ซ่งลี่อินองค์หญิงสามแห่งแคว้นฉีผู้ถูกบิดามองว่าด้อยกว่าท่านหญิงซ่งเสวี่ยหนิงพระธิดาที่เกิดจากสนมชั้นต่ำ ทว่าโชคชะตากลับกลั่นแกล้งให้นางต้องอภิเษกสมรสกับชินอ๋องของแคว้นเว่ยนามถานหยางหมิงพร้อมกับซ่งเสวี่ยหนิง ทว่าบุรุษผู้นั้นกลับรักมั่นแต่เสวี่ยหนิงผู้เดียว
View Moreฤดูใบไม้ผลิเมืองเถียนชิง ชายแดนแคว้นฉีและเว่ย ราษฎรเข้าสู่ฤดูเพาะปลูก การปลูกข้าวคือสินค้าที่ราษฎรลงทุนลงแรงและเฝ้าคอยฤดูเก็บเกี่ยวอย่างใจจดใจจ่อ ลานกว้างชายป่ากระโจมติดธงแคว้นฉีและเว่ยถูกตั้งขึ้นไม่ไกลกัน มีทหารลาดตระเวนเข้มงวด
“ทูลฝ่าบาท องค์หญิงลี่อินไม่อยู่ในกระโจมพ่ะย่ะค่ะ” กงกงเฒ่าคู่พระทัยหย่งเฮ่าฮ่องเต้แคว้นฉีกราบทูล ทำให้บทสนทนาของกษัตริย์แคว้นฉีและเว่ยต้องหยุดชะงักลง
“ให้คนไปตามนางมา” หย่งเฮ่าไม่พอพระทัยนักที่องค์หญิงสามซุกซนไม่เรียบร้อยดั่งเช่นท่านหญิงสอง ที่แม้เป็นเพียงท่านหญิงที่เกิดจากตาอิ้งนางกำนัลคนสนิทของฮองเฮาแต่กลับมีกิริยาเรียบร้อยกว่าพระธิดาทุกพระองค์
“ให้ลูกไปตามเถิดเพคะ” ซ่งเสวี่ยหนิง ท่านหญิงสองที่ทำหน้าที่คอยชงชาให้ฮ่องเต้ทั้งสองแคว้นทูลเสนอตัว
“เช่นนั้นก็รีบเถิด อีกครู่อ๋องหยางหมิงจะมาถึงแล้ว”
“เพคะ” เสวี่ยหนิงวางกาน้ำชา พร้อมทั้งออกไปตามน้องต่างมารดาที่เกิดช้ากว่านางเพียงวันเดียว หากแต่ยศนั้นช่างแตกต่าง นางเป็นเพียงท่านหญิงที่เกิดจากนางกำนัลต่ำศักดิ์ แต่ลี่อินกลับเป็นองค์หญิงที่ประสูติจากฮองเฮาแคว้นฉี
ด้านลี่อินที่พึ่งกลับจากการเยี่ยมชมราษฎรลงมือปลูกข้าว ระหว่างทางกลับได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเด็กน้อยจำนวนหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น?” ลี่อินถามขึ้นทันทีที่ไปถึงริมทะเลสาบปาเหอ
“คุณชายท่านนั้นช่วยพวกข้าที่กำลังจะจมน้ำ แต่กลับหมดแรงพึ่งจมลงไปเมื่อครู่” เด็กชาวบ้านราวหกขวบกล่าวด้วยความหวาดกลัว พลางชี้ลงไปกลางทะเลสาบ
ลี่อินไม่ได้ถามสิ่งใดต่อ กลับกระโจนลงไปในทะเลสาบในทันที
“องค์หญิงเพคะ! องค์หญิง!” อี้เฉานางกำนัลข้างกายร้องด้วยความตกใจ
ใต้น้ำอันหนาวเย็นร่างบุรุษรูปงาม ผิวขาวราวไข่มุกในทะเลลึก ดวงตาที่ปิดสนิทกำลังจมลงสู่ก้นแม่น้ำ หากแต่โดนมือของสตรีร่างบางดึงขึ้นเหนือน้ำเสียก่อน นางว่ายน้ำพาบุรุษรูปร่างสูงโหญ่ที่มีน้ำหนักมากกว่าตนขึ้นฝั่งได้อย่างยากลำบาก หากแต่บุรุษผู้นี้กลับยังไม่ได้สติ
“องค์หญิง เป็นอย่างไรบ้างเพคะ” อี้เฉารีบสำรวจร่างกายนายของตน
หากแต่ลี่อินกลับไม่ตอบคำถามของนางกำนัลข้างกาย กลับพลิกร่างชายผู้นั้นให้นอนหงายและใช้ลมในปากตนเป่าเข้าปากบุรุษนิรนามอย่างมุ่งมั่น
อี้เฉาได้แต่อ้างปากกว้าง โชคดีที่ทะเสาบบัดนี้เหลือแต่องค์หญิงและตน เด็กน้อยกลุ่มนั้นกลัวความผิดหนีหายไปนานแล้ว ไม่เช่นนั้นชื่อเสียงขององค์หญิงต้องเสื่อมเสียแน่
“องค์หญิง พะ พระองค์ทำอะไรเพคะ” อี้เฉาทูลถามตะกุกตะกัก
“ผายปอด ข้าเรียนมาจากแพทย์ตะวันตกตอนอยู่แคว้นหนาน” ลี่อินกล่าวพลางใช้มือทั้งสองผสานกันกดลงบนหน้าอกชายที่หลับใหลอย่างเป็นจังหวะ สลับกับการผายปอดโดยไม่สนใจมารยาทหญิงที่อาจารย์พร่ำสอน
หากแต่บุรุษผู้นี้กลับยังไม่ฟื้นตามที่ควรจะเป็น ลี่อินเป่าลมเข้าปากเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้ดวงตาคู่งามนั้นปรือขึ้น พร้อมสำลักน้ำในท้องออกมาจนหมด จากนั้นก็ค่อย ๆ หลับตาลงอีกครั้ง
“ปลอดภัยแล้ว น่าจะเหนื่อยล้าเท่านั้น” ลี่อินนั่งหอบหายใจอยู่ข้างร่างสูงที่ยังคงหลับใหล
“ลี่อิน เสด็จพ่อทรงเรียกหาแล้ว” เสวี่ยหนิงเรียกน้องต่างมารดาที่นั่งอยู่ริมทะเลสาบ สายตากลับสะดุดอยู่ที่บุรุษข้างกายนาง
“นี่!” เสวี่ยหนิงสงสัยกับภาพตรงหน้า
“อย่าได้คิดในทางที่เสียหาย ข้าแค่ช่วยเขาขึ้นมาจากน้ำเท่านั้น” คำพูดของลี่อินไร้ซึ่งความเคารพเมื่อต้องโต้ตอบกับเสวี่ยหนิง พลางลุกยืนเตรียมจากไป
‘คงไม่ตายหรอกมั้ง’ ลี่อินจ้องบุรุษเบื้องล่างก่อนจากไป โดยไม่มองเสวี่ยหนิงเพียงนิด
“เจ้าทำหยกหล่น” เสวี่ยหนิงเรียกสตรีที่เดินจากไป พลางเดินไปยอบกายลงหยิบหยกที่หล่นข้างบุรุษผู้นั้น หมายจะคืนให้เจ้าของ แต่กลับโดนบุรุษที่หลับใหลคว้าข้อมือไว้แน่น
“เจ้าชื่ออะไร” สายตาที่พร่ามัวจ้องมองนาง
“สะ เสวี่ย เสวี่ยหนิง” เสวี่ยหนิงรู้สึกหวาดกลัว กล่าวพลางสะบัดมือหนาที่เกาะกุม ก่อนรีบวิ่งหนีหายไป
“เสวี่ยหนิง ชื่อเพราะดี” เขาไม่มีแรงวิ่งตาม ได้แต่เพียงจดจำชื่อของนางไว้
โต๊ะเครื่องเสวยอาหารค่ำเพื่อเฉลิมฉลองการพบกันของสหายร่วมสาบานของฮ่องเต้แคว้นฉีและเว่ยจัดเตรียมพร้อมแล้ว ฮ่องเต้ทั้งสองแคว้น รวมทั้งลี่อิน และเสวี่ยหนิงที่ตามเสด็จฝ่าบาทออกเยี่ยมราษฎรก็อยู่รอแล้ว หากแต่ชินอ๋องแห่งแคว้นเว่ยกลับยังมาไม่ถึง ทำให้ผู้เป็นบิดาอย่าง
ถานเหว่ยเฉียงฮ่องเต้แคว้นเว่ย ต้องกล่าวขอโทษสหายร่วมสาบานอย่างเสียไม่ได้
“โอรสองค์นี้ทำตามใจตน หวังว่าฮ่องเต้แคว้นฉีจะไม่ถือสา” เหว่ยเฉียงกล่าว
“พูดเช่นนั้นได้อย่างไร อีกหน่อยสองแคว้นปรองดองข้าไม่กล้าตำหนิคนในครอบครัวหรอก” หย่งเฮ่าไม่อยากให้การพบปะกันในครั้งนี้ตึงเครียด ด้วยสองแคว้นมีสัญญาหมั้นหมายตั้งแต่เขาและฮ่องเต้แคว้นเว่ยดื่มน้ำสาบานเป็นสหาย นี่เป็นเหตุผลที่เขาพาธิดาทั้งสองมาด้วย
ชินอ๋องแค้วนเว่ยขอเข้าเฝ้า
ขันทีหน้ากระโจมทูลแจ้งฮ่องเต้ทั้งสองที่อยู่ด้านใน
“ให้เข้ามา”
“กระหม่อมถานหยางหมิง ถวายพระพรเสด็จพ่อ ถวายพระพรฮ่องเต้แคว้นฉี” หยางหมิงค่อมกายถวายพระพร
“มีแต่คนในครอบครัวไม่ต้องมากพิธีหรอกหลานชาย”
หย่งเฮ่ากล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” หยางหมิงเงยหน้าตอบ
‘นั่น! บุรุษผู้นั้นนี่ โชคที่ที่ยังไม่ตาย’ ลี่อินจำเขาได้แม่น
หากแต่สายตาบุรุษที่นางเคยช่วยชีวิตกลับจ้องมองไปที่เสวี่ยหนิงเหมือนคนที่เคยรู้จักกันมาก่อน เช่นเดียวกับที่เสวี่ยหนิงจ้องมองไปยังบุรุษเบื้องหน้า
“ชินอ๋อง รู้จักกันไว้สิ นี่คือองค์หญิงลี่อินองค์หญิงสามแคว้นฉี และท่านหญิงเสวี่ยหนิง พระธิดาทั้งสองพระองค์ของฮ่องเต้หย่งเฮ่า” ฮ่องเต้เหว่ยเฉียงแนะนำสตรีทั้งสองให้โอรสรู้จัก
หากแต่หยางหมิงไม่แม้แต่จะปรายตามองลี่อิน ยังคงเอาแต่จ้องมองเสวี่ยหนิงไม่วางตา
‘บุรุษก็เป็นเช่นนี้ ชอบแต่ของสวยงามภายนอก’ ลี่อินส่ายหน้าให้กับดวงตาที่ไร้แววของชินอ๋องแคว้นเว่ย
“ท่านหญิงเสวี่ยหนิงยินดีที่รู้จัก” หยางหมิงไม่ได้สนสายตาผู้ใดเขาส่งสายตาอบอุ่นนั่นให้เสวี่ยหนิง โดยไม่คิดเปิดเผยว่านางใช้การจุมพิตช่วยชีวิตเขาที่ทะเลสาบ เพราะเกรงว่านางจะถูกฮ่องเต้ฉีตำหนิจึงได้แต่ใช้สายตาขอบคุณนาง
“ยินดีเช่นกันเพคะ” เสวี่ยหนิงทำตัวไม่ถูก ลุกขึ้นยอบกายเคารพเขา
ฮ่องเต้หย่งเฮ่าเมื่อเห็นสายตาที่หยางหมิงมองเสวี่ยหนิง ในใจก็คลายกังวล หากธิดาองค์นี้ได้อภิเษกสมรสกับชินอ๋องจริงนางก็จะหลุดพ้นจากการข่มเหงของฮองเฮา
“เช่นนั้นการดูแลภาษีการเก็บเกี่ยวข้าวปีนี้ เสวี่ยหนิงเจ้าก็รั้งอยู่ที่เถียนชิงเถิด” หย่งเฮ่าตรัสระหว่างทุกคนร่วมโต๊ะอาหาร
“หม่อมฉันรับบัญชาเพคะ”
หยางหมิงเมื่อรู้ว่าเสวี่ยหนิงจะรั้งอยู่ที่เถียนชิงอีกสามเดือนในใจก็ยินดียิ่ง เขาเองเป็นแม่ทัพอยู่ที่ชายแดนแคว้นฉีเช่นนี้ก็จะได้พบนางบ่อยขึ้นแล้ว
ลี่อินมองสถานการณ์โดยรอบเงียบ ๆ นางคาดเดาความคิดของฮ่องเต้ออก ว่าต้องการใช้โอกาสนี้เปิดทางให้เสวี่ยหนิง
สายลมฤดูใบไม้ผลิพัดปลิวไหว ม่านรถม้าสะบัดไปมาตามแรงลม เด็กชายวัยสองขวบเล่นซนบนรถม้าโดยไม่เหน็ดเหนื่อย “ถานจุนเฟิง หยุดเล่นได้แล้วตอนนี้จะถึงจวนแล้ว” ลี่อินที่กำลังอ่านบัญชีร้านกล่าวกับโอรสของตน “จุนเฟิงมาหาพ่อ ท่านแม่กำลังคร่ำเคร่ง” หยางหมิงเรียกลูกชายมาหา บัดนี้เขาสิ้นคราบชิงอ๋องผู้บ้าคลั่ง กลายเป็นพ่อค้าธรรมดาเท่านั้น “จื้อหาวบอกว่า ดินแดนทางตอนเหนือของแคว้นหานมีดอกไม้กลิ่นหอมมากมาย แลไข่มุกก็ราคาถูกฮูหยินสนใจหรือไม่” หยางหมิงเอ่ยถึงสหายเก่าที่หลังจากสำนึกตนมาสองปี จึงติดต่อหาเขาอีกครั้ง “สนใจสิเพคะ ท่านพี่แจ้งโหวน้อยด้วยว่าหลังจากงานเฉลิมฉลองการก่อตั้งแคว้นเว่ย เราจะเดินทางไปเจรจาราคาอีกครั้ง” ลี่อินยิ้มกว้างนางดีใจทุกครั้งหากสามารถหาวัตถุดิบราคาถูกและดีได้ “ของขวัญอี้หนิงครบสี่ปีจะให้สิ่งใดนางดีเพคะ” ลี่อินขอความเห็นกับหยางหมิง “เช่นนั้นมอบร้านขายอัญมณีในเมืองเถียนชิง พร้อมกับเงินอีกหมื่นตำลึงให้นางดีหรือไม่ โตขึ้นมานางจะได้เป็นสตรีที่ร่ำรวยที่สุดในแค้นฉี ไม่มีผู
ใกล้พิธีอภิเษกสมรสของฉินตงหยาง หยางหมิงพาลี่อิงเข้าวังหลวงเพื่อขอพระราชทานอนุญาตร่วมพิธีอภิเษกสมรส “ทูลเสด็จพ่อ เสด็จแม่ กระหม่อมและพระชายามาขอให้ทั้งสองพระองค์พระราชทานอนุญาตเข้าร่วมงานอภิเษกสมรสของรัชทายาทแคว้นหานพ่ะย่ะค่ะ” “กำลังตั้งครรภ์จะเดินทางไกลได้อย่างไร ให้เพียงหยางหมิงไปก็พอ ส่วนลี่อินพักอยู่ที่จวนเถอะ” ฮองเฮากล่าวแย้งทั้งที่ยังปักผ้าอยู่ “ทูลฮองเฮา รัชทายาทแคว้นหานเป็นสหายของหม่อมฉันจึงจำเป็นต้องไปร่วมยินดีเพคะ” ลี่อินไม่ยินยอมทำตาม “เจ้าไปรังแต่จะเป็นภาระ เดินเหินลำบากอยู่จวนดีแล้ว” “หม่อมฉันยังคล่องแคล่ว ครรภ์ยังอ่อนไม่ได้เป็นภาระแต่อย่างใด” นางโต้แย้งทุกคำห้ามของมารดาสวามี หยางหมิงกับฮ่องเต้ทำได้เพียงนั่งดื่มน้ำชาอย่างเงียบเชียบ ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดกระหว่างที่สตรีทั้งสองกำลังโต้แย้งกัน “นี่ เหตุใดถึงมิยอมเชื่อฟังเอาซะเลยเจ้าเป็นลูกสะใภ้สมควรเชื่อฟังแม่สามีมิใช่หรือ” อวิ๋นซินจ้องมองลี่อินด้วยสายตาตำหนิ หากแต่ลูกสะใภ้ผู้นี้กลับ
ม้าศึกคู่กายชินอ๋องหยุดนิ่งหน้าจวนอ๋อง บุรุษบนหลังม้าไม่รีรอมุ่งหน้าไปตำหนักตะวันออกด้วยความร้อนใจ ทว่าภายในตำหนักกลับไม่มีผู้ใดอยู่ทำให้แน่ใจแล้วว่าลี่อินหนีเขาไปจริง ร่างทั้งร่างของหยางหมิงหนักอึ้งจนมิอาจย่างก้าวได้ หัวใจทั้งดวงเต้นช้าลงเรื่อย ๆ น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาที่เจ้าของร่างไม่รู้ตัว ภพของลี่อินในเวลาโกรธ เวลาร้องไห้ หัวเราะ แข็งกร้าว ผุดขึ้นในหัวเขาซ้ำไปซ้ำมา “ไปแค้วนฉี!” คำสั่งเดียวของหยางหมิง ทำทั้งกองทัพต้องเดินทางอีกครั้ง ประชาชนต่างงุนงง กองทัพที่กลับเข้าเมืองเพียงหนึ่งชั่วยาม บัดนี้กลับเดินทัพอีกครั้งมีเหตุใดสำคัญจนมิหยุดพัก การเดินทางโดยไม่หยุดพักทำเหล่าทหารอ่อนล้าไม่น้อย หากแต่มิมีใครกล้าปริปากบ่น กองกำลังเรือนหมื่นเหยียบเข้าใกล้เมืองเถียนชิง “ท่านอ๋อง สายสืบแคว้นหานแจ้งข่าวว่ารัชทายาทตงหยางจะเข้าพิธีอภิเษกสมรสอีกสิบห้าวันข้างหน้าพ่ะย่ะค่ะ” เย่จินรายงาน ม้าศึกของหยางหมิงหยุดชะงักทันที เขาหวาดกลัวว่าสิ่งที่ตนคาดเดาจะเป็นจริง “ข่าวนี้แคว้นฉีรู้เรื่องหรือไม่” มือหนากำบังเหียนแน่นจนเ
หิมะในเมืองเหออันสงบลง คนเจ็บป่วยเพราะภัยหนาวไม่มีแล้ว หน้าที่ของลี่อินในเมืองเหออันจึงสิ้นสุดลง นางไม่มีความจำเป็นที่จะรั้งอยู่ที่เหออันอีก จึงคิดขอกลับเมืองหลวงเพราะเป็นห่วงร้านประทินโฉมอีกทั้งเรื่องในจวนไม่มีผู้ใดคอยจัดการ “ท่านอ๋อง ข้าจะกลับซู่โจวก่อนได้หรือไม่” ลี่อินยืนอยู่หน้าโต๊ะทรงอักษร สีหน้าจริงจังจ้องบุรุษที่ยังอ่านสาน์สของทัพอยู่ “รอกลับพร้อมข้า” เสียงเอาแต่ใจดังขึ้น “กว่าท่านอ๋องจะเสด็จกลับ ก็อีกครึ่งเดือน หม่อมฉันเป็นกังวลเรื่องร้านหมื่นบุปผา อีกทั้งกิจการของจวนอ๋องก็ไม่ได้ตรวจบัญชีมาแรมเดือน” “แต่หากเจ้าแอบหนีหลับแคว้นฉีเล่า” ครานี้หยางหมิงยอมเงยหน้าจากสาน์สกองทัพ มองมายังนางด้วยแววตาเศร้าสร้อย “หม่อมฉันจะหนีไปทำไมกัน” ลี่อินท้อใจที่จะอธิบาย “ก็เจ้าไม่มีใจให้ข้า หากครบสองเดือนสัญญาระหว่างข้ากับฮ่องเต้แคว้นฉีก็ถือว่าเป็นโมฆะ” น้ำเสียงเศร้าหมองนั้นลี่อินไม่ได้ตอบกลับ ยิ่งทำให้หยางหมิงรู้สึกหวาดหวั่น หากแต่นางกลับเดินไปหยุดเบื้องหน้าเขาพลางยอบก
ตงหยางมิอาจรั้งอยู่ในแคว้นอื่นได้นาน ยิ่งเป็นชายแดนแล้วความอึดอัดยิ่งเพิ่มมากขึ้น ก่อนหิมะจะตกหนักอีกครั้งจึงจำต้องบอกลาลี่อิน “ข้ายังยืนกรานคำเดิม หากเจ้ามิอยากอยู่กับชินอ๋องแล้ว ไปหาข้าที่แคว้นหาน แม้ไม่อาจห่วงใยในฐานะคนรักแต่ข้ายังห่วงใยเจ้าในฐานะสหายเสมอ” ตงหยางยื่นหยกประจำตัวกลับให้นางเช่นเดิม “ขอบพระทัยรัชทายาท” ลี่อินยอบกายกล่าวลา ก่อนรถม้าจะเคลื่อนตัวออกจากประตูเมืองไป หยางหมิงยิ้มพอใจเมื่อเห็นบุรุษอื่นที่นางห่วงใยจากไปเสียที แม้เป็นเพียงสหายแต่เขาก็ยอมรับไม่ได้เช่นเดิม “รัชทายาทยังคงตัดใจจากเจ้าไม่ได้” หยางหมิงมองหยกในมือลี่อิน “สักวันเขาจะเจอสตรีที่ตนรักเพคะ” ลี่อินกล่าวพลางหันกายเข้าเมืองไป “เหมือนข้าที่เจอแล้ว” หยางหมิงเดินตามนาง “ใครกันหรือเพคะ” “เจ้าไง อาอิน” ลี่อินหน้าแดงเมื่อเขาบอกชื่อสตรีในดวงใจ ก่อนก้มหน้ารีบเดินหนีเข้าโรงหมอไป ทำให้ชินอ๋องยิ้มอย่างมีหวังว่าภายในสองเดือนนางต้องยินยอมอยู่ข้างกายเขาเป็นแน่
“เราต้องกลับแคว้นเว่ยพรุ่งนี้” น้ำเสียงเคร่งเครียดเอ่ยขึ้น “มีอะไรหรือไม่เพคะ” “เมืองอันเหอมีพายุหิมะถล่ม ราษฎรขาดแคลนเสบียง กองทัพที่นั่นมิอาจรับมือได้ข้าต้องรีบไปจัดการ “แล้วเหตุใดหม่อมฉันต้องไปด้วย ท่านอ๋องเดินทางลำพังจะไม่เร็วกว่าหรือ หม่อมฉันจะไปรอพระองค์ที่จวนพร้อมอี้หนิง” “ข้าจะไม่ไปไหนหากไม่มีเจ้า” หยางหมิงแววตาจริงจังจ้องนางอยู่เช่นนั้น “หากแต่อี้หนิงยังเด็กหากเผชิญหิมะ...” “นางจะอยู่ที่แคว้นฉี” หยางหมิงกล่าวขัด “ท่านอ๋องตรัสว่าอย่างไรนะเพคะ?”ลี่อินไม่อยากเชื่อว่าหยางหมิงจะยินยอมให้อี้หนิงที่มีสายเลือดของตระกูลถานอยู่ที่แคว้นฉี “นางอยู่ที่นี่จะมีความสุขกว่า ไม่ต้องถูกสายตาดูแคลนของผู้อื่นจ้องมองเช่นที่อยู่ในแคว้นเว่ย ที่นั่นไม่สามารถให้ความรักกับนางได้ต่างจากไทเฮาเสวี่ยฉีที่มอบความรักให้กับเด็กคนนั้นได้ไม่สิ้นสุด”คำพูดของหยางหมิง ทำให้นางรู้ว่าบุรุษผู้นี้ห่วงใยผู้อื่นมากกว่าที่เขาแสดงออก คลื่นความสุขจึงก่อตัวขึ้นภายในใจของนางอ
กบฏยอมจำนน เจ๋อหานเสด็จประทับบนบัลลังก์มังกร ขุนนางประกาศโองการ“ด้วยโองการสวรรค์ ฮ่องเต้เจ๋อหานขึ้นครองบัลลังก์ ราษฎรเป็นสุขไร้ทุกข์นิรันดร์ เริ่มต้นศักราชหย่งฉีนับแต่นี้” สิ้นคำประกาศ เหล่าขุนนางคุกเข่ากราบถวายบังคม “น้อมรับบัญชาฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี” “ขุนนางทุกท่านลุกขึ้นเถิด ราชโองการแรกของข้า อภัยโทษทหารที่ร่วมก่อกบฏ ส่งไปชายแดนทำดีไถ่โทษ แม่ทัพอู๋ไท่และรองแม่ทัพ ปลดออกจากตำแหน่ง ยึดทรัพย์กึ่งหนึ่ง เนรเทศไปดินแดนรกร้าง ไม่เอาความคนในตระกูล องค์ชายจี้หานให้ไว้ทุกข์ยี่สิบปีเฝ้าสุสานฮ่องเต้หย่งเฮ่า” “น้อมรับราชโองการ” หยางหมิงยืนข้างลี่อิน มองดูเหตุการณ์สำคัญของแคว้นฉีโดยไม่คิดก้าวก่าย ส่วนลี่อินเงยหน้ามอกบุรุษที่ตัวสูงกว่าสายตาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย “ชินอ๋องถานหยางหมิง ขอบใจที่ตอบรับสาน์สขอความช่วยเหลือจากเรา” พระราชดำรัสของฮ่องเต้ ทำผู้คนในท้องพระโรงหรือแม้แต่ลี่อินต่างสับสน เหตุเพราะว่าการขอความช่วยเหลือจากแคว้นเว่ยไม่ได้มีการหารือในหมู่ขุนนางหรือแม่ทัพ “แคว้นฉี เป็นบ้านเกิดของพระชายา
พิธีราชาภิเษกจัดขึ้นตามกำหนดเดิม ลานหน้าท้องพระโรงถูกตระเตรียมสำหรับราชพิธี เหล่าขุนนางยังคงเข้าร่วมพระราชพิธีโดยมิหวาดหวั่นการชิงบัลลังก์ขององค์ชายสี่จี้หาน รัชทายาทซ่งเจ๋อหานสวมชุดมังกรพิธีการ ก้าวเดินอย่างมั่นคงมุ่งตรงสู่ท้องพระโรง เหล่าข้าราชบริพารค่อมกายเคารพฮ่องเต้พระองค์ใหม่ เครื่องประโคมบรรเลงตามจังหวะการเสด็จของฮ่องเต้ ไทเฮายืนอยู่เหนือบันไดท้องพระโรง พร้อมเหล่าเชื้อพระวงศ์เพื่อรอรับเสด็จฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ฮ่องเต้เจ๋อหานคุกเข่าถวายพระพรพระราชมารดาก่อนจะนำเสด็จเข้าสู่ท้องพระโรง หากแต่ประตูวังกลับมีกองกำลังของอู๋ไท๋บุกเข้ามาล้อมรอบลานพิธี “องค์ชายเจ๋อหานจะเสด็จไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพหลวงอู๋ไท่ลงจากม้าศึกชี้ดาบตรงมายังว่าที่ฮ่องเต้ของแคว้น “บังอาจ เจ้าเป็นขุนนางของราชสำนัก กล้าดีอย่างไรไม่เรียกฮ่องเต้ตามธรรมเนียม แลยังถือดาบต่อหน้าพระพักตร์อีก” มหาราชครูหลานต่อว่าอย่างมิเกรงกลัว “หึ! ตาเฒ่าหลานซื่อ ใครนับหลานชายเจ้าเป็นกษัตริย์กัน ทั้งอ่อนแอ ขลาดกลัวใช้แต่การเจรจาต่อรองไม่เห็นความสำคัญของการรบ แล้วเช่นนี้จะปก
เสวี่ยหนิงถูกส่งกลับแคว้นฉี ฮองเฮาเสวี่ยฉีนำเหล่าขุนนางบีบบังคับฝ่าบาทให้สั่งประหารเสวี่ยหนิง จนฮ่องเต้ที่ไร้ทางเลือกสั่งประหารธิดาของตนเองเพื่อความมั่นคงของราชวงศ์ สนมคนโปรดถูกเนรเทศไปชายแดน ส่วนซิ่วหรูถูกสั่งกักบริเวณในตำหนักนานสองปี โหวน้อยหวงจื้อหาวแม้มิได้มีเจตนาทำร้ายเหมยหลิง หากแต่มอบยาสวาทมิรู้จบเพราะสงสารน้องสาว ถูกส่งไปต่างแคว้นทำหน้าที่ทูตเจรจาการค้าเพื่อประโยชน์ของแคว้นเว่ย ลี่อินกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกครั้ง บัดนี้ทุกอย่างจบสิ้น นางย้ายกลับมาอยู่ตำหนักพระชายาพร้อมอี้หนิง เด็กน้อยที่ได้วิ่งเล่นในตำหนักกว้างยิ้มอย่างพอใจ “ชอบ” อี้หนิงที่พึ่งฝึกพูดเปล่งเสียงบอก “อี้เออร์ชอบก็ดีแล้ว” ลี่อินลูบศีรษะทุยนั้นอย่างรักใคร่ หากแต่ความสุขกลับอยู่ได้ไม่นาน เมื่อม้าเร็วจากแคว้นฉีขอเข้าเฝ้า “ทูลองค์หญิงสาม บัดนี้ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์แล้ว ฮองเฮาทูลเสด็จพระองค์กลับไปสักการะพระศพพ่ะย่ะค่ะ” ลี่อินแม้รู้ว่าบิดาป่วยมานาน หากแต่เมื่อได้ยินว่าฝ่าบาทจากไปแล้ว สติของนางขาวโพลนทันที เสียงสุดท้ายที่นางได้ยินกลับเป็นเสี
Comments