หลี่เฟยหย่าเกิดใหม่ในครอบครัวนายทหารยุค 60 ก่อนคลอดท่านเทพที่ดูแลเธอตอนเป็นวิญญาณทารกอุ้มเธอไปยัดใส่อกคุณแม่และรีบจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำว่าได้มอบมิติสุดมหัศจรรย์และภูเขาน้ำตกมรกตสารพัดประโยชน์ พร้อมผู้ช่วยแสนฉลาดอีกหนึ่งตัวไว้ให้
View More11. บทที่ 11 ฉลองครบเดือนของเจ้าตัวน้อยเด็กๆ มักโตเร็วเสมอ นี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วหลังจากที่หลี่เฟยหย่า เจ้าตัวน้อยดวงใจของครอบครัวตระกูลหลี่เกิดมาคุณย่าจางรีบตื่นแต่เช้ามืด เพื่อเตรียมพิธีฉลองครบเดือนให้หลานสาวตัวน้อยของเธอ อยู่ในห้องโถงใหญ่กลางบ้าน ที่จะเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงเธอสั่งให้แม่บ้านเตรียมขิงดอง และต้มไข่ไก่ย้อมแดงหนึ่งร้อยสิบสามฟอง คุณย่าจางสั่งให้ต้มไข่ไก่เยอะราวกับจะแจกให้ครบทุกคน ในย่านที่พักอาศัยพิเศษนี้เลยทีเดียวที่ต้องเตรียมสองอย่างนี้ก็มีเหตุผล ตามความเชื่อแล้ว ไข่ หมายถึงความอุดมสมบูรณ์และมีอายุยืนยาว สีแดงหมายถึงโชคดี รูปทรงกลมของไข่หมายถึงความสุขสมบูรณ์และการมอบไข่ย้อมแดงให้แขกด้วยเลขคี่ เป็นการบอกกลายๆ ว่าเด็กที่คลอดเป็นเด็กผู้หญิงส่วนขิงดอง ด้วยความเชื่อที่ว่า จะทำให้ร่างกายผู้เป็นแม่คืนสู่สมดุลหลังการคลอดบุตรคุณย่าจางแค่อยากจะอวดหลานสาวที่น่ารัก ให้คนอื่นรู้เท่านั้นเอง แต่ก็ไม่ได้จะเอาไปให้ทุกคนจริงอย่างที่อยากทำเพียงแค่จะแจกแค่บ้านที่รู้จักกัน ที่อยู่ติดกับบ้านตระกูลหลี่ซ้ายขวาด้านละสองหลังนี่ และหน้าบ้านที่อยู่อีกฟากฝั่งถนนอีกสี่หลังส่วนแขกที่เชิ
บทที่ 9 เรื่องน่ายินดีของครอบครัว ซ่งผู่เย่วที่เห็นลูกสาวตัวน้อยตื่นมาแล้วก็คึกคัก อารมณ์ดีไม่มีร้องไห้งอแง เธอจึงยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ก่อนจะก้มลงหอมแก้มป่องๆ ของเจ้าเด็กรู้ความไปฟอด ใหญ่ “ตื่นมาก็อารมณ์ดีเชียวนะเจ้าตัวน้อย กินนมก่อนจะได้มีแรงเล่นกับคุณพ่อตอนเขากลับบ้านนะคะ” หลี่เฟยหย่ากินนมของคุณแม่เพื่อไม่ให้เธอเป็นห่วง แม้จะไม่รู้สึกหิวจากการกินน้ำมรกตในมิติไปแล้วก็ตาม เธออยากจะเล่าเรื่องมิติของเธอให้คุณพ่อคุณแม่ และทุกคนในครอบครัวฟังจริงๆ และจะไม่มีใครทำอันตรายเธอได้แน่นอน เพราะเธอไม่ได้แค่สำรวจมิติอย่างเดียว เวลาสามชั่วโมงในนั้นระหว่างที่เธอสำรวจมิติ มีเสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าเฟยเฟยพูดจ้อไม่หยุดอยู่ตลอด เล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ ได้พูดเสริมขึ้นมาว่าน้ำตกมรกตนั่น ถ้าอยากให้ใครภักดีและไม่คิดร้ายกับเธอ ต้องเอาดอกกล้วยไม้ที่รังของมันไปแช่ในน้ำตกมรกตก่อนให้คนอื่นดื่ม เจ้าตัวน้อยเสียดายมากอยากให้คนในครอบครัวใช้ของดีๆ จากห้างสรรพสินค้าของเธอ และพาพี่ชายฝาแฝดไปล่องเรือเล่นจริงๆ เธอสามารถพาคนอื่นเข้าไปในมิติได้ เมื่อทุกคนกินน้ำตกม
บทที่ 8 เฟยเฟยพาสำรวจมิติ ติ๊ง! เมื่อลิฟต์ถึงชั้นสามแล้ว หลี่เฟยหย่าจึงก้าวเดินออกไปสำรวจสิ่งดีๆ ที่รอเธออยู่ทันที ตามที่เจ้าเฟยเฟยบอกอย่างมุ่งมั่น โดยมีเจ้านกน้อยบินนำทางเธอไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่ง ตรงหน้าเธอตอนนี้คือประตูไม้บานใหญ่ มีลูกบิดประตูอยู่ในระดับที่เด็กวัยสองขวบเปิดไม่ได้แน่นอน เด็กหญิงตัวน้อยจึงทำหน้ามุ่ยมองประตูตรงหน้าอย่างขัดใจ “เจ้านายเอามือแตะบานประตูได้เลย มันจะเปิดให้เองครับ” เฟยเฟยรีบบอกเจ้านายตัวน้อยของมัน เมื่อเห็นหน้ายุ่งๆ ของเธอ เจ้าตัวน้อยก็ทำตามที่เฟยเฟยบอกอย่างไม่รอช้าทันที ประตูตรงหน้าค่อยๆ เปิดออก เธอจึงมองสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง นี่มันห้างสรรพสินค้ากิจการของครอบครัวเธอ ที่เธอรู้ว่านี่คือห้างสรรพสินค้าของครอบครัว เพราะว่าประตูที่เปิดออกมันไม่ได้พาเข้าไปในห้างทันที มันอยู่ที่หน้าทางเข้าที่มีป้ายชื่อตัวอักษรใหญ่ๆ ติดอยู่ตรงตัวตึกตรงหน้าเธอ “ว้าว!! นี่มันสุดยอดมากเฟยเฟย ท่านเทพดีที่สุด! เรารีบเข้าไปดูข้างในกันเถอะ ฉันอยากรู้เร็วๆ แล้วว่าห้องต่อไปมันคืออะไร ” ค
บทที่ 7 เจ้านกน้อยเฟยเฟย หลังจากเจ้าตัวน้อยหายเหนื่อย และอิ่มท้องแล้วเธอจึงมีสติกลับมาสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวอีกครั้ง เด็กน้อยหันมองธรรมชาติรอบตัวอย่างสนใจเมื่อได้ยินเสียงนกร้อง ราวกับจะขับขานบทเพลงไพเราะให้เธอฟังอยู่เต็มไปหมด มันมีหลายเสียงมาก ร้องซ้อนๆ กันราวกับมีนกเป็นสิบๆ ตัวกระจายตัวอยู่รอบตัวเธอขับขานบทเพลงให้เธอฟัง ฟังดูเหมือนเสียงร้องเยอะเกินไปแต่มันไม่ได้น่ารำคาญเลยมันตรงกันข้ามเลยละ เธอชอบมันมากจนอยากเห็นว่ามันคือนกพันธุ์อะไร คิดได้อย่างนั้นแล้วก็ลุกขึ้นจากพื้น และเดินตามเสียงตรงในทิศทางที่เธอได้ยินเสียงนกชัดที่สุดทันที สำรวจพื้นที่เอาไว้ก่อนแล้วกัน ตอนนี้เธออยากเห็นนกชนิดนี้มากกว่า เพราะรู้สึกชอบมันมากจนเธอเองยังแปลกใจ เด็กหญิงตัวน้อยเดินตามเสียงนกไปด้วยขาสั้นๆ ของเธอ เดินอ้อมโขดหินก้อนใหญ่ที่อยู่ริมธารน้ำตกไป หลังโขดหินนั่นมีต้นไม้สองต้น ขึ้นคู่กันอยู่ขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก ตรงลำต้นของพวกมันมีกล้วยไม้ป่าหยั่งรากของมันเกาะเปลือกไม้ตามลำต้น ขึ้นตั้งแต่โคนต้นไปจนถึงกิ่งไม้ใหญ่ มันมีอยู่หลายเถามาก แต่ไม่ได้ดูรก เพราะแต่ละเถามีแต่พวงดอก
บทที่ 6 เริ่มสำรวจมิติ "แกพูดจริงใช่ไหมหวังเหว่ย! ดีจริงๆ แกจะได้พาครอบครัวกลับมาปักกิ่งสักที เฮ้อ" หลี่เฟยเทียนถึงจะถามย้ำสหายไปให้มั่นใจอย่างนั้น แต่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความยินดีกับสหาย และโล่งใจที่ครอบครัวซ่งจะได้กลับมาซะที "ฉันพูดเรื่องจริงสิตาแก่หลี่ ฉันถึงบอกแกยังไงล่ะ ว่าวันนี้เป็นวันที่ดีจริงๆ ฮ่า ๆๆ!! " ท่านพลเรือเอกพิเศษพูดเสร็จก็หัวเราะออกมาเสียงดังราวฟ้าผ่า ทะลุประตูห้องทำงานส่วนตัว ออกไปจนลูกน้องใต้บังคับบัญชาของเขายังได้ยินอย่างชัดเจน คุณตาซ่งของหลานๆ เอนกายพิงพนักเก้าอี้ พลางยกมือแกร่งใช้ปลายนิ้วเรียว เช็ดน้ำตาตรงหางตา ที่มันไหลออกมาจากการหัวเราะอย่างอารมณ์ดี วันนี้เขาไม่สามารถวางมาดให้ใครดูได้อีกแล้ว ขอสักวันแล้วกัน ลูกน้องยังเคารพเขาเหมือนเดิมนั่นละ คุณตาซ่งคิดเข้าข้างตัวเองแบบคิดเองเออเอง และพยักหน้าพอใจกับความคิดนี้ของตนอีกด้วย… ต้องรู้ก่อนว่าการลงใต้ไปสร้างผลงานที่นั่น ถือเป็นโอกาสที่ดีมาก และไม่ใช่ใครก็ได้ ที่จะได้ย้ายลงใต้เพื่อไปสร้างผลงาน คนหนุ่มเก่งๆ ที่มองหาโอกาสเติบโต จะมองเห็นว่ากว่างโจวเหมาะสม
บทที่ 5 คุณตาซ่งสหายจอมเพี้ยนของคุณปู่หลี่ หลี่เฟยหรงออกมาจากห้อง และตามทุกคนไปนั่งรอป้าฉางตั้งโต๊ะที่ห้องอาหาร เพื่อจัดการอาหารกลางวันให้เรียบร้อย เขาจะได้กลับไปทำงานต่อที่ลาบ่อยๆ ไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้เขาพยายามเร่งทำผลงานและรับทำภารกิจเสี่ยง เพื่อต้องการเลื่อนตำแหน่ง จากพลเอกเป็นพลเอกพิเศษ หลี่เฟยหรงต้องรีบขนาดนี้เป็นเพราะเขาโดนบีบบังคับให้รับภารกิจเสี่ยงตายบ่อยๆ จากผู้นำตำแหน่งสูงที่อยู่คนละฝ่ายกับพ่อเขา หลี่เฟยเทียนที่อยู่ยศสูงที่สุดแล้วตอนนี้ ก็ยังไม่สามารถช่วยลูกชายได้มากนัก เพราะอีกฝั่งมีพรรคพวกอยู่เยอะหูตาไวจนน่ารังเกียจ เขาจึงออกหน้ามากไม่ได้เดี๋ยวจะพลอยพากันล้มทั้งหมด พวกคนตระกูลหลิว ที่คอยตามขัดแข้งขัดขาคนตระกูลหลี่มานาน เมื่อสมัยก่อนไม่สามารถทำอะไรคนตระกูลหลี่ได้มากนัก แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เพราะความอยากเอาชนะของคนตระกูลหลิว มีมากจนน่าแปลกใจพวกมันทำตัวน่าเอือมระอา พยายามผูกความสัมพันธ์ส่งลูกหลานในตระกูลไปแต่งงานกับคนมีอำนาจ เพื่อแตกหน่อลูกหลานออกไป นี่จึงเป็นเหตุผลที่คุณพ่อของเขาออกหน้ามากไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่า แม้ตำแห
บทที่ 4 หลี่เฟยหย่า ที่แปลว่า โบยบินอย่างสง่างาม คุณย่าจางไม่ได้สนใจการส่งสายตามองกันของสองพ่อลูกนัก จึงเอ่ยชื่อหลานสาวที่เธอและสามีตั้งใจเตรียมไว้ออกมา โดยไม่ได้มีความหมายของโชคลาภวาสนาเงินทองแต่อย่างใด สิ่งเหล่านี้ตระกูลเธอมีจนมากเกินพอแล้ว หวังเพียงแค่หลานสาวที่รักจะเติบโตขึ้นมาอย่างงดงาม และมีความสุขที่สุดเพียงเท่านั้น “ดี! ถ้าอย่างนั้นให้หลานน้อย ชื่อ เฟยหย่า หลี่เฟยหย่า หลานย่าจะได้เติบโตมาอย่างสง่างามเพียบพร้อม สมกับเกิดมาเป็นคนในตระกูลหลี่ เป็นนางฟ้าตัวน้อยแสนสวยของบ้านเรา” เมื่อหลี่เฟยหรงและซ่งผู่เย่วได้ยินชื่อของลูกสาว ก็ยอมรับชื่อนี้ด้วยความยินดีไม่ได้แย้งขึ้นมาแต่อย่างใด ชื่อนี้ความหมายดีมากเช่นกัน เฟยหย่า โบยบินอย่างสง่างามอย่างนั้นเหรอ พ่อกับแม่เลือกชื่อได้ถูกใจจนพอทำใจยอมรับได้ เจ้าตัวน้อยจะได้เติบโตขึ้นมาอย่างสง่างาม เหมือนอย่างที่คุณแม่พูดไว้ แม้จะเสียดายอยู่นิดหน่อยที่ไม่ได้ตั้งชื่อให้ลูกเอง “แอ๊! อ้า อ้า….” ทารกน้อยตัวกลมเมื่อได้ยินชื่อ ที่คุณย่าจางตั้งให้ก็ดีดแขนดีดขาไปมาอย่างคึกคักด้วยความยินดี ส่งเสียงร้องอ้อแอ้
บทที่ 3 คุณย่าจะตั้งชื่อให้เจ้าตัวน้อยเอง หลี่เฟยหรงที่โดนแย่งลูกสาว ได้แต่ยืนมองลูกชายทั้งสองทักท้วงคนแก่ทั้งสองของบ้านอยู่เงียบๆ พอเห็นว่าคุณย่าจางยอมนั่งลงพร้อมกับปู่หลี่แล้ว เขาจึงได้ถือโอกาสนี้เดินไปข้างด้านเก้าอี้ ที่ทั้งสองนั่งเพื่อดูหน้าลูกสาวโดยไม่ต้องพูดอะไร ให้ขัดใจคุณย่าจางตอนกำลังเห่อหลาน จนโดนมองแรงใส่เหมือนลูกชายคนเล็กอีก คุณพ่อลูกสามหมาดๆ กับลูกชายคนโตของเขา ช่างเจ้าเล่ห์เหมือนกันจริงๆ เสี่ยวเจินผู้ซื่อตรงได้แต่ยืนทำตาปริบๆ เมื่อโดนคุณย่าจางมองค้อนใส่ เด็กชายได้แต่คิดสงสัยอยู่ในใจว่าได้ทำอะไรผิดไปรึเปล่า เขาแค่อยากเห็นน้องสาวเท่านั้นเอง “แอ๊ แอ๊….” ทารกน้อยที่ทุกคนต่างแย่งกันเงียบๆ นั้น ตอนนี้โปรยยิ้มหวานพร้อมโบกแขนป้อมชูหมัดน้อยๆ ทักทายพี่ชายฝาแฝดทั้งสองเพื่อส่งความน่ารัก ครั้งแรกที่พบหน้ากันให้สลักลงในใจของพวกเขา “ว้าวว น้องสาวน่ารักมากครับคุณพ่อ” เด็กชายทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน เมื่อเห็นน้องน้อยยิ้มหวานส่งให้พวกเขา เสี่ยวฮุ้ยมองพ่อของเขาก่อนจะยิ้มกว้างให้ ทว่าแววตาเด็กชายกลับฉายแววโอ้อวด อย่างเหนือกว
บทที่ 2 ดวงใจของครอบครัว คุณย่าจางยื่นมือไปรับหลานสาวตัวน้อยมากอดไว้แนบอกอย่างรักใคร่ เมื่อได้ยินว่าลูกสะใภ้ปลอดภัยดีแล้วก็หมดห่วง ทำเมินสายตาสี่คู่ของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ไม่สนใจอะไรอีก นอกจากหลานสาวตัวน้อยของเธอ ส่วนลูกชายหลายชายนั้น แม้จะอยากเข้าไปดูสะใภ้ของเธอแค่ไหนก็ยังเข้าไปไม่ได้ เพราะในห้องยังจัดการไม่เรียบร้อยดีนัก ทุกคนจึงได้เข้ามาห้อมล้อมคุณย่าจาง ขอดูสมาชิกใหม่ของบ้านอย่างตื่นเต้น "ดีๆ ดีจริงๆ! ทั้งสองปลอดภัยก็ดีแล้ว หย่าเออร์ของย่าไหนให้ย่าดูหน้าชัดๆ หน่อยสิคะ" คุณย่าจางพูดออกมาด้วยความสุขจนแทบล้นแสดงออกผ่านน้ำเสียงหวานๆ ที่กล่าวกับเจ้าก้อนซาลาเปานุ่มนิ่มในอ้อมกอด หลานสาวตัวน้อยของเธอมีผิวขาวอมชมพู หน้าตาหลังจากทำความสะอาดหลังคลอดแล้ว ดูน่ารักน่าเอ็นดูที่สุด! สมกับที่มีพ่อแม่หน้าตาดี เป็นที่หมายปองของเหล่าคนหนุ่มสาวในวงสังคมของเมืองหลวงจริงๆ ดวงตากลมโตสีดำขลับ ราวลูกองุ่นของหลานสาวจ้องมองเธออย่างสนใจ ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพูน้อยๆ ยิ้มกว้างโชว์เหงือกสีแดงมาให้อย่างน่ารัก รอยยิ้มนี้ ใบหน้านี้ เหมือนกับในความฝันเมื่อคืนของเธอไม่มีผ
บทนำ ในคฤหาสน์หลังใหญ่ตระกูลหลี่ ปี 1960’s ภายในห้องรับแขกของบ้าน หญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอดทายาทคนที่สามของตระกูล กำลังนอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้โยกตรงริมหน้าต่างบานใหญ่เปิดรับลมที่พัดมาจากสวนสวย พากลิ่นหอมของดอกไม้หายาก ผ่านผ้าม่านผืนสวยเข้ามาพาให้มันปลิวไสวน้อยๆ อย่างน่ามอง บรรยากาศรอบข้างดีมาก จนทำให้หญิงสาวท้องโต ทว่ายังดูสวยงามน่าทะนุถนอม นอนหลับกลางวันได้อย่างเป็นสุข ถัดมาจากหน้าต่างที่เธอนอนอยู่ไม่มากนัก มีเด็กชายสองคนวัยเก้าขวบ นั่งทำการบ้านในช่วงวันหยุด คอยเฝ้ามารดาที่ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที ทั้งสองนั่งอ่านหนังสือเรียน ทำการบ้านกันเงียบๆ อย่างรู้ความ ไม่รบกวนคุณแม่ของพวกเขาตามคำสั่งของคุณพ่อ ที่ได้กำชับไว้ตั้งแต่เช้าก่อนออกไปทำงาน คฤหาสน์หลังนี้มีสมาชิกอยู่หกคน ไม่รวมแม่บ้าน คนสวน คนขับรถของบ้าน ส่วนคุณปู่คุณย่าออกไปทำธุระข้างนอกตั้งแต่เช้า กำลังจะกลับมาอีกไม่นานนี้ แม่บ้านสี่คนต่างแบ่งหน้าที่กัน ทำงานไม่ไกลจากห้อง ที่นายหญิงน้อยของบ้านนอนอยู่ไม่ไกลกันนัก เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินไม่คาดคิดขึ้น คนขับรถที่บ้านมีสองคน หนึ่งคนไปกับท่านจอมพลและนายหญิงใหญ...
Comments