เมื่อคู่หมั้นที่รักกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ ต้องออกไปรบก่อนที่จะเข้าพิธีวิวาห์เพียงไม่กี่เดือน ทำให้งานมงคงต้องถูกเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด จนกว่าสงครามจะสิ้นสุด จนกว่าเขาจะกลับมา เวลาผ่านไปนานนับปีที่นางคอยเฝ้ารอ คืนและวันที่ผ่านไป ฤดูกาลที่สับเปลี่ยนหมุนเวียน นางยังคงเฝ้ารอให้คนรักกลับมาอย่างปลอดภัย และคำอธิฐานของนางก็เป็นจริง หยางซีซวนนำกองทัพกลับมายังเมืองหลวง พร้อมกับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ไป๋หนิงฮวายิ้มออกมาด้วยความดีใจ แต่ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับจางหายไป เพราะว่าข้างกายของเขา มีผู้หญิงอีกคน.. "นี่คือหลิวลี่ถังผู้ที่จะมาเป็นฮูหยินรองของข้า" "ฮูหยินรอง?เจ้าหมายความว่าอย่างไรซีซวนเจ้ายังไม่ทันได้แต่งกับข้าเสียด้วยซ้ำ เหตุใดจึงมีฮูหยินรองเร็วเช่นนี้" "ข้ากับถังเอ๋อร์พบกับโดยบังเอิญ นางเป็นผู้ช่วยชีวิตข้านางนับเป็นผู้มีพระคุณ" ”หากนางเป็นผู้มีพระคุณ เจ้าก็ตอบแทนพระคุณของนางสิ การแต่งงานสำหรับเจ้าคือการตอบแทนพระคุณอย่างนั้นหรือ” "ข้ามิได้แต่งกับนางเพื่อตอบแทนบุญคุณ ข้ารักนางข้าจึงอยากแต่งนางมาเป็นฮูหยินรองของข้า!!”
View More"เจ้ากลับมาอยู่จวนสกุลไป๋แล้วหรือ? ได้อย่างไร? เจ้าแต่งงานแล้วนี่..""ข้าจะอยู่ในที่ๆ เป็นของข้าเจ้าค่ะ" หนิงฮวายกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินออกไป โดยที่มีฉินอ๋องเดิมตามไปด้วยนางกลับมาอยู่จวนบิดาของตนเช่นนี้ คงมีอยู่ไม่กี่เหตุผล แต่ในเมื่อนางไม่อยากเล่า เขาก็จะไม่คาดคั้นฉินอ๋องเดินตามหนิงฮวาไปเรื่อยๆ ในระหว่างทางก็พบกับซิงอีเข้าพอดี หนิงฮวาจึงไม่จำเป็นต้องตามหาสาวใช้ให้วุ่นวายนางเดินเข้าร้านเครื่องประดับไปพร้อมกับฉินอ๋องและซิงอี หนิงฮวาได้แต่คิดในใจว่า แค่ซื้อเครื่องประดับไม่เห็นมีความจำเป็นให้ฉินอ๋องมาเดินคุ้มกันเลย และที่สำคัญนางก็ไม่ใช่คนสำคัญอันใดที่เขาจะต้องมาใส่ใจ"ข้าว่าท่านกลับไปเถิด ข้าเกรงใจ ท่านอย่าลำบากเลยเจ้าค่ะ" หนิงฮวาหันกลับมาพูดขึ้น นางสบตากับฉินอ๋องอย่างจริงจัง นางรู้สึกเกรงใจจริงๆที่เขามาเดินตามเช่นนี้"หากเจ้ารู้สึกรำคาญข้าจะออกไปรอข้างนอก.." เขาเพียงหวังดีกับนางเท่านั้น จดหมายจากธนูปริศนาในวันนั้นมันต้องไม่ใช่เพียงคำขู่เป็นแน่ พวกมันแค่กำลังรอให้เราชะล่าใจ"ข้ามิได้รำคาญท่าน บอกตามตรงข้าเกรงใจ ท่านเป็นถึงฉินอ๋อง จะให้ท่านมาคุ้มกันข้าได้อย่างไร ข้าเป็นเพียงยุต
ณ. จวนสกุลหยางหยางซีซวนกำลังตั้งหน้าตั้งตาจัดการเอกสารกองโตอยู่ที่โต๊ะ หลังจากจบจากสงครามก็มีทหารจำนวนมากที่บาดเจ็บจนไม่สามารถจับดาบได้อีก ไหนจะเรื่องครอบครัวของเหล่าทหารที่เสียชีวิตแม้สงครามจะจบไปเป็นปีแล้ว แต่ก็ยังมีงานมากมายที่เขาต้องทำและจัดการ ช่วงนี้เขาจึงไม่มีเวลาไปหาหนิงฮวาที่จวน "ปานนี้เจ้าจะทำอะไรอยู่นะ" หยางซีซวนได้แต่คิดอยู่ในใจ จวนนี้ที่ไร้นางมันช่างดูเงียบเหงา เขาต้องรีบทำเอกสารกองโตนี้ให้เสร็จ จะได้มีเวลาไปง้อเมีย!ในขณะที่หยางซีซวนกำลังทำงานอยู่นั้น จู่ๆก็มีชายชุดดำปรากฎตัวขึ้น"นายท่าน งานที่ท่านให้ข้าไปตามสืบได้เรื่องแล้วขอรับ" ชายชุดดำพูดขึ้น เขานั่งคุกเข่ารายงานผู้เป็นนายด้วยความเคารพ "ว่ามา" หยางซีซวนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สายตายังคงจับจ้องไปยังกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้า"ข้าน้อยได้ติดสินบนเฒ่าแก่เพื่อขอดูหนังสือซื้อขายและในวันนั้นที่ฮูหยินรองป่วยนั้น มีคนที่มีลักษณะคล้ายกับสาวใช้ของฮูหยินรองไปซื้อสมุนไพรที่ชื่อว่าตี้กู่ผีและว่านนารี และหลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมาตามสืบเรื่องนี้เช่นกัน คาดว่าน่าจะเป็นซิงอีสาวใช้ของฮูหยินใหญ่ขอรับ หรือ สรุปแล้วก็คือสิ่งที่ฮูหยินให
หนิงฮวาใช้ชีวิตอยู่ที่จวนสกุลไปอย่างสบายใจ นางรู้สึกคิดถึงเมื่อก่อนตอนที่นางยังใช้ชีวิตเป็นคุณหนูไป๋ นิ้วมือเรียวลูบไล้เสื้อผ้าอาภรณ์สมัยเก่าด้วยความคิดถึง ชุดนี้ท่านพ่อเป็นคนซื้อให้นาง และที่สำคัญ ท่านพ่อเป็นคนเลือกเองกับมือ มิได้ใช้บ่าวไพร่ที่ไหนไปซื้อเลย"ชุดสีชมพูนี้งดงามยิ่งนัก พ่อเห็นแล้วนึกถึงเจ้า จึงซื้อมาฝาก เจ้าลองใส่ดูสิ มันต้องเหมาะกับเจ้ามากแน่ๆ" คำพูดเหล่านั้นของท่านพ่อ นางยังจดจำได้เป็นอย่างดี แต่ด้วยความที่ชุดนั้น เป็นชุดแรกที่ท่านพ่อเลือกให้ นางจึงอยากเก็บไว้เสียมากกว่าการนำมาใส่"ชุดนี้งดงามมากเจ้าค่ะฮูหยิน" ซิงอีสาวใช้คนสนิทเอ่ยขึ้น ชุดนี้เป็นชุดเดียวที่ฮูหยินของนางมิได้นำไปด้วย ในคราที่ออกเรือน"ยามนี้เจ้าเรียกข้าว่าคุณหนูเช่นเดิมเถิด" หนิงฮวาเอ่ยขึ้น นางเอียนกับคำว่าฮูหยินเต็มทน ยามนี้นางอยู่ที่จวนสกุลไป๋ นางคือคุณหนูไป๋ของที่นี่"เจ้าค่ะคุณหนู ชุดนี้งดงามนักเจ้าค่ะ คุณหนูท่านไม่อยากเอามันออกมาใส่หรือเจ้าคะ" ซิงอีเป็นสาวใช้ที่รู้ใจหนิงฮวาเสมอ เจ้านายว่าอย่างไร นางก็ว่าตามนั้นการที่เจ้านายของนางบอกให้กลับมาเรียกว่าคุณหนูเช่นนี้ อาจมีความหมายเป็นนัยว่า ความสัมพัน
"เจ้าหมดรักข้าแล้วหรือฮวาเอ๋อร์ ไม่หย่าได้หรือไม่ข้าขอร้องเจ้า เจ้าจะให้ข้าทำสิ่งใดข้าก็ยอม" หยางซีซวนจับมือเล็กๆ อันบอบบางของนางขึ้นมาจูบเบาๆ ก่อนจะเอียงแก้มมาแนบกับมือของนางไว้ ตอนนี้เขารู้เพียงแค่ไม่อยากเสียนางไป ถ้าหากว่านางจะไปให้ได้ เขาก็จะกักขังนางไว้ ขอเพียงนางยังอยู่กับเขา ไม่ว่าจะวิธีใดเขาก็ยอมทำ"หากเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ข้าจะขอคงมีแค่เรื่องเดียว แต่ข้าคงจะไม่ขอหรอก เพราะข้ารู้ว่าเจ้าคงทำไม่ได้ หากเจ้าทำได้เจ้าก็คงทำไปตั้งนานแล้ว""เจ้ากลับไปคิดทบทวนอีกทีได้หรือไม่ฮวาเอ๋อร์..""ข้าคิดมาตลอดซีซวน มันหมดหนทางอื่นแล้ว ปล่อยข้าไปแล้วเจ้าก็ให้นางขึ้นเป็นฮูหยินแทนข้าเสีย" บัดนี้นางอ่อนล้าเกินกว่าที่จะไปสู้รบปรบมือกับใครแล้วชีวิตนางตั้งแต่เกิดมาอยากได้สิ่งใดก็ได้ดั่งใจตลอด มีแต่เรื่องความรักที่นางพยายามแค่ไหนก็ไม่เคยได้มันมา"ข้าไม่หย่า! อย่างไรข้าก็ไม่หย่า" "เจ้ามีเหตุผลใดจึงไม่ยอมหย่า""ข้ารักเจ้า ข้าอยากอยู่กับเจ้า อยากเห็นหน้าเจ้าในทุกๆวัน"เมื่อได้ยินคำตอบหนิงฮวาก็แสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย เหตุผลของเจ้ามันเหมือนกับว่า เจ้ามีข้าอยู่ในชีวิตมาโดยตลอด จึงไม่ชินหากวันหนึ่งต้องเสียข้าไ
เป็นเวลากว่าเจ็ดวันที่หนิงฮวาถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในเรือนของตนเอง โดยที่หยางซีซวนไม่ได้แวะมาหานางเลยสักวัน บัดนี้นางเริ่มคิดแล้วว่าตนนั้นเป็นดั่งนกในกรงทองของหยางซีซวนเท่านั้นหากเขารักหลิวลี่ถังปานนั้น เหตุใดจึงต้องขอให้นางมาเป็นฮูหยินเอกด้วย เพียงเพราะคำสัญญาในวัยเยาว์หรือเพราะอำนาจทางการเมือง นางไม่อยากเป็นฮูหยินเอกหรือเมียหลวงของใคร นางอยากเป็นเมียเพียงคนเดียว การที่นางยอมแต่งงานกับหยางซีซวนเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วหรือไม่ นางคงต้องคิดทบทวนดูใหม่เสียแล้วเมื่อลองมองย้อนกลับไปหนึ่งปีที่แต่งงานกันมา นางมีความสุขหรือไม่ หัวเราะกับร้องไห้สิ่งไหนบ่อยกว่ากันตัวนางไม่ต่างจากข้าวที่รอคอยฝน ยามที่ซีซวนมาหานางมักจะยิ้มและมีความสุข แต่ยามที่เขาไม่มา นางก็ได้แต่รอคอยโดยไม่มีสิทธิ์ปริปากบ่นถ้าหากว่านางหย่าแล้วกลับไปอยู่กับท่านพ่อ คงจะโดนชาวบ้านนินทาและคงทำให้ท่านพ่อต้องอับอาย นางจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร "ซิงอี ถ้าหากว่าวันหนึ่งข้าหย่ากับซีซวน ไม่เป็นฮูหยินไม่กลับไปเป็นคุณหนูไป๋ เจ้าจะยังอยู่กับข้าหรือไม่" หนิงฮวาที่กำลังนั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่างเอ่ยขึ้น"ไม่ว่าคุณหนูจะทำสิ่งใด ซิงอีจะอยู่กับ
ฉินอ๋องและแม่ทัพหยางซีซวนเดินออกมาจากพระตำหนักเฟยหลงขององค์ฮ่องเต้ ทั้งคู่เดินผ่านสวนดอกไม้นาๆ พันธุ์มาจนถึงศาลาริมสระบัว "เกี่ยวกับธนูปริศนาวันนั้น.." หยางซีซวนเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล ฉินอ๋องพยักหน้าอย่างเข้าใจ "เปิ่นหวางได้ตามสืบเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ลูกศรที่ยิงมาในวันนั้นเป็นลักษณะที่มีใบเลื่อยอยู่ด้วย ที่เดียวที่ใช้ลูกศรแบบนี้เท่าที่ข้ารู้ก็มีเพียงแค่..""ซีอาน!!" หยางซีซวนแทรกขึ้นมาทันที หลังจากที่ฟังฉินอ๋องพูดแล้วลูกศรแบบนี้ก็มีที่ซีอานที่เดียว! "เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้วท่านแม่ทัพ สงครามในครานั้นทั้งลั่วหยางและซีอานต่างก็สูญเสียกันไปมาก แต่ที่สำคัญเลยคือซีอานเสียองค์ชายสามไปกับสงคราม พวกมันคงจะแค้นใจไม่น้อย" สงครามจบใช่ว่าคนจะจบ อย่างไรเสียฝั่งนั้นก็สูญเสียองค์ชายลำดับที่สามไป สนามรบไม่ปรานีผู้ใด หากได้จับดาบรบแล้ว ไม่เข่นฆ่าเขาก็จะถูกเขาเข่นฆ่า พวกมันกำลังจะทำตัวเป็นหมาลอบกัด ซึ่งมันก็คงจะไม่แปลก เมื่อหลังชนฝาแล้วก็ไม่มีอะไรที่ต้องเสีย หากชนะในสนามรบมิได้ ก็จงชนะนอกสนามรบแทน หลังจากที่พูดคุยกับฉินอ๋องจบ หยางซีซวนก็กลับมาที่จวน บรรยากาศในจวนเงียบสงัดราวกับเป็นจวนร้าง เหตุใดวัน
สามวันมานี้หนิงฮวาได้ยินบ่าวไพร่พูดเรื่องของท่านแม่ทัพกับฮูหยินรองอยู่ทุกวัน บางคนก็ว่าคงจะมีข่าวดีเร็วๆนี้ อีกไม่นานคงจะมีคุณหนูคุณชายวิ่งกันเต็มจวนบางครั้งนางก็ต้องได้ยินว่าบ่าวไพร่ต่างพากันอิจฉาฮูหยินรอง ท่านทั้งสองพบกันราวพรหมลิขิต ได้ไปพบรักขณะที่ไปรบ และร่วมทุกข์ร่วมสุขกันนานนับปีแม้ฮูหยินรองจะมิใช่ลูกของผู้มีอำนาจ แต่ท่านแม่ทัพกลับแต่งฮูหยินรองเข้าจวนมาไล่เลี่ยกับฮูหยินเอก แถมดูเหมือนว่าท่านแม่ทัพจะรักฮูหยินรองมากกว่าฮูหยินเอกที่ถูกผู้ใหญ่บังคับหมั้นกันตั้งแต่เยาว์วัย ทหารยามที่เฝ้าอยู่บริเวณเรือนของฮูหยินเอกก็พูดกันว่า เมื่อยามที่ท่านแม่ทัพมานอนค้างที่เรือนของฮูหยินเอก มันไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา ร้อยวันพันปีเท่านั้นจึงจะได้ยินหนิงฮวาได้ยินคำพูดเหล่านี้มาโดยตลอด เพียงแต่นางไม่อยากถือสาเอาความ นางคงไม่สามารถห้ามปากและความคิดของผู้ใดได้ สิ่งที่เขาพูดมาก็ใช่ว่าจะเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น หลายสิ่งที่พวกเขาพูดมาล้วนเป็นความจริงนางมิใช่คนที่อ่อนหวานและขี้เอาใจแบบฮูหยินรอง นางเติบโตมาอย่างบุตรสาวของขุนนาง การแสดงออกแต่ละอย่างควรสง่างาม มิควรทำสิ่งใดประเจิดประเจ้อจนเป็นที่นินทา
หยางซีซวนตื่นขึ้นมาที่เรือนของลี่ถัง แต่วันนี้เขาตั้งใจว่าจะไปร่วมทานมื้อเช้ากับหนิงฮวาผู้เป็นฮูหยินเอก แต่เมื่อเขาเข้ามากลับไม่พบกระทั่งเงาของฮูหยินเอก นางหายไปไหนกัน"ฮูหยินของเจ้าอยู่ที่ใด" น้ำเสียงดุดันถามหาฮูหยินเอกด้วยความร้อนใจ "ข้าถามว่านางหายไปที่ใด!!!" เมื่อสาวใช้ที่คอยทำความสะอาดเรือนของฮูหยินมีท่าทีอึกอัก เขาก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาทันที"เรียนท่านแม่ทัพ ฮูหยินออกไปข้างนอกตั้งแต่เมื่อวานแล้วเจ้าค่ะ" "ออกไปตั้งแต่เมื่อวาน!!เป็นไปได้อย่างไรเหตุใดจึงไม่มีใครมารายงานข้า" หยางซีซวนรู้สึกวาบโหวงในใจเป็นอย่างมาก เหตุใดนางจึงไปไหนไม่บอกกล่าวเขาสักคำ ยิ่งช่วงนี้เขาได้จดหมายประหลาดมา ยิ่งทำให้รู้สึกกังวล"บ่าวเห็นว่าท่านอยู่ในเรือนของฮูหยินรองจึงมิกล้าเข้าไปรบกวนเจ้าค่ะ""หากเป็นเรื่องของฮูหยินเอก ข้าจะอยู่ที่ใดก็จงรีบมาบอกข้า ทหาร!!นี่คือคำสั่ง จงออกไปตามหาฮูหยินกลับจวนมาบัดเดี๋ยวนี้"เสียงคำสั่งของแม่ทัพดังสนั่น ระดมกำลังตามหาฮูหยินที่หายไป เขาไม่รอช้ารีบกุมบังเหียนออกตามหาฮูหยินทันที ขณะที่ม้ากำลังวิ่งด้วยความเร็ว เขาได้แต่ภาวนาอย่าให้เรื่องเกิดไม่ดีกับฮูหยินของเขาเลยถ้าหากว่
อดีตคุณหนูไป๋หนิงฮวาเคยเป็นคนที่ร่าเริงสดใส แม้บางครั้งจะดื้อรั้นเอาแต่ใจไปบ้างแต่ก็นับว่าน่ารัก มิรู้ว่ารอยยิ้มนั้นของคุณหนูหายไปตั้งแต่ตอนไหนกัน..เร่เข้ามา~ เร่เข้ามา~ ปิ่นมงคล~ ปิ่นมงคลนอกจากจะสวยงามแล้วยังช่วยเสริมดวงชะตาโชคลาภและที่สำคัญเสริมดวงเรื่องความรักด้วยนะขอรับ~เมื่อสิ้นสุดเสียงประกาศของร้านค้าแผงลอยร้านหนึ่งที่ดูเหมือนว่าเขาจะขายเครื่องประดับมงคล บรรดาสาวน้อยใหญ่ก็ต่างพากันกรูเข้าไปแย่งกันซื้อ ของแบบนี้ไม่ว่าจะยุคไหนก็ยังคงมีคนเชื่อและยอมซื้อมัน หนึ่งในนั้นก็มีหนิงฮวาอยู่ด้วย"เจ้าว่าปิ่นมงคลนี่เหมาะกับข้าหรือไม่"หนิงฮวาหยิบปิ่นขึ้นมาหนึ่งอัน เพื่อที่จะให้ซิงอีช่วยตัดสินใจ ขณะที่นางกำลังจะหันกลับมาถามหาความเห็นจากซิงอี นางก็ถูกฝูงชนเบียดจนเสียหลักเซล้มชั่วพริบตาที่นางจะล้มลงนั้นกลับมีคนมาช่วยประคองนางไว้ เมื่อหนิงฮวาลืมตาขึ้นมาอีกทีก็พบกับฉินอ๋องเมื่อตั้งสติได้หนิงฮวาก็รีบผละตัวออกจากฉินอ๋องทันที ต้องยอมรับจริงๆ ว่านางเคยเห็นเขาเพียงไกลๆเท่านั้นแต่นางกลับจำเขาได้ทันทีนางเคยเห็นฉิงอ๋องครั้งแรกเมื่อตอนที่ลั่วหยางได้ชัยจากสงครามเมื่อปีก่อน ผ่านมาจนป่านนี้แล้วนางก็ยังจำ
ดวงตะวันสาดส่องทุกหย่อมหญ้า สนามรบร้อนระอุ สายลมจากบ้านเกิดเมืองนอนพัดกระหน่ำหวนให้คิดถึงคนข้างหลังที่ยังรอ ความอดอยากและความกระหายในชัยชนะจุดไฟแห่งสงครามให้โหมกระหน่ำ เสียงคมดาบประทะกันดังกึกก้อง เสียงหวีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเต็มไปทั่วพื้นที่ หยาดเลือดไหลรินสู่พื้นดิน ไฟสงครามแผดเผาคร่าชีวิตเหล่าทหารกล้าท้ายที่สุดร่างกายและกระดูกก็กลายเป็นเถ้าถ่านหล่อเลี้ยงผืนดินสงครามอันยืดเยื้อและยาวนานกินเวลาเกือบปีระหว่างลั่วหยางและซีอาน ต่างพาให้เหล่านักรบเหนื่อยล้าทั้งทางกายและทางใจ แต่ในที่สุดซีอานก็ไม่สามารถต้านทานกองกำลังทหารแห่งลั่วหยางได้ จึงยกธงขาวยอมแพ้ล่าถอยกลับไปแต่โดยดีเสียงโห่ร้องฉลองชัยชนะดังกึกก้อง สายลมกรรโชกแรงพัดพาเมฆทมิฬมาปกคลุม หยาดฝนโปรยปรายไปทั่วบริเวณ ราวกับมาเป็นสักขีพยานชัยชนะให้แก่ลั่วหยาง แม่ทัพหยางซีซวนกลับเข้ามาพักผ่อนที่กระโจมของตน เมื่อเขาเดินเข้ามาถึง ก็ถูกต้อนรับโดยหลิวลี่ถังผู้เป็นดั่งหมอยาประจำตัว ทั้งสองพบกันโดยความบังเอิญ หลิวลี่ถังเป็นชาวบ้านแถบชายแดนระหว่างลั่วหยางและซีอาน หยางซีซวนถูกรอบทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บและได้รับความช่วยเหลือจากหลิวลี่ถัง นางเ...
Comments