เป็นแค่พ่อบ้าน เตียงของเขา คนแบบเพ่ยหลานสามารถปีนขึ้นไปได้เช่นนั้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 13

    ซ่งรั่วเจินกินอาหารมื้อกลางวันเสร็จก็ไปที่จวนตระกูลหลิ่วมองเห็นผู้คนมากมายเข้าออกประตูจวนตระกูลหลิ่วมาแต่ไกล คนไปมาหาสู่มีจำนวนไม่น้อย เมื่อเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงชมเชยเซ็งแซ่“ไต้ซือเทียนสุ่ยมีวิชาแก่กล้าจริงๆ เจ้าจำหลานชายของตระกูลจ้าวที่หมู่นี้เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดได้หรือไม่ หาหมอมากมายล้วนไม่เห็นผล เห็นๆ อยู่ว่าสุขภาพย่ำแย่ลงทุกทีจนแทบจะไม่ไหวแล้ว พอไต้ซือเทียนสุ่ยลงมือเท่านั้นก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง!”“นั่นน่ะสิ หลานชายข้าพักนี้ค้าขายไม่ราบรื่น เกือบทำกิจการของตระกูลล้มละลายไปเสียแล้ว ตั้งแต่ไต้ซือเทียนสุ่ยอัญเชิญเทพเจ้าแห่งโชคลาภมาให้ ทุกวันนี้การค้าเจริญรุ่งเรือง ดีวันดีคืน!”“ตระกูลหลิ่วเองก็ไม่รู้ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนไปมากมายเท่าไหร่จึงสามารถเชิญไต้ซือเทียนสุ่ยมาได้ วันหน้าจะต้องได้ดิบได้ดีแน่”ได้ยินคำพูดแฝงความอิจฉาเหล่านั้น คิ้วใบหลิวของซ่งรั่วเจินก็เลิกขึ้นเล็กน้อย นางจะไปหยั่งเชิงไต้ซือเทียนสุ่ยผู้นี้ดูสักหน่อยว่ามีความสามารถจริงหรือไม่!เมื่อนางเข้าไปในจวนตระกูลหลิ่ว เห็นข้ารับใช้ในจวนกำลังจัดฮวงจุ้ยตามคำแนะนำของไต้ซือเทียนสุ่ย ก็แค่นหัวเราะในใจฮวงจุ้ยในจวนตระกูลหลิ่ว

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 14

    ไต้ซือเทียนสุ่ยมองซ่งรั่วเจินนิ่งๆ “แม่นางซ่ง หลายวันก่อนอาตมาไปดูฮวงจุ้ยที่จวนตระกูลซ่ง หมู่นี้จวนตระกูลซ่งเกิดเรื่องติดต่อกัน ใช่ว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าเลยเสียทีเดียว”“อ้อ? ไหนท่านลองพูดให้ฟังที ว่าเกี่ยวข้องกับข้าอย่างไรบ้าง?”ซ่งรั่วเจินยิ้มหยัน มองคนตรงหน้าด้วยความสงบเยือกเย็น นางอยากรู้นักว่าคนผู้นี้จะแต่งเรื่องอย่างไรออกมา!“ข้าเคยดูเวลาตกฟากของเจ้ามาก่อน เจ้าชะตาอาภัพมีดวงพิฆาต หลินโหวเป็นดาวนำโชคในชีวิตเจ้า มีเพียงต้องออกเรือนให้เขาจึงจะสามารถคลี่คลายได้”“เดิมทีหลินโหวไม่มีทางแต่งเจ้า หากไม่ใช่เพราะข้าใช้วิธีการบางอย่าง แม้แต่ภรรยาหลวงเจ้าก็คงไม่ได้เป็น วันนี้เจ้าอยากอยู่อย่างสงบก็มีแต่ต้องเดินทางนี้เท่านั้น มิเช่นนั้น ดวงพิฆาตของเจ้ายังจะทำให้คนอื่นเคราะห์ร้ายไปด้วย”ได้ยินเช่นนั้น คนที่เดินตามไต้ซือเทียนสุ่ยออกมาล้วนเผยสีหน้าตื่นตกใจดวงพิฆาต นี่เป็นชะตาชีวิตที่ทุกคนหวาดกลัวที่สุด เดิมนึกว่าหลินโหวทอดทิ้งซ่งรั่วเจินเป็นการปฏิบัติต่อนางอย่างไม่เป็นธรรม แต่ดูจากตอนนี้ หลินโหวเป็นดาวช่วยชีวิตนาง นางกลับไม่รู้ดีชั่ว!“มิน่าเล่า หมู่นี้ตระกูลซ่งถึงได้เกิดเรื่องไม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 15

    สิ้นเสียงซ่งรั่วเจิน ทุกคนก็ขมวดคิ้ว รู้สึกว่านางช่างก้าวร้าวเสียจริง ส่วนว่าของสกปรกดังกล่าวคืออะไรกลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อยแต่เมื่อไต้ซือเทียนสุ่ยได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนสี นางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?หรือนางจะเข้าใจฮวงจุ้ยจริงๆ? นั่นเป็นไปไม่ได้!ความคิดนั้นเพิ่งผุดขึ้นมา ไต้ซือเทียนสุ่ยก็ปัดทิ้งไปโดยไม่ลังเล ถ้ารู้จริงก็ควรค้นพบไปนานแล้ว จะเพิ่งมาคิดบัญชีเอาป่านนี้ได้อย่างไร?“เจ้าทำอะไรของเจ้า?”น้ำเสียงแฝงความไม่พอใจเสียงหนึ่งดังขึ้น หลังจากนั้นก็มีเสียงอ่อนหวานดังตามมาติดๆ“ท่านโหว ท่านอย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ เรื่องนี้อาจมีอะไรเข้าใจผิดกันก็เป็นได้”ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มของฉินซวงซวงฉายแววบริสุทธิ์ใจ สายตาที่มองมาทางซ่งรั่วเจินยังสะท้อนความไม่สบายใจอยู่ในนั้น “คิดว่าแม่นางซ่งคงรู้สึกไม่ดีจึงได้มาก่อเรื่องเช่นนี้ ท่านโหวอย่าถือสานางเลยนะเจ้าคะ”“ซ่งรั่วเจิน เมื่อวานข้าขอโทษเจ้าไปแล้ว เป็นเจ้าที่ไม่อยากแต่งกับข้า ไฉนตอนนี้ยังมาให้ร้ายซวงซวงอีก?”ซ่งรั่วเจินกวาดสายตาไปมองก็สบเข้ากับแววตาคาดคั้นของหลินจือเยว่ “ข้าประลองกับไต้ซือเทียนสุ่ยเกี่ยวอันใดกับฉินซวงซวง? หลินโหว สม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 16

    ไต้ซือเทียนสุ่ยรับคำสั่งจากฉินซวงซวง สายตาที่ทอดมองซ่งรั่วเจินเองก็เจือไอเย็น สตรีผู้นี้บังอาจมาทำลายช่องทางทำมาหากินของเขา เขาจะจัดการให้หนักเลยทีเดียว!ครู่ถัดมา เขามองผีน้อยที่ตนเลี้ยงอย่างลำพองใจ เขาต้องเสียแรงไปมากถึงจะเลี้ยงออกมาได้ ยังได้รับคำชี้แนะจากผู้มีวิชาจึงมีความสามารถเช่นนี้สายตาซ่งรั่วเจินเองก็ตกลงบนตัวผีน้อย ผีน้อยตัวนี้อายุราวหกถึงเจ็ดขวบเท่านั้น เพราะถูกเลี้ยงดูอย่างดี รูปร่างกลับไม่น่ากลัว เพียงแต่กลิ่นอายชั่วร้ายยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าคือวิญญาณอาฆาตตนหนึ่งตายอย่างไม่เป็นธรรม จึงสั่งสมไอแค้นไว้มากในฐานะคนของสำนักวิชาเต๋า เผชิญหน้ากับวิญญาณอาฆาตเช่นนี้สมควรหาวิธีกำจัดความอาฆาตพยาบาท ช่วยเหลือเขาให้ไปเกิดใหม่ในเร็ววันไต้ซือเทียนสุ่ยผู้นี้ ใช้ประโยชน์จากความอาฆาตพยาบาทเล็กน้อยนี้ ทำให้กลายเป็นกลวิธีหาเงิน“ไต้ซือเทียนสุ่ย ชาตินี้ข้ายังมีหวังจะหาตัวลูกสาวของข้าพบอีกหรือไม่?” สวีฮูหยินเอ่ยถามอย่างร้อนใจไต้ซือเทียนสุ่ยแสร้งหยิบกระดองเต่าออกมา ใส่แผ่นเหล็กสองชิ้นเข้าไปภายใน ปากบ่นงึมงำสวดคาถาขึ้นมาสกุลสวีตามหาลูกสาวคนนี้มานานนับสิบกว่าปีแล้ว ก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 17

    “องค์ชายสาม?”ชั่วขณะหลินจือเยว่มองเห็นฉู่จวินถิง สีหน้าก็เข้มขึ้น เขายังจำได้ดี เมื่อสองปีก่อนซวงซวงปฏิเสธเขาก็เพราะฉู่จวินถิง!“ข้าได้ยินว่ามีไต้ซือวิชาล้ำเลิศของลัทธิเต๋าท่านหนึ่งเดินทางมาเมืองหลวงจึงมาดูสักหน่อย มองรูปลักษณ์ดูแล้วยอดเยี่ยมกว่าที่คิดไว้มากนัก”ใบหน้าฉู่จวินถิงประดับยิ้ม ท่วงท่าที่แสดงออกมากลับไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าเขาเพียงยืนอยู่ที่นั่น พูดคุยอย่างสนุกสนานแต่กลับสง่างามเจิดจรัส ทำให้คนไม่กล้าล่วงเกินชั่วขณะที่ฉินซวงซวงมองเห็นฉู่จวินถิง ก็ยังมิอาจควบคุมความหลงใหลที่สะท้อนภายในสายตาได้แม้กลับชาติมาเกิดอีกครั้ง ยามได้พบฉู่จวินถิงก็ยังรู้สึกโหยหาอย่างมิอาจอดกลั้น บุรุษเช่นนี้ถึงจะเป็นคนที่นางต้องการอย่างแท้จริง สูงศักดิ์ หล่อเหลา ลึกลับ นางอยากรู้เหลือเกินว่าบุรุษเช่นนี้ จะเป็นอย่างไรหากวันหนึ่งเกิดหลงใหลยอมจำนนขึ้นมา?ทว่าน่าเสียดายชาติก่อนนางเสียเวลาไปมากเพียงนั้น เดินทางผิดมากเพียงนั้น สุดท้ายก็ไม่สามารถทำให้เขาชายตาแลได้ ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคนซ่งรั่วเจินเองก็คิดไม่ถึงว่าจะได้พบฉู่จวินถิงที่นี่ มองเห็นโชคชะตาสีแดงจนเริ่มม่วงนั้นของเขา

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 18

    หลังไต้ซือเทียนสุ่ยได้ยินคำนี้หัวใจก็เต้นตึกตัก จ้าวเหวินเทากลับย้อนคิดอย่างไม่เข้าใจ “หลานชายข้าเริ่มร้องไห้ราวเมื่อเจ็ดวันก่อน ไม่ยอมกินอะไร แม้กินแล้วก็อาเจียนออกมาอย่างรวดเร็ว...”พูดไปๆ เขาคล้ายนึกบางอย่างออกอย่างฉับพลัน ดวงตากลมโตหันมองเทียนสุ่ย “ไต้ซือเทียนสุ่ยคล้ายมาถึงเมืองหลวงในตอนนี้!”“ก่อนหลานชายท่านร้องไห้ เคยมีคนส่งของอันใดให้หรือไม่?” ซ่งรั่วเจินถามอีกครั้ง“เมื่อนั้นมีคนส่งจี้หยกหนึ่งชิ้นให้หลานชายข้าจริงๆ จี้หยกนี้ปลุกเสกมาก่อนแล้ว เป็นสมบัติชิ้นหนึ่ง เดิมทีข้าไม่อยากรับไว้ แต่เห็นหลานชายคล้ายชอบจนไม่ยอมปล่อยมือจึงสวมคอของเขาไว้แล้วเริ่มตั้งแต่วันที่สอง เด็กก็ร้องไห้ไม่หวาดไม่ไหว จนกระทั่งเมื่อสองวันก่อนข้าพาหลานชายมาพบไต้ซือเทียนสุ่ย ไต้ซือเทียนสุ่ยมอบหยกอีกหนึ่งชิ้นให้อาการจึงดีขึ้น แต่หยกชิ้นนั้นก่อนหน้านี้ไม่รู้หายไปที่ใดแล้ว”ใต้เท้าจ้าวเล่าถึงตรงนี้ ตอบสนองเชื่องช้าอย่างไรก็รู้ได้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นแล้วเดิมทีนี่ก็ไม่ใช่วิธีขับไล่สิ่งสกปรกที่เกาะตัวเด็ก แต่เป็นได้รับภัยโดยไร้สาเหตุ!จี้หยกชิ้นก่อนทำร้ายเด็ก ถัดมาผ่านกลวิธีของไต้ซือเทียนสุ่ย อันที่จริงขอ

Bab terbaru

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 942

    ท่านแม่เคยถามนางว่า คิดว่าสวี่หยวนชิงเป็นอย่างไรนางกับสวี่หยวนชิงโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก ต่างฝ่ายเรียกได้ว่าไม่อาจคุ้นเคยกันไปมากกว่านี้ ไม่เคยมีความคิดทำนองนั้นมาก่อน แค่คิดถึงความเป็นไปได้นี้ขึ้นมา นางก็รู้สึกว่าน่ากลัวแล้วถึงสุดท้ายแล้วอวิ๋นอ๋องจะยังคงไม่ชอบนาง นางก็ไม่สามารถแต่งงานกับสวี่หยวนชิงได้อยู่ดี“คราวก่อนข้าพูดกับเจ้าชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ?”หากเป็นเมื่อก่อน สวี่หยวนชิงได้ยินวาจาเช่นนี้จะต้องเสียใจมากเป็นแน่ แต่บัดนี้หลังจากได้รับการชี้แนะจากหวังเสวี่ย เขากลับไม่รู้สึกเสียใจอีกแล้วนี่ก็คือการทดสอบเขา!“ฮวนเอ๋อร์ ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไร ความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้าล้วนไม่เปลี่ยนแปลง เจ้าวางใจได้ ข้าไม่มีทางฝืนใจเจ้า ข้าจะรอ รอจนกว่าจะถึงวันที่เจ้าเปลี่ยนใจ!”กู้ฮวนเอ๋อร์ “???”วันนี้สวี่หยวนชิงเป็นอะไรไปกันแน่?ฉู่อวิ๋นกุยได้ยินบทสนทนาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลอย่างชัดเจน เขาเลิกผ้าม่านรถม้าแล้วก้าวลงมา“แม่นางกู้ พวกเราควรไปได้แล้ว”เสียงที่ดังขึ้นกะทันหันทำให้สวี่หยวนชิงชะงักไป กวาดสายตามองมาโดยสัญชาตญาณก็พบว่าอวิ๋นอ๋องอยู่ด้านหลังเขาสังเกตเห็นรถม้าคันนี้ตั้งแต่ก่อนห

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 941

    สวี่หยวนชิงดวงตาสว่างวาบ เขาเข้าใจแล้ว “เจ้าหมายความว่าที่ฮวนเอ๋อร์พูดเช่นนี้ แท้จริงแล้วกำลังทดสอบข้าอยู่งั้นหรือ?”“ใช่แล้ว” หวังเสวี่ยพยักหน้า “ผู้หญิงอย่างพวกเราล้วนเป็นเช่นนี้ อยากทดสอบว่าเจ้าจริงใจหรือไม่ ถ้านางไม่ชอบเจ้าเลยสักนิด แล้วเหตุใดจะต้องไปร่วมงานวันเกิดเจ้ากันเล่า?”สวี่หยวนชิงได้ยินดังนั้น ดวงตาก็พลันมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง “หวังเสวี่ย ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ ถ้าไม่ได้เจ้าเอ่ยเตือน ข้าก็คงไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไรดี”สายตาของหวังเสวี่ยพลันไปตกลงบนรถม้าที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล นางจำได้ว่านั่นคือรถม้าของจวนอวิ๋นอ๋อง!รถม้าของจวนอวิ๋นอ๋องมาจอดอยู่หน้าประตูจวนสกุลกู้ได้อย่างไร? หรือว่าอวิ๋นอ๋องมาหาฮวนเอ๋อร์?ชั่วขณะที่ความคิดนั้นผุดขึ้นมา หัวใจหวังเสวี่ยพลันหนักอึ้ง ฮวนเอ๋อร์คงไม่ได้โชคดีขนาดนั้นจริงๆ หรอกนะ?อวิ๋นอ๋องหลบนางยังแทบไม่ทันแท้ๆ แล้วจะตั้งใจมาหานางได้อย่างไรกันเล่า หรือช่วงหลายวันที่ผ่านมามีเรื่องที่นางไม่รู้เกิดขึ้น?กู้ฮวนเอ๋อร์วิ่งตรงมาถึงประตูใหญ่แล้วค่อยผ่อนฝีเท้าลง ค่อยๆ เดินออกมาจากประตูใหญ่อย่างแช่มช้าเฉกเช่นคุณหนูตระกูลใหญ่ สายตากวาดไปทางรถม้าที่อยู

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 940

    บ่าวแปลกใจอย่างอดไม่ได้ ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องของตนได้พบแม่นางกู้หนึ่งครั้งก็ซวยไปหนึ่งครั้ง จากนั้นขายหน้าไปหลายครั้ง ต่อมาเพียงได้พบแม่นางกู้ก็อยากจะหลบไปให้ไกลทว่า แม่นางกู้เองก็น่าสนใจ ขอเพียงได้เห็นท่านอ๋องของพวกเขาก็จะไล่ตามมาวันนี้ท่านอ๋องถึงขั้นเป็นฝ่ายไปหาแม่นางกู้ก่อน นี่พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วกระมังใบหน้าฉู่อวิ๋นกุยเผยแววประหม่า จัดแต่งอาภรณ์พลางเอ่ยปากว่า “ย่อมไม่ใช่เพราะข้าอยากไปหานาง แต่เพื่อเสด็จพี่ ยังต้องมาสักเที่ยวหนึ่ง”“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” บ่าวพยักหน้า กลับคิดว่าไม่ชอบมาพากลอยู่บ้างวันนี้ก่อนท่านอ๋องออกจากบ้านก็เปลี่ยนไปหลายชุด แม้แต่จี้หยกบนเข็มขัดก็ตั้งใจเลือกเป็นพิเศษ ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นท่านอ๋องใส่ใจต่อการแต่งตัวเช่นนี้มาก่อน ต่อให้เป็นงานเลี้ยงในวังก็ไม่ใส่ใจถึงเพียงนี้ตอนกู้ฮวนเอ๋อร์ได้รู้ว่าอวิ๋นอ๋องจะมาหานาง เบิกตากว้างอย่างสุดระงับ “เจ้าพูดผิดไปหรือไม่? เหตุใดอวิ๋นอ๋องมาหาข้าเล่า?”“คุณหนู จริงแท้แน่นอนเจ้าค่ะ เมื่อครู่บ่าวตั้งใจไปดูมาแล้ว เป็นอวิ๋นอ๋อง!” สาวใช้รีบพูดใบหน้าเล็กของกู้ฮวนเอ๋อร์สะท้อนความดีใจออกมา คนดีใจอย่างมาก“เหตุใดอวิ๋

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 939

    จวนเช่ออ๋องฉู่เทียนเช่อได้ยินว่าหลิงเชี่ยนเอ๋อร์มีเจตนาชวนเขาไปเข้าร่วมเทศกาลโคมไฟ มุมปากยกขึ้นอย่างนึกสนุกคิดว่าเขาเป็นตัวโง่งมกระนั้น?ก่อนหน้านี้เขาจงใจแสดงท่าทีเป็นมิตรกับหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ แต่หลิงเชี่ยนเอ๋อร์กลับเย็นชาต่อเขา ตรงข้ามกันเอาอกเอาใจฉู่อ๋อง บัดนี้นี่คือเห็นว่าหมดหวังแต่งเข้าจวนฉู่อ๋องแล้ว ก็เริ่มถอยเพื่อหาสิ่งที่รองลงมา คิดแต่งงานกับเขากระนั้น?น่าเสียดาย เขาไม่ใช่คนรับขยะอะไรก็ได้!“ท่านอ๋อง แม่นางหลิงคนนั้นเป็นฝ่ายนัดหมายก่อน คาดว่ามีเจตนาเอาใจท่านอ๋อง หรือว่าท่านจะไม่ไปพ่ะย่ะค่ะ?” คนสนิทเอ่ยถามเสียงแปลกใจ“ไป เหตุใดจะไม่ไป?”เช่ออ๋องหัวเราะเสียงแผ่วเบาทีหนึ่ง “ข้ากลับอยากเห็นว่าบัดนี้หลิงเชี่ยนเอ๋อร์เปลี่ยนเป้าหมายมาหาข้าแล้ว ท่าทีจะกลายเป็นเช่นไร”“ก่อนหน้านี้มีท่าทางเย่อหยิ่งเย็นชา บัดนี้...จะเป็นเช่นไร?”“ท่านอ๋อง อันที่จริงเบื้องหลังแม่นางหลิงไม่ธรรมดา บัดนี้ตำแหน่งพระชายายังว่างอยู่ พระสนมเองก็พูดว่าให้ท่านเลือกพระชายาที่เหมาะสมสักท่านหนึ่ง”“ในเมืองหลวงมีแม่นางมากมาย บัดนี้ยังไม่มี เช่นนั้นก็ค่อยๆ หา ส่วนหลิงเชี่ยนเอ๋อร์ ของที่ผู้อื่นไม่ต้องการ ข้าเอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 938

    “ซ่งรั่วเจินและฉู่อ๋องมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เดิมทีอยากให้เชี่ยนเอ๋อร์แต่งงานกับฉู่อ๋อง ทั้งหมดจะได้คลี่คลาย ทางฝั่งฮองเฮาก็ถูกเจ้าพูดจนหวั่นไหวแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดจู่ๆ ก็เปลี่ยนไปกันเล่า?”สีหน้านายหญิงหลิงแข็งทื่อ “ยังเพราะอันใดอีกเล่า? ไม่รู้ซ่งรั่วเจินกรอกน้ำแกงลุ่มหลงอันใดให้ฉู่อ๋องกิน ภายในสายตาเขามีเพียงซ่งรั่วเจินคนเดียว ไม่สนใจเชี่ยนเอ๋อร์เลยสักนิด ไม่ว่าพวกเราพยายามมากเพียงใดก็ไร้ผล”“ยังเป็นเช่นนี้ต่อไปจะต้องไม่ดีแน่ เดิมทีเชี่ยนเอ๋อร์ก็ถึงวัยแต่งงานแล้ว ก่อนหน้านี้เช่ออ๋องเอาอกเอาใจนางมากไม่ใช่หรือ?”“อย่างไรเสียบัดนี้เช่ออ๋องก็ไม่มีพระชายา คนก่อนนั้นก็ถูกจับขังคุกไปแล้ว ประจวบเหมาะกับเชี่ยนเอ๋อร์พอดี ขอเพียงนางแต่งเข้าราชวงศ์ได้ ตำแหน่งของสกุลหลิงพวกเราก็จะมั่นคงขึ้นอีกนิด”หลิงไท่ซือเอ่ยปากเสียงเย็น พูดตัดสินชี้ขาดออกมานายท่านหลิงพยักหน้า มองทางนายหญิงหลิง “อีกเดี๋ยวเจ้าบอกเรื่องนี้ให้เชี่ยนเอ๋อร์รู้ ให้นางรีบจัดการเรื่องนี้โดยเร็ว”“เชี่ยนเอ๋อร์คล้ายไม่ชอบเช่ออ๋องเจ้าค่ะ” นายหญิงหลิงลังเลเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้เช่ออ๋องเอาอกเอาใจเชี่ยนเอ๋อร์อย่างมากจริงๆ แต่สถานกา

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 937

    “เรื่องในตอนนั้นของกระหม่อมโด่งดังอึกทึกครึกโครม คนทั้งเมืองหลวงล้วนรู้ว่ากระหม่อมตาบอดไป กระหม่อมเองก็ไม่ได้สนใจมิใช่หรือ?”ซ่งจิ่งเซินเผยสีหน้าไม่ใส่ใจ แม้ตอนเขารู้เรื่องที่ตนทำในอดีตไม่กล้าออกไปสู้หน้าคนจริง แต่อย่างไรเสียที่ผ่านมาหน้าตาที่ควรเสียไปก็เสียไปจนสิ้นแล้ว บัดนี้ไม่มีอะไรให้ใส่ใจอีกซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ท่านเรียนรู้จากพี่สี่หม่อมฉันเถอะ เรื่องในตอนนั้นอึกทึกครึกโครมจนคนในเมืองหลวงต่างรู้กันอย่างถ้วนทั่ว เขากลับไม่สนใจเลยสักนิด เดิมทีก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ไม่เป็นไรหรอกเพคะ”“พูดให้ละเอียดดูแล้ว ชายโฉดหญิงชั่วล้วนมีศีลเสมอกัน คิดเพียงจะกอดซ้ายกอดขวา เสวยสุขกับคนรักมากมาย ไม่มีความสามารถเลยสักนิด”“ไปจากพวกท่านแล้วก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น”“พี่สะใภ้ ท่านพูดถูกแล้ว ผิดก็ผิดไปแล้ว ภายภาคหน้าหากข้ามีคนที่ชอบอีก ข้าจะบอกท่านแน่ ให้ท่านช่วยข้าดู”ฉู่มู่เหยากะพริบตาปริบๆ ตัดสินใจภายในใจ ภายภาคหน้าจะไม่มีวันทำเรื่องขายหน้าเช่นนี้อีก!“กระหม่อมเองก็สามารถช่วยท่านดูได้” ซ่งจิ่งเซินพูดเย้าฉู่มู่เหยาเผยสีหน้าสงสัย “เจ้า?”“อะไรกัน? ดูเบากระหม่อมหรือ?” สายตาซ่งจิ่งเซินคมกริบ ตอบโ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 936

    “พี่สะใภ้ ขออภัยจริงๆ ก่อนหน้านี้ข้าเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะเลียนแบบร้านปิ้งย่างที่ท่านเปิด หากว่ารู้ ข้าไม่มีวันปล่อยให้พวกเขาทำเช่นนี้เป็นอันขาด”ฉู่มู่เหยาเผยสีหน้ารู้สึกผิด ก่อนหน้านี้นางก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง เหตุใดตอนนางถามเสิ่นหวยอันว่าเตรียมจะเปิดร้านอะไร เขาถึงหลีกเลี่ยงไม่ยอมตอบมาโดยตลอด พูดเพียงว่าต้องการสร้างความประหลาดใจระคนดีใจให้นางอย่างหนึ่งจนกระทั่งมาวันนี้ หลังได้เห็นป้ายร้านเองกับตา อารมณ์ของนางก็แย่ลงทั้งๆ ที่เสิ่นหวยอันรู้ความสัมพันธ์ระหว่างนางและพี่สะใภ้ ร้านนี้ยังเอามาจากมือของพี่สะใภ้อีกด้วย ปรากฏว่าเขาทำเรื่องพรรค์นี้ออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่คำนึงถึงนางเลยสักนิด“ท่านไม่รู้เรื่องนี้เสียหน่อย ไฉนเลยจะโทษท่านได้?”ซ่งรั่วเจินจูงมือของฉู่มู่เหยา “อย่าอารมณ์ไม่ดีเพราะคนพรรค์นี้เลย ใครบ้างเล่าอายุยังน้อยไม่เคยตาบอดมองคนพลาดมาก่อน? ขอเพียงตอนนี้มองออกอย่างชัดเจนก็พอ!”“แต่พวกเขาเปิดร้านนี้จะส่งผลกระทบต่อพวกท่านหรือไม่?” ฉู่มู่เหยายังรู้สึกผิดอยู่มาก บัดนี้รู้สึกเพียงว่าเสด็จแม่และพี่ห้าด่าว่าไม่ผิดไปเลยสักนิด“แค่ร้านของพวกเขานี้ ยังส่งผลต่อการค้าของพวกเราอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 935

    “องค์หญิง เหตุใดท่านใจร้ายถึงเพียงนี้?” ซ่งปี้อวิ๋นพูดออกมาอย่างสุดระงับฉู่มู่เหยาขมวดคิ้วแน่น กลับถูกซ่งรั่วเจินห้ามไว้ “เจ้าใจดีถึงเพียงนั้นก็ดูแลดีๆ เถอะ แต่เห็นแก่สายสัมพันธ์ของญาติพี่น้อง ข้าจะต้องเตือนเจ้าหนึ่งประโยค”“เจ้าเป็นแม่นางที่ยังไม่ออกเรือนคนหนึ่ง อยู่ภายนอกจะต้องรักษาระยะห่างให้ดี ยื้อยุดฉุดกระชากท่ามกลางผู้คนมากมาย หากถูกท่านลุงใหญ่รู้เข้า คาดว่าจะต้องไม่พอใจกระมัง?”สีหน้าซ่งปี้อวิ๋นเปลี่ยนไป “หรือว่าท่านจะฟ้องท่านพ่อข้า?”“ข้าไม่ใช่คนชอบใส่ใจไม่เข้าเรื่องหรอกนะ เพียงแต่เตือนเจ้าสักครั้งเท่านั้น หากเจ้าไม่โง่ ก็ควรรู้ว่าผู้ชายเช่นนี้ไม่คู่ควรให้พึ่งพาอาศัย”“หันหลังกลับตอนนี้ยังมีโอกาส”เมื่อครู่ซ่งรั่วเจินจิกนิ้วทำนายดูแล้ว ทำนายได้ว่าหลังซ่งปี้อวิ๋นแต่งงานกับเสิ่นหวยอัน จะได้พบจุดจบอย่างอนาถแม้พูดว่าความสัมพันธ์ของพวกนางไม่ดีเท่าใดนัก แต่เดิมทีก็มีสายสัมพันธ์เป็นญาติมิตร นางจึงเตือนหนึ่งประโยค แต่ตกลงฟังหรือไม่ ยังต้องดูตัวซ่งปี้อวิ๋นเองเพียงซ่งปี้อวิ๋นได้ยิน รู้สึกเพียงว่าซ่งรั่วเจินกำลังวางตัวสูงส่งเอ่ยเตือนนาง เห็นได้ชัดว่ากำลังดูเบานาง!“ข้าย่อมรู้ข

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 934

    หากรู้ตั้งแต่แรก ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีวันบอกเสด็จแม่ บัดนี้ทุกคนล้วนรู้แล้ว นางไม่มีหน้าหลงเหลือแล้วจริงๆ“ญาติผู้พี่ แม้พูดว่าพวกเราแยกบ้านกันแล้ว แต่อย่างไรเสียก็มีบรรพบุรุษคนเดียวกัน ท่านก็แค่ไม่พอใจที่คุณชายเสิ่นเปิดร้านปิ้งย่าง ไม่ถึงขั้นต้องพูดจาว่าร้ายพวกเราต่อหน้าองค์หญิงหรอกกระมัง?”ซ่งปี้อวิ๋นเห็นทุกคนพูดเรื่องระหว่างนางและเสิ่นหวยอันออกมาแล้ว รู้สึกร้อนใจอย่างอดไม่ได้ฉู่มู่เหยาสั่งให้คนโบยเขาไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นความรักของพวกเขาอยู่ในสายตา เช่นนั้นก็ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องลุกลามไปมากกว่านี้ได้อีก หาไม่แล้วสิ่งที่เสียหายก็คือชื่อเสียง“พวกเจ้าเปิดร้านปิ้งย่าง เหตุใดพวกเราต้องไม่สบอารมณ์ด้วยเล่า?” จู่ๆ ซ่งจิ่งเซินก็ถามกลับซ่งปี้อวิ๋นเผยท่าทางแข็งกระด้าง ย่อมรู้ว่าถ้อยคำนี้ของซ่งจิ่งเซินคือจงใจชี้นำนางให้พูดออกมาว่าเลียนแบบ เพียงแต่ระหว่างเลียนแบบและตั้งใจทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงความผิดสองข้อนี้ ย่อมต้องเลือกอย่างแรกคนเลียนแบบสกุลซ่งไม่ได้มีเพียงพวกเขาสองคน ไม่มีผู้ใดกำหนดว่ามีเพียงสกุลซ่งสามารถขายปิ้งย่างได้ พวกเขาเองก็สามารถขายได้เช่นเดียวกัน“ข้ารู้ร้านปิ้

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status