เพราะความผิดพลาด จึงทำให้นาง ซูจือหลิง ต้องแต่งเข้าจวนแม่ทัพ ให้แม่ทัพพิทักษ์แดนใต้ เพื่อรอวันหย่า ................................................................. "เจ้ามิคิดหรือว่า ตอนนี้บุตรของข้าอาจจะกำลังฝังอยู่ในตัวเจ้า"
View Moreร่างบางพลิกกายที่เมื่อยขบหันไปมองด้านข้างที่ตอนนี้ว่างเปล่าไร้เงาของบุรุษที่ก่ายกอดนางเอาไว้ตลอดทั้งคืน ใบหน้างามที่แดงระเรื่อขึ้น เมื่อย้อนนึกไปถึงคำพูดของแม่ทัพจอมหื่น ที่นางพึ่งได้รู้ว่านอกจากบุรุษผู้นั้นจะหื่นแล้ว ทั้งยังปากหวานและขี้อ้อนมากอีกด้วย แต่ก็ทำให้นางใจเต้นแรงและรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด"เจ้ายินดีจะเป็นฮูหยินแม่ทัพไปตลอดหรือไม่ หลิงเอ๋อ"นั่นคือคำถามที่คนตัวโตถามนางหลังจากที่ศึกรักที่กินเวลานานสงบลง นางที่ยังคงหลับตานิ่ง ใบหน้านวลซบอยู่กับอกแกร่งชื้นเหงื่อ ฟังเสียงหัวใจที่เริ่มกลับมาเต้นในจังหวะปกติของคนตัวโต นางไม่ได้หลับและได้ยินคำพูดนั้นชัดทุกคำ"ข้าอยากให้เจ้าลองให้โอกาสตัวเองและให้โอกาสข้าดูสักครั้ง หากจะพูดว่ารัก มันคงจะฟังดู เร็วเกินไป แต่ข้า รู้สึกดีที่มีเจ้า และทุกคนที่นี่ก็ยินดีที่จะมีเจ้ามาเป็นครอบครัวอีกคน"คำพูดทุกคำสลักลึกลงไปในใจนาง ทั้งรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ ตื้นตัน อย่างบอกไม่ถูก รู้เพียงว่านางรู้สึกดีมากๆแม่ทัพหยางโม่เหยียน ที่ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่งเขาจะมาร้องขอโอกาสจากสตรีคนหนึ่งเพื่อให้นางอยู่ด้วย เขาที่พยายามหลีกหนีการผูกมัดมาตลอด ตอนนี้กลับอยากผูกติด
ริมฝีปากหนาที่ขบกัดขมเม้มไปทั่วทั้งลาดไหล่มนและเนินอกอวบอิ่มมิได้ทำให้รู้สึกเจ็บอย่างที่นางกังวลว่าเขาจะเอาคืน แต่กลับรู้สึกเสียวกระสันจนร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน นิ้วเรียวยาวที่สอดงองุ้มเข้ามาในจุดอ่อนไหวกลางกาย ยิ่งทำให้ริมฝีปากอวบอิ่มยิ่งเผยอครวญคราง ริมฝีปากหนาสะเปะสะปะจูบไซร้ไปทั่วทั้งใบหน้างามแดงระเรื่อด้วยอารมณ์พิศวาส ก่อนจะวกกลับมาครอบครองปากอิ่มบ่วมเจ่ออีกครั้ง บดคลึงด้วยแรงเสน่หา ส่งลิ้นร้อนเข้ามาควานหาความอ่อนหวานนุ่มละมุนในโพรงปากเล็กราวหิวกระหายมือหนาจับปลายคางมนแล้วดันให้แหงนเงยรับจุมพิตลึกซึ้ง ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นเล็กของนาง พันเกี่ยวประสานดูดกลืนด้วยความร้อนเร่า จนนางแทบสำลักลมหายใจ ปากหนาจึงได้ผละออกให้นางได้สูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะประกบลงมาใหม่ ทาบทับลงมาบดเคล้ากลีบปากเล็กอย่างบ้าคลั่ง สูบเอาเรี่ยวแรงของนางไปจนหมดสิ้น สะโพกแกร่งที่บดเบียดเข้ามาระหว่างเรียวขาเล็กที่โอบรัดเอวสอบแน่น จนรู้สึกถึงลำเอ็นแข็ง ร้อนผ่าวที่นาบไปกับหน้าท้องแบนราบจนสัมผัสได้ว่ามันทั้งยาวและใหญ่เพียงใด ยิ่งทำให้ก้อนเนื้อในอกยิ่งเต้นกระหน่ำ สติที่คิดจะต่อต้านพลันพร่าเลือน ปล่อยให้ทุกอย่า
น้ำหนักมือที่บีบนวดลงบนไหล่มนอย่างพอดี ทำให้เจ้าของร่างบางที่หลับตาพริ้มครางฮืออย่างพออกพอใจ แต่มือของอาเปาช่างสากระคายยิ่งนัก ก่อนหน้านี้อาเปาทำหน้าที่ใดในจวนแม่ทัพแห่งนี้กัน แต่คงจะเป็นงานที่หนักน่าดู ใบหน้างามที่กำลังหลับสบาย จำต้องขมวดคิ้วมุ่น เมื่อมือที่บีบนวดตรงไหล่มนของนางเริ่มที่จะร้อนผ่าวขึ้นและไต่ระดับต่ำลงมาตามท่อนแขนเล็กกลมกลึงแผ่วเบา จนขนอ่อนของนางลุกซู่ แล้วร่างบางพลันสะดุ้งเฮือก ผวาลุกพรวดขึ้นจากน้ำอย่างตกใจเมื่อฝ่ามือร้อนนั้นรวบเอาทรวงอกอวบอิ่มของนางเอาไว้เต็มฝ่ามือภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้นางแทบสิ้นสติ เพราะคนตรงหน้าไม่ใช่อาเปาแต่กลับเป็นเจ้าของเรือนที่ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างจากหน้าอกของนางไม่ถึงคืบ"ท่าน"มือบางข้างหนึ่งที่ยกขึ้น พาดลำแขนเล็กลงปกปิดบนทรวงอกอิ่มทั้งสองข้างอย่างหมิ่นเหม่ เพื่อให้พ้นจากสายตาหื่นกระหายของบุรุษตรงหน้า แม้จะรู้ว่ามิอาจปกปิดความใหญ่โตเกินตัวเอาไว้หมด แต่นางก็อับอายเกินกว่าจะปล่อยให้ยอดทรวงอิ่มชี้หน้าบุรุษจอมหื่นผู้นี้ อีกมือนั้นใช้ดันใบหน้าหล่อเหลาที่พยายามก้มหน้าลงมา เพื่อฉกชิมความหวานของยอดทรวงที่รวบแข็งเป็นไตท้าทายอีกฝ่ายจนน่าโมโหตั้ง
ความสงสัยทั้งหมดถูกพับเก็บลง เมื่อคิดได้ว่าสตรีนางนั้นจะเป็นใคร เกี่ยวข้องอันใดกับบุรุษผู้นี้ก็ไม่เกี่ยวกับนาง เมื่อครบกำหนดนางก็ต้องจากไป ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก แต่ทำไมถึงรู้สึกอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น คงเป็นเพราะนางเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวัน และยังถูกบุรุษผู้นั้นรังแกจึงทำให้เป็นเช่นนี้กระมัง เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนรถม้า ใบหน้างามก็ร้อนผ่าวขึ้นมา นางลืมไปได้อย่างไรกันว่าความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นจะนำพามาซึ่งความยุ่งยากใจในภายหลัง ซึ่งหากนางเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาคงจะไม่ดีแน่"ถึงแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย"เสียงของบ่าวรับใช้ใบหน้ากลมจิ้มลิ้มดูน่าเอ็นดู เอ่ยขึ้น เมื่อพานางมายังเรือนเรือนหนึ่งที่ดูใหญ่โตและสวยงาม รู้เพียงว่าเรือนหลังนี้อยู่ทางปีกตะวันออกของเรือนใหญ่ เพราะมัวแต่คิดเรื่องสตรีนางนั้น จึงทำให้มิรู้ตัวเลยว่านางเดินมาถึงเรือนแห่งนี้ได้อย่างไร แล้วจะหาแม่ทัพโม่เหยียนได้ที่ไหนล่ะทีนี้"เรือนตะวันออกนี้ เป็นเรือนพักของท่านแม่ทัพเจ้าค่ะฮูหยินน้อย"เสียงแจ้วๆ ของบ่าวรับใช้ตัวกลมที่พานางเดินดูรอบๆ เรือนยังคงดังขึ้นเป็นระยะอย่างน่าฟัง สายตากลมโตที่ก
เมื่อเจ้านายทุกคนเข้ามากันพร้อมหน้าพร้อมตา บ่าวไพร่ต่างก็พร้อมใจยกสำรับอาหารที่หน้าตาน่ารับประทานเข้ามาเรียงรายจนเต็มโต๊ะ อาหารแต่ละจานล้วนถูกปรุงขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน บ่งบอกถึงความใส่ใจของผู้ลงมือทำได้เป็นอย่างดี "วันนี้พี่สะใภ้ของเจ้าตั้งใจทำอาหารทุกจานด้วยตนเองเพื่อต้อนรับเจ้าทั้งสองเชียวนะ"ฮูหยินผู้เฒ่าที่ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มกล่าวขึ้น เมื่อนั่งลงเป็นที่เรียบร้อย ด้านขวามือฮูหยินผู้เฒ่าคือคุณชายใหญ่หยางโม่ชาง ผู้เป็นนายท่านใหญ่ของจวน ตามด้วยสะใภ้ใหญ่ จางฮุ่ยหนิง"หลิงหลิง มานั่งข้างๆ มารดานี่"มือเหยี่ยวย่นที่ตบลงเบาๆ บนเก้าอี้ข้างตัวอีกด้าน จากหญิงชราที่ในตอนแรกใบหน้านั้นดูนิ่งขรึมเรียบเฉย แต่ตอนนี้กลับมีรอยยิ้มอบอุ่นแต่งแต้ม จนคนที่เกร็งตัวอยู่ตลอดเริ่มผ่อนคลายลงนางมิใช่สตรีแก่ชราที่ดวงตาฝ้าฟาง ล้วนมองออกว่าสิ่งใดล้ำค่า สิ่งใดคือกรวดทรายเจ้าของชื่อที่ได้รับความเมตตาโดยไม่คาดคิด หันไปมองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอย่างขอความเห็น เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าให้ จึงก้าวไปนั่งลงด้านข้างหญิงชรา ตามด้วยแม่ทัพหยางโม่เหยียนที่ตามมานั่งลงด้านข้าง"รู้สึกเหมือนตัวเองโดนแย่งชิงความรักเสี
แม่ทัพหยางโม่เหยียนที่คิดจะแนะนำนางให้ทุกคนรู้จักจำต้องหยุดคำพูดลง เมื่อรถม้าอีกคันที่ประทับตราของจวนตระกูลหยางแล่นเข้ามาแล้วหยุดลง พร้อมกับบุรุษผู้เป็นพี่ชายที่ก้าวลงจากรถม้าพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง"โม่เหยียน"คุณชายใหญ่ตระกูลหยางผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน หยางโม่ชาง ผู้ที่ไม่ชมชอบการใช้กำลัง จึงเลือกที่จะเป็นขุนนางมากกว่าการเป็นทหาร ที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน แต่ก็มิได้เป็นปัญหาเพราะทุกคนต่างเคารพในการตัดสินใจของเขา "พี่ใหญ่"สองพี่น้องที่ต่างพูดคุยกันอย่างคิดถึง ทักทายกันตามประสาบุรุษ คุณชายใหญ่หยางโม่ชางที่เห็นว่าข้างกายของน้องชายตนมีโฉมสะคราญอีกนางหนึ่ง สายตาล้อเลียนที่ส่งมาให้ผู้เป็นน้องชายตนราวจะถามถึงความสัมพันธ์ แม้จะพอรู้มาบ้างจากคำบอกเล่าในจดหมายของผู้เป็นน้องสาวอีกคน ในตอนแรกนั้นเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า น้องชายผู้นี้ของเขาจะยอมผูกมัดตัวเองง่ายๆ แต่เมื่อเห็นสตรีตรงหน้าเขาก็ไม่แปลกใจเลย ว่าเหตุใดน้องชายตนจึงคิดที่จะแต่งนาง"นางเป็นภรรยาข้า ซูจือหลิง"เสียงราบเรียบที่กล่าวขึ้น ทำเอาผู้ที่ถูกกล่าวถึง ถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก ก่อนจะส่งยิ้มจืดเจื่อนไปให้พี่ชายของบุรุษหน้ามึนที่ดึงนางมาโอบก
วันนี้จวนตระกูลหยาง วุ่นวายกันตั้งแต่เช้า บรรดาบ่าวไพร่ต่างวิ่งวุ่น เตรียมการต้อนรับการกลับมาของคุณชายรองของตระกูล ผู้ที่มีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพพิทักษ์แดนใต้ ที่ในรอบหลายปีกว่าจะได้กลับจวนสักครั้ง แต่ครั้งนี้ดูท่าจะอยู่ยาว เพราะคุณหนูใหญ่ส่งข่าวมาบอกว่าจะมีคนพิเศษของท่านแม่ทัพกลับมาด้วย ฮูหยินผู้เฒ่าที่ดูท่าจะตื่นเต้นกว่าใครๆ สายตาคอยแต่จะชำเลืองมองไปยังประตูใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ใบหน้ายังคงนิ่งขรึมเรียบเฉย ไม่แสดงความรู้สึกออกมา แต่ไม่อาจปิดบังสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดีและความสุขเอาไว้ได้ล่วงเข้ายามเซิน(15.00-16.59น.) เสียงล้อรถม้าถึงได้แล่นเข้ามาจอดเทียบหน้าประตูใหญ่ ทำให้เสียงพูดคุยจอแจของบรรดาผู้ที่มายืนรอรับการกลับมาของแม่ทัพหนุ่มพลันเงียบสงบ ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังรถม้าที่จอดสนิท แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีทีท่าว่าคนที่อยู่ด้านในจะก้าวลงมา ตราประทับโดดเด่นที่ปรากฏบนรถม้าบ่งบอกให้รู้ว่าเป็นของกองทัพแดนใต้ไม่ผิดแน่ แต่เหตุใดคนด้านในถึงมิยอมลงมาเสียที ก่อนที่จะมีใครเอ่ยสิ่งใด ภายในรถม้าก็เกิดการเคลื่อนไหว ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังม่านประตูที่เปิดออก ปรากฏเป็นบุรุษรูปร่างสูงใ
เกิดความเงียบขึ้นภายในรถม้า ที่ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเองจือหลิงนางหวาดกลัวที่จะมีความรักมาตลอด กลัวการพลัดพราก กลัวการถูกทอดทิ้ง กลัวและกังวลทุกอย่าง การโตมาในบ้านเด็กกำพร้า ภาพจำไม่ได้สวยงามเลยสักนิด จนมาเจอกับ เกาอี้ถง คนที่นางคิดมาตลอดว่าดีที่สุด แต่กลับกลายเป็นว่านางคิดผิด ยิ่งตอกย้ำให้นางเข็ดขยาดกับความรัก และบุรุษผู้นี้ที่นางและเขาพึ่งรู้จักกัน ไม่ได้รู้ถึงนิสัยใจคอของอีกฝ่าย นางจะเชื่อใจเขาได้แค่ไหนกัน ว่าเขาจะไม่ทอดทิ้งนาง การถูกทิ้งซ้ำๆ ซากๆ มันไม่สนุกเลยแม่ทัพหยางโม่เหยียน เอกบุรุษ จากตระกูลใหญ่ ผู้องอาจ มีทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ ผู้คนต่างนับหน้าถือตา และนาง สตรีที่โตมาจากบ้านเด็กกำพร้า ไม่รู้กระทั่งว่าบิดามารดาคือใคร เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเหตุผลที่นางสมควรกันตัวเองออกมาก่อนที่จะถลำลึกไปมากกว่านี้ ยอมรับว่านางกลัวใจตัวเอง กลัวว่าความใกล้ชิดนี้จะทำให้นางเผลอเอาหัวใจไปผูกกับบุรุษที่ดูมีเสน่ห์แห่งบุรุษเพศอย่างเหลือล้นผู้นี้ จนทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวด แม้ใครจะมองว่าเป็นวาสนาที่ได้ใกล้ชิดเอกบุรุษผู้นี้ แต่นางกลับคิดว่า กำลังเป็นแมลงตัวน้อยที่กำลังจะบิน
ล้อรถม้าที่บดมาตามเส้นทางถนนขรุขระ ตอนนี้ได้เข้าสู่เขตเมืองหลวงวิ่งไปบนทางราบเรียบ ภายนอกรถม้าเริ่มมีเสียงจอแจของผู้คนเมื่อเดินทางผ่านประตูเมืองเข้ามา เมื่อผ่านตลาดเสียงผู้คนที่เล็ดลอดเข้ามานั้น ทำให้จือหลิงที่นั่งหลับตาเงียบมาตลอดทางนั้นให้ความสนใจกับสิ่งที่อยู่ภายนอกดวงตากลมโตที่ลืมขึ้นฉายชัดถึงความอ่อนล้า นางไม่ได้หลับแต่แค่ไม่อยากจะสนทนากับคนใจร้าย ที่เอาแต่ใจตนเป็นที่ตั้ง มองเขาเป็นดังอากาศเพราะโกรธแต่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ ดึงดันไปนางก็มีแต่จะเสียเปรียบ มิสู้เมินเฉยให้รู้แล้วรู้รอด เขาจะทำสิ่งใดก็แล้วแต่เขา อย่างไรเสียนางก็ปฏิเสธสิ่งใดไม่ได้อยู่แล้วมือขาวผ่องที่เลิกชายผ้าม่านหน้าต่างขึ้นดูบรรยากาศภายนอกรถม้าอย่างสนอกสนใจ ในเมืองหลวงแห่งนี้กับเมืองหยู่เปิง ที่นางจากมาไม่ได้มีสิ่งใดแตกต่างกันมากนัก อาจเป็นเพราะไม่ได้อยู่ห่างไกลกันมากเดินทางแค่หนึ่งวันก็ถึง แต่ในเมืองหลวงแห่งนี้ดูจะกว้างใหญ่กว่าและร้านค้า โรงเตี๊ยม บ้านเรือนดูจะสวยงามและดูหรูหรากว่าเมืองหยู่เปิง บุรุษและสตรีล้วนแต่งกายด้วยอาภรณ์งดงาม ราคาแพง ใบหน้าล้วนแต่งแต้มด้วยสีสันงามล้ำ อาจเพราะที่นี่มีแต่ชนชั้นสูงและเหล่าบุตรห
ซูจือหลิง เด็กสาวกำพร้าที่เติบโตมาจากหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงของแคว้นโจว นางถูกวางเอาไว้ในโพรงไม้ข้างทางนางเฒ่าแซ่ซู หญิงหม้ายที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านผู้เป็นที่พึ่งของบรรดาเด็กๆ ที่เป็นกำพร้าไร้ซึ่งบิดามารดาดังเช่นนางได้ไปพบและนำนางมาเลี้ยงดู เพราะความถูกชะตาประกอบด้วยหน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดูของนาง นางจึงถูกเลี้ยงดูดุจบุตรีและได้รับความรักความเอาใจใส่จากแม่เฒ่ามากกว่าเด็กคนอื่นๆ จวบจนนางนั้นอายุได้สิบสี่หนาว แม่เฒ่าผู้เป็นดังมารดาก็มาจากไปด้วยโรคชรา ก่อนตายท่านแม่เฒ่าก็ได้มอบแหวนหยกสิ่งมีค่าเพียงชิ้นเดียวให้แก่นางเอาไว้ดูต่างหน้า ซึ่งนางนำติดกายเอาไว้ตลอดเวลา ซึ่งท่านแม่เฒ่าได้กล่าวกับนางก่อนสิ้นใจว่า หากนางอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ให้ขายมัน เพื่อเป็นทุนในการเริ่มต้นและใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขนางอดทนใช้ชีวิตอยู่ในกระท่อมหลังน้อยที่จะพังแหล่มิพังแหล่ท้ายหมู่บ้านเพราะมิอาจทนอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของท่านแม่เฒ่าที่ทิ้งเอาไว้ให้เด็กๆ ในปกครองได้ใช้ชีวิตอยู่ต่อไป และเป็นสถานที่ในความทรงจำที่นางอยู่อาศัยมาตั้งแต่เล็กนางผู้เคยเป็นเด็กที่ท่านแม่เฒ่ารักที่สุดกลับกลายเป็นเด็กน้อยที...
Comments