บทนำ
ในคฤหาสน์หลังใหญ่ตระกูลหลี่ ปี 1960’s ภายในห้องรับแขกของบ้าน หญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอดทายาทคนที่สามของตระกูล กำลังนอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้โยกตรงริมหน้าต่างบานใหญ่เปิดรับลมที่พัดมาจากสวนสวย พากลิ่นหอมของดอกไม้หายาก ผ่านผ้าม่านผืนสวยเข้ามาพาให้มันปลิวไสวน้อยๆ อย่างน่ามอง บรรยากาศรอบข้างดีมาก จนทำให้หญิงสาวท้องโต ทว่ายังดูสวยงามน่าทะนุถนอม นอนหลับกลางวันได้อย่างเป็นสุข ถัดมาจากหน้าต่างที่เธอนอนอยู่ไม่มากนัก มีเด็กชายสองคนวัยเก้าขวบ นั่งทำการบ้านในช่วงวันหยุด คอยเฝ้ามารดาที่ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที ทั้งสองนั่งอ่านหนังสือเรียน ทำการบ้านกันเงียบๆ อย่างรู้ความ ไม่รบกวนคุณแม่ของพวกเขาตามคำสั่งของคุณพ่อ ที่ได้กำชับไว้ตั้งแต่เช้าก่อนออกไปทำงาน คฤหาสน์หลังนี้มีสมาชิกอยู่หกคน ไม่รวมแม่บ้าน คนสวน คนขับรถของบ้าน ส่วนคุณปู่คุณย่าออกไปทำธุระข้างนอกตั้งแต่เช้า กำลังจะกลับมาอีกไม่นานนี้ แม่บ้านสี่คนต่างแบ่งหน้าที่กัน ทำงานไม่ไกลจากห้อง ที่นายหญิงน้อยของบ้านนอนอยู่ไม่ไกลกันนัก เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินไม่คาดคิดขึ้น คนขับรถที่บ้านมีสองคน หนึ่งคนไปกับท่านจอมพลและนายหญิงใหญ่ ในบ้านหลังเล็กข้างคฤหาสน์หลังใหญ่ภายในรั้วเดียวกัน ยังมีคุณหมอผู้หญิง ที่นายหญิงใหญ่จ้างมาดูแลลูกสะใภ้เป็นพิเศษอีกหนึ่งคน ซ่งผู่เย่วที่ทุกคนกำลังเป็นห่วงอยู่ตอนนี้ เธอกำลังตกอยู่ให้ห้วงฝันอันน่ายินดีของเธอ ภายในความฝัน เธอเห็นว่าตัวเธอเอง นอนอยู่บนเก้าอี้โยกในสวนคฤหาสน์ตระกูลหลี่ แต่รอบๆ ข้างเธอ จากที่เป็นภูเขาน้ำตกจำลองในสวนธรรมดาๆ กลายเป็นชั้นน้ำตกสูง เหมือนน้ำตกในป่าลึก สีน้ำเป็นสีเขียวมรกต แสงแดดที่ส่องลงมายังผิวน้ำ เกิดประกายระยิบระยับดูสวยเป็นพิเศษ ข้างใต้ผิวน้ำ มีปลาหลี่สีสวย แหวกว่ายอยู่ในบึงบ่อกว้าง พื้นทางเดินที่ปูด้วยหินธรรมดา กลายเป็นแผ่นหยกสีเขียวสว่างเรืองแสง ทอดยาวออกไปไกลสุดสายตา ดอกไม้ที่จากเดิมก็สวยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ในความฝันของเธอ พวกมันชูช่อผลิบาน ราวกับรอต้อนรับบางสิ่งบางอย่าง ราวกับมีชีวิตอย่างร่าเริง สวนสวยในคฤหาสน์ตระกูลหลี่ ตอนนี้กลายเป็นทุ่งดอกไม้ และภูเขาน้ำตกในป่าลึกไปซะแล้ว แต่ในความรู้สึกของซ่งผู่เยว่ เธอไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด เธอจะกลัวได้อย่างไร สิ่งที่เห็นตรงหน้ามันช่างวิเศษขนาดนี้ มีสัตว์เล็กสัตว์น้อยน่ารักเต็มไปหมดเลย เสียงนกร้องอยู่รอบๆ ตัว ราวกับขับขานบทเพลงไพเราะให้เธอได้ฟังอย่างเพลิดเพลิน ในความฝันซ่งผู่เย่วไม่ได้ลุกไปไหน ยังคงนอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้โยกตัวเดิมมองดูทิวทัศน์รอบตัว อย่างไม่อยากละสายตาไปไหน ฟังเสียงนกร้องอย่างสบายใจ ราวกับว่านี่คือของขวัญสุดพิเศษของเธอ ซ่งผู่เย่วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสว่างสดใสตรงหน้า เห็นจุดสีขาวเรืองรอง ลอยเข้ามาหาเธอ พอสิ่งนั้นเข้ามาใกล้ระยะสายตา หญิงสาวถึงได้เห็นเป็นท่านผู้เฒ่าเคราขาว ในชุดโบราณสีขาวสว่าง เหินกายลงมาเหยียบลงพื้นหินหยกทางเดินข้างหน้า อุ้มห่อผ้าตรงเข้ามาหาเธอ จังหวะนั้นซ่งผู่เย่วจึงลุกขึ้นยืนอย่างบังคับตัวเองไม่ได้ และยื่นมือออกไปรับห่อผ้านั้นมากอดไว้แนบอก จึงได้เห็นว่าเป็นเด็กทารกตัวน้อยน่ารัก ผิวขาว และตัวอ้วนจ้ำม่ำ กำลังส่งยิ้มโชว์เหงือกแดงแจ๋ส่งมาให้เธอ ดวงตากลมโตสีดำขลับราวลูกองุ่น พาให้คนยิ้มตามด้วยความเอ็นดู เด็กน้อยอารมณ์ดีในอ้อมกอดเธอ ซ่งผู่เย่วเงยหน้ามองชายชราเคราขาว ที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ยอมพูดอะไรสักคำ มาถึงก็ยัดห่อผ้าทารกน้อยให้อุ้ม อย่างมีคำถาม “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขอโทษทีที่ไม่ได้กล่าวอะไร ก็ยื่นเจ้าเด็กน้อยนี่ให้อุ้ม นี่น่ะเป็นลูกสาวที่จะมาเกิดของเจ้า จงรับไว้และดูแลให้ดี เจ้าเด็กนี่เกิดมาพร้อมโชควาสนาที่มากมายนัก” พอพูดจบก็ไม่รอให้ซ่งผู่เย่วได้ตอบรับ หรือว่าพูดอะไร ชายชราก็เหินกายขึ้นฟ้าหายวับไปทันที ราวกับจะรีบไปส่งทารกน้อยคนต่อไปไม่ทันซะอย่างนั้น ซ่งผู่เย่วก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้วตอนนี้ ตั้งแต่ได้ยินว่านี่คือลูกสาวที่จะมาเกิดของเธอ หญิงสาวส่งยิ้มหวานทักทายเจ้าก้อนกลมน้อยๆ ในอ้อมกอด พลางพูดกับเจ้าตัวน้อยเสียงหวาน “ว่ายังไงคะลูกสาวตัวน้อยของแม่ อยู่กับแม่นะคะ แม่จะรักและดูแลหนูให้ดีที่สุด เท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้เลย ข้างนอกยังมีคุณพ่อ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย แถมหนูยังมีพี่ชายอีกสองคนคอยเล่นด้วยอีกนะคะเด็กดี” ร่างบอบบางพูดพร้อมกับหมุนตัวกลับมานั่งที่เก้าอี้โยกตัวเดิม พร้อมกับเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขน ที่ราวกับฟังคุณแม่ของเธอพูดรู้เรื่อง ส่งเสียงอ้อแอ้ตอบรับอย่างน่าเอ็นดู พร้อมยิ้มหวานส่งให้อีกด้วย ซ่งผู่เย่วไม่รู้ว่าในความฝัน เวลาผ่านไปยาวนานเท่าไรแล้ว ที่ใช้เวลาหยอกล้อเล่นกับลูกสาวตัวน้อยของเธอ มารู้สึกตัวตื่นอีกที ก็ตอนที่เธอเจ็บหน่วงท้องเหมือนจะคลอดเต็มทีแล้ว หญิงสาวลืมตาขึ้นมามองรอบข้าง พร้อมขยับตัวหันมาทางโต๊ะหนังสือของลูกชาย ที่มักจะมานั่งทำการบ้านเฝ้าเธอตลอด พอเห็นลูกชายทั้งสองยังนั่งอยู่ที่เดิม ซ่งผู่เย่วพยายามไม่ส่งเสียงร้อง เพื่อระบายความเจ็บปวดออกมาให้ลูกชายของเธอตกใจ ก่อนจะเรียกลูกชายให้ไปตามคนมาช่วยเธอ “เสี่ยวฮุ่ย ลูกไปบอกป้าฉางให้เตรียมห้องคลอดให้แม่ที ส่วนเสี่ยวเจิน ลูกไปตามคุณหมอเสิ่นลู่จิวที่บ้านเล็ก บอกเธอว่าแม่จะคลอดน้องแล้ว” พอเด็กชายทั้งสองได้ยินเสียงคุณแม่แล้ว จึงหันขวับมามองพร้อมกัน สองพี่น้องฝาแฝดตาโตกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนรีบลุกจากที่นั่งอย่างตื่นตัว วิ่งออกไปทำตามที่คุณแม่ของพวกเขาสั่งอย่างรู้ความทันที พวกเขาต่างตื่นตระหนกกลัวคุณแม่ และน้องน้อยที่อยู่ในท้องจะเป็นอะไรไป เพราะตอนที่พวกเขาหันไปมองเห็นสีหน้าคุณแม่ไม่ดีเลย พอรีบร้อนทำตามที่คุณแม่สั่งเรียบร้อยแล้ว หลี่เฟยฮุ้ยจึงต่อสายหาคุณพ่อที่ทำงานทันที ส่วนหลี่เฟยเจินรีบกลับไปอยู่กับคุณแม่แล้ว “คุณพ่อ คุณแม่เจ็บท้องจะคลอดน้องแล้วครับ รีบมานะครับสีหน้าคุณแม่ไม่ดีเลย” ทางด้านหลี่เฟยหรง หลังวางสายจากลูกชายคนโตแล้ว ชายหนุ่มรีบร้อนกลับบ้านทันที หวังจะกลับมาทันก่อนที่ภรรยาจะคลอด ประจวบเหมาะกับที่คุณปู่หลี่ และคุณย่าจางกลับมาถึงบ้าน ทันได้ยินเสียงวุ่นวายดังออกมา จากห้องนั่งเล่นประจำของครอบครัว ทั้งสองจึงได้รีบร้อนเข้าไปด้วยความเป็นห่วงลูกสะใภ้บทที่ 1 สมาชิกใหม่ของครอบครัว พอคุณย่าจางเข้ามาในห้องรับแขก เห็นลูกสะใภ้ของเธอนอนอยู่บนเก้าอี้โยกริมหน้าต่าง สีหน้าดูเจ็บปวด แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงกรีดร้องแต่อย่างใด หล่อนจึงรีบเดินเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง ในบ้านไม่มีผู้ชายตัวใหญ่พอ ที่จะอุ้มสะใภ้ของเธอเข้าห้องคลอดได้เลย มีแต่แม่บ้านหญิงวัยกลางคน ส่วนคนขับรถกับคนสวนก็ไม่กล้าเข้ามาด้านใน เพราะเห็นว่าสะใภ้คนเดียวของบ้านจะคลอดแล้ว “คุณหมอเสิ่น เยว่เออร์พร้อมคลอดหรือยังคะ” คุณย่าจางถามขึ้น เมื่อเห็นคุณหมอเสิ่นตรวจครรภ์ และจับชีพจรซ่งผู่เย่วเสร็จแล้ว “ รอให้น้ำคร่ำแตก และช่องคลอดเปิดด้วยค่ะ ต้องรีบย้ายเธอเข้าห้องคลอด ตอนที่ยังทันน้ำคร่ำไม่แตกนะคะ อาการเจ็บท้องถี่ๆ พร้อมคลอดแบบนี้จะเจ็บมาก ” คุณย่าจางเห็นว่าตอนนี้น้ำคร่ำยังไม่แตก จึงรีบหันมาบอกคุณปู่หลี่ที่เดินตามมาพร้อมกันด้วยความร้อนใจ “คุณคะรีบอุ้มเย่วเออร์ไปห้องทำคลอดเถอะค่ะ ลูกเจ็บท้องจนขยับตัวไปเองไม่ได้แล้วละ” คนเก่าคนแก่เชื่อว่าห้ามผู้ชายถูกน้ำคร่ำ หรือเลือดจากผู้หญิงที่คลอดบุตร เนื่องจา
บทที่ 2 ดวงใจของครอบครัว คุณย่าจางยื่นมือไปรับหลานสาวตัวน้อยมากอดไว้แนบอกอย่างรักใคร่ เมื่อได้ยินว่าลูกสะใภ้ปลอดภัยดีแล้วก็หมดห่วง ทำเมินสายตาสี่คู่ของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ไม่สนใจอะไรอีก นอกจากหลานสาวตัวน้อยของเธอ ส่วนลูกชายหลายชายนั้น แม้จะอยากเข้าไปดูสะใภ้ของเธอแค่ไหนก็ยังเข้าไปไม่ได้ เพราะในห้องยังจัดการไม่เรียบร้อยดีนัก ทุกคนจึงได้เข้ามาห้อมล้อมคุณย่าจาง ขอดูสมาชิกใหม่ของบ้านอย่างตื่นเต้น "ดีๆ ดีจริงๆ! ทั้งสองปลอดภัยก็ดีแล้ว หย่าเออร์ของย่าไหนให้ย่าดูหน้าชัดๆ หน่อยสิคะ" คุณย่าจางพูดออกมาด้วยความสุขจนแทบล้นแสดงออกผ่านน้ำเสียงหวานๆ ที่กล่าวกับเจ้าก้อนซาลาเปานุ่มนิ่มในอ้อมกอด หลานสาวตัวน้อยของเธอมีผิวขาวอมชมพู หน้าตาหลังจากทำความสะอาดหลังคลอดแล้ว ดูน่ารักน่าเอ็นดูที่สุด! สมกับที่มีพ่อแม่หน้าตาดี เป็นที่หมายปองของเหล่าคนหนุ่มสาวในวงสังคมของเมืองหลวงจริงๆ ดวงตากลมโตสีดำขลับ ราวลูกองุ่นของหลานสาวจ้องมองเธออย่างสนใจ ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพูน้อยๆ ยิ้มกว้างโชว์เหงือกสีแดงมาให้อย่างน่ารัก รอยยิ้มนี้ ใบหน้านี้ เหมือนกับในความฝันเมื่อคืนของเธอไม่มีผ
บทที่ 3 คุณย่าจะตั้งชื่อให้เจ้าตัวน้อยเอง หลี่เฟยหรงที่โดนแย่งลูกสาว ได้แต่ยืนมองลูกชายทั้งสองทักท้วงคนแก่ทั้งสองของบ้านอยู่เงียบๆ พอเห็นว่าคุณย่าจางยอมนั่งลงพร้อมกับปู่หลี่แล้ว เขาจึงได้ถือโอกาสนี้เดินไปข้างด้านเก้าอี้ ที่ทั้งสองนั่งเพื่อดูหน้าลูกสาวโดยไม่ต้องพูดอะไร ให้ขัดใจคุณย่าจางตอนกำลังเห่อหลาน จนโดนมองแรงใส่เหมือนลูกชายคนเล็กอีก คุณพ่อลูกสามหมาดๆ กับลูกชายคนโตของเขา ช่างเจ้าเล่ห์เหมือนกันจริงๆ เสี่ยวเจินผู้ซื่อตรงได้แต่ยืนทำตาปริบๆ เมื่อโดนคุณย่าจางมองค้อนใส่ เด็กชายได้แต่คิดสงสัยอยู่ในใจว่าได้ทำอะไรผิดไปรึเปล่า เขาแค่อยากเห็นน้องสาวเท่านั้นเอง “แอ๊ แอ๊….” ทารกน้อยที่ทุกคนต่างแย่งกันเงียบๆ นั้น ตอนนี้โปรยยิ้มหวานพร้อมโบกแขนป้อมชูหมัดน้อยๆ ทักทายพี่ชายฝาแฝดทั้งสองเพื่อส่งความน่ารัก ครั้งแรกที่พบหน้ากันให้สลักลงในใจของพวกเขา “ว้าวว น้องสาวน่ารักมากครับคุณพ่อ” เด็กชายทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน เมื่อเห็นน้องน้อยยิ้มหวานส่งให้พวกเขา เสี่ยวฮุ้ยมองพ่อของเขาก่อนจะยิ้มกว้างให้ ทว่าแววตาเด็กชายกลับฉายแววโอ้อวด อย่างเหนือกว
บทที่ 4 หลี่เฟยหย่า ที่แปลว่า โบยบินอย่างสง่างาม คุณย่าจางไม่ได้สนใจการส่งสายตามองกันของสองพ่อลูกนัก จึงเอ่ยชื่อหลานสาวที่เธอและสามีตั้งใจเตรียมไว้ออกมา โดยไม่ได้มีความหมายของโชคลาภวาสนาเงินทองแต่อย่างใด สิ่งเหล่านี้ตระกูลเธอมีจนมากเกินพอแล้ว หวังเพียงแค่หลานสาวที่รักจะเติบโตขึ้นมาอย่างงดงาม และมีความสุขที่สุดเพียงเท่านั้น “ดี! ถ้าอย่างนั้นให้หลานน้อย ชื่อ เฟยหย่า หลี่เฟยหย่า หลานย่าจะได้เติบโตมาอย่างสง่างามเพียบพร้อม สมกับเกิดมาเป็นคนในตระกูลหลี่ เป็นนางฟ้าตัวน้อยแสนสวยของบ้านเรา” เมื่อหลี่เฟยหรงและซ่งผู่เย่วได้ยินชื่อของลูกสาว ก็ยอมรับชื่อนี้ด้วยความยินดีไม่ได้แย้งขึ้นมาแต่อย่างใด ชื่อนี้ความหมายดีมากเช่นกัน เฟยหย่า โบยบินอย่างสง่างามอย่างนั้นเหรอ พ่อกับแม่เลือกชื่อได้ถูกใจจนพอทำใจยอมรับได้ เจ้าตัวน้อยจะได้เติบโตขึ้นมาอย่างสง่างาม เหมือนอย่างที่คุณแม่พูดไว้ แม้จะเสียดายอยู่นิดหน่อยที่ไม่ได้ตั้งชื่อให้ลูกเอง “แอ๊! อ้า อ้า….” ทารกน้อยตัวกลมเมื่อได้ยินชื่อ ที่คุณย่าจางตั้งให้ก็ดีดแขนดีดขาไปมาอย่างคึกคักด้วยความยินดี ส่งเสียงร้องอ้อแอ้
บทที่ 5 คุณตาซ่งสหายจอมเพี้ยนของคุณปู่หลี่ หลี่เฟยหรงออกมาจากห้อง และตามทุกคนไปนั่งรอป้าฉางตั้งโต๊ะที่ห้องอาหาร เพื่อจัดการอาหารกลางวันให้เรียบร้อย เขาจะได้กลับไปทำงานต่อที่ลาบ่อยๆ ไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้เขาพยายามเร่งทำผลงานและรับทำภารกิจเสี่ยง เพื่อต้องการเลื่อนตำแหน่ง จากพลเอกเป็นพลเอกพิเศษ หลี่เฟยหรงต้องรีบขนาดนี้เป็นเพราะเขาโดนบีบบังคับให้รับภารกิจเสี่ยงตายบ่อยๆ จากผู้นำตำแหน่งสูงที่อยู่คนละฝ่ายกับพ่อเขา หลี่เฟยเทียนที่อยู่ยศสูงที่สุดแล้วตอนนี้ ก็ยังไม่สามารถช่วยลูกชายได้มากนัก เพราะอีกฝั่งมีพรรคพวกอยู่เยอะหูตาไวจนน่ารังเกียจ เขาจึงออกหน้ามากไม่ได้เดี๋ยวจะพลอยพากันล้มทั้งหมด พวกคนตระกูลหลิว ที่คอยตามขัดแข้งขัดขาคนตระกูลหลี่มานาน เมื่อสมัยก่อนไม่สามารถทำอะไรคนตระกูลหลี่ได้มากนัก แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เพราะความอยากเอาชนะของคนตระกูลหลิว มีมากจนน่าแปลกใจพวกมันทำตัวน่าเอือมระอา พยายามผูกความสัมพันธ์ส่งลูกหลานในตระกูลไปแต่งงานกับคนมีอำนาจ เพื่อแตกหน่อลูกหลานออกไป นี่จึงเป็นเหตุผลที่คุณพ่อของเขาออกหน้ามากไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่า แม้ตำแห
บทที่ 6 เริ่มสำรวจมิติ "แกพูดจริงใช่ไหมหวังเหว่ย! ดีจริงๆ แกจะได้พาครอบครัวกลับมาปักกิ่งสักที เฮ้อ" หลี่เฟยเทียนถึงจะถามย้ำสหายไปให้มั่นใจอย่างนั้น แต่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความยินดีกับสหาย และโล่งใจที่ครอบครัวซ่งจะได้กลับมาซะที "ฉันพูดเรื่องจริงสิตาแก่หลี่ ฉันถึงบอกแกยังไงล่ะ ว่าวันนี้เป็นวันที่ดีจริงๆ ฮ่า ๆๆ!! " ท่านพลเรือเอกพิเศษพูดเสร็จก็หัวเราะออกมาเสียงดังราวฟ้าผ่า ทะลุประตูห้องทำงานส่วนตัว ออกไปจนลูกน้องใต้บังคับบัญชาของเขายังได้ยินอย่างชัดเจน คุณตาซ่งของหลานๆ เอนกายพิงพนักเก้าอี้ พลางยกมือแกร่งใช้ปลายนิ้วเรียว เช็ดน้ำตาตรงหางตา ที่มันไหลออกมาจากการหัวเราะอย่างอารมณ์ดี วันนี้เขาไม่สามารถวางมาดให้ใครดูได้อีกแล้ว ขอสักวันแล้วกัน ลูกน้องยังเคารพเขาเหมือนเดิมนั่นละ คุณตาซ่งคิดเข้าข้างตัวเองแบบคิดเองเออเอง และพยักหน้าพอใจกับความคิดนี้ของตนอีกด้วย… ต้องรู้ก่อนว่าการลงใต้ไปสร้างผลงานที่นั่น ถือเป็นโอกาสที่ดีมาก และไม่ใช่ใครก็ได้ ที่จะได้ย้ายลงใต้เพื่อไปสร้างผลงาน คนหนุ่มเก่งๆ ที่มองหาโอกาสเติบโต จะมองเห็นว่ากว่างโจวเหมาะสม
บทที่ 7 เจ้านกน้อยเฟยเฟย หลังจากเจ้าตัวน้อยหายเหนื่อย และอิ่มท้องแล้วเธอจึงมีสติกลับมาสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวอีกครั้ง เด็กน้อยหันมองธรรมชาติรอบตัวอย่างสนใจเมื่อได้ยินเสียงนกร้อง ราวกับจะขับขานบทเพลงไพเราะให้เธอฟังอยู่เต็มไปหมด มันมีหลายเสียงมาก ร้องซ้อนๆ กันราวกับมีนกเป็นสิบๆ ตัวกระจายตัวอยู่รอบตัวเธอขับขานบทเพลงให้เธอฟัง ฟังดูเหมือนเสียงร้องเยอะเกินไปแต่มันไม่ได้น่ารำคาญเลยมันตรงกันข้ามเลยละ เธอชอบมันมากจนอยากเห็นว่ามันคือนกพันธุ์อะไร คิดได้อย่างนั้นแล้วก็ลุกขึ้นจากพื้น และเดินตามเสียงตรงในทิศทางที่เธอได้ยินเสียงนกชัดที่สุดทันที สำรวจพื้นที่เอาไว้ก่อนแล้วกัน ตอนนี้เธออยากเห็นนกชนิดนี้มากกว่า เพราะรู้สึกชอบมันมากจนเธอเองยังแปลกใจ เด็กหญิงตัวน้อยเดินตามเสียงนกไปด้วยขาสั้นๆ ของเธอ เดินอ้อมโขดหินก้อนใหญ่ที่อยู่ริมธารน้ำตกไป หลังโขดหินนั่นมีต้นไม้สองต้น ขึ้นคู่กันอยู่ขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก ตรงลำต้นของพวกมันมีกล้วยไม้ป่าหยั่งรากของมันเกาะเปลือกไม้ตามลำต้น ขึ้นตั้งแต่โคนต้นไปจนถึงกิ่งไม้ใหญ่ มันมีอยู่หลายเถามาก แต่ไม่ได้ดูรก เพราะแต่ละเถามีแต่พวงดอก
บทที่ 8 เฟยเฟยพาสำรวจมิติ ติ๊ง! เมื่อลิฟต์ถึงชั้นสามแล้ว หลี่เฟยหย่าจึงก้าวเดินออกไปสำรวจสิ่งดีๆ ที่รอเธออยู่ทันที ตามที่เจ้าเฟยเฟยบอกอย่างมุ่งมั่น โดยมีเจ้านกน้อยบินนำทางเธอไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่ง ตรงหน้าเธอตอนนี้คือประตูไม้บานใหญ่ มีลูกบิดประตูอยู่ในระดับที่เด็กวัยสองขวบเปิดไม่ได้แน่นอน เด็กหญิงตัวน้อยจึงทำหน้ามุ่ยมองประตูตรงหน้าอย่างขัดใจ “เจ้านายเอามือแตะบานประตูได้เลย มันจะเปิดให้เองครับ” เฟยเฟยรีบบอกเจ้านายตัวน้อยของมัน เมื่อเห็นหน้ายุ่งๆ ของเธอ เจ้าตัวน้อยก็ทำตามที่เฟยเฟยบอกอย่างไม่รอช้าทันที ประตูตรงหน้าค่อยๆ เปิดออก เธอจึงมองสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง นี่มันห้างสรรพสินค้ากิจการของครอบครัวเธอ ที่เธอรู้ว่านี่คือห้างสรรพสินค้าของครอบครัว เพราะว่าประตูที่เปิดออกมันไม่ได้พาเข้าไปในห้างทันที มันอยู่ที่หน้าทางเข้าที่มีป้ายชื่อตัวอักษรใหญ่ๆ ติดอยู่ตรงตัวตึกตรงหน้าเธอ “ว้าว!! นี่มันสุดยอดมากเฟยเฟย ท่านเทพดีที่สุด! เรารีบเข้าไปดูข้างในกันเถอะ ฉันอยากรู้เร็วๆ แล้วว่าห้องต่อไปมันคืออะไร ” ค
บทที่ 50 ชีวิตคู่ที่ถูกเติมเต็มอย่างสมบูรณ์ จบคำสารภาพรักด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเป็นการยืนยัน พ่อหนุ่มเจ้าน้ำตาที่ก้มหน้าหลุบตาลงมองต่ำดูเศร้าสร้อย พานให้คนมองใจอ่อนยวบแอบชะงักไปหนึ่งจังหวะเล็กๆ ซ่อนสีหน้าดีใจไว้ได้อย่างมิดชิด ถึงได้ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับดวงตากลมโต ที่จ้องมองมาอย่างต้องการยืนยันคำพูดจากใจจริงของเธออย่างน่าเอ็นดู คนพี่เม้มปากข่มใจไม่ให้หลงอ่อนข้อไปกับความน่ารักตรงหน้า เขาเล่นใหญ่สวมบทคนรักจิตใจอ่อนไหวขี้น้อยใจขนาดนี้แล้ว ต้องเอาคนตัวเล็กตรงหน้าให้อยู่หมัด “ถ้าน้องยืนยันอย่างหนักแน่นขนาดนี้พี่ก็เชื่อจนหมดใจแล้วครับ พี่ก็รักหย่าเออร์มากขึ้นในทุกๆ วันเหมือนกัน สัญญาแล้วนะครับ หลังเรียนจบแต่งเลยทันที” “ค่ะ! ไม่ผิดสัญญาแน่ค่ะ” “ครับ… ดีมากครับเด็กน่ารักต้องไม่ผิดสัญญา แต่….” คนเจ้าแผนการเริ่มคิดอยากกลับมาแผลงฤทธิ์อีกครั้งแล้ว “อะ อะไรคะ! ตะ แต่อะไรถามน้องมาให้หมดเลยค่ะ พี่ช่างอยากรู้อะไรน้องจะตอบทุกเรื่องเลย” คนน้องหลงคิดว่าคนพี่จะหมดข้อข้องใจแล้ว เพราะเขาก็บอกรักเธอกลั
บทที่ 49 สวมบทพ่อหนุ่มเจ้าน้ำตา หลังกอดปลอบเพื่อนสาวจนหายน้อยใจแล้ว หวงหนิงอ้ายก็ขอแยกตัวไปนั่งตรงโซนบาร์เครื่องดื่ม ด้วยรู้ว่าเพื่อนตัวน้อยต้องขึ้นไปหาคู่หมั้นหนุ่มที่ห้องทำงาน เหมือนทุกครั้งที่พวกเขาพากันมาที่นี่ “หยะ-…” ……. “อ๋า! น้องสาว... หย่าเออร์ เลิกเรียนแล้ว น้องกินอะไรมารึยัง หิวรึเปล่า วันนี้เรียนหนักรึเปล่า ถ้าเหนื่อยเกินไปน้องเปลี่ยนคณะที่เรียนใหม่ได้นะ…” พอเปิดประตูห้องทำงานใหญ่ของสามหนุ่มเพื่อนสนิทเข้ามา หวงหนิงเฉิงที่ความรู้สึกไวที่สุดและรอคนรักอย่างใจจดใจจ่ออยู่ก่อนแล้ว เอ่ยเรียกคู่หมั้นตัวน้อยยังไม่ทันจบ เจ้าเพื่อนรักแฝดคนพี่รีบทิ้งปากกาในมืออย่างของไร้ความหมาย ก่อนแกล้งส่งเสียงแปร๋นอย่างแตกสาวกลบเสียงเพื่อนสนิทจนไม่ได้ยิน พร้อมกันนั้นเจ้าเพื่อนแฝดคนน้องก็ลุกจากที่นั่งไปโอบน้องน้อยของพวกเขา พามานั่งเบียดกันสามคนบนโซฟาตัวเดียวกัน ทำเมินเพื่อนหนุ่มราวกับห้องนี้มีกันอยู่แค่พวกเขาสามพี่น้อง “……..” คนถูกเมินได้แต่ยืนกอดอกพิงสะโพกกับโต๊ะทำงานตัวใหญ่รอให้มองทั้งสามนั่งกอดกันกลม
บทที่ 48 ยอมรับความแตกต่าง เมื่อไม่มีใครเป็นอะไรพวกเขาจึงแยกกันกลับบ้าน เหมือนไม่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ก้าวผ่านร่างของสวีหยู่เยียนซึ่งกำลังโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บร่าง และสืบสวนเรื่องราวเพื่อนดำเนินคดีต่อไป มันก็เป็นแค่เรื่องร้ายๆ เรื่องหนึ่งที่อาจจะหนักหน่อย ผ่านพ้นไปได้อีกเรื่องในวัยสิบหกปีของพวกเขา ภายหลังผลคดีจากการสืบสวนออกมาอีกว่า สวีหยู่เยียนฆ่าชายพนักงานโรงแรมรัฐแห่งหนึ่งตาย แต่ก่อนการลงมือฆาตกรรม เพื่อนข้างห้องได้ยินเสียงทำร้ายร่างกายด่าทอตบตีกัน มีการข่มขู่ทรมานเอาเงินจากเธอแถมยังกักขังสวีหยู่เยียนไว้ในห้องไว้ข่มขืนซ้ำๆ ไม่ปล่อยเธอออกจากห้องจนสุดท้ายเธอจึงก่อเหตุลงมือกับชายคนนั้น นี่อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เธอสติหลุด จากเรื่องที่ชายคนนั้นทำเรื่องเลวทรามกับเธอ ส่วนแม่ที่เป็นญาติเพียงคนเดียวของเธอ ก็ได้หอบเงินหนีไปก่อนแล้วตอนที่เซี่ยเหว่ยพ่อเลี้ยงของเธอโดนจับ ทิ้งให้เธออยู่คนเดียวที่บ้านหลังนั้นโดยที่มีเซี่ยเติ้งหลุนคอยเข้าออกบ้างยามต้องการใช้ประโยชน์จากเธอ หลังเรื่องราววุ่นวายจบลง บรรดาผู้คนรอบตัวของหลี่เฟยหย่าทั้งค
บทที่ 47 ความขาดสติจนกลายเป็นความบ้าคลั่ง 2/2 สวีหยู่เยียนเลือกมาอาละวาดก่อเรื่องในเวลาเลิกเรียนพอดี คนในส่วนหน้าโรงเรียนจึงเยอะ พวกเขาต่างพากันลนลานวิ่งหาที่หลบลูกกระสุนที่ถูกปล่อยออกมาในบางจังหวะที่สวีหยู่เยียนคลุ้มคลั่ง สวนสวยเพื่อนั่งเล่นและเป็นซุ้มรอรถตรงนี้ เหล่าคนในโรงเรียนจะรู้กัน ว่าเป็นที่นั่งของเหล่าลูกหลานคนมีเงินเพื่อมานั่งรอรถที่บ้านมารับ กลุ่มที่รู้ฐานะตัวเองพวกเขามักจะหลีกเลี่ยงไม่มานั่งที่นี่ ถึงแม้พื้นที่ตรงนี้ไม่ได้แบ่งแยกให้ใครนั่งได้หรือไม่ได้ เมื่อปฏิบัติต่อๆ กันมาเรื่อยๆ หลักปีนานเข้า มันก็กลายเป็นพื้นที่อภิสิทธิ์เฉพาะไปโดยปริยาย ถึงพวกเขาจะก้มลงหมอบหาที่หลบซ่อนตัวแล้ว แต่สวีหยู่เยียนที่กำลังเดินผ่านเพื่อไปยังซุ้มตรงที่หลี่เฟยหย่าหลบอยู่ สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็น กลุ่มคนที่เธอเคยไปมีเรื่องด้วยเพราะความอิจฉาอยู่หลายคนทีเดียว “ฮ่าๆ! อ้อ… ฉันก็เผลอแปลกใจไปแวบหนึ่ง ที่เจอพวกคนสารเลวชอบทำตัวสูงส่งอย่างพวกแกไป ลืมไปได้ยังไงกันนะ แหม! ก็นี่มันสวนชนชั้นสูงของพวกแกนี่นา ดี! จะได้ไม่ต้องไปตามคิดบัญชีนังพวกที่ชอบดูถูกฉันให้เหนื่อ
บทที่ 46 ความขาดสติจนกลายเป็นความบ้าคลั่ง 1/2 หลังกลับมาจากค่ายนอกเมืองแล้วกลับเข้ามาทำงานต่อ โดยลากเพื่อนสนิททั้งสองมาเคลียร์เอกสาร ที่เหมือนทำเท่าไรก็ไม่หมดในส่วนของพวกเขา ที่บางครั้งเฉินหวงช่างต้องรับมาทำ เพราะสองพี่น้องมีงานต้องออกไปทำนอกพื้นที่ตลอด จนหาเวลานั่งติดเก้าอี้เคลียร์เอกสารน้อยเหลือเกิน วันนี้อยู่ด้วยกันแล้วถือโอกาสเปิดห้องประชุมไปด้วยเลยแล้วกัน หลี่เฟยฮุ้ยและหลี่เฟยเจินหลังจากนี้ ไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตนเข้ามายังตลาดลับ ที่พวกเขาร่วมลงทุนอีก คนที่เป็นเจ้านายใหญ่โดยถือเปอร์เซ็นถึง70% เลยคือเฉินหวงช่าง ส่วนสองแฝดถือคนละ 15% เมื่อหลายเดือนก่อน หยางต้าหยวนที่ถือเปอร์เซ็นอยู่ 7% อยู่ๆ ก็คิดขายคืนให้เฉินหวงช่าง ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้มีคำถามขอคำอธิบายใดๆ ให้หยางต้าหยวนตอบ เขาเพียงทำเอกสารการรับซื้อยื่นให้อีกฝ่ายเซ็น พร้อมกับให้ลูกน้องไปเอาเงินถึงสองกระเป๋าใหญ่ ส่งให้หยางต้าหยวนง่ายๆ เท่านั้น “พวกนายไปขอให้คุณลุงหลี่เจี๋ย ปล่อยข่าวการรับสมัครบอดี้การ์ดให้กับทหารปลดเกษียณที่ค่ายทางใต้ด้วยแล้วกัน” เฉินหวงช่างบอกสหายหลั
บทที่ 45 ทรมานเจ้าคนน่าขนลุก NC 🔥ชน/ช รุนแรง* ผัวะๆ!! “อ่า!... อ๊ากกก! ปล่อยฉันๆ! พวกแกมันก็ค้าขายทำลายชาติไม่ต่างจากฉันนี่ แล้วจะมาทำลายพวกเดียวกันทำไม ฮะ! อั่ก!!” เซี่ยเติ้งหลุนที่โดนฝ่าเท้าหนักๆ สองพี่น้องบ้านหลี่รุมอย่างไม่ยั้งแรง ร้องตะโกนโต้แย้งอย่างสู้อะไรไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ดูจะยังแข็งแรงดีมากๆ อยู่บ่งบอกถึงความถึกที่ซ่อนไว้ ขัดแย้งกับภาพลักษณ์คุณชายแสนสุภาพเจ้าสำอางที่แสดงให้เห็นไปก่อนหน้า พลั่กๆ!! “เหอะ! ไอ้เวร สารเลวนี่มันปากดี มีแรงพูดไม่หยุดจริงๆ! ฉันขอเตือนให้แกเก็บเสียงไว้แหกปากหลังจากนี้ดีกว่าไหม แกได้แหกปากเหม็นๆ นี่จนพอใจแน่” หลี่เฟยฮุ้ยพูดออกมาอย่างเหลืออด กับการแหกปากพ่นคำพูดหาความสำนึกไม่ได้นี่ ขณะยกเท้ากระทืบหนักๆ ลงบนร่างคุดคู้ที่พื้น เซี่ยเติ่งหลุนโดนลูกน้องของเฉินหวงช่าง พากลับมาขังไว้ก่อนหน้านี้ กำลังโดนสองแฝดบ้านหลี่จัดการทรมานระบายอารมณ์ หลังเหตุการณ์คืนวันงานเลี้ยงเมื่อวันก่อนหลายวันก่อนผ่านไป บ้านตระกูลหลี่และตระกูลเฉินทั้งสองบ้านได้ตกลงเกี่ยวดองกั
บทที่ 44 สถานะที่เปลี่ยนไป หลี่เฟยหย่าไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหนแล้ว มารู้สึกตัวด้วยความหงุดหงิด ก็ตอนที่เหมือนโดนกอดรัดจนขยับพลิกตัวไม่ได้นี่ละ แถมยังมีไอ้เจ้าความรู้สึกที่เหมือนโดนปลุกเร้าที่ร่องกลีบอวบ และปลายยอดถันนี่อีก “จ๊วบ~ จุ๊บ… จุ๊บ… ฟอด ~ จุ๊บ!….” คนหื่นที่ไม่ยอดหลับยอมนอน แม้จะปล่อยให้อีกฝ่ายนอนหลับได้เต็มอิ่ม แต่เขาก็ยังคงคลอเคลียไม่ห่าง ใบหน้าที่ติดเรียบนิ่งจนดูเย่อหยิ่งเป็นปกตินั่น ตอนนี้กลับมีแววหวาน นัยน์ตาฉายความหลงใหลอย่างแสนรัก ที่หลี่เฟยหย่าไม่คิดว่าจะได้เห็น แต่เฉินหวงช่างที่เงยหน้าขึ้นมา สบเข้ากับแววตานิ่งค้างของหลี่เฟยหย่า ที่เห็นสีหน้าและแววตาเปิดเปลือยความรู้สึกในใจตอนเผลอไปจนหมดเปลือก ชายหนุ่มไม่ได้คิดจะปกปิดแต่อย่างใด กลับยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาเลียกลีบปากอิ่ม ที่บวมช้ำของคนตัวเล็กคล้ายต้องการจะยั่วยวนกัน กอดกระชับขาเรียวเล็กข้างหนึ่ง ที่นอนในท่านอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหากัน ให้มาก่ายเกยบนท่อนแขนกำยำของตนมากขึ้น สะโพกแกร่งแสนร้ายกาจขยับในจังหวะเนิบนาบ ให้ท่อนเอ็นที่ไม่ยอมหลับยอมนอนตามเจ้าของ คอยเสียดแ
บทที่ 43 เฉินหวงช่าง NC 🔞🔥+++ 2/2 สองมือเรียวเล็กของหลี่เฟยหย่า ดึงรั้งกางเกงแสนเกะกะออกจากสะโพกหนั่นแน่น ที่ยกขึ้นให้ร่างเล็กถอดออกอย่างง่ายดาย “ฮ่าส์!…..” ร่างสูงหลุดครางเสียงพร่า หลังโดนสองมือเล็ก แสนเผด็จการ กดเข้ากลางลำคอหนา ให้ทิ้งตัวนอนหงาย ตรึงร่างแกร่งไว้กับพื้นเตียง ก่อนที่ร่างเล็กจะขึ้นคร่อมทิ้งสะโพกกลมมน ลงมาบดเบียดกลีบสาวอวบอูม ให้แย้มผลิบานโอบแนบไปกับแท่งร้อนลำใหญ่ “อาส์… หย่าเออร์… ฮื้มส์….” เสียงทุ้มครางเสียงต่ำสั่นพร่าอย่างกระสันซ่าน ไปกับการร่อนสะโพกเด้งๆ นั่น บดขยี้ไปกับแท่งร้อนของเขาอย่างเร่งร้อน น้ำหวานสีใสไหลอาบเคลือบความแข็งขืนจนเกิดเสียงเฉอะแฉะน่าอาย “ฮ่าส์ พี่ช่าง….. พี่ช่างขา… อ่าส์!” คนพี่โดนน้องน้อยของเขาครางเรียก ด้วยเสียงหวานหยาดเยิ้มเข้าซ้ำๆ ก็ยิ่งเพิ่มความเสียวซ่านจนปลายหัวหยักสีฉ่ำปล่อยน้ำหล่อลื่นออกมา เรียวปากหยักยกยิ้มร้ายอย่างชอบใจกับการกดตรึงร่าง จนเหมือนเขาเป็นทาสราคะ อย่างเอาแต่ใจของคนตัวเล็ก ชายหนุ่มโอบร่างเล็กให้ลงมาแนบอกอวบอิ่มไปกับแผงอกกว้าง
บทที่ 42 เฉินหวงช่าง NC 🔞 +++ 1/2 ยังไม่ทันได้พูดพล่ามความเสียสติออกมาจนจบประโยคดี เซี่ยเติ้งหลุนก็โดนมือปริศนากระชากผมจากทางด้านหลัง ให้ทันกลับมารับหมัดหนักๆ ซัดเข้าที่หน้าตรงจมูกจุดที่มีปลายประสาทจำนวนมาก “อั๊กๆ !!!” เมื่อได้รับหมัดแรกแล้วหมัดที่สอง ที่สามก็ตามมาติดๆ ซัดเข้าที่จุดเดิมซ้ำๆ เว้นดวงตาให้มันไว้มองการทรมานแสนโหดร้ายจากเขา หลังจากจบเรื่องหลังจากนี้ เฉินหวงช่างก้าวเท้ายาวๆ ตามเซี่ยเติ้งหลุน ที่พยายามลนลานลุกหนีไป จนล้มลุกคลุกคลานไปกับพื้น เพราะรู้ตัวว่าสู้ไม่ไหวแต่สุดท้าย ก็โดนตามมาเหยียบด้วยเท้าหนักๆ เข้าที่กลางหลัง ก่อนจะโดนพลิกตัวให้หันกลับมารับฝ่าเท้าหนักๆ อัดเข้าที่กลางอก และกลางลำตัวเข้าซ้ำๆ ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ชายหนุ่มไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ มีเพียงแค่สีหน้าเหี้ยมเกรียมอย่างคนโกรธจัดเท่านั้น กร๊อบๆ!!!! “อั๊ก!!… อ๊ากกกกก!!!!” เฉินหวงช่างไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ เมื่อเห็นร่างเล็กบอบบางสั่นเทาอย่างไม่สู้ดีนัก เขาเลือกจับเซี่ยเติ้งหลุนหักขาออกจากข้อต่อทั้งสองข้างอย่างเลือดเย็น ไม่น