Share

บทที่ 14

Author: จี้เวยเวย
ไต้ซือเทียนสุ่ยมองซ่งรั่วเจินนิ่งๆ “แม่นางซ่ง หลายวันก่อนอาตมาไปดูฮวงจุ้ยที่จวนตระกูลซ่ง หมู่นี้จวนตระกูลซ่งเกิดเรื่องติดต่อกัน ใช่ว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าเลยเสียทีเดียว”

“อ้อ? ไหนท่านลองพูดให้ฟังที ว่าเกี่ยวข้องกับข้าอย่างไรบ้าง?”

ซ่งรั่วเจินยิ้มหยัน มองคนตรงหน้าด้วยความสงบเยือกเย็น นางอยากรู้นักว่าคนผู้นี้จะแต่งเรื่องอย่างไรออกมา!

“ข้าเคยดูเวลาตกฟากของเจ้ามาก่อน เจ้าชะตาอาภัพมีดวงพิฆาต หลินโหวเป็นดาวนำโชคในชีวิตเจ้า มีเพียงต้องออกเรือนให้เขาจึงจะสามารถคลี่คลายได้”

“เดิมทีหลินโหวไม่มีทางแต่งเจ้า หากไม่ใช่เพราะข้าใช้วิธีการบางอย่าง แม้แต่ภรรยาหลวงเจ้าก็คงไม่ได้เป็น วันนี้เจ้าอยากอยู่อย่างสงบก็มีแต่ต้องเดินทางนี้เท่านั้น มิเช่นนั้น ดวงพิฆาตของเจ้ายังจะทำให้คนอื่นเคราะห์ร้ายไปด้วย”

ได้ยินเช่นนั้น คนที่เดินตามไต้ซือเทียนสุ่ยออกมาล้วนเผยสีหน้าตื่นตกใจ

ดวงพิฆาต นี่เป็นชะตาชีวิตที่ทุกคนหวาดกลัวที่สุด เดิมนึกว่าหลินโหวทอดทิ้งซ่งรั่วเจินเป็นการปฏิบัติต่อนางอย่างไม่เป็นธรรม แต่ดูจากตอนนี้ หลินโหวเป็นดาวช่วยชีวิตนาง นางกลับไม่รู้ดีชั่ว!

“มิน่าเล่า หมู่นี้ตระกูลซ่งถึงได้เกิดเรื่องไม่หยุดหย่อน ที่แท้ก็เคราะห์ร้ายเพราะซ่งรั่วเจินหรือนี่?”

“ไต้ซือเทียนสุ่ยเคยทำนายดวงชะตาให้นาง นางรู้ดีว่าจะเดือดร้อนถึงคนในครอบครัวแต่ก็ยังถอนหมั้นต่อหน้าธารกำนัล นี่ไม่ใช่แค่ไม่รู้ความแล้ว แต่เรียกว่าจิตใจชั่วช้าอำมหิตมากกว่า!”

“นั่นน่ะสิ ข้าได้ยินมาว่าคืนวาน ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลหลินกับหลินโหวไปขอโทษแล้ว แต่กลับถูกไล่ออกมา ไม่รู้จริงๆ ว่านางยังไม่พอใจอะไรอีก?

“ผู้ชายมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ดีชั่วอย่างไรก็เป็นคุณหนูผู้ดี ความใจกว้างแค่นี้ก็ยังไม่มี ข้ากลับคิดว่าแม่นางฉินที่หลินโหวแต่งเป็นภรรยาวันนั้นดีกว่ามาก”

“ซ่งรั่วเจินน่ะหรือ ไม่คู่ควรเป็นฮูหยินของจวนโหวเลยสักนิด!”

“สามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ท่านเต็มใจแต่งก็ไปแต่งเองสิ พ่อแม่ข้ายังไม่คัดค้าน ท่านมีสิทธิ์อะไรมาวิพากษวิจารณ์อยู่ตรงนี้?”

ซ่งรั่วเจินปรายตามองฝ่ายตรงข้ามอย่างเย็นชา แววตาลึกล้ำดุจบ่อลึกฉายประกายเย็นเยียบ ไอสังหารที่กดดันผู้คนแผ่ซ่านออกมาอย่างโจ่งแจ้ง

หญิงผู้นั้นรู้ว่าซ่งรั่วเจินมีนิสัยหัวอ่อนถึงได้กล้าเอ่ยปากอย่างเหิมเกริม จู่ๆ ถูกสายตาคู่นั้นจับจ้องก็รู้สึกหนาววาบในใจ เงียบเสียงไปโดยไม่รู้ตัว

“ไต้ซือเทียนสุ่ย ท่านพูดว่าข้ามีดวงพิฆาต แต่ดวงชะตาที่ข้าดูมาตั้งเด็กล้วนดีเลิศมาโดยตลอด”

“นอกจากนี้ หลายวันก่อน แม่ข้าเชิญท่านมาดูฮวงจุ้ยที่จวน ท่านรับเงินหนึ่งแสนตำลึงไปแล้ว บอกว่าแค่ต้องถมสระบัว อีกทั้งในร้อยปีนี้ห้ามไปแตะต้อง เช่นนี้จึงจะสามารถแก้ไขชะตาของตระกูลซ่งได้”

“แต่ท่านพูดเช่นนั้นได้ไม่ทันไร พี่รองของข้าก็ตาบอดสองข้าง งานวิวาห์ของข้าก็เกิดเรื่อง วันนี้ท่านเห็นว่าเรื่องราวไม่อาจคลี่คลายได้ก็หันมาพูดว่าข้ามีดวงพิฆาต ช่างพูดจากลอกกลับดีเสียจริง คำพูดแบบใดล้วนถูกท่านพูดออกมาจนหมดแล้ว!”

ซ่งรั่วเจินมองไต้ซือเทียนสุ่ยอย่างเย็นชา สายตาไปหยุดลงบนเงาดำกลุ่มหนึ่งด้านหลังเขา

ชั่วขณะที่คนผู้นี้ปรากฏตัว นางก็สังเกตเห็นแล้ว ต้องยอมรับว่าคนผู้นี้มีความสามารถ ถึงกับเลี้ยงผีน้อยเอาไว้ด้วยตนหนึ่ง

จะว่าไปก็น่าขัน นักพรตหรือภิกษุทั่วไปล้วนบำเพ็ญตนเพื่อละวางกิเลส โปรดสรรพสัตว์ คนตรงหน้ากลับประเสริฐนัก เลี้ยงผีน้อยตนหนึ่งไว้ข้างกาย อาศัยผีน้อยตนนี้จนได้ชื่อว่าเป็นไต้ซือ

แต่พลังของผีน้อยมีจำกัด ต่อให้สามารถมองทะลุสิ่งของบางอย่างได้ แต่ไม่มีความสามารถส่งวิญญาณไปสู่สุคติ

“อาตมาจัดการทุกอย่างไว้ดีแล้ว ถ้าแม่นางซ่งยอมออกเรือนไปแต่โดยดี ทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปเอง แต่เจ้าไม่ยินยอม ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในวันนี้ จะมาโทษอาตมาได้อย่างไร?”

ไต้ซือเทียนสุ่ยแค่นเสียง สีหน้าเย็นชาถึงที่สุด “อาตมาเห็นแก่หน้าฮูหยินตระกูลซุนจึงได้คิดจะช่วยเหลือเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าไม่รับน้ำใจ อาตมาก็จะไม่ช่วยอีกแล้ว!”

“เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม? แม่ข้าทุ่มเทเพียงใดเพื่อช่วยเหลือเจ้า แต่เจ้านอกจากจะไม่รับน้ำใจแล้วยังมาล่วงเกินไต้ซือเทียนสุ่ยอีก เกรงว่าตระกูลซ่งคงต้องเคราะห์ร้ายหมดบ้านเพราะเจ้าคนเดียว!”

ซุนฮั่นเฟยสุดจะระงับความพลุ่งพล่าน มารดากับท่านป้าเป็นพี่น้องกันแท้ๆ แต่กลับไม่ได้ออกเรือนให้ตระกูลสูงศักดิ์เหมือนท่านป้า กอปรกับพี่น้องตระกูลซ่งล้วนมีชื่อเสียงอยู่ข้างนอก เหนือกว่าเขาไปเสียทุกอย่าง เวลาปกติถึงออกไปไหนด้วยกัน เขาก็เป็นได้แค่ตัวประกอบมาตลอด

ยามนี้ตระกูลซ่งเสื่อมถอย คนเหล่านั้นทยอยเกิดเรื่องไปทีละคน ไม่ต้องบอกเลยว่าในใจเขารู้สึกปลอดโปร่งมากแค่ไหน!

“อาศัยแค่คำโกหกพกลมของพวกสิบแปดมงกุฎอย่างท่าน ก็คิดจะมาตัดสินชะตาตระกูลซ่ง ท่านคู่ควรด้วยรึ?”

“ข้าจะทำนายให้ท่านก็แล้วกัน ท่านหว่างคิ้วหม่นหมอง ขนคิ้วบางเบา ใบหน้ามีสีแดงเรื่อ ผีน้อยข้างกายเลี้ยงไว้นานไปจะต้องแว้งกัดแน่นอน อย่างมากไม่เกินสามวัน จะต้องประสบกับเคราะห์ร้ายเลือดตกยางออก!”

ซ่งรั่วเจินแววตาเฉยเมย วิญญาณอาฆาตข้างหลังคนผู้นี้ขยายใหญ่ขึ้นทุกที เงาดำนั้นแทบจะกลืนกินเขาหมดแล้ว

เลี้ยงผีน้อย ตนเองก็ต้องมีความสามารถข่มมันได้ หากไม่มีความสามารถนั้น ไม่เพียงแต่จะต้องสูญเสียสิ่งที่ได้มาเพราะอาศัยผีน้อย เจ้าตัวยังต้องประสบกับการแว้งกัด คนผู้นี้เห็นได้ชัดว่ากำลังจะรับมือไม่ไหวแล้ว

สิ้นเสียงซ่งรั่วเจิน คนรอบข้างก็พูดถากถางขึ้นมา

“นางพูดเหลวไหลอะไร? ทำนายดวงชะตาให้ไต้ซือเทียนสุ่ยเนี่ยนะ?”

“เกรงว่าซ่งรั่วเจินคงสะเทือนใจเกินไปจนเริ่มพูดจาเหลวไหลเลื่อนเปื้อนแล้วกระมัง?”

ไต้ซือเทียนสุ่ยมีสีหน้าเย้ยหยัน “แม้แต่ฮวงจุ้ยง่ายๆ เจ้ายังดูไม่เป็น ถึงกับกล้าพูดว่าข้าจะมีเคราะห์โชกเลือด ช่างเหลวไหลไร้สาระสิ้นดี!”

“ญาติผู้น้อง ข้าว่าเจ้ายอมรับผิดแต่โดยดีเถอะ ไยต้องปากแข็ง? ก่อเรื่องต่อไปไม่เป็นผลดีต่อเจ้าหรอกนะ”

ซุนฮั่นเฟยแสร้งเกลี้ยกล่อมด้วยความปรารถนาดี ในใจกลับอดหัวเราะเยาะเย้ยไม่ได้ ญาติผู้น้องคงสมองเลอะเลือนไปแล้ว ถึงกับกล้าสงสัยไต้ซือเทียนสุ่ยทั้งยังสาปแช่งเขาอีกด้วย!

“ไต้ซือเทียนสุ่ย ลูกสาวข้าหายตัวไปหลายปี ได้โปรดช่วยทำนายให้ข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะว่าชีวิตนี้ข้ายังมีโอกาสหาลูกสาวพบหรือไม่?”

ฮูหยินหน้าตางดงามนางหนึ่งที่อยู่ข้างๆ มองไต้ซือเทียนสุ่ยด้วยความร้อนใจ นางทุ่มเทไปมากกว่าจะได้พบไต้ซือเทียนสุ่ย เดิมนั้นตอนนี้ควรช่วยนางคลี่คลายปัญหาได้แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะถูกขัดจังหวะเพราะการปรากฏตัวขึ้นของซ่งรั่วเจิน

นางไม่อาจปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไปโดยไม่ทำอะไรเลย จะต้องหาลูกสาวนางให้พบให้ได้

ซ่งรั่วเจินได้ยินแล้วก็หันไปมองผู้หญิงตรงหน้าคนนั้น นางแต่งกายเรียบร้อย สวมเครื่องประดับหรูหรา ทั้งยังดูคุ้นตาอย่างมาก เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน

“ลูกสาวหายสาบสูญไปเมื่อหลายปีก่อน คงไม่ใช่ฮูหยินของราชครูสวีหรอกนะ?”

ในสมองปรากฏภาพคนผู้หนึ่งอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นเรื่องนี้โด่งดังไปทั่วเมืองหลวง ได้ยินว่าสวีฮูหยินพาลูกสาวไปเดินเล่นที่งานวัด แต่ลูกสาวกลับหายตัวไป ยังหาคนไม่พบจนถึงบัดนี้

ไต้ซือเทียนสุ่ยเหลือบมองสวีฮูหยินแวบหนึ่ง แล้วหันไปมองซ่งรั่วเจิน ฉับพลันก็คิดแผนการขึ้นได้

“ในเมื่อเจ้าพูดเองว่าตัวเองมีความสามารถในการทำนายทายทัก มิสู้พวกเรามาประลองกันว่าใครทำนายได้แม่นยำกว่ากัน? ดูว่าใครจะสามารถตามหาลูกสาวให้ฮูหยินท่านนี้ได้ก่อน!”

เมื่อวาจานั้นดังขึ้น ทุกคนล้วนกวาดสายตามามองซ่งรั่วเจิน รู้สึกเพียงว่านางหาเรื่องใส่ตัว นางที่เป็นคุณหนูที่อยู่แต่ในเรือน จะไปรู้เรื่องพวกนั้นได้อย่างไร?

ทว่ามุมปากของซ่งรั่วเจินกลับหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มนึกสนุก “ตกลง!”

“ถ้าข้าชนะ ท่านจะต้องโขกศีรษะขอขมาข้า และสารภาพว่าใครเป็นคนบงการให้ท่านนำของสกปรกมาฝังไว้ในสระบัวบ้านข้า!”

Related chapters

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 15

    สิ้นเสียงซ่งรั่วเจิน ทุกคนก็ขมวดคิ้ว รู้สึกว่านางช่างก้าวร้าวเสียจริง ส่วนว่าของสกปรกดังกล่าวคืออะไรกลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อยแต่เมื่อไต้ซือเทียนสุ่ยได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าก็พลันเปลี่ยนสี นางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?หรือนางจะเข้าใจฮวงจุ้ยจริงๆ? นั่นเป็นไปไม่ได้!ความคิดนั้นเพิ่งผุดขึ้นมา ไต้ซือเทียนสุ่ยก็ปัดทิ้งไปโดยไม่ลังเล ถ้ารู้จริงก็ควรค้นพบไปนานแล้ว จะเพิ่งมาคิดบัญชีเอาป่านนี้ได้อย่างไร?“เจ้าทำอะไรของเจ้า?”น้ำเสียงแฝงความไม่พอใจเสียงหนึ่งดังขึ้น หลังจากนั้นก็มีเสียงอ่อนหวานดังตามมาติดๆ“ท่านโหว ท่านอย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ เรื่องนี้อาจมีอะไรเข้าใจผิดกันก็เป็นได้”ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มของฉินซวงซวงฉายแววบริสุทธิ์ใจ สายตาที่มองมาทางซ่งรั่วเจินยังสะท้อนความไม่สบายใจอยู่ในนั้น “คิดว่าแม่นางซ่งคงรู้สึกไม่ดีจึงได้มาก่อเรื่องเช่นนี้ ท่านโหวอย่าถือสานางเลยนะเจ้าคะ”“ซ่งรั่วเจิน เมื่อวานข้าขอโทษเจ้าไปแล้ว เป็นเจ้าที่ไม่อยากแต่งกับข้า ไฉนตอนนี้ยังมาให้ร้ายซวงซวงอีก?”ซ่งรั่วเจินกวาดสายตาไปมองก็สบเข้ากับแววตาคาดคั้นของหลินจือเยว่ “ข้าประลองกับไต้ซือเทียนสุ่ยเกี่ยวอันใดกับฉินซวงซวง? หลินโหว สม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 16

    ไต้ซือเทียนสุ่ยรับคำสั่งจากฉินซวงซวง สายตาที่ทอดมองซ่งรั่วเจินเองก็เจือไอเย็น สตรีผู้นี้บังอาจมาทำลายช่องทางทำมาหากินของเขา เขาจะจัดการให้หนักเลยทีเดียว!ครู่ถัดมา เขามองผีน้อยที่ตนเลี้ยงอย่างลำพองใจ เขาต้องเสียแรงไปมากถึงจะเลี้ยงออกมาได้ ยังได้รับคำชี้แนะจากผู้มีวิชาจึงมีความสามารถเช่นนี้สายตาซ่งรั่วเจินเองก็ตกลงบนตัวผีน้อย ผีน้อยตัวนี้อายุราวหกถึงเจ็ดขวบเท่านั้น เพราะถูกเลี้ยงดูอย่างดี รูปร่างกลับไม่น่ากลัว เพียงแต่กลิ่นอายชั่วร้ายยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าคือวิญญาณอาฆาตตนหนึ่งตายอย่างไม่เป็นธรรม จึงสั่งสมไอแค้นไว้มากในฐานะคนของสำนักวิชาเต๋า เผชิญหน้ากับวิญญาณอาฆาตเช่นนี้สมควรหาวิธีกำจัดความอาฆาตพยาบาท ช่วยเหลือเขาให้ไปเกิดใหม่ในเร็ววันไต้ซือเทียนสุ่ยผู้นี้ ใช้ประโยชน์จากความอาฆาตพยาบาทเล็กน้อยนี้ ทำให้กลายเป็นกลวิธีหาเงิน“ไต้ซือเทียนสุ่ย ชาตินี้ข้ายังมีหวังจะหาตัวลูกสาวของข้าพบอีกหรือไม่?” สวีฮูหยินเอ่ยถามอย่างร้อนใจไต้ซือเทียนสุ่ยแสร้งหยิบกระดองเต่าออกมา ใส่แผ่นเหล็กสองชิ้นเข้าไปภายใน ปากบ่นงึมงำสวดคาถาขึ้นมาสกุลสวีตามหาลูกสาวคนนี้มานานนับสิบกว่าปีแล้ว ก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 17

    “องค์ชายสาม?”ชั่วขณะหลินจือเยว่มองเห็นฉู่จวินถิง สีหน้าก็เข้มขึ้น เขายังจำได้ดี เมื่อสองปีก่อนซวงซวงปฏิเสธเขาก็เพราะฉู่จวินถิง!“ข้าได้ยินว่ามีไต้ซือวิชาล้ำเลิศของลัทธิเต๋าท่านหนึ่งเดินทางมาเมืองหลวงจึงมาดูสักหน่อย มองรูปลักษณ์ดูแล้วยอดเยี่ยมกว่าที่คิดไว้มากนัก”ใบหน้าฉู่จวินถิงประดับยิ้ม ท่วงท่าที่แสดงออกมากลับไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าเขาเพียงยืนอยู่ที่นั่น พูดคุยอย่างสนุกสนานแต่กลับสง่างามเจิดจรัส ทำให้คนไม่กล้าล่วงเกินชั่วขณะที่ฉินซวงซวงมองเห็นฉู่จวินถิง ก็ยังมิอาจควบคุมความหลงใหลที่สะท้อนภายในสายตาได้แม้กลับชาติมาเกิดอีกครั้ง ยามได้พบฉู่จวินถิงก็ยังรู้สึกโหยหาอย่างมิอาจอดกลั้น บุรุษเช่นนี้ถึงจะเป็นคนที่นางต้องการอย่างแท้จริง สูงศักดิ์ หล่อเหลา ลึกลับ นางอยากรู้เหลือเกินว่าบุรุษเช่นนี้ จะเป็นอย่างไรหากวันหนึ่งเกิดหลงใหลยอมจำนนขึ้นมา?ทว่าน่าเสียดายชาติก่อนนางเสียเวลาไปมากเพียงนั้น เดินทางผิดมากเพียงนั้น สุดท้ายก็ไม่สามารถทำให้เขาชายตาแลได้ ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคนซ่งรั่วเจินเองก็คิดไม่ถึงว่าจะได้พบฉู่จวินถิงที่นี่ มองเห็นโชคชะตาสีแดงจนเริ่มม่วงนั้นของเขา

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 18

    หลังไต้ซือเทียนสุ่ยได้ยินคำนี้หัวใจก็เต้นตึกตัก จ้าวเหวินเทากลับย้อนคิดอย่างไม่เข้าใจ “หลานชายข้าเริ่มร้องไห้ราวเมื่อเจ็ดวันก่อน ไม่ยอมกินอะไร แม้กินแล้วก็อาเจียนออกมาอย่างรวดเร็ว...”พูดไปๆ เขาคล้ายนึกบางอย่างออกอย่างฉับพลัน ดวงตากลมโตหันมองเทียนสุ่ย “ไต้ซือเทียนสุ่ยคล้ายมาถึงเมืองหลวงในตอนนี้!”“ก่อนหลานชายท่านร้องไห้ เคยมีคนส่งของอันใดให้หรือไม่?” ซ่งรั่วเจินถามอีกครั้ง“เมื่อนั้นมีคนส่งจี้หยกหนึ่งชิ้นให้หลานชายข้าจริงๆ จี้หยกนี้ปลุกเสกมาก่อนแล้ว เป็นสมบัติชิ้นหนึ่ง เดิมทีข้าไม่อยากรับไว้ แต่เห็นหลานชายคล้ายชอบจนไม่ยอมปล่อยมือจึงสวมคอของเขาไว้แล้วเริ่มตั้งแต่วันที่สอง เด็กก็ร้องไห้ไม่หวาดไม่ไหว จนกระทั่งเมื่อสองวันก่อนข้าพาหลานชายมาพบไต้ซือเทียนสุ่ย ไต้ซือเทียนสุ่ยมอบหยกอีกหนึ่งชิ้นให้อาการจึงดีขึ้น แต่หยกชิ้นนั้นก่อนหน้านี้ไม่รู้หายไปที่ใดแล้ว”ใต้เท้าจ้าวเล่าถึงตรงนี้ ตอบสนองเชื่องช้าอย่างไรก็รู้ได้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นแล้วเดิมทีนี่ก็ไม่ใช่วิธีขับไล่สิ่งสกปรกที่เกาะตัวเด็ก แต่เป็นได้รับภัยโดยไร้สาเหตุ!จี้หยกชิ้นก่อนทำร้ายเด็ก ถัดมาผ่านกลวิธีของไต้ซือเทียนสุ่ย อันที่จริงขอ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 19

    “ซวงซวงมิได้ตั้งใจ เหตุใดเจ้าต้องบีบคั้นคนอื่นถึงเพียงนี้?” หลินจือเยว่ปกป้องฉินซวงซวงไว้ทางด้านหลัง สีหน้าบึ้งตึง“ข้าบีบคั้นคน? คนมากมายที่นี่ถูกทำร้าย หลานชายของใต้เท้าจ้าวได้รับภัยโดยไร้สาเหตุ พี่รองข้าต้องตาบอดเพราะสวมสร้อยข้อมือเส้นนี้ บัดนี้หลินโหวพูดหนึ่งประโยคว่ามิได้ตั้งใจก็ถือว่าจบกันไปแล้วกระนั้นรึ? ท่านมีสิทธิ์อะไรพูดคำนี้กัน?”ใบหน้างดงามมีเสน่ห์ของฝ่ายหญิงเจืออารมณ์โกรธขึ้ง ดวงตาดำดุจหมึกคู่งามทอประกายวาวโรจน์ ท่าทีดุดันชัดเจน ถึงขั้นทำให้หลินโหวตะลึงงัน“ไต้ซือชั่วคนนี้หลอกพวกเราหลายคนเพียงนี้ หากมิใช่เพราะฉินซวงซวงเชิญมา พวกเราจะถูกหลอกได้อย่างไร?”“ตนเองตาไม่ดีก็ช่างเถอะ ยังพาหายนะเช่นนี้มาด้วย โชคร้ายที่พวกเราแต่ละคนหลงเชื่อ ทำร้ายพวกเราอย่างรันทดถึงเพียงนี้!”“หลินโหวเองก็มิใช่ว่าถูกหญิงคนนี้ใช้เล่ห์เหลี่ยมอันใดจับไว้แล้วหรือ หาไม่แล้วไฉนเลยจะลุ่มหลงนาง ไม่ยอมแต่งงานกับแม่นางซ่งที่ดีเพียงนี้ ต้องแต่งกับหญิงผู้นี้เท่านั้น?”ได้ยินเสียงตำหนิเกินควร ประโยคแรกว่ารุนแรงแล้วประโยคถัดมากลับรุนแรงยิ่งกว่า สีหน้าฉินซวงซวงเผือดซีด คิดดูแล้วก็ไม่เข้าใจ ทั้งที่ชาติก่อนไต้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 20

    หลินจือเยว่คิดแล้วก็ไม่เข้าใจ เหตุใดฉู่อ๋องจึงให้ท้ายซ่งรั่วเจินฉู่อ๋องถึงวัยออกเรือนแล้ว แต่กลับยังไม่แต่งงาน คุณหนูในเมืองหลวงมากมายล้วนหลงใหล กลับไม่มีผู้ใดสามารถเข้าตาของเขาได้ เหตุใดบัดนี้กลับปกป้องซ่งรั่วเจิน?“เมื่อครู่เป็นข้าเข้าใจผิดไป ขออภัย”หลินจือเยว่พูดขอโทษอย่างฝืนๆ อึดอัดคับข้องใจเป็นที่สุด เขาเป็นขุนนางใหม่ในราชสำนัก เมื่อหลายวันก่อนทุกคนในราชสำนักล้วนชื่นชม ทุกคนที่ได้พบต่างเข้ามาผูกไมตรีกับเขา ทว่านับตั้งแต่เมื่อวานก็เริ่มขายหน้าอย่างต่อเนื่อง“หวังว่าท่านโหวจะจดจำไว้ อย่าเปิดปากขอโทษเพราะทำผิดบ่อยเกินไปนัก ข้าฟังแล้วเลี่ยนนัก” ซ่งรั่วเจินรับคำนิ่งๆ ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อยสายตาฉู่จวินถิงกวาดมองบนตัวพวกซุนฮั่นเฟย “เมื่อครู่คนพูดจาส่งเดชคล้ายมิใช่เพียงหลินโหวคนเดียวกระมัง?”เห็นสถานการณ์แล้ว หลิ่วเฟยเยี่ยนที่กำลังวางแผนหลบหลีกเข้ากลุ่มคนพลันชะงักฝีเท้า ใบหน้าเผยรอยยิ้มประจบเอาใจ “รั่วเจิน ล้วนเป็นน้าไม่ดีเอง เข้าใจเจ้าผิดไปแล้ว น้าเองก็กังวลเจ้าพูดผิดไปจะสร้างปัญหาเอาได้ เจ้าไม่ถือสาน้าใช่หรือไม่?”“ญาติผู้น้อง พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน” ซุนฮั่นเฟยพูดยิ้ม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 21

    ซ่งรั่วเจินหัวเราะเยาะในใจ ตอนที่อ่านนิยายนางก็รู้สึกว่าตระกูลหลิ่วทั้งตระกูลไม่ใช่คนดี หลิ่วเฟยเยี่ยนกล้ากระทำการอย่างโจ่งแจ้งก็เพราะอาศัยการสนับสนุนจากตระกูลหลิ่วตอนแรกแม่ของนางก็เคยไม่พอใจ แต่ใครจะคิดว่าตระกูลนี้ลำเอียงมากนัก มักจะพูดตลอดว่าหลิ่วเฟยเยี่ยนเป็นน้องสาวแท้ ๆ ในฐานะพี่สาวควรดูแลน้องให้มาก ทั้ง ๆ ที่ผู้ที่ตกที่นั่งลำบากคือท่านแม่ของนาง ทว่าสุดท้ายกลับถูกตำหนิว่าจิตใจแคบหลายปีที่ผ่านมานี้ เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนเป็นปกติ เมื่อปิดประตูพูดคุยกัน ก็จะทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก ไม่แน่ว่าอาจจะถูกใส่ร้ายซ้ำอีกด้วย“จะเป็นการดูถูกได้อย่างไร? เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนมากมายเช่นนี้ ท่านน้าก็บอกแล้วว่านางโดนใส่ความ แน่นอนว่าต้องให้ทุกคนได้รับรู้ความจริงเพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด ข้าหวังดีต่อท่านน้าจริง ๆ นะเจ้าคะ!”ซ่งรั่วเจินมีสายตาใสบริสุทธิ์ ท่าทางจริงใจจนแม้แต่หลิ่วซวี่หยางก็ยังคล้อยตาม แต่ในใจเขารู้ดีว่าไม่มีการใส่ความอะไรทั้งนั้น“เจตนาดีของเจ้า ตารู้ดี เพียงแต่น้าของเจ้าเป็นสตรี หากมีข่าวลือออกไป...”“ข้าก็อยากฟังเหตุผลเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าตระก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 22

    ฉู่จวินถิงมองเห็นความหมายแฝงในสายตาของซ่งรั่วเจิน รอยยิ้มในดวงตาเขาลุ่มลึกขึ้น “แน่นอน”ช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด เขาก็อยากจะดูว่าเรื่องขับขันเรื่องนี้ ตระกูลหลิ่วและตระกูลฉินจะอธิบายอย่างไรเพ่ยหลานเดิมไม่เชื่อคำพูดของซ่งรั่วเจิน เพราะมีหลิ่วเฟยเยี่ยนและแม่นางฉินหนุนหลัง นางจึงไม่จำเป็นต้องกลัวซ่งรั่วเจินที่ดูอ่อนปวกเปียกแต่เมื่อเห็นท่านอ๋องพูด นางจึงตระหนักว่าเรื่องที่ตนจะถูกตีจนตายอาจเป็นเรื่องจริง ในใจให้หวาดกลัวอย่างถึงที่สุด“พูดมา ใครกันแน่ที่ซื้อตัวเจ้า?” ซ่งรั่วเจินถามอย่างเย็นชาเพ่ยหลานเห็นว่าหลิ่วเฟยเยี่ยนและฉินซวงซวงไม่สนใจนาง จึงกัดฟันพูดว่า “ไม่เกี่ยวกับฮูหยินและแม่นางฉิน ข้าไม่ได้ถูกพวกเขาซื้อตัว”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลิ่วเฟยเยี่ยนและฉินซวงซวงต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขอแค่นางไม่บอกว่าพวกเขาเป็นคนซื้อตัวก็พอทั้งสองคนมองซ่งรั่วเจินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความได้ใจ คิดว่านางจะไม่มีทางออกแล้ว!“ดี งั้นก็ลากออกไปตีจนตายเสีย!” สีหน้าของซ่งรั่วเจินไม่เปลี่ยน ดูเหมือนจะไม่แปลกใจเลย “หวังหลู่ เจ้าไปคุมเอง ห้ามใครยุ่งเกี่ยว ตีให้ตายแล้วนำไปโยนทิ้งที่หลุมฝังศพรว

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 722

    “เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 721

    นางจำรายการสินเดิมในปีนั้นได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงกำไรของร้านค้าที่เป็นสินเดิมเพราะหลายปีมานี้ผิดหวังกับอวิ๋นหงหล่างมาก นางจึงหันไปสนใจการค้านางและกู้หรูเยียนเป็นสหายที่ดีต่อกัน การค้าของสกุลซ่งดีมากถึงเพียงนี้ ย่อมชี้แนะนางเป็นอย่างดี ดังนั้นเงินที่หาได้ย่อมมีไม่น้อย ภายในนั้นเขียนไว้ในบัญชีรวมมากมายทว่านางเก็บรักษาบัญชีของร้านไว้อย่างดี แม้แต่ภายในจวนเบิกเงินของนางไปมากน้อยเพียงใด นางก็จำได้ทั้งหมดบัดนี้...จะเอาคืนกลับมาให้หมด!“พี่หญิง คืนของให้ท่านย่อมเป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่ท่านเองก็ต้องการมากเกินไปแล้ว”อนุอวิ๋นเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ หันมองอวิ๋นหงหล่างอย่างกังวล กลัวเขาโมโหลงนามลงไปอวิ๋นหงหล่างย่อมไม่ยอมให้เกิดปัญหาตามมาอย่างต่อเนื่อง แม้ปวดใจ แต่ยังลงนามประทับลายนิ้วมือลงไป“ตอนนี้ใช้ได้แล้ว พวกเจ้าสามารถช่วยคนได้แล้วกระมัง!”เห็นจางเหวินเก็บหนังสือหย่าไป ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ “ให้ข้าลงมือช่วยอนุอวิ๋นก็ย่อมได้ สามแสนตำลึง!”ถ้อยคำนี้พูดออกมา อวิ๋นหงหล่างก็โง่งมแล้ว “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”“ซ่งรั่วเจิน เจ้าอย่าทำเลยเถิดเกินไปนัก ทั้งๆ ที่เจ้าพูดว่าขอเพียงลงนามในหน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 720

    “ข้าคิดไว้ดีตั้งแต่แรกแล้ว นับตั้งแต่วันที่ติดตามท่านแม่ออกจากสกุลอวิ๋น ข้าก็ไม่คิดกลับไปอีก”พูดไป อวิ๋นเนี่ยนชูก็เหลือบมองอวิ๋นเฉิงเจ๋อแวบหนึ่ง พูดว่า “ภายภาคหน้าไม่ว่าข้าแต่งกับใคร ต่อให้เป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่ง ข้าก็ยินดี”อย่างไรเสีย ชาตินี้หากไม่สามารถแต่งงานกับคนที่รักได้ ไม่ว่าแต่งกับใครก็ล้วนเหมือนกันเมื่อแรกท่านแม่แต่งงานกับท่านพ่อ ทุกคนล้วนพูดว่าแต่งได้ดี แต่สุดท้ายได้รับอะไรเล่า?อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินว่าอวิ๋นเนี่ยนชูจะแต่งงานกับสามัญชน ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว นิ้วมือภายในแขนเสื้อกำแน่น ภายในก้นบึ้งของสายตาซับซ้อน“เจ้า ดีนักนะ!” อวิ๋นหงหล่างโมโหจนหัวเราะออกมา “ถึงตอนนั้นเจ้าหาทางออกไปได้ อย่ามาขอข้าให้ช่วยเจ้าก็แล้วกัน!”“ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น ตรงข้ามกันภายในหัวใจท่านพ่อ ซีหว่านล้วนสำคัญที่สุดมาโดยตลอด”“นางทำผิดมากเพียงใดล้วนไม่เป็นไร ข้าเพียงทำผิดเล็กน้อยก็ถูกลงโทษ หากข้าตามท่านกลับไป ภายภาคหน้าบ้านหลังนี้มีอนุอวิ๋นดูแล ข้ายังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือ?”อวิ๋นเนี่ยนชูคิดตกแล้ว เดิมทีอนุอวิ๋นก็โหดเหี้ยมอำมหิต พวกเขาล้วนมองออก มีเพียงบิดาที่มองไม่ออกบางที...บิดาอาจไม่ยอมมอง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 719

    “ยังมีเจ้า!” หลิ่วหรูเยียนชี้อนุอวิ๋น “ตอนยังเป็นสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ช่างเถอะ บัดนี้แก่จนหน้าเหลืองแล้วกลับยังไม่แก้ไข หากชอบร้องไห้ถึงเพียงนั้น ตอนจัดงานศพก็ไปร้องที่นั่นสิ วิ่งมาสร้างความอัปมงคลที่จวนซ่งของพวกเราทำอันใด!”คนสกุลซ่งหันมองมารดาอย่างแปลกใจ ที่ผ่านมามารดาอ่อนโยนนุ่มนวล ไม่เคยพูดจาเช่นนี้มาก่อน คำพูดวันนี้ช่าง...สาแก่ใจจริงๆ!จางเหวินที่เดิมทีโมโหแทบแย่กลับถูกคำพูดของหลิ่วหรูเยียนทำให้ขำจนหัวเราะออกมานางหวนนึกถึงเมื่อครั้นยังอยู่ในวัยแรกรุ่น กู้หรูเยียนมีอุปนิสัยอ่อนโยนรังแกง่าย เพราะได้รับความทุกข์จากสกุลหลิ่ว ครอบครัวลำเอียง นางอธิบายไปแล้วก็ไม่มีใครฟัง หนำซ้ำยังถูกลงโทษ ดังนั้นกู้หรูเยียนจึงชินชากับการไม่อธิบายจนกระทั่งมีคนพูดว่าร้ายนาง นางได้เห็นคนอ่อนโยนนุ่มนวลเสมอมาอย่างกู้หรูเยียนออกมาตอบโต้คน ถึงขั้นด่ากลับไปความสะเทือนใจในตอนนั้นก็คล้ายตอนนี้ ฉากตรงหน้าแทบจะซ้อนทับกัน“หลายปีมานี้เจ้าไม่บอกข้ามาโดยตลอด หากข้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเจ้าได้รับความทุกข์เช่นนี้ จะต้องช่วยเจ้าด่าชายโฉดหญิงชั่วไร้ยางอายคู่นี้ดีๆ แน่!”จางเหวินจับมือกู้หรูเยียนไว้ ขอบตาแดงเรื่อ “ห

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 718

    “ข้าไม่ช่วย เดิมทีก็ถูกต้องตามหลักการ หาไม่แล้วคนชั่วในใต้หล้านี้ล้วนมาขอให้ข้าช่วยแก้ผลกรรมให้ นั่นยังไม่กลายเป็นโลกของคนชั่วอีกหรือ?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา “ใต้เท้าอวิ๋น ท่านเป็นขุนนางในราชสสำนักมาหลายสิบปี ถึงขั้นไม่มีหลักคุณธรรมขั้นพื้นฐานกระนั้นหรือ?”“หากท่านคิดว่าท่านพูดมีเหตุผล ก็สามารถพูดเรื่องทั้งหมดออกมาได้ พอดีจะได้ถามคนทั่วหล้าว่าคิดเห็นเหมือนท่านหรือไม่!”เพียงอนุอวิ๋นได้ยินก็รีบพูด “ข้ามิได้เชิญผีน้อยมาทำร้ายพี่หญิง ข้าเพียงหวังให้นางและนายท่านกลับมาคืนดีกัน ข้าเองก็ถูกคนชั่วนั่นหลอก”“หากข้ารู้ตั้งแต่แรกก็ไม่มีวันทำเช่นนี้”“อ้อ งั้นหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ เนตรขนงเจือรอยยิ้ม “บัดนี้มีคนทำผิดเหมือนท่านไม่น้อย ราชสำนักมีบัญชีรายชื่ออยู่ในมือแล้ว”“ไม่สู้ไปถามคนเหล่านั้นดู ตกลงพวกเขารู้หรือไม่ว่าที่เชิญผีน้อยมาก็เพื่อทำร้ายคน?”“ถ้อยคำนี้ ท่านหลอกตนเองก็ช่างเถอะ คิดว่าคนทั่วหล้าโง่เขลาเหมือนท่านหรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินคมกริบ “ทำร้ายคนและช่วยคน ทำร้ายคนต้องชดใช้มากยิ่งกว่า หากท่านทำเพราะอยากให้ทั้งสองคนคืนดีกันจริง สิ่งที่ท่านเชิญกลับไป สมควรเป็นพระพุทธ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 717

    นึกถึงตรงนี้ อนุอวิ๋นก็ร้องไห้ออกมา กลับคล้ายตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต ท่าทีเด็ดขาด“นายท่าน ข้ารู้พี่หญิงไม่มีวันยอมให้อภัยข้า ก็ให้ข้าไปตายเถอะ เช่นนี้พี่หญิงก็สามารถกลับมาอยู่ข้างกายท่านได้แล้ว!”“เดิมทีเรื่องในครั้งนี้ก็เป็นความผิดของข้า เกือบทำร้ายพี่หญิงจนตาย ต่อให้ข้าชดใช้ด้วยชีวิตก็สมควรแล้ว หวังเพียงหลังข้าตายไปแล้ว นายท่านจะดูแลซีหว่านดีๆ”“ข้ามีลูกสาวเพียงคนเดียว ไม่อาจวางใจปล่อยไปได้จริงๆ”“เจ้าพูดอะไรกัน? ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าตาย!”สีหน้าอวิ๋นหงหล่างเปลี่ยนไป เพลิงโทสะเพิ่มขึ้นไม่หยุด มองท่าทางน่าสงสารของอนุอวิ๋น จากนั้นมองจางเหวินที่กำลังบีบคั้นคน ความรักในอดีตจืดจางลงไปมาก“จางเหวิน เจ้าข้าเป็นสามีภรรยากัน หลายปีมานี้ข้าเองก็ไม่เคยทำผิดต่อเจ้า”“เจ้าไม่พอใจที่ข้ารับอนุ ข้าก็รับอนุเพียงคนเดียว ต่อให้ข้าทำผิดต่อเจ้าก่อน ก็มิได้ทำผิดมากอันใด”“เจ้ากลับขุ่นเคืองใจแคบ จะต้องบังคับนางไปตายให้ได้กระนั้นหรือ!”จางเหวินมองอวิ๋นหงหล่างที่กำลังพูดอย่างมั่นใจ รู้สึกเพียงอยากขัน แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยคิดว่าหลอกนางเป็นความผิดมาก่อน“ใช่ หากไม่หย่า นางก็ต้องตาย ท่านเลือกเองเ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 716

    “ข้าขอโทษ พี่หญิง ท่านให้อภัยข้าเถอะ”พูดไป อนุอวิ๋นก็คุกเข่าลง “ข้าขอโขกศีรษะให้พี่หญิง ขอเพียงท่านยอมยกโทษให้ข้า ไม่ว่าจะให้ข้าทำอันใดก็ย่อมได้เจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินมองภาพอบอวลไปด้วยกลิ่นชาเบื้องหน้า ถอนใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “ไม่ว่าเป็นชาเก่าหรือชาใหม่ ล้วนมีกลิ่นเข้มเหมือนกันทั้งนั้น”ซ่งจืออวี้ “??? น้องหญิงห้า เจ้าพูดคำนี้หมายความว่าอันใด?”“พี่สาม ท่านไม่ต้องใส่ใจความหมาย ท่านต้องจำเพียงว่าภายภาคหน้าได้พบคนที่รู้จักเพียงร้องไห้ทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ ออกห่างสักหน่อยย่อมดี”“มองดูแล้วคล้ายใจดีเข้าใจหัวอกคน แต่แท้จริงแล้วเหมาะสมเป็นปีศาจร้ายที่สุด” ซ่งรั่วเจินเอ่ยเตือนมองสถานการณ์ในตอนนี้ พี่ใหญ่ย่อมไม่จำเป็นต้องกังวล พี่รองเป็นคนฉลาด ซ่งจิ่งเซินภายภาคหน้าฟื้นคืนความทรงจำย่อมไม่พลาดท่าให้เคอหยวนจื่อ เดิมทีก็ไม่มีปัญหาอันใดเช่นนี้แล้ว มีเพียงพี่สามที่น่ากังวลที่สุด“เจ้าวางใจ ข้าเกลียดผู้หญิงรู้จักเพียงร้องไห้เช่นนี้ที่สุด ได้ยินแล้วก็รำคาญ อยากต่อยให้หมดสติไปเสียเลย จะได้เงียบ” ซ่งจืออวี้พูดอย่างลำพองใจซ่งรั่วเจิน “...”เทียบกับความกังวลว่าพี่สามจะตบแต่งหญิงแพศยา คล้ายจะต้อ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 715

    จางเหวินฟังอวิ๋นหงหล่างที่กล่าวหาอย่างมั่นใจ แววตาจึงเริ่มแสดงความเย้ยหยัน“แค่ให้ท่านรอเดี๋ยวเดียวกลับโกรธขนาดนี้ หลายปีก่อนหน้าข้ารอคอยมานานกว่านี้มาก แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นท่าน ช่างไม่มีความอดทนแม้แต่น้อย”อวิ๋นหงหล่างโกรธจัด “เจ้าพูดอะไรนะ?”“หูตึงจริงๆ แม้แต่คำพูดก็ยังได้ยินไม่ชัด!” สีหน้าของจางเหวินเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม “คราวหน้าเลือกบ่าวรับใช้ที่ฉลาดกว่านี้มาอยู่ข้างกายเสียสิ จะได้พูดย้ำรอบสองให้ท่านฟัง”บรรยากาศที่ตึงเครียดในตอนแรกถูกทำลายลงด้วยสองประโยคของจางเหวิน จนบางคนกลั้นหัวเราะไม่อยู่อวิ๋นหงหล่างเคยถูกจางเหวินทำให้อับอายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?เห็นได้ชัดว่าในอดีตจางเหวินมีนิสัยดีมาก เขาพูดอะไรก็มักได้ตามนั้น มีน้อยครั้งที่ทะเลาะกันก็เพื่อลูก เขาก็สามารถเข้าใจได้ ตั้งแต่นางขอหย่าเมื่อไม่นานนี้ก็กลายเป็นเหมือนเม่น ไม่ว่าจะพูดอะไรล้วนโต้กลับ ยามนี้คำพูดยิ่งฟังดูไม่เข้าหูมากขึ้นไปอีก!“ยามนี้เจ้าช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย เสียมาดความเป็นนายหญิงไปหมดแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ลูกๆ ถูกสอนให้เสียคนกันหมด!”เมื่อได้ยินเช่นนี้ จางเหวินก็เหลือบมองไปที่อวิ๋นเนี่ยนชูและถามว่า "ยาม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 714

    “ท่านพ่อมองว่าข้าขัดหูขัดตาพอดี ไม่สู้ใช้โอกาสนี้ตัดขาดความสัมพันธ์กันไปเลย จะได้ไม่ทำลายชื่อเสียงของท่านในอนาคต!” “เจ้าพูดอะไร?” อวิ๋นหงหล่างโกรธจนทนไม่ไหว ยกมือขึ้นแล้วตบไปทันที “ข้าเห็นว่ายามนี้เจ้าชักจะเกินไปแล้ว แม่ของเจ้าไม่รู้ว่าสอนอะไรเจ้าทุกวัน ถึงได้สอนให้เจ้าไร้กฎเกณฑ์เช่นนี้!” ทว่าอวิ๋นหงหล่างไม่สามารถตบหน้าอวิ๋นเนี่ยนชูได้ เพราะถูกอวิ๋นเฉิงเจ๋อป้องกันไว้ “ทำไม? เจ้าก็จะไร้กฎเกณฑ์ไปด้วยกันหรือ?” อวิ๋นหงหล่างสีหน้าบึ้งตึง “หลายปีที่ที่เจ้าอยู่ในจวนอวิ๋น ข้าไม่เคยละเลยเจ้าเลย!”“ยามที่บิดามารดาของเจ้าตาย หากไม่ใช่ข้ารับเจ้ากลับมา เจ้าจะประสบความสำเร็จเช่นวันนี้ได้อย่างไร?” เมื่อคิดว่าเขาให้บุตรีตบแต่งกับอวิ๋นเฉิงเจ๋อ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเด็กนั่นแล้ว ทว่าเขากลับไม่พอใจ แม้กระทั่งยังเผยเรื่องนี้ออกมา จนทำให้ยามนี้เขาถูกสหายร่วมงานล้อเลียน เขาก็แทบอยากจะทุบตีสิ่งอกตัญญูนี้ให้ตายตกไปเสีย! หากรู้เช่นนี้ ในยามนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงไม่ยอมให้จางเหวินรับเด็กเหลือขอผู้นี้กลับมาอวิ๋นเฉิงเจ๋อเข้าใจความคิดของอวิ๋นหงหล่างดี ช่วงนี้เขาได้พบอวิ๋นหงหล่า

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status