จือหลิงที่กรีดร้องปลดปล่อยความเสียวซ่านออกมา ทอดกายหอบหายใจอยู่ใต้ร่างแกร่งที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเคลื่อนไหว ยังคงขับเคลื่อนสะโพกสอบเข้าออก ตอกย้ำบนกายนางครั้งแล้วครั้งเล่า แรงกระแทกที่ตอกอัดจนลืมไปว่านี่เป็นครั้งแรกของนาง แรงส่งจากเบื้องล่างทำให้นางแทบขาดใจ สัมผัสรุนแรงจากร่างหนาที่เบื้องล่างกระทุ้งท่อนเอ็นเร็วรัว มือหนาข้างหนึ่งจับกระชับเอวบาง ให้รับแรงส่งจากด้านล่าง มือหนาอีกข้างบีบขย่ำอกอวบที่สะท้อนขึ้นลง ปากหนาคอยป้อนจูบร้อนแรงเกินต้าน จนนางเสร็จสมครั้งแล้วครั้งเร่า กว่าร่างหนาจะปลดปล่อยสายธารขาวขุ่นฉีดเข้าร่างของนาง นางก็แทบจะขาดใจตายอยู่รอมร่อ
~อ่าาาาส์~
เสียงคำรามทุ้มต่ำของบุรุษที่เกร็งกระตุก ขยับสะโพกสอบเนิบนาบ รีดน้ำขุ่นข้นที่คั่งค้างออกมาทุกหยาดหยด ก่อนจะถอดถอนแกนกายออกจากร่องบุปผางามที่บวมแดงจนดูน่าสงสารมองของเหลวขาวขุ่นไหลย้อนออกมาจากร่องเล็กด้วยสายตาผ่าวร้อน ก่อนพลิกร่างบางให้นอนตะแคงข้างพากายหนาของตัวเองลงไปนอนซ้อนแผ่นหลังบาง ปากหนาบรรจงจูบซับแผ่นหลังขาวผ่องชื้นเหงื่อคลอเคลียใบหน้าหล่อเหลาไปตามแนวสันหลังเล็ก มือหนาสอดเข้ามาบีบคลึงอกอวบเอาไว้ในอุ้งมือใหญ่ อีกข้างจับขาเรียวมาเกยบนสะโพกเกร่งก่อนจะเอื้อมประคองเนินเนื้ออวบอูมที่ยังคงแดงช้ำจากศึกรักเมื่อครู่โดยที่นางไร้เรี่ยวแรงที่จะเอ่ยห้าม ปล่อยให้บุรุษที่พรากความบริสุทธิ์ของนางเชยชมเรือนร่างนางเสียให้พอ ดวงตาอ่อนล้าหลับลงช้าๆ อย่างต้องการพักผ่อน แต่ต้องสะดุ้งเกร็งร่างขึ้นอีกครั้ง เมื่อท่อนเนื้อแข็งลื่นนั้นสอดใส่มาจากด้านหลัง เขามิได้แค่ต้องการเชยชมนางแค่เพียงภายนอกอย่างที่คิด แต่กลับเข้ามาสำรวจในกายนางอีกครั้งทั้งๆ ที่พึ่งสุขสม ร่างบางที่เกร็งกายขึ้นโดยสันชาตญาณ นางไม่ไหวแล้ว
"อึก ไม่ พอเถอะ ข้าไม่ไหวแล้ว~"
แต่มีหรือที่เขาจะฟัง กลับสาวสะโพกเกร่งเสียดแทงนางในท่านอนตะแคงข้าง ยกเข่านางขึ้นข้างหนึ่งดันจนชิดอก โจนจ้วงด้วยจังหวะรุนแรงมาจากด้านหลัง ปากเล็กได้แต่ครวญครางไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน บุรุษบ้านี่ไปตายอดตายอยากมาจากที่ใดกัน นางถูกทารุณจากชายผู้นี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเวลาล่วงเข้าสู่ยามอิ๋น( 3.00-4.59น) พายุเสน่หาถึงได้จบลง
แสงแดดที่สาดส่องมาตามช่องว่าง ทำให้ร่างเล็กที่ปวดร้าวไปทั้งช่วงล่างสะดุ้งตกใจตื่น ก่อนดวงตาตื่นตระหนกจะกวาดมองไปข้างกายที่มีแผงอกเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยมัดกล้ามเยี่ยงชายชาตรีที่อุ่นร้อนของใครบางคนกำลังซ้อนกายกอดก่ายนางอยู่ สายตาตื่นตะลึงที่ไล่จากแผ่นอกกว้างมาตามลำคอแกร่งและปลายคางล่ำสัน ปากแดงได้รูปและจมูกโด่งคมสัน ดวงตาร้อนแรงที่ยังคงปิดสนิท คิ้วกระบี่ที่พาดเหนือดวงตาปิดสนิทนั้นขับให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ่งมีเสน่ห์อย่างเหลือร้าย ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายนางพลันเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นเรื่องจริง ท่วงท่าความแนบสนิทที่เกิดขึ้นยังฉายชัด ทุกสัมผัสยังคงติดตรึง กลิ่นอบอวลของน้ำขาวขุ่นที่หลั่งไหลครั้งแล้วครั้งเล่ายังตลบอบอวลอยู่ในอากาศ บนเตียงที่ยับยู่ยี่และเต็มไปด้วยคราบการร่วมรักอย่างบ้าคลั่ง รวมไปถึงรอยเลือดเป็นด่างดวงตอกย้ำว่านางได้เสียความบริสุทธิ์ให้บุรุษแปลกหน้า และ นางก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเสียด้วย
กายบางที่ร้อนผ่าวเพราะความอับอาย กระถดกายออกจากร่างหนาที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด รีบหยิบอาภรณ์ที่นางถอดทิ้งไว้เมื่อคืนมาสวมใส่อย่างเร่งรีบ กดข่มความเจ็บร้าวกลางร่าง และอาการปวดศีรษะที่เข้าโจมตีนางอย่างรุนแรง นางต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อนที่อีกฝ่ายจะตื่น ไม่อย่างนั้นคงได้มีเรื่องวุ่นวายตามมาเป็นแน่
ด้วยความเร่งรีบจึงไม่ทันสังเกตว่าร่างกำยำของบุรุษบนเตียงกำลังขยับ เมื่อสวมอาภรณ์ที่ยับย่นเรียบร้อยร่างบางจึงรีบผลุนผลันเพื่อพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ก้าวที่กำลังจะก้าวพลันชะงัก หัวใจเหมือนร่วงหล่นมากองแทบเท้า เมื่อเสียงของบุรุษที่นางไม่อยากได้ยินดังขึ้นมาจากด้านหลัง
"นั่นเจ้าจะไปไหน"
ทั้งร่างพลันแข็งทื่อ ค้างอยู่ในท่านั้น ไม่ยอมหันไปมองบุรุษด้านหลัง ที่น้ำเสียงดุดันนั้นกำลังออกคำสั่งกับนาง
"หันกลับมาเดี๋ยวนี้"
แต่มีหรือที่นางจะฟัง เท้าเล็กกลับถลาพุ่งตัวไปยังประตู ที่เปิดออกกว้าง แต่ไม่ใช่เพราะฝีมือนางหรอกนะ
"โม่เหยียน น้องรัก"
เสียงสตรีที่เปิดประตูเข้ามาโดยที่นางไม่ทันตั้งตัว ทำให้ร่างบางที่ขาเรียวนั้นยังคงสั่นเทาถึงกับหงายหลัง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่มีแผ่นอกและแขนแกร่งรับร่างของนางเอาไว้มิให้หงายหลังก้นจ้ำเบ้า ไม่เช่นนั้นช่วงล่างของนางคงได้ระบมกว่าเดิมเป็นแน่
"โม่เหยียน!!!"
OoO!
ใบหน้าของสตรีที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นทำให้นางอยากร้องไห้ แต่ใบหน้าของบุรุษและสตรีที่ยืนอยู่ด้านหลังสตรีผู้นั้นที่นางรู้จักเป็นอย่างดีนั้น ทำให้นางอยากหายไปจากตรงนี้
"หลิงหลิง!!!"
หยางโม่เหยียน ที่เมื่อรู้สึกตัวตื่น มือหนาก็ควานหาร่างหอมกรุ่นของสตรีด้านข้างที่เขาเริงรักกับนางเกือบทั้งคืนแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า แต่กลับรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวอยู่ทางด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นเป็นสตรีที่เขากำลังคิดถึงอยู่ ท่าทางเร่งรีบของอีกฝ่ายที่เร่งสวมอาภรณ์จนไม่สังเกตเลยว่ามีสายตาที่กำลังมองนางด้วยประกายร้อนแรง ผิวเนื้อขาวนวลที่โผล่วับแวมทุกครั้งที่นางขยับตัว ทำให้กลางร่างของเขาร้อนรุ่มขึ้นอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ปลดปล่อยใส่นางไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเมื่อคืนนี้แต่ท่าทางเร่งรีบของนางทำให้คิ้วกระบี่ขมวดมุ่น นางกำลังคิดหนี นางคิดว่าได้เขาแล้วจะคิดทิ้งขว้างง่ายๆ เช่นนั้นหรือ ไม่มีทาง นางต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่นางทำ ไม่รู้หรือไรว่าเขาต้องทุ่มเทแรงใจแรงกายไปเท่าไหร่ในการทำให้นางสุขสมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เพียงแค่เขาพูดไม่กี่ประโยค นางกลับผลุนผลันคิดที่จะวิ่งหนีท่าเดียว จนเขารีบกระโจนลงจากเตียงมีเพียงผ้าแพรผืนบางปกปิดช่วงล่าง แต่ใครจะไปคาดคิด ว่าประตูจะถูกผลักเข้ามาโดยฝีมือของคนคุ้นหน้า ที่กำลังมองมาอย่างตกตะลึงกับภาพความใกล้ชิดที่แสนวาบหวิวนั้นภาพโฉมสะคราญที่นั่งหน้าซี
"เจ้ามิคิดหรือว่า ตอนนี้บุตรของข้าอาจจะกำลังฝังอยู่ในตัวเจ้า"หยางโม่เหยียนที่มองใบหน้างามของสตรีอวดดีที่ซีดขาวสลับแดงก่ำ อย่างเจ้าเล่ห์"การที่ข้าปลดปล่อยในตัวเจ้าไปหลายครั้งหลายครานั้น บุตรของข้าอาจจะกำลังเติบโตอยู่ในตัวของเจ้าแล้วก็เป็นได้"จือหลิงที่มองใบหน้าบุรุษที่กล่าวเรื่องน่าอายขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ก็นางกำลังจะรีบกลับไปดื่มยาห้ามครรภ์อย่างไรเล่า นางที่รู้ซึ้งถึงการเป็นเด็กกำพร้าเป็นอย่างดี หากนางจะมีลูกก็อยากให้ลูกเกิดมาจากความรักของบิดามารดา ไม่ใช่เพราะความผิดพลาด"ข้าจะกลับไปดื่มยาท่านไม่ต้องกังวล ข้าไม่ให้ท่านต้องเดือดร้อนหรอก"เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นอย่างถือดี แม้จะอับอายกับคำพูดของอีกฝ่ายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีก็ตาม "เจ้ามั่นใจหรือว่าแค่ดื่มยาเจ้าจะไม่ตั้งครรภ์ ข้าว่าเจ้าน่าจะรู้ดีกว่าใครนะ ว่าเมื่อคืน...""หยุด ไม่ต้องพูด แล้วท่านจะให้ข้าทำเช่นไร พูดมาเลยดีกว่า"จือหลิงที่รีบเอ่ยแทรกขึ้น ไม่รู้ว่าเขาจะพูดเช่นไร แต่มันคงจะไม่ใช่คำพูดที่น่าฟังเป็นแน่ สู้ถามไปตรงๆ เลยดีกว่าว่าจะเอาอย่างไรกันแน่หยางโม่เหยียนที่ยืดตัวตรงใช้แขนแข็งแรงยกขึ้นกอดอก มองนางอย่างพิจารณาจนกายบางร้อนผ่าว สั
สตรีบ้า หากไม่ตั้งครรภ์จะหย่ากับเขาเช่นนั้นหรือ หึ ข้าก็อยากจะรู้ว่าหลังจากนี้เจ้าจะตั้งครรภ์หรือไม่ ข้าเป็นบุรุษที่ขยันทำเรื่องอย่างว่าเสียด้วยสิ แม่ทัพโม่เหยียนที่เดินใบหน้าบึ้งตึง มาสั่งคนของเขาให้เตรียมตัวออกเดินทางเข้าเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้ด้วยอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองอย่างประหลาด ทั้งๆ ที่เขามั่นใจในตัวเองมาตลอด ว่าเป็นบุรุษที่สมบูรณ์แบบและเป็นที่ต้องการของเหล่าสตรี ที่ต่างอยากจะทอดกายให้เขาเชยชม และทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ในจุดที่สตรีนางนั้นกำลังจะได้ครอบครองมัน แต่นางกลับทำเหมือนไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมแต่งให้เขา เหอะ นางช่างกล้าจือหลิงเมื่อกลับมายังร้านซาลาเปาก็เดินไปเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวเพียงเล็กน้อยของตน โดยมีชิงชิงคอยช่วยอยู่ไม่ห่าง ว่านชิงเมื่อได้รับรู้ทุกอย่างจากปากสหายรัก ก็ให้นึกโทษตัวเอง ที่ยุยงให้นางดื่มสุรา ได้แต่ขอโทษอีกฝ่าย"ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอกชิงชิง มันเป็นความโชคร้ายของข้าเอง เอ หรือจะโชคดีนะ ข้าได้เป็นถึงฮูหยินแม่ทัพเชียวนะ"หลิงหลิงที่เอ่ยขึ้น ด้วยรอยยิ้มทะเล้น นางไม่อยากให้ชิงชิง รู้สึกไม่ดีว่านชิงที่รู้ว่าอีกฝ่ายเพียงพู
จือหลิงที่เห็นสายตาของคนที่นั่งอยู่ด้านข้างแล้ว รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ตั้งแต่ล้อรถม้าเคลื่อนตัวออกมา บุรุษผู้นี้ก็ไม่ยอมพูดสิ่งใดออกมา พานให้นางขยับตัวอย่างอึดอัด แต่สายตาที่เขาใช้มองนางนั้น มันทำให้นางรู้สึกไม่พอใจ "ท่านมีสิ่งใดข้องใจก็พูดมาเลยดีกว่า อย่ามาใช้สายตาเช่นนี้กับข้า"ด้วยทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงได้เอ่ยปากถามขึ้น แต่คำพูดที่หลุดออกมาจากริมฝีปากร้ายกาจนั้นทำให้นางเลือดขึ้นหน้า"ร้อนตัว"จือหลิงที่ถลึงตามองเจ้าของคำพูด ก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ"ท่านหมายความว่าอย่างไร""แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร ยังมิทันได้แต่งให้ข้า ก็คิดจะสวมหมวกเขียวให้ข้าเสียแล้ว"โม่เหยียนที่เหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยัน มีอย่างที่ไหนตัวเองกำลังจะแต่งให้เขาแท้ๆกลับนัดหมายกับคนรักเก่ามาพลอดรักต่อหน้าต่อตา แล้วยังหลั่งน้ำตาให้คนผู้นั้น คงจะอาลัยอาวรณ์กันมาก นางช่างกล้ายิ่งนักคำพูดและท่าทางของทั้งสองที่เขาเห็น ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าคนทั้งคู่นั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา "ข้ามิได้ทำอย่างที่ท่านว่า"จือหลิงที่ปฏิเสธข้อกล่าวหาของอีกฝ่ายเสียงแข็ง อย่างไม่ยอมรับ ก็นางไม่ได้ทำจริงๆ"เหอะ หรือเจ้าจะบอกว่า คนรักเก่าขอ
สิ้นคำกล่าวนั้น ปากหนาก็ฉกวูบมาบดจูบปากอวบอิ่มอีกครั้ง มือหนาที่จับรั้งท้ายทอยเล็กไม่ให้ขยับหนี บังคับให้รองรับจูบที่แสนป่าเถื่อน เต็มไปด้วยอารมณ์แห่งความหึงหวงใช่ เขาหึงหวงนาง ซึ่งมันเกิดขึ้นกะทันหันจนเขาเองยังตกใจ แต่นั่นเพราะว่านางกำลังจะแต่งให้เขา ซึ่งเขามีสิทธิ์ที่จะหวงนาง มิใช่หรอกหรือ ตราบใดที่นางยังเป็นของเขาอยู่ใครน่าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ทั้งนั้นริมฝีปากที่ขบเม้มลงมาอย่างรุนแรงจนรู้สึกเจ็บ จนต้องยินยอมปล่อยให้ลิ้นหนาสากผ่านเข้าไปฉกชิมความหวานภายในโพรงปากเล็ก ลิ้นหนาร้อนที่ดุนดันเข้ามาในโพรงปากนุ่มอย่างจาบจ้วง จนรู้สึกเจ็บ ปากเล็กที่เตรียมอ้างับลิ้นหนาจำต้องชะงักค้าง เมื่อเจ้าของเรียวลิ้นนั้นผละออกอย่างรู้เท่าทัน มองนางด้วยสายตาพราวระยับ"หากเจ้ากล้ากัดปากข้า ข้ารับรองเลยว่า..."จือหลิงที่มองริมฝีปากหนาที่ขยับช้าๆ กล่าวขึ้นก่อนจะหยุดลง มองจ้องเข้าไปในดวงตาคมดุที่จ้องดวงตาตื่นตระหนกราวกับลูกกวางป่าของนาง ก่อนสายตานั้นจะมองต่ำลงไปเบื้องล่าง จนนางต้องมองตามสายตานั้น จนใบหน้างามร้อนวูบ เมื่อสายตาคมคู่นั้นไปหยุดนิ่งอยู่กลางกายนาง ใบหน้าหล่อเหลาที่โน้มลงมากระซิบริมใบหูเล็กแผ่วเบา พร้อ
ริมฝีปากร้อนผ่าวที่จูบซับไปตามลาดไหล่และแผ่นหลังนวลเนียน ลากไล้ปลายลิ้นร้อนไปตามแนวกระดูกสันหลังใช้ท่อนขาแข็งแกร่งดันขาเรียวออกกว้าง ส่งฝ่ามือหนาสากลูบไล้จากก้นงามงอนมาตามร่องก้นเข้ามากอบกุมเนินเนื้อหนั่นเอาไว้ในอุ้งมือใหญ่ลูบไล้กรีดนิ้วเรียวยาวไปตามรอยแยกเปียกแฉะ จนกายบางบิดเร่าครวญครางไม่ได้ศัพท์ มือหนาอีกข้างก็เลื่อนขึ้นไปคลึงเคล้นก้อนเนื้ออวบหยุ่น บีบขย่ำจนขึ้นรอยแดงบดบี้ปลายยอดถันสีเรื่อจนแข็งเป็นไต ก่อนจะละมาจับกระชับปลายคางมนให้หันมารับจูบวาบหวามที่เขาบรรจงบดเบียดริมฝีปากหนาบดคลึงอย่างซาบซ่าน แลบลิ้นร้อนไล้เลียไปบนริมฝีปากอวบอิ่มแล้วสอดแทรกเข้าไปชิมความหวานในอุ้งปากนุ่มอีกครั้งแล้วผละออก มองฝ่ามือที่เปียกลื่นจากน้ำหวานที่บุปผางามคายออกมาเต็มฝ่ามือของตนเองด้วยสายตารุ่มร้อน ก่อนจะละฝ่ามือข้างนั้นมากอบกุมรอบแกนกายแกร่งของตนชักรูดจนขยายคับมือ มองเห็นเส้นเลือดที่โอบล้อมแท่งทวนร้อนผ่าว ผิวขรุขระ จดจ่อส่วนปลายที่มีน้ำเหนียวใสไหลออกมาจากส่วนปลายยอดป้านมนกดชำแรกลงไปในความอ่อนนุ่มแสนคับแน่นจนสุดลำโคน"อ๊ะ...อ่าาาาห์" ลำทวนที่กดแช่อยู่นั้นทำให้นางรู้สึกอึดอัดและรู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก
ล้อรถม้าที่บดมาตามเส้นทางถนนขรุขระ ตอนนี้ได้เข้าสู่เขตเมืองหลวงวิ่งไปบนทางราบเรียบ ภายนอกรถม้าเริ่มมีเสียงจอแจของผู้คนเมื่อเดินทางผ่านประตูเมืองเข้ามา เมื่อผ่านตลาดเสียงผู้คนที่เล็ดลอดเข้ามานั้น ทำให้จือหลิงที่นั่งหลับตาเงียบมาตลอดทางนั้นให้ความสนใจกับสิ่งที่อยู่ภายนอกดวงตากลมโตที่ลืมขึ้นฉายชัดถึงความอ่อนล้า นางไม่ได้หลับแต่แค่ไม่อยากจะสนทนากับคนใจร้าย ที่เอาแต่ใจตนเป็นที่ตั้ง มองเขาเป็นดังอากาศเพราะโกรธแต่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ ดึงดันไปนางก็มีแต่จะเสียเปรียบ มิสู้เมินเฉยให้รู้แล้วรู้รอด เขาจะทำสิ่งใดก็แล้วแต่เขา อย่างไรเสียนางก็ปฏิเสธสิ่งใดไม่ได้อยู่แล้วมือขาวผ่องที่เลิกชายผ้าม่านหน้าต่างขึ้นดูบรรยากาศภายนอกรถม้าอย่างสนอกสนใจ ในเมืองหลวงแห่งนี้กับเมืองหยู่เปิง ที่นางจากมาไม่ได้มีสิ่งใดแตกต่างกันมากนัก อาจเป็นเพราะไม่ได้อยู่ห่างไกลกันมากเดินทางแค่หนึ่งวันก็ถึง แต่ในเมืองหลวงแห่งนี้ดูจะกว้างใหญ่กว่าและร้านค้า โรงเตี๊ยม บ้านเรือนดูจะสวยงามและดูหรูหรากว่าเมืองหยู่เปิง บุรุษและสตรีล้วนแต่งกายด้วยอาภรณ์งดงาม ราคาแพง ใบหน้าล้วนแต่งแต้มด้วยสีสันงามล้ำ อาจเพราะที่นี่มีแต่ชนชั้นสูงและเหล่าบุตรห
เกิดความเงียบขึ้นภายในรถม้า ที่ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเองจือหลิงนางหวาดกลัวที่จะมีความรักมาตลอด กลัวการพลัดพราก กลัวการถูกทอดทิ้ง กลัวและกังวลทุกอย่าง การโตมาในบ้านเด็กกำพร้า ภาพจำไม่ได้สวยงามเลยสักนิด จนมาเจอกับ เกาอี้ถง คนที่นางคิดมาตลอดว่าดีที่สุด แต่กลับกลายเป็นว่านางคิดผิด ยิ่งตอกย้ำให้นางเข็ดขยาดกับความรัก และบุรุษผู้นี้ที่นางและเขาพึ่งรู้จักกัน ไม่ได้รู้ถึงนิสัยใจคอของอีกฝ่าย นางจะเชื่อใจเขาได้แค่ไหนกัน ว่าเขาจะไม่ทอดทิ้งนาง การถูกทิ้งซ้ำๆ ซากๆ มันไม่สนุกเลยแม่ทัพหยางโม่เหยียน เอกบุรุษ จากตระกูลใหญ่ ผู้องอาจ มีทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ ผู้คนต่างนับหน้าถือตา และนาง สตรีที่โตมาจากบ้านเด็กกำพร้า ไม่รู้กระทั่งว่าบิดามารดาคือใคร เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเหตุผลที่นางสมควรกันตัวเองออกมาก่อนที่จะถลำลึกไปมากกว่านี้ ยอมรับว่านางกลัวใจตัวเอง กลัวว่าความใกล้ชิดนี้จะทำให้นางเผลอเอาหัวใจไปผูกกับบุรุษที่ดูมีเสน่ห์แห่งบุรุษเพศอย่างเหลือล้นผู้นี้ จนทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวด แม้ใครจะมองว่าเป็นวาสนาที่ได้ใกล้ชิดเอกบุรุษผู้นี้ แต่นางกลับคิดว่า กำลังเป็นแมลงตัวน้อยที่กำลังจะบิน
และแล้ววันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง จือหลิงนางได้ให้กำเนิดคุณหนูใหญ่ของตระกูลหยาง นาม หยางซือเชี่ยน ที่แปลว่าความสุขและความงดงาม โดยท่านย่าของเด็กน้อยเป็นผู้ตั้งให้ ทารกเพศหญิงที่นำความสุขทั้งมวลมาสู่จวนตระกูลหยางเมื่อหนูน้อยเชี่ยนเชี่ยนมีอายุได้สามเดือน ข่าวที่น่ายินดีก็เกิดขึ้นอีกครั้ง คือฮูหยินน้อยได้ตั้งครรภ์บุตรคนที่สองจือหลิงที่ยังจดจำความเจ็บปวดในการคลอดบุตรได้เป็นอย่างดีได้แต่ฝืนยิ้มอย่างฝืดเฝื่อน แม้จะรู้สึกยินดีที่นางจะมีบุตรเพิ่มอีกคน แต่สามีและแม่สามีจะมิให้นางได้หายใจหายคอบ้างเลยหรืออย่างไร สามีนางก็กระไร ช่างขยันขันแข็งในการทำบุตรยิ่งนัก ฮูหยินผู้เฒ่าหยางที่ดีใจอย่างที่สุด หวังอย่างยิ่งว่าหลานผู้นี้จะเป็นหลานชายสืบทอดสกุล"ดีนัก ดีดีดี"หญิงชราที่พึมพำอยู่เช่นนั้นด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม จนนางกล่าวคำใดไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำสามีนางก็ช่างประเสริฐดีแท้ ขยันหมั่นเพียรผลิตเจ้าก้อนแป้งอยู่ทุกค่ำคืนมิได้ขาด ภายในปีนี้ สรุปแล้วนางตั้งครรภ์บุตรถึงสองคน เมื่อครบกำหนดคลอดนางก็คลอดหลานชายตัวอวบอ้วนให้แม่สามีได้เชยชมสมดังใจ บุตรชายผู้นี้ของนางเป็นบิดาของเขาที่ตั้งนามให้ นามว่า หยางเล
"แล้วหลังจากนั้นว่านอิงฮวานางก็ลอบเข้ามาหาพี่ในห้องนั้น โดยมีคนของพี่คอยเปิดทางให้ แล้วทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เจ้ารู้"สองร่างที่กอดก่ายกันอยู่ในถังน้ำใบใหญ่ มีไอความร้อนลอยกรุ่น กลิ่นหอมจากมวลดอกไม้ลอยคละคลุ้งตลบอบอวลโอบรอบกายของทั้งสอง"ร้ายกาจมาก ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว"เสียงหวานที่พึมพำขึ้น จนร่างสูงต้องดึงรั้งร่างบางขึ้นมาสบสายตา ยกมือหนาขึ้นเกี่ยวปอยผมที่ตกลงมาบดบังใบหน้างามทัดใบหูเล็กอย่างอ่อนโยน "หากไม่ทำเช่นนั้น เกรงว่าจะมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีกไม่จบไม่สิ้น พี่เองก็มิได้อยากใช้วิธีสกปรกเช่นนี้กับนาง"จือหลิงที่ช้อนตามองอีกฝ่าย ก่อนจะยกยิ้มหวานขึ้น"ข้ามิได้ว่าท่านเสียหน่อย ข้าว่าสตรีมากเล่ห์ผู้นั้นต่างหากเล่า ร้ายกาจยิ่งนักที่คิดจะแย่งชิงสามีข้า"จือหลิงที่แนบริมฝีปากอวบอิ่มกับปากหนา ส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่ายอย่างยั่วเย้า ร่างเล็กป่ายปีนขึ้นมาทาบทับร่างแกร่งกำยำ ภายในห้องอาบน้ำร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง ด้วยไฟพิศวาสที่สองร่างร่วมกันจุดกรี๊ดดดดดเสียงกรีดร้อง ตามด้วยเสียงร้องไห้คร่ำครวญของสตรีที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าบุรุษข้างกายไม่ใช่บุรุษที่ตนปรารถนา แต่กลับเป็นชายที่นางคุ้นหน้าคุ้นตาเป
คุณชายหานหลี่เหลียง คุณชายตระกูลคหบดีเก่าที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อว่านอิงฮวา คอยดูแลเอาอกเอาใจตลอดสามปีที่ผ่านมา บุรุษที่มอบใจรักให้นางอย่างมั่นคง แม้จะไม่เคยได้ความรักตอบแทน ก็ยังคงเฝ้ามองนาง ทำทุกอย่างตามที่นางร้องขออย่างโง่เขลา ถูกนางอันเป็นที่รักใช้ความรักที่เขามีให้ เป็นเครื่องมือ เพียงนางร้องขอ เขาก็ยินดีหาทุกอย่างมาประเคนให้ แม้กระทั่งยาปลุกกำหนัดไร้สีไร้กลิ่นที่ราคาแพงแสนแพงและหายาก เพียงนางต้องการ ก็ได้มาครอบครองโดยง่าย แม้จะล่วงรู้การกระทำทุกอย่างของนาง แต่ก็ยินยอม ขอแค่ให้นางนั้นมีความสุขและสมหวังในสิ่งที่นางปรารถนา เขาก็พร้อมจะยอมรับกับความเจ็บปวดและผิดหวัง แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะโดนจับตัวมาโดยบุรุษหน้าตาดุดัน ก่อนจะถูกบังคับให้กินน้ำแกงถ้วยหนึ่งที่ส่งกลิ่นหอมคุ้นจมูก เมื่อน้ำแกงถ้วยนั้นไหลผ่านลำคอรสชาติที่คุ้นลิ้นนั้น เขาจำได้ดีว่ารสมือเช่นนี้เป็นฝีมือของผู้ใด น้ำแกงที่สตรีที่เขารักปักใจมักจะทำให้เขาชิมเสมอตลอดระยะสามปีที่ผ่านมา ว่ามันอร่อยพอหรือยังที่นางจะทำให้บุรุษที่นางรักได้กินมัน ที่ผ่านมานางมักจะฝึกฝนทำอาหารด้วยความตั้งใจ เพื่อรอให้ใครคนหนึ่งกลับมากินฝีมือของนาง ซึ่งบุรุษผู้
แม่ทัพหยางโม่เหยียนที่มองการกระทำของคนตัวเล็กด้วยหัวใจที่เต้นแรง รู้สึกตื่นเต้นกับทุกอย่างที่นางทำ แม้จะดูเงอะงะแต่กลับทำให้เขาเกร็งไปตลอดทั้งร่าง ลูกกวางน้อยของเขากลายร่างเป็นพยัคฆ์สาวเสียแล้วมือบางที่ลูบไล้เรือนร่างกำยำสะเปะสะปะ ริมฝีปากอวบอิ่มที่นุ่มร้อน ขบเม้มใบหูสะอาดของเขาดังที่เขาเคยทำกับนางจนกายหนากระตุกเกร็งไปทั้งร่าง จูบซับขบเม้มมาตาสันกรามแกร่ง กดจุมพิตตรงปลายคางสากระคายที่มีไรหนวดจางๆ ขบเม้มมาตามลำคอแข็งแกร่งลากไล้ปลายลิ้นผ่านลูกกระเดือกที่ดูมีเสน่ห์อย่างล้นเหลือ มือเล็กที่ปลดสายคาดเอว ดึงรั้งอาภรณ์ออกจากกายแกร่ง โดยมีผู้เป็นเจ้าของให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จนอาภรณ์หลุดออกจากเรือนร่างกำยำ ปรากฏภาพความสมบูรณ์แบบที่ทำให้ร่างบางถึงกับชะงัก แม้จะรู้สึกอับอายจนใบหน้างามร้อนผ่าว ดวงตากลมโตดูตื่นตระหนกแต่ก็พยายามข่มกลั้นความอายเพื่อเอาอกเอาใจผู้เป็นสามีแม่ทัพหยางโม่เหยียนที่เฝ้ามองนางอยู่ ต้องยกมือหนารั้งลำคอระหงลงมามอบจุมพิตหวานละมุนให้รางวัลสำหรับความน่ารักนั้น นางกำลังทำให้เขาคลั่งกับความน่ารักของนาง นางช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก"ร่างกายนี้เป็นของเจ้า หลิงเอ๋อ"ริมฝีปากหนาที่ผล
จือหลิงที่เงยใบหน้างามเปรอะเปื้อนน้ำตาขึ้นมองใบหน้าเจ้าของอ้อมแขนอุ่นที่โอบประคองนางเอาไว้นัยน์ตากลมโตที่มีหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่เต็มหน่วยตา มองใบหน้าบุรุษตรงหน้าด้วยสายตาพร่าเลือน ก่อนจะกะพริบตาถี่ๆ ขับไล่หยาดน้ำตาจนหยดล่วงเปื้อนแก้มนวลเม็ดโต ทำให้คนมองใจกระตุกสงสารโฉมสะคราญจับใจจือหลิงเมื่อเห็นใบหน้าของบุรุษที่โอบกอดนางอยู่ถึงกับตกตะลึง หัวใจที่บอบช้ำเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง ปากอวบอิ่มเผยอขึ้นจนสั่นระริก"เหตุใดจึงเป็นท่าน"เสียงหวานแหบเครือเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบาหวิว กลัวภาพตรงหน้าเป็นเพียงภาพฝัน มือเล็กนุ่มนิ่มที่สั่นเทาจึงยกขึ้นลูบใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคยแผ่วเบาเหมือนกลัวว่าใบหน้านี้จะหายไป"ร้องไห้ด้วยเหตุใดกัน หืม"เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้น ยิ่งตอกย้ำว่านางมิได้ฝันไป ปากอวบอิ่มแดงเรื่อยกยิ้มขึ้นด้วยความยินดีจนสั่นระริก"เป็นท่าน หยางโม่เหยียน อึก ฮื้ออ ฮื้ออ"จือหลิงที่ร้องไห้โฮอย่างสุดจะกลั้น ทั้งดีใจ ทั้งโล่งใจ ที่เขามายืนอยู่ตรงหน้า มิได้อยู่ในห้องนั้น ซุกซบใบหน้านองน้ำตากับแผงอกกำยำ โอบกอดลำคอแกร่งอย่างลืมอาย ปล่อยให้น้ำมูกน้ำตาไหลเปรอะเปื้อนอาภรณ์ตรงอกแกร่งจนเปียกชุ่ม"นิ่งเสียค
"เจ้าก็อยู่ที่นี่หรือโม่เหยียน แม่ดีใจยิ่งนัก เจ้าทั้งสองเข้าใจกันแล้วใช่หรือไม่""ขอรับท่านแม่"แม่ทัพหยางโม่เหยียนที่ลุกขึ้นประคองร่างของมารดาตนมานั่งพร้อมเอ่ยตอบแค่ก แค่ก แค่กจือหลิงที่ขยับกายจะปฏิเสธ ต้องหยุดคำพูดลงเมื่อเสียงไอแหบแห้งของหญิงชราดังขัดขึ้น พร้อมมือเหี่ยวย่นนั้นยกขึ้นนวดคลึงศีรษะ"ท่านแม่ ไม่สบายหรือเจ้าคะ"มือบอบบางที่รินชาส่งให้ พร้อมกับเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นท่าทางของผู้เป็นแม่สามี เมื่อวานท่านยังดูปกติและแข็งแรงดีอยู่เลย"คนแก่ก็เช่นนี้ สามวันดีสี่วันไข้ เจ้าอย่าได้กังวล แล้วโม่เหยียนมารับน้องกลับเรือนหรือ"ฮูหยินผู้เฒ่าหยางที่เอ่ยตอบลูกสะใภ้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปถามบุตรชายตน"ไม่ชะ.."แค่ก แค่ก แค่กจือหลิงที่ตั้งท่าจะปฏิเสธ ต้องสงบคำอีกครั้ง เมื่อเสียงไอแห้งๆ ของแม่สามีดังขึ้น"ตามท่านหมอมาดูเสียหน่อยดีกว่านะเจ้าคะ""ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวก็หาย""เช่นนั้นก่อนกลับอยู่รับสำรับกับแม่นะ มิได้ร่วมโต๊ะกับเจ้าทั้งสองพร้อมหน้าเสียหลายวัน"เสียงของหญิงชราที่กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเศร้า ที่ดูเหมือนจะเศร้ามากจนเกินไป มองนางด้วยความคาดหวัง จนจือหลิงได้แต่ยิ้ม
ร่างสูงที่พาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าสตรีที่ทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับ จนแทบจะกระอักเลือดตายเพราะความคิดถึงมันจุกอก ด้วยใบหน้าหม่นเศร้า"พี่มีเรื่องจะคุยกับเจ้า"น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้นเสียงอ่อยราวกับว่าเมื่อครู่ท่านแม่ทัพไม่ได้มีท่าทางเกรี้ยวกราดมาก่อน ทำให้บรรดาบ่าวรับใช้ที่ถึงแม้จะเกรงกลัวท่าทางดุดันของท่านแม่ทัพ แต่ความเป็นห่วงฮูหยินน้อยนั้นมีมากกว่า จึงตามมาห่างๆ อย่างห่วงๆ ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ว่าเมื่อสักครู่พวกตนฝันไปเช่นนั้นหรือ หรือว่าภาพตรงหน้าเป็นแค่ภาพลวงตาฮะแฮ่ม!!สายตาบ่าวรับใช้ที่มองมายังตน ทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกับออกอาการเก้อกระดาก"พวกเจ้าออกไปก่อน""เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ"บรรดาข้ารับใช้ที่ช่างรักใคร่ในตัวฮูหยินน้อยของพวกนางมากมายเหลือเกิน แม้จะมีท่าทางลังเลแต่ก็ยอมถอยออกไป นี่พวกนางกลัวว่าเขาจะสังหารภรรยาของตัวเองหรืออย่างไรถึงได้ยกโขยงมากันเช่นนี้"อาเปา เจ้าอยู่นี่"จือหลิงนางมิอาจวางใจบุรุษมากเล่ห์ผู้นี้ได้อีกแล้ว เขาอาจจะทำในสิ่งที่นางคาดไม่ถึงอีกก็เป็นได้"เจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย"แม่ทัพหยางโม่เหยียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็มิได้กล่าวว่าอันใด นางคิดจริงๆ หรือว่า หากเขาต้
จือหลิงที่ถูกบุรุษชั่วผู้นั้นเคี่ยวกรำตลอดทั้งคืน ชันกายลุกขึ้นจากเตียงนุ่มอย่างอ่อนล้า เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับจวน นางพลาดท่าให้เจ้าคนมากเล่ห์นั่นจนได้ สายตาพลันตวัดมองกาน้ำชาบนโต๊ะ แต่ทว่ามันได้หายไปเสียแล้วหวนนึกไปถึงภาพเหตุการณ์เมื่อคืน หลังจากศึกรักอันเร่าร้อนในรอบแรกจบลง นางที่นอนหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยก็สำเหนียกได้ว่านางโดนบุรุษผู้นี้เล่นไม่ซื่อเสียแล้ว ร่างบางที่ขืนกายออกจากอ้อมแขนแข็งแกร่งชื้นเหงื่อ ก่อนจะผุดลุกต่อว่าบุรุษชั่วอย่างเคืองแค้น ทั้งที่กลางกายยังคงร้อนวูบวาบ"ท่านมันชั่วช้า ถึงขนาดกล้าวางยาข้าเชียวหรือ""เจ้ากล่าวหาพี่แล้ว มิใช่เจ้าหลอกหรือที่ข่มเหงรังแกพี่"ใบหน้าหล่อคมที่กล่าวสวนขึ้นมา พร้อมตีหน้าเศร้าราวกับตนเองถูกรังแก ทำให้นางถึงกับสะอึก ใบหน้างามร้อนผ่าวแดงก่ำไปทั้งหน้าลามไปถึงลำคอ ใบหูเล็กทั้งสองข้างแดงเถือก มือบอบบางที่กระชับผ้าห่มปกปิดกาย กำเข้าหากันแน่นอย่างแค้นเคือง"ไม่จริง...เป็นท่านแน่ที่วางยาข้า หาไม่แล้ว ข้ามิมีวันทำเรื่องน่าอายเช่นนี้แน่"จือหลิงที่มองอีกฝ่ายอย่างเดือดดาล เขาเป็นคนวางยานางแน่ แต่กลับกล่าววาจาให้นางต้องอับอาย"จุ๊ จุ๊ จุ๊ หลิงเ
สายตาคมจับจ้องมองความงามตรงหน้าอย่างหลงใหล มองเนื้อโหนกนูนหนั่นแน่นขาวผ่อง สองกลีบอวบอูมที่ปิดสนิท มีน้ำหวานสีใสไหลซึม ผุดขึ้นมาจากร่องจนฉ่ำเยิ้ม จนอยากจะกดชำแรกแทรกปลายลิ้นลงไปฉกชิมความหวานด้านในมือหนาสากเริ่มบีบคลึงสะโพกงามหนักมือขึ้นเรื่อยๆ ปากหนาพรหมจูบไปตามปลีน่องขาวผ่องเรื่อยขึ้นมาตามเนื้อนวลด้านในโคนขาอ่อนนุ่มละมุน นิ้วเรียวยาวลากไล้เข้าหาจุดอ่อนไหวแยกกลีบดอกบุปผางามออกจากกัน กดชำแรกนิ้วกลางใหญ่ ร้อนผ่าวเข้าไปในความอ่อนไหวอุ่นร้อนสีแดงฉ่ำ ที่ตอดรัดนิ้วของเขาทันทีที่กดลึกลงไปจนสุดโคนนิ้ว เสียงหวานใสที่ร้องครวญครางด้วยความซ่านสยิว ร่อนสะโพกงามสู้นิ้วใหญ่ที่ผลุบเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ ช่องทางรักอ่อนนุ่มตอดตุบๆ จนเขาต้องเร่งส่งนิ้วเข้าออกระรัว"อื้อออ~"น้ำหวานสีใสที่ไหลเปรอะเปื้อนชโลมนิ้วใหญ่จนเปียกชุ่ม สะโพกงามที่ตามติดทุกการเคลื่อนไหวอย่างซ่านกระสัน ก่อนร่างหนาจะถอดถอนนิ้วที่เปียกลื่นนั้นออกจากความอ่อนนุ่มที่แสนเร่าร้อน แทนที่ด้วยลิ้นสากหนาร้อนระอุ ปาดเลียน้ำหวานที่หลั่งไหลอย่างไร้ความรังเกียจ ร่างนุ่มนิ่มบิดกายด้วยความเสียวซ่าน ลิ้นหนาร้อนส่งปลายลิ้นลงไปกระดกติ่งตูมเต่งสีหวานที