"ท่านลุง ปล่อยท่านแม่ของข้าเดี๋ยวนี้นะ" เสียงเล็กที่ดังขึ้นนั้น เอ่ยอย่างเอาเรื่อง "....." มีลูกแล้วหรือนี่ องค์ชายสามมู่เหยียนหรง ผู้ครองตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเหลียว คิดอย่างแสนเสียดายนัก "บิดาของเจ้าเล่าเด็กน้อย" "ข้าไม่มีบิดา" มุมปากของบุรุษหล่อเหลาพลันยกขึ้นอย่างชั่วร้ายนัก "ถ้าอย่างนั้น ข้านี่แหละ จะเป็นบิดาให้เจ้าเอง" !!!!
View Moreอ๋องสามมู่เหยียนหรงที่กลับมาถึงตำหนักหยกขาวก็เห็นว่ากำลังทหารที่ติดตามพระองค์อยู่ที่เมืองฉางอันห้าสิบนายที่ล้วนเป็นทหารฝีมือดีที่พระองค์ฝึกมาเองกับมือนั้นตั้งขบวนกันพร้อมแล้วรอเพียงแค่คำสั่งเคลื่อนขบวนจากพระองค์เท่านั้น ก็พร้อมออกเดินทาง แต่ร่างสูงสง่ากลับเดินหน้าตึงเข้าไปในตำหนักโดยไม่สนใจทหารใต้บังคับบัญชาที่มองตามวรกายสูงศักดิ์อย่างไม่เข้าใจว่านายเหนือหัวไปกินรังแตนมาจากไหน อ๋องสามเมื่อเข้ามาภายในห้องบรรทมก็เปลื้องอาภรณ์เดินตรงไปชำระล้างวรกายแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม มือหนาขัดถูสัมผัสและกลิ่นกายของสตรีใจร้ายที่ยังรู้สึกถึงกลิ่นหอมของนางที่ยังติดตรึงอยู่ล้างเพียงใดก็ล้างไม่ออก ก่อนจะเดินออกมาจากห้องอาบน้ำทั้งที่หยดน้ำยังเกาะพราวตามตัวคว้าเอาอาภรณ์มาสวมอย่างลวกๆ โจวเฟิงที่วิ่งกระหอบเข้ามาเมื่อทหารมารายงานว่าท่านอ๋องกลับมาแล้ว เจอโจวซุ่นที่นั่งอยู่ด้านหน้าตำหนักโดยไม่เห็นวรกายของท่านอ๋องจึงเอ่ยถามขึ้น "ท่านอ๋องเล่า""อยู่ข้างใน"โจวซุ่นที่มองสหายที่รีบร้อนเข้าไปอย่างไม่เข้าใจว่ามีเรื่องเร่งด่วนอะไรถึงได้รีบร้อนนัก"ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ""มีอะไร"เสียงขานรับของนายเหนือหัวถึงกับทำใ
แสงที่สาดส่องแยงตาทำให้ลี่เซียนรู้สึกตัวตื่น ขยับกายที่เมื่อยขบพร้อมกับอาการปวดศีรษะ กำลังจะพลิกกายเพื่อลงจากเตียงแต่กลับรู้สึกถึงความหนักที่พาดอยู่ตรงเอวบาง สติที่ยังมาไม่ครบดีในตอนแรกแทบจะวิ่งเข้าร่างนางเมื่อสัมผัสได้ว่าร่างกายนางเปลือยเปล่า ก่อนจะพลิกไปมองด้านข้างที่มีบุรุษคุ้นตานอนหลับอย่างสบายอยู่ เท้าบางจึงยันร่างหนาเต็มแรงด้วยความลืมตัว"โอ้ยยย"เสียงร้องของบุรุษที่กำลังหลับฝันดี ลืมตาอีกทีก็มานอนอยู่บนพื้นด้านล่าง เงยหน้ามองสตรีที่เป็นสาเหตุทำให้พระองค์มานอนกองอย่างหมดสภาพอยู่ตรงนี้ ร่างบางที่เอาผ้าห่มมาคลุมจนถึงคอแต่เท้าเล็กที่โผล่ออกมายังยกค้างอยู่ทำให้พระองค์มองสตรีตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางถีบพระองค์ สตรีน่าตาย นี่นางถึงกับกล้าถีบพระองค์เลยหรือเมื่อคืนก็ลงมือกับพระองค์อย่างเลือดเย็นทีนึงแล้ว พอเช้ามากลับถีบพระองค์เสียตกเตียง รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น อย่างนี้เห็นทีจะปล่อยเอาไว้ไม่ได้ คงจะต้องสั่งสอนให้หลาบจำเสียแล้ว ว่าแล้วร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เห็นใบหน้าสตรีที่มองมาอ้าปากค้างจ้องพระองค์แทบตาถลนจึงมองตามสายตาของนาง "เห้ย"แล้วรีบกระโดดเข้าไปตะ
เสียงหัวเราะใสกังวานของลี่เซียนดังขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าของท่านโจวซุ่น แล้วจึงเอ่ยขึ้น"เห็นท่าทางของท่านโจวซุ่นแล้ว บุรุษที่จะมาเป็นสามีของข้าในอนาคตนั้นคงยังไม่มีกระมัง"แล้วเสียงหัวเราะของคนทั้งสามก็ดังขึ้นอีกระลอกอ๋องสามที่นั่งเงียบส่งสายตาให้คนสนิทที่ไม่มีทีท่าว่าจะมองมายังพระองค์เลย จึงใช้เท้าเหยียบลงบนหลังเท้าของคนสนิทอย่างแรง" โอ้ยยย"เสียงของโจวซุ่นที่ร้องขึ้นเสียงหลงทำให้ลี่เซียนถามขึ้นอย่างตกใจ" เป็นอะไรไปเจ้าคะท่านโจวซุ่น" "เอ่อ ยุงกัดน่ะขอรับ" เอ่ยกับสตรีตรงหน้าแล้วยิ้มแห้งๆ ส่งไปให้ก่อนจะหันไปมองยุงตัวโตที่กัดเขา เห็นสายตาที่มองมาเหมือนต้องการสื่ออะไรบางอย่าง แต่ไม่ยอมเอ่ยใครจะไปรู้กันเล่า "รินสุราให้ท่านลุงฉีหน่อยสิโจวซุ่น สุราในจอกท่านลุงหมดแล้วไม่เห็นหรืออย่างไร"เสียงทุ้มที่ดังขึ้นเบาๆ ทำให้โจวซุ่นมองผู้เป็นนายทีมองแม่นางลี่เซียนที ท่านอ๋องคงไม่คิดที่จะ... "โจ่วซุ่น" เอ่ยเรียกพร้อมถลึงตามองอย่างเอาเรื่อง" อ๋อ เอ่อ พ่ะย่ะค่ะ ดื่มๆ ท่านลุงดื่ม วันนี้ไม่เมาไม่เลิก"ลี่เซียนที่เห็นสองนายบ่าวกระซิบกระซาบกันก็มองอย่างไม่ค่อยจะไว้ใจนัก จึงเอ่ยขอตัว"นี่ก็ดึกมากแล้วถ้า
การปรากฏกายของบุรุษสูงศักดิ์ทำให้เกิดความเงียบขึ้นจนแม้แต่เข็มตกสักเล่มคงจะได้ยิน ลี่เซียนที่เห็นบุรุษตรงหน้าถึงกับยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองคิดว่านางจะเมาสุราของท่านลุงฉีจนตาฝาดมองเห็นบุรุษที่ทำให้นางนอนไม่ค่อยจะหลับทั้งคืนมาอยู่ตรงหน้า แต่เสียงดุๆ ที่ดังขึ้นกับเสียงคุกเข่าของทุกคนที่ค้อมลงทำให้รู้ว่านางไม่ได้ตาฝาด"เปิ่นหวางแค่มาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับซีเอ๋อว่าจะมาร่วมยินดี ก่อนจะออกเดินทาง เจ้าอย่าได้เข้าใจผิดว่าเปิ่นหวางมายุ่งวุ่นวาย"พูดกับสตรีตรงหน้าที่มองพระองค์หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างเย็นชา ไม่ต้องแสดงอาการรังเกียจพระองค์ออกหน้าออกตาขนาดนั้นก็ได้ ทรงรู้อยู่แล้วว่าไม่อยากต้อนรับ ก่อนจะบอกให้ทุกคนทำตัวตามสบาย โดยไม่คิดจะหันไปมองสตรีที่ทำให้พระองค์ใจเต้นแรงตั้งแต่เห็นใบหน้างามนั้นแดงก่ำ ตาหวานเยิ้มเย้ายวนคงเป็นเพราะฤทธิ์สุราที่วางเรียงรายอยู่กระมัง ท่านลุงฉีและทุกคนเมื่อหายตกตะลึงเห็นว่าบุรุษสูงศักดิ์ที่พวกตนเทิดทูนและชื่นชมมายืนอยู่ตรงหน้าก็ปลาบปลื้มนักและพระองค์ก็มิได้ถือตนว่าสูงศักดิ์แต่กลับให้ความเป็นกันเองจึงได้คลายอาการเกร็งลงรีบกุลีกุจอเชื้อเชิญพระองค์แทบจะอุ้มเลยก็ว่าได้ ส่วนเสี่
ลี่เซียนที่นำของทุกอย่างที่เก็บเอาไว้อย่างดีไม่ว่าจะเป็นหยกพกสีแดงเลือด เครื่องประดับที่อยู่ในกล่องไม้ราคาแพงลวดลายบนกล่องใบนี้ล้วนฝังด้วยทองคำและอัญมณี นางคิดว่าราคากล่องคงจะแพงพอๆ กับราคาเครื่องประดับด้านในกระมัง เครื่องประดับที่ว่าคือเครื่องประดับที่ทำจากทองคำและอัญมณีเข้าชุดกันไม่ว่าจะเป็นปิ่นปักผม สร้อยคอ กำไล แหวนล้วนลวดลายเดียวกัน เอ่อ และแหวนหยกอีกวงที่นางขอยืมไปจำนำไว้แต่ตอนนี้ก็ไถ่ถอนมาคืนแล้ว ก็ตอนที่ก่อตั้งร้านต้องใช้เงินจำนวนมาก จึงต้องขอหยิบยืมก่อน บนเครื่องประดับทุกชิ้นล้วนมีอักษรคำว่า"อัน" สลักอยู่คงจะเป็นแซ่ของเจ้าของและผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่ตอนนี้กลายเป็นสีหม่นเพราะเก็บไว้นาน แต่ตัวอักษรที่ปักตรงมุมผ้ายังคงชัดเจน ฉางชุน นางได้เข้าไปพัวพันกับเรื่องคอขาดบาดตายอย่างไม่ต้องสงสัย นั่งมองสิ่งของเหล่านี้อยู่เป็นชั่วยามแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะมีหลักฐานอะไรซ่อนอยู่จะเอาออกไปถามใครก็ไม่ได้ จึงตัดสินใจเก็บซ่อนทุกอย่างไว้ตามเดิม พรุ่งนี้จะเป็นวันคล้ายวันเกิดของเสี่ยวซีที่นางตั้งขึ้นเอง เพราะนางเจอเสี่ยวซีในวันนี้เมื่อสองปีก่อน จึงได้ให้วันนี้เป็นวันเกิดของเสี่ยวซีและนางจะได้ทำบุญให้มารด
ลี่เซียนรู้สึกตัวตื่นด้วยความรู้สึกมึนๆ หลับตาลงอีกครั้งแล้วภาพก่อนที่สติจะดับวูบไปนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว จึงรีบผุดลุกขึ้นจนรู้สึกปวดศีรษะจนเผลอร้องออกมา"โอ้ย"เสียงของสตรีที่ดังขึ้นทำให้ดรุณีน้อยที่กำลังถือถ้วยยาเข้ามารีบวางยาลงบนโต๊ะบนหัวเตียงแล้วเข้ามาช่วยพยุงร่างบาง"ค่อยๆ เจ้าค่ะ"เมื่อเห็นว่านางนั่งในท่าที่สบายขึ้น แม่นางน้อยผู้นั้นจึงนำยามาส่งให้นาง "ดื่มยาก่อนนะเจ้าคะ จะได้รู้สึกดีขึ้น"ลี่เซียนที่รับยามาดื่มอย่างว่าง่าย แล้วยื่นถ้วยยาส่งคืน แล้วเอ่ยถามขึ้น "เกิดอะไรขึ้น แล้วที่นี่ที่ไหน"แม่นางน้อยหน้าตาน่าเอ็นดูนำถ้วยยาวางลงในถาดแล้วรินน้ำชาส่งให้นาง ก่อนจะพูดขึ้น "ท่านเป็นลมเจ้าค่ะ ท่านหมอบอกว่าเกิดจากการที่ท่านเครียดมากเกินไปบวกกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวจึงทำให้หมดสติ ท่านอ๋องสามได้ช่วยเอาไว้ แล้วพาท่านมาที่นี่ ตำหนักหยกขาวแห่งนี้เจ้าค่ะ"ตำหนักหยกขาว ตำหนักที่สร้างไว้สำหรับเชื้อพระวงศ์ที่ต้องการมาพำนักนอกวัง ตำหนักที่นางเคยเห็นแต่กำแพงสูงแต่มิเคยเห็นแม้แต่หลังคาของตำหนักน่ะหรือ แต่เดี๋ยวก่อนใครช่วยนางไว้นะ "เจ้าว่าผู้ใดช่วยข้าไว้นะ"ลี่เซียนรีบเอ่ยถามเพื่อยืนยันอีกทีว่านางไ
วันนี้ในตลาดคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจนลี่เซียนที่เดินทางมายังร้านของนางบ่นมาตลอดทางว่าเหตุใดวันนี้คนถึงได้มาเดินตลาดกันเยอะนัก ดีนะที่ไม่ได้พาเสี่ยวซีของนางติดตามมาด้วย ไม่อย่างนั้นคงได้พลัดหลงกันแน่ จนท่านลุงฉีที่เห็นนายหญิงของตนยกมือเล็กขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมบนหน้าผากมนรีบยกน้ำชาชั้นดีมาให้ดับกระหายพร้อมขยายความถึงบรรดาผู้คนที่หลั่งไหลกันมาจนต้องเดินอย่างเบียดเสียดตั้งแต่เช้า"นายหญิงคงจะยังไม่รู้ว่าวันนี้กองทัพของท่านอ๋องสามจะเดินทางผ่านเมืองฉางอันเข้าสู่เมืองหลวง ผู้คนจึงได้รีบมาจับจองพื้นที่เพื่อรอรับเสด็จ บรรดาคุณหนูจวนใหญ่ๆ ทั้งหลายแต่งกายงดงามมารอกันตั้งแต่ย่ำรุ่งเลยนะขอรับ เผื่อบุญพาวาสนาหนุนนำให้ไปถูกตาต้องใจท่านอ๋องสามได้แต่งเข้าจวนอ๋องใครจะไปรู้" " อ๋องสาม ไม่ใช่มั้ง"ลี่เซียนที่ใจคิดไปถึงบุรุษที่หายหน้าหายตาไปตั้งแต่วันนั้นรีบสะบัดศีรษะไล่ความคิดไม่เข้าท่าของตนเสียงแผ่วเบาที่ดังจากปากเล็กทำให้ท่านลุงฉีรีบขยายความ" ท่านอ๋องสามมู่เหยียนหรงแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเหลียวขอรับ"ลี่เซียนพยักหน้ารับแล้วยกน้ำชาขึ้นจิบ ท่านลุงฉีที่เห็นสายตาของนายหญิงของตนมองไปยังฝั่งหน้าถนนจึงคิดว่านายหญิงคง
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารวันนี้ได้ยินเสียงพูดคุยของสหายต่างวัยที่รู้สึกจะคุยกันถูกคอ และดูท่าเสี่ยวซีน้อยจะชอบพอบุรุษผู้เป็นสหายเป็นอย่างมาก จนลี่เซียนต้องจำใจปล่อยเลยตามเลยไปก่อน ไม่รู้ว่าบุรุษผู้นี้ใช้เล่ห์กลใดกับบุตรนางถึงทำให้ซีเอ๋อไว้เนื้อเชื่อใจถึงขนาดให้ความเป็นกันเองขนาดนี้ แถมบุรุษหน้าไม่อายผู้นี้ยังทำตัวสบายๆ เหมือนบ้านตนเองจนน่าหมั่นไส้"บรรยากาศแบบนี้ดูคุ้นๆ นะ เจ้าว่าหรือไม่" ใบหน้างามที่มองมายังบุรุษที่กระซิบกระซาบแล้วมองหน้านางยิ้มๆ คิดว่าเขาจะมาอารมณ์ไหนอีกอยู่ๆ ก็กล่าวขึ้น"เหมือนพ่อ แม่ ลูก อย่างไรอย่างนั้น" ลี่เซียนที่ตวัดตามองบุรุษตรงหน้าใบหน้างามพลันแดงระเรื่อ "นี่ท่าน เหอะ รีบกินแล้วรีบกลับไปได้แล้ว" "ที่เรือนนี้เขาไล่แขกกันอย่างนี้หรือ"" มีแค่ท่านคนเดียว"" ข้าคนเดียวที่มาเป็นแขก" "ท่านคนเดียวที่ข้าไล่" หึหึเสี่ยวซีที่นั่งมองผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่จ้องตากันไปจ้องตากันมาอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก ได้แต่กินอาหารบนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อยเพราะของชอบของนางทั้งนั้นลี่เซียนที่หลับตาลงแล้วตั้งสติ นางต้องคุยกับบุรุษผู้นี้ให้รู้เรื่องว่าเข้ามาตีสนิทกับบุตรของนางทำไมกันและมีจุดประ
"ท่านแม่เจ้าขา" เสียงเล็กที่ดังขึ้นอย่างออดอ้อนในขณะที่มือบอบบางของลี่เซียนกำลังสาละวนกับการทำซี่โครงหมูตุ๋นให้ร่างเล็กเป็นมื้อเย็นของวันนี้"หืม ว่าอย่างไรจ๊ะคนเก่ง" ปากกระจับสีชมพูระเรื่อที่ขานรับโดยไม่มองใบหน้าเล็กที่กำลังส่งสายตากับบ่าวคนสนิทอย่างมีเลศนัย "ท่านแม่เจ้าขา หากมีคนมารับสำรับเย็นนี้ด้วยจะได้หรือไม่เจ้าคะ"มือบางที่ปิดฝาหม้อหมูตุ๋นแล้วหันมามองใบหน้าจิ้มลิ้มและดวงตากลมโตใสแจ๋วที่มองมายังนางอย่างรอคอยคำตอบ"ใครหรือจ๊ะ""สหายของลูกเองเจ้าค่ะ"เห็นมารดาทำท่าครุ่นคิดจึงรีบเอ่ยเสียงใส" สหายของลูกกล่าวไว้ว่า หากเป็นสหายกันแล้วการจะมาเยี่ยมเยือนสหายถึงเรือนมิใช่เรื่องแปลก หากแต่เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจและจริงใจของตนต่อสหายที่คบหาและการมาทำความรู้จักกับผู้ใหญ่คือการให้เกียรติเจ้าค่ะ" อืม ความคิดเข้าท่าช่างเป็นเด็กมีความคิดน่าคบหา ใช้ได้มองเด็กน้อยตรงหน้าแล้วยกยิ้มหวานขึ้นก่อนจะเอ่ยอนุญาต"เอาสิจ๊ะ" "เย้ ท่านแม่ใจดีที่สุดเลย" มือบางจึงยกขึ้นยีผมคนตัวเล็กอย่างมันเขี้ยว มิใช่ว่าแม่หนูน้อยชวนเพื่อนมาก่อนจะมาขออนุญาตนางหรอกหรือวันนี้จึงมาออดอ้อนให้นางทำซี่โครงหมูตุ๋นของชอบข
ร่างเล็กบอบบางในชุดสีเหลืองอ่อนที่ชุ่มโชกไปด้วยโลหิตสีแดงฉานอาบย้อมจนชุดนั้นกลายเป็นสีแดงบ่าบอบบางที่มีธนูดอกหนึ่งปักคาอยู่เป็นสาเหตุของเลือดที่หลั่งไหลออกมามากมาย แม้จะกำลังเจ็บปวดจากบาดแผลเป็นอย่างมากแต่ร่างบางนั้นก็ยังคงกัดฟันทนข่มกลั้นความเจ็บปวดสาวเท้าบอบบางที่ไร้รองเท้าย่ำเท้าเปล่าเปลือยไปให้ไกลที่สุด ดวงตาฉ่ำน้ำก้มลงมองเด็กน้อยในอ้อมแขนวัยหนึ่งขวบที่หลับตาพริ้มด้วยฤทธิ์ของยานอนหลับชนิดอ่อนอย่างยากจะอธิบายความรู้สึก ในขณะที่ฝีเท้านั้นเริ่มหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆ ก้าวช้าลงช้าลงแล้วทรุดตัวลงในที่สุดเพราะแผลบนบ่าบอบบางนั้นตอนนี้กลายเป็นสีม่วงอมดำ ลูกธนูนี้อาบยาพิษ นางคงมีชีวิตอยู่อีกไม่นานก้มลงฝังจมูกโด่งสวยลงบนหน้าผากเล็ก และแก้มทั้งสองข้างอย่างแสนรัก แม่คนนี้ไร้วาสนาคงไม่สามารถอยู่อุ้มชูเจ้าได้อีกแล้วลูกรัก พลันน้ำตาไหลลงอาบแก้ม ได้ยินเสียงสวบสาบจึงกัดฟันทนพาร่างกายที่บอบช้ำหนักหลบไปหลังโขดหินริมลำธารในป่าที่นางหลบหนีเข้ามา สายตาที่พร่ามัวลงเรื่อยๆ เห็นเพียงสตรีแต่งกายด้วยชุดขาวที่ตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำแล้วมานอนแผ่หลาอยู่บนฝั่งอย่างสิ้นเรี่ยวแรง จึงกัดฟันทนส่งเสียงเรียกขึ้นไม่ย...
Comments