เพราะความผิดพลาด จึงทำให้นาง ซูจือหลิง ต้องแต่งเข้าจวนแม่ทัพ ให้แม่ทัพพิทักษ์แดนใต้ เพื่อรอวันหย่า ................................................................. "เจ้ามิคิดหรือว่า ตอนนี้บุตรของข้าอาจจะกำลังฝังอยู่ในตัวเจ้า"
View Moreและแล้ววันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง จือหลิงนางได้ให้กำเนิดคุณหนูใหญ่ของตระกูลหยาง นาม หยางซือเชี่ยน ที่แปลว่าความสุขและความงดงาม โดยท่านย่าของเด็กน้อยเป็นผู้ตั้งให้ ทารกเพศหญิงที่นำความสุขทั้งมวลมาสู่จวนตระกูลหยางเมื่อหนูน้อยเชี่ยนเชี่ยนมีอายุได้สามเดือน ข่าวที่น่ายินดีก็เกิดขึ้นอีกครั้ง คือฮูหยินน้อยได้ตั้งครรภ์บุตรคนที่สองจือหลิงที่ยังจดจำความเจ็บปวดในการคลอดบุตรได้เป็นอย่างดีได้แต่ฝืนยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน แม้จะรู้สึกยินดีที่นางจะมีบุตรเพิ่มอีกคน แต่สามีและแม่สามีจะมิให้นางได้หายใจหายคอบ้างเลยหรืออย่างไร สามีนางก็กระไร ช่างขยันขันแข็งในการทำบุตรยิ่งนัก ฮูหยินผู้เฒ่าหยางที่ดีใจอย่างที่สุด หวังอย่างยิ่งว่าหลานผู้นี้จะเป็นหลานชายสืบทอดสกุล"ดีนัก ดีดีดี"หญิงชราที่พึมพำอยู่เช่นนั้นด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม จนนางกล่าวคำใดไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำสามีนางก็ช่างประเสริฐดีแท้ ขยันหมั่นเพียรผลิตเจ้าก้อนแป้งอยู่ทุกค่ำคืนมิได้ขาด ภายในปีนี้ สรุปแล้วนางตั้งครรภ์บุตรถึงสองคน เมื่อครบกำหนดคลอดนางก็คลอดหลานชายตัวอวบอ้วนให้แม่สามีได้เชยชมสมดังใจ บุตรชายผู้นี้ของนางเป็นบิดาของเขาที่ตั้งนามให้ นามว่า หยางเล
"แล้วหลังจากนั้นว่านอิงฮวานางก็ลอบเข้ามาหาพี่ในห้องนั้น โดยมีคนของพี่คอยเปิดทางให้ แล้วทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เจ้ารู้"สองร่างที่กอดก่ายกันอยู่ในถังน้ำใบใหญ่ มีไอความร้อนลอยกรุ่น กลิ่นหอมจากมวลดอกไม้ลอยคละคลุ้งตลบอบอวลโอบรอบกายของทั้งสอง"ร้ายกาจมาก ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว"เสียงหวานที่พึมพำขึ้น จนร่างสูงต้องดึงรั้งร่างบางขึ้นมาสบสายตา ยกมือหนาขึ้นเกี่ยวปอยผมที่ตกลงมาบดบังใบหน้างามทัดใบหูเล็กอย่างอ่อนโยน "หากไม่ทำเช่นนั้น เกรงว่าจะมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีกไม่จบไม่สิ้น พี่เองก็มิได้อยากใช้วิธีสกปรกเช่นนี้กับนาง"จือหลิงที่ช้อนตามองอีกฝ่าย ก่อนจะยกยิ้มหวานขึ้น"ข้ามิได้ว่าท่านเสียหน่อย ข้าว่าสตรีมากเล่ห์ผู้นั้นต่างหากเล่า ร้ายกาจยิ่งนักที่คิดจะแย่งชิงสามีข้า"จือหลิงที่แนบริมฝีปากอวบอิ่มกับปากหนา ส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่ายอย่างยั่วเย้า ร่างเล็กป่ายปีนขึ้นมาทาบทับร่างแกร่งกำยำ ภายในห้องอาบน้ำร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง ด้วยไฟพิศวาสที่สองร่างร่วมกันจุดกรี๊ดดดดดเสียงกรีดร้อง ตามด้วยเสียงร้องไห้คร่ำครวญของสตรีที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าบุรุษข้างกายไม่ใช่บุรุษที่ตนปรารถนา แต่กลับเป็นชายที่นางคุ้นหน้าคุ้นตาเป
คุณชายหานหลี่เหลียง คุณชายตระกูลคหบดีเก่าที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อว่านอิงฮวา คอยดูแลเอาอกเอาใจตลอดสามปีที่ผ่านมา บุรุษที่มอบใจรักให้นางอย่างมั่นคง แม้จะไม่เคยได้ความรักตอบแทน ก็ยังคงเฝ้ามองนาง ทำทุกอย่างตามที่นางร้องขออย่างโง่เขลา ถูกนางอันเป็นที่รักใช้ความรักที่เขามีให้ เป็นเครื่องมือ เพียงนางร้องขอ เขาก็ยินดีหาทุกอย่างมาประเคนให้ แม้กระทั่งยาปลุกกำหนัดไร้สีไร้กลิ่นที่ราคาแพงแสนแพงและหายาก เพียงนางต้องการ ก็ได้มาครอบครองโดยง่าย แม้จะล่วงรู้การกระทำทุกอย่างของนาง แต่ก็ยินยอม ขอแค่ให้นางนั้นมีความสุขและสมหวังในสิ่งที่นางปรารถนา เขาก็พร้อมจะยอมรับกับความเจ็บปวดและผิดหวัง แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะโดนจับตัวมาโดยบุรุษหน้าตาดุดัน ก่อนจะถูกบังคับให้กินน้ำแกงถ้วยหนึ่งที่ส่งกลิ่นหอมคุ้นจมูก เมื่อน้ำแกงถ้วยนั้นไหลผ่านลำคอรสชาติที่คุ้นลิ้นนั้น เขาจำได้ดีว่ารสมือเช่นนี้เป็นฝีมือของผู้ใด น้ำแกงที่สตรีที่เขารักปักใจมักจะทำให้เขาชิมเสมอตลอดระยะสามปีที่ผ่านมา ว่ามันอร่อยพอหรือยังที่นางจะทำให้บุรุษที่นางรักได้กินมัน ที่ผ่านมานางมักจะฝึกฝนทำอาหารด้วยความตั้งใจ เพื่อรอให้ใครคนหนึ่งกลับมากินฝีมือของนาง ซึ่งบุรุษผู้
แม่ทัพหยางโม่เหยียนที่มองการกระทำของคนตัวเล็กด้วยหัวใจที่เต้นแรง รู้สึกตื่นเต้นกับทุกอย่างที่นางทำ แม้จะดูเงอะงะแต่กลับทำให้เขาเกร็งไปตลอดทั้งร่าง ลูกกวางน้อยของเขากลายร่างเป็นพยัคฆ์สาวเสียแล้วมือบางที่ลูบไล้เรือนร่างกำยำสะเปะสะปะ ริมฝีปากอวบอิ่มที่นุ่มร้อน ขบเม้มใบหูสะอาดของเขาดังที่เขาเคยทำกับนางจนกายหนากระตุกเกร็งไปทั้งร่าง จูบซับขบเม้มมาตาสันกรามแกร่ง กดจุมพิตตรงปลายคางสากระคายที่มีไรหนวดจางๆ ขบเม้มมาตามลำคอแข็งแกร่งลากไล้ปลายลิ้นผ่านลูกกระเดือกที่ดูมีเสน่ห์อย่างล้นเหลือ มือเล็กที่ปลดสายคาดเอว ดึงรั้งอาภรณ์ออกจากกายแกร่ง โดยมีผู้เป็นเจ้าของให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จนอาภรณ์หลุดออกจากเรือนร่างกำยำ ปรากฏภาพความสมบูรณ์แบบที่ทำให้ร่างบางถึงกับชะงัก แม้จะรู้สึกอับอายจนใบหน้างามร้อนผ่าว ดวงตากลมโตดูตื่นตระหนกแต่ก็พยายามข่มกลั้นความอายเพื่อเอาอกเอาใจผู้เป็นสามีแม่ทัพหยางโม่เหยียนที่เฝ้ามองนางอยู่ ต้องยกมือหนารั้งลำคอระหงลงมามอบจุมพิตหวานละมุนให้รางวัลสำหรับความน่ารักนั้น นางกำลังทำให้เขาคลั่งกับความน่ารักของนาง นางช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก"ร่างกายนี้เป็นของเจ้า หลิงเอ๋อ"ริมฝีปากหนาที่ผล
จือหลิงที่เงยใบหน้างามเปรอะเปื้อนน้ำตาขึ้นมองใบหน้าเจ้าของอ้อมแขนอุ่นที่โอบประคองนางเอาไว้นัยน์ตากลมโตที่มีหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่เต็มหน่วยตา มองใบหน้าบุรุษตรงหน้าด้วยสายตาพร่าเลือน ก่อนจะกะพริบตาถี่ๆ ขับไล่หยาดน้ำตาจนหยดล่วงเปื้อนแก้มนวลเม็ดโต ทำให้คนมองใจกระตุกสงสารโฉมสะคราญจับใจจือหลิงเมื่อเห็นใบหน้าของบุรุษที่โอบกอดนางอยู่ถึงกับตกตะลึง หัวใจที่บอบช้ำเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง ปากอวบอิ่มเผยอขึ้นจนสั่นระริก"เหตุใดจึงเป็นท่าน"เสียงหวานแหบเครือเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบาหวิว กลัวภาพตรงหน้าเป็นเพียงภาพฝัน มือเล็กนุ่มนิ่มที่สั่นเทาจึงยกขึ้นลูบใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคยแผ่วเบาเหมือนกลัวว่าใบหน้านี้จะหายไป"ร้องไห้ด้วยเหตุใดกัน หืม"เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้น ยิ่งตอกย้ำว่านางมิได้ฝันไป ปากอวบอิ่มแดงเรื่อยกยิ้มขึ้นด้วยความยินดีจนสั่นระริก"เป็นท่าน หยางโม่เหยียน อึก ฮื้ออ ฮื้ออ"จือหลิงที่ร้องไห้โฮอย่างสุดจะกลั้น ทั้งดีใจ ทั้งโล่งใจ ที่เขามายืนอยู่ตรงหน้า มิได้อยู่ในห้องนั้น ซุกซบใบหน้านองน้ำตากับแผงอกกำยำ โอบกอดลำคอแกร่งอย่างลืมอาย ปล่อยให้น้ำมูกน้ำตาไหลเปรอะเปื้อนอาภรณ์ตรงอกแกร่งจนเปียกชุ่ม"นิ่งเสียค
"เจ้าก็อยู่ที่นี่หรือโม่เหยียน แม่ดีใจยิ่งนัก เจ้าทั้งสองเข้าใจกันแล้วใช่หรือไม่""ขอรับท่านแม่"แม่ทัพหยางโม่เหยียนที่ลุกขึ้นประคองร่างของมารดาตนมานั่งพร้อมเอ่ยตอบแค่ก แค่ก แค่กจือหลิงที่ขยับกายจะปฏิเสธ ต้องหยุดคำพูดลงเมื่อเสียงไอแหบแห้งของหญิงชราดังขัดขึ้น พร้อมมือเหี่ยวย่นนั้นยกขึ้นนวดคลึงศีรษะ"ท่านแม่ ไม่สบายหรือเจ้าคะ"มือบอบบางที่รินชาส่งให้ พร้อมกับเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นท่าทางของผู้เป็นแม่สามี เมื่อวานท่านยังดูปกติและแข็งแรงดีอยู่เลย"คนแก่ก็เช่นนี้ สามวันดีสี่วันไข้ เจ้าอย่าได้กังวล แล้วโม่เหยียนมารับน้องกลับเรือนหรือ"ฮูหยินผู้เฒ่าหยางที่เอ่ยตอบลูกสะใภ้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปถามบุตรชายตน"ไม่ชะ.."แค่ก แค่ก แค่กจือหลิงที่ตั้งท่าจะปฏิเสธ ต้องสงบคำอีกครั้ง เมื่อเสียงไอแห้งๆ ของแม่สามีดังขึ้น"ตามท่านหมอมาดูเสียหน่อยดีกว่านะเจ้าคะ""ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวก็หาย""เช่นนั้นก่อนกลับอยู่รับสำรับกับแม่นะ มิได้ร่วมโต๊ะกับเจ้าทั้งสองพร้อมหน้าเสียหลายวัน"เสียงของหญิงชราที่กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเศร้า ที่ดูเหมือนจะเศร้ามากจนเกินไป มองนางด้วยความคาดหวัง จนจือหลิงได้แต่ยิ้ม
ร่างสูงที่พาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าสตรีที่ทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับ จนแทบจะกระอักเลือดตายเพราะความคิดถึงมันจุกอก ด้วยใบหน้าหม่นเศร้า"พี่มีเรื่องจะคุยกับเจ้า"น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้นเสียงอ่อยราวกับว่าเมื่อครู่ท่านแม่ทัพไม่ได้มีท่าทางเกรี้ยวกราดมาก่อน ทำให้บรรดาบ่าวรับใช้ที่ถึงแม้จะเกรงกลัวท่าทางดุดันของท่านแม่ทัพ แต่ความเป็นห่วงฮูหยินน้อยนั้นมีมากกว่า จึงตามมาห่างๆ อย่างห่วงๆ ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ว่าเมื่อสักครู่พวกตนฝันไปเช่นนั้นหรือ หรือว่าภาพตรงหน้าเป็นแค่ภาพลวงตาฮะแฮ่ม!!สายตาบ่าวรับใช้ที่มองมายังตน ทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกับออกอาการเก้อกระดาก"พวกเจ้าออกไปก่อน""เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ"บรรดาข้ารับใช้ที่ช่างรักใคร่ในตัวฮูหยินน้อยของพวกนางมากมายเหลือเกิน แม้จะมีท่าทางลังเลแต่ก็ยอมถอยออกไป นี่พวกนางกลัวว่าเขาจะสังหารภรรยาของตัวเองหรืออย่างไรถึงได้ยกโขยงมากันเช่นนี้"อาเปา เจ้าอยู่นี่"จือหลิงนางมิอาจวางใจบุรุษมากเล่ห์ผู้นี้ได้อีกแล้ว เขาอาจจะทำในสิ่งที่นางคาดไม่ถึงอีกก็เป็นได้"เจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย"แม่ทัพหยางโม่เหยียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็มิได้กล่าวว่าอันใด นางคิดจริงๆ หรือว่า หากเขาต้
จือหลิงที่ถูกบุรุษชั่วผู้นั้นเคี่ยวกรำตลอดทั้งคืน ชันกายลุกขึ้นจากเตียงนุ่มอย่างอ่อนล้า เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับจวน นางพลาดท่าให้เจ้าคนมากเล่ห์นั่นจนได้ สายตาพลันตวัดมองกาน้ำชาบนโต๊ะ แต่ทว่ามันได้หายไปเสียแล้วหวนนึกไปถึงภาพเหตุการณ์เมื่อคืน หลังจากศึกรักอันเร่าร้อนในรอบแรกจบลง นางที่นอนหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยก็สำเหนียกได้ว่านางโดนบุรุษผู้นี้เล่นไม่ซื่อเสียแล้ว ร่างบางที่ขืนกายออกจากอ้อมแขนแข็งแกร่งชื้นเหงื่อ ก่อนจะผุดลุกต่อว่าบุรุษชั่วอย่างเคืองแค้น ทั้งที่กลางกายยังคงร้อนวูบวาบ"ท่านมันชั่วช้า ถึงขนาดกล้าวางยาข้าเชียวหรือ""เจ้ากล่าวหาพี่แล้ว มิใช่เจ้าหลอกหรือที่ข่มเหงรังแกพี่"ใบหน้าหล่อคมที่กล่าวสวนขึ้นมา พร้อมตีหน้าเศร้าราวกับตนเองถูกรังแก ทำให้นางถึงกับสะอึก ใบหน้างามร้อนผ่าวแดงก่ำไปทั้งหน้าลามไปถึงลำคอ ใบหูเล็กทั้งสองข้างแดงเถือก มือบอบบางที่กระชับผ้าห่มปกปิดกาย กำเข้าหากันแน่นอย่างแค้นเคือง"ไม่จริง...เป็นท่านแน่ที่วางยาข้า หาไม่แล้ว ข้ามิมีวันทำเรื่องน่าอายเช่นนี้แน่"จือหลิงที่มองอีกฝ่ายอย่างเดือดดาล เขาเป็นคนวางยานางแน่ แต่กลับกล่าววาจาให้นางต้องอับอาย"จุ๊ จุ๊ จุ๊ หลิงเ
สายตาคมจับจ้องมองความงามตรงหน้าอย่างหลงใหล มองเนื้อโหนกนูนหนั่นแน่นขาวผ่อง สองกลีบอวบอูมที่ปิดสนิท มีน้ำหวานสีใสไหลซึม ผุดขึ้นมาจากร่องจนฉ่ำเยิ้ม จนอยากจะกดชำแรกแทรกปลายลิ้นลงไปฉกชิมความหวานด้านในมือหนาสากเริ่มบีบคลึงสะโพกงามหนักมือขึ้นเรื่อยๆ ปากหนาพรหมจูบไปตามปลีน่องขาวผ่องเรื่อยขึ้นมาตามเนื้อนวลด้านในโคนขาอ่อนนุ่มละมุน นิ้วเรียวยาวลากไล้เข้าหาจุดอ่อนไหวแยกกลีบดอกบุปผางามออกจากกัน กดชำแรกนิ้วกลางใหญ่ ร้อนผ่าวเข้าไปในความอ่อนไหวอุ่นร้อนสีแดงฉ่ำ ที่ตอดรัดนิ้วของเขาทันทีที่กดลึกลงไปจนสุดโคนนิ้ว เสียงหวานใสที่ร้องครวญครางด้วยความซ่านสยิว ร่อนสะโพกงามสู้นิ้วใหญ่ที่ผลุบเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ ช่องทางรักอ่อนนุ่มตอดตุบๆ จนเขาต้องเร่งส่งนิ้วเข้าออกระรัว"อื้อออ~"น้ำหวานสีใสที่ไหลเปรอะเปื้อนชโลมนิ้วใหญ่จนเปียกชุ่ม สะโพกงามที่ตามติดทุกการเคลื่อนไหวอย่างซ่านกระสัน ก่อนร่างหนาจะถอดถอนนิ้วที่เปียกลื่นนั้นออกจากความอ่อนนุ่มที่แสนเร่าร้อน แทนที่ด้วยลิ้นสากหนาร้อนระอุ ปาดเลียน้ำหวานที่หลั่งไหลอย่างไร้ความรังเกียจ ร่างนุ่มนิ่มบิดกายด้วยความเสียวซ่าน ลิ้นหนาร้อนส่งปลายลิ้นลงไปกระดกติ่งตูมเต่งสีหวานที
ซูจือหลิง เด็กสาวกำพร้าที่เติบโตมาจากหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงของแคว้นโจว นางถูกวางเอาไว้ในโพรงไม้ข้างทางนางเฒ่าแซ่ซู หญิงหม้ายที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านผู้เป็นที่พึ่งของบรรดาเด็กๆ ที่เป็นกำพร้าไร้ซึ่งบิดามารดาดังเช่นนางได้ไปพบและนำนางมาเลี้ยงดู เพราะความถูกชะตาประกอบด้วยหน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดูของนาง นางจึงถูกเลี้ยงดูดุจบุตรีและได้รับความรักความเอาใจใส่จากแม่เฒ่ามากกว่าเด็กคนอื่นๆ จวบจนนางนั้นอายุได้สิบสี่หนาว แม่เฒ่าผู้เป็นดังมารดาก็มาจากไปด้วยโรคชรา ก่อนตายท่านแม่เฒ่าก็ได้มอบแหวนหยกสิ่งมีค่าเพียงชิ้นเดียวให้แก่นางเอาไว้ดูต่างหน้า ซึ่งนางนำติดกายเอาไว้ตลอดเวลา ซึ่งท่านแม่เฒ่าได้กล่าวกับนางก่อนสิ้นใจว่า หากนางอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ให้ขายมัน เพื่อเป็นทุนในการเริ่มต้นและใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขนางอดทนใช้ชีวิตอยู่ในกระท่อมหลังน้อยที่จะพังแหล่มิพังแหล่ท้ายหมู่บ้านเพราะมิอาจทนอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของท่านแม่เฒ่าที่ทิ้งเอาไว้ให้เด็กๆ ในปกครองได้ใช้ชีวิตอยู่ต่อไป และเป็นสถานที่ในความทรงจำที่นางอยู่อาศัยมาตั้งแต่เล็กนางผู้เคยเป็นเด็กที่ท่านแม่เฒ่ารักที่สุดกลับกลายเป็นเด็กน้อยที...
Comments