บนรถม้าในที่สุดกู้ฮวนเอ๋อร์ก็สลัดพวกสวี่หยวนชิงสองคนได้เสียที ทันใดนั้นก็พลันโล่งอกแล้วลอบมองฉู่อวิ๋นกุยอย่างอดไม่อยู่ หัวใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆนางอยากอธิบายเรื่องเข้าใจผิดเมื่อครู่ ระหว่างนางกับสวี่หยวนชิงไม่มีอันใดทั้งนั้น หวังว่าอวิ๋นอ๋องจะไม่เข้าใจผิด แต่ถ้านางอธิบายแล้วอวิ๋นอ๋องรู้สึกว่านางประหลาดหรือทำอะไรเกินจำเป็น จะมิชวนกระอักกระอ่วนใจแย่หรือ?ฉู่อวิ๋นกุยคิดว่ากู้ฮวนเอ๋อร์จะต้องรีบอธิบายทันทีที่ขึ้นมาบนรถม้าเป็นแน่ อย่างไรเสียนิสัยที่ผ่านมาของนางก็เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่พบกัน นางดูเหมือนจะมีเรื่องพูดมากมาย ไม่ว่าเขาจะฟังหรือไม่ฟัง นางก็ยังคงพูดต่อไปวันนี้พวกเขานั่งรถม้าคันเดียวกัน เหตุใดจู่ๆ แม่นางผู้นี้ก็เงียบไปเสียอย่างนั้น?เขามองใบหน้าเล็กๆ ที่ค่อนข้างแดงเรื่อของนาง ในหัวนึกถึงสวี่หยวนชิงที่ก่อนหน้านี้พร่ำพูดว่าชอบนาง หมายความว่า...นางหน้าแดงเพราะคำพูดของสวี่หยวนชิงงั้นหรือ?คิดถึงตรงนี้ ฉู่อวิ๋นกุยก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ นางก็ดูเหมือนจะไม่ชอบความเงียบนี่นา“เจ้าชอบคุณชายสวี่ผู้นั้น?” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยถามเสียงเรียบกู้ฮวนเอ๋อร์กำลังลังเลอยู่ว่าควรทำอย่างไรด
“ข้าอยากเตือนเจ้าว่าหวังเสวี่ยอาจไม่ใช่สหายที่ควรค่าแก่การคบหา รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าไม่ยินดีไปเจอสวี่หยวนชิง นางก็ยังพาคนมาหาครั้งแล้วครั้งเล่า”“หากไม่ใช่เพราะนางโง่เขลา ไม่เข้าใจเรื่องระหว่างผู้คน เข้าใจไปเองว่าหวังดีต่อเจ้า ทั้งยังคิดว่าเจ้าไม่รับน้ำใจ”“ไม่อย่างนั้นก็เป็นเพราะว่ามีจุดประสงค์แอบแฝงมาแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนล้วนแต่ไม่เป็นผลดีต่อเจ้าทั้งนั้น”น้ำเสียงฉู่อวิ๋นกุยแฝงไว้ซึ่งความอ่อนใจ แม่นางผู้นี้เข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับสายตาของเขาหรือเปล่า?ตอนเห็นหวังเสวี่ยครั้งแรกที่ร้านอาหาร เขาก็รู้สึกว่าแม่นางผู้นี้เสแสร้ง เผยความไม่ชอบมาพากลออกมาหลายส่วน วันนี้ได้เจอกันอีกครั้ง ความรู้สึกนี้ก็ยิ่งชัดเจนกว่าเดิมเขาเคยพบผู้คนมากมายในวัง มีคนแบบไหนไม่เคยเห็นมาก่อนบ้าง? แม่นางผู้นี้คิดอันใดอยู่ เดาได้ไม่ยากเลยสักนิด“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้...”กู้ฮวนเอ๋อร์ค่อยเข้าใจในที่สุด อันที่จริงตั้งแต่คราวก่อนที่หวังเสวี่ยโกหกให้นางไปหา นางก็ไม่พอใจแล้ว ยังเคยเตือนหวังเสวี่ยว่าคราวหน้าห้ามทำเรื่องแบบนี้อีกเด็ดขาดแม้พวกนางจะเป็นสหาย แต่นางไม่ชอบให้คนอื่นมาตัดสินใจแทนนาง แต่วันนี้หวังเสวี่ยก็ยัง
“ผู้หญิงอย่างพวกเราล้วนเป็นเช่นนี้ คนที่ชอบมอบอะไรให้ล้วนชมชอบ คนที่ไม่ชอบมอบอะไรให้ก็ไม่มีประโยชน์”กู้ฮวนเอ๋อร์ผายมือ “ผู้หญิงที่หม่อมฉันรู้จักล้วนเป็นเช่นนี้ ขอเพียงท่านอ๋องตั้งใจเตรียมมา ญาติผู้พี่จะต้องชอบแน่นอน แต่หม่อมฉันคิดว่าฐานะของท่านอ๋องไม่ธรรมดา คิดว่าเรื่องชวนประหลาดใจนี้คงจะยิ่งใหญ่ทีเดียวกระมัง?”“ถ้าจะบอกว่าเรื่องด้านนี้ใครมีประสบการณ์โชกโชนที่สุด นั่นก็ต้องเป็นพี่สี่แล้ว!”ฉู่อวิ๋นกุยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าหมายถึงซ่งจิ่งเซิน?”“ใช่แล้วเพคะ!” กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้า “ตอนนั้นเมื่อครั้งที่พี่สี่ชื่นชอบเคอหยวนจื่อ การกระทำพวกนั้น คนทั้งเมืองหลวงล้วนรับรู้กันทั่ว!”“ผ้าไหมแพรพรรณ เครื่องประดับต่างๆ สรรหาสิ่งของล้ำค่ามากำนัล ท่านไม่รู้หรอกว่ายามนั้นมีผู้หญิงมากมายเท่าไรนึกอิจฉา รู้สึกว่าเคอหยวนจื่อช่างมีวาสนายิ่งนักที่ได้รับความรักจากพี่สี่”“ยามนั้นคนรักในฝันของแม่นางมากมายก็คือพี่สี่ เวลาหลับฝันยังอยากให้ตัวเองกลายเป็นเคอหยวนจื่อใจจะขาด!”เห็นว่ากู้ฮวนเอ๋อร์ดวงตาเป็นประกายขณะพูดถึงเรื่องนี้ ฉู่อวิ๋นกุยก็ถามไปโดยไม่ทันคิด “ตอนนั้นเจ้าก็คิดแบบนี้เหมือนกัน?”“ผู้ใดไ
“เป็นอะไรไป?” ฉู่อวิ๋นกุยเห็นกู้ฮวนเอ๋อร์จ้องมองเขาอยู่ชั่วครู่แล้วก็พลันก้มหน้า อารมณ์ดูจะหม่นหมองลงไม่น้อยก็อดจะสงสัยไม่ได้กู้ฮวนเอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ดวงตารูปเมล็ดซิ่งที่สดใสชุ่มชื้นจับจ้องฉู่อวิ๋นกุยพลางถาม“ท่านอ๋อง ก่อนหน้านี้หม่อมฉันตามรบเร้าพัวพันท่านถึงปานนั้น ท่านรู้สึกยุ่งยากใจมากเลยใช่ไหมเพคะ?”คำถามที่มาถึงอย่างกะทันหันทำให้ฉู่อวิ๋นกุยอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนหน้านี้เขาหลีกเลี่ยงกู้ฮวนเอ๋อร์แทบไม่ทันจริงๆ ทว่าไม่ใช่เพราะรังเกียจนาง แต่เป็นเพราะรู้สึกขายหน้ามากต่างหากชั่วชีวิตนี้เขาไม่เคยต้องขายหน้าปานนั้นมาก่อน แต่หลังจากได้พบกู้ฮวนเอ๋อร์กลับเป็นเช่นนี้ติดต่อกันหลายครั้งแต่ช่วงนี้เขาดูเหมือนจะชินชาเสียแล้ว เมื่อไปร่วมงานเลี้ยงในโอกาสต่างๆ ก็มักมองว่าแม่นางผู้นี้กำลังทำอันใดโดยไม่รู้ตัวแน่นอน ทุกครั้งที่เขากวาดสายตามองไปล้วนพบว่าแม่นางผู้นี้กำลังมองเขาอยู่กู้ฮวนเอ๋อร์เห็นฉู่อวิ๋นกุยมีท่าทางลังเลก็คิดว่าเขากลัวจะทำร้ายจิตใจตนเองจึงยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นคนดี ฐานะเขาสูงศักดิ์ปานนั้นแท้ๆ แต่ก็ยังกังวลว่าจะทำร้ายจิตใจคนอื่นแม้คนที่ชอบจะไม่ใช่ตนเ
“ท่านอ๋อง ท่านไม่รำคาญหม่อมฉันจริงๆ นะเพคะ?” กู้ฮวนเอ๋อร์กะพริบตา จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าตรงๆ พลางเอ่ยถามเสียงเบาเสียงอ่อนหวานกับน้ำเสียงนุ่มนิ่มนั้นปัดผ่านหัวใจฉู่อวิ๋นกุยราวอุ้งเท้าแมวน้อยกระนั้น หัวใจพลันอ่อนยวบ“จริงสิ”ฉู่อวิ๋นกุยพยักหน้า น้ำเสียงเผยความอ่อนใจ อารมณ์กลับดียิ่งนัก เดิมนั้นเขารู้สึกไม่แน่ใจอยู่บ้าง แต่ชั่วขณะนี้เห็นที...เหมือนว่าเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกันกู้ฮวนเอ๋อร์ดีใจยิ่งนัก ท่านอ๋องไม่คิดว่านางน่ารำคาญ สำหรับนางเป็นข่าวดีที่สุดแล้วเมื่อก่อนเกือบทุกครั้งที่เจออวิ๋นอ๋อง เขาล้วนหลีกเลี่ยงตัวเองแทบไม่ทัน หลังจากนั้นนางก็ไม่กล้าโผล่หน้าไปหาอวิ๋นอ๋องอีก กังวลว่าหากตนเองไปแล้ว เขาจะผละหนี ด้วยเหตุนี้จึงคอยแต่มองดูจากไกลๆโชคดี...ที่เขาไม่ได้รังเกียจตนเองฉู่อวิ๋นกุยเห็นว่าสาวน้อยไม่ได้ร้องไห้ต่อไป ถึงตอนนี้ค่อยตระหนักว่าการกระทำของตนเองออกจะขาดความยั้งคิดเกินไปจึงรีบปล่อยนาง ความกระอักกระอ่วนวาบผ่านดวงหน้าหล่อเหลา“ขออภัย ข้าหุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว”กู้ฮวนเอ๋อร์ผละจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม ในใจลอบร้องว่าเสียดาย โอกาสเช่นนี้เกรงว่าชั่วชีวิตนี้คงมีแค่วันนี้แล้วไม
“ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้? เมื่อก่อนอวิ๋นอ๋องไม่อยากเจอฮวนเอ๋อร์ด้วยซ้ำ แต่เจ้าก็เห็นแล้วว่าตอนนี้เขาถึงขั้นมาส่งฮวนเอ๋อร์ด้วยตัวเอง วันหน้าไม่แน่ว่าอาจชอบเข้าก็เป็นได้”หวังเสวี่ยว่าแล้วก็แสร้งเป็นเอ่ยเตือนด้วยความปรารถนาดี “ในฐานะที่ข้าเป็นสหายสนิทของฮวนเอ๋อร์ รู้ว่าเจ้าดีต่อนางจากใจจริงถึงได้อยากช่วยเจ้า”“ถ้าเจ้าไม่รู้จักคิดหาวิธีการ เช่นนั้นก็ช่วยอันใดไม่ได้แล้ว อย่างไรเสียถ้าฮวนเอ๋อร์เข้าจวนอวิ๋นอ๋อง ดูเหมือนว่าก็ดีเหมือนกัน”สวี่หยวนชิงขมวดคิ้ว กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว เขาชอบฮวนเอ๋อร์มานานขนาดนี้ ปรารถนาว่าจะได้แต่งงานกับนาง ย่อมไม่อาจมองนางแต่งงานกับคนอื่นโดยไม่ทำอะไรในเมื่อยามนี้ทุกอย่างยังสามารถคลี่คลายได้ อย่างนั้นมิสู้เขากลับไปบอกเรื่องนี้ต่อท่านแม่ อย่างไรเสียท่านแม่ก็ชอบฮวนเอ๋อร์มากมาโดยตลอด พวกเขาจะได้หมั้นหมายกันโดยเร็ว“ข้าจะกลับไปบอกให้ท่านแม่ไปเจรจาสู่ขอ!” สวี่หยวนชิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังดวงตาหวังเสวี่ยสว่างวาบ ในที่สุดเจ้าหมอนี่ก็มีวิธีการเสียที!นางมองตามทิศทางที่รถม้าของฉู่อวิ๋นกุยจากไป หลังจากบอกลากับสวี่หยวนชิงก็แอบตามไปเงียบๆนางไม่อาจอยู่เฉยๆ ได้อีกต่อไป ม
ซ่งจิ่งเซินคิดถึงสิ่งที่ซ่งรั่วเจินเคยบอกเขา ปิ้งย่างอาจดูเหมือนง่าย ความจริงรสชาติของแต่ละร้านล้วนไม่เหมือนกันอาหารแต่ละชนิดกันต้องย่างนานเท่าไร ใช้ไฟแบบไหนล้วนแต่มีหลักการของมันอยู่ แน่นอนว่าการจะหมักอย่างไรก็เป็นสูตรลับเช่นกัน น้องหญิงห้าใช้เวลาอยู่ในเรือนไม่น้อยกว่าจะศึกษาออกมาได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเครื่องปรุงบางชนิดในจำนวนนั้น เป็นสิ่งที่น้องหญิงห้าเจาะจงให้เขาซื้อมาจากต่างถิ่น แม้แต่เขาเองก็ยังไม่เคยชิมมาก่อนซ่งปี้อวิ๋นแค่ดูเฉยๆ ก็คิดจะเรียนรู้ได้ถึงแก่นย่อมเป็นความเพ้อฝันโดยไม่ต้องสงสัย“วันนี้ร้านพวกเขาเปิดเหมือนที่ผ่านมา แต่การค้าไม่ค่อยดีนัก ไม่มีใครเข้าไปเลยขอรับ”วันนี้แม่นางซ่งก็แวะมาเหมือนกัน ยามนี้ยังอยู่ข้างใน แต่คุณชายเสิ่นน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป คงไม่ออกมาแล้ว”เช้าวันนี้ผู้ดูแลตั้งใจไปสืบเรื่องนี้มาจนกระจ่าง ช่วงนี้คนที่ลอกเลียนพวกเขาในเมืองหลวงมีจำนวนมากเกินไปจริงๆ แต่คุณชายก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วยมากเกินไปอย่างไรเสียของประเภทนี้ก็ไม่ได้บอกว่ามีแค่ร้านเดียวที่สามารถขายได้ ร้านอื่นไม่สามารถขายได้ เพียงแต่ต้องดูแลคนในร้านตัวเองให้ดี อย่าเก็บคนที่มีใจเป็นอ
แล้วก็เป็นดังคาด สีหน้าฉู่อวิ๋นกุยพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา “แค่โบยยี่สิบไม้มีประโยชน์อันใด? มู่เหยาลงมือเบาเกินไปแล้ว!”“เจ้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง ข้าสงสัยว่าเรื่องนี้เป็นแผนร้ายมาแต่ต้น ถ้าตรวจสอบพบว่าเป็นเช่นนี้จริงก็ให้เขาเข้าไปอยู่ในตะราง”“คิดจะรักษาอาการบาดเจ็บอย่างสะดวกสบายที่บ้าน ฝันอยู่งั้นรึ?”“ขอรับ ท่านอ๋อง”หลังจากฉู่อวิ๋นกุยสั่งความเรื่องนี้เสร็จก็ยิ้มกล่าวว่า “เรื่องนี้ยังไม่วุ่นวายไปถึงหน้าเสด็จพี่สามของข้า ไม่อย่างนั้นตอนนี้เสิ่นหวยอันคงกลายเป็นศพไปแล้ว”ซ่งจิ่งเซินนึกถึงแนวทางการจัดการเรื่องต่างๆ ของฉู่จวินถิง ต่อหน้าเขาเสิ่นหวยอันจะต้องไม่มีทางรอดชีวิตอย่างแน่นอน“อันที่จริงข้ามาวันนี้ก็เพราะอยากมาขอคำชี้แนะจากท่าน” ฉู่อวิ๋นกุยกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังเดิมนั้นเขาทำตามคำพูดของกู้ฮวนเอ๋อร์ ต้องการมาถามซ่งจิ่งเซินว่าควรเตรียมการสำหรับวันเทศกาลโคมไฟอย่างไรดีจึงจะทำให้พี่สะใภ้ชอบยิ่งกว่าเดิม อย่างไรเสียก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ย่อมจะพอรู้อะไรบ้างแต่หลังจากตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับกู้ฮวนเอ๋อร์เมื่อครู่นี้ เขารู้สึกว่าตนเองก็ต้องเตรียมการไว้เหมือนกันก่อนหน้านี้ตอนที่กู้ฮ
ฉู่อวิ๋นกุยและสี่พี่น้องสกุลซ่งสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล แต่ไหนแต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ใช่คนปากไม่มีหูรูด ยิ่งไม่มีวันโจมตีองค์ชายสี่ร่างกายอ่อนแอโดยไร้สาเหตุในเมื่อเขาทำถึงเพียงนี้ ก็หมายความว่าเขาไม่ชอบเหลียงอ๋องเพราะเหตุนี้ ซ่งรั่วเจินจึงสังเกตเห็นว่าไม่ว่าอวิ๋นอ๋องหรือพี่ชายของตนก็ล้วนมีท่าทีเปลี่ยนไปในเวลาเพียงชั่วพริบตาฉู่เทียนเช่อเกิดความสงสัย หรือว่าฉู่อ๋องและเหลียงอ๋องมีความขัดแย้งใดที่เขาไม่รู้?“น้องสี่ ก่อนหน้านี้ข้ารู้เพียงว่าไม่ว่าโยนลูกศรลงไหหรือโยนห่วงเจ้าก็ล้วนแม่นยำทั้งสิ้น ในเมื่อวันนี้มาแล้ว ไม่สู้ให้พวกเราได้ประจักษ์ต่อสายตาสักหน่อย”ฉู่เทียนเช่อยังแย้มยิ้มดังเดิม หยิบห่วงทางด้านข้างวางไว้ในมือฉู่ซิ่นเหลียงเขาไม่สนใจหรอกว่าระหว่างทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันหรือไม่ หากว่ามี นั่นก็ดีอย่างไม่ต้องสงสัย!“เช่นนั้นข้าจะลองดู”ฉู่ซิ่นเหลียงพยักหน้ายิ้มๆ สายตาสะท้อนแสงเย็นชาวูบหนึ่ง ครุ่นคิดภายในใจตกลงเขาปกปิดที่ใดไม่ดีถึงถูกฉู่อ๋องสังเกตเห็น?ทุกคนเห็นเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอยกห่วงขึ้น มองแจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลๆ วัดระยะครู่หนึ่งแล้วโยนออกไปได้เห็นห่วงนั้นสั่นไหวเล็กน้อยบ
ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้เห็นเหลียงอ๋อง นัยน์ตาไร้คลื่นอารมณ์สะท้อนแสงเย็นวูบหนึ่งซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่จวินถิง ลอบตกตะลึงภายในใจ ใช่หรือไม่ว่าเขาพบอะไรเข้าแล้ว?ภายในหนังสือ ทีแรกไม่มีใครสังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ทะเยอทะยานของเหลียงอ๋อง เขาลอบวางอุบายอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด รับชมองค์ชายท่านอื่นกัดกันเหมือนสุนัขด้วยสายตาเย็นชาอยู่วงนอกและได้รับผลปะโยชน์ไปในตอนสุดท้ายกอปรกับเดิมทีหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็มีรัศมีของพระเอกนางเอก เพียงสองคนลงมือก็ไม่มีเรื่องใดไม่สามารถจัดการได้ทว่า บัดนี้หลินจือเยว่และฉินซวงซวงไร้ประโยชน์ไปแล้ว คาดว่าเหลียงอ๋องต้องการทำถึงขั้นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องยากกระมัง“ขอบคุณน้องหกมากที่ห่วงใย ระยะนี้ร่างกายข้าดีขึ้นบ้างแล้ว” เหลียงอ๋องผลิยิ้ม กลับไอออกมาสองทีโดยไม่รู้ตัว“เสด็จพี่ แม้ว่าระยะนี้อากาศอุ่นแล้ว แต่ท่านจะต้องรักษาสุขภาพให้ดี อย่าต้องความเย็นเป็นอันขาด ช่วงต้นวสันต์อากาศเย็นมากนัก เป็นหวัดได้ง่ายที่สุด” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างห่วงใยฉู่เทียนเช่อมองสถานการณ์ของโยนลูกศรลงไหและพูดว่า “น้องสาม หากวันนี้เจ้าต้องการคว้าชัยชนะ น่ากลัวว่าไม่ง่ายถ
บัดนี้ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็อยากจะมอบสิ่งที่นางชอบทั้งหมดมาวางไว้ต่อหน้านาง“เสด็จพี่ มองเห็นแจกันดอกไม้อยู่ไกลที่สุดทางด้านหน้านั้นหรือไม่? ขอเพียงโยนลงเจ้านั่น ก็จะสามารถคว้าชัยชนะการแข่งขันโยนห่วงได้!”ฉู่อวิ๋นกุยชี้แจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลที่สุด รอบข้างแจกันดอกไม้ล้วนเต็มไปด้วยห่วงที่คล้องเพียงความว่างเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีคนโยนลงซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเล็กน้อย พบว่าแจกันดอกไม้ไม่เพียงแต่สูง ขนาดของปากแจกันยังแตกต่างจากห่วงไม่มากอีกด้วย คิดจะโยนให้ลงนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก!“งานเทศกาลโคมไฟของทุกปี การโยนห่วงนี้ยากที่สุด ข้าแทบจะไม่เคยเห็นคนโยนลงมาก่อน” ฉู่อวิ๋นกุยพูดอย่างเสียดายลั่วชิงอินเห็นแจกันดอกไม้ใหญ่ถึงเพียงนั้น ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เยี่ยนโจว การโยนห่วงนี้ยากเกินไปแล้วกระมัง มีคนโยนลงจริงหรือ?”“ยากจริงนั่นล่ะ แทบจะไม่มีใครสามารถโยนลงได้ จะต้องแม่นยำมากถึงจะใช้ได้ ต่อให้เป็นข้าก็ยากจะทำได้”ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีคนชื่นชมวิชายุทธ์ของเขา แต่บัดนี้ได้เห็นแจกันดอกไม้ขนาดเท่าห่วง รู้สึกเพียงว่าความยากนั้นมากเกินไป ดูท่าแล้วไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนส
ฉู่มู่เหยาเบิกตากว้าง เผยสีหน้าตกตะลึง นางคิดว่าซ่งจิงเซินได้สติแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะสูญเสียความทรงจำไป?“ข้ายังไม่แต่งงานเพราะคิดถึงเจ้า?” ซ่งจิ่งเซินถูกประโยคนี้ทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว “เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องแต่งงานแน่ เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันแต่งกับเจ้า”“เจ้าและชวีคั่วสมควรเป็นคู่รักสวรรค์สร้าง ข้าชี้แนะเจ้าให้รีบแต่งงาน ประเดี๋ยวจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”เคอหยวนจื่อโมโหแทบแย่ “ท่านยังไม่ยอมรับ!”ฉู่มู่เหยาปิดปากหัวเราะ ลดเสียงให้เบาลง “คุณชายสี่ซ่ง เหตุใดเจ้ายังไม่ยอมแต่งงานเล่า? คงไม่ใช่ว่ากำลังรอเคอหยวนจื่อจริงๆ หรอกกระมัง?”ซ่งจิ่งเซินผินมองนางแวบหนึ่ง “องค์หญิง ท่านสนใจเรื่องงานแต่งของกระหม่อมทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ไปทำไม? คงไม่ใช่...”ฉู่มู่เหยาเห็นสีหน้าหยอกเย้าของฝ่ายชาย สีหน้าแข็งทื่อไป “อะไรกันเล่า? ข้าไม่ได้สนใจงานแต่งของเจ้าเสียหน่อย”“ไม่ใช่ก็ดี” ซ่งจิ่งเซินถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง “หาไม่แล้วองค์หญิงดีๆ คนหนึ่งคิดอยากเป็นแม่สื่อ นั่นจะดีได้อย่างไร?”ฉู่มู่เหยา “???”“พี่สะใภ้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว เขาถึงขั้นพูดว่าข้าอยากเป็นแม่สื่อ เจ้ารีบหาทางอุดปากเขาเถอ
ตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในพิธีล่าสัตว์ ต่อให้ผ่านไปนานแล้ว ทุกคนก็ยังจำได้ดังเดิม“ซ่งจิ่งเซิน แม่นางเคอท่านนั้นของเจ้าถูกตีน่าสารยิ่งนัก เจ้าไม่ไปช่วยหรือ?”ฉู่มู่เหยากะพริบตามองซ่งจิ่งเซิน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ระยะนี้ซ่งจิ่งเซินมักได้เห็นเรื่องตลกของนาง วันนี้นับว่าถึงตานางหยอกล้อซ่งจิ่งเซินแล้วซ่งจิ่งเซินเหล่มองนาง “พูดเช่นนี้แล้ว วันนี้คุณชายเสิ่นท่านนั้นของท่านเองก็อาจจะมาเช่นกัน มิสู้ลองหาดู?”ฉู่มู่เหยา “...หุบปากเจ้าเสีย”ซ่งจิ่งเซินเห็นรอยยิ้มฉู่มู่เหยาหายวับไปในทันใด หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ก็แค่หนังหน้านี้ของท่าน ยังคิดล้อกระหม่อมเล่นอีกหรือ? กลับไปฝึกดีๆ เถอะ”ฉู่มู่เหยา “! ! !”กู้ฮวนเอ๋อร์และซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางทะเลาะกันของสองคนนี้ สบตากันแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันช่างครึกครื้นเสียจริง“ที่นี่เอะอะเกินไปแล้ว พวกเราไปโยนห่วงทางนั้นเถอะ!” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยปาก หันมองทางกู้ฮวนเอ๋อร์อีกครั้ง “อีกเดี๋ยวเจ้าชอบสิ่งใดก็บอกข้า ข้าจะช่วยเอามาให้เจ้า!”กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้าลงด้วยความดีใจ จนกระทั่งตอนนี้ นางถึงเชื่อว่าอวิ๋นอ๋องชอบนางจริงๆ และยอมคบหากับน
ถังเสวี่ยหนิงย่อมไม่ยอมแพ้ เคอหยวนจื่อคนนี้มีดีอะไร ไม่ว่ามองอย่างไรซ่งจิ่งเซินก็ดีกว่านางมากนักไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดถึงตาบอด ไปชอบผู้หญิงคนนี้ได้!ต้องรู้ว่าเมื่อแรกเคอหยวนจื่อร่ำรวยยิ่งกว่าบุตรีจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างนางเสียอีก บัดนี้เห็นนางตกต่ำถึงขั้นนี้ นางกลับรู้สึกมีความสุขภายในใจ“มิน่าเล่าพวกเจ้าสองคนถึงสามารถเป็นสหายกันได้ ได้ยินมาว่าเสิ่นหวยอันทำได้กระทั่งทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงเพื่อให้ได้เป็นราชบุตรเขย”“พวกเจ้ามีเวลาพูดไร้สาระอยู่ที่นี่ มิสู้ดูให้ดี องค์หญิงมู่เหยาและซ่งจิ่งเซินอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมกันมากเพียงใด!”ต่อจากคำพูดของถังเสวี่ยหนิงที่เพิ่งจบลง สายตาของพวกเคอหยวนจื่อสองคนก็หันมองไปอย่างอดไม่ได้ มองเห็นฉู่มู่เหยาและซ่งจิ่งเซินกำลังพูดคุยหัวเราะให้กัน สนิทสนมกันไม่ธรรมดา“พวกเขาสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด?”เคอหยวนจื่อโง่งมแล้ว มองทางซ่งปี้อวิ๋นอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซ่งปี้อวิ๋นพูดว่าองค์หญิงและเสิ่นหวยอันมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เพราะเหตุนี้ซ่งปี้อวิ๋นจึงอารมณ์ไม่ดีนี่มันเรื่องอะไรกัน?ซ่งปี้อวิ๋นเองก็ตกใจอย่างสุดระงับ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า
“ทว่าผ่านไปนานถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าเคยได้ยินข่าวหมั้นหมายของทั้งสองคนหรือไม่?” ถังเสวี่ยหนิงถามกลับเถียนเจียวเจียวนี่ถึงวางใจลง “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เสื้อผ้าหนึ่งชุดไม่นับเป็นอะไร ตอนนั้นซ่งจิ่งเซินนำของดีมากมายมามอบให้เคอหยวนจื่อ แต่สุดท้ายเจ้าดูเถอะ ยังไม่ใช่พูดว่าไม่เอาก็ไม่เอาแล้วหรอกหรือ?”ถังเสวี่ยหนิงหัวเราะเบาๆ พวกเขาย่อมได้ยินสถานการณ์ของเคอหยวนจื่อมาก่อน“พวกเจ้ากำลังว่าข้าหรือ?”เคอหยวนจื่อและซ่งปี้อวิ๋นยืนอยู่ด้วยกัน วันนี้ครึกครื้นอย่างมาก ทั้งสองคนย่อมไม่พลาดไป กอปรกับฉู่อ๋องโยนลูกศรลงไห ไม่รู้ว่าเรียกความสนใจของคนมากี่มากน้อย ดังนั้นพวกนางสองคนก็มารับชมความครึกครื้นเฉกเดียวกันคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันได้เห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน ก็ได้ยินสองคนนี้นินทาตนเอง สีหน้าเคอหยวนจื่อเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ถังเสวี่ยหนิงและเถียนเจียวเจียวเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังนินทาคนก็จะบังเอิญได้พบเจ้าตัว ใบหน้าเผยแววเก้อกระดาก แต่กลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวชาติกำเนิดของเคอหยวนจื่อยังไม่เพียงพอให้พวกนางชายตาแล!“ว่าเจ้าแล้วจะทำไมเล่า? หรือว่าไม่ใช่ความจริง?” เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน
ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงท่ามกลางกลุ่มคน เขาคล้ายเกิดมาเป็นตัวเอก รัศมีเปล่งประกายเหนือผู้อื่น ท่วงท่าสง่างามดุจหยก ทำให้คนยากจะเมินข้ามได้เทียบกับท่าทางเย็นชาในอดีต เขาในวันนี้มีรัศมีของชายหนุ่มมากหลายส่วนมองเห็นเขาคว้าชัยชนะครั้งแรกไปได้ ชั่วขณะหันใบหน้าประดับยิ้มมามองนาง หัวใจของนางเองก็ถูกทำให้หวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น“องค์ชาย นี่คือรางวัลคว้าชัยชนะโยนลูกศรลงไหของท่าน”ฝ่ายชายยื่นพู่สีแดงหนึ่งพวงมาให้อย่างเคารพนบนอบฉู่จวินถิงรับพู่ไป เดินมาหยุดต่อหน้าซ่งรั่วเจินด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามยามสบมองนางอ่อนโยนเป็นพิเศษ“เก็บไว้ให้ดี ข้าจะไปคว้าชัยชนะกลับมาให้มากๆ”ซ่งรั่วเจินมองพู่แดงในมือของตน แม้ว่าเป็นเพียงของรางวัลของผู้ชนะ กลับทำได้งดงามประณีตมาก ถักหัวใจสีแดงอย่างซับซ้อนห้อยเหรียญเอาไว้ ต่อให้นำมาเป็นเครื่องประดับก็งดงามไม่น้อยสำคัญที่สุดคือ...เสียงเปี่ยมความมั่นใจ คล้ายสามีไปหาเงินกลับมาได้และมอบให้ฮูหยินจัดการแม่นางรอบข้างได้เห็นภาพนี้ ภายในสายตาเปี่ยมความอิจฉา ใครสามารถคิดออกเล่าว่าฉู่อ๋องผู้สูงส่งและเย็นชาจะมีวันที่อ่อนโยนต่อแม่นาง
ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินทางด้านข้าง ลดเสียงให้เบาลง “ข้าจะคว้าชัยชนะกลับมาให้เจ้าให้ได้”ทุกคนล้วนเห็นว่าฉู่อ๋องคิดจะโยนลูกศรลงไหจริง ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด นี่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือ!ภายในกลุ่มคน ถังเสวี่ยหนิงเองก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้แล้ว มองเห็นฉู่อ๋องพาซ่งรั่วเจินออกมาเปิดเผยในฐานะคนรัก ภายในสายตาเปี่ยมความแค้นเคือง“ข้าดูแล้วฉู่อ๋องไม่ได้ชอบแม่นางซ่งลึกซึ้งมากมายอะไร หากชอบถึงเพียงนั้น ป่านนี้คงแต่งงานรับคนกลับไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวไม่ใช่หรือ?”เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน นางเองก็ริษยาซ่งรั่วเจิน ถือสิทธิ์อะไรสตรีคนนี้วาสนาดีถึงเพียงนี้!ทว่าเห็นฉู่อ๋องกลับมาแล้ว ทั้งสองคนยังไม่แต่งงานกัน นางรู้สึกมีความสุขไม่น้อยภายในใจบัดนี้เห็นซ่งอี้อันแสดงความสามารถในราชสำนักได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ บิดาของนางชื่นชมเป็นครั้งคราว มารดาเองก็เสียดายที่นางไม่สามารถแต่งกับซ่งอี้อันได้ หาไม่แล้วบัดนี้จะต้องกลายเป็นที่อิจฉาของทุกคนแน่ทั้งหมดนี้ล้วนต้องโทษซ่งรั่วเจิน!“ไม่มีความเคลื่อนไหวจริงนั่นแหละ แต่ข้าได้ยินว่าฉู่อ๋องคล้ายมีเจตนาสู่ข