ฉู่จวินถิงนิ่งอึ้งไป “สถานที่ที่มีน้ำ?”“ริมทะเลสาบ” ซ่งรั่วเจินเอ่ยเน้นฉู่จวินถิงงงงันเสียแล้ว นึกใคร่ครวญว่าสองวันนี้หยุดพักผ่อน ทั้งยังนัดสหายมารวมตัวกันที่จวน เดิมไม่คิดจะออกไปข้างนอก บวกกับเขาว่ายน้ำไม่เป็น ปกติย่อมไม่ไปบริเวณริมทะเลสาบอยู่แล้ว“แม่นางซ่งคิดมากไปแล้ว ข้าไม่ชอบไปเที่ยวริมทะเลสาบ”ได้ยินดังนั้น มุมปากซ่งรั่วเจินก็หยักขึ้นเล็กน้อย เกรงว่าบางครั้งถึงไม่ชอบก็ยังจำเป็นต้องไปอยู่ดี...ณ จวนตระกูลซ่งเมื่อหลิ่วหรูเยียนได้ยินว่าซ่งรั่วเจินพาหลินโหวและฉินซวงซวงกลับมาด้วย ตรงขมับก็พลันปวดตุบๆ สองวันก่อนได้พบหลินโหวก็รับทราบท่าทีของเขาแล้ว นางยิ่งนึกทอดถอนใจกว่าเดิมว่าฉินซวงซวงช่างมีฝีมือโดยแท้ ทำให้หลินโหวลุ่มหลงหัวปักหัวปำได้ถึงเพียงนี้แต่จู่ๆ เจินเอ๋อร์พาคนทั้งสองกลับมาด้วยทำไม?“ท่านแม่ ข้าไปดูกับท่านด้วยขอรับ” ซ่งจืออวี้ก้าวเท้าไวๆ เข้ามาหา สีหน้าเผยความไม่พอใจ “ถ้าพวกนั้นกล้ารังแกน้องหญิงห้า ข้าจะตีพวกเขาให้ตายเลย!”“น้องสาม อย่าหุนหันพลันแล่น ออกไปดูก่อนค่อยว่ากันอีกที” ซ่งอี้อันมุ่นคิ้ว หลังถอนหมั้นเดิมทีไม่สมควรไปยุ่งเกี่ยวกันอีก วันนี้เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่อ
“น้องหญิง ในเมื่อเขาเป็นนักต้มตุ๋น สิ่งของที่เขาฝังเอาไว้จะใช้ได้ผลเช่นนั้นรึ?” ซ่งอี้อันถามเสียงต่ำ“เขาพึ่งพาผีน้อยจึงสามารถทำนายหลายเรื่องได้อย่างแม่นยำ ไม่มีความสามารถในการปัดเป่าเคราะห์ร้ายให้คนอื่น แต่กลับมีความสามารถในการทำร้ายคนอยู่บ้าง ฮวงจุ้ยในจวนเราเดิมทียังไม่เลว แต่ของที่เขาฝังไว้เป็นแหล่งรวมพลังชั่วร้าย สะสมแรงอาฆาต ปล่อยทิ้งไว้มีแต่จะชักนำให้ชะตาของคนทั้งบ้านเสื่อมโทรมลงไปเรื่อยๆ ”ซ่งรั่วเจินพูดไปหนึ่งประโยค สีหน้าของหลิ่วหรูเยียนก็ซีดขาวลงหนึ่งส่วน “งานวิวาห์ของเจ้ากับเรื่องที่พี่รองของเจ้าตกอยู่ในสภาพนี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ใช่หรือไม่?”“ท่านแม่ อย่าคิดมากไปเลย เร่งมือจัดการเสียตอนนี้ยังมีโอกาสคลี่คลายได้เจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินพูดปลอบซ่งอี้อันนึกถึงความเย็นวาบแปลกๆ ตอนอยู่ริมสระบัวเมื่อวานนี้ขึ้นมาทันที ประกอบกับที่น้องสาวจงใจถอดสร้อยข้อมือไปจากเขา เมื่อนำมาเชื่อมโยงกับสถานการณ์ตรงหน้าแล้วยังมีอันใดไม่เข้าใจอีก?“แม่นางฉิน เจ้าแย่งงานวิวาห์ของลูกสาวข้าไปแล้ว ตระกูลซ่งของข้าทระนงในศักดิ์ศรีจึงไม่ถือสาหาความเจ้า แต่เจ้ากลับใช้วิธีการชั่วร้ายลับหลังเช่นนี้ จะต่ำ
ทันใดนั้น สายตาของคนตระกูลซ่งก็กวาดมองไปมาระหว่างฉู่อ๋องกับหลินโหวเรื่องที่ฉินซวงซวงชมชอบฉู่อ๋อง คนที่รู้เรื่องมีจำนวนไม่น้อย ยามนี้ดูเหมือนถามคาดคั้นอย่างเจ็บปวด แต่กลับมีน้ำเสียงออดอ้อนปนอยู่ด้วยแต่ฉินซวงซวงจะออกเรือนให้หลินโหวไม่ใช่หรือ?“มีเรื่องสนุกให้ดูแล้วสิ” ซ่งรั่วเจินชมดูอย่างออกรสออกชาติ นางนึกว่าฉินซวงซวงได้มาเกิดใหม่อีกครั้งแล้วจะหันมาหาหลินจือเยว่อย่างจริงใจเสียอีก ที่แท้ในใจก็ยังอาลัยอาวรณ์ฉู่จวินถิงอยู่?นางเหลือบมองหลินจือเยว่โดยสัญชาตญาณ รู้สึกว่าระหว่างชายผู้นี้กับฉู่อ๋องมีความเหลื่อมล้ำกันอยู่จริงๆ มิน่าตอนแรกฉินซวงซวงถึงได้ปฏิเสธเขาอย่างไรเสีย ผู้ที่สามารถกลายเป็นแสงจันทร์ขาว [1] ในใจนางเอกได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้วหลินจือเยว่รู้สึกว่าสายตาของซ่งรั่วเจินมีความเหยียดหยามเต็มเปี่ยม เขาก้าวออกมาบังฉินซวงซวงไว้ด้านหลังโดยไม่รู้ตัว “มิทราบว่าเหตุใดฉู่อ๋องจึงเอาแต่ปกป้องแม่นางซ่ง? คงไม่ได้...”“หลินโหวพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” ซ่งอี้อันสีหน้าเย็นชา“ข้าเพียงรู้สึกว่าฉู่อ๋องมีนิสัยเย็นชามาโดยตลอด วันนี้กลับช่วยเหลือแม่นางซ่งโดยไร้สาเหตุ จึงคิดว่าแปลกก็
คิ้วใบหลิวของซ่งรั่วเจินเลิกขึ้นเล็กน้อย ผีน้อยตนนี้ก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น แต่นางไม่มีอารมณ์จะสนใจ“พวกข้าไม่มีความแค้นใดกับท่าน ท่านกลับมาฝังของสิ่งนี้ไว้ในบ้านข้า ยังบอกว่าในร้อยปีนี้ห้ามขุดออกมา ผู้ใดเป็นคนบงการให้ท่านทำเช่นนี้กันแน่?”พอหลิ่วหรูเยียนสงบลงแล้วก็ตระหนักได้ว่ามีปัญหา พวกสิบแปดมงกุฎมักจะหลอกเอาเงินเท่านั้น แต่นางก็ให้ไปหนึ่งแสนตำลึงแล้ว ฝ่ายตรงข้ามไม่มีเหตุผลมาทำร้ายนาง เบื้องหลังจะต้องมีคนบงการอย่างแน่นอน!ประโยคนี้แม้จะคาดคั้นเทียนสุ่ย แต่ทุกคนในที่นั้นล้วนเข้าใจว่าผู้อยู่เบื้องหลังก็คือฉินซวงซวง“ข้า ข้า...” เทียนสุ่ยเหงื่อแตกพลั่ก รู้สึกเหมือนน้ำท่วมปาก ถ้าเขาพูดออกมา เกรงว่าก็คงต้องจบชีวิตลงเหมือนกัน...“ถ้าท่านไม่พูดก็คงอยู่ไม่พ้นวันนี้ ทำเรื่องชั่วร้ายมากขนาดนี้ วันนี้ต้องตายแน่นอน ถ้าท่านพูดออกมา ข้าอาจพิจารณาช่วยเหลือท่านก็ได้” ซ่งรั่วเจินเอ่ยเสียงต่ำเทียนสุ่ยย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว แต่กลับพบว่าผีน้อยที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลกำลังจ้องตนเองอย่างมาดร้าย จากนั้นก็สัมผัสได้ว่าพลังงานชั่วร้ายกำลังแว้งกัด จนกระอักเลือดออกมาคำหนึ่งซ่งรั่วเจินคาดการณ์ไว้แต่แรก พูดประโ
“ห้ามแจ้งความนะ!”ฉินซวงซวงได้ยินว่าจะแจ้งความก็ร้อนรนขึ้นมา จับมือหลินจือเยว่ไว้แน่น “ท่านโหว ช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ จะแจ้งความไม่ได้เด็ดขาดนะเจ้าคะ!”หลินจือเยว่กำลังจะเอ่ยปาก แต่ถูกซ่งอี้อันตัดบทเสียก่อน “หลินโหว ข้าแนะนำว่าท่านอย่าพูดอะไรจะดีกว่า กระทำความผิดก็ต้องรับโทษ เว้นเสียแต่ว่าท่านจะใช้อำนาจมาข่มพวกข้า”แม้สองตาของซ่งอี้อันจะมองไม่เห็น เวลาพูดจากลับแฝงความกดดันเต็มเปี่ยม แสดงความหยิ่งทะนงออกมาเต็มที่ ทำให้คนไม่กล้าดูแคลนหลินจือเยว่ไม่อาจใช้อำนาจมากดดันได้อยู่แล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงว่าตระกูลซ่งเดิมก็มีฐานะไม่ต่ำต้อย ยามนี้ยังมีฉู่อ๋องอยู่ด้วย หากเขากล้าทำเช่นนั้น คนเคราะห์ร้ายคงเป็นเขาแน่นอนจ้าวจือเต๋อ เจ้าเมืองประจำศาลาว่าการซุ่นเทียนเดิมนั้นกำลังดื่มชาอยู่ ครั้นได้ยินว่าเรื่องนี้ไม่เพียงพัวพันถึงหลินโหวและตระกูลซ่ง แม้แต่ฉู่อ๋องก็ยังอยู่ที่นั่นด้วย ฉับพลันนั้นก็รีบนำกำลังคนห้อม้าออกไปโดยไม่มีแก่ใจไปสนอะไรอีกแล้วจนเมื่อได้ฟังเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบแล้วก็หันไปมองฉู่จวินถิงโดยไม่รู้ตัว“ท่านมองข้าทำไม? เรื่องเกิดขึ้นแล้วก็จัดการอย่างยุติธรรมเถอะ” ฉู่จวินถิงเอ่ยเสียงเรียบ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าฉู่อ๋องจะเป็นคนเรียบง่ายเป็นกันเองเช่นนี้” หลิ่วหรูเยียนเอ่ยชื่นชมซ่งรั่วเจินพยักหน้า “หากท่านอ๋องไม่มา วันนี้เกรงว่าคงจะคลี่คลายไม่ได้ง่ายดายถึงเพียงนี้”“วันนี้ลำบากเจ้าแล้ว ถ้าเจ้าไม่ไปพบเรื่องนี้เข้าเสียก่อน เกรงว่าผลลัพธ์คงเลวร้ายสุดคาดคิด...บุตรีตระกูลฉินทำเรื่องชั่วร้ายพรรค์นี้ออกมาได้ ข้าจะต้องให้พวกเขามอบคำอธิบายมาให้ได้ จะรังแกกันเกินไปแล้ว!”“พวกเจ้าพักผ่อนที่บ้านไปก่อน ข้าจะไปเอาเรื่องที่จวนตระกูลฉินสักรอบ พรุ่งนี้กลับมาอ้างว่าป่วยจะได้มีเหตุผลเพิ่มมาอีกข้อ”หลิ่วหรูเยียนสุดจะกล้ำกลืนโทสะนี้ลงไปได้จริงๆ ยามนี้คนที่รอดูเรื่องขายหน้าของตระกูลซ่งมีจำนวนไม่น้อย ถ้านางไม่ฮึดสู้ วันหน้าเรื่องทำนองนี้คงมีมาไม่หยุดหย่อนสามีไม่อยู่ นางจะต้องปกป้องครอบครัวนี้ ไม่อาจปล่อยให้พวกลูก ๆ ได้รับความไม่เป็นธรรมโดยไร้เหตุผล!เห็นมารดาเรียกสาวใช้แล้วออกไปข้างนอก ซ่งรั่วเจินก็อดประหลาดใจไม่ได้ ในความทรงจำของนาง น้อยครั้งนักที่นางจะได้เห็นมารดามีท่าทีเช่นนี้“ท่านแม่แค่ถูกตระกูลหลิ่วรังแกจนชินชา ท่านตาท่านยายก็ไม่เคยจะเข้าข้างท่านแม่ แต่เวลาอยู่ข้างนอกมี
“ข้าไม่ให้ท่านทำเปล่า ๆ แน่นอน บ้านข้าอยู่ในเมืองหลวงนี่เอง ท่านไปสักรอบก็ไม่ไกลหรอก คนในครอบครัวข้าจะต้องตามหาข้าอยู่เป็นแน่ ขอเพียงท่านบอกเบาะแสของข้าต่อพวกเขา พวกเขาจะต้องตกรางวัลขอบคุณท่านแน่นอน”“หืม?” ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว คิดไม่ถึงว่าแม้เจ้าผีน้อยจะอายุไม่มาก แต่กลับเข้าใจอะไรไม่น้อย “ไหนลองพูดมาซิ”ภายใต้คำบอกเล่าของผีน้อย ซ่งรั่วเจินถึงรู้ว่าที่แท้เจ้าผีน้อยตนนี้ก็มีนามว่าต่งเป๋ยอวี่ เป็นหลานชายต่งหลินชิงรองเจ้ากรมพิธีการหลายเดือนก่อน เขารังเกียจว่าอยู่บ้านน่าเบื่อเกินไป จึงติดตามท่านย่ากับอาสะใภ้กลับไปเยี่ยมญาติที่บ้านเดิม คิดไม่ถึงว่ากลับถูกอาสะใภ้ทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต สุดท้ายศพยังถูกโยนทิ้งลงในบ่อน้ำที่แห้งขอด“เหตุใดอาสะใภ้ของเจ้าต้องทำร้ายเจ้าด้วย?” ซ่งรั่วเจินขมวดคิ้วแน่น เจ้าผีน้อยตรงหน้าดูแล้วก็อายุแค่หกเจ็ดขวบ ไยต้องลงมือโหดร้ายถึงเพียงนี้?ต่งเป๋ยอวี่ส่ายศีรษะน้อย ๆ “ข้า...ข้าก็ไม่รู้”“งั้นเจ้าเล่าเรื่องครอบครัวเจ้าให้ข้าฟังโดยละเอียดแทนก็แล้วกัน” ซ่งรั่วเจินไม่รีบร้อน ถึงจะตัดสินใจแล้วว่าจะช่วย แต่ก็ต้องรู้สาเหตุเสียก่อนตำแหน่งรองเจ้ากรมพิธีการนั้นไม่ต่ำต้อย ห
หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็นชา นางรู้ว่าฉินฮูหยินตรงหน้าเป็นภรรยาที่แต่งเข้าบ้านหลังภรรยาคนเก่าสิ้นบุญ แต่ชื่อเสียงกลับไม่ได้น่าฟังเหมือนภรรยาที่มาแต่งงานใหม่ทั่วไปเลยสักนิดได้ยินว่าสมัยที่ฮูหยินคนเก่ายังอยู่ แม่ทัพฉินก็แอบสานสัมพันธ์กับกู้อวิ๋นเวยแล้ว ต่อมาฮูหยินผู้นั้นสิ้นบุญ กู้อวิ๋นเวยจึงแต่งเข้ามา ยามนี้มาคิดดูแล้วพฤติกรรมของฉินซวงซวงก็เหมือนผู้เป็นแม่ไม่มีผิดเพี้ยน!ไร้ยางอายสิ้นดี!“อวี้เอ๋อร์” หลิ่วหรูเยียนขานเรียกซ่งจืออวี้ยกฆ้องขึ้นตีโดยพลัน เสียงดังครึกโครมดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ในชั่วพริบตา แม่ทัพไป๋ที่อยู่ในจวนก็ถูกเสียงดังดึงดูดความสนใจจนออกมาดูด้วยเช่นกัน“หรูเยียน เจ้ามาได้อย่างไร?” แม่ทัพไป๋ถามอย่างประหลาดใจหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเจ็บช้ำใจ “อาจารย์เจ้าคะ ตระกูลฉินชั่วร้ายเกินไปแล้ว สามีข้ายังไม่กลับมา พวกเขาก็คิดจะเอาชีวิตพวกข้าทุกคน...”เมื่อซ่งรั่วเจินมาถึงก็ได้เห็นฉากที่แสนจะครึกครื้นเช่นนี้เอง กู้อวิ๋นเวยยืนอธิบายอยู่ข้าง ๆ หากแต่ไร้คนเชื่อ มารดาของนางกุมสถานการณ์ไว้ได้อยู่หมัดถึงแม่ทัพไป๋จะเป็นอาจารย์ของบิดา แต่ปฏิบัติต่อบิดานางเสมือนเป็นลูกชายของตนเอง เ
ตั้งแต่ซ่งจิ่งเซินกลับมา เขาก็ได้รับรู้ว่าหลินจือเยว่ทอดทิ้งน้องสาวของตนไปเพราะฉินซวงซวง ในใจก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขุ่นเคืองเพียงใดเดิมทีคิดจะหาโอกาสสั่งสอนหลินจือเยว่เสียบ้าง ต่อมาได้รู้ว่าพวกน้องสามได้จัดการกันไปแล้ว จนบัดนี้แม้แต่ที่ให้ซุกหัวนอนก็ยังไม่มีจะอยู่หากเป็นคนทั่วไปแล้วเล่าก็ ใครยังจะมีแก่ใจมาพลอดรักกันอวดผู้คนให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ โชคยังดีที่น้องหญิงห้ายังไม่ทันได้แต่งออกไปกับคนเช่นนั้น!“หน้าของฉินซวงซวงนี่ก็ช่างหนายากจะหาผู้ใดเทียมเทียบจริงเชียว!”เมิ่งชิ่นหรี่เดินตาหยีด้วยแขยงสายตามาอยู่ข้างกายซ่งรั่วเจิน “ตั้งแต่นางมาวันนี้ก็ทำเอาผู้คนไม่น้อยเกิดไม่พอใจ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจสักนิด ซ้ำยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอยู่ได้”“ข้าว่าหลินจือเยว่ยิ้มได้มิน่าดูเสียยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นางราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ข้าว่าอย่างไรพวกเขาคงไปกันได้ไม่นานนักหรอก”ซ่งรั่วเจินมองเมิ่งชิ่นที่ยู่ตรงหน้าพลางยิ้มบาง “ยันต์คุ้มกายที่ข้าให้ไปใช้ได้ผลดีหรือไม่?”“ได้ผลดียิ่งเลยล่ะ!” เมิ่งชิ่นจับมือซ่งรั่วเจินความตื้นเต้นในใจ หน่วยดวงตาเต็มด้วยความตื้นต้น “หากมิใช่เพราะเจ้า ต
แม้จะกล่าวได้ว่าชื่อเสียงป่นปี้ไปแล้ว แต่ผู้คนต่างรู้ดีว่าอย่างไรนางก็เป็นเหยื่อ ไม่ได้ถึงขั้นที่ต้องถูกรังเกียจเดียดฉันท์ราวหนูโสโครกบนท้องถนนเฉกเช่นทุกวันนี้หลินจือเยว่เมื่อได้เห็นว่าซ่งจืออวี้เจ้าคนกำยำล่ำหนาผู้นั้นได้เป็นถึงราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสาม ก็อดพาลอิจฉาขึ้นมาไม่ได้อยากจะเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งนั้นไม่ได้ง่ายดาย และแม้จะได้เป็นจริงแล้วก็ต้องเริ่มจากการเป็นราชองครักษ์หลานหลิง ทว่าซ่งจืออวี้กลับข้ามขั้นขึ้นมาเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสามโดยตรงเลยเสียนี่ยิ่งไปกว่านั้น ในวันนี้เขาก็ยังมีความดีความชอบจากการช่วยชีพองค์ชายเอาไว้ องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเห็นในส่วนนี้ย่อมพิจารณาเลื่อนขั้นให้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความใส่ใจที่ฉู่จวินถิงมีต่อสกุลซ่งเขาแทบจะมั่นใจได้เลยว่า หนทางของซ่งจืออวี้ย่อมจะต้องราบรื่นไร้อุปสรรคขวากหนามใดขวางกั้น ทว่าวาสนาทั้งหมดทั้งมวลนี้เดิมทีควรจะเป็นของเขาต่างหากเล่า!“จือเยว่ ซ่งรั่วเจินแย่งชิงวาสนาของเราไปเช่นนี้แล้ว ท่านก็ควรจะรู้ได้แล้วว่านางเป็นคนเช่นไร!” ฉินซวงซวงกล่าวหลินจือเยว่ปรายตามองฉินซวงซวง ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยชอบพอนาง
“ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ? พี่น้องตระกูลซ่งไม่เพียงช่วยเหลือองค์ชายรอง แต่ยังช่วยองค์ชายใหญ่ไว้ด้วย?”ฉินซวงซวงจับมือเหอเซียงหนิงไว้ด้วยสีหน้าร้อนใจ ดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?ชาติที่แล้วคนถูกลอบสังหารคือองค์ชายรองชัดๆ นอกจากนี้ ข้อมูลที่สืบพบในตอนท้ายยังเผยว่าทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือองค์ชายใหญ่ เหตุใดชาตินี้จึงไม่เหมือนเดิมเล่า?ถ้าองค์ชายใหญ่ก็ถูกลอบโจมตีด้วย เช่นนั้นแล้วตัวการเบื้องหลังคือใครกันแน่?“ไม่ผิดแน่นอน ครู่ก่อนข้าเห็นกับตาว่าพี่น้องตระกูลซ่งพาองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองกลับมา ซ่งรั่วเจินกับฉู่อ๋องก็กลับมาพร้อมกัน”“หมอหลวงเข้าไปถวายการรักษาในทันที ต่อมายังมีข่าวออกมาว่า องค์ชายทั้งสองถูกลอบโจมตีในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องตระกูลซ่งจึงรักษาชีวิตไว้ได้”เหอเซียงหนิงมีสีหน้าย่ำแย่จนถึงที่สุด เดิมตั้งใจว่าจะใช้โอกาสวันนี้ทำให้ซ่งรั่วเจินพ่ายแพ้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกคนทั้งเมืองหลวงชิงชังรังเกียจเหมือนหนูข้างถนน ทำร้ายนางจนตกอยู่ในสภาพนี้ ซ่งรั่วเจินมีสิทธิ์อะไรถึงยังมีชีวิตดีๆ อยู่ได้?แต่...ยามนี้ตระกูลซ่งสร้างคว
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดบัญชี รออีกสักหน่อยค่อยไปพูดกับซ่งรั่วเจินให้รู้เรื่องก็ยังไม่สาย“อี้ชวน อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เกากุ้ยเฟยถามอย่างเป็นห่วงฉู่อี้ชวนแสดงคารวะก่อนกล่าวว่า “แม้ลูกจะได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”“เช่นนั้นก็ดี” เกากุ้ยเฟยถอนหายใจโล่งอก “เจ้ารีบไปพักผ่อนดีกว่า”ฮ่องเต้รับทราบอาการบาดเจ็บของฉู่อี้ชวนจากปากหมอหลวงแล้ว แม้ไม่ได้สาหัสเท่าฉู่เทียนเช่อ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง ยามนี้ยังมีสีหน้าซีดขาว แต่กลับไม่ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน เด็กคนนี้เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด“นั่งลงพักก่อนเถอะ”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”หลังจากฉู่อี้ชวนมาแล้ว มีเขาบอกเล่ารายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยตัวเอง บวกกับคำบอกเล่าของฉู่จวินถิงก็เป็นการยืนยันความดีความชอบของพี่น้องตระกูลซ่งในที่สุด“ครั้งนี้พวกเจ้าสี่พี่น้องช่วยเหลือองค์ชายทั้งสองเอาไว้ สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ อยากได้รางวัลแบบไหนก็บอกมาได้เลย!”ฮ่องเต้พอพระทัยสี่พี่น้องตระกูลซ่งยิ่งนัก ซ่งหลินข่าวคราวเงียบหาย ทุกคนล้วนยอมรับกันอย่างเงียบๆ ว่าเขาคงไม่
“พวกเจ้าสี่คนบังเอิญผ่านไปบริเวณนั้นพอดี?”ฮ่องเต้กวาดสายตาผ่านพวกซ่งเยี่ยนโจวสี่พี่น้อง ดูเหมือนถามคำถามทั่วไป แต่กลับทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างมากซ่งเยี่ยนโจวกับซ่งอี้อันล้วนเคยเข้าเฝ้าฮ่องเต้มาก่อน แม้จะรู้สึกกดดันไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับแตกตื่น ซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินกลับรู้สึกว่าสายพระเนตรของฮ่องเต้มีแรงกดดันใหญ่หลวง ทำให้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง“พวกกระหม่อมสี่คนกำลังล่าสัตว์อยู่แถวนั้นพอดี น้องสามของกระหม่อมไปพบเข้าก่อน พวกกระหม่อมได้ยินเสียงน้องสามจึงรีบตามไปพ่ะย่ะค่ะ” ซ่งเยี่ยนโจวตอบอย่างไม่เย่อหยิ่งและไม่ต่ำต้อยฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ทอดพระเนตรซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ หน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียด แต่กลับมีลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงถึงจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินเกี่ยวกับพี่น้องฝาแฝดตระกูลซ่งคู่นี้ว่านิสัยต่างกันสุดขั้ว ด้วยเหตุนี้จึงสามารถระบุตัวซ่งจืออวี้ได้อย่างง่ายดาย“เราได้ยินว่ามีมือสังหารถึงแปดคน แต่เจ้าตัวคนเดียวก็กล้าบุกเข้าไป?”ซ่งจืออวี้ตอบด้วยท่าทางกริ่งเกรง “ฝ่าบาท ตอนนั้นกระหม่อมเห็นองค์ชายทั้งสองตกอยู่ในอันตรายจึงกระโจนเข้าไปโด
“ฝ่าบาท เจ้าโจรชั่วนี้ช่างขวัญกล้าเทียมฟ้ายิ่งนัก ถึงกับกล้าลอบสังหารเช่ออ๋องในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ ดีที่อี้ชวนบังเอิญไปเจอเข้าพอดี หาไม่แล้วเกรงว่า...”ฮ่องเต้พยักหน้า “อี้ชวนเป็นเด็กจิตใจดี เรารู้มาตลอด”พวกซ่งรั่วเจินรออยู่นอกกระโจม สามารถได้ยินบทสนทนาที่ดังมาจากข้างในได้อย่างชัดเจน เหล่าพี่น้องสบตากัน อดนึกทอดถอนใจไม่ได้ อยู่ในราชวงศ์หากไม่มีสมองสักหน่อยคงจะไม่ได้จริงๆเกากุ้ยเฟยเอ่ยวาจาประโยคเดียวโดยไม่กระโตกกระตากก็เหมารวมความดีความชอบให้องค์ชายใหญ่ได้แล้ว ทั้งยังทำให้ฮ่องเต้จดจำความดีขององค์ชายใหญ่ไว้ได้ซ่งรั่วเจินเห็นอย่างนั้นก็รู้ว่าองค์ชายใหญ่รอดพ้นคราเคราะห์ครั้งนี้ไปได้แล้ว อย่างไรเสียตนเองก็ได้รับบาดเจ็บ ถึงสุดท้ายหลักฐานจะชี้ไปที่เขาก็ไม่มีน้ำหนัก แต่กลับทำให้คนมองว่ามีใครจงใจวางแผนใส่ร้ายเขามากกว่าส่วนฉู่จวินถิง นางกลับไม่กังวลใจเลยชายผู้นี้เก่งกาจมาแต่ไหนแต่ไร บัดนี้ทราบแผนการของนางแล้วก็คงเตรียมแผนรับมือไว้เป็นอย่างดีไม่ว่าอย่างไร สุดท้ายเรื่องนี้ก็ไม่มีทางพัวพันไปถึงเขา“จวินถิง เรื่องนี้ยกให้เจ้าไปสืบสวน จะต้องสืบสวนหาความจริงออกมาให้ได้!” ฮ่องเต้สั
“ข้าไม่เห็นนางวางอุบายเจ้า เจ้าต่างหากที่หาเรื่องนางไปเสียทุกทาง!”ชั่วขณะนี้หลินจือเยว่ฟังไม่เข้าหูเลยสักนิด เรื่องที่ผ่านมาคอยวนเวียนอยู่ในหัวเขาไม่หยุด“ตอนแรกก็เป็นเจ้าที่หาเรื่องนางตลอด นางไม่เคยหาเรื่องเจ้าก่อนสักครั้ง หากไม่ใช่เพราะเจ้าคอยหาเรื่องนางครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้ก็คงไม่เป็นแบบนี้!”ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขามีลางสังหรณ์เหมือนว่าทุกอย่างไม่ควรเป็นเช่นนี้ตอนนี้เขาควรมีชีวิตที่ยอดเยี่ยม ได้รับคำยกย่องสรรเสริญในเมืองหลวง ทั้งยังร่ำรวยทรัพย์สิน จะสิ้นเนื้อประดาตัวเหมือนตอนนี้ได้อย่างไร?ทุกอย่างล้วนไม่ถูกต้อง!ฉินซวงซวงเป็นคนทำลายชีวิตอันดีงามของเขา!ฉินซวงซวงมองหลินจือเยว่ที่ราวกับเสียสติไปแล้ว ตอนแรกยังประหวั่นลนลาน หากต่อมาก็อดจะขุ่นเคืองไม่ได้“ท่านพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? ตอนแรกท่านพร่ำบอกว่าชอบข้าอยากแต่งงานกับข้า ข้าถึงได้ทิ้งทุกอย่างในครอบครัวมาหาท่าน”“ท่านบอกว่าจะยกตำแหน่งภรรยาเอกให้ข้า ไม่ปล่อยให้ข้าได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจ ดีชั่วอย่างไรข้าก็เป็นคุณหนูตระกูลฉิน ยังจะให้ข้าเป็นอนุภรรยาของท่านอย่างนั้นหรือ?”“ข้าจริงใจต่อท่าน ท่านเล่าคู่ควรกับข้างั้น
เมื่อซ่งเยี่ยนโจวกับซ่งจืออวี้ลงมือโดยมีซ่งอี้อันกับซ่งจิ่งเซินคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ในไม่ช้าก็สังหารไปได้หลายคน ขณะเดียวกันก็เหลือผู้รอดชีวิตไว้สองคน มีสองคนที่หนีไปได้ฉู่เทียนเช่อถูกแทงที่อกหนึ่งกระบี่ เลือดไหลย้อมอาภรณ์ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวหมดสติล้มลงไปอาการของฉู่อี้ชวนดีกว่าบ้าง แต่ก็ได้แผลน้อยใหญ่มาไม่น้อย สีหน้าเผือดขาวในเวลาเดียวกันนั้น ซ่งรั่วเจินกับฉู่จวินถิงก็มาถึงบริเวณใกล้เคียงแล้วเมื่อมาเห็นภาพนี้ ทั้งคู่ก็ ‘ประหลาดใจ’ อย่างมากฉู่จวินถิงตามไปจับสองคนที่หนีไปได้อย่างรวดเร็ว ซ่งรั่วเจินส่งเชือกให้อย่างเอาใจใส่“ต้องเก็บคนเป็นๆ เอาไว้ กลับไปเค้นหาตัวการเบื้องหลัง”“เจ้าพูดถูก” ฉู่จวินถิงพยักหน้าอย่างเห็นพ้องคนทั้งสองคุมตัวมือสังหารเดินมาทางนี้ก็เห็นฉู่เทียนเช่อหมดสติ ฉู่อี้ชวนก็แลดูอ่อนแออย่างมาก“องค์ชายใหญ่ ท่านไม่เป็นไรกระมัง? พวกกระหม่อมจะส่งท่านกลับไปเดี๋ยวนี้” ซ่งเยี่ยนโจวกล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวลฉู่อี้ชวนมองสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยตรงหน้าก็ไม่รู้เลยว่าควรพูดอย่างไรดี แค้นใจนักที่ไม่สามารถจัดการพวกคนตรงหน้าหนักๆ สักยก!แล้วมองซ่งรั่วเจินกับน้องสามของตนเอง ทันใ
เหล่ามือสังหารอึ้งไปชั่วเวลาสั้นๆ ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว“รนหาที่ตายอีกคน งั้นก็จัดการไปด้วยกันนี่แหละ!”อาชาพันธุ์ดีถูกแทงบาดเจ็บจึงส่งเสียงร้องแหลมวิ่งเตลิดหนี ส่วนฉู่อี้ชวนก็ถูกบังคับให้ต้องกระโดดลงมาจากม้า ตกอยู่ในวงล้อมมือสังหารด้วยกันกับฉู่เทียนเช่อ“น้องรอง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” ฉู่อี้ชวนขมวดคิ้วมุ่น สายตาสำรวจไปรอบด้านไม่หยุด คิดว่าต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถออกไปจากที่นี่จะว่าไปก็ประหลาดนัก ทั่วเขตล่าสัตว์หลวงมีคนไม่น้อย แต่ระหว่างทางมาเขากลับพบว่าบริเวณนี้มีคนน้อยยิ่งนักยามนี้เกิดความวุ่นวายใหญ่โตแบบนี้ รอบด้านกลับไม่มีคนปรากฏตัว หากจะรอให้มีคนมาช่วยเหลือพวกเขา ความเป็นไปได้คงมีน้อยมากความสับสนวาบผ่านแววตาฉู่เทียนเช่อ สีหน้ายังคงตื่นตระหนกลนลานดุจเดิม“ข้าล่าสัตว์มาแถวนี้พอดีจึงถูกพวกเขาทำร้ายบาดเจ็บ เสด็จพี่ ท่านรีบหนีไปเถอะ ครั้งนี้เป้าหมายของพวกเขาคือข้า!”ฉู่อี้ชวนนึกทอดถอนใจ สถานการณ์ตอนนี้เขาไม่อยากหนีเสียที่ไหน แต่เป็นเพราะหนีไม่พ้นต่างหากเล่า!“ยันไว้ได้เท่าไรก็เท่านั้น รอจนสบโอกาสค่อยหาทางหนีออกไป”“เคร้ง ๆ ๆ!”เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้น เหล่ามือสังหารล