“อย่างไรเจ้ายังน่ารังเกียจเช่นเดิมเมื่อใดจะเลิกใช้วิธีการสกปรกเช่นนี้เสียที ข้าบอกเจ้าไปหลายครั้งแล้วว่าถึงอย่างไรงานหมั้นหมายระหว่างเราก็ไม่มีทางเกิดขึ้น ต่อให้เจ้าจะพยายามมากเพียงใดก็ตาม” “เขาพูดอะไรของเขากันน่ะ ใครจะหมั้นกับเขากันตาขี้เก๊กเอ๊ย” “ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะว่านเยว่เฟย!!” “เป็นอะไร เจ้ากำลังเปลี่ยนไปเล่นบทใสซื่อบริสุทธิ์อยู่งั้นหรือ เจ้าไม่คิดว่าหลังจากเหตุการณ์ที่เจ้า…ลอบเข้าไปหาข้าที่ตำหนักสองเดือนก่อนนั่นผู้คนจะหลงลืมงั้นหรือ "สตรีน่ารังเกียจแห่งต้าหยวน" อย่าคิดว่าแกล้งตกน้ำแล้วจะเรียกร้องความสงสารจากเสด็จพ่อเพื่อบีบบังคับให้ข้ารับเจ้ามาเป็นพระชายา ชาตินี้ต่อให้เหลือเจ้าเป็นสตรีเพียงคนเดียว ข้าก็ไม่มีทางที่จะ…." “ท่านพล่ามพอหรือยัง” “อะไรนะ” “คิดว่าเป็นองค์ชายแล้วแน่นักหรือ ใหญ่มาจากไหนก็แค่มังกรน้อยลูกของฮ่องเต้ไม่ใช่หรืออย่างไรมีสิทธิ์อันใดมาต่อว่าผู้อื่น...” “หุบปาก!!”
View Moreจวนสกุลว่าน
“เร็ว ๆ เข้ารีบไปเอาผ้าห่มมาเพิ่มอีก”
ท่านหญิง “ว่านเยว่เฟย” บุตรีคนโตของเสนาบดี “ว่านตง” พลัดตกน้ำในสระหลังจวนในตอนหัวค่ำของวันพระจันทร์เต็มดวง วุ่นวายถึงหมอหลวงในวังที่ต้องรีบมาทำการตรวจรักษาถึงสามคนตามพระบัญชาของฮ่องเต้
“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”
“ท่านเสนาบดี… อาการท่านหญิงค่อนข้างจะวิกฤติ นางตกลงไปในน้ำนานเกินไปจึงทำให้ขาดอากาศหายใจ ข้าน้อยคิดว่าท่านควรจะ….”
“แคก แคก…. เฮือก!!”
“เยว่เฟย!!”
เสนาบดีว่านรีบวิ่งไปยังข้างเตียงของบุตรสาวในทันที หมอหลวงเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าท่านหญิงที่พึ่งตกน้ำ เขามั่นใจว่านางนอนหายใจรวยรินอยู่อาการนั้นคงไม่รอดพ้นคืนนี้ไปได้แต่บัดนี้นางกลับลุกขึ้นมาไอและพ่นน้ำออกมา
“เร็วเข้าท่านหมอ รีบเข้ามาดูอาการนางหน่อย”
“ขอรับ!”
คนที่พึ่งฟื้นมิได้พูดสิ่งใด สายตานางพร่าเบลอจนมิอาจจำสิ่งใดได้ “หวังเยว่เฟย” แอร์โฮสเตสสาวที่พึ่งได้เข้าทำงานเพียงครึ่งเดือน เธอจำได้ว่าเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ห้องเครื่องทำให้เครื่องบินทั้งลำดิ่งลงก้นมหาสมุทรแปซิฟิก
“แคก แคก…อะไรกันเนี่ย…. เฮือก!!”
นางพยายามหายใจราวกับต้องการอากาศอย่างถึงที่สุด เพียงสามถึงสี่ครั้งและก็ล้มตัวนอนหมดสติไป……
สองวันถัดมา
เปลือกตาที่ค่อนข้างหนาค่อย ๆ กะพริบขึ้นสู้แสงแดดอ่อน ๆ ในยามสายซึ่งไม่แน่ใจว่าจะเป็นช่วงเวลาใดและวันที่เท่าไหร่ เมื่อร่างอรชรของสตรีในชุดนอนสีขาวแขนยาวค่อย ๆ ยกแขนขึ้นมาจับไปที่หน้าผาก
“โอย…. เจ็บชะมัดเลย”
“ท่านหญิงฟื้นแล้ว เร็วเข้ารีบไปเรียนนายท่านแล้วรีบตามท่านหมอ”
“เจ้าค่ะแม่นม”
“ลี่ฝู เสี่ยวชิงเร็ว ๆ เข้าพวกเจ้ารีบไปเตรียมน้ำ เตรียมชุดใหม่มาให้คุณหนูเร็ว ๆ เข้า เจ้าน่ะ ส่งคนไปแจ้งที่เรือนใหญ่บอกอนุซูให้ทราบด้วย”
(อะไรกัน แม่นม อนุซู…. เรียกใครกันนะ ท่านหญิงงั้นหรือ…)
“เฮ้ย!! อะไรเนี่ย!!”
ดวงตาเบิกกว้างและตกใจเมื่อชุดที่สวมใส่ไม่เหมือนกับชุดผู้ป่วยในโรงพยาบาลแต่เป็นชุดผ้าหนายาวเหมือนกับในซีรีส์จีนโบราณที่เธอชอบดู
“ท่านหญิงเจ้าคะ ท่านรู้สึกอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“โอ๊ย!!”
จบคำที่เรียกนาง เสียงที่ดังขึ้นในหัวก็เริ่มโจมตี ทุกความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าของร่างเดิมกำลังพุ่งเข้ามาราวกับสายน้ำที่ทะลักอย่างยากจะหยุดยั้ง
(ท่านหญิง “ว่านเยว่เฟย” บุตรีเสนาบดีฝ่ายขวาของฝ่าบาท มารดาคือองค์หญิงเสี่ยเล่อพระนาม “หยางเนี่ยเฟย” สิ้นพระชนม์ไปเมื่อนางอายุได้เพียงเจ็ดขวบ….)
“อะไร นี่มันข้อมูลอะไรกัน เรามีชื่อเดียวกันงั้นเหรอ โอ๊ย!!”
“ท่านหญิง!! เร็วเข้าเรียกท่านหมอมาที เสิ่นปา หวังหลี่เร็ว ๆ เข้า”
(ข้าไม่ได้พลัดตกน้ำ ไม่ได้เลอะเลือนแต่มีคนพยายามฆ่าข้าเพราะหวังในอำนาจ ช่วยข้าฉีกหน้าคนเหล่านั้น แก้แค้นให้ข้าด้วย…)
“หยุด!! ฉันไม่…โอ๊ย…”
(อนุซูของท่านพ่อและบุตรสาว คือผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งในใจข้าพวกนางเกลียดข้ามาก รองลงมาคือลู่……)
เสียงนั้นเริ่มไกลออกไปจนเงียบลง หวังเยว่เฟยในร่างของ “ว่านเยว่เฟย” ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางพบว่าตรงหน้าคือสตรีสูงวัยเกือบจะเป็นยายของนางได้มองนางด้วยสายตาที่เป็นกังวลไม่น้อย
“ท่านหญิงเจ็บตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ แม่นมเรียกหมอมาให้แล้วรอสักครู่นะเจ้าคะ”
“อะไรนะ ใครนะ แม่นมไหน แล้ว…. นั่น!!”
ว่านเยว่เฟยหันไปมองกระจกที่อยู่ไกล ๆ ก็แทบตกใจและไม่มั่นใจ ร่างบางรีบก้าวเท้าลงจากเตียงจนล้มลงไปอีกครั้งเพราะนางแทบจะไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินเพราะหมดสติไปกว่าสามวัน
“ว้าย!! ท่านหญิง!!”
“มะ ไม่เป็นไร…รอเดี๋ยวก่อนขอตั้งสติหน่อย ฉันอยู่บนเครื่องบิน…. เครื่องกำลังดิ่งลงแล้วฉันก็หมดสติไป แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่ที่ไหน”
“ท่านหญิงนี่ท่านจำสิ่งใดไม่ได้เลยหรือเจ้าคะ ที่นี่คือเมืองหลวงของต้าหยวนเจ้าค่ะ รัชสมัยของฮ่องเต้หยางจวิ้นหรงซึ่งเป็นเสด็จลุงของท่านหญิงอย่างไรเล่าเจ้าคะ”
ภาพในกระจกตรงหน้าทำให้นางต้องตกใจไปอีกครั้ง แม้ว่า “ว่านเยว่เฟย” จะเป็นคนสวยอยู่แล้วแต่ก็ต้องยอมแพ้ให้กับผู้ที่อยู่ในกระจกในตอนนี้ ผิวขาวละเอียดไร้ไฝฝ้า ดวงตาโตดุจลูกกวางที่สดใสอีกทั้งจมูกที่ได้รูปราวกับปั้นมาโดยหมอศัลยกรรมฝีมือขั้นเทพ ปากรูปกระจับที่สาว ๆ ในยุคของนางไฝ่ฝัน ทุกอย่างรวมกันอยู่บนใบหน้านี้ได้อย่างลงตัว
“ฝันไปเหรอเนี่ย สวยอะไรแบบนี้แม้แต่ไอดอลก็ยังชิดซ้าย”
“ท่านหญิง อย่างได้หมอนเพิ่มหรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าจะสั่งให้คนนำมาเพิ่มให้นะเจ้าคะ”
“อะไรนะ…เอ่อ…”
แม่นมมิได้คุยกับนางแล้วแต่นางหันไปจัดแจงให้คนที่พึ่งเข้ามาอีกสองคนเตรียมน้ำและผ้าสำหรับทำความสะอาดให้นางอยู่
“ว่านเยว่เฟย…. อะไรวะเนี่ยแล้วฉันจะกลับบ้านยังไง ที่นี่มันไม่ใช่ที่ของฉัน”
“ท่านหญิงเจ้าคะ”
สาวน้อยสะดุ้งสุดตัวเมื่อสาวใช้เดินมาเรียกขานนางอีกครั้ง ท่าทีตื่นกลัวและสายตาราวลูกกวางถูกทิ้งทำให้ “เสี่ยวชิง” สาวใช้ประจำตัวนางรู้สึกแปลกกับท่าทางของท่านหญิง
“ท่านหญิง ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะอย่าทำเช่นนี้สิเจ้าคะบ่าวรู้สึกไม่ดีเลยเจ้าค่ะ”
“ฉัน…ไม่ใช่…เจ้า…นาง…”
“ข้าเสี่ยวชิงอย่างไรเจ้าคะ ทางนั้นน้องสาวของข้า “ลี่ฝู” แม่นมอิ๋งเจ้าค่ะ คุณหนูเจ้าคะ นี่ท่าน…”
“เสี่ยวชิงอย่าพึ่งถามท่านหญิง รีบพาท่านหญิงไปอาบน้ำก่อนเถอะเร็ว ๆ เข้า”
“เจ้าค่ะ”
กว่าที่ว่านเยว่เฟยจะตั้งสติได้ก็อาบน้ำจนเสร็จและได้ดื่มชาร้อน ๆ เข้าไปนั่นแหละนางถึงได้มานั่งทบทวนบางอย่างที่เตียงเงียบ ๆ
“นึกว่าจะมีแต่ในนิยายกับซีรีส์เสียอีก แล้วนี่ต้องหาตัวฆาตกรแทนนางสินะฉันถึงจะกลับบ้านได้ แล้วถ้ากลับไม่ได้ล่ะต้องอยู่ที่นี่งั้นเหรอ แล้ว....”
“เจ้าคะ ท่านหญิงอยากได้อาภรณ์ใหม่หรือเจ้าคะ”
“หา??…. เอ่อ เสี่ยว…”
“เสี่ยวชิงเจ้าคะ”
“อ้อ…เสี่ยวชิง ข้า…. ก่อนหน้านี้เป็นเช่นไรงั้น…อย่างนั้นหรือ”
“คุณหนูท่านถามเช่นนี้หรือว่า ท่านหลงลืมจนหมดสิ้นเลยหรือเจ้าคะ แม้แต่เรื่องในคืนก่อนที่ท่านตกน้ำไปท่านก็จำไม่ได้หรือเจ้าคะว่าท่านไปที่นั่นได้เช่นไร”
“ข้า…จำอะไรไม่ได้เลย”
“เยว่เฟย!! ลูกพ่อเจ้าฟื้นแล้วพระโพธิสัตว์คุ้มครอง องค์เสวียนกงคุ้มครองให้เจ้ารอดปลอดภัย ลูกพ่อ…”
ผู้ที่เรียกตัวเองว่าพ่อพุ่งกายเข้ามากอดนางด้วยความเร็ว อ้อมกอดของบิดาที่นางไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนเพราะในชาติที่แล้ว หวังเยว่เฟยมีเพียงมารดาเท่านั้นเพราะบิดาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่นางยังเด็ก
“เจ้ารู้สึกเจ็บตรงไหนหรือไม่ ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนแล้วยัง…”
“คุณ…ไม่สิ ท่าน…พ่อ…. ข้า ไม่เจ็บแล้ว เจ้าค่ะ”
นางรู้สึกว่ายากยิ่งนักในการใช้คำโบราณเหล่านี้ โชคดีที่ไม่ต้องกินวุ้นแปลภาษาเข้าไปเพราะหวังเยว่เฟยถือเป็นเด็กอัจฉริยะ เธอพูดได้ถึงห้าภาษา เรียนจบแพทย์ตามใจมารดาที่อยากให้เรียน
เธอเก่งกีฬาทุกรูปแบบขอแค่ได้ทดลองเล่น สิ่งที่เธอชอบคือกีฬาผาดโผนทุกชนิดและอาชีพที่ไฝ่ฝันคือนักบิน และเมื่อมารดาเสียชีวิตตอนเธออายุยี่สิบสาม หลังจากนั้นเธอก็หันหลังให้กับวิชาแพทย์ตอนอายุยี่สิบแปดและหันมาเอาดีทางด้านแอร์โฮสเตสซึ่งเป็นอาชีพที่เธอใฝ่ฝันแทนจนกระทั่ง…..
“ดีแล้ว ๆ ท่านหมอมาหรือยัง พวกเจ้าเรียกหมอมาเร็ว ๆ เข้า”
“ท่านพี่เหตุใดท่านจึงพูดจาเสียงดังเช่นนี้เล่าเจ้าคะ เสียงดังจนดังไปถึงเรือนหลัง”
สตรีในชุดกรุยกรายสีส้มอ่อนเดินเข้ามาพร้อมกับบางคนที่เดินตามมาซึ่งว่านเยว่เฟยเห็นไม่ชัดนัก เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาใกล้ ๆ นางจึงได้เห็นสตรีผู้นั้นชัด ๆ และหัวก็เริ่มปวดขึ้นมา
“โอ๊ย!!”
“เยว่เฟย เร็วเข้า แม่นมรีบไปเอาน้ำมาให้นาง แล้วนี่หมอล่ะ ท่านหมอมาหรือยัง!!”
“ซูหลิง” ทำท่าระอาและเบื่อหน่าย สีหน้านั้นมิได้มาเพื่อเยี่ยมเยือนนางแต่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดเมื่อเห็นว่านางฟื้นและรอดปลอดภัยดี ว่านเยว่เฟยเพียงแค่มองผู้มาเยือนก็รู้ว่านางไม่ได้มาดีเป็นแน่
(คน ๆ นี้น่าจะเป็นเมียของพ่อสินะ เรียกว่าอนุซูงั้นเหรอ)
“หึ แค่เห็นหน้าข้าก็ออกอาการเชียวนะ หรือว่าท่านหญิงแค่อยากจะเรียกร้องความสนใจจากบิดาเท่านั้น”
“ลู่หนิงลี่” ผลักประตูเข้ามาโดยพลการ หมอฮ่าวและเยว่เฟยที่อยู่ในห้องหันมาและจื่อหรงก็ดึงคู่หมั้นของเขามาใกล้ ๆ ทันที“หนิงลี่ เธอมาทำอะไรที่นี่ พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าหากไม่มีธุระก็ไม่ต้องมา”“พี่จื่อหรง พี่จะแต่งงานกับ...เธองั้นเหรอ”“ใช่ มีอะไรน่าตกใจกันล่ะ”“แล้วฉันล่ะ ฉันละคะพี่เอาฉันไปไว้ที่ไหนพี่จื่อหรงทั้ง ๆ ที่คุณพ่อของพี่ก็บอกว่าเรา…”“แต่พี่ก็บอกคุณพ่อไปแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับเธอ พูดต่อหน้าเธอด้วยและวันนั้นเราก็คุยกันจบแล้ว คุณพ่อเธอก็รับรู้แล้วคุณพ่อพี่ก็เช่นกันดังนั้นระหว่างเราไม่มีอะไรเกินกว่าคำว่าคนรู้จัก”“แต่ว่าฉันรักพี่นะคะ”“ตายจริงใครมาวิ่งตามผู้ชายถึงที่นี่ล่ะเนี่ยเสียงดังออกไปถึงข้างนอก อ้อ เธออีกแล้วเหรอหนิงลี่”“พี่ชิงอัน!! ฉันเป็นน้องพี่นะ”ชื่อที่ถูกเรียกทำให้ว่านเยว่เฟยหันไปมองทันที “ลู่ชิงอัน” ในชุดกาวน์สีขาวเดินมามองหน้าผู้หญิงอีกคนที่ยืนหน้าประตูและหันเอาแฟ้มมาวางที่โต๊ะของจื่อหรง“พี่หรงนี่รายงานที่ขอไปวันก่อน ไม่มีอะไรผิดปกติวางใจได้ เธอคือ…ว่าที่พี่สะใภ้ของน้องเหรอ”“ใช่แล้วชิงอัน จริงสิเยว่เฟยนี่ลู่ชิงอัน เจ้าหน้าที่เทคนิคการแพทย์ในโรงพยาบาลนี้”“อะไรนะ
คอนโดเยว่เฟย “คุณพักที่นี่เหรอ”“ค่ะ ฉันซื้อเอาไว้ตอนที่แม่เสียเมื่อหลายปีก่อน”“หรูจริง ๆ ด้วยแฮะ”“คุณหมอคงไม่รังเกียจคนว่างงานที่เอาแต่เขียนนิยายอย่างฉันหรอกใช่ไหมคะ”“คุณเคยเป็นหมอมาก่อนนี่ หมอศัลยกรรมสมองคนเก่งของโรงพยาบาลชื่อดังเสียด้วยทำไมคุณถึงลาออกล่ะ”“คุณสืบประวัติฉันเหรอคะ อยากโดนลงโทษเหรอคะคุณหมอ”“ไม่ใช่นะ ผมก็แค่… คุ้นชื่อคุณก็เลยไปสืบดูเท่านั้น ทำไมคุณถึงลาออกแล้วไปเป็นแอร์โฮสเตสละครับ”“อืม คงเพราะอยากจะพบคุณมั้งคะ สวรรค์คงจะกำหนดเอาไว้แบบนั้นตั้งแต่แรกแล้ว”“เยว่เฟย คำพูดของคุณทำไมดูโบราณจังเลยล่ะ”“อะไรนะ โบราณงั้นเหรอคะ”“ใช่ ผมว่าจะถามมานานแล้วแต่…”“เจ้าคือบุปผาในฤดู…”“เดี๋ยว!! อย่าพึ่งพูด”“หมอคะ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”“เปล่า แต่ผมเคยได้ยินประโยคนี้”“อะไรนะคะ”ว่านเยว่เฟยมองดูฮ่าวจื่อหรงที่ยืนขึ้นและจับเธอเอาไว้พร้อมกับสบตาเธออีกครั้ง“เจ้าคือบุปผาในฤดูใบไม้ผลิสำหรับข้าเสมอ เยว่เฟยของข้า”ว่านเยว่เฟยยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อมองไปที่เขาอีกครั้ง ฮ่าวจื่อหรงเองก็เผลอร้องไห้ออกมาเช่นกันโดยที่เขาเองก็ไม่เข้าใจแต่เขารู้สึกว่าประโยคนี้ควรจะพูดตอนนี้กับเธอคนนี้เพียงคนเดียว“
เธอขยับหนีเขาไม่ได้ ราวกับร่างกายถูกสะกดเอาไว้ให้หยุดนิ่งและเมื่อเขาเริ่มโน้มตัวเข้ามาใกล้ เธอก็เผลอตัวยื่นหน้าขึ้นไปรับสัมผัสที่คุ้นเคยเพราะในชาติก่อนว่านเยว่เฟยและท่านอ๋องฮ่าวจื่อหรงมักจะแสดงความรักต่อกันตลอดเวลาที่มีโอกาส ตลอดเวลาที่แต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันมาเกือบหกสิบปี พวกเขารักกันจนลมหายใจสุดท้ายจริง ๆ“อือ…อ๊ะ หมอคะ”แทนที่เขาจะหยุดแต่กลับเลือกที่จะดันตัวเธอเข้าไปในห้องข้างในและเริ่มยกตัวเธอเข้าไปวางที่เตียงของเขา เสียงหายใจหอบถี่เพราะความตื่นเต้นจนเธอเองก็รู้สึกได้เพราะเธอเองก็เป็นเหมือนกับเขา“ว่านเยว่เฟย คุณเป็นแม่มดเหรอ”“คะ? คุณหมอคุณพูดอะไรนะคะ ฉัน…อื้อ”เธอกำต้นแขนเขาแน่น หมอฮ่าวยังสวมชุดกาวน์สีขาวอยู่ตอนที่วิ่งตามเธอออกมาจากโรงพยาบาลและตอนนี้ก็กำลังจูบเธออย่างกระหายและกำลังซึมซับบางอย่างพร้อมกับความสับสนของเขาที่เริ่มคลี่คลายเมื่อได้เห็นหน้าเธออีกครั้ง“เยว่เฟย”“จื่อหรง…”“คุณต้องการผมหรือเปล่า”“ฉัน…”“เยว่เฟย ผมถามคุณว่า….”“อย่าถามอีกเลยค่ะ ฉันเป็นของคุณ… มาโดยตลอด”เสื้อกาวน์สีขาวและเสื้อโค้ชของเธอถูกโยนทิ้งไปคนละทาง ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่เ
ว่านเยว่เฟยมองสบตาเขา แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเธอจึงขยับหน้าเข้าไปใกล้เขาโดยไม่รู้ตัว ฮ่าวจื่อหรงเองก็ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างให้ทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อนกับคนไข้ของตัวเอง เมื่อริมฝีปากของทั้งคู่ทาบปิดกันสนิทและเริ่มขยับเข้าหากันอย่างเผลอตัว ภาพในหัวก็เกิดขึ้นในสมองของหมอฮ่าวทันที“เจ้าคือบุปผาในฤดูใบไม้ผลิสำหรับข้าเสมอ… เยว่เฟยของข้า”“อ๊ะ!!”ว่านเยว่เฟยตกใจเมื่อคุณหมอฮ่าวถอยออกและกึ่งผลักเธอออกมาทันทีด้วยท่าทางที่ตกใจเมื่อหันมามองหน้าเธอชัด ๆ อีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองและทำไมถึงได้เห็นภาพแบบนั้นในหัวเวลาที่เขาจูบเธอ และนี่เป็นสิ่งที่หมอไม่ควรทำกับคนไข้ของตัวเอง“ผม… ผมขอโทษ ขอตัวก่อน”“คุณ…”เยว่เฟยไม่ร้องตามเขาแม้ว่าอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สัมผัสจากริมฝีปากนั้นคุ้นเคยจนทำให้เธอร้องไห้ออกมาอีกครั้ง คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวที่จดจำเขาได้ไม่มีวันลืม“จื่อหรง… ท่านช่างใจร้ายนัก เหตุใดต้องปล่อยข้าเอาไว้เช่นนี้ หากรู้ว่าต้องเป็นเช่นนี้ข้าไม่ตามท่านมาหรอกคนใจร้าย ฮือ…”“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!!”ฮ่าวจื่อหรงยืนหน้าแดงอยู่ที่หน้าห้องคนไข้พิเศษของเขา สิ่งที่เขาเห็นตอน
แววตาของเธอรื้นไปด้วยน้ำตาทันที ไม่ใช่เพราะยังปรับแสงไม่ได้แต่เพราะชื่อที่พึ่งจะได้ยิน เธอพยายามลุกขึ้นมาและมองเขาใกล้ ๆ ชัด ๆ อีกครั้ง คุณหมอเห็นว่าเธอพยายามจะลุกขึ้นมาซึ่งเป็นเรื่องน่าประหลาดที่คนไข้จะสามารถลุกขึ้นมาได้ทั้ง ๆ ที่หมดสติไปหลายวันอีกทั้งเธอยังบาดเจ็บตามตัวอยู่หลายแห่ง“คุณค่อย ๆ ลุกอย่าพึ่งรีบร้อน…คนไข้ครับ นี่คุณทำอะไร”“จะ…จื่อ…คุณ…. ชื่อ….”สายตาที่หันมามองสบตาเธอนั้นนิ่งไป และเมื่อทั้งคู่สบตากันก็เหมือนจะมีบางอย่างทำให้คุณหมอฮ่าวหยุดนิ่งไปเช่นกัน ทำไมเขาถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับเธอแบบนี้ และรู้สึกเหมือนกับเคยรู้จักเธอมาก่อนทั้ง ๆ ที่เขามั่นใจว่าเขาไม่เคยเจอเธอแน่ ๆ“ตอนนี้คนไข้รู้สึกยังไงบ้างครับ”“จื่อ.... หรง”หมอฮ่าวชะงักไปเมื่อเธอเรียกชื่อเขาเฉย ๆ อย่างคนคุ้นเคย เขาหันไปขมวดคิ้วและมองเธออีกครั้งด้วยความแปลกใจกึ่งสงสัย สีหน้าของเธอซีดเซียวแต่ยังคงสวยมาก ๆ เพราะเธอเป็นแอร์โฮสเตสละมั้งถึงได้มีหน้าตาที่สวยแม้แต่ตอนที่ป่วยก็ยังดูสวยอยู่“คุณ รู้จักผมเหรอครับ”เพียงคำถามนั้นก็ทำเอาเธอปากสั่นและน้ำตาก็เริ่มไหลออกมาไม่หยุดจนเขาตกใจ กล่องทิชชูถูกยกมาวางที่ตรงหน้าและเขาก็รี
โรงพยาบาล ติ๊ด ติ๊ด….. เสียงของใครคนหนึ่งที่คุยกับคนอีกหนึ่งหรือสองคนไม่แน่ใจเพราะสติที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง เสียงที่ดังขึ้นมาแม้ว่าจะจับใจความอะไรไม่ได้แม้ว่าหูจะเริ่มได้ยินเสียงที่ชัดขึ้นแต่ร่างกายกลับยังไม่ตอบสนองอย่างที่ต้องการ เมื่อค่อย ๆ เริ่มหายใจ ลมเย็น ๆ ที่อยู่ปลายจมูกก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ต้องพยายามขนาดนั้น แม้ว่าจะมองไม่เห็นตัวคนพูดแต่เสียงที่เริ่มชัดขึ้นก็ทำให้ร่างที่นอนอยู่ค่อย ๆ กะพริบตาขึ้น ราวกับหลับไปนานแสนนานและแสงที่เริ่มไม่คุ้นเคยนี้ก็ทำให้ “ว่านเยว่เฟย” หลับตาลงไปอีกครั้ง “ข้าอยู่ที่ไหน เกิดใหม่อีกแล้วงั้นหรือ ท่านพี่ท่านพาข้ามาที่ใดข้าไม่อยากจากท่านไป นานเหลือเกินแล้วที่เราจากกัน แม้จะเพียงแค่ปีเดียวที่ท่านด่วนจากไปแต่ข้าไม่มีทางลืมท่าน จื่อหรง…พาข้าไปกับท่านด้วย” “เยว่เฟยยอดรักของข้า อีกไม่นานเราจะได้พบกัน…อีกครั้ง” “อย่าไปเพคะท่านพี่ รอข้าก่อนฮ่าวจื่อหรง อย่าไป!! รอข้าก่อน” “รอ…รอก่อน…หรง…จื่อหรง” เสียงงึมงำนั้นเรียกความสนใจของพยาบาลสาวที่กำลังปรับเครื่องช่วยหายใจอยู่ เมื่อคนไข้มีการตอบสนองเธอจึงเรียกคุณหมอทันที “คุณหมอคะ ดูเหมือนว่าคนไข้จะมีการตอบสนอ
เยว่เฟยไม่รอช้าเพราะนางเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี นางผลักเขาลงไปและเริ่มใช้ลิ้นกับองค์ชายทันที อกแน่น ๆ ที่นางเฝ้าฝันว่าสักวันจะกัดจนเขาต้องร้องขอความเห็นใจ กล้ามท้องที่เป็นลอนทุกครั้งที่กระแทกเข้าออก ทั้งหมดนี้เป็นของนางเพียงคนเดียว“อ๊าา จื่อหรง อื้อ…”"เยว่เฟยเจ้างดงามยิ่งนัก เมื่อมองเช่นนี้แล้วข้าจะ…เริ่มทนไม่ไหว"“ท่าน…จะทนได้กี่ครั้งกันนะท่านพี่”“เจ้ายั่วข้าเช่นนี้ อย่าหวังว่าคืนนี้จะได้พัก”“อ๊าา ข้าเอง ข้าขยับเองเพคะ อ๊าา ท่านพี่ เสียวมาก อื้อ…”จื่อหรงเองก็เริ่มเกร็งหน้าท้องระหว่างที่นางขย่มเขาอยู่ด้านบน ทั้งท่วงท่าและลีลาที่ยั่วยวนนี้มีหรือเขาจะทนไหว ไม่นานเขาก็แตะทางสวรรค์จนนางสั่งให้เขาเป็นผู้ทำบ้างเพราะนางไม่ยอมหยุด เป็นครั้งแรกที่จื่อหรงรู้สึกว่าเยว่เฟยร้องขอเรื่องแบบนี้ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เพียงแค่สามรอบนางก็เริ่มอยากจะพักแล้ว“อ๊าา แน่นดีจัง โอ๊วว ท่านพี่ เสียวมาก ลึกมาก อ๊าา…”“รอบนี้จบเราควรจะพักได้แล้ว เจ้าต้องพักแล้วเยว่เฟย”“อื้อ ก็ได้เพคะ อ๊าา เร่งอีกนิดจะ…ไม่ไหวแล้วว อ๊าา”กว่าพายุรักจะสงบลงก็เกือบจะรุ่งสาง คู่บ่าวสาวที่พึ่งเข้าพิธีส่งตัวนอนซุกในอกของกันและกันบนเตี
“อย่ามัวแต่พูด เข้ามาเสียทีข้ารอนานแล้ว อ๊าา….”สิ้นเสียงเรียกร้องนั้นเขาก็ตอบสนองนางทันทีเพราะตัวเขาเองก็อดทนรอเวลานี้มาแสนนานแล้วเช่นกัน หลายวันที่เกิดเรื่องขึ้นพวกเขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลยแม้ว่าจะอยู่ในห้องเดียวกันก็มิอาจทำเรื่องเช่นนี้ได้เพราะเกรงคนจะสงสัย“อาา แน่นมาก...”แรงกระแทกและเสียงครางดังกว่าทุกครั้งและความต้องการของทั้งสองคนก็มีมากเช่นเดียวกัน“อ๊าา ลึกอีกเพคะ อ๊าา เสียวมากเลย อื้อ…”“เยว่เฟยข้าจะทนไม่ไหว ขอแก้ตัวอีกรอบนะไม่ไหวแล้ว อาา…”ไม่นานหลังจากนั้นองค์ชายแปดก็เกร็งตัวขึ้นมา เยว่เฟยเองก็คาดไม่ถึงว่าเขาจะถึงสวรรค์เร็วเช่นนี้ ดูท่าคืนนี้นางคงต้องเหนื่อยอย่างที่เขาพูดเอาไว้จริง ๆ เพราะองค์ชายแปดอัดอั้นมานานหลายวัน คืนนี้คงไม่ปล่อยในนางนอนกอดเขาอย่างเดียวดังเช่นหลายคืนที่ผ่านมาเป็นแน่“จื่อหรง ข้าขอพัก อ๊ะ!! อย่าพึ่งเข้ามา ข้า อ๊าา จื่อหรง”“อีกทีนะ ไม่นานหรอกรอบนี้… เยว่เฟยเจ้ารัดข้าแน่นเกินไปแล้ว”“ก็บอกแล้วว่าขอพักก่อนท่านก็ไม่ยอม อ๊าา ต้องโดนเช่นนี้แหละ”“เจ้ากล้าทำเช่นนี้กับสามี ไม่กลัวว่าข้าจะเอาคืนหรือ อาา เยว่เฟยทนไม่ไหวแล้วข้า…อาา!!”“แฮก แฮก…”“ข้ายังไม่เหนื่อ
“ชิงอัน… ชิงอัน!! ไม่นะ”องค์ชายแปดจับชีพจรของลู่ชิงอันและค่อย ๆ จับไหล่ของลู่อี้เทียนเป็นเชิงปลอบ เขารู้ทันทีว่านางจะไม่ลืมตาขึ้นมาอีกแล้ว ลู่อี้เทียนกอดร่างน้องสาวเอาไว้แน่น ร่างของซูหลิงถูกยกออกมานอกห้อง บัดนี้เรื่องราวและคดีที่ต้องไขกระจ่างจนหมดสิ้นอีกทั้งตัวผู้บงการ ฆาตกรก็ล้วนแต่จบชีวิตลงที่นี่ในวันนี้จนหมดสิ้น“เยว่เฟย… เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“จื่อหรง…”“มันจบแล้วเยว่เฟย มันจบแล้ว”“ข้าส่งนางไปได้แล้ว…”ฮ่าวจื่อหรงกอดเยว่เฟยเอาไว้แน่น นางตัวสั่นไปทั้งตัวเพราะไม่เคยเห็นเรื่องเช่นนี้มาก่อนในชีวิตนี้หรือแม้แต่ชีวิตก่อนหน้านี้เองก็ตาม หลังจากข่าวการตายของซูหลิงแพร่ออกไปราวกับว่านหนิงลี่เองก็จะรับรู้ ไม่นานหลังจากนั้นนางเองก็จากไปอย่างสงบเช่นกันเพราะพิษที่นางได้รับนั้นกัดกินภายในจนมิอาจช่วยได้ อีกอย่างเมื่อไม่มีซูหลิงหนิงลี่ก็ไม่ต่างกับผู้ที่ไร้หลักยึด นางจึงไม่มีกำลังใจจะสู้ต่อ “ท่านพ่อเจ้าคะ”“พ่อดีใจที่จนถึงตอนนี้ พ่อไม่เคยทำผิดต่อท่านแม่ของเจ้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว ก่อนหน้านั้นพ่อรู้สึกผิดกับท่านแม่ของเจ้าและเจ้ามาโดยตลอด”“ท่านพ่อ เรื่องทุกอย่างมันผ่านไปหมดแล้วนะเจ้าคะ ท่านก็อย่า
Comments