“ซวงซวงมิได้ตั้งใจ เหตุใดเจ้าต้องบีบคั้นคนอื่นถึงเพียงนี้?” หลินจือเยว่ปกป้องฉินซวงซวงไว้ทางด้านหลัง สีหน้าบึ้งตึง“ข้าบีบคั้นคน? คนมากมายที่นี่ถูกทำร้าย หลานชายของใต้เท้าจ้าวได้รับภัยโดยไร้สาเหตุ พี่รองข้าต้องตาบอดเพราะสวมสร้อยข้อมือเส้นนี้ บัดนี้หลินโหวพูดหนึ่งประโยคว่ามิได้ตั้งใจก็ถือว่าจบกันไปแล้วกระนั้นรึ? ท่านมีสิทธิ์อะไรพูดคำนี้กัน?”ใบหน้างดงามมีเสน่ห์ของฝ่ายหญิงเจืออารมณ์โกรธขึ้ง ดวงตาดำดุจหมึกคู่งามทอประกายวาวโรจน์ ท่าทีดุดันชัดเจน ถึงขั้นทำให้หลินโหวตะลึงงัน“ไต้ซือชั่วคนนี้หลอกพวกเราหลายคนเพียงนี้ หากมิใช่เพราะฉินซวงซวงเชิญมา พวกเราจะถูกหลอกได้อย่างไร?”“ตนเองตาไม่ดีก็ช่างเถอะ ยังพาหายนะเช่นนี้มาด้วย โชคร้ายที่พวกเราแต่ละคนหลงเชื่อ ทำร้ายพวกเราอย่างรันทดถึงเพียงนี้!”“หลินโหวเองก็มิใช่ว่าถูกหญิงคนนี้ใช้เล่ห์เหลี่ยมอันใดจับไว้แล้วหรือ หาไม่แล้วไฉนเลยจะลุ่มหลงนาง ไม่ยอมแต่งงานกับแม่นางซ่งที่ดีเพียงนี้ ต้องแต่งกับหญิงผู้นี้เท่านั้น?”ได้ยินเสียงตำหนิเกินควร ประโยคแรกว่ารุนแรงแล้วประโยคถัดมากลับรุนแรงยิ่งกว่า สีหน้าฉินซวงซวงเผือดซีด คิดดูแล้วก็ไม่เข้าใจ ทั้งที่ชาติก่อนไต้
หลินจือเยว่คิดแล้วก็ไม่เข้าใจ เหตุใดฉู่อ๋องจึงให้ท้ายซ่งรั่วเจินฉู่อ๋องถึงวัยออกเรือนแล้ว แต่กลับยังไม่แต่งงาน คุณหนูในเมืองหลวงมากมายล้วนหลงใหล กลับไม่มีผู้ใดสามารถเข้าตาของเขาได้ เหตุใดบัดนี้กลับปกป้องซ่งรั่วเจิน?“เมื่อครู่เป็นข้าเข้าใจผิดไป ขออภัย”หลินจือเยว่พูดขอโทษอย่างฝืนๆ อึดอัดคับข้องใจเป็นที่สุด เขาเป็นขุนนางใหม่ในราชสำนัก เมื่อหลายวันก่อนทุกคนในราชสำนักล้วนชื่นชม ทุกคนที่ได้พบต่างเข้ามาผูกไมตรีกับเขา ทว่านับตั้งแต่เมื่อวานก็เริ่มขายหน้าอย่างต่อเนื่อง“หวังว่าท่านโหวจะจดจำไว้ อย่าเปิดปากขอโทษเพราะทำผิดบ่อยเกินไปนัก ข้าฟังแล้วเลี่ยนนัก” ซ่งรั่วเจินรับคำนิ่งๆ ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อยสายตาฉู่จวินถิงกวาดมองบนตัวพวกซุนฮั่นเฟย “เมื่อครู่คนพูดจาส่งเดชคล้ายมิใช่เพียงหลินโหวคนเดียวกระมัง?”เห็นสถานการณ์แล้ว หลิ่วเฟยเยี่ยนที่กำลังวางแผนหลบหลีกเข้ากลุ่มคนพลันชะงักฝีเท้า ใบหน้าเผยรอยยิ้มประจบเอาใจ “รั่วเจิน ล้วนเป็นน้าไม่ดีเอง เข้าใจเจ้าผิดไปแล้ว น้าเองก็กังวลเจ้าพูดผิดไปจะสร้างปัญหาเอาได้ เจ้าไม่ถือสาน้าใช่หรือไม่?”“ญาติผู้น้อง พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน” ซุนฮั่นเฟยพูดยิ้ม
ซ่งรั่วเจินหัวเราะเยาะในใจ ตอนที่อ่านนิยายนางก็รู้สึกว่าตระกูลหลิ่วทั้งตระกูลไม่ใช่คนดี หลิ่วเฟยเยี่ยนกล้ากระทำการอย่างโจ่งแจ้งก็เพราะอาศัยการสนับสนุนจากตระกูลหลิ่วตอนแรกแม่ของนางก็เคยไม่พอใจ แต่ใครจะคิดว่าตระกูลนี้ลำเอียงมากนัก มักจะพูดตลอดว่าหลิ่วเฟยเยี่ยนเป็นน้องสาวแท้ ๆ ในฐานะพี่สาวควรดูแลน้องให้มาก ทั้ง ๆ ที่ผู้ที่ตกที่นั่งลำบากคือท่านแม่ของนาง ทว่าสุดท้ายกลับถูกตำหนิว่าจิตใจแคบหลายปีที่ผ่านมานี้ เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนเป็นปกติ เมื่อปิดประตูพูดคุยกัน ก็จะทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก ไม่แน่ว่าอาจจะถูกใส่ร้ายซ้ำอีกด้วย“จะเป็นการดูถูกได้อย่างไร? เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนมากมายเช่นนี้ ท่านน้าก็บอกแล้วว่านางโดนใส่ความ แน่นอนว่าต้องให้ทุกคนได้รับรู้ความจริงเพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด ข้าหวังดีต่อท่านน้าจริง ๆ นะเจ้าคะ!”ซ่งรั่วเจินมีสายตาใสบริสุทธิ์ ท่าทางจริงใจจนแม้แต่หลิ่วซวี่หยางก็ยังคล้อยตาม แต่ในใจเขารู้ดีว่าไม่มีการใส่ความอะไรทั้งนั้น“เจตนาดีของเจ้า ตารู้ดี เพียงแต่น้าของเจ้าเป็นสตรี หากมีข่าวลือออกไป...”“ข้าก็อยากฟังเหตุผลเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าตระก
ฉู่จวินถิงมองเห็นความหมายแฝงในสายตาของซ่งรั่วเจิน รอยยิ้มในดวงตาเขาลุ่มลึกขึ้น “แน่นอน”ช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด เขาก็อยากจะดูว่าเรื่องขับขันเรื่องนี้ ตระกูลหลิ่วและตระกูลฉินจะอธิบายอย่างไรเพ่ยหลานเดิมไม่เชื่อคำพูดของซ่งรั่วเจิน เพราะมีหลิ่วเฟยเยี่ยนและแม่นางฉินหนุนหลัง นางจึงไม่จำเป็นต้องกลัวซ่งรั่วเจินที่ดูอ่อนปวกเปียกแต่เมื่อเห็นท่านอ๋องพูด นางจึงตระหนักว่าเรื่องที่ตนจะถูกตีจนตายอาจเป็นเรื่องจริง ในใจให้หวาดกลัวอย่างถึงที่สุด“พูดมา ใครกันแน่ที่ซื้อตัวเจ้า?” ซ่งรั่วเจินถามอย่างเย็นชาเพ่ยหลานเห็นว่าหลิ่วเฟยเยี่ยนและฉินซวงซวงไม่สนใจนาง จึงกัดฟันพูดว่า “ไม่เกี่ยวกับฮูหยินและแม่นางฉิน ข้าไม่ได้ถูกพวกเขาซื้อตัว”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลิ่วเฟยเยี่ยนและฉินซวงซวงต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขอแค่นางไม่บอกว่าพวกเขาเป็นคนซื้อตัวก็พอทั้งสองคนมองซ่งรั่วเจินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความได้ใจ คิดว่านางจะไม่มีทางออกแล้ว!“ดี งั้นก็ลากออกไปตีจนตายเสีย!” สีหน้าของซ่งรั่วเจินไม่เปลี่ยน ดูเหมือนจะไม่แปลกใจเลย “หวังหลู่ เจ้าไปคุมเอง ห้ามใครยุ่งเกี่ยว ตีให้ตายแล้วนำไปโยนทิ้งที่หลุมฝังศพรว
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้นขัดจังหวะหลินจือเยว่“จวนโหวของเจ้าจะให้ใครแต่งเข้าก็เรื่องของเจ้า ข้าไม่สนใจและข้าก็หวังว่าเจ้าสองคนจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าผมขาวโพลน แต่พวกเจ้ามาหาเรื่องข้าโดยไม่มีเหตุผล นั่นต่างหากที่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง!”“ทำไมเล่า? ความรักของพวกเจ้าก็ดีอยู่แล้วยังต้องให้ข้าแต่งเข้าไปเพื่อเป็นสักขีพยานอีกหรือ? สมองมีปัญหาหรือไร?”“แม่นางฉินก็น่าขันแท้ นางคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถที่จะเป็นฮูหยินเอกหรือ? ข้าก็ถอนหมั้นแล้ว เจ้าก็ยังมาขอให้ข้ากลับไป ฮูหยินเอกที่ศักดิ์เท่าเทียมก็แค่ชื่อเรียกหรูหรา สุดท้ายก็เป็นแค่ฮูหยินรอง”“ใช้ชีวิตมาถึงเพียงนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นคนไม่อยากเป็นฮูหยินเอก แต่อยากเป็นฮูหยินรองใจแทบขาด!”ซ่งรั่วเจินเปลี่ยนทิศทางของคำพูด “หรือว่า... จวนหลินโหวขาดแคลนจนกระทั่งจ่ายเงินให้คนใช้ไม่ได้ แม่นางฉินไม่มีสินสอดมากพอที่จะเสริมให้ จึงหวังให้ข้าแต่งเข้าไปเพื่อให้พวกเจ้าสามารถใช้เงินข้าได้อย่างสุขสมหวังทั้งสองคน?”“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! ก่อนหน้านี้ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมฉินซวงซวงถึงอยากให้ซ่งรั่วเจินกลับไป ที่แท้ก็เพราะเรื่องเงิน!”“ใครจะไ
“ตึง!” หลานจือรีบคุกเข่าลงพลางร้องไห้คร่ำครวญ “ทั้งหมดนี้เป็นความคิดของบ่าว ไม่เกี่ยวกับคุณหนูเลยเจ้าค่ะ!”“คุณหนูปฏิบัติต่อบ่าวอย่างดี บ่าวกลัวว่าคุณหนูแต่งงานกับหลินโหวไปแล้วแม่นางตระกูลซ่งจะไม่ดีด้วย ถึงได้ใช้ชื่อคุณหนูไปซื้อตัวเพ่ยหลาน ข้ามิได้วางแผนจะทำร้ายแม่นางซ่ง แค่อยากทราบข่าวบางอย่างเท่านั้นเองเจ้าค่ะ”“ขอให้แม่นางซ่งหายโกรธ เรื่องนี้คุณหนูของข้าไม่รู้เรื่องจริง ๆ นะเจ้าคะ”“หลานจือ เหตุใดเจ้าถึงโง่งมเช่นนี้?” ฉินซวงซวงน้ำตาเริ่มคลอ “ทำไมต้องทำเรื่องที่ไม่จำเป็นเช่นนี้ ทั้งยังทำให้แม่นางซ่งเข้าใจผิดอีก!”“คุณหนู บ่าวได้รับพระคุณจากท่านตั้งแต่เด็ก บ่าวแค่อยากตอบแทนคุณหนูจึงใช้วิธีโง่เขลาเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของบ่าวเองเจ้าค่ะ”หลานจือคุกเข่าอยู่บนพื้น ก้มโขกหัวไม่หยุด เลือดไหลนองหน้าผากในทันที “แม่นางซ่ง ทั้งหมดเป็นความผิดของบ่าวเอง จะลงโทษอย่างไรบ่าวก็ยอม ขอแค่อย่ากล่าวหาคุณหนูของบ่าวเลยเจ้าค่ะ”ฉินซวงซวงทำท่าเหมือนซาบซึ้งใจ เอาผ้าเช็ดน้ำตาที่หางตา “แม่นางซ่ง เรื่องนี้เป็นความผิดของพวกเรา หลานจือเป็นสาวใช้ใกล้ชิดของข้า หวังว่าเจ้าจะให้อภัย”ผู้คนมองฉากความผูกพันระ
“แม่นางซ่งสมเป็นบุตรีจากตระกูลใหญ่ ดูแลคนในตระกูลซ่งได้อย่างดี มองการณ์ไกลอย่างแท้จริง ตอนนี้ยังไม่เกิดเรื่องอะไร เพราะสาวใช้ยังไม่มีโอกาสทำเรื่องร้าย แต่ถ้าไม่เจอทันเวลา ใครจะรู้ว่าอนาคตจะเกิดสิ่งใดขึ้น?”“แม่นางฉิน เจ้าอย่าได้ปกป้องสาวใช้เลย ท้ายที่สุดจะเป็นภัย อีกทั้งวันนี้ก็ควรจะให้คำตอบแก่แม่นางซ่งด้วย”ฉินซวงซวงมองดูคนที่เปลี่ยนใจตามกระแสลม ในใจก็รู้สึกโกรธแค้นอย่างยิ่ง!“นำตัวออกไปตีจนตาย!” ฉู่จวินถิงกล่าวอย่างเย็นชาหลานจือถูกลากออกไป ใบหน้าแสดงความตกใจสุดขีด ร้องเรียกอย่างต่อเนื่อง “คุณหนูช่วยบ่าวด้วย คุณหนูช่วยบ่าวด้วยเจ้าค่ะ!”แต่ฉินซวงซวงเพียงแค่มองชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์และเย็นชาเบื้องหน้า มิกล้าพูดอะไรออกมา นางรู้ว่าบุรุษผู้นี้พูดคำไหนคำนั้น พูดออกไปตอนนี้ไม่เพียงจะไม่ช่วยอะไร แต่ยังจะทิ้งความประทับใจที่แย่กว่าเดิม“แม่นางซ่ง เจ้าตั้งใจจะจัดการกับสาวใช้ของเจ้าอย่างไร?” ฉู่จวินถิงถามซ่งรั่วเจินผู้คนเห็นฉู่จวินถิงถามความเห็นของซ่งรั่วเจินโดยตรง ต่างพากันงุนงง เกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องสนใจนางจริง ๆ หรือ?“ในเมื่อนางบอกความจริงแล้ว เช่นนั้นก็จะไว้ชีวิตนาง เมื่อคืนข้าได้ส่ง
ฉู่จวินถิงนิ่งอึ้งไป “สถานที่ที่มีน้ำ?”“ริมทะเลสาบ” ซ่งรั่วเจินเอ่ยเน้นฉู่จวินถิงงงงันเสียแล้ว นึกใคร่ครวญว่าสองวันนี้หยุดพักผ่อน ทั้งยังนัดสหายมารวมตัวกันที่จวน เดิมไม่คิดจะออกไปข้างนอก บวกกับเขาว่ายน้ำไม่เป็น ปกติย่อมไม่ไปบริเวณริมทะเลสาบอยู่แล้ว“แม่นางซ่งคิดมากไปแล้ว ข้าไม่ชอบไปเที่ยวริมทะเลสาบ”ได้ยินดังนั้น มุมปากซ่งรั่วเจินก็หยักขึ้นเล็กน้อย เกรงว่าบางครั้งถึงไม่ชอบก็ยังจำเป็นต้องไปอยู่ดี...ณ จวนตระกูลซ่งเมื่อหลิ่วหรูเยียนได้ยินว่าซ่งรั่วเจินพาหลินโหวและฉินซวงซวงกลับมาด้วย ตรงขมับก็พลันปวดตุบๆ สองวันก่อนได้พบหลินโหวก็รับทราบท่าทีของเขาแล้ว นางยิ่งนึกทอดถอนใจกว่าเดิมว่าฉินซวงซวงช่างมีฝีมือโดยแท้ ทำให้หลินโหวลุ่มหลงหัวปักหัวปำได้ถึงเพียงนี้แต่จู่ๆ เจินเอ๋อร์พาคนทั้งสองกลับมาด้วยทำไม?“ท่านแม่ ข้าไปดูกับท่านด้วยขอรับ” ซ่งจืออวี้ก้าวเท้าไวๆ เข้ามาหา สีหน้าเผยความไม่พอใจ “ถ้าพวกนั้นกล้ารังแกน้องหญิงห้า ข้าจะตีพวกเขาให้ตายเลย!”“น้องสาม อย่าหุนหันพลันแล่น ออกไปดูก่อนค่อยว่ากันอีกที” ซ่งอี้อันมุ่นคิ้ว หลังถอนหมั้นเดิมทีไม่สมควรไปยุ่งเกี่ยวกันอีก วันนี้เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่อ
ในช่วงฤดูที่สายหมอกและสายฝนโปรยปราย จ้าวซวี่ไป๋ได้บังเอิญพบเจอกับแม่นางเหมียวเหมี่ยวที่ลืมพกร่มมา นางมีผิวพรรณขาวผ่องงดงาม ราวกับดอกไม้สีขาวที่เบ่งบานอยู่ริมทาง ทั้งบริสุทธิ์ อ่อนโยน และดูไร้เดียงสา จนผู้คนอดไม่ได้ที่จะอยากปกป้อง ยามที่นางยิ้มก็ยิ่งอ่อนหวาน ราวกับรอยยิ้มนั้นได้แทรกซึมเข้าสู่หัวใจผู้คน จ้าวซวี่ไป๋พูดไปพูดมาก็อดไม่ได้ที่จะเผลอเผยรอยยิ้มออกมา ครั้นเมื่อกล่าวถึงช่วงท้าย แก้มก็ยิ่งแดงขึ้นกว่าเดิม ซ่งรั่วเจินสบตากับคนอื่น ๆ แวบหนึ่ง แม้เขาจะไม่ได้กล่าวออกมาอย่างชัดเจน แต่ทุกคนล้วนเข้าใจดีว่า การพบเจอกันเช่นใดที่สามารถทำให้จิตใจของบุรุษว้าวุ่น จนถูกช่วงชิงวิญญาณไปโดยสิ้นเชิง รสชาติแห่งความลุ่มหลงในความฝันนี้ คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาเป็นแน่ “อวิ๋นอ๋อง ก่อนหน้านี้ท่านกล่าวว่าคุณชายจ้าวเคยมีสหายรักตั้งแต่วัยเยาว์ที่พลัดตกน้ำตายเมื่อหลายปีก่อน มีนามว่าอะไรหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยถาม ฉู่อวิ๋นกุยขมวดคิ้ว “ข้ากับแม่นางผู้นั้นมิได้สนิทสนมกันนัก อีกทั้งยังผ่านมาหลายปีเช่นนี้ กล่าวตามตรง ข้าก็จำมิได้” “นางคือเฉียนชิ่งเหมียว” นายหญิงจ้าวรีบเอ่ยขึ้น “เฉี
“จ้าวฮูหยิน สถานการณ์ของคุณชายจ้าวมิอาจปล่อยให้ล่าช้าได้อีก หากปล่อยให้ล่าช้าต่อไป เกรงว่ายากที่จะมีชีวิตรอด” ซ่งรั่วเจินเหลือบตามองเฉียนหย่าหลินเล็กน้อย “หากคุณชายจ้าวต้องเป็นอะไรไปเพราะการขัดขวางของท่าน ท่านจะรับผิดชอบไหวใช่หรือไม่?” เฉียนหย่าหลินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้าพูดอะไรไร้สาระ? ซวี่ไป๋จะไม่เป็นอะไร!” ก่อนหน้านี้ฉู่อวิ๋นกุยก็รู้เรื่องที่เฉียนหย่าหลินกับซ่งรั่วเจินขัดแย้งกันมาก่อน วันนี้จึงถือเป็นการได้เห็นว่า แท้จริงแล้วสตรีนางนี้บ้าคลั่งขนาดไหน ฉู่เทียนเช่อสามารถทนกับฮูหยินเช่นนางได้นานขนาดนี้ ก็ถือว่าเก่งมากยิ่งนัก! “ไสหัวไป!” ฉู่จวินถิงส่งสายตาหนึ่งที เพื่อให้อวิ๋นหยางไล่เฉียนหย่าหลินออกไปทันที “ท่านน้า ท่านดูสิว่าพวกเขาทำกับข้าเช่นไร! ท่านอย่าทำร้ายซวี่ไป๋เลยนะ!” เฉียนหย่าหลินพูดด้วยความร้อนรน นายหญิงจ้าวมีสีหน้าอับอาย พลางกล่าวว่า “ขออภัยจริง ๆ เฉียนหย่าหลินชินกับความเอาแต่ใจตั้งแต่เด็ก พูดจาไม่คำนึงถึงความเหมาะสม พวกท่านทั้งหลายอย่าถือสาเลยนะ” เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งรั่วเจินจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วจ้าวซวี่ไป๋กับเฉียนหย่าหลินเป็นญา
“ผีสาวอะไรกัน เหมียวเหมี่ยวคือนางเซียน เจ้าอย่าใส่ร้ายนาง!” จ้าวซวี่ไป๋เลือดขึ้นหน้า“นางเซียน?” ฉู่อวิ๋นกุยแทบหัวเราะออกมาเพราะความโมโห “ถ้าเป็นนางเซียนจริง ตอนนี้เจ้าก็ควรกระปรี้ประเปร่าอิ่มเอิบ ทั้งยังเป็นไปได้ว่าอาจมีอายุยืนเป็นร้อยปีเพราะได้รับความช่วยเหลือจากนาง แต่เจ้าดูซิว่าตอนนี้เจ้ามีสารรูปแบบไหน?”“เจ้าดูตัวเองในกระจก สารรูปเหมือนใกล้จะลงโลงแบบนี้ เมื่อก่อนเจ้าชอบอ้างว่าตัวเองไม่มีทางถูกความรู้สึกบังตา จะต้องกตัญญูต่อพ่อแม่ไม่ใช่หรือไร?”“ตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ข้าแนะให้เจ้าใคร่ครวญดูให้ดีเสียเถอะ!”จ้าวซวี่ไป๋รับกระจกที่ฉู่อวิ๋นกุยโยนมาให้แล้วเหลือบมองไปโดยจิตใต้สำนึก หลังจากเห็นใบหน้าที่ซูบตอบซีดเซียว ไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อย ในใจก็ต้องตกตะลึง เหมือนคิดไม่ถึงว่าตนเองจะกลายเป็นแบบนี้ซ่งรั่วเจินเพิ่งเคยเห็นท่าทางเดือดดาลเช่นนี้ของฉู่อวิ๋นกุยเป็นครั้งแรก เห็นได้ชัดว่าคนทั้งสองเป็นสหายสนิทกันอย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นก็คงไม่โมโหถึงขั้นนี้“เจ้าดูอะไรออกหรือยัง? เป็นเพราะผีสาวตามรังควานจริงๆ หรือ?” ฉู่จวินถิงถามซ่งรั่วเจินพยักหน้า “ท่านดูพลังชีวิตของเขา พลังหยางแทบถู
ทุกคนล้วนฝันกันทั้งนั้นฝันเป็นเรื่องราวติดต่อกันหลายวัน เรื่องแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีมาก่อนทว่าทุกวันล้วนฝัน สรรพสิ่งในฝันแทบเหมือนเป็นโลกอีกใบ เรื่องแบบนี้พวกเขากลับไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแม่นางในฝันที่จะแต่งงานด้วยในตอนนี้!ซ่งรั่วเจินกลับไม่ประหลาดใจนัก เพียงแต่นึกยินดีอยู่บ้างโชคดีที่พวกนางมาได้ค่อนข้างทันเวลา ถ้าช้ากว่านี้สักหลายวัน รอจนคนทั้งสองแต่งงานกันจริงไปแล้ว นั่นก็จะช่วยยากจริงๆ แล้ว...“ฮูหยิน ท่านอ๋องทั้งสองมาแล้วเจ้าค่ะ” แม่นมรีบมารายงานนายหญิงจ้าวได้ยินคำรายงานนี้ก็ออกมาจากในห้องทันที เห็นพวกฉู่จวินถิงอยู่ข้างนอกก็รีบร้อนแสดงคารวะ “คารวะท่านอ๋องทั้งสอง”“ท่านป้า ที่ข้ามาวันนี้ก็เพราะรู้เรื่องซวี่ไป๋จึงตั้งใจมาเยี่ยมโดยเฉพาะ” ฉู่อวิ๋นกุยกล่าวตามตรงสายตานายหญิงจ้าวตกลงบนร่างซ่งรั่วเจินโดยไม่รู้ตัว นางย่อมเคยได้ยินมาก่อนว่าแม่นางตระกูลซ่งผู้นี้เชี่ยวชาญวิชาคุณไสย ตอนนั้นไม่เพียงช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวแท้ๆ จนเจอ ต่อมายังเปิดโปงความจริงเรื่องที่ตระกูลหลิ่วสลับตัวลูกอีกด้วยเดิมนางก็คิดว่าจะไปเชิญพระอาจารย์ที่มีวิชาแก่กล้ามาดูว่าลูกชายต้องคุ
“วันนี้พ่อของหม่อมฉันเข้าวังไปแล้ว ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายที่เมืองผิงหยาง วันนี้กลับมาแล้ว ไม่รู้ว่าทุกอย่างราบรื่นดีหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินถาม“วางใจเถอะ เดิมทีท่านลุงก็เป็นขุนนางจงรัก คราวนี้สาเหตุที่อยู่ที่เมืองผิงหยางนานขนาดนี้ก็เป็นเพราะถูกบังคับ”“วันนี้รองแม่ทัพคนอื่นๆ ก็เข้าวังไปด้วยเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เสด็จพ่อก็ทรงนึกเสียดายที่ท่านลุงพลีชีพไปในสมรภูมิ ตอนนี้เห็นเขากลับมาแล้วก็ดีพระทัยมาก”ซ่งรั่วเจินได้ยินอย่างนั้นก็ค่อยวางใจ “เช่นนั้นก็ดีเพคะ”“ข้ารู้ว่าหลังจากท่านลุงกลับมาจะต้องไม่ยอมปล่อยเรื่องที่เกิดขึ้นในสมรภูมิไปง่ายๆ เป็นแน่ แต่เรื่องก็ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ฝ่ายตรงข้ามก็คงใช้วิธีการตุกติกไปแล้ว ดังนั้นคิดจะพลิกคดีนี้ขึ้นมาอีกครั้งคงไม่ง่ายดายปานนั้น”“รอจนเจ้ากลับไปแล้วก็ลองเกลี้ยกล่อมท่านลุงดู อย่าได้ร้อนใจเกินไป ความจริงจะต้องถูกตรวจสอบออกมาได้ไม่ช้าก็เร็ว”“หม่อมฉันเข้าใจเพคะ”ซ่งรั่วเจินมองฉู่จวินถิงอย่างลึกซึ้ง เขาคาดเดาความคิดในใจของท่านพ่อได้จริงๆ ด้วย แต่คิดจะทำเรื่องนี้หาได้ง่ายดายไม่ แต่ดำย่อมไม่อาจกลายเป็นขาว ความจริงจะต้องปรากฏออกมาในสักวันณ ต
หวงซือถิงได้ยินวาจานั้นแล้วก็เหลือบมองอวิ๋นเฉิงเจ๋อโดยไม่รู้ตัว ดวงตาแฝงรอยคาดหวังหลังจากพบกันคราวก่อน นางก็พบว่าท่าทีของอวิ๋นเฉิงเจ๋อเย็นชาอย่างมาก แม้นางจะไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน แต่ก็เข้าใจว่านั่นไม่ใช่ท่าทางของคนที่ได้พบคนในดวงใจเดิมทีเขาก็ไม่ได้เต็มใจมาพบนาง เพราะได้รับความช่วยเหลือจากญาติผู้ใหญ่จึงมีโอกาสเจอหน้ากัน กระทั่งว่าตอนจากลา ท่าทีของเขาก็แสดงออกชัดเจนยิ่งว่าไม่มีความคิดจะแต่งงาน อย่ามาเสียเวลากับเขาเลยแต่ตอนนั้นนางพบอวิ๋นเฉิงเจ๋อครั้งแรกก็ตกหลุมรักทันที ตอนนี้ถึงวัยออกเรือนแล้วจึงอยากจะลองดูสักครั้งในเมื่อเขาไม่มีคนในดวงใจ เช่นนั้นตนเองก็ไม่แน่ว่าจะไม่มีโอกาสเอาเสียเลยอวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินอย่างนั้นก็รู้ว่าอวิ๋นเนี่ยนชูกำลังโกรธเคืองเขาอยู่จึงกล่าวว่า “ระวังคำพูดและการกระทำ เรื่องที่ไม่มีมูลก็อย่าพูดจาส่งเดช จะทำให้ชื่อเสียงแม่นางหวงเสื่อมเสียเอาได้”“เรื่องที่ไม่มีมูล?”ดวงตาอวิ๋นเนี่ยนชูฉายแววตกตะลึงพลางมองไปทางหวงซือถิงโดยไม่รู้ตัว แล้วก็มองเห็นความผิดหวังบนสีหน้าของอีกฝ่ายแววตานางเปลี่ยนไปหลายส่วนโดยไม่รู้ตัว เห็นทีแม่นางผู้นี้คงเหมือนกับนางสินะ...
“ข้าจำได้ว่าตอนนั้นเจ้าได้รับความตกใจ หลังกลับมาก็มีไข้สูงไปสามวัน ต่อมาถึงได้ดีขึ้น”เนื่องจากตอนนั้นนี่เป็นเรื่องครึกโครมมาก เขาจึงจำเรื่องนี้ได้แม่น ตอนนั้นคนที่กลับมาล้วนถูกสั่งสอนอย่างหนัก ฉู่จวินถิงจึงมีความประทับใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งตอนนั้นเขายังพยายามทำความเข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้โดยละเอียด หลังจากจ้าวซวี่ไป๋ทะเลาะกับแม่นางผู้นั้น สองฝ่ายก็แยกทางกัน พวกเขาไปเล่นบริเวณไม่ไกลออกไป ทั้งยังไม่คิดว่าแม่นางผู้นั้นจะเกิดเรื่องไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดอยู่ดีๆ จึงพลัดตกน้ำฉู่อวิ๋นกุยนึกถึงเรื่องในตอนนั้นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกขนลุกซู่จึงลูบแขนโดยไม่รู้ตัว “แม่นางซ่ง เจ้าคงไม่ได้หมายความว่าแม่นางในความฝันของซวี่ไป๋คือเพื่อนเล่นสมัยเด็กผู้นั้นหรอกนะ?”หลังจากซ่งรั่วเจินได้ยินว่าที่นั่นเคยมีคนจมน้ำตายมาก่อนจริงๆ ทั้งยังเป็นแม่นางที่รู้จักก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูง“ใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้นี้ ถ้าไม่มีต้นสายปลายเหตุเสียเลย จู่ๆ ฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางมาพัวพันกะทันหันเช่นนี้”“แม่น้ำทุกสายล้วนเคยมีคนตายมาก่อน คนที่ตกน้ำยิ่งมีจำนวนนับไม่ถ้วน แต่คนส่วนใหญ่ หลังจากตกน้ำก็ไม่
ซ่งรั่วเจินฟังคำบอกเล่านั้นแล้ว ดวงตาก็ฉายแววประหลาดใจ นี่คงไม่ใช่...เจ้าสาวผีหรอกนะ?เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับนางแต่อย่างใด อันที่จริงในหมู่ชาวบ้านก็มักเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นบ่อยๆ กระทั่งว่าจัดงานแต่งงานกับผีก็ยังมี แต่เห็นได้ชัดว่าครอบครัวคนผู้นี้ไม่รู้เรื่อง ทั้งยังถูกผีสาวตามพัวพันสำเร็จแล้วด้วย?“เจ้าว่าเรื่องนี้แปลกไหม?”ฉู่อวิ๋นกุยมีสีหน้าร้อนใจ ถ้าเป็นตอนก่อนหน้าที่จะได้รู้จักซ่งรั่วเจิน เขาจะต้องไม่คิดอะไรมากเป็นแน่ คงคิดแค่ว่าเจ้าหมอนี่หมกมุ่นตอนกลางวันเอาไปฝันตอนกลางคืน พูดตรงๆ ก็คือแตกหนุ่มแล้วแต่หลังจากที่เขาได้เห็นสีหน้าที่ทั้งอิดโรยและไม่น่ามองของจ้าวซวี่ไป๋ก็รู้สึกว่าจะต้องมีปัญหาแน่นอนซ่งรั่วเจินพยักหน้าน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้พูดยืนยันออกมาตรงๆ“จากที่ท่านพูดมา สถานการณ์ก็ประหลาดอยู่บ้างจริงๆ นั่นแหละ แต่ตกลงแล้วเป็นเรื่องอะไรกันแน่ ยังต้องไปดูด้วยตาตัวเองก่อนจึงจะยืนยันได้”“ตอนนี้สุขภาพเขาย่ำแย่ลงทุกที ท่านบอกว่าเขาล้มป่วยหนัก รู้หรือไม่ว่าป่วยเป็นอะไร?”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” ฉู่อวิ๋นกุยส่ายศีรษะ “หมอหลายคนไปดูอาการให้แล้ว แต่ดูเหมือนก็ตรวจไม่พบอะไร
“ไม่ได้เจอกันพักเดียว แม่นางซ่งงามขึ้นกว่าเมื่อก่อนเสียอีก มิน่าเล่าเสด็จพี่ไม่ได้เจอวันเดียวก็อดใจไม่ไหวต้องมาหาเสียแล้ว”ฉู่อวิ๋นกุยเห็นท่าทางอัดอั้นตันใจของเสด็จพี่สามของตนแล้วก็อดนึกขันไม่ได้เมื่อก่อนมีแต่ผู้หญิงที่หมุนรอบตัวเขา ตอนนี้กลับต้องมาหมุนรอบตัวแม่นางซ่ง แบบนี้คงเรียกว่าแพ้ทางสินะ!ฉู่จวินถิงปรายตามองเขา สายตาเต็มไปด้วยแววตักเตือนฉู่อวิ๋นกุยลูบจมูก แต่ก็หาได้กลัวไม่ อย่างไรเสียพี่สะใภ้ก็อยู่ด้วยจึงไม่ต้องกังวลเรื่องไฟโทสะของเสด็จพี่สามซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงมีสีหน้าเย็นชาราวกับว่ามีคนค้างเงินเขาแล้วยังไม่คืนกระนั้น นางกล่าวว่า“อย่าโกรธเลยเพคะ หม่อมฉันคิดว่าท่านเพิ่งกลับมา ทั้งยังต้องเข้าวังไปรายงาน ในจวนอ๋องก็มีเรื่องมากมายต้องจัดการ หม่อมฉันไม่อยากรบกวนท่านอย่างไรเล่าเพคะ?”ฉู่จวินถิงหัวเราะเบาๆ “ข้าว่าเจ้าไม่อยากให้ข้ารบกวนเจ้ามากกว่ากระมัง? คืนวานข้าให้คนมาแจ้งเจ้าแล้วนะว่าวันนี้ว่าง”ซ่งรั่วเจินที่ถูกพูดแทงใจดำ “...”วันนี้เดิมทีนางก็แค่อยากมาดูเรื่องสนุก การใส่ใจเรื่องคนอื่นแบบนี้ จะพาฉู่จวินถิงมาด้วยก็คงไม่ได้หรือเปล่า?ดูอย่างไรเขาก็ไม่เหมือนคนที่จะ