บทที่ 50 ชีวิตคู่ที่ถูกเติมเต็มอย่างสมบูรณ์ จบคำสารภาพรักด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเป็นการยืนยัน พ่อหนุ่มเจ้าน้ำตาที่ก้มหน้าหลุบตาลงมองต่ำดูเศร้าสร้อย พานให้คนมองใจอ่อนยวบแอบชะงักไปหนึ่งจังหวะเล็กๆ ซ่อนสีหน้าดีใจไว้ได้อย่างมิดชิด ถึงได้ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับดวงตากลมโต ที่จ้องมองมาอย่างต้องการยืนยันคำพูดจากใจจริงของเธออย่างน่าเอ็นดู คนพี่เม้มปากข่มใจไม่ให้หลงอ่อนข้อไปกับความน่ารักตรงหน้า เขาเล่นใหญ่สวมบทคนรักจิตใจอ่อนไหวขี้น้อยใจขนาดนี้แล้ว ต้องเอาคนตัวเล็กตรงหน้าให้อยู่หมัด “ถ้าน้องยืนยันอย่างหนักแน่นขนาดนี้พี่ก็เชื่อจนหมดใจแล้วครับ พี่ก็รักหย่าเออร์มากขึ้นในทุกๆ วันเหมือนกัน สัญญาแล้วนะครับ หลังเรียนจบแต่งเลยทันที” “ค่ะ! ไม่ผิดสัญญาแน่ค่ะ” “ครับ… ดีมากครับเด็กน่ารักต้องไม่ผิดสัญญา แต่….” คนเจ้าแผนการเริ่มคิดอยากกลับมาแผลงฤทธิ์อีกครั้งแล้ว “อะ อะไรคะ! ตะ แต่อะไรถามน้องมาให้หมดเลยค่ะ พี่ช่างอยากรู้อะไรน้องจะตอบทุกเรื่องเลย” คนน้องหลงคิดว่าคนพี่จะหมดข้อข้องใจแล้ว เพราะเขาก็บอกรักเธอกลั
บทนำ ในคฤหาสน์หลังใหญ่ตระกูลหลี่ ปี 1960’s ภายในห้องรับแขกของบ้าน หญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอดทายาทคนที่สามของตระกูล กำลังนอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้โยกตรงริมหน้าต่างบานใหญ่เปิดรับลมที่พัดมาจากสวนสวย พากลิ่นหอมของดอกไม้หายาก ผ่านผ้าม่านผืนสวยเข้ามาพาให้มันปลิวไสวน้อยๆ อย่างน่ามอง บรรยากาศรอบข้างดีมาก จนทำให้หญิงสาวท้องโต ทว่ายังดูสวยงามน่าทะนุถนอม นอนหลับกลางวันได้อย่างเป็นสุข ถัดมาจากหน้าต่างที่เธอนอนอยู่ไม่มากนัก มีเด็กชายสองคนวัยเก้าขวบ นั่งทำการบ้านในช่วงวันหยุด คอยเฝ้ามารดาที่ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที ทั้งสองนั่งอ่านหนังสือเรียน ทำการบ้านกันเงียบๆ อย่างรู้ความ ไม่รบกวนคุณแม่ของพวกเขาตามคำสั่งของคุณพ่อ ที่ได้กำชับไว้ตั้งแต่เช้าก่อนออกไปทำงาน คฤหาสน์หลังนี้มีสมาชิกอยู่หกคน ไม่รวมแม่บ้าน คนสวน คนขับรถของบ้าน ส่วนคุณปู่คุณย่าออกไปทำธุระข้างนอกตั้งแต่เช้า กำลังจะกลับมาอีกไม่นานนี้ แม่บ้านสี่คนต่างแบ่งหน้าที่กัน ทำงานไม่ไกลจากห้อง ที่นายหญิงน้อยของบ้านนอนอยู่ไม่ไกลกันนัก เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินไม่คาดคิดขึ้น คนขับรถที่บ้านมีสองคน หนึ่งคนไปกับท่านจอมพลและนายหญิงใหญ
บทที่ 1 สมาชิกใหม่ของครอบครัว พอคุณย่าจางเข้ามาในห้องรับแขก เห็นลูกสะใภ้ของเธอนอนอยู่บนเก้าอี้โยกริมหน้าต่าง สีหน้าดูเจ็บปวด แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงกรีดร้องแต่อย่างใด หล่อนจึงรีบเดินเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง ในบ้านไม่มีผู้ชายตัวใหญ่พอ ที่จะอุ้มสะใภ้ของเธอเข้าห้องคลอดได้เลย มีแต่แม่บ้านหญิงวัยกลางคน ส่วนคนขับรถกับคนสวนก็ไม่กล้าเข้ามาด้านใน เพราะเห็นว่าสะใภ้คนเดียวของบ้านจะคลอดแล้ว “คุณหมอเสิ่น เยว่เออร์พร้อมคลอดหรือยังคะ” คุณย่าจางถามขึ้น เมื่อเห็นคุณหมอเสิ่นตรวจครรภ์ และจับชีพจรซ่งผู่เย่วเสร็จแล้ว “ รอให้น้ำคร่ำแตก และช่องคลอดเปิดด้วยค่ะ ต้องรีบย้ายเธอเข้าห้องคลอด ตอนที่ยังทันน้ำคร่ำไม่แตกนะคะ อาการเจ็บท้องถี่ๆ พร้อมคลอดแบบนี้จะเจ็บมาก ” คุณย่าจางเห็นว่าตอนนี้น้ำคร่ำยังไม่แตก จึงรีบหันมาบอกคุณปู่หลี่ที่เดินตามมาพร้อมกันด้วยความร้อนใจ “คุณคะรีบอุ้มเย่วเออร์ไปห้องทำคลอดเถอะค่ะ ลูกเจ็บท้องจนขยับตัวไปเองไม่ได้แล้วละ” คนเก่าคนแก่เชื่อว่าห้ามผู้ชายถูกน้ำคร่ำ หรือเลือดจากผู้หญิงที่คลอดบุตร เนื่องจา
บทที่ 2 ดวงใจของครอบครัว คุณย่าจางยื่นมือไปรับหลานสาวตัวน้อยมากอดไว้แนบอกอย่างรักใคร่ เมื่อได้ยินว่าลูกสะใภ้ปลอดภัยดีแล้วก็หมดห่วง ทำเมินสายตาสี่คู่ของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ไม่สนใจอะไรอีก นอกจากหลานสาวตัวน้อยของเธอ ส่วนลูกชายหลายชายนั้น แม้จะอยากเข้าไปดูสะใภ้ของเธอแค่ไหนก็ยังเข้าไปไม่ได้ เพราะในห้องยังจัดการไม่เรียบร้อยดีนัก ทุกคนจึงได้เข้ามาห้อมล้อมคุณย่าจาง ขอดูสมาชิกใหม่ของบ้านอย่างตื่นเต้น "ดีๆ ดีจริงๆ! ทั้งสองปลอดภัยก็ดีแล้ว หย่าเออร์ของย่าไหนให้ย่าดูหน้าชัดๆ หน่อยสิคะ" คุณย่าจางพูดออกมาด้วยความสุขจนแทบล้นแสดงออกผ่านน้ำเสียงหวานๆ ที่กล่าวกับเจ้าก้อนซาลาเปานุ่มนิ่มในอ้อมกอด หลานสาวตัวน้อยของเธอมีผิวขาวอมชมพู หน้าตาหลังจากทำความสะอาดหลังคลอดแล้ว ดูน่ารักน่าเอ็นดูที่สุด! สมกับที่มีพ่อแม่หน้าตาดี เป็นที่หมายปองของเหล่าคนหนุ่มสาวในวงสังคมของเมืองหลวงจริงๆ ดวงตากลมโตสีดำขลับ ราวลูกองุ่นของหลานสาวจ้องมองเธออย่างสนใจ ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพูน้อยๆ ยิ้มกว้างโชว์เหงือกสีแดงมาให้อย่างน่ารัก รอยยิ้มนี้ ใบหน้านี้ เหมือนกับในความฝันเมื่อคืนของเธอไม่มีผ
บทที่ 3 คุณย่าจะตั้งชื่อให้เจ้าตัวน้อยเอง หลี่เฟยหรงที่โดนแย่งลูกสาว ได้แต่ยืนมองลูกชายทั้งสองทักท้วงคนแก่ทั้งสองของบ้านอยู่เงียบๆ พอเห็นว่าคุณย่าจางยอมนั่งลงพร้อมกับปู่หลี่แล้ว เขาจึงได้ถือโอกาสนี้เดินไปข้างด้านเก้าอี้ ที่ทั้งสองนั่งเพื่อดูหน้าลูกสาวโดยไม่ต้องพูดอะไร ให้ขัดใจคุณย่าจางตอนกำลังเห่อหลาน จนโดนมองแรงใส่เหมือนลูกชายคนเล็กอีก คุณพ่อลูกสามหมาดๆ กับลูกชายคนโตของเขา ช่างเจ้าเล่ห์เหมือนกันจริงๆ เสี่ยวเจินผู้ซื่อตรงได้แต่ยืนทำตาปริบๆ เมื่อโดนคุณย่าจางมองค้อนใส่ เด็กชายได้แต่คิดสงสัยอยู่ในใจว่าได้ทำอะไรผิดไปรึเปล่า เขาแค่อยากเห็นน้องสาวเท่านั้นเอง “แอ๊ แอ๊….” ทารกน้อยที่ทุกคนต่างแย่งกันเงียบๆ นั้น ตอนนี้โปรยยิ้มหวานพร้อมโบกแขนป้อมชูหมัดน้อยๆ ทักทายพี่ชายฝาแฝดทั้งสองเพื่อส่งความน่ารัก ครั้งแรกที่พบหน้ากันให้สลักลงในใจของพวกเขา “ว้าวว น้องสาวน่ารักมากครับคุณพ่อ” เด็กชายทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน เมื่อเห็นน้องน้อยยิ้มหวานส่งให้พวกเขา เสี่ยวฮุ้ยมองพ่อของเขาก่อนจะยิ้มกว้างให้ ทว่าแววตาเด็กชายกลับฉายแววโอ้อวด อย่างเหนือกว
บทที่ 4 หลี่เฟยหย่า ที่แปลว่า โบยบินอย่างสง่างาม คุณย่าจางไม่ได้สนใจการส่งสายตามองกันของสองพ่อลูกนัก จึงเอ่ยชื่อหลานสาวที่เธอและสามีตั้งใจเตรียมไว้ออกมา โดยไม่ได้มีความหมายของโชคลาภวาสนาเงินทองแต่อย่างใด สิ่งเหล่านี้ตระกูลเธอมีจนมากเกินพอแล้ว หวังเพียงแค่หลานสาวที่รักจะเติบโตขึ้นมาอย่างงดงาม และมีความสุขที่สุดเพียงเท่านั้น “ดี! ถ้าอย่างนั้นให้หลานน้อย ชื่อ เฟยหย่า หลี่เฟยหย่า หลานย่าจะได้เติบโตมาอย่างสง่างามเพียบพร้อม สมกับเกิดมาเป็นคนในตระกูลหลี่ เป็นนางฟ้าตัวน้อยแสนสวยของบ้านเรา” เมื่อหลี่เฟยหรงและซ่งผู่เย่วได้ยินชื่อของลูกสาว ก็ยอมรับชื่อนี้ด้วยความยินดีไม่ได้แย้งขึ้นมาแต่อย่างใด ชื่อนี้ความหมายดีมากเช่นกัน เฟยหย่า โบยบินอย่างสง่างามอย่างนั้นเหรอ พ่อกับแม่เลือกชื่อได้ถูกใจจนพอทำใจยอมรับได้ เจ้าตัวน้อยจะได้เติบโตขึ้นมาอย่างสง่างาม เหมือนอย่างที่คุณแม่พูดไว้ แม้จะเสียดายอยู่นิดหน่อยที่ไม่ได้ตั้งชื่อให้ลูกเอง “แอ๊! อ้า อ้า….” ทารกน้อยตัวกลมเมื่อได้ยินชื่อ ที่คุณย่าจางตั้งให้ก็ดีดแขนดีดขาไปมาอย่างคึกคักด้วยความยินดี ส่งเสียงร้องอ้อแอ้
บทที่ 5 คุณตาซ่งสหายจอมเพี้ยนของคุณปู่หลี่ หลี่เฟยหรงออกมาจากห้อง และตามทุกคนไปนั่งรอป้าฉางตั้งโต๊ะที่ห้องอาหาร เพื่อจัดการอาหารกลางวันให้เรียบร้อย เขาจะได้กลับไปทำงานต่อที่ลาบ่อยๆ ไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้เขาพยายามเร่งทำผลงานและรับทำภารกิจเสี่ยง เพื่อต้องการเลื่อนตำแหน่ง จากพลเอกเป็นพลเอกพิเศษ หลี่เฟยหรงต้องรีบขนาดนี้เป็นเพราะเขาโดนบีบบังคับให้รับภารกิจเสี่ยงตายบ่อยๆ จากผู้นำตำแหน่งสูงที่อยู่คนละฝ่ายกับพ่อเขา หลี่เฟยเทียนที่อยู่ยศสูงที่สุดแล้วตอนนี้ ก็ยังไม่สามารถช่วยลูกชายได้มากนัก เพราะอีกฝั่งมีพรรคพวกอยู่เยอะหูตาไวจนน่ารังเกียจ เขาจึงออกหน้ามากไม่ได้เดี๋ยวจะพลอยพากันล้มทั้งหมด พวกคนตระกูลหลิว ที่คอยตามขัดแข้งขัดขาคนตระกูลหลี่มานาน เมื่อสมัยก่อนไม่สามารถทำอะไรคนตระกูลหลี่ได้มากนัก แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เพราะความอยากเอาชนะของคนตระกูลหลิว มีมากจนน่าแปลกใจพวกมันทำตัวน่าเอือมระอา พยายามผูกความสัมพันธ์ส่งลูกหลานในตระกูลไปแต่งงานกับคนมีอำนาจ เพื่อแตกหน่อลูกหลานออกไป นี่จึงเป็นเหตุผลที่คุณพ่อของเขาออกหน้ามากไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่า แม้ตำแห
บทที่ 6 เริ่มสำรวจมิติ "แกพูดจริงใช่ไหมหวังเหว่ย! ดีจริงๆ แกจะได้พาครอบครัวกลับมาปักกิ่งสักที เฮ้อ" หลี่เฟยเทียนถึงจะถามย้ำสหายไปให้มั่นใจอย่างนั้น แต่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความยินดีกับสหาย และโล่งใจที่ครอบครัวซ่งจะได้กลับมาซะที "ฉันพูดเรื่องจริงสิตาแก่หลี่ ฉันถึงบอกแกยังไงล่ะ ว่าวันนี้เป็นวันที่ดีจริงๆ ฮ่า ๆๆ!! " ท่านพลเรือเอกพิเศษพูดเสร็จก็หัวเราะออกมาเสียงดังราวฟ้าผ่า ทะลุประตูห้องทำงานส่วนตัว ออกไปจนลูกน้องใต้บังคับบัญชาของเขายังได้ยินอย่างชัดเจน คุณตาซ่งของหลานๆ เอนกายพิงพนักเก้าอี้ พลางยกมือแกร่งใช้ปลายนิ้วเรียว เช็ดน้ำตาตรงหางตา ที่มันไหลออกมาจากการหัวเราะอย่างอารมณ์ดี วันนี้เขาไม่สามารถวางมาดให้ใครดูได้อีกแล้ว ขอสักวันแล้วกัน ลูกน้องยังเคารพเขาเหมือนเดิมนั่นละ คุณตาซ่งคิดเข้าข้างตัวเองแบบคิดเองเออเอง และพยักหน้าพอใจกับความคิดนี้ของตนอีกด้วย… ต้องรู้ก่อนว่าการลงใต้ไปสร้างผลงานที่นั่น ถือเป็นโอกาสที่ดีมาก และไม่ใช่ใครก็ได้ ที่จะได้ย้ายลงใต้เพื่อไปสร้างผลงาน คนหนุ่มเก่งๆ ที่มองหาโอกาสเติบโต จะมองเห็นว่ากว่างโจวเหมาะสม
บทที่ 50 ชีวิตคู่ที่ถูกเติมเต็มอย่างสมบูรณ์ จบคำสารภาพรักด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเป็นการยืนยัน พ่อหนุ่มเจ้าน้ำตาที่ก้มหน้าหลุบตาลงมองต่ำดูเศร้าสร้อย พานให้คนมองใจอ่อนยวบแอบชะงักไปหนึ่งจังหวะเล็กๆ ซ่อนสีหน้าดีใจไว้ได้อย่างมิดชิด ถึงได้ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับดวงตากลมโต ที่จ้องมองมาอย่างต้องการยืนยันคำพูดจากใจจริงของเธออย่างน่าเอ็นดู คนพี่เม้มปากข่มใจไม่ให้หลงอ่อนข้อไปกับความน่ารักตรงหน้า เขาเล่นใหญ่สวมบทคนรักจิตใจอ่อนไหวขี้น้อยใจขนาดนี้แล้ว ต้องเอาคนตัวเล็กตรงหน้าให้อยู่หมัด “ถ้าน้องยืนยันอย่างหนักแน่นขนาดนี้พี่ก็เชื่อจนหมดใจแล้วครับ พี่ก็รักหย่าเออร์มากขึ้นในทุกๆ วันเหมือนกัน สัญญาแล้วนะครับ หลังเรียนจบแต่งเลยทันที” “ค่ะ! ไม่ผิดสัญญาแน่ค่ะ” “ครับ… ดีมากครับเด็กน่ารักต้องไม่ผิดสัญญา แต่….” คนเจ้าแผนการเริ่มคิดอยากกลับมาแผลงฤทธิ์อีกครั้งแล้ว “อะ อะไรคะ! ตะ แต่อะไรถามน้องมาให้หมดเลยค่ะ พี่ช่างอยากรู้อะไรน้องจะตอบทุกเรื่องเลย” คนน้องหลงคิดว่าคนพี่จะหมดข้อข้องใจแล้ว เพราะเขาก็บอกรักเธอกลั
บทที่ 49 สวมบทพ่อหนุ่มเจ้าน้ำตา หลังกอดปลอบเพื่อนสาวจนหายน้อยใจแล้ว หวงหนิงอ้ายก็ขอแยกตัวไปนั่งตรงโซนบาร์เครื่องดื่ม ด้วยรู้ว่าเพื่อนตัวน้อยต้องขึ้นไปหาคู่หมั้นหนุ่มที่ห้องทำงาน เหมือนทุกครั้งที่พวกเขาพากันมาที่นี่ “หยะ-…” ……. “อ๋า! น้องสาว... หย่าเออร์ เลิกเรียนแล้ว น้องกินอะไรมารึยัง หิวรึเปล่า วันนี้เรียนหนักรึเปล่า ถ้าเหนื่อยเกินไปน้องเปลี่ยนคณะที่เรียนใหม่ได้นะ…” พอเปิดประตูห้องทำงานใหญ่ของสามหนุ่มเพื่อนสนิทเข้ามา หวงหนิงเฉิงที่ความรู้สึกไวที่สุดและรอคนรักอย่างใจจดใจจ่ออยู่ก่อนแล้ว เอ่ยเรียกคู่หมั้นตัวน้อยยังไม่ทันจบ เจ้าเพื่อนรักแฝดคนพี่รีบทิ้งปากกาในมืออย่างของไร้ความหมาย ก่อนแกล้งส่งเสียงแปร๋นอย่างแตกสาวกลบเสียงเพื่อนสนิทจนไม่ได้ยิน พร้อมกันนั้นเจ้าเพื่อนแฝดคนน้องก็ลุกจากที่นั่งไปโอบน้องน้อยของพวกเขา พามานั่งเบียดกันสามคนบนโซฟาตัวเดียวกัน ทำเมินเพื่อนหนุ่มราวกับห้องนี้มีกันอยู่แค่พวกเขาสามพี่น้อง “……..” คนถูกเมินได้แต่ยืนกอดอกพิงสะโพกกับโต๊ะทำงานตัวใหญ่รอให้มองทั้งสามนั่งกอดกันกลม
บทที่ 48 ยอมรับความแตกต่าง เมื่อไม่มีใครเป็นอะไรพวกเขาจึงแยกกันกลับบ้าน เหมือนไม่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ก้าวผ่านร่างของสวีหยู่เยียนซึ่งกำลังโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บร่าง และสืบสวนเรื่องราวเพื่อนดำเนินคดีต่อไป มันก็เป็นแค่เรื่องร้ายๆ เรื่องหนึ่งที่อาจจะหนักหน่อย ผ่านพ้นไปได้อีกเรื่องในวัยสิบหกปีของพวกเขา ภายหลังผลคดีจากการสืบสวนออกมาอีกว่า สวีหยู่เยียนฆ่าชายพนักงานโรงแรมรัฐแห่งหนึ่งตาย แต่ก่อนการลงมือฆาตกรรม เพื่อนข้างห้องได้ยินเสียงทำร้ายร่างกายด่าทอตบตีกัน มีการข่มขู่ทรมานเอาเงินจากเธอแถมยังกักขังสวีหยู่เยียนไว้ในห้องไว้ข่มขืนซ้ำๆ ไม่ปล่อยเธอออกจากห้องจนสุดท้ายเธอจึงก่อเหตุลงมือกับชายคนนั้น นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เธอสติหลุด จากเรื่องที่ชายคนนั้นทำเรื่องเลวทรามกับเธอ ส่วนแม่ที่เป็นญาติเพียงคนเดียวของเธอ ก็ได้หอบเงินหนีไปก่อนแล้วตอนที่เซี่ยเหว่ยพ่อเลี้ยงของเธอโดนจับ ทิ้งให้เธออยู่คนเดียวที่บ้านหลังนั้นโดยที่มีเซี่ยเติ้งหลุนคอยเข้าออกบ้างยามต้องการใช้ประโยชน์จากเธอ หลังเรื่องราววุ่นวายจบลง บรรดาผู้คนรอบตัวของหลี่เฟยหย่าทั้งค
บทที่ 47 ความขาดสติจนกลายเป็นความบ้าคลั่ง 2/2 สวีหยู่เยียนเลือกมาอาละวาดก่อเรื่องในเวลาเลิกเรียนพอดี คนในส่วนหน้าโรงเรียนจึงเยอะ พวกเขาต่างพากันลนลานวิ่งหาที่หลบลูกกระสุนที่ถูกปล่อยออกมาในบางจังหวะที่สวีหยู่เยียนคลุ้มคลั่ง สวนสวยเพื่อนั่งเล่นและเป็นซุ้มรอรถตรงนี้ เหล่าคนในโรงเรียนจะรู้กัน ว่าเป็นที่นั่งของเหล่าลูกหลานคนมีเงินเพื่อมานั่งรอรถที่บ้านมารับ กลุ่มที่รู้ฐานะตัวเองพวกเขามักจะหลีกเลี่ยงไม่มานั่งที่นี่ ถึงแม้พื้นที่ตรงนี้ไม่ได้แบ่งแยกให้ใครนั่งได้หรือไม่ได้ เมื่อปฏิบัติต่อๆ กันมาเรื่อยๆ หลักปีนานเข้า มันก็กลายเป็นพื้นที่อภิสิทธิ์เฉพาะไปโดยปริยาย ถึงพวกเขาจะก้มลงหมอบหาที่หลบซ่อนตัวแล้ว แต่สวีหยู่เยียนที่กำลังเดินผ่านเพื่อไปยังซุ้มตรงที่หลี่เฟยหย่าหลบอยู่ สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็น กลุ่มคนที่เธอเคยไปมีเรื่องด้วยเพราะความอิจฉาอยู่หลายคนทีเดียว “ฮ่าๆ! อ้อ… ฉันก็เผลอแปลกใจไปแวบหนึ่ง ที่เจอพวกคนสารเลวชอบทำตัวสูงส่งอย่างพวกแกไป ลืมไปได้ยังไงกันนะ แหม! ก็นี่มันสวนชนชั้นสูงของพวกแกนี่นา ดี! จะได้ไม่ต้องไปตามคิดบัญชีนังพวกที่ชอบดูถูกฉันให้เหนื่อ
บทที่ 46 ความขาดสติจนกลายเป็นความบ้าคลั่ง 1/2 หลังกลับมาจากค่ายนอกเมืองแล้วกลับเข้ามาทำงานต่อ โดยลากเพื่อนสนิททั้งสองมาเคลียร์เอกสาร ที่เหมือนทำเท่าไรก็ไม่หมดในส่วนของพวกเขา ที่บางครั้งเฉินหวงช่างต้องรับมาทำ เพราะสองพี่น้องมีงานต้องออกไปทำนอกพื้นที่ตลอด จนหาเวลานั่งติดเก้าอี้เคลียร์เอกสารน้อยเหลือเกิน วันนี้อยู่ด้วยกันแล้วถือโอกาสเปิดห้องประชุมไปด้วยเลยแล้วกัน หลี่เฟยฮุ้ยและหลี่เฟยเจินหลังจากนี้ ไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตนเข้ามายังตลาดลับ ที่พวกเขาร่วมลงทุนอีก คนที่เป็นเจ้านายใหญ่โดยถือเปอร์เซ็นถึง70% เลยคือเฉินหวงช่าง ส่วนสองแฝดถือคนละ 15% เมื่อหลายเดือนก่อน หยางต้าหยวนที่ถือเปอร์เซ็นอยู่ 7% อยู่ๆ ก็คิดขายคืนให้เฉินหวงช่าง ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้มีคำถามขอคำอธิบายใดๆ ให้หยางต้าหยวนตอบ เขาเพียงทำเอกสารการรับซื้อยื่นให้อีกฝ่ายเซ็น พร้อมกับให้ลูกน้องไปเอาเงินถึงสองกระเป๋าใหญ่ ส่งให้หยางต้าหยวนง่ายๆ เท่านั้น “พวกนายไปขอให้คุณลุงหลี่เจี๋ย ปล่อยข่าวการรับสมัครบอดี้การ์ดให้กับทหารปลดเกษียณที่ค่ายทางใต้ด้วยแล้วกัน” เฉินหวงช่างบอกสหายหลั
บทที่ 45 ทรมานเจ้าคนน่าขนลุก NC 🔥ชน/ช รุนแรง* ผัวะๆ!! “อ่า!... อ๊ากกก! ปล่อยฉันๆ! พวกแกมันก็ค้าขายทำลายชาติไม่ต่างจากฉันนี่ แล้วจะมาทำลายพวกเดียวกันทำไม ฮะ! อั่ก!!” เซี่ยเติ้งหลุนที่โดนฝ่าเท้าหนักๆ สองพี่น้องบ้านหลี่รุมอย่างไม่ยั้งแรง ร้องตะโกนโต้แย้งอย่างสู้อะไรไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ดูจะยังแข็งแรงดีมากๆ อยู่บ่งบอกถึงความถึกที่ซ่อนไว้ ขัดแย้งกับภาพลักษณ์คุณชายแสนสุภาพเจ้าสำอางที่แสดงให้เห็นไปก่อนหน้า พลั่กๆ!! “เหอะ! ไอ้เวร สารเลวนี่มันปากดี มีแรงพูดไม่หยุดจริงๆ! ฉันขอเตือนให้แกเก็บเสียงไว้แหกปากหลังจากนี้ดีกว่าไหม แกได้แหกปากเหม็นๆ นี่จนพอใจแน่” หลี่เฟยฮุ้ยพูดออกมาอย่างเหลืออด กับการแหกปากพ่นคำพูดหาความสำนึกไม่ได้นี่ ขณะยกเท้ากระทืบหนักๆ ลงบนร่างคุดคู้ที่พื้น เซี่ยเติ่งหลุนโดนลูกน้องของเฉินหวงช่าง พากลับมาขังไว้ก่อนหน้านี้ กำลังโดนสองแฝดบ้านหลี่จัดการทรมานระบายอารมณ์ หลังเหตุการณ์คืนวันงานเลี้ยงเมื่อวันก่อนหลายวันก่อนผ่านไป บ้านตระกูลหลี่และตระกูลเฉินทั้งสองบ้านได้ตกลงเกี่ยวดองกั
บทที่ 44 สถานะที่เปลี่ยนไป หลี่เฟยหย่าไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหนแล้ว มารู้สึกตัวด้วยความหงุดหงิด ก็ตอนที่เหมือนโดนกอดรัดจนขยับพลิกตัวไม่ได้นี่ละ แถมยังมีไอ้เจ้าความรู้สึกที่เหมือนโดนปลุกเร้าที่ร่องกลีบอวบ และปลายยอดถันนี่อีก “จ๊วบ~ จุ๊บ… จุ๊บ… ฟอด ~ จุ๊บ!….” คนหื่นที่ไม่ยอดหลับยอมนอน แม้จะปล่อยให้อีกฝ่ายนอนหลับได้เต็มอิ่ม แต่เขาก็ยังคงคลอเคลียไม่ห่าง ใบหน้าที่ติดเรียบนิ่งจนดูเย่อหยิ่งเป็นปกตินั่น ตอนนี้กลับมีแววหวาน นัยน์ตาฉายความหลงใหลอย่างแสนรัก ที่หลี่เฟยหย่าไม่คิดว่าจะได้เห็น แต่เฉินหวงช่างที่เงยหน้าขึ้นมา สบเข้ากับแววตานิ่งค้างของหลี่เฟยหย่า ที่เห็นสีหน้าและแววตาเปิดเปลือยความรู้สึกในใจตอนเผลอไปจนหมดเปลือก ชายหนุ่มไม่ได้คิดจะปกปิดแต่อย่างใด กลับยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาเลียกลีบปากอิ่ม ที่บวมช้ำของคนตัวเล็กคล้ายต้องการจะยั่วยวนกัน กอดกระชับขาเรียวเล็กข้างหนึ่ง ที่นอนในท่านอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหากัน ให้มาก่ายเกยบนท่อนแขนกำยำของตนมากขึ้น สะโพกแกร่งแสนร้ายกาจขยับในจังหวะเนิบนาบ ให้ท่อนเอ็นที่ไม่ยอมหลับยอมนอนตามเจ้าของ คอยเสียดแ
บทที่ 43 เฉินหวงช่าง NC 🔞🔥+++ 2/2 สองมือเรียวเล็กของหลี่เฟยหย่า ดึงรั้งกางเกงแสนเกะกะออกจากสะโพกหนั่นแน่น ที่ยกขึ้นให้ร่างเล็กถอดออกอย่างง่ายดาย “ฮ่าส์!…..” ร่างสูงหลุดครางเสียงพร่า หลังโดนสองมือเล็ก แสนเผด็จการ กดเข้ากลางลำคอหนา ให้ทิ้งตัวนอนหงาย ตรึงร่างแกร่งไว้กับพื้นเตียง ก่อนที่ร่างเล็กจะขึ้นคร่อมทิ้งสะโพกกลมมน ลงมาบดเบียดกลีบสาวอวบอูม ให้แย้มผลิบานโอบแนบไปกับแท่งร้อนลำใหญ่ “อาส์… หย่าเออร์… ฮื้มส์….” เสียงทุ้มครางเสียงต่ำสั่นพร่าอย่างกระสันซ่าน ไปกับการร่อนสะโพกเด้งๆ นั่น บดขยี้ไปกับแท่งร้อนของเขาอย่างเร่งร้อน น้ำหวานสีใสไหลอาบเคลือบความแข็งขืนจนเกิดเสียงเฉอะแฉะน่าอาย “ฮ่าส์ พี่ช่าง….. พี่ช่างขา… อ่าส์!” คนพี่โดนน้องน้อยของเขาครางเรียก ด้วยเสียงหวานหยาดเยิ้มเข้าซ้ำๆ ก็ยิ่งเพิ่มความเสียวซ่านจนปลายหัวหยักสีฉ่ำปล่อยน้ำหล่อลื่นออกมา เรียวปากหยักยกยิ้มร้ายอย่างชอบใจกับการกดตรึงร่าง จนเหมือนเขาเป็นทาสราคะ อย่างเอาแต่ใจของคนตัวเล็ก ชายหนุ่มโอบร่างเล็กให้ลงมาแนบอกอวบอิ่มไปกับแผงอกกว้าง
บทที่ 42 เฉินหวงช่าง NC 🔞 +++ 1/2 ยังไม่ทันได้พูดพล่ามความเสียสติออกมาจนจบประโยคดี เซี่ยเติ้งหลุนก็โดนมือปริศนากระชากผมจากทางด้านหลัง ให้ทันกลับมารับหมัดหนักๆ ซัดเข้าที่หน้าตรงจมูกจุดที่มีปลายประสาทจำนวนมาก “อั๊กๆ !!!” เมื่อได้รับหมัดแรกแล้วหมัดที่สอง ที่สามก็ตามมาติดๆ ซัดเข้าที่จุดเดิมซ้ำๆ เว้นดวงตาให้มันไว้มองการทรมานแสนโหดร้ายจากเขา หลังจากจบเรื่องหลังจากนี้ เฉินหวงช่างก้าวเท้ายาวๆ ตามเซี่ยเติ้งหลุน ที่พยายามลนลานลุกหนีไป จนล้มลุกคลุกคลานไปกับพื้น เพราะรู้ตัวว่าสู้ไม่ไหวแต่สุดท้าย ก็โดนตามมาเหยียบด้วยเท้าหนักๆ เข้าที่กลางหลัง ก่อนจะโดนพลิกตัวให้หันกลับมารับฝ่าเท้าหนักๆ อัดเข้าที่กลางอก และกลางลำตัวเข้าซ้ำๆ ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ชายหนุ่มไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ มีเพียงแค่สีหน้าเหี้ยมเกรียมอย่างคนโกรธจัดเท่านั้น กร๊อบๆ!!!! “อั๊ก!!… อ๊ากกกกก!!!!” เฉินหวงช่างไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ เมื่อเห็นร่างเล็กบอบบางสั่นเทาอย่างไม่สู้ดีนัก เขาเลือกจับเซี่ยเติ้งหลุนหักขาออกจากข้อต่อทั้งสองข้างอย่างเลือดเย็น ไม่น