จ้าวมี่อิง แอร์โฮสเตสสาวสวย พ่อแม่ตายหมดและเป็นโสด หญิงสาวมีความใฝ่ฝันอยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเหมือนกับคนอื่นๆ บ้าง คุณสมบัติไม่ต้องมาก แค่ขอให้หล่อ รวย ภูมิฐาน โคตรเก่ง หน้าที่การงานเป็นเลิศ และที่สำคัญพ่อแม่ตายหมด เพราะขี้เกียจมีปัญหากับพ่อแม่สามีในอนาคต ในขณะที่รอขึ้นบินไฟท์ต่อไปที่ซีอาน ที่นั่นจัดเทศกาลชีซี โดยธีมงานต้องแต่งชุดฮั่นฝู เข้าร่วมชมงานเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมโบราณเมื่อครั้งเมืองแห่งนี้เคยเป็นนครฉางอาน เมืองหลวงในอดีตอันยิ่งใหญ่มาแล้วหลายราชวงศ์เมื่อหลายพันปีก่อน มี่อิงเข้าร่วมงานนั้น ด้วยชุดฮั่นฝูโบราณ ในคืนนั้นเธออธิษฐานขอพรจากสวรรค์และเกิดดาวตกร่วงหล่นลงมา เธอขอพรจากสวรรค์เบื้องบนชนิดที่เรียกว่าครบสูตรและจัดเต็ม ข้อความยาวเหยียดจนสวรรค์ บันทึกข้อมูลแทบไม่ทัน มิหนำซ้ำยังลงท้ายด้วยว่าขอให้พบเนื้อคู่ทันที ในเมื่อเธอกล้าขอสวรรค์ก็กล้าให้์ ทันทีที่ลืมตาขึ้นมา ก็ได้พบกับแม่ทัพหนุ่มแห่งต้าถัง จางเย่วฉินเพียบพร้อมไปด้วยคุณสนมัติที่เธอขอทุกประการ ไม่มีขาดตกบอกพร่อง ทว่าดันเกิดกันคนละยุคเมื่อสาวสวยจากยุคศตวรรษที่ 21 ได้เนื้อคู่ในยุคอดีตสมับราชวงศ์ถัง มิหนำซ้ำในสายตาของเขา เธอคือโจรสาว “หัวขโมย”
더 보기หากแต่สายตาจับจ้องอยู่ที่นิ้วมือเรียวสวยของมี่อิงบริเวณเล็บมือซึ่งถูกฉาบด้วยสีนู้ดชมพูกลีบบัว นิ้วเรียวดั่งลำเทียนและเล็บมือที่ตัดได้รูปสวยครั้นเคลือบด้วยสีสันหวานลออตาดังกล่าว ทำให้คุณหนูตระกูลเฉียนเฝ้าจับจ้องมิรู้คลายราวกับว่านางอยากแต่งแต้มเช่นนั้นบ้างท่ามกลางสายตาของมี่อิงจนอดไม่ได้ที่จะถามกลับไป “เธอเอาแต่มองเล็บมือของฉันอยู่ตลอดเวลาเลยแสดงว่าอยากมีเล็บแบบนี้ใช่ไหม”หญิงสาวถามกลับไป และนั่นทำให้คุณหนูตระกูลเฉียนตาลุกวาววับขึ้นมาทันที “อือ...เจ้าคาดเดาได้ถูกแล้ว ข้าอยากเรียนรู้การแต่งแต้มเล็บมือเช่นนี้บ้าง อีกทั้งอยากรู้ด้วยว่าจะสามารถหาซื้อสิ่งที่นำมาประทินโฉมนี้ได้จากที่ใดกัน อีกทั้งเครื่องประทินโฉมที่เจ้าใช้จนขับดวงหน้าสวยงามอะไรเช่นนี้ซื้อมาจากแหล่งใดบอกข้าได้หรือไม่ ข้าอยากรู้บางทีถ้ามีเครื่องประทินโฉมดั่งเจ้าอาจทำให้ข้าได้ออกเรือนเร็วขึ้น”คุณหนูตระกูลเฉียนพูดออกไปอย่างไม่อ้อมค้อมต่อหน้าเพื่อนใหม่ของนาง มี่อิงแทบจะสำลักน้ำชาที่กำลังจิบอยู่ในขณะนั้นออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “นี่เธอ!อะไรจะรีบด่วนออกเรือน ปีนี้อายุเท่าไรกันเชียวทำไมถึงอยากมีสามีเร็วถึงเพียงนี้ทั้งๆ ที่อา
จวนสกุลเฉียน“โอโห่! คุณหนูเจ้าขางามจังเลยเจ้าค่ะ บ่าวยังไม่เคยพานพบสตรีที่มีความงดงามเช่นนี้มาก่อนเลย”อี๋นั่วพูดออกมาทันใดครั้นเห็นใบหน้าของมี่อิงอย่างชัดเจนในขณะที่เจ้าตัวก้มลงสำรวจตัวเองไปทั่วก่อนจะเงยหน้ามองเพื่อนใหม่ต่างยุคที่กำลังยืนนิ่งมองใบหน้าของเธอจนตาค้างเลยทีเดียว“นี่พวกเธอเป็นกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่มีลักษณะแบบฉันเลยหรือไง”มี่อิงถามกลับไปอย่างสงสัย“ไม่เคยมีเช่นเจ้าแม้แต่ผู้เดียว!”สองนายบ่าวพูดพร้อมต่างส่ายหน้าไปมาอย่างพร้อมเพรียงฉับพลันเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นอยู่ภายในประตูจวน“คุณหนูกลับมาแล้วอย่างนั้นหรือขอรับ”เสียงนั้นดังออกมาก่อนที่ตัวจะมาถึงพร้อมร่างสันทัดสูงไม่ถึง 165 เซนติเมตรก้าวออกมาจากประตูจวนสกุลเฉียน“คุณหนูมาพอดีเลยใต้เท้ากำลังถามหาอยู่ อีกอย่างคุณชายสกุลวะ..หวัง”เอ่ยได้เพียงเท่านั้นพลันต้องเงียบงันครั้นดวงตากระทบเข้ากับร่างงามระหงของมี่อิงซึ่งยืนอยู่เคียงข้างคุณหนูของตนและนั่นทำให้เฉียนจินเอ๋อต้องรีบแก้สถานการณ์อย่างรวดเร็วด้วยเพราะพ่อบ้านประจำตระกูลดันมาเห็นเพื่อนใหม่ของนางเข้าให้ด้วยความบังเอิญ“ถ้าเช่นนั้นข้าจะเข้าไปหาท่านพ่อภายหลัง วัน
“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”มี่อิงตัดสินใจถามกลับไปด้วยความอยากรู้และเพื่อให้แน่ใจอีกฝ่ายพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันพร้อมเอ่ยขึ้น“เจ้าอยากจะถามอะไรข้าเหรอ!”เสียงของคนเป็นเจ้านายตอบกลับมา ในขณะที่คนเป็นบ่าวนั่งเม้มปากสนิทอยู่ใกล้ๆ“ที่นี่คือเมืองอะไร!ตั้งอยู่ที่ไหนอย่างนั้นเหรอ”หญิงสาวในโลกอนาคตถามกลับไปทันทีด้วยความอยากรู้ก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบกลับมา“ที่นี่คือเมืองฉางอาน เมืองหลวงของต้าถัง...นี่เจ้าอย่าบอกนะว่าไม่ล่วงรู้แท้จริงแล้วกำลังอยู่ที่ไหน”เสียงของอีกฝ่ายตั้งคำถามกลับมาใบหน้าแสนสวยของสาวยุคใหม่เกิดอาการเหวอขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น ทว่าก็ยังเข้าข้างตัวเองไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินและได้เห็นในขณะนี้คือความจริง“เมืองหลวงฉางอานของต้าถัง! ใช่เมืองที่อยู่ในสมัยราชวงศ์ถังหรือเปล่า”มี่อิงถามกลับไปอือ! อีกฝ่ายส่งเสียงตอบรับอยู่ในลำคอพร้อมพยักหน้าขึ้นลง“ดูท่าเจ้าคงไม่เคยมาที่ฉางอานจึงตั้งคำถามเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าในฐานะชาวเมืองฉางอานก็จะแนะนำเมืองหลวงที่แสนภาคภูมิใจแห่งนี้ให้เจ้าฟัง ว่าที่ซึ่งเจ้ากำลังอยู่ในเวลานี้คือเมืองหลวงฉางอาน แห่งแผ่นดินต้าถังปกครองโดยพระเจ้าถังไท่จงฮ
หนึ่งชั่วยามผ่านไปท่ามกลางสายตาของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถังจางเยว่ฉิน กำลังยืนอยู่บริเวณทางเข้าออกของประตูเมืองฉางอาน ร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกพร้อมกวาดสายตาไปทุกทิศทาง แม่ทัพหนุ่มเริ่มกลับมาเป็นปกติหากแต่อาการจุกและเจ็บหน่วงๆ ตรงบริเวณหว่างขายังไม่ทุเลาเสียเท่าใดนัก พร้อมเสียงของทหารคนสนิทซึ่งคอยติดตามรับใช้เอ่ยขึ้น “ท่านแม่ทัพนั่งก่อนดีไหมขอรับ ยืนอยู่เช่นนี้จะทำให้อาการเจ็บหน่วงตรงหว่างขาปะทุขึ้นมาอีกได้จะไม่เป็นผลดีต่อตัวท่านหรือว่าจะให้ข้าน้อยไปตามหมอมาดูอาการ”ทหารรับใช้คนสนิทนามว่ากัวเหยียนไฉถามด้วยความเป็นห่วงทว่าดูท่าท่านแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถังจะมิได้ฟังคำของคนสนิทแต่อย่างใด ด้วยเพราะภายในใจตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองและต้องการพบสตรีอาภรณ์ขาวเป็นยิ่งนัก“สตรีผู้นี้ช่างหาญกล้ายิ่งนัก..อีกทั้งมีวรยุทธ์ล้ำเลิศถึงขนาดทำร้ายท่านแม่ทัพผู้ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าไม่มีผู้ใดทัดเทียม แต่นี่นางกลับเล่นกระหน่ำเข้าจุดดวงใจท่านแม่ทัพจนนิ่งสนิท จุกไปถึงอกเลยทีเดียว”เหยียนไฉรำพึงออกมาเบาๆโป๊ก!!! ปลายดาบที่อยู่ในมือของแม่ทัพหนุ่มที่กำลังถูกเอ่ยถึงกระหน่ำลงบนศีรษะทหารคนสนิททันที“พูดมากจริงนะ!แล้วนี่มายืน
ระหงให้เดินออกมาจากทางเข้าของประตูเมืองฉางอาน หากแต่ครั้งนี้เบาแรงลงไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว ครั้นมี่อิงได้ยินเช่นนั้นถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกขึ้นมาเลยทีเดียว ในขณะที่กำลังถูกลากพยายามขืนตัวเองไปตลอดทางที่กำลังก้าวเดิน ดวงตาคู่งามกวาดสายตาหากลุ่มคนที่เธออาจจะพอรู้จักเพื่อขอความช่วยเหลือไปทั่วบริเวณงานก่อนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ แต่ยังมิทันที่จะเริ่มสังเกตอะไรต่อไป หูของเธอแทบดับเมื่อเสียงของผู้ชายที่กำลังใช้แรงลากเธออยู่ตะโกนก้องขึ้นมาโดยพลัน“เอาม้ามา!ข้าจะกลับจวน!!!”“โอ้ย! อยู่ก็ไม่ไกลแค่ไม่ถึง 50 เมตรด้วยมั้งอีตาบ้านี่ตะโกนออกมาทำไมหูดับแล้วฉัน”มี่อิงพูดพร้อมทำหน้าทำตาคล้ายกำลังหูจะตึงก็ว่าได้ ก่อนจะได้ยินเสียงสั่งการของผู้ชายตรงหน้าเธอขึ้นมาอีกครั้ง“ไปแจ้งกรมอาญาด้วยว่าข้าจะนำส่งนักโทษจากแดนเหนือไปให้”“ขอรับท่านแม่ทัพ!”เสียงของชายมากมายที่อยู่บนหลังม้าต่างส่งเสียงขานรับ ท่ามกลางความแปลกใจของมี่อิง“นี่พวกเขาแสดงละครเวทีอยู่อย่างนั้นเหรอ ถึงได้พูดจาสมัยย้อนยุคแบบนั้น”เธอยืนบ่นพึมพำพร้อมกับรู้สึกว่ามือทั้งสองข้างถูกรวบเข้าหากันพร้อมเชือกกำลังจะนำมามัดมือเรียวสว
แกรบบบบ!!! ส้นเท้าสัมผัสกับสิ่งของบางอย่างที่ไปเหยียบเข้าด้วยความบังเอิญ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันใดด้วยรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างอยู่ใต้รองเท้าของเธอ“ไปเหยียบโดนอะไรเข้าก็ไม่รู้”มี่อิงพูดพร้อมถอนเท้าออกอย่างรวดเร็วพลางเพ่งสายตามองพื้นเบื้องล่าง หากแม้นหญิงสาวสังเกตจะพบว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ด้วยพื้นเบื้องล่างในยุคปัจจุบันเป็นพื้นซีเมนต์แต่ในยุคอดีตเบื้องล่างคือพื้นดิน มี่อิงเอื้อมมือลงเก็บสิ่งที่อยู่ใต้เท้านำขึ้นมาจากพื้นก่อนจะพบว่ามีลักษณะเป็นถุงผ้าบรรจุบางอย่างเอาไว้ภายในมีน้ำหนักมากพอสมควร“มันคืออะไร”หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความสงสัยพลางชั่งน้ำหนักถุงผ้าดังกล่าวบนฝ่ามือ“หนักเหมือนก้อนหินเลยวุ้ย”พูดพร้อมหันหลังกลับเดินเข้าไปในประตูเมืองมองหาแสงสว่างเพื่อคลี่ถุงผ้าในมือของเธอ โดยไม่ได้มองทิศทางตรงหน้าแต่อย่างใดว่าบัดนี้มีร่างสูงใหญ่ของบุรุษยืนขวางหน้าเธออยู่ในขณะนั้นพลั่ก! ร่างของมี่อิงปะทะเข้ากับอกกว้างของผู้ชายตรงหน้า ซึ่งเธอมีความสูงเพียงระดับหน้าอกของเขาเท่านั้น พรืดดด!!! จู่ๆ มี่อิงก็ถูกแรงมหาศาลกระชากท่อนแขนเรียวของหญิงสาวเอาไว้“เจ้านี่เอง!ที่ขโมยถุงเงินของข้าไป!เจ้าหัว
ในขณะที่ใบหน้าไม่ต้องแต่งเติมอะไรเพิ่มด้วยเพราะสวยเฉี่ยวอยู่แล้ว มีเพียงเติมแป้งผสมรองพื้นสีเดียวกับเนื้อผิวพร้อมลิปสติกสีกลีบบัวให้แน่นกว่าเดิมและแต้มสีแดงลงไปอีกตรงเนื้อปากบริเวณด้านในให้มีมิติแต่พองาม ร่างงามค่อยๆ ถูกสวมชุดฮั่นฝูสีขาวเนื้อผ้าโปร่งบางเบาและสวมทับเสื้อคลุมตัวยาวทำมาจากผ้าไหมสีขาวเงาระยับปักลายหงส์สีเงินด้วยไหมที่สามารถสะท้อนแสงเงาวาวระยับ คาดทับด้วยเข็มขัดผ้าปักลายหงส์เพิ่มความทะมัดทะแมงทีละชิ้น ก่อนจะนำชายผ้าห้อยระย้าจากบริเวณหัวไหล่เสื้อคลุมมาผูกห้อยไว้ที่ข้อมือทั้งสองข้างลงบนเรือนร่างงาม ยามเวลาเคลื่อนไหวร่างกายชายผ้าจะพลิ้วไหวสวยงามเวลาก้าวเดิน“เสร็จแล้วเพอร์เฟคมาก นี่แหละเทพธิดาของเทศกาลชีซี”เจ้าของร้านพูดชมฝีมือตัวเองในขณะที่มี่อิงยืนกะพริบตามองตัวเองที่อยู่ในชุดฮั่นฝูสมัยโบราณ สะท้อนผ่านกระจกเงาด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่เห็นตัวเธออยู่ในชุดโบราณเป็นครั้งแรกในชีวิต“นี่ตัวเราหรือนี่! ว้าว”มี่อิงได้แต่พูดเพียงแค่นั้นก่อนจะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเอ่ยขึ้น ผู้หญิงในยุคถังจะต้องมีดอกไม้ตรงกลางหน้าผากด้วย แต้มสีแดงสดใสลงไปด้วยจะยิ่งสวยมากกว่าเดิมจนละสายตาไม่ได้เลยเชียว
มี่อิงหยุดชะงักพลางหันกลับมามองด้านหลังของเธอและพบว่า มีหญิงวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบปลายๆ ยืนส่งยิ้มให้“พี่สาวเรียกหนูเหรอคะ”มี่อิงถามพร้อมยกนิ้วชี้หันเข้าหาตัวร่างอวบอิ่มเดินออกจากร้านดังกล่าวตรงเข้ามาหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว“เรียกน้องสาวนั่นแหละคะจะเรียกใครซะอีก”หญิงคนดังกล่าวตอบกลับไปท่ามกลางความแปลกใจของอีกฝ่าย“มีอะไรหรือเปล่าคะถึงเรียก”มี่อิงถามกลับไปด้วยความอยากรู้ก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบกลับมา“พี่สาวเห็นมายืนอยู่หน้าร้านก็เลยคิดว่าคงต้องการอยากได้ชุดโบราณเพื่อสวมเข้าไปชมงานเทศกาลชีซี แต่ก็แปลกใจที่ไม่เห็นเข้ามาภายในร้านจู่ๆ ก็เดินออกไปก็เลยรีบออกมาเรียกนะจ๊ะ”หญิงคนดังกล่าวตอบกลับไปและนั่นทำให้คนงามพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันครั้นได้ยินเช่นนั้น“อ่อ...อย่างนี้เองถึงได้ออกมาเรียก หนูอยากมาเดินชมเทศกาลชีซีจริงคะเพราะยังไม่เคยมาเที่ยวงานนี้สักครั้งเลย และไม่รู้ว่าธีมปีนี้ต้องแต่งชุดโบราณเข้าชมงาน บริเวณหน้างานมีบริการให้เช่าชุดก็จริงแต่คิวยาวมาก เห็นร้านพี่สาวไม่มีคนหนูก็เลยเดินเข้ามา แต่พออ่านเงื่อนไขก็เลยคิดว่ากลับไปนอนต่อดีกว่า”มี่อิงตอบกลับไปอย่างไม่อ้อมค้อม ตามนิสัยที่เป็นค
เทศกาลชีซีเทศกาล "ชีซี" ตรงกับวันแรม 7 ค่ำ เดือน 7 ซึ่งจะตรงกับเดือนสิงหาคม ตามปฏิทินสากลในแต่ละปีวันจัดงานเทศกาลดังกล่าวจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับว่าขึ้น 7 ค่ำตรงกับวันที่เท่าไรในเดือนสิงหาคมของแต่ละปีนั่นเอง ตามตำนานของหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า ถือเป็น "วันวาเลนไทน์จีน" ยังมีชื่อเรียกอื่นเช่น "ชีเฉี่ยวเจี๋ย" เทศกาลขอให้ประสิทธิประสาทความประณีตละเอียดอ่อน "เซ่าหนี่ว์เจี๋ย" เทศกาลเด็กสาว หรือ "หนี่ว์เอ๋อร์เจี๋ย" หรือเทศกาลหญิงสาวพอถึงวันที่ 7 เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน บรรดาหญิงสาวก็จะเตรียมด้ายหลายๆ สีและเข็ม 7 เล่ม หากใครสามารถร้อยด้ายเข้ารูเข็มทั้ง 7 เล่มได้ ก็จะเป็นผู้มีฝีมือในด้านการเย็บปักถักร้อยเหมือนสาวทอผ้าในนิทาน และจะมีการอวยพรให้มีความสุขร่างระหงของจ้าวมี่อิงเดินเตร็ดเตร่มาเรื่อยๆ แถวหุยหมินเจีย ซึ่งเป็นถนนคนเดินดั้งเดิมของชาวจีนมุสลิม ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซีอาน สองข้างทางบนถนนมีร้านรวงขายของทั้งอาหารพื้นเมืองอย่างของแห้งและขนมมากมาย มี่อิงทานอาหารเช้า กลางวันและเย็นรวดเดียวเสร็จสรรพในมื้อเดียว ภายในมือของหญิงสาวถือถ้วยไอศกรีมเดินตักกินไปด้วยตามท้องถนนที่ถูกประ
มหานครเซี่ยงไฮ้ อาคารสูงระฟ้ามากมายผุดพรายขึ้นภายในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของจีน มีท่าเรือที่มีจำนวนเรือคับคั่งที่สุดในโลก และมีคนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นมากที่สุดในจีน ที่ผสมผสานความเป็นเมืองเก่าและเมืองใหม่ได้อย่างลงตัว ที่เป็นทั้งศูนย์กลางการพาณิชย์และการเงินที่สำคัญ เอกลักษณ์อันโดดเด่นของมหานครแห่งนี้นั่นก็คือหอไข่มุก (The Oriental Pearl Tower) หรือไข่มุกเอเชีย เป็นสัญลักษณ์ของนครเซี่ยงไฮ้ เป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในเอเชียและสูงเป็นอันดับ 3 รองจากแคนนาดาและรัสเซีย สูง 468 เมตร ภายในหอไข่มุกเป็นปล่องลิฟท์ความเร็ว 7 เมตร/ 1 วินาที สาเหตุที่เรียกว่าหอไข่มุก เนื่องจากด้านบนหอสร้างเป็นรูปไข่มุก 3 เม็ด 3 ขนาดลดหลั่นกันไปกันในแนวตั้ง โดยไข่มุกเม็ดที่ 1 ที่แสดงถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของนครเซี่ยงไฮ้ เม็ดที่ 2 เป็นส่วนที่ใช้เป็นสถานีรับส่งสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ของเซี่ยงไฮ้ และเม็ดที่ 3 เป็นส่วนของร้านอาหารและโรงแรม สามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำหวงผู่ ซึ่งในเวลากลางคืนจะมีการเปิดไฟประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของนครเซี่ยงไฮ้อีกด้วย ค...
댓글