ใบหน้าหล่อเหลาที่คิ้วกระบี่นั้นขมวดมุ่น ครั้งนี้คงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีก เห็นทีมารดาจะเอาจริงเสียแล้ว
ใบหน้าหล่อเหลาที่ครุ่นคิดเพียงครู่ก่อนจะยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะเอ่ยขึ้น
"ข้าว่าข้าต้องการสตรีแล้วล่ะ ซานจง"
ลู่ซานจงที่มองผู้เป็นน้าอย่างไม่เข้าใจอีกฝ่ายที่พูดจบก็กระดกสุราเข้าปากหมดจอกพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ในสาส์นของท่านยายมีสิ่งใดกัน
"ขอเพียงท่านเอ่ยปากข้าก็พร้อมจะจัดหาหญิงงามมาให้ท่านอยู่แล้ว"
ซานจงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่าผู้เป็นน้าคิดจะทำสิ่งใด แต่ก็ยินดีทำตามความต้องการของท่านน้าอย่างเต็มที่
"เอาไว้พรุ่งนี้ก่อนดีกว่าเราค่อยคุยกัน วันนี้ดื่มให้กับความสำเร็จของเจ้า และยินดีกับเจ้าที่จะมีภรรยาเสียที"
บุรุษผู้สง่าผ่าเผยยกจอกสุราขึ้นชนกับผู้เป็นหลานชายและหลานสะใภ้ตามด้วยเสียงหัวเราะครื้นเครง จากนั้นจึงขอตัวขึ้นไปพักผ่อน เพราะรู้สึกล้ามากแล้วกับการเดินทางในครั้งนี้
เมื่อผู้เป็นนายลุกขึ้นบรรดาเหล่าลูกน้องก็ลุกตาม แต่ต้องชะงักเพราะผู้เป็นนายยกมือขึ้นเป็นการเอ่ยห้ามเสียก่อน
"ไม่ต้อง วันนี้พวกเจ้าดื่มกินกันให้เต็มที่"
ก่อนจะเดินไปยังห้องพักที่ผู้เป็นหลานชายจัดเอาไว้ให้ โดยมีเสี่ยวเอ้อของทางโรงเตี๊ยมเป็นผู้นำทาง ก่อนจะพามาหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งบนชั้นสามของโรงเตี๊ยมซึ่งเป็นพื้นที่ค่อนข้างที่จะเป็นส่วนตัว
ร่างสูงที่เดินตรงไปยังห้องอาบน้ำทันทีเพราะรู้สึกเหนียวตัวกับการเดินทางมาตลอดทั้งวัน ยิ่งเมื่อดื่มสุราเข้าไปยิ่งทำให้รู้สึกร้อนจนอึดอัด
เมื่อก้าวเข้ามาในห้องอาบน้ำที่มีกลิ่นหอมของน้ำมันระเหยทำให้รู้สึกผ่อนคลายมือหนาที่ปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากกายแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามกำยำ บนแผ่นหลังและบ่ากว้างล้วนมีบาดแผลประปรายซึ่งล้วนได้มาจากสนามรบ ก่อนจะค่อยๆ หย่อนกายกำยำลงไปในถังไม้ที่บรรจุน้ำอยู่เต็มถัง
แผ่นอกกว้างที่มีหยดน้ำเกาะพราวเดินใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมจนหมาดทั้งๆ ที่กายแกร่งยังคงเปล่าเปลือย ก่อนจะเดินตรงไปยังเตียงกว้าง มือหนาที่เปิดม่านมุ้งขึ้นพลันชะงัก รีบพาตัวเองมาหยิบเสื้อคลุมตัวในขึ้นมาสวม เพราะตอนนี้บนเตียงกว้างปรากฏหญิงงามที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม หลานชายของเขาผู้นี้ ช่างกระทำการทุกอย่างได้ว่องไวนักโดยเฉพาะกับเรื่องสตรี
ร่างหนาที่เดินเข้าไปยังตั่งเตียงอีกครั้งเพื่อปลุกให้อีกฝ่ายออกไปเพราะเขานั้นไม่มีอารมณ์ที่จะสมสู่ในตอนนี้ แต่ราวกับโดนมนต์สะกดเมื่อได้เห็นใบหน้าของสตรีที่นอนหลับอยู่ ร่างกายงดงามสมส่วนที่มีเพียงอาภรณ์บางเบาปิดบังเอาไว้ จนสามารถมองเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งได้อย่างชัดเจน ดอกบัวตูมอวบอิ่มที่มียอดทรวงสีระเรื่อกำลังเบียดชิดกันหลอกล่อภมรให้ลุ่มหลงดอมดมเป็นภาพที่เย้ายวนยิ่งนัก
สิ่งที่คิดว่าคงไร้เรี่ยวแรงที่จะตื่นตัวเพราะเหนื่อยล้าจากการเดินทางกลับตั้งตระหง่านขึ้นจนเขาเองยังตกใจ เป็นเช่นนี้คงต้องปล่อยเลยตามเลย ดูท่าลูกรักของเขาจะชอบสตรีที่เจ้าหลานชายตัวดีส่งมาให้
กลิ่นหอมเย้ายวนที่ลอยมาแตะจมูกทำให้ใบหน้าหล่อเหลาต้องโน้มลงไปหาสูดดมความหอมละมุนที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน ปากร้อนและจมูกโด่งได้รูปจูบซับตั้งแต่หน้าผากมนมายังเปลือกตาที่ปิดสนิททั้งสองข้างไล่มาตามสันจมูกโด่งเล็กและริมฝีปากสีระเรื่อ เขาได้กลิ่นสุราจากริมฝีปากนาง อยากรู้เหลือเกินว่ารสสุราในปากนางจะหวานหรือไม่
โดยไม่รอให้ความสงสัยเกิดขึ้นนานริมฝีปากร้อนระอุก็ทาบทับลงไปอีกครั้งซึ่งครั้งนี้มิได้เพียงจูบซับแผ่วเบาแต่เป็นการบดจูบที่แสนเร่าร้อนเป็นการปลุกนางให้ลืมตาขึ้นมารองรับความกระสันของเขาซึ่งก็ได้ผลเมื่อปากเล็กนั้นตอบสนองจนเขาต้องส่งลิ้นหนาร้อนเข้าไปควานหาความหวานในโพรงปากเล็กที่ช่างหอมหวานกว่าสตรีคนใดที่เขาได้เคยลิ้มลองมา
จือหลิงที่รู้สึกราวกับว่ากำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ในฝันนั้นราวกับนางได้กัดกินผลท้อที่สุกงอมรสหวานหอม รู้สึกละมุนลิ้นจนแทบจะละลายในปาก ยิ่งกัดกินยิ่งรู้สึกราวมีผีเสื้อนับพันนับหมื่นตัวกระพือปีกอยู่รอบกายนาง จนสัมผัสได้ถึงปีกบอบบางที่ลูบไล้ไปตามผิวเนื้อ แต่เหตุใดปีกของผีเสื้อเหล่านี้ถึงได้ร้อนนัก ยิ่งสัมผัสกายนางยิ่งรู้สึกร้อนรุ่มวาบหวิว
มือหนาที่ลูบไล้ไปตามเรือนกายขาวนุ่มนิ่มอย่างหลงใหล เขาไม่เคยเจอสตรีที่มีกลิ่นกายหอมยั่วยวนและผิวที่น่าสัมผัสเช่นสตรีนางนี้มาก่อนเลย ปากหนาที่บรรจงจูบซับความหอมหวานของสตรีงามทุกซอกทุกมุม ก่อนจะปลดเปลื้องอาภรณ์ที่กีดขวางออกจากกายบาง เลื่อนริมฝีปากหนามาบดเคล้าปากอวบอิ่มจนเจ้าของครางฮือจือหลิงที่รู้สึกเจ็บตรงริมฝีปากและรู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ สะดุ้งตื่นจากภาพฝัน ลืมตาโพลง ภาพที่ปรากฏในครรลองสายตาทำให้ลมหายใจสะดุดกึก เห็นเพียงกลุ่มผมดกดำที่กำลังก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวของตนจนรู้สึกซ่านสยิว จมูกโด่งเล็กได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกลุ่มผมดำนั้น ฝันซ้อนฝันหรืออย่างไร แขนเล็กที่ไร้เรี่ยวแรงยกขึ้นมาหมายจะผลักเจ้าของร่างหนาหนักออกจากกาย แต่กลับรู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนเปียกชื้นของอุ้งปากที่อ้างับครอบครองเต้าทรวงของนาง ก่อนจะดูดดึงอย่างหิวกระหาย กลายเป็นว่าแขนบอบบางที่คิดจะผลักไสในตอนแรก กลับโอบกระชับต้นคอแกร่งกดศีรษะนั้นให้สัมผัสอกอวบของนางให้มากขึ้น สัมผัสเร่าร้อนและความรู้สึกเจ็บระคนซ่านเสียวบอกให้รู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เรี่ยวแรงที่จะปฏิเสธกลับเหือดหาย เมื่อบุรุษที่กำลังสัมผัสนางอยู่นั้นเงยหน้าจากอกอ
กลิ่นหอมอบอวลที่แตะปลายจมูก เรียกร้องให้ลิ้นร้อนต้องแหย่ลงไปลิ้มลองรสชาติหวานล้ำ ค่อยๆ ชำแรกปลายลิ้นไปตามร่องกลางกลีบดอกที่แดงระเรื่อ ก่อนจะขบเม้มกลีบบอบบางดูดดึงจนเกิดเสียงที่ชวนให้สั่นไหว ~อ่าาาส์~เสียงครางแว่วหวานนั้นยิ่งทำให้ปากหนายิ่งปรนเปรอกดย้ำกลีบอวบอูมนั้น ดูดกลืนน้ำหวานที่เอ่อล้นทะลักจนแวววาวเคลือบปากหนา ก่อนจะกดชำแรกห่อลิ้นร้อนโจนจ้วงเข้าไปยังช่องทางรักคับแน่น กระดกปลายลิ้นระรัวจนสะโพกมนบิดเร่า ร่อนขึ้นจากเบาะนุ่มด้วยความสาดเสียว ริมฝีปากและลิ้นร้อนกลืนกินน้ำหวานฉ่ำวาวที่ผุดขึ้นมาไม่ขาดสายอย่างตะกละตะกลาม กายบางที่แอ่นโค้งขึ้น รู้สึกวูบวาบเสียวซ่านจนหน้าท้องแบนราบหน่วงเกร็ง โหนกอวบอูมไร้เส้นขนพองขยาย ก่อนเสียงวี้ดร้องที่บ่งบอกว่านางพร้อมแล้วสำหรับการเริงรักขั้นต่อไปจะดังขึ้น กายขาวผ่องงดงามสั่นเทิ้มกับความสุขสมจากปลายลิ้นร้ายกาจนั้นจนดวงตาฉ่ำน้ำนั้นหยาดเยิ้มไปด้วยแรงอารมณ์กายหนาที่หยัดขึ้นปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างกำยำอย่างเร่งรีบ สายตาคมยังคงจับจ้องกายขาวผ่องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาเร่าร้อนที่พุ่งสูงจือหลิงที่มองดูเรือนร่างกำยำตรงหน้าด้วยแววตาฉ่ำปรือ ก่อนสายตา
จือหลิงที่กรีดร้องปลดปล่อยความเสียวซ่านออกมา ทอดกายหอบหายใจอยู่ใต้ร่างแกร่งที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเคลื่อนไหว ยังคงขับเคลื่อนสะโพกสอบเข้าออก ตอกย้ำบนกายนางครั้งแล้วครั้งเล่า แรงกระแทกที่ตอกอัดจนลืมไปว่านี่เป็นครั้งแรกของนาง แรงส่งจากเบื้องล่างทำให้นางแทบขาดใจ สัมผัสรุนแรงจากร่างหนาที่เบื้องล่างกระทุ้งท่อนเอ็นเร็วรัว มือหนาข้างหนึ่งจับกระชับเอวบาง ให้รับแรงส่งจากด้านล่าง มือหนาอีกข้างบีบขย่ำอกอวบที่สะท้อนขึ้นลง ปากหนาคอยป้อนจูบร้อนแรงเกินต้าน จนนางเสร็จสมครั้งแล้วครั้งเร่า กว่าร่างหนาจะปลดปล่อยสายธารขาวขุ่นฉีดเข้าร่างของนาง นางก็แทบจะขาดใจตายอยู่รอมร่อ ~อ่าาาาส์~เสียงคำรามทุ้มต่ำของบุรุษที่เกร็งกระตุก ขยับสะโพกสอบเนิบนาบ รีดน้ำขุ่นข้นที่คั่งค้างออกมาทุกหยาดหยด ก่อนจะถอดถอนแกนกายออกจากร่องบุปผางามที่บวมแดงจนดูน่าสงสารมองของเหลวขาวขุ่นไหลย้อนออกมาจากร่องเล็กด้วยสายตาผ่าวร้อน ก่อนพลิกร่างบางให้นอนตะแคงข้างพากายหนาของตัวเองลงไปนอนซ้อนแผ่นหลังบาง ปากหนาบรรจงจูบซับแผ่นหลังขาวผ่องชื้นเหงื่อคลอเคลียใบหน้าหล่อเหลาไปตามแนวสันหลังเล็ก มือหนาสอดเข้ามาบีบคลึงอกอวบเอาไว้ในอุ้งมือใหญ่ อีกข้างจับขาเรี
หยางโม่เหยียน ที่เมื่อรู้สึกตัวตื่น มือหนาก็ควานหาร่างหอมกรุ่นของสตรีด้านข้างที่เขาเริงรักกับนางเกือบทั้งคืนแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า แต่กลับรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวอยู่ทางด้านหลัง เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นเป็นสตรีที่เขากำลังคิดถึงอยู่ ท่าทางเร่งรีบของอีกฝ่ายที่เร่งสวมอาภรณ์จนไม่สังเกตเลยว่ามีสายตาที่กำลังมองนางด้วยประกายร้อนแรง ผิวเนื้อขาวนวลที่โผล่วับแวมทุกครั้งที่นางขยับตัว ทำให้กลางร่างของเขาร้อนรุ่มขึ้นอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ปลดปล่อยใส่นางไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเมื่อคืนนี้แต่ท่าทางเร่งรีบของนางทำให้คิ้วกระบี่ขมวดมุ่น นางกำลังคิดหนี นางคิดว่าได้เขาแล้วจะคิดทิ้งขว้างง่ายๆ เช่นนั้นหรือ ไม่มีทาง นางต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่นางทำ ไม่รู้หรือไรว่าเขาต้องทุ่มเทแรงใจแรงกายไปเท่าไหร่ในการทำให้นางสุขสมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เพียงแค่เขาพูดไม่กี่ประโยค นางกลับผลุนผลันคิดที่จะวิ่งหนีท่าเดียว จนเขารีบกระโจนลงจากเตียงมีเพียงผ้าแพรผืนบางปกปิดช่วงล่าง แต่ใครจะไปคาดคิด ว่าประตูจะถูกผลักเข้ามาโดยฝีมือของคนคุ้นหน้า ที่กำลังมองมาอย่างตกตะลึงกับภาพความใกล้ชิดที่แสนวาบหวิวนั้นภาพโฉมสะคราญที่นั่งหน้าซี
"เจ้ามิคิดหรือว่า ตอนนี้บุตรของข้าอาจจะกำลังฝังอยู่ในตัวเจ้า"หยางโม่เหยียนที่มองใบหน้างามของสตรีอวดดีที่ซีดขาวสลับแดงก่ำ อย่างเจ้าเล่ห์"การที่ข้าปลดปล่อยในตัวเจ้าไปหลายครั้งหลายครานั้น บุตรของข้าอาจจะกำลังเติบโตอยู่ในตัวของเจ้าแล้วก็เป็นได้"จือหลิงที่มองใบหน้าบุรุษที่กล่าวเรื่องน่าอายขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ก็นางกำลังจะรีบกลับไปดื่มยาห้ามครรภ์อย่างไรเล่า นางที่รู้ซึ้งถึงการเป็นเด็กกำพร้าเป็นอย่างดี หากนางจะมีลูกก็อยากให้ลูกเกิดมาจากความรักของบิดามารดา ไม่ใช่เพราะความผิดพลาด"ข้าจะกลับไปดื่มยาท่านไม่ต้องกังวล ข้าไม่ให้ท่านต้องเดือดร้อนหรอก"เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นอย่างถือดี แม้จะอับอายกับคำพูดของอีกฝ่ายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีก็ตาม "เจ้ามั่นใจหรือว่าแค่ดื่มยาเจ้าจะไม่ตั้งครรภ์ ข้าว่าเจ้าน่าจะรู้ดีกว่าใครนะ ว่าเมื่อคืน...""หยุด ไม่ต้องพูด แล้วท่านจะให้ข้าทำเช่นไร พูดมาเลยดีกว่า"จือหลิงที่รีบเอ่ยแทรกขึ้น ไม่รู้ว่าเขาจะพูดเช่นไร แต่มันคงจะไม่ใช่คำพูดที่น่าฟังเป็นแน่ สู้ถามไปตรงๆ เลยดีกว่าว่าจะเอาอย่างไรกันแน่หยางโม่เหยียนที่ยืดตัวตรงใช้แขนแข็งแรงยกขึ้นกอดอก มองนางอย่างพิจารณาจนกายบางร้อนผ่าว สั
สตรีบ้า หากไม่ตั้งครรภ์จะหย่ากับเขาเช่นนั้นหรือ หึ ข้าก็อยากจะรู้ว่าหลังจากนี้เจ้าจะตั้งครรภ์หรือไม่ ข้าเป็นบุรุษที่ขยันทำเรื่องอย่างว่าเสียด้วยสิ แม่ทัพโม่เหยียนที่เดินใบหน้าบึ้งตึง มาสั่งคนของเขาให้เตรียมตัวออกเดินทางเข้าเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้ด้วยอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองอย่างประหลาด ทั้งๆ ที่เขามั่นใจในตัวเองมาตลอด ว่าเป็นบุรุษที่สมบูรณ์แบบและเป็นที่ต้องการของเหล่าสตรี ที่ต่างอยากจะทอดกายให้เขาเชยชม และทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ในจุดที่สตรีนางนั้นกำลังจะได้ครอบครองมัน แต่นางกลับทำเหมือนไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมแต่งให้เขา เหอะ นางช่างกล้าจือหลิงเมื่อกลับมายังร้านซาลาเปาก็เดินไปเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวเพียงเล็กน้อยของตน โดยมีชิงชิงคอยช่วยอยู่ไม่ห่าง ว่านชิงเมื่อได้รับรู้ทุกอย่างจากปากสหายรัก ก็ให้นึกโทษตัวเอง ที่ยุยงให้นางดื่มสุรา ได้แต่ขอโทษอีกฝ่าย"ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอกชิงชิง มันเป็นความโชคร้ายของข้าเอง เอ หรือจะโชคดีนะ ข้าได้เป็นถึงฮูหยินแม่ทัพเชียวนะ"หลิงหลิงที่เอ่ยขึ้น ด้วยรอยยิ้มทะเล้น นางไม่อยากให้ชิงชิง รู้สึกไม่ดีว่านชิงที่รู้ว่าอีกฝ่ายเพียงพู
จือหลิงที่เห็นสายตาของคนที่นั่งอยู่ด้านข้างแล้ว รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ตั้งแต่ล้อรถม้าเคลื่อนตัวออกมา บุรุษผู้นี้ก็ไม่ยอมพูดสิ่งใดออกมา พานให้นางขยับตัวอย่างอึดอัด แต่สายตาที่เขาใช้มองนางนั้น มันทำให้นางรู้สึกไม่พอใจ "ท่านมีสิ่งใดข้องใจก็พูดมาเลยดีกว่า อย่ามาใช้สายตาเช่นนี้กับข้า"ด้วยทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงได้เอ่ยปากถามขึ้น แต่คำพูดที่หลุดออกมาจากริมฝีปากร้ายกาจนั้นทำให้นางเลือดขึ้นหน้า"ร้อนตัว"จือหลิงที่ถลึงตามองเจ้าของคำพูด ก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ"ท่านหมายความว่าอย่างไร""แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร ยังมิทันได้แต่งให้ข้า ก็คิดจะสวมหมวกเขียวให้ข้าเสียแล้ว"โม่เหยียนที่เหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยัน มีอย่างที่ไหนตัวเองกำลังจะแต่งให้เขาแท้ๆกลับนัดหมายกับคนรักเก่ามาพลอดรักต่อหน้าต่อตา แล้วยังหลั่งน้ำตาให้คนผู้นั้น คงจะอาลัยอาวรณ์กันมาก นางช่างกล้ายิ่งนักคำพูดและท่าทางของทั้งสองที่เขาเห็น ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าคนทั้งคู่นั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา "ข้ามิได้ทำอย่างที่ท่านว่า"จือหลิงที่ปฏิเสธข้อกล่าวหาของอีกฝ่ายเสียงแข็ง อย่างไม่ยอมรับ ก็นางไม่ได้ทำจริงๆ"เหอะ หรือเจ้าจะบอกว่า คนรักเก่าขอ
สิ้นคำกล่าวนั้น ปากหนาก็ฉกวูบมาบดจูบปากอวบอิ่มอีกครั้ง มือหนาที่จับรั้งท้ายทอยเล็กไม่ให้ขยับหนี บังคับให้รองรับจูบที่แสนป่าเถื่อน เต็มไปด้วยอารมณ์แห่งความหึงหวงใช่ เขาหึงหวงนาง ซึ่งมันเกิดขึ้นกะทันหันจนเขาเองยังตกใจ แต่นั่นเพราะว่านางกำลังจะแต่งให้เขา ซึ่งเขามีสิทธิ์ที่จะหวงนาง มิใช่หรอกหรือ ตราบใดที่นางยังเป็นของเขาอยู่ใครน่าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ทั้งนั้นริมฝีปากที่ขบเม้มลงมาอย่างรุนแรงจนรู้สึกเจ็บ จนต้องยินยอมปล่อยให้ลิ้นหนาสากผ่านเข้าไปฉกชิมความหวานภายในโพรงปากเล็ก ลิ้นหนาร้อนที่ดุนดันเข้ามาในโพรงปากนุ่มอย่างจาบจ้วง จนรู้สึกเจ็บ ปากเล็กที่เตรียมอ้างับลิ้นหนาจำต้องชะงักค้าง เมื่อเจ้าของเรียวลิ้นนั้นผละออกอย่างรู้เท่าทัน มองนางด้วยสายตาพราวระยับ"หากเจ้ากล้ากัดปากข้า ข้ารับรองเลยว่า..."จือหลิงที่มองริมฝีปากหนาที่ขยับช้าๆ กล่าวขึ้นก่อนจะหยุดลง มองจ้องเข้าไปในดวงตาคมดุที่จ้องดวงตาตื่นตระหนกราวกับลูกกวางป่าของนาง ก่อนสายตานั้นจะมองต่ำลงไปเบื้องล่าง จนนางต้องมองตามสายตานั้น จนใบหน้างามร้อนวูบ เมื่อสายตาคมคู่นั้นไปหยุดนิ่งอยู่กลางกายนาง ใบหน้าหล่อเหลาที่โน้มลงมากระซิบริมใบหูเล็กแผ่วเบา พร้อ
จือหลิงที่ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้นางหลับไปตั้งแต่ตอนไหน รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยแผ่ซ่านอยู่ด้านหลัง สายตาก้มลงมองอ้อมแขนแกร่งที่กอดกระชับเอวบางของนางด้วยความรู้สึกเจ็บปวดระคนสับสน เปลือกตาที่เปิดขึ้นเพียงครู่หลับลงอีกครั้ง ความเจ็บปวดจุกแน่นแผ่ซ่านไปทั่วโพรงอก เมื่อความทรงจำของเมื่อคืนหวนกลับเข้ามาในห้วงความคิดอีกครั้งได้โปรดเถอะ หยางโม่เหยียน อย่าทำดีกับข้าเช่นนี้ เพราะข้าไม่สามารถแบกรับความรู้สึกเจ็บไปมากกว่านี้ได้อีกแล้วนางนอนคิดใคร่ครวญตลอดทั้งคืน ว่าจะทำเช่นไรกับเหตุการณ์ที่น่าอึดอัดนี้ เขาทำเหมือนมีใจให้นาง เหมือนนางเป็นคนสำคัญ แต่ขณะเดียวกันก็มีสตรีอีกคน หากจะต้องอยู่เช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ นางมิอาจทานทนได้ เพราะตอนนี้นางรู้ตัวแล้วว่าได้มอบหัวใจให้บุรุษผู้นี้ไปเสียแล้ว หากอยู่แล้วต้องเจ็บ มิสู้ยอมถอยออกมาก่อนที่จะเจ็บไปมากกว่านี้ดีกว่าหรือไม่"ตื่นแล้วหรือ"เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้น พร้อมวงแขนแข็งแกร่งที่กระชับร่างบางให้แนบไปกับอกแกร่งกำยำ มือหนาที่ลูบไร้หน้าท้องแบนราบจนกายบางแข็งเกร็งขึ้น มือเล็กจับมือหนาที่ทำท่าจะลูบไล้ขึ้นสูง เบี่ยงใบหน้าหนีริมฝีปา
ผ่านมาหลายวัน จือหลิงนางใช้ชีวิตอยู่ในจวนแม่ทัพอย่างมีความสุข ทุกคนต่างรักและเอ็นดูนางในฐานะสะใภ้เล็กของจวน แม่สามีรักและเอ็นดูนางดังบุตรแท้ๆ บ่าวไพร่ต่างเคารพยำเกรงในฐานะเจ้านายอีกคน จนนางรู้สึกหวงแหนกับการที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้แม่ทัพหยางโม่หยียนปฏิบัติต่อนางราวกับทั้งคู่คือสามีภรรยากันจริงๆ จนบางครั้ง นางเผลอลืมความตั้งใจในตอนแรก ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขา แม้ทุกอย่างจะยังไม่ชัดเจนในความรู้สึก นางเพียงขอเก็บช่วงเวลาดีๆ นี้เอาไว้ อย่างน้อยในช่วงเวลาหนึ่ง จะได้รู้ว่านางก็เคยมีความสุขมากแต่ความสุขในชีวิตนางมักจะสั้นเสมอ แม้นางจะเตรียมตัวเตรียมใจแบกรับความรู้สึกผิดหวังและเสียใจเอาไว้บ้างแล้ว แต่เมื่อต้องเผชิญกับความรู้สึกนั้นจริงๆ มันกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย ความหวาดระแวงกำลังเกาะกินจิตใจนาง ยิ่งแม่ทัพหยางโม่เหยียนแสดงความชัดเจนที่มีต่อนาง ทั้งที่สตรีอีกคนมองมาด้วยความหม่นหมอง นางกลับยิ่งรู้สึกเจ็บปวดระยะหลังมานี้ แม่ทัพหยางโม่เหยียนต้องจัดการเรื่องราวในกองทัพของเขา ที่จะมาประจำการในเมืองหลวง ซึ่งยังไม่ลงตัว ทั้งคู่จึงไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันนัก เขามักจะออกไปตั้งแต่ฟ้าสางและกลับมาใน
แม่ทัพหยางโม่เหยียนที่คิดไปถึงเรื่องราวในครั้งอดีตเกี่ยวกับสตรีที่เขาได้รับปากกับลูกน้องคนสนิทที่เขารักดังสหายเอาไว้ก่อนตาย ว่าจะดูแลมารดาและน้องสาวผู้นี้ให้เป็นอย่างดี เมื่อครั้งที่มารดาของนางยังมีชีวิตอยู่เขาก็ดูแลทั้งสองอย่างที่รับปากเอาไว้ อย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย จนเมื่อมารดาของนางสิ้นใจ ก็ได้ฝากฝังนางไว้กับเขา เพราะนางนั้นไม่เหลือใครอีก จึงต้องให้นางเข้ามาอยู่ในจวนแม่ทัพโดยมิอาจหลีกเลี่ยง ซึ่งในตอนนั้นนางอายุแค่เพียงสิบสี่หนาวยังไม่ถึงวัยออกเรือน เขาได้รับปากมารดานางว่าถึงวันที่นางต้องออกเรือน จะให้นางได้แต่งกับบุรุษที่ดีเพราะสงสารที่ชีวิตนางไม่เหลือใคร จึงให้ความสนิทสนมกับอีกฝ่าย จนกลายเป็นเขาให้ความหวังกับนางโดยไม่รู้ตัว และในวันที่เขาจะออกเดินทางในตอนนั้น นางได้เอ่ยกับเขาว่า"ข้าจะรอท่านแม่ทัพกลับมาเจ้าค่ะ"เสียงหวานปนเศร้านั้น ทำให้เขารู้สึกเวทนาในโชคชะตาของนางนัก จึงไม่คิดที่จะกล่าวอันใดให้นางรู้สึกแย่ แม้จะรู้ว่านางคิดเช่นไรกับเขา แต่คิดว่านางยังไม่เข้าใจในความรัก เมื่อเวลาผ่านไปนางคงจะเข้าใจ ในสิ่งที่เขาเคยพูดมาตลอดว่านางเป็นดังน้องสาวคนหนึ
ว่านอิงฮวา สตรีวัยสิบเจ็ดหนาวที่ยังไม่ยอมออกเรือน นางเป็นน้องสาวของอดีตลูกน้องคนสนิทของท่านแม่ทัพหยางโม่เหยียน ที่สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาแต่ต้องมาจบชีวิตลงจากศึกใหญ่เมื่อหลายปีก่อน และได้ฝากฝังน้องสาวและมารดาไว้กับท่านแม่ทัพว่านอิงฮวาจึงเหลือแค่มารดาแก่ชราเพียงคนเดียว แต่เมื่อสามปีก่อน ก่อนที่ท่านแม่ทัพจะเดินทางกลับแดนใต้มารดาของนางก็ได้จบชีวิตลง จึงเหลือนางเพียงคนเดียวไร้ญาติสนิท ท่านแม่ทัพ เวทนาสงสารจึงรับนางเข้ามาอยู่ในจวนแม่ทัพแห่งนี้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ส่วนเรื่องเบื้องลึกนั้นไม่มีใครรู้ไปมากกว่านี้อาเปาที่บอกแก่นายตนเพียงแค่นั้น แต่ทุกคนต่างก็รู้ว่าแม่นางว่านนั้นมีใจให้ท่านแม่ทัพจึงไม่ยอมออกเรือน ทุกคนรู้ได้เช่นไรน่ะหรือ ก็เจ้าตัวออกตัวมาตลอดตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาอยู่ที่นี่ ว่านางเป็นคนของท่านแม่ทัพ นางได้แต่เฝ้ารอวันที่ท่านแม่ทัพกลับมา แต่อาเปาก็ไม่ได้แจ้งให้ฮูหยินน้อยระคายใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะท่าทีของท่านแม่ทัพไม่ได้มองแม่นางว่านเกินเลยไปกว่าสถานะน้องสาว จือหลิงที่ฟังเรื่องราวของว่านอิงฮวาจากอาเปา ก็ไม่ได้แสดงท่าทีเช่นไรออกไป เพียงพยักหน้ารับรู้เท่านั้น แม้ในใจขอ
ร่างบางพลิกกายที่เมื่อยขบหันไปมองด้านข้างที่ตอนนี้ว่างเปล่าไร้เงาของบุรุษที่ก่ายกอดนางเอาไว้ตลอดทั้งคืน ใบหน้างามที่แดงระเรื่อขึ้น เมื่อย้อนนึกไปถึงคำพูดของแม่ทัพจอมหื่น ที่นางพึ่งได้รู้ว่านอกจากบุรุษผู้นั้นจะหื่นแล้ว ทั้งยังปากหวานและขี้อ้อนมากอีกด้วย แต่ก็ทำให้นางใจเต้นแรงและรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด"เจ้ายินดีจะเป็นฮูหยินแม่ทัพไปตลอดหรือไม่ หลิงเอ๋อ"นั่นคือคำถามที่คนตัวโตถามนางหลังจากที่ศึกรักที่กินเวลานานสงบลง นางที่ยังคงหลับตานิ่ง ใบหน้านวลซบอยู่กับอกแกร่งชื้นเหงื่อ ฟังเสียงหัวใจที่เริ่มกลับมาเต้นในจังหวะปกติของคนตัวโต นางไม่ได้หลับและได้ยินคำพูดนั้นชัดทุกคำ"ข้าอยากให้เจ้าลองให้โอกาสตัวเองและให้โอกาสข้าดูสักครั้ง หากจะพูดว่ารัก มันคงจะฟังดู เร็วเกินไป แต่ข้า รู้สึกดีที่มีเจ้า และทุกคนที่นี่ก็ยินดีที่จะมีเจ้ามาเป็นครอบครัวอีกคน"คำพูดทุกคำสลักลึกลงไปในใจนาง ทั้งรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ ตื้นตัน อย่างบอกไม่ถูก รู้เพียงว่านางรู้สึกดีมากๆแม่ทัพหยางโม่เหยียน ที่ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่งเขาจะมาร้องขอโอกาสจากสตรีคนหนึ่งเพื่อให้นางอยู่ด้วย เขาที่พยายามหลีกหนีการผูกมัดมาตลอด ตอนนี้กลับอยากผูกติด
ริมฝีปากหนาที่ขบกัดขมเม้มไปทั่วทั้งลาดไหล่มนและเนินอกอวบอิ่มมิได้ทำให้รู้สึกเจ็บอย่างที่นางกังวลว่าเขาจะเอาคืน แต่กลับรู้สึกเสียวกระสันจนร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน นิ้วเรียวยาวที่สอดงองุ้มเข้ามาในจุดอ่อนไหวกลางกาย ยิ่งทำให้ริมฝีปากอวบอิ่มยิ่งเผยอครวญคราง ริมฝีปากหนาสะเปะสะปะจูบไซร้ไปทั่วทั้งใบหน้างามแดงระเรื่อด้วยอารมณ์พิศวาส ก่อนจะวกกลับมาครอบครองปากอิ่มบ่วมเจ่ออีกครั้ง บดคลึงด้วยแรงเสน่หา ส่งลิ้นร้อนเข้ามาควานหาความอ่อนหวานนุ่มละมุนในโพรงปากเล็กราวหิวกระหายมือหนาจับปลายคางมนแล้วดันให้แหงนเงยรับจุมพิตลึกซึ้ง ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นเล็กของนาง พันเกี่ยวประสานดูดกลืนด้วยความร้อนเร่า จนนางแทบสำลักลมหายใจ ปากหนาจึงได้ผละออกให้นางได้สูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะประกบลงมาใหม่ ทาบทับลงมาบดเคล้ากลีบปากเล็กอย่างบ้าคลั่ง สูบเอาเรี่ยวแรงของนางไปจนหมดสิ้น สะโพกแกร่งที่บดเบียดเข้ามาระหว่างเรียวขาเล็กที่โอบรัดเอวสอบแน่น จนรู้สึกถึงลำเอ็นแข็ง ร้อนผ่าวที่นาบไปกับหน้าท้องแบนราบจนสัมผัสได้ว่ามันทั้งยาวและใหญ่เพียงใด ยิ่งทำให้ก้อนเนื้อในอกยิ่งเต้นกระหน่ำ สติที่คิดจะต่อต้านพลันพร่าเลือน ปล่อยให้ทุกอย่า
น้ำหนักมือที่บีบนวดลงบนไหล่มนอย่างพอดี ทำให้เจ้าของร่างบางที่หลับตาพริ้มครางฮืออย่างพออกพอใจ แต่มือของอาเปาช่างสากระคายยิ่งนัก ก่อนหน้านี้อาเปาทำหน้าที่ใดในจวนแม่ทัพแห่งนี้กัน แต่คงจะเป็นงานที่หนักน่าดู ใบหน้างามที่กำลังหลับสบาย จำต้องขมวดคิ้วมุ่น เมื่อมือที่บีบนวดตรงไหล่มนของนางเริ่มที่จะร้อนผ่าวขึ้นและไต่ระดับต่ำลงมาตามท่อนแขนเล็กกลมกลึงแผ่วเบา จนขนอ่อนของนางลุกซู่ แล้วร่างบางพลันสะดุ้งเฮือก ผวาลุกพรวดขึ้นจากน้ำอย่างตกใจเมื่อฝ่ามือร้อนนั้นรวบเอาทรวงอกอวบอิ่มของนางเอาไว้เต็มฝ่ามือภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้นางแทบสิ้นสติ เพราะคนตรงหน้าไม่ใช่อาเปาแต่กลับเป็นเจ้าของเรือนที่ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างจากหน้าอกของนางไม่ถึงคืบ"ท่าน"มือบางข้างหนึ่งที่ยกขึ้น พาดลำแขนเล็กลงปกปิดบนทรวงอกอิ่มทั้งสองข้างอย่างหมิ่นเหม่ เพื่อให้พ้นจากสายตาหื่นกระหายของบุรุษตรงหน้า แม้จะรู้ว่ามิอาจปกปิดความใหญ่โตเกินตัวเอาไว้หมด แต่นางก็อับอายเกินกว่าจะปล่อยให้ยอดทรวงอิ่มชี้หน้าบุรุษจอมหื่นผู้นี้ อีกมือนั้นใช้ดันใบหน้าหล่อเหลาที่พยายามก้มหน้าลงมา เพื่อฉกชิมความหวานของยอดทรวงที่รวบแข็งเป็นไตท้าทายอีกฝ่ายจนน่าโมโหตั้ง
ความสงสัยทั้งหมดถูกพับเก็บลง เมื่อคิดได้ว่าสตรีนางนั้นจะเป็นใคร เกี่ยวข้องอันใดกับบุรุษผู้นี้ก็ไม่เกี่ยวกับนาง เมื่อครบกำหนดนางก็ต้องจากไป ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก แต่ทำไมถึงรู้สึกอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น คงเป็นเพราะนางเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวัน และยังถูกบุรุษผู้นั้นรังแกจึงทำให้เป็นเช่นนี้กระมัง เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนรถม้า ใบหน้างามก็ร้อนผ่าวขึ้นมา นางลืมไปได้อย่างไรกันว่าความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นจะนำพามาซึ่งความยุ่งยากใจในภายหลัง ซึ่งหากนางเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาคงจะไม่ดีแน่"ถึงแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย"เสียงของบ่าวรับใช้ใบหน้ากลมจิ้มลิ้มดูน่าเอ็นดู เอ่ยขึ้น เมื่อพานางมายังเรือนเรือนหนึ่งที่ดูใหญ่โตและสวยงาม รู้เพียงว่าเรือนหลังนี้อยู่ทางปีกตะวันออกของเรือนใหญ่ เพราะมัวแต่คิดเรื่องสตรีนางนั้น จึงทำให้มิรู้ตัวเลยว่านางเดินมาถึงเรือนแห่งนี้ได้อย่างไร แล้วจะหาแม่ทัพโม่เหยียนได้ที่ไหนล่ะทีนี้"เรือนตะวันออกนี้ เป็นเรือนพักของท่านแม่ทัพเจ้าค่ะฮูหยินน้อย"เสียงแจ้วๆ ของบ่าวรับใช้ตัวกลมที่พานางเดินดูรอบๆ เรือนยังคงดังขึ้นเป็นระยะอย่างน่าฟัง สายตากลมโตที่ก
เมื่อเจ้านายทุกคนเข้ามากันพร้อมหน้าพร้อมตา บ่าวไพร่ต่างก็พร้อมใจยกสำรับอาหารที่หน้าตาน่ารับประทานเข้ามาเรียงรายจนเต็มโต๊ะ อาหารแต่ละจานล้วนถูกปรุงขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน บ่งบอกถึงความใส่ใจของผู้ลงมือทำได้เป็นอย่างดี "วันนี้พี่สะใภ้ของเจ้าตั้งใจทำอาหารทุกจานด้วยตนเองเพื่อต้อนรับเจ้าทั้งสองเชียวนะ"ฮูหยินผู้เฒ่าที่ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มกล่าวขึ้น เมื่อนั่งลงเป็นที่เรียบร้อย ด้านขวามือฮูหยินผู้เฒ่าคือคุณชายใหญ่หยางโม่ชาง ผู้เป็นนายท่านใหญ่ของจวน ตามด้วยสะใภ้ใหญ่ จางฮุ่ยหนิง"หลิงหลิง มานั่งข้างๆ มารดานี่"มือเหยี่ยวย่นที่ตบลงเบาๆ บนเก้าอี้ข้างตัวอีกด้าน จากหญิงชราที่ในตอนแรกใบหน้านั้นดูนิ่งขรึมเรียบเฉย แต่ตอนนี้กลับมีรอยยิ้มอบอุ่นแต่งแต้ม จนคนที่เกร็งตัวอยู่ตลอดเริ่มผ่อนคลายลงนางมิใช่สตรีแก่ชราที่ดวงตาฝ้าฟาง ล้วนมองออกว่าสิ่งใดล้ำค่า สิ่งใดคือกรวดทรายเจ้าของชื่อที่ได้รับความเมตตาโดยไม่คาดคิด หันไปมองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอย่างขอความเห็น เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าให้ จึงก้าวไปนั่งลงด้านข้างหญิงชรา ตามด้วยแม่ทัพหยางโม่เหยียนที่ตามมานั่งลงด้านข้าง"รู้สึกเหมือนตัวเองโดนแย่งชิงความรักเสี