หยางอี้หรู นักธุรกิจสาว ที่เป็นอัจฉริยะผู้ประสบผลสำเร็จ ตั้งแต่อายุยังน้อย ทว่าในงานเลี้ยงฉลองผลกำไรของบริษัท เธอกลับได้พบความลับของสามีกับน้องชาย ซึ่งนำมาสู่ความตายของเธอ ทว่าเมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง กลับพบว่าตัวเอง ได้อยู่ในอีกมิติที่แตกต่าง ทั้งยุคสมัยและการใช้ชีวิต ที่มันน่าตกใจไปมากกว่านั้น เธอมีลูกแฝดสามในวัยสิบขวบ และเจ้าของร่างยังเป็นขอทานอีกด้วย
Lihat lebih banyakเจียงอี้หลิง ที่อยู่บนหลังของเสี่ยวไป๋ เริ่มที่จะมีเลือดไหลซึมออกจากมุมปาก นางต้องอดทนอีกนิด...แค่นิดเดียวเท่านั้น ก็ถึงที่หมายแล้ว ด้วยพลังของสวี่เทียน พิษสลายพลัง คงใช้กับเขาได้ไม่เกินสามชั่วยามเท่านั้น เสียงคำรามในลำคอของเสี่ยวไป๋ ทำให้หญิงสาวถึงกับน้ำตาซึม มันกำลังกลัว...กลัวว่านางจะจากมันไปอีกครั้ง กึก! อวี๋มู่หลงหยุดเท้าอย่างกะทันหัน เมื่อเสี่ยวไป๋หยุดอยู่ขอบผาสูงชัน ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ข้างเสี่ยวไป๋ แล้วหันมองคนบนหลังของมัน ด้วยสายตามีคำถาม “พี่สาม” อี้หยางที่เอี้ยวใบหน้ามองพี่สาว ถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ ทว่าเรียวปากที่มีเลือดเปรอะเปื้อนอยู่ กลับคลี่ออกน้อยๆ เช่นทุกครั้ง ที่ผู้เป็นพี่ต้องการให้เขาคลายกังวล “เจ้าตามข้ามานี่” หญิงสาวไม่ได้พูดกับน้องชาย แต่เอ่ยกับชายหนุ่ม ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบายิ่งนัก มือของนางตบบนตัวเสี่ยวไป๋เบาๆ หมาป่าตัวใหญ่เบนหน้าออกจากผาสูง ก้าวตรงไปยังต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่อยู่ขอบผาอีกด้าน ซึ่งมีหินก้อนเล็กบ้างใหญ่บ้างกองอยู่รอบๆ เสี่ยวไป๋เหมือนรู้ถึงความต้องการของผู้เป็นนาย มันเดินไปหยุดยังหินก้
“อี้หยาง ผงราตรี...” น้ำเสียงแหบโหยเอ่ยอยู่กับอกของน้องชาย ไม่มีคำถามใดๆ จากปากของเจียงอี้หยาง เด็กชายทำเพียง ล้วงเอากล่องไม้ขนาดเท่าฝ่ามือ ออกมาจากอกเสื้อ โดยที่สายตาของเขา มิได้ละไปจากคนทั้งคู่ ที่กำลังยืนหยั่งเชิงกันอยู่เบื้องหน้า เขามีพี่ชายที่เป็นแม่ทัพ แน่นอนว่าต้องเคยผ่านประสบการณ์ที่ตกอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ด้วยเป็นน้องคนเล็ก พี่ชายพี่สาว จึงมักยินยอมให้เขาติดตามไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เช่นในครั้งนี้ ที่เขาติดตามพี่สาวมา “พี่สามอดทนอีกนิดนะขอรับ” อี้หยางเอ่ยปลอบพี่สาว เขามิอาจบอกได้ ว่าครั้งนี้จะพากันรอดไปได้หรือไม่ แต่หากไม่ลองดูจะรู้ได้อย่างไรเล่า เด็กชายเปิดกล่องไม้เทก้อนกลมๆ ในนั้นออกมาจากหมด เขาก้มลงมองพี่สาวอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยนางให้นอนอยู่กับหมาป่าตัวใหญ่ ส่วนตนเองลุกขึ้นยืน แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ไอสังหารที่คนทั้งสอง ปลดปล่อยออกมานั้นมันทำให้เขา แทบจะก้าวเท้าไม่ออกเลยทีเดียว มันรุนแรงเกินกว่าเด็กเช่นเขาจะต้านทาน แต่เพื่อชีวิตรอด เขาจะพ่ายต่อมันมิได้เป็นอันขาด “พี่ชาย” เจียงอี้หยางเร
“คุณชายใหญ่ คุณชายรอง” ฉู่เมี่ยวเองก็รู้เรื่องนี้ดี อาการเจ็บปวดของนายทั้งสอง นับว่ารุนแรงกว่าทุกครั้ง ดูได้จากใบหน้าที่เริ่มขาวซีด คุณหนูสามกำลังตกอยู่ในอันตราย... “พวกเจ้าเป็นอะไรไป หมอล่ะ! หมออยู่ในคณะของเรามีมิใช่หรือ!” ไฉอ้ายเอ่ยถามสามี และน้องชายของเขา ด้วยความแตกตื่น ยิ่งเห็นใบหน้าของทั้งสอง เริ่มไร้สีเลือด ความดื้อรั้นที่มีมาตลอด พลันเลือนหายไป กลายเป็นความห่วงใยเข้ามาแทนที่ “ไม่เป็นไร...เจ้าอย่าได้กังวล” มือที่ยังสั่นระริก ด้วยความเจ็บปวด ยกขึ้นวางทาบข้างแก้มของภรรยา เพื่อปลอบโยน ชายหนุ่มพยายามสูดลมหายใจ ให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทว่าทุกการหายใจเข้า มันเสียดแทงไปทั้งอก ราวมีดนับหมื่นเล่มแทงทะลุงไปในจุดเดียว น้องน้อยของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย ครานี้นางต้องพบชะตากรรมที่ร้ายแรงเป็นแน่ มันมิเคยเจ็บเจียนตายเช่นนี้มาก่อนเลย อี้หลิงเจ้าอย่าทำให้พี่กลัว... “ดื่มชาสักหน่อยไหม เผื่อมันจะดีขึ้น” อาการแตกตื่น จนเหมือนควบคุมตนเองไม่ได้ ของหญิงสาวทำให้ต้วนอี้หลาง ปีติในใจยิ่งนัก ทว่าเวลานี้ เขาคงไม่อาจเอื้อนเอ่ยสิ่งใด
ชายแดนเหนือ หุบเขาพิษ เจียงอี้หยาง ข่มกลั้นความหวาดกลัว เพื่อที่จะนำผลไม้ที่หามาได้ กลับไปให้พี่สาวกับท่านปู่ฮั่ว และท่านลุงอู๋ เพราะเขาคนเดียวที่ทำให้ทุกคน ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เด็กชายรู้สึกได้ ถึงสายตาที่กำลังจับจ้องเขาอยู่ แม้ว่าเขาจะผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่ถ้าเทียบกับพี่ๆ ทั้งสามแล้ว เขายังห่างชั้นอยู่มากนัก หากพี่สาวไม่เอาร่างกายปกป้องเขา นางคงไม่บาดเจ็บ เมื่อนึกถึงตรงนี้ น้ำตาก็พลันไหลพราก ด้วยความเสียใจ ที่ตัวเขาคือต้นเหตุทั้งหมด กรร!!! เสียงขู่จากรอบทิศ ทำให้เจียงอี้หยาง ถึงกับสั่นเทาไปทั้งกาย สุดท้ายแล้ว...เขาก็ยังเป็นตัวถ่วงของทุกคนอยู่ดี แต่ถ้าเขาต้องรอให้คนเจ็บทั้งสาม ตื่นมาหาของกินก็คงมืดค่ำเสียก่อน เจียงอี้หยาง พยายามมองตรงไปเบื้องหน้า เพื่อมิให้สิ่งที่กำลังข่มขวัญเขาอยู่ จู่โจมเข้ามาในตอนนี้ เขาคือน้องชายของสามแฝด ผู้เก่งกาจแห่งแดนตะวันออก แค่นี้จะผ่านไปไม่ได้เชียวหรือ! แก๊ก! เสียงกิ่งไม้หัก ทำให้เด็กชายยืนตัวแข็งทื่อ ราวกับขาของเขากลายเป็นหินไปเสียอย่างนั้น ดวงตาที่พร่ามัวจากม่านน้ำตา มิอาจปกปิดแววหวาดหวั่นใ
“ภรรยา...เจ้าใจเย็นก่อน”ต้วนอี้หลางรวบกอดร่างงาม ที่กำลังดิ้นรนให้พ้นอ้อมแขนของเขา ด้วยท่าทางราวนางเสือ“ใจเย็น! เจ้าจะให้ข้าใช้สามีร่วมกับผู้อื่นหรือ ข้าไม่ต้องการแบ่งเจ้ากับผู้ใด! ได้ยินไหม!”ทุกคำพูดของภรรยา ทำให้ต้วนอี้หลางอดยิ้มวกว้างไม่ได้ ชีวิตเดิมของเขา ไม่เคยมีสตรีใดหวงแหนเขาเช่นนี้มาก่อน นี่ขนาดนางประกาศว่าไม่มีใจ ยังหวงเขาขนาดนี้ ถ้ามีใจให้แก่เขา นางคงสิงร่างเขาเลยกระมัง“พี่สะใภ้โปรดใจเย็นขอรับ”น้ำเสียงปนขำขัน ทำให้สองสามีภรรยา หันไปมองยังหน้าประตู ด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกันยิ่งนัก ไฉอ้ายดวงตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นใบหน้าที่เหมือนกับสามีของนาง เรียกว่าแทบจะทุกจุด เพียงแค่คร้ามแดดกว่าเล็กน้อยส่วนต้วนอี้หลาง กลับมีความวิตกกังวล เข้ามาแทนที่เสียอย่างนั้น น้องชายของเขาเป็นแม่ทัพ การทิ้งกองทัพมาเช่นนี้ ย่อมหมายถึงโทษมหันต์“หยางอี้หลง! เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่”น้ำเสียงกดลึกของพี่ชาย ทำให้แม่ทัพหนุ่มได้แต่ยิ้มๆ เขารู้ถึงความกังวลของคนเป็นพี่ดี แต่เขาก็รู้อีกนั่นล่ะ ว่าเหตุผลของเขาที่มายืนตรงนี้ ก็มีน้ำหนักมากพอ ที่จะทำให้พี่ชายคลายกังวลลงได้แน่นอน แต่ตอนนี้ขอเย้าแหย่ คู่ข้าวใหม่ปลามัน
เพล้ง! เสียงสิ่งของตกกระทบพื้นแตก ทำให้ต้วนอี้หลางที่หลับลึกอยู่ในห้วงฝัน พลันสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนที่เขาจะดีดตัวลุกขึ้น พุ่งไปยังหลังฉากกั้น ซึ่งภรรยากำลังอาบน้ำอยู่“คนบ้า! หลับตาเดี๋ยวนี้นะ!”หญิงสาวกอดตัวเองเอาไว้แน่น แม้ว่าบนกายจะสวมเสื้อคลุมเอาไว้แล้วก็ตาม“เมื่อครู่ข้าเผลอหลับไป เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”ต้วนอี้หลางหลับตาลงตามที่ภรรยาบอก ทว่าเขาก็ยังเปิดประสาทสัมผัสทั้งหมด เพื่อตรวจจับสิ่งแปลกปลอม ที่อาจเข้ามาในช่วงเวลาที่เขาหลับลึกไป“มือข้าลื่น เลยทำแจกันตกแตกเท่านั้น เจ้าออกไปก่อน ข้าจะแต่งตัว”หญิงสาวพยักพเยิดไปยังแจกัน ที่แตกกระจายอยู่บนพื้น ไม่ห่างจากนางเท่าใดนัก“เช่นนั้น ข้าจะไปบอกให้คนยกอาหารมาให้”เมื่อเห็นแล้วว่าภรรยา ไม่ได้รับบาดเจ็บ ต้วนอี้หลางจึงรีบหาข้ออ้าง สำหรับออกไปจากตรงนี้ เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวต่อนาง“ไม่ต้องหรอก เรากินกับทุกคนนั่นล่ะ เจ้าออกไปรอข้าข้างนอกเลยนะ”“ได้”หลังเสียงประตูปิดลง หญิงสาวก็ชะเง้อไปมองจากหลังฉากกั้น เพื่อให้แน่ใจว่าเขามิได้ใช้เล่ห์กลต่อนาง และเมื่อนางมั่นใจแล้ว ว่าสามีมิได้อยู่ภายในห้อง ใบหน้างามพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาหญิงสาวห
แม่ทัพหนุ่มทอดสายตาเย็นเยียบ มองไปที่สาวใช้ ก่อนจะชำเลืองมองไปที่ประตู ซึ่งกำลังแง้มเปิดออกมา อย่างคนขลาดกลัว ชายหญิงคู่หนึ่ง ก้มหน้าออกมาอย่างคนรู้ผิด “เจ้าช่างเป็นน้องชายที่ดี พี่ชายเสี่ยงตายท่ามกลางคมหอกคมดาบ เจ้าก็ช่วยเหลือภรรยาพี่ชาย มิให้เปล่าเปลี่ยว น่านับถือยิ่งนักน้องพี่” แม่ทัพหนุ่มหันกลับไปเผชิญหน้า กับน้องชายและภรรยาของตนเอง ทว่าความสลดบนใบหน้าของทั้งคู่ ก็มีได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นหยิ่งผยอง อย่างคนที่ไม่ได้รู้สำนึกผิดเช่นในคราแรก นั่นเพราะมีกลุ่มคน เดินมาหยุดยังลานหน้าเรือน แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน เขามิใช่บุตรชายของผู้มาใหม่หรือ ไยนางยังคงรีบเร่งมาที่นี่ เพื่อออกหน้าให้แก่น้องชายเขา เช่นทุกครั้งที่ฉือจ้าวหนานทำผิด “เจ้ากลับมาแล้ว ไยไม่ไปพบแม่ก่อน หรือเห็นเมียสำคัญกว่าข้าที่เป็นมารดา” ฉือฮูหยิน รีบตำหนิบุตรชายคนโต ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้มีความรักใคร่แม้แต่น้อย “ข้าย่อมเห็นสายเลือด สำคัญกว่าคนนอกอยู่แล้วขอรับ” แม่ทัพหนุ่มหันกลับไปเผชิญหน้ากับมารดา สายตาชิงชังที่ได้รับจากคนเป็นแม่ ซึ่งเป็
สามชั่วยามต่อมา ณ โรงเตี๊ยมจุดพักม้า ต้วนอี้หลางสั่งให้หยุดพัก ด้วยเกรงว่าภรรยาจะเหน็ดเหนื่อยจนเกินไป แม้นางจะนั่งในรถม้า มิได้ถูกแดดลม ทว่ามันก็มิใช่สิ่งสบายอันใดเลย แม้ว่าภายในใจนั้น จะห่วงใยน้องๆ รวมถึงท่านปู่ฮั่วและท่านลุงอู๋ ตลอดจนเหล่าผู้ติดตาม แต่เขาก็มิอาจทำให้ภรรยาเจ็บป่วยได้เช่นกัน… ซึ่งปกติแล้วท่านลุงอู๋ จะไม่เคยขาดการติดต่อเช่นนี้ แต่อยู่ๆ ทุกคนกลับพากันหายเงียบไป เรื่องนี้ทำให้ท่านพ่อกับท่านแม่ร้อนใจ จนคิดจะเดินทางขึ้นเหนือด้วยตนเอง แต่ด้วยระยะทางที่ห่างไกล และห่วงใยในสุขภาพของทั้งสอง เขาที่เดินทางเข้าเมืองหลวง มาได้เกินครึ่งทางแล้ว จึงส่งสาสน์ด่วนแจ้งแก่พ่อแม่ ว่าจะเป็นคนเดินทางขึ้นเหนือ ไปด้วยตนเอง หลังจากรับตัวเจ้าสาว “เจ้าจะไปหาน้องๆ ทำไมต้องพาข้าไปด้วย” เมื่ออยู่กันเพียงลำพังในห้องพัก หญิงสาวก็เริ่มแผลงฤทธิ์ในทันที และนั่นทำให้ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ ก่อนจะเหลียวมองภรรยา ที่ทำหน้าบูดบึ้งอย่างคนไม่สบอารมณ์ “ข้าจะมิต้องการห่วงหน้าพะวงหลัง มิว่าตัวเจ้าที่เป็นภรรยา หรือน้องชายหญิงที่หายตัวไป ข้าล้วนเป็นห่วงทั้งสิ้น แล
“เจ้าจะออกเดินทางเมื่อไหร่”เมื่อโน้มน้าวชายหนุ่มไม่ได้ ฮ่องเต้ก็ทำเพียง ยอมรับต่อชะตาของคนเป็นลูก “กระหม่อมจะออกเดินทางในอีกสองวันพ่ะย่ะค่ะ เพราะกระหม่อมต้องเดินทางขึ้นเหนือ ไปหาน้องสามกับน้องเล็กก่อนพ่ะย่ะค่ะ ถือเป็นการพาองค์หญิงท่องเที่ยว เปิดหูเปิดตาไปด้วยในคราเดียวด้วยพ่ะย่ะค่ะ” “ทำไมรึ! น้องสาวกับน้องชายคนเล็กของเจ้า ไปทำอะไรที่แดนเหนือ” “นางกับน้องเล็กของกระหม่อม ติดตามท่านอาจารย์ ไปหาสมุนไพรล้ำค่า เมื่อสองเดือนก่อนพ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มมิได้ทูลฮ่องเต้ไปทั้งหมด ว่าแท้จริงแล้วน้องสาวฝาแฝด กับน้องชายคนเล็กเจียงอี้หยาง ซึ่งอายุเพียงสิบขวบ ได้พากันติดตามท่านปู่ฮั่วไปแดนเหนือ และขาดการติดต่อไปสักระยะแล้ว แต่ด้วยสัญญาที่ให้ไว้ ในเรื่องการแต่งงาน เขาจึงเลือกที่จะมารับเจ้าสาว ให้เดินทางไปพร้อมกัน ค่อยจัดงานแต่งใหญ่โตให้แก่นาง ที่ชายแดนตะวันออก ตามธรรมเนียมของบ้าน “ข้าจะทำสิ่งใดได้เล่า เอาเป็นว่าขาดเหลือสิ่งใด บอกข้าก็แล้วกัน จะได้จัดหาได้ทัน” “สิ่งของสินเดิมขององค์หญิง ให้คนจากสำนักคุ้มภัยนำกลับซานชี รอเราสองคนได้เลยพ่ะย่ะค่ะ เ
ตลาดชายแดนตะวันออก ณ ตรอกเล็กๆ ขอทานหญิงในชุดมอซอ กำลังพยายามคลานหนี จากการถูกทำร้าย ตุบ! ตับ! ไม้ท่อนพอดีมือ ตีลงบนแผ่นหลังผอมแห้งอย่างไร้ปราณี หญิงสาวเจ็บร้าวเจียนตาย ทว่าก็มิอาจทำสิ่งใดได้เลย ขอทานตัวเหม็นเยี่ยงนางหรือ จะสู้ลูกหลานของขุนนางได้ “เจ้ามันหนังเหนียวนักนะอี้หรู ผ่านมาหลายปี เจ้ายังไม่ยอมที่จะตายไปเสียที” จางหย๋าชิน พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชิงชัง นางวางใจมาตั้งหลายปี ว่าอดีตภรรยาของสามี จะตายไปแล้วพร้อมลูกในท้อง แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังชะตาไม่ขาด มีชีวิตรอดมาได้จนทุกวันนี้ “ข้ายอมมอบทุกอย่างให้เจ้าแล้ว ไยยังต้องตามติดทำร้ายข้าอยู่อีกเล่า” หยางอี้หรู ถามภรรยาใหม่ของสามี สตรีผู้ช่วงชิงแม้แต่ตัวตนของนาง เพียงเพราะนางถูกกล่าวหา ว่าเป็นลูกที่มารดานำมาสวมรอย เพื่อให้ฐานะฮูหยินใหญ่มั่นคง พอมารดาสิ้นใจ นางก็ถูกขับออกจากสกุล สามีที่เคยรักใคร่ ก็ยื่นหนังสือหย่าให้อย่างมิคิดใยดี ปล่อยนางที่กำลังตั้งครรภ์แก่ใกล้คลอด ต้องออกมาเผชิญชีวิตอย่างยากแค้น “ลมหายใจของเจ้าอย่างไรเล่า ที่เจ้ายังไม่ให้มันกับข้า!” “ชีว...
Komen