ฉินอ๋องและแม่ทัพหยางซีซวนเดินออกมาจากพระตำหนักเฟยหลงขององค์ฮ่องเต้ ทั้งคู่เดินผ่านสวนดอกไม้นาๆ พันธุ์มาจนถึงศาลาริมสระบัว
"เกี่ยวกับธนูปริศนาวันนั้น.." หยางซีซวนเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล ฉินอ๋องพยักหน้าอย่างเข้าใจ
"เปิ่นหวางได้ตามสืบเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ลูกศรที่ยิงมาในวันนั้นเป็นลักษณะที่มีใบเลื่อยอยู่ด้วย ที่เดียวที่ใช้ลูกศรแบบนี้เท่าที่ข้ารู้ก็มีเพียงแค่.."
"ซีอาน!!" หยางซีซวนแทรกขึ้นมาทันที หลังจากที่ฟังฉินอ๋องพูดแล้วลูกศรแบบนี้ก็มีที่ซีอานที่เดียว!
"เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้วท่านแม่ทัพ สงครามในครานั้นทั้งลั่วหยางและซีอานต่างก็สูญเสียกันไปมาก แต่ที่สำคัญเลยคือซีอานเสียองค์ชายสามไปกับสงคราม พวกมันคงจะแค้นใจไม่น้อย"
สงครามจบใช่ว่าคนจะจบ อย่างไรเสียฝั่งนั้นก็สูญเสียองค์ชายลำดับที่สามไป สนามรบไม่ปรานีผู้ใด หากได้จับดาบรบแล้ว ไม่เข่นฆ่าเขาก็จะถูกเขาเข่นฆ่า
พวกมันกำลังจะทำตัวเป็นหมาลอบกัด ซึ่งมันก็คงจะไม่แปลก เมื่อหลังชนฝาแล้วก็ไม่มีอะไรที่ต้องเสีย หากชนะในสนามรบมิได้ ก็จงชนะนอกสนามรบแทน
หลังจากที่พูดคุยกับฉินอ๋องจบ หยางซีซวนก็กลับมาที่จวน บรรยากาศในจวนเงียบสงัดราวกับเป็นจวนร้าง เหตุใดวันนี้จึงไม่มีเสียงจอแจของบ่าวไพร่กัน
ซือซือที่นั่งรอท่านแม่ทัพอยู่นาน เมื่อเห็นว่าเขากลับมาแล้ว นางจึงรีบวิ่งเข้าไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น
"ท่านแม่ทัพเจ้าคะ ช่วยไปดูฮูหยินรองด้วยเถิดเจ้าค่ะ" ซือซือวิ่งเข้ามาอย่างหน้าตาตื่น เมื่อหยางซีซวนได้ยินเช่นนั้นจึงไม่เอ่ยถามสิ่งใดต่อ เขารีบมุ่งหน้าไปยังเรือนของฮูหยินรองทันที
เมื่อมาถึงหยางซีซวนก็รีบผลักประตูออกและเข้าไปดูอาการของหลิวลี่ถังทันที บัดนี้แก้มข้างขวาของนางช้ำเป็นรอยนิ้ว มือข้างขวาก็ถูกพันด้วยผ้าพันแผล สร้างความขุ่นเคืองให้เขาไม่น้อย เหตุใดนางจึงอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้!
"ถังเอ๋อร์เกิดสิ่งใดขึ้น เหตุใดเจ้าจึงเป็นเช่นนี้" เสียงผู้เป็นแม่ทัพดังขึ้น หลิวลี่ถังได้แต่ร้องไห้ไม่ยอมพูดจา ซือซือจึงเป็นฝ่ายพูดแทนผู้เป็นนาย
"วันนี้ฮูหยินเพียงแค่อยากทานไก่ตุ๋นโสมเจ้าค่ะ จึงไปขอแบ่งจากซิงอีสาวใช้ของฮูหยินเอก แต่นางกับพูดก้าวร้าวและบอกว่าจะมิยอมแบ่งให้ ฮูหยินรองจึงต่อว่าไปเล็กน้อย ซิงอีไม่พอใจจึงเอาน้ำแกงราดตัวเองและไปฟ้องฮูหยินของนางว่า ฮูหยินรองรังแก จากนั้นฮูหยินเอกก็บุกเข้ามาทำร้ายฮูหยินรองจนถึงในเรือน บ่าวก็ถูกตบด้วยเจ้าค่ะหลักฐานก็อยู่นี่แล้ว บ่าวไพร่ในจวนล้วนเห็นว่าฮูหยินใหญ่ทำร้ายร่างกายฮูหยินรองจริงอย่างไร้เหตุผล"
"เจ้าหุบปากเสีย อย่าพูดให้มันมากนัก" หยางซีซวนเอ่ยปรามซือซือเสียงแข็ง เขาแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลยว่าหนิงฮวาจะทำอย่างที่ซือซือพูดจริงๆ นางมิใช่คนที่ชอบใช้กำลัง แต่หลักฐานมันก็คาตาอยู่ว่าหลิวลี่ถังถูกทำร้าย
"เจ้าออกไปเสีย" หยางซีซวนเอ่ยไล่ซือซือออกมาจากห้อง เขาต้องการพูดกับหลิวลี่ถังตามลำพัง เขาต้องการฟังจากปากนางเท่านั้นว่ามันคือเรื่องจริงหรือไม่ ถ้าหากว่าจริง แล้วเขาจะทำอย่างไรดี
"ถังเอ๋อร์เจ้าตอบข้ามาว่าที่สาวใช้ของเจ้าพูดนั่นใช่เรื่องจริงหรือไม่" เพราะถ้าหากว่าไม่ใช่เรื่องจริงเห็นทีบ่าวคนนี้ควรจะถูกตัดลิ้นเสียแล้ว
"ท่านพี่หญิงเข้ามาตบข้าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมยังพูดว่าเหตุที่นางทำนางไม่จำเป็นต้องอธิบายใดๆจากนั้นนางก็เดินออกไปเลยเจ้าค่ะ"
หลิวลี่ถังตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ทำเอาหยางซีซวนถึงกับรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจ เหตุใดหนิงฮวาจึงทำเรื่องโหดร้ายไร้เหตุผลเช่นนี้ได้ เขาแทบไม่อยากเชื่อ ฝ่ามือหนาลูบผมของสตรีตัวเล็กข้างหน้าอย่างอ่อนโยน
"เดี๋ยวข้าจะไปคุยกับฮูหยินให้รู้เรื่อง" หยางซีซวนเดินออกมาจากเรือนของหลิวลี่ถังด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง หากเขาไปถึงเรือนของหนิงฮวาแล้ว เขาควรจะพูดอย่างไรกับนางดี
สองเท้าค่อยๆก้าวเข้ามาในเรือน ซิงอีเห็นท่านแม่ทัพมาจริงรีบทำความเคารพ หยางซีซวนสังเกตเห็นลอยน้ำร้อนลวกที่มือนางก่อนที่นางจะเดินออกไป
หนิงฮวานั่งปักผ้าเช็ดหน้าลายปักษาสวรรค์อยู่คนเดียว หยางซีซวนสูดลมหายใจเข้าก่อนจะค่อยๆปล่อยออกมา เขายืนทำใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปหาสตรีที่กำลังนั่งหันหลังให้เขา
หนิงฮวารู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองอยู่ข้างหลังจึงได้หันกลับไปมอง ปรากฎว่าเป็นหยางซีซวนที่กำลังยืนมองนางอยู่ หนิงฮวาลุกขึ้นค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ
"ข้ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเจ้า"
"มีสิ่งใดก็ว่ามาเถิดเจ้าค่ะ" หนิงฮวาสบตาเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไป นางรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เขาต้องมาหานางเพื่อคุยเรื่องที่นางไปทำร้ายหลิวลี่ถังมา
"ดูเหมือนเจ้าจะไม่ทุกข์ร้อนอันใดเลย เจ้าเป็นอะไรไปหนิงฮวา เหตุใดวันนี้จึงทำเรื่องเช่นนี้ได้ เจ้าก็รู้ว่าถังเอ๋อร์นางกำลังป่วย ใยเจ้าต้องถึงขั้นลงไม้ลงมือด้วย"
นางเพิ่งทำร้ายร่างกายคนไป แต่กลับมานั่งสบายใจอยู่อย่างนี้ นี่ใช่หนิงฮวาที่เขารู้จักจริงๆหรือไม่
"ท่านกำลังสอบปากคำข้าอยู่รึท่านแม่ทัพ นางเล่าให้ท่านฟังว่าอย่างไรบ้างล่ะ หากข้าอธิบายไปแล้วมันไม่ตรงกับที่นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านจะว่าข้าให้ความเท็จหรือไม่"
น้ำเสียงและแววตาของเขาไม่เหมือนคนที่ต้องการรู้ข้อเท็จจริง สีหน้าและแววตาเช่นนี้บ่งบอกว่าเขามีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว เขาได้ตัดสินนางไปก่อนที่จะได้ฟังคำตอบจากนางเสียด้วยซ้ำ หากเป็นเช่นนั้นแล้ว การอธิบายมันจะไปมีประโยชน์อะไร
"หนิงฮวาข้ากำลังพูดดีๆกับเจ้าอยู่นะ เจ้าตอบดีๆไม่ได้หรืออย่างไรกัน"
"ได้ข้าจะตอบท่าน วันนี้ซิงอีไปทำไก่ตุ๋นโสมมาให้ข้า แต่กลับโดนซือซือมาแย่งโสมไป ทั้งคู่จึงยื้อแย่งกันไปมาพอซิงอีปล่อยมือ ซือซือจึงล้มลง นางเลยไปฟ้องฮูหยินของนาง ซิงอีที่กำลังจะยกสำรับมาให้ข้ากลับถูกนางกลั่นแกล้ง จนน้ำแกงลวกมือ นางกลับเอาสำรับมาให้ข้าโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ ขนาดข้าถามว่ามือไปโดนอะไรมานางยังไม่ยอมเล่าความจริง จนกระทั่งข้าต้องขู่บังคับนางจึงยอมบอก มันคือเรื่องจริงที่วันนี้ข้าเข้าไปตบตีหลิวลี่ถังถึงที่เรือน นางกล้าดีอย่างไรมาทำร้ายคนของข้า"
หนิงฮวาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นางพยายามข่มความน้อยใจและความอัดอั้นตันใจของนางเอาไว้
ไม่ได้ ข้าจะร้องไห้ไม่ได้ อย่างน้อยต้องไม่ใช่ตอนนี้
"แต่ถึงเช่นนั้นเจ้าก็ไม่ควรตบหน้านางที่เป็นฮูหยินรองของข้าเพียงเพราะเจ้าโกรธแทนสาวใช้ของเจ้า"
"เหอะ ซิงอีเป็นดั่งพี่น้องคนสำคัญของข้าและข้าจะไม่ยอมให้ใครมารังแกนางเด็ดขาด ทำร้ายนางก็เหมือนทำร้ายข้า!!"
"ลี่ถังก็เป็นเมียข้า! เจ้าตบหน้านางเพียงเพราะสาวใช้คนเดียว เพราะเจ้ารู้ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีทางทำร้ายเจ้า เจ้าจึงได้กล้ามายืนต่อปากต่อคำกับข้าเช่นนี้!!! เด็กๆ!! ไปจับซิงอีมา โบยนางหนึ่งร้อยไม้!!!"
"เจ้าบ้าไปแล้วหรือซีซวน เจ้าจะฆ่านางหรืออย่างไรกัน!!!"
"ที่จวนนี้คำสั่งข้าคือที่สิ้นสุด เป็นความจริงที่ข้าไม่กล้าสั่งโบยเจ้า หากข้าโบยเจ้าไม่ได้ สาวใช้ของเจ้าจะต้องโดนแทน และต่อจากนี้ไปทุกความผิดของเจ้า บ่าวของเจ้าต้องเป็นคนรับโทษ!!!" หยางซีซวนพูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดเขาเพียงแต่หวังว่าเรื่องแบบนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีก หนิงฮวาต้องเลิกเอาแต่ใจจะไม่ไม่มีผู้ใดต้องเจ็บตัว
"เจ้าเป็นคนโหดร้ายเยี่ยงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันซีซวน เจ้าก็เคยเห็นนางมาตั้งแต่เด็ก เจ้าจะสั่งโบยนางให้ตายเชียวหรือ"
"ถ้าหากที่ข้าทำมันโหดร้ายแล้วที่เจ้าทำมันไม่โหดร้ายรึหนิงฮวา!! เจ้าตบนางจนล้มให้เศษแก้วบาดทั้งๆที่เจ้าก็รู้ว่านางป่วยอยู่ เจ้าจะไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือ!"
หนิงฮวาแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย ที่แท้เขาก็มีคำตอบอยู่แล้ว ที่นางพูดไปทั้งหมดล้วนเปลืองน้ำลายเปล่า บุรุษผู้เป็นถึงแม่ทัพกลับขาดเขลาดูมารยาของสตรีไม่ออก
"เจ้ารู้หรือไม่ว่านางเพียงแสร้งป่วย" หนิงฮวาเสียงสั่นเครือด้วยความโกรธระคนเสียใจ นางอัดอั้นตันใจเหลือเกิน!
"เจ้ารู้หรือไม่ว่าพูดโดยที่ไม่มีหลักฐานมันคือการหมิ่นและใส่ร้ายผู้อื่น แถมผู้ที่เจ้ากำลังพูดถึงนางคือภรรยาของข้าเช่นกัน" หยางซีซวนรู้ว่าหนิงฮวากำลังโกรธ แต่เขาก็ไม่คิดว่านางจะกุเรื่องขึ้นมาเพื่อทำร้ายลี่ถังเช่นนี้
"แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าหากนำสมุนไพรตี้กู่ผีมาสผมเข้ากับว่านนารีจะทำให้ร่างกายขับธาตุหยางออกไปจนหมด ตี้กู่ผีเป็นสมุนไพรที่ให้ความเย็นอยู่แล้ว เจ้ามิรู้จริงๆหรือว่าว่านนารีไม่ได้มีไว้ให้นารีดื่มน่ะ"
ในวันที่หลิวลี่ถังป่วยขณะที่หนิงฮวาเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของหลิวลี่ถัง นางได้กลิ่นหวานๆคล้ายกับว่านนารีออกมาจากตัวของหลิวลี่ถัง นางจึงได้เอะใจและให้ซิงอีไปตามสืบที่ร้านสมุนไพรในเมือง ก็ได้พบว่า ซือซือเป็นผู้มาซื้อสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้ไป
ถ้าหากว่าคนที่ไม่รู้ก็คงจะไม่เอะใจอะไร แต่มารดาของหนิงฮวาเป็นถึงหมอหญิง จึงได้ทิ้งตำรายาและสมุนไพรไว้มากมาย ยามว่างหนิงฮวาจิงมักนั่งอ่านตำราของมารดาอยู่เสมอ
"เจ้าไม่ต้องเชื่อที่ข้าพูดก็ได้ เพราะไม่ว่าแม่นางหลิวจะพูดสิ่งใด เจ้าก็เชื่อเสมอ อย่างไรข้าก็เป็นสตรีโหดร้ายในสายตาเจ้าอยู่แล้ว เช่นนั้นก็อย่ามายุ่งกับข้า เจ้าออกไปซะแล้วถ้าหากว่าอยากโบยนักล่ะก็ มาโบยข้านี่จะกี่ร้อยไม้ก็ตามใจเจ้า!"
"นี่เจ้า!!! เจ้าอย่าท้ายทายความอดทนของข้าให้มันมากนัก เจ้าคิดว่าข้าจะไม่กล้าลงโทษเจ้าจริงๆใช่มั้ย!!" หยางซีซวนตวาดเสียงดังสนั่น ทำเอาบรรยากาศรอบข้างนิ่งเงียบขึ้นมาทันที
หนิงฮวาไม่ได้พูดสิ่งใดอีก มีเพียงน้ำตาที่เอ่อล้นกับขอบตาที่ร้อนผ่าว ตั้งแต่เล็กจนโต หยางซีซวนเป็นทุกอย่างสำหรับนาง เขามักเป็นคนที่ตามใจนางยิ่งกว่าใคร ยิ่งเรื่องขึ้นเสียงหรือตะคอกเขานั้นยิ่งไม่เคยทำ
แต่บัดนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว หนิงฮวาไม่รู้ว่าใจของหยางซีซวนเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาหลงลืมความสำคัญและความรู้สึกของนาง
เมื่อหยางซีซวนรู้สึกตัวว่าตนนั้นเผลอตะคอกใส่ภรรยาเอก สตรีที่เขารักและทะนุถนอมมาตั้งแต่วัยเยาว์ เขาก็ได้แต่นึกโกรธตัวเอง เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดไม่ดีใส่นาง
"เจ้ารู้หรือไม่ซีซวน เจ้าก็กำลังทำลายความอดทนอันน้อยนิดของข้าเช่นกัน และ ข้าคิดว่านับวันมันจะยิ่งน้อยลงจนมันคงไม่เหลือเลย" ฝ่ามือเล็กปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ นางได้แต่คิดกับตัวเองว่าสักวัน นางจะเดินออกไปจากที่นี่ จะออกไปจากชีวิตผู้ชายคนนี้
"หนิงฮวาคือข้า.."
"เจ้าออกไปเสียเถอะ ข้าไม่อยากฟังคำพูดอะไรก็ตามที่จะออกมาจากปากคนอย่างเจ้า" หนิงฮวาพูดเสียงแข็ง นางเบือนหน้าหนีไปอีกทางทันที
หยางซีซวนถึงกับสะอึกกับคำพูดของหนิงฮวา เขารู้ว่าตอนนี้นางกำลังโกรธ หากเขาพูดอะไรไป เรื่องมันคงแย่กว่าเดิม
"ทหาร!!ปล่อยตัวซิงอีซะวันนี้จะไม่มีใครถูกโบยทั้งนั้น ส่วนฮูหยินจะต้องถูกทำโทษโดยการกักบริเวณห้ามออกนอกเรือนแม้แต่ก้าวเดียว!"
แม่ทัพหยางทำได้เพียงเดินออกมาจากเรือนของหนิงฮวาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งอยู่ในใจ เขารู้ตัวว่าแม้ว่าหนิงฮวาจะผิดจริงในเรื่องใช้กำลังตบตี แต่เขาก็ไม่กล้าสั่งลงโทษให้นางต้องเจ็บตัวอยู่ดี
เป็นเวลากว่าเจ็ดวันที่หนิงฮวาถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในเรือนของตนเอง โดยที่หยางซีซวนไม่ได้แวะมาหานางเลยสักวัน บัดนี้นางเริ่มคิดแล้วว่าตนนั้นเป็นดั่งนกในกรงทองของหยางซีซวนเท่านั้นหากเขารักหลิวลี่ถังปานนั้น เหตุใดจึงต้องขอให้นางมาเป็นฮูหยินเอกด้วย เพียงเพราะคำสัญญาในวัยเยาว์หรือเพราะอำนาจทางการเมือง นางไม่อยากเป็นฮูหยินเอกหรือเมียหลวงของใคร นางอยากเป็นเมียเพียงคนเดียว การที่นางยอมแต่งงานกับหยางซีซวนเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วหรือไม่ นางคงต้องคิดทบทวนดูใหม่เสียแล้วเมื่อลองมองย้อนกลับไปหนึ่งปีที่แต่งงานกันมา นางมีความสุขหรือไม่ หัวเราะกับร้องไห้สิ่งไหนบ่อยกว่ากันตัวนางไม่ต่างจากข้าวที่รอคอยฝน ยามที่ซีซวนมาหานางมักจะยิ้มและมีความสุข แต่ยามที่เขาไม่มา นางก็ได้แต่รอคอยโดยไม่มีสิทธิ์ปริปากบ่นถ้าหากว่านางหย่าแล้วกลับไปอยู่กับท่านพ่อ คงจะโดนชาวบ้านนินทาและคงทำให้ท่านพ่อต้องอับอาย นางจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร "ซิงอี ถ้าหากว่าวันหนึ่งข้าหย่ากับซีซวน ไม่เป็นฮูหยินไม่กลับไปเป็นคุณหนูไป๋ เจ้าจะยังอยู่กับข้าหรือไม่" หนิงฮวาที่กำลังนั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่างเอ่ยขึ้น"ไม่ว่าคุณหนูจะทำสิ่งใด ซิงอีจะอยู่กับ
"เจ้าหมดรักข้าแล้วหรือฮวาเอ๋อร์ ไม่หย่าได้หรือไม่ข้าขอร้องเจ้า เจ้าจะให้ข้าทำสิ่งใดข้าก็ยอม" หยางซีซวนจับมือเล็กๆ อันบอบบางของนางขึ้นมาจูบเบาๆ ก่อนจะเอียงแก้มมาแนบกับมือของนางไว้ ตอนนี้เขารู้เพียงแค่ไม่อยากเสียนางไป ถ้าหากว่านางจะไปให้ได้ เขาก็จะกักขังนางไว้ ขอเพียงนางยังอยู่กับเขา ไม่ว่าจะวิธีใดเขาก็ยอมทำ"หากเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ข้าจะขอคงมีแค่เรื่องเดียว แต่ข้าคงจะไม่ขอหรอก เพราะข้ารู้ว่าเจ้าคงทำไม่ได้ หากเจ้าทำได้เจ้าก็คงทำไปตั้งนานแล้ว""เจ้ากลับไปคิดทบทวนอีกทีได้หรือไม่ฮวาเอ๋อร์..""ข้าคิดมาตลอดซีซวน มันหมดหนทางอื่นแล้ว ปล่อยข้าไปแล้วเจ้าก็ให้นางขึ้นเป็นฮูหยินแทนข้าเสีย" บัดนี้นางอ่อนล้าเกินกว่าที่จะไปสู้รบปรบมือกับใครแล้วชีวิตนางตั้งแต่เกิดมาอยากได้สิ่งใดก็ได้ดั่งใจตลอด มีแต่เรื่องความรักที่นางพยายามแค่ไหนก็ไม่เคยได้มันมา"ข้าไม่หย่า! อย่างไรข้าก็ไม่หย่า" "เจ้ามีเหตุผลใดจึงไม่ยอมหย่า""ข้ารักเจ้า ข้าอยากอยู่กับเจ้า อยากเห็นหน้าเจ้าในทุกๆวัน"เมื่อได้ยินคำตอบหนิงฮวาก็แสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย เหตุผลของเจ้ามันเหมือนกับว่า เจ้ามีข้าอยู่ในชีวิตมาโดยตลอด จึงไม่ชินหากวันหนึ่งต้องเสียข้าไ
หนิงฮวาใช้ชีวิตอยู่ที่จวนสกุลไปอย่างสบายใจ นางรู้สึกคิดถึงเมื่อก่อนตอนที่นางยังใช้ชีวิตเป็นคุณหนูไป๋ นิ้วมือเรียวลูบไล้เสื้อผ้าอาภรณ์สมัยเก่าด้วยความคิดถึง ชุดนี้ท่านพ่อเป็นคนซื้อให้นาง และที่สำคัญ ท่านพ่อเป็นคนเลือกเองกับมือ มิได้ใช้บ่าวไพร่ที่ไหนไปซื้อเลย"ชุดสีชมพูนี้งดงามยิ่งนัก พ่อเห็นแล้วนึกถึงเจ้า จึงซื้อมาฝาก เจ้าลองใส่ดูสิ มันต้องเหมาะกับเจ้ามากแน่ๆ" คำพูดเหล่านั้นของท่านพ่อ นางยังจดจำได้เป็นอย่างดี แต่ด้วยความที่ชุดนั้น เป็นชุดแรกที่ท่านพ่อเลือกให้ นางจึงอยากเก็บไว้เสียมากกว่าการนำมาใส่"ชุดนี้งดงามมากเจ้าค่ะฮูหยิน" ซิงอีสาวใช้คนสนิทเอ่ยขึ้น ชุดนี้เป็นชุดเดียวที่ฮูหยินของนางมิได้นำไปด้วย ในคราที่ออกเรือน"ยามนี้เจ้าเรียกข้าว่าคุณหนูเช่นเดิมเถิด" หนิงฮวาเอ่ยขึ้น นางเอียนกับคำว่าฮูหยินเต็มทน ยามนี้นางอยู่ที่จวนสกุลไป๋ นางคือคุณหนูไป๋ของที่นี่"เจ้าค่ะคุณหนู ชุดนี้งดงามนักเจ้าค่ะ คุณหนูท่านไม่อยากเอามันออกมาใส่หรือเจ้าคะ" ซิงอีเป็นสาวใช้ที่รู้ใจหนิงฮวาเสมอ เจ้านายว่าอย่างไร นางก็ว่าตามนั้นการที่เจ้านายของนางบอกให้กลับมาเรียกว่าคุณหนูเช่นนี้ อาจมีความหมายเป็นนัยว่า ความสัมพัน
ณ. จวนสกุลหยางหยางซีซวนกำลังตั้งหน้าตั้งตาจัดการเอกสารกองโตอยู่ที่โต๊ะ หลังจากจบจากสงครามก็มีทหารจำนวนมากที่บาดเจ็บจนไม่สามารถจับดาบได้อีก ไหนจะเรื่องครอบครัวของเหล่าทหารที่เสียชีวิตแม้สงครามจะจบไปเป็นปีแล้ว แต่ก็ยังมีงานมากมายที่เขาต้องทำและจัดการ ช่วงนี้เขาจึงไม่มีเวลาไปหาหนิงฮวาที่จวน "ปานนี้เจ้าจะทำอะไรอยู่นะ" หยางซีซวนได้แต่คิดอยู่ในใจ จวนนี้ที่ไร้นางมันช่างดูเงียบเหงา เขาต้องรีบทำเอกสารกองโตนี้ให้เสร็จ จะได้มีเวลาไปง้อเมีย!ในขณะที่หยางซีซวนกำลังทำงานอยู่นั้น จู่ๆก็มีชายชุดดำปรากฎตัวขึ้น"นายท่าน งานที่ท่านให้ข้าไปตามสืบได้เรื่องแล้วขอรับ" ชายชุดดำพูดขึ้น เขานั่งคุกเข่ารายงานผู้เป็นนายด้วยความเคารพ "ว่ามา" หยางซีซวนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สายตายังคงจับจ้องไปยังกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้า"ข้าน้อยได้ติดสินบนเฒ่าแก่เพื่อขอดูหนังสือซื้อขายและในวันนั้นที่ฮูหยินรองป่วยนั้น มีคนที่มีลักษณะคล้ายกับสาวใช้ของฮูหยินรองไปซื้อสมุนไพรที่ชื่อว่าตี้กู่ผีและว่านนารี และหลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมาตามสืบเรื่องนี้เช่นกัน คาดว่าน่าจะเป็นซิงอีสาวใช้ของฮูหยินใหญ่ขอรับ หรือ สรุปแล้วก็คือสิ่งที่ฮูหยินให
"เจ้ากลับมาอยู่จวนสกุลไป๋แล้วหรือ? ได้อย่างไร? เจ้าแต่งงานแล้วนี่..""ข้าจะอยู่ในที่ๆ เป็นของข้าเจ้าค่ะ" หนิงฮวายกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินออกไป โดยที่มีฉินอ๋องเดิมตามไปด้วยนางกลับมาอยู่จวนบิดาของตนเช่นนี้ คงมีอยู่ไม่กี่เหตุผล แต่ในเมื่อนางไม่อยากเล่า เขาก็จะไม่คาดคั้นฉินอ๋องเดินตามหนิงฮวาไปเรื่อยๆ ในระหว่างทางก็พบกับซิงอีเข้าพอดี หนิงฮวาจึงไม่จำเป็นต้องตามหาสาวใช้ให้วุ่นวายนางเดินเข้าร้านเครื่องประดับไปพร้อมกับฉินอ๋องและซิงอี หนิงฮวาได้แต่คิดในใจว่า แค่ซื้อเครื่องประดับไม่เห็นมีความจำเป็นให้ฉินอ๋องมาเดินคุ้มกันเลย และที่สำคัญนางก็ไม่ใช่คนสำคัญอันใดที่เขาจะต้องมาใส่ใจ"ข้าว่าท่านกลับไปเถิด ข้าเกรงใจ ท่านอย่าลำบากเลยเจ้าค่ะ" หนิงฮวาหันกลับมาพูดขึ้น นางสบตากับฉินอ๋องอย่างจริงจัง นางรู้สึกเกรงใจจริงๆที่เขามาเดินตามเช่นนี้"หากเจ้ารู้สึกรำคาญข้าจะออกไปรอข้างนอก.." เขาเพียงหวังดีกับนางเท่านั้น จดหมายจากธนูปริศนาในวันนั้นมันต้องไม่ใช่เพียงคำขู่เป็นแน่ พวกมันแค่กำลังรอให้เราชะล่าใจ"ข้ามิได้รำคาญท่าน บอกตามตรงข้าเกรงใจ ท่านเป็นถึงฉินอ๋อง จะให้ท่านมาคุ้มกันข้าได้อย่างไร ข้าเป็นเพียงยุต
วังหลวงเมื่อรถม้าจอดสนิท หนิงฮวาก็ก้าวลงไปบนถนนที่ปูด้วยหินอ่อนอย่างสง่างาม ชุดสีชมพูยาวพริ้วไหวของนางทำจากผ้าไหมเนื้อดีที่สุดขณะที่หนิงฮวาก้าวเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยหินอ่อน อาภรณ์สีชมพูของนางก็พริ้วไหวเบา ๆ ตามสายลม ทรงผมที่ถูกจัดแต่งมาอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งทำให้ใบหน้าของนางดูงดงามหนิงฮวายกริมฝีปากขึ้นยิ้มเล็กน้อยในขณะที่นางมองไปรอบ ๆ ผู้คนในบริเวณนั้นอดไม่ได้ที่จะหยุดและจ้องมองความงามและความสุขุมไร้ที่ติของนางเห็นได้ชัดเลยว่านางนั้นดูสูงส่งและสง่างาม สมกับเป็นคุณหนูเพียงคนเดียวของสกุลไป๋และเป็นฮูหยินใหญ่แห่งสกุลหยางพระราชวังเป็นสถานที่แห่งความยิ่งใหญ่และมั่งคั่ง ในช่วงเทศกาลชมดอกไม้ บรรยากาศจะมีชีวิตชีวาและรื่นเริงเป็นพิเศษบริเวณพระราชวังนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันและบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้บานรวมถึงเสียงเพลงและบทกวีบรรดาขุนนางชนชั้นสูงจึงมักจะมาที่พระราชวัง เพื่อชมความงามของดอกไม้ พวกเขาพากันแต่งกายด้วยผ้าไหมชั้นดีและอัญมณีชั้นเลิศ โดยรวมแล้วบรรยากาศมีความหรูหรา ความประณีต และถือเป็นการเฉลิมฉลองความงามให้แก่ฮองเฮาหลังจากที่องค์ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จออกมา ทัก
ดวงตะวันสาดส่องทุกหย่อมหญ้า สนามรบร้อนระอุ สายลมจากบ้านเกิดเมืองนอนพัดกระหน่ำหวนให้คิดถึงคนข้างหลังที่ยังรอ ความอดอยากและความกระหายในชัยชนะจุดไฟแห่งสงครามให้โหมกระหน่ำ เสียงคมดาบประทะกันดังกึกก้อง เสียงหวีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเต็มไปทั่วพื้นที่ หยาดเลือดไหลรินสู่พื้นดิน ไฟสงครามแผดเผาคร่าชีวิตเหล่าทหารกล้าท้ายที่สุดร่างกายและกระดูกก็กลายเป็นเถ้าถ่านหล่อเลี้ยงผืนดินสงครามอันยืดเยื้อและยาวนานกินเวลาเกือบปีระหว่างลั่วหยางและซีอาน ต่างพาให้เหล่านักรบเหนื่อยล้าทั้งทางกายและทางใจ แต่ในที่สุดซีอานก็ไม่สามารถต้านทานกองกำลังทหารแห่งลั่วหยางได้ จึงยกธงขาวยอมแพ้ล่าถอยกลับไปแต่โดยดีเสียงโห่ร้องฉลองชัยชนะดังกึกก้อง สายลมกรรโชกแรงพัดพาเมฆทมิฬมาปกคลุม หยาดฝนโปรยปรายไปทั่วบริเวณ ราวกับมาเป็นสักขีพยานชัยชนะให้แก่ลั่วหยาง แม่ทัพหยางซีซวนกลับเข้ามาพักผ่อนที่กระโจมของตน เมื่อเขาเดินเข้ามาถึง ก็ถูกต้อนรับโดยหลิวลี่ถังผู้เป็นดั่งหมอยาประจำตัว ทั้งสองพบกันโดยความบังเอิญ หลิวลี่ถังเป็นชาวบ้านแถบชายแดนระหว่างลั่วหยางและซีอาน หยางซีซวนถูกรอบทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บและได้รับความช่วยเหลือจากหลิวลี่ถัง นางเ
เมื่อหยางซีซวนเดินเข้ามาก็พบว่าไป๋หนิงฮวาดูซูบผอมลงไปมาก นางเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างนั้นหรือ หนิงฮวามองหน้าของบุรุษที่นางเฝ้ารอมานับปีอย่างดีใจ แม้สีผิวจะคล้ำลงไปบ้างจากการทำสงครามต้องตากแดดตากลมแต่เขาก็ยังคงรูปงามสำหรับนางเสมอไป๋หนิงฮวาลุกขึ้นมาจับมือเขาดูให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บหนักที่ตรงไหน เมื่อเห็นว่าเขาปลอดภัยดีนางจึงลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกหนิงฮวาดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว นางคิดถึงและเป็นห่วงเขาเสียจนกินมิได้นอนมิหลับ ได้แต่คอยสวดมนต์ภาวนาให้เขาปลอดภัยกลับมา"ซีซวนเจ้าเป็นอย่างไรบ้างเหตุใดหลายเดือนมานี้จึงไม่มีจดหมายมาจากเจ้าเลย รู้หรือไม่ข้าเป็นห่วงเจ้าแทบแย่" ไป๋หนิงฮวาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือหยางซีซวนนึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่ได้ส่งจดหมายมาให้นางจริงๆอย่างที่นางพูด ก็ได้แต่โอบกอดนางไว้ นางซูบผอมลงไปมากจนกระดูกไหปลาร้าปรากฎออกมาอย่างเห็นได้ชัด"สงความเคร่งเครียดและยาวนานกว่าที่ข้าคิดนัก ทุกวันข้าเหนื่อยจนไม่มีเวลาได้เขียนจดหมายหาเจ้าเลย ขอเจ้าอย่าขุ่นเคือง ข้ากลับมาหาเจ้าแล้ว" หนิงฮวากอดหยางซีซวนไว้แน่นราวกับว่ากลัวเขาจะหายไปอีก จากนี้คงไม่มีเรื่องใดมาทำให้นางและซีซวนต้องพร
วังหลวงเมื่อรถม้าจอดสนิท หนิงฮวาก็ก้าวลงไปบนถนนที่ปูด้วยหินอ่อนอย่างสง่างาม ชุดสีชมพูยาวพริ้วไหวของนางทำจากผ้าไหมเนื้อดีที่สุดขณะที่หนิงฮวาก้าวเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยหินอ่อน อาภรณ์สีชมพูของนางก็พริ้วไหวเบา ๆ ตามสายลม ทรงผมที่ถูกจัดแต่งมาอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งทำให้ใบหน้าของนางดูงดงามหนิงฮวายกริมฝีปากขึ้นยิ้มเล็กน้อยในขณะที่นางมองไปรอบ ๆ ผู้คนในบริเวณนั้นอดไม่ได้ที่จะหยุดและจ้องมองความงามและความสุขุมไร้ที่ติของนางเห็นได้ชัดเลยว่านางนั้นดูสูงส่งและสง่างาม สมกับเป็นคุณหนูเพียงคนเดียวของสกุลไป๋และเป็นฮูหยินใหญ่แห่งสกุลหยางพระราชวังเป็นสถานที่แห่งความยิ่งใหญ่และมั่งคั่ง ในช่วงเทศกาลชมดอกไม้ บรรยากาศจะมีชีวิตชีวาและรื่นเริงเป็นพิเศษบริเวณพระราชวังนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันและบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้บานรวมถึงเสียงเพลงและบทกวีบรรดาขุนนางชนชั้นสูงจึงมักจะมาที่พระราชวัง เพื่อชมความงามของดอกไม้ พวกเขาพากันแต่งกายด้วยผ้าไหมชั้นดีและอัญมณีชั้นเลิศ โดยรวมแล้วบรรยากาศมีความหรูหรา ความประณีต และถือเป็นการเฉลิมฉลองความงามให้แก่ฮองเฮาหลังจากที่องค์ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จออกมา ทัก
"เจ้ากลับมาอยู่จวนสกุลไป๋แล้วหรือ? ได้อย่างไร? เจ้าแต่งงานแล้วนี่..""ข้าจะอยู่ในที่ๆ เป็นของข้าเจ้าค่ะ" หนิงฮวายกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินออกไป โดยที่มีฉินอ๋องเดิมตามไปด้วยนางกลับมาอยู่จวนบิดาของตนเช่นนี้ คงมีอยู่ไม่กี่เหตุผล แต่ในเมื่อนางไม่อยากเล่า เขาก็จะไม่คาดคั้นฉินอ๋องเดินตามหนิงฮวาไปเรื่อยๆ ในระหว่างทางก็พบกับซิงอีเข้าพอดี หนิงฮวาจึงไม่จำเป็นต้องตามหาสาวใช้ให้วุ่นวายนางเดินเข้าร้านเครื่องประดับไปพร้อมกับฉินอ๋องและซิงอี หนิงฮวาได้แต่คิดในใจว่า แค่ซื้อเครื่องประดับไม่เห็นมีความจำเป็นให้ฉินอ๋องมาเดินคุ้มกันเลย และที่สำคัญนางก็ไม่ใช่คนสำคัญอันใดที่เขาจะต้องมาใส่ใจ"ข้าว่าท่านกลับไปเถิด ข้าเกรงใจ ท่านอย่าลำบากเลยเจ้าค่ะ" หนิงฮวาหันกลับมาพูดขึ้น นางสบตากับฉินอ๋องอย่างจริงจัง นางรู้สึกเกรงใจจริงๆที่เขามาเดินตามเช่นนี้"หากเจ้ารู้สึกรำคาญข้าจะออกไปรอข้างนอก.." เขาเพียงหวังดีกับนางเท่านั้น จดหมายจากธนูปริศนาในวันนั้นมันต้องไม่ใช่เพียงคำขู่เป็นแน่ พวกมันแค่กำลังรอให้เราชะล่าใจ"ข้ามิได้รำคาญท่าน บอกตามตรงข้าเกรงใจ ท่านเป็นถึงฉินอ๋อง จะให้ท่านมาคุ้มกันข้าได้อย่างไร ข้าเป็นเพียงยุต
ณ. จวนสกุลหยางหยางซีซวนกำลังตั้งหน้าตั้งตาจัดการเอกสารกองโตอยู่ที่โต๊ะ หลังจากจบจากสงครามก็มีทหารจำนวนมากที่บาดเจ็บจนไม่สามารถจับดาบได้อีก ไหนจะเรื่องครอบครัวของเหล่าทหารที่เสียชีวิตแม้สงครามจะจบไปเป็นปีแล้ว แต่ก็ยังมีงานมากมายที่เขาต้องทำและจัดการ ช่วงนี้เขาจึงไม่มีเวลาไปหาหนิงฮวาที่จวน "ปานนี้เจ้าจะทำอะไรอยู่นะ" หยางซีซวนได้แต่คิดอยู่ในใจ จวนนี้ที่ไร้นางมันช่างดูเงียบเหงา เขาต้องรีบทำเอกสารกองโตนี้ให้เสร็จ จะได้มีเวลาไปง้อเมีย!ในขณะที่หยางซีซวนกำลังทำงานอยู่นั้น จู่ๆก็มีชายชุดดำปรากฎตัวขึ้น"นายท่าน งานที่ท่านให้ข้าไปตามสืบได้เรื่องแล้วขอรับ" ชายชุดดำพูดขึ้น เขานั่งคุกเข่ารายงานผู้เป็นนายด้วยความเคารพ "ว่ามา" หยางซีซวนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สายตายังคงจับจ้องไปยังกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้า"ข้าน้อยได้ติดสินบนเฒ่าแก่เพื่อขอดูหนังสือซื้อขายและในวันนั้นที่ฮูหยินรองป่วยนั้น มีคนที่มีลักษณะคล้ายกับสาวใช้ของฮูหยินรองไปซื้อสมุนไพรที่ชื่อว่าตี้กู่ผีและว่านนารี และหลังจากนั้นไม่นานก็มีคนมาตามสืบเรื่องนี้เช่นกัน คาดว่าน่าจะเป็นซิงอีสาวใช้ของฮูหยินใหญ่ขอรับ หรือ สรุปแล้วก็คือสิ่งที่ฮูหยินให
หนิงฮวาใช้ชีวิตอยู่ที่จวนสกุลไปอย่างสบายใจ นางรู้สึกคิดถึงเมื่อก่อนตอนที่นางยังใช้ชีวิตเป็นคุณหนูไป๋ นิ้วมือเรียวลูบไล้เสื้อผ้าอาภรณ์สมัยเก่าด้วยความคิดถึง ชุดนี้ท่านพ่อเป็นคนซื้อให้นาง และที่สำคัญ ท่านพ่อเป็นคนเลือกเองกับมือ มิได้ใช้บ่าวไพร่ที่ไหนไปซื้อเลย"ชุดสีชมพูนี้งดงามยิ่งนัก พ่อเห็นแล้วนึกถึงเจ้า จึงซื้อมาฝาก เจ้าลองใส่ดูสิ มันต้องเหมาะกับเจ้ามากแน่ๆ" คำพูดเหล่านั้นของท่านพ่อ นางยังจดจำได้เป็นอย่างดี แต่ด้วยความที่ชุดนั้น เป็นชุดแรกที่ท่านพ่อเลือกให้ นางจึงอยากเก็บไว้เสียมากกว่าการนำมาใส่"ชุดนี้งดงามมากเจ้าค่ะฮูหยิน" ซิงอีสาวใช้คนสนิทเอ่ยขึ้น ชุดนี้เป็นชุดเดียวที่ฮูหยินของนางมิได้นำไปด้วย ในคราที่ออกเรือน"ยามนี้เจ้าเรียกข้าว่าคุณหนูเช่นเดิมเถิด" หนิงฮวาเอ่ยขึ้น นางเอียนกับคำว่าฮูหยินเต็มทน ยามนี้นางอยู่ที่จวนสกุลไป๋ นางคือคุณหนูไป๋ของที่นี่"เจ้าค่ะคุณหนู ชุดนี้งดงามนักเจ้าค่ะ คุณหนูท่านไม่อยากเอามันออกมาใส่หรือเจ้าคะ" ซิงอีเป็นสาวใช้ที่รู้ใจหนิงฮวาเสมอ เจ้านายว่าอย่างไร นางก็ว่าตามนั้นการที่เจ้านายของนางบอกให้กลับมาเรียกว่าคุณหนูเช่นนี้ อาจมีความหมายเป็นนัยว่า ความสัมพัน
"เจ้าหมดรักข้าแล้วหรือฮวาเอ๋อร์ ไม่หย่าได้หรือไม่ข้าขอร้องเจ้า เจ้าจะให้ข้าทำสิ่งใดข้าก็ยอม" หยางซีซวนจับมือเล็กๆ อันบอบบางของนางขึ้นมาจูบเบาๆ ก่อนจะเอียงแก้มมาแนบกับมือของนางไว้ ตอนนี้เขารู้เพียงแค่ไม่อยากเสียนางไป ถ้าหากว่านางจะไปให้ได้ เขาก็จะกักขังนางไว้ ขอเพียงนางยังอยู่กับเขา ไม่ว่าจะวิธีใดเขาก็ยอมทำ"หากเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ข้าจะขอคงมีแค่เรื่องเดียว แต่ข้าคงจะไม่ขอหรอก เพราะข้ารู้ว่าเจ้าคงทำไม่ได้ หากเจ้าทำได้เจ้าก็คงทำไปตั้งนานแล้ว""เจ้ากลับไปคิดทบทวนอีกทีได้หรือไม่ฮวาเอ๋อร์..""ข้าคิดมาตลอดซีซวน มันหมดหนทางอื่นแล้ว ปล่อยข้าไปแล้วเจ้าก็ให้นางขึ้นเป็นฮูหยินแทนข้าเสีย" บัดนี้นางอ่อนล้าเกินกว่าที่จะไปสู้รบปรบมือกับใครแล้วชีวิตนางตั้งแต่เกิดมาอยากได้สิ่งใดก็ได้ดั่งใจตลอด มีแต่เรื่องความรักที่นางพยายามแค่ไหนก็ไม่เคยได้มันมา"ข้าไม่หย่า! อย่างไรข้าก็ไม่หย่า" "เจ้ามีเหตุผลใดจึงไม่ยอมหย่า""ข้ารักเจ้า ข้าอยากอยู่กับเจ้า อยากเห็นหน้าเจ้าในทุกๆวัน"เมื่อได้ยินคำตอบหนิงฮวาก็แสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย เหตุผลของเจ้ามันเหมือนกับว่า เจ้ามีข้าอยู่ในชีวิตมาโดยตลอด จึงไม่ชินหากวันหนึ่งต้องเสียข้าไ
เป็นเวลากว่าเจ็ดวันที่หนิงฮวาถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในเรือนของตนเอง โดยที่หยางซีซวนไม่ได้แวะมาหานางเลยสักวัน บัดนี้นางเริ่มคิดแล้วว่าตนนั้นเป็นดั่งนกในกรงทองของหยางซีซวนเท่านั้นหากเขารักหลิวลี่ถังปานนั้น เหตุใดจึงต้องขอให้นางมาเป็นฮูหยินเอกด้วย เพียงเพราะคำสัญญาในวัยเยาว์หรือเพราะอำนาจทางการเมือง นางไม่อยากเป็นฮูหยินเอกหรือเมียหลวงของใคร นางอยากเป็นเมียเพียงคนเดียว การที่นางยอมแต่งงานกับหยางซีซวนเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วหรือไม่ นางคงต้องคิดทบทวนดูใหม่เสียแล้วเมื่อลองมองย้อนกลับไปหนึ่งปีที่แต่งงานกันมา นางมีความสุขหรือไม่ หัวเราะกับร้องไห้สิ่งไหนบ่อยกว่ากันตัวนางไม่ต่างจากข้าวที่รอคอยฝน ยามที่ซีซวนมาหานางมักจะยิ้มและมีความสุข แต่ยามที่เขาไม่มา นางก็ได้แต่รอคอยโดยไม่มีสิทธิ์ปริปากบ่นถ้าหากว่านางหย่าแล้วกลับไปอยู่กับท่านพ่อ คงจะโดนชาวบ้านนินทาและคงทำให้ท่านพ่อต้องอับอาย นางจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร "ซิงอี ถ้าหากว่าวันหนึ่งข้าหย่ากับซีซวน ไม่เป็นฮูหยินไม่กลับไปเป็นคุณหนูไป๋ เจ้าจะยังอยู่กับข้าหรือไม่" หนิงฮวาที่กำลังนั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่างเอ่ยขึ้น"ไม่ว่าคุณหนูจะทำสิ่งใด ซิงอีจะอยู่กับ
ฉินอ๋องและแม่ทัพหยางซีซวนเดินออกมาจากพระตำหนักเฟยหลงขององค์ฮ่องเต้ ทั้งคู่เดินผ่านสวนดอกไม้นาๆ พันธุ์มาจนถึงศาลาริมสระบัว "เกี่ยวกับธนูปริศนาวันนั้น.." หยางซีซวนเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล ฉินอ๋องพยักหน้าอย่างเข้าใจ "เปิ่นหวางได้ตามสืบเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ลูกศรที่ยิงมาในวันนั้นเป็นลักษณะที่มีใบเลื่อยอยู่ด้วย ที่เดียวที่ใช้ลูกศรแบบนี้เท่าที่ข้ารู้ก็มีเพียงแค่..""ซีอาน!!" หยางซีซวนแทรกขึ้นมาทันที หลังจากที่ฟังฉินอ๋องพูดแล้วลูกศรแบบนี้ก็มีที่ซีอานที่เดียว! "เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้วท่านแม่ทัพ สงครามในครานั้นทั้งลั่วหยางและซีอานต่างก็สูญเสียกันไปมาก แต่ที่สำคัญเลยคือซีอานเสียองค์ชายสามไปกับสงคราม พวกมันคงจะแค้นใจไม่น้อย" สงครามจบใช่ว่าคนจะจบ อย่างไรเสียฝั่งนั้นก็สูญเสียองค์ชายลำดับที่สามไป สนามรบไม่ปรานีผู้ใด หากได้จับดาบรบแล้ว ไม่เข่นฆ่าเขาก็จะถูกเขาเข่นฆ่า พวกมันกำลังจะทำตัวเป็นหมาลอบกัด ซึ่งมันก็คงจะไม่แปลก เมื่อหลังชนฝาแล้วก็ไม่มีอะไรที่ต้องเสีย หากชนะในสนามรบมิได้ ก็จงชนะนอกสนามรบแทน หลังจากที่พูดคุยกับฉินอ๋องจบ หยางซีซวนก็กลับมาที่จวน บรรยากาศในจวนเงียบสงัดราวกับเป็นจวนร้าง เหตุใดวัน
สามวันมานี้หนิงฮวาได้ยินบ่าวไพร่พูดเรื่องของท่านแม่ทัพกับฮูหยินรองอยู่ทุกวัน บางคนก็ว่าคงจะมีข่าวดีเร็วๆนี้ อีกไม่นานคงจะมีคุณหนูคุณชายวิ่งกันเต็มจวนบางครั้งนางก็ต้องได้ยินว่าบ่าวไพร่ต่างพากันอิจฉาฮูหยินรอง ท่านทั้งสองพบกันราวพรหมลิขิต ได้ไปพบรักขณะที่ไปรบ และร่วมทุกข์ร่วมสุขกันนานนับปีแม้ฮูหยินรองจะมิใช่ลูกของผู้มีอำนาจ แต่ท่านแม่ทัพกลับแต่งฮูหยินรองเข้าจวนมาไล่เลี่ยกับฮูหยินเอก แถมดูเหมือนว่าท่านแม่ทัพจะรักฮูหยินรองมากกว่าฮูหยินเอกที่ถูกผู้ใหญ่บังคับหมั้นกันตั้งแต่เยาว์วัย ทหารยามที่เฝ้าอยู่บริเวณเรือนของฮูหยินเอกก็พูดกันว่า เมื่อยามที่ท่านแม่ทัพมานอนค้างที่เรือนของฮูหยินเอก มันไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา ร้อยวันพันปีเท่านั้นจึงจะได้ยินหนิงฮวาได้ยินคำพูดเหล่านี้มาโดยตลอด เพียงแต่นางไม่อยากถือสาเอาความ นางคงไม่สามารถห้ามปากและความคิดของผู้ใดได้ สิ่งที่เขาพูดมาก็ใช่ว่าจะเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น หลายสิ่งที่พวกเขาพูดมาล้วนเป็นความจริงนางมิใช่คนที่อ่อนหวานและขี้เอาใจแบบฮูหยินรอง นางเติบโตมาอย่างบุตรสาวของขุนนาง การแสดงออกแต่ละอย่างควรสง่างาม มิควรทำสิ่งใดประเจิดประเจ้อจนเป็นที่นินทา
หยางซีซวนตื่นขึ้นมาที่เรือนของลี่ถัง แต่วันนี้เขาตั้งใจว่าจะไปร่วมทานมื้อเช้ากับหนิงฮวาผู้เป็นฮูหยินเอก แต่เมื่อเขาเข้ามากลับไม่พบกระทั่งเงาของฮูหยินเอก นางหายไปไหนกัน"ฮูหยินของเจ้าอยู่ที่ใด" น้ำเสียงดุดันถามหาฮูหยินเอกด้วยความร้อนใจ "ข้าถามว่านางหายไปที่ใด!!!" เมื่อสาวใช้ที่คอยทำความสะอาดเรือนของฮูหยินมีท่าทีอึกอัก เขาก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาทันที"เรียนท่านแม่ทัพ ฮูหยินออกไปข้างนอกตั้งแต่เมื่อวานแล้วเจ้าค่ะ" "ออกไปตั้งแต่เมื่อวาน!!เป็นไปได้อย่างไรเหตุใดจึงไม่มีใครมารายงานข้า" หยางซีซวนรู้สึกวาบโหวงในใจเป็นอย่างมาก เหตุใดนางจึงไปไหนไม่บอกกล่าวเขาสักคำ ยิ่งช่วงนี้เขาได้จดหมายประหลาดมา ยิ่งทำให้รู้สึกกังวล"บ่าวเห็นว่าท่านอยู่ในเรือนของฮูหยินรองจึงมิกล้าเข้าไปรบกวนเจ้าค่ะ""หากเป็นเรื่องของฮูหยินเอก ข้าจะอยู่ที่ใดก็จงรีบมาบอกข้า ทหาร!!นี่คือคำสั่ง จงออกไปตามหาฮูหยินกลับจวนมาบัดเดี๋ยวนี้"เสียงคำสั่งของแม่ทัพดังสนั่น ระดมกำลังตามหาฮูหยินที่หายไป เขาไม่รอช้ารีบกุมบังเหียนออกตามหาฮูหยินทันที ขณะที่ม้ากำลังวิ่งด้วยความเร็ว เขาได้แต่ภาวนาอย่าให้เรื่องเกิดไม่ดีกับฮูหยินของเขาเลยถ้าหากว่