ในขณะที่ผู้คนมากมายซึ่งเดินทางมาร่วมพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ต่างพากันทำหน้าเลิกลั่กกันทุกคนเมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นของอีกฝ่าย ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเจ้าบ่าวในพิธีมงคลวันนี้
“เหตุใดท่านแม่ทัพจึงพูดเช่นนั้น ก็ท่านนั้นแหละคือเจ้าบ่าวและนี่คือเจ้าสาวของท่าน ฮ่องเต้ประทานสมรสพระราชทานให้หลงลืมไปแล้วหรือไร อย่ามัวแต่ยืนตะลึงในความงามของเจ้าสาวอยู่เลยรีบนำเข้าไปทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินเร็วเข้าเดี๋ยวจะเลยฤกษ์ยามอันเป็นมงคล”เสียงที่ตอบกลับมาราวกับว่าล่วงรู้ทุกอย่างเป็นอย่างดีในขณะที่คนฟังถึงกับงงเป็นตาแตกครั้นได้ยินเช่นนั้น “เฮ้ย! จะบ้าเหรอนี่ฉันเป็นผู้หญิงนะไม่ใช่ผู้ชายจะมาเป็นเจ้าบ่าวได้อย่างไงกัน! ไม่เอา!”มี่อิงโวยวายขึ้นมาทันทีพร้อมหันหลังกลับจะเดินเข้าไปภายในจวน “เดี๋ยวก่อน!”เสียงเรียกดังกระหึ่มรั้งร่างไว้ให้รอดังอยู่ทางด้านหลัง และเสียงนั้นทำให้มี่อิงต้องหันหลังกลับมามองทันใดครั้นได้ยินเสียงของบุรุษ ร่างสูงใหญ่มหึมาในชุดเจ้าสาวเดินตรงเข้าไปหามี่อิง ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าความสูงโดดเด่นช่างแตกต่างกันอย่างลิบลับเมื่อแม่สาวน้อยมีความสูงอยู่แค่หน้าอกของเจ้าสาวร่างยักษ์เท่านั้น พร้อมร่างตรงหน้าค่อยๆ ย่อกายลงจนมาหยุดอยู่ในระดับที่สามารถมองเห็นหน้าเจ้าบ่าวได้อย่างถนัด ผ้าแดงที่ปิดหน้าถูกมือใหญ่เปิดออกพร้อมเผยใบหน้าของเจ้าสาวตัวโตปรากฏออกมาให้มี่อิงได้เห็นเต็มสองตา “นี่คือสมรสพระราชทานของข้าและท่านแม่ทัพที่ฮ่องเต้ทรงประทานให้! เราสองต้องเข้าแต่งงานกันในวันนี้จะปฏิเสธข้าอย่างนั้นเหรอ! หากท่านปฏิเสธเหตุใดจึงยอมรับพระบรมราชโองการเสียตั้งแต่คราแรก อีกทั้งยังสวมชุดแต่งงานและมายืนรอรับข้าไปเข้าพิธีด้วย”เสียงห้าวกังวานใหญ่ถามกลับไป ท่ามกลางอาการตกใจสุดขีดของหญิงสาว จ้าวมี่อิงถึงกับยืนนิ่งอยู่กับที่ครั้นได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะรีบก้มลงสำรวจตัวเองและพบว่าบัดนี้ตัวเธอเองอยู่ในชุดแต่งงานสีแดงเพลิงของเจ้าบ่าว “เฮ้ย! นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันขึ้น! ทำไมฉันมาสวมชุดเจ้าบ่าวแบบนี้! ฉันเป็นผู้หญิงนะจะมาเป็นเจ้าบ่าวได้อย่างไงไม่นะ!!!!!”จ้าวมี่อิงแผดเสียงโวยวายกึกก้อง “ไม่นะ! ไม่นะ!!!!!”เสียงร้องโวยวายแผดเสียงดังก้อง ครืดดดดดด!!! เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือพร้อมเสียงเพลงดังโครมครามอยู่บนโต๊ะข้างเตียง พรึ่บ!!!! เปลือกตาที่ปิดสนิทพลันเปิดขึ้นทันใดพร้อมขนตางอนยาวกะพริบขึ้นลงติดต่อกัน ดวงตาสีชากวาดไปทั่วห้องนอนที่เธอกำลังนอนอยู่ในขณะนั้นก่อนจะรีบลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเตียงนอนทันที เฮ้อ!!! เสียงถอนหายใจดังออกมาก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกโล่งใจ “ที่แท้ก็ฝันไปนี่เอง โชคดีนะที่เป็นแค่ความฝันไม่ใช่ความจริง ขืนต้องเจอเหตุการณ์พิลึกพิลั่นเหมือนในความฝันคงจะต้องเป็นไมเกรนตายแน่ๆ ถ้าเราต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้น”หญิงสาวบ่นพึมพำพลางเหลือบสายตาไปยังโทรศัพท์มือถือของเธอที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบและกดปิดสัญญาณปลุกให้เงียบลง “ตั้งเวลาตื่นตอนหกโมงเช้าเพื่อที่จะลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน แต่ทำไมนาฬิกาดันปลุกตื่นตอนตีห้าหว้า แปลกจังเลย”หญิงสาวบ่นพลางส่ายศีรษะไปมา ร่างระหงเดินตรงไปเข้าห้องนอนเพื่อทำธุระส่วนตัวเตรียมตัวเดินทางไปทำงาน เพียงไม่นานมี่อิงในชุดฟอร์มของบริษัทสายการบินยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งสายการบินนี้ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน โดยรัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ถึง 61.64% เครื่องแบบพนักงานต้อนรับของสายการบินดังกล่าวดูเรียบเก๋ และทะมัดทะแมง โดยเฉพาะชุดสูทสีเข้มที่คาดเข็มขัดสีแดงสด รับกับผ้าพันคอลายดอกไม้สีแดงบนผืนผ้าไหมสีกรมท่า พันรอบคอผูกปล่อยชายด้านข้างสวมหมวกสีกรมเข้มทำให้เปรี้ยวสะดุดตา ยิ่งเมื่อมาอยู่บนเรือนร่างกลมกลึงของจ้าวมี่อิงด้วยแล้ว คำว่านางฟ้าเหมาะสมกับเธออย่างยิ่งยวด “อือหือ! อิงอิงหนออิงอิงเธอเองก็สวยไม่เบาเลยนะเนี่ย นางฟ้าชัดๆ”หญิงสาวพูดอวยให้ตัวเองด้วยความภาคภูมิใจกับความสวยของเธอที่แม่และพ่อให้มา ร่างอรชรหันกลับไปคว้ากระเป๋าเดินทางสีดำซึ่งบรรจุข้าวเครื่องใช้ส่วนตัวของเธอสำหรับการขึ้นบินแต่ละครั้ง และวันนี้ถือได้ว่าเป็นการขึ้นบินอย่างเป็นทางการครั้งแรกของมี่อิงหลังจากฝึกอบรมมานานกว่าสามเดือนด้วยคะแนนสูงสุดและความสามารถทางการใช้ภาษาต่างประเทศซึ่งเธอสามารถพูดได้ถึง 5 ภาษาด้วยกัน โดยหญิงสาวจะต้องเริ่มปฏิบัติงานในเที่ยวบินไฟท์ภายในประเทศไปตามเมืองและมณฑลต่างๆ ของจีนจนครบทุกท่าอากาศยานเป็นเวลาหกเดือนหลังจากนั้นจึงจะได้บรรจุเข้าปฏิบัติงานในเที่ยวบินระหว่างประเทศในระดับนานาชาติเป็นไปตามข้อกำหนดของสายการบินที่คัดพนักงานที่มีความสามารถทุกด้านซึ่งได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีภายใต้สถานการณ์ที่หลากหลาย หญิงสาวลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้องนอนก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแท่นบูชา ซึ่งมีรูปพ่อและแม่ของเธอที่เสียชีวิตไปหมดแล้วตั้งอยู่ “ปะป๋า!มะม้า! วันนี้อิงอิงสวยไหม ตอนนี้หนูได้บรรจุเป็นแอร์โฮสเตสของสายการบินใหญ่ที่สุดของประเทศแล้วนะ ได้เงินเดือนบรรจุครั้งแรกตั้งสองหมื่นหยวนแหนะ ยังไม่รวมค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าไฟท์บินแต่ละเที่ยวด้วยนะ ปะป๋ามะม้าไม่ต้องห่วงอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้อิงอิงมีงานประจำที่ดีและมั่นคงมีรายได้สูงมากๆ ที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องห่วงอีกต่อไป รักปะป๋ามะม้ามากนะคะอีกสองอาทิตย์เจอกัน... บายบาย” สาวน้อยคนงามพูดพลางส่งจูบไปให้ภาพถ่ายพ่อและแม่ก่อนจะก้าวออกจากห้องพักของเธอมุ่งหน้าไปสู่ท่าอากาศยานเซี่ยงไฮ้ผู่ตงเพื่อเริ่มทำงานในอาชีพแอร์โฮสเตสเป็นครั้งแรก2 สัปดาห์ผ่านไปมณฑลส่านซี ณ.เมืองซีอานซีอาน เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน และเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของโลกเมืองหนึ่ง มีความหมายว่า ความสงบสุขทางตะวันตก เป็นเมืองหลวงของมณฑลส่านซี ในประเทศจีน และเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์จีน ในอดีตซีอานได้เป็นเมืองหลวงของ 13 ราชวงศ์รวมทั้ง โจว ชิน ฮั่น และ ถัง ซีอานยังเป็นเมืองปลายทางของเส้นทางสายไหม ซีอานมีประวัติอันยาวนานมากกว่า 3,100 ปี โดยชื่อเดิมว่า ฉางอาน ซึ่งมีความหมายว่า "ความสงบสุขชั่วนิรันดร์" ซีอานเป็นเป็นเมืองที่เจริญและใหญ่ที่สุดในส่วนตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน และเป็น 1 ใน 10 เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนภายในโรงแรมขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองหลวงซีอาน ใกล้สนามบินนานาชาติซีอาน-เสียนหยาง ร่างของมี่อิงนอนหงายเหยียดยาวอยู่บนเตียงนอนของโรงแรม อากาศในเดือนสิงหาคมของเมืองซีอาน เป็นช่วงฤดูร้อนที่มีระยะเวลา 3.7 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม ถึงวันที่ 9 กันยายน และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายวันสูงกว่า 26°C วันที่ที่มีอากาศร้อนที่สุดของปีคือเดือนกรกฎาคม โดยมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยเท
ชายหนุ่มหยุดนิ่งไม่ขยับร่างกายที่เขาเพิ่งจะฝ่าผ่านคับแคบมาได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ริมฝีปากหนาจูบลงไปที่ขมับอีกฝ่ายเบาๆ เป็นเชิงปลอบโยนก่อนจะไล้จูบไปตามแก้มนวลเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหญิงสาวออกไป เมื่อดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเคลิบเคลิ้มกับรสสัมผัสของเขาไปแล้ว สองมือแกร่งก็จับเรียวขาที่ข้างหนึ่งพาดบ่าอีกข้างเกี่ยวไว้ที่เอวสอบออกก่อนจะแยกให้อ้าออกกว้างยิ่งกว่าเดิม แล้วกดสะโพกหนาโถมกายบุกทะลวงผ่านม่านพรหมจรรย์ที่คับแน่นเข้าไปจนสุดเพียงชั่วอึดใจอ๊ะ!...กรี๊ด! หญิงสาวกรีดร้องออกมาเสียงดัง สองมือเรียวกำหมัดทุบลงที่ไหล่แกร่งเป็นพัลวันเพื่อระบายความเจ็บที่เกิดขึ้น หยาดน้ำตาเม็ดโตไหลรินออกมาทางหางตา ชายหนุ่มกอดรัดร่างงามเอาไว้แน่นจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน เขารู้ว่าหญิงสาวเจ็บและตัวเขาเองก็ปวดหนึบไม่แพ้กันเมื่อช่องทางคับแคบของหญิงสาวบีบรัดแกนกายเขาเอาไว้จนแทบหายใจไม่ออกเช่นกัน สองร่างหยุดนิ่งอยู่เช่นนั้นไปพักใหญ่ก่อนที่ชายหนุ่มจะเริ่มขยับสะโพกค่อยๆ กระแซะๆ เข้าออกอย่างช้าๆ สัมผัสเนิบนาบเป็นไปอย่างช้าๆ และทะนุถนอมจนหญิงสาวเริ่มผ่อนคลายและโอนอ่อนผ่อนตามชายหนุ่มอย่างว่าง่าย เพียงไม่นานจังหวะ
“ใครโทรเข้ามาในห้อง! คนกำลังจะนอนขัดอยู่ได้”มี่อิงบ่นพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์จ้าวมี่อิงค่อยๆ หมุนตัวจากปลายเตียงคืบคลานไปทางหัวเตียงอย่างช้าๆ ด้วยเพราะเธอขึ้นชื่อในการนอนดิ้นชนิดที่ว่าตอนเข้านอนกับตอนตื่นนอนคนละเรื่องเลยทีเดียว มือเรียวสวยไขว้คว้าหาเครื่องรับโทรศัพท์ก่อนจะยกขึ้นจ่อเข้าที่ใบหู“ฮานโหลลลล”เสียงยานคางตอบปลายสายกลับไปพร้อมส่งเสียงหาวนอนตามติดมา“เสี่ยวอิงยังนอนอยู่อีกเหรอ ฉันโทรเข้ามือถือแต่เธอดันปิดเครื่องก็เลยกดโทรเข้าห้อง”เสียงปลายสายถามกลับมา“อือ...ยางนอนอยู่...มีอาราย”เธอยังตอบเสียงยานคางกลับไปด้วยยังครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ในขณะนั้น“อ่อ...ไม่มีอะไรหรอก วันนี้เป็นเทศกาลชีซีพี่ตงชวนฉันไปทานข้าวและบอกให้ชวนเธอไปด้วยกันนะจะได้มีเพื่อน ฉันก็ว่าดีนะได้มีเธอไปเป็นเพื่อนด้วยกัน ไปตามลำพังจะได้ไม่น่าเกลียด อีกอย่างพวกเราได้พักผ่อนตั้งสองวันมีเวลาว่างถือโอกาสไปเที่ยวซีอานด้วย”เสียงของเพื่อนร่วมงานอีกฝ่ายส่งเสียงปลายสายกลับมาและนั่นทำให้มี่อิงยกมือเกาศีรษะของเธอที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วยิ่งยุ่งเข้าไปอีก“เธอจะเอาฉันไปเป็นไม้กันหมาทำไม ไม่ดีเหรอที่พี่ตงรูปหล่อขวัญใจของเธอชวนไปกินข้าว
เทศกาลชีซีเทศกาล "ชีซี" ตรงกับวันแรม 7 ค่ำ เดือน 7 ซึ่งจะตรงกับเดือนสิงหาคม ตามปฏิทินสากลในแต่ละปีวันจัดงานเทศกาลดังกล่าวจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับว่าขึ้น 7 ค่ำตรงกับวันที่เท่าไรในเดือนสิงหาคมของแต่ละปีนั่นเอง ตามตำนานของหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า ถือเป็น "วันวาเลนไทน์จีน" ยังมีชื่อเรียกอื่นเช่น "ชีเฉี่ยวเจี๋ย" เทศกาลขอให้ประสิทธิประสาทความประณีตละเอียดอ่อน "เซ่าหนี่ว์เจี๋ย" เทศกาลเด็กสาว หรือ "หนี่ว์เอ๋อร์เจี๋ย" หรือเทศกาลหญิงสาวพอถึงวันที่ 7 เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน บรรดาหญิงสาวก็จะเตรียมด้ายหลายๆ สีและเข็ม 7 เล่ม หากใครสามารถร้อยด้ายเข้ารูเข็มทั้ง 7 เล่มได้ ก็จะเป็นผู้มีฝีมือในด้านการเย็บปักถักร้อยเหมือนสาวทอผ้าในนิทาน และจะมีการอวยพรให้มีความสุขร่างระหงของจ้าวมี่อิงเดินเตร็ดเตร่มาเรื่อยๆ แถวหุยหมินเจีย ซึ่งเป็นถนนคนเดินดั้งเดิมของชาวจีนมุสลิม ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซีอาน สองข้างทางบนถนนมีร้านรวงขายของทั้งอาหารพื้นเมืองอย่างของแห้งและขนมมากมาย มี่อิงทานอาหารเช้า กลางวันและเย็นรวดเดียวเสร็จสรรพในมื้อเดียว ภายในมือของหญิงสาวถือถ้วยไอศกรีมเดินตักกินไปด้วยตามท้องถนนที่ถูกประ
มี่อิงหยุดชะงักพลางหันกลับมามองด้านหลังของเธอและพบว่า มีหญิงวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบปลายๆ ยืนส่งยิ้มให้“พี่สาวเรียกหนูเหรอคะ”มี่อิงถามพร้อมยกนิ้วชี้หันเข้าหาตัวร่างอวบอิ่มเดินออกจากร้านดังกล่าวตรงเข้ามาหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว“เรียกน้องสาวนั่นแหละคะจะเรียกใครซะอีก”หญิงคนดังกล่าวตอบกลับไปท่ามกลางความแปลกใจของอีกฝ่าย“มีอะไรหรือเปล่าคะถึงเรียก”มี่อิงถามกลับไปด้วยความอยากรู้ก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบกลับมา“พี่สาวเห็นมายืนอยู่หน้าร้านก็เลยคิดว่าคงต้องการอยากได้ชุดโบราณเพื่อสวมเข้าไปชมงานเทศกาลชีซี แต่ก็แปลกใจที่ไม่เห็นเข้ามาภายในร้านจู่ๆ ก็เดินออกไปก็เลยรีบออกมาเรียกนะจ๊ะ”หญิงคนดังกล่าวตอบกลับไปและนั่นทำให้คนงามพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันครั้นได้ยินเช่นนั้น“อ่อ...อย่างนี้เองถึงได้ออกมาเรียก หนูอยากมาเดินชมเทศกาลชีซีจริงคะเพราะยังไม่เคยมาเที่ยวงานนี้สักครั้งเลย และไม่รู้ว่าธีมปีนี้ต้องแต่งชุดโบราณเข้าชมงาน บริเวณหน้างานมีบริการให้เช่าชุดก็จริงแต่คิวยาวมาก เห็นร้านพี่สาวไม่มีคนหนูก็เลยเดินเข้ามา แต่พออ่านเงื่อนไขก็เลยคิดว่ากลับไปนอนต่อดีกว่า”มี่อิงตอบกลับไปอย่างไม่อ้อมค้อม ตามนิสัยที่เป็นค
ในขณะที่ใบหน้าไม่ต้องแต่งเติมอะไรเพิ่มด้วยเพราะสวยเฉี่ยวอยู่แล้ว มีเพียงเติมแป้งผสมรองพื้นสีเดียวกับเนื้อผิวพร้อมลิปสติกสีกลีบบัวให้แน่นกว่าเดิมและแต้มสีแดงลงไปอีกตรงเนื้อปากบริเวณด้านในให้มีมิติแต่พองาม ร่างงามค่อยๆ ถูกสวมชุดฮั่นฝูสีขาวเนื้อผ้าโปร่งบางเบาและสวมทับเสื้อคลุมตัวยาวทำมาจากผ้าไหมสีขาวเงาระยับปักลายหงส์สีเงินด้วยไหมที่สามารถสะท้อนแสงเงาวาวระยับ คาดทับด้วยเข็มขัดผ้าปักลายหงส์เพิ่มความทะมัดทะแมงทีละชิ้น ก่อนจะนำชายผ้าห้อยระย้าจากบริเวณหัวไหล่เสื้อคลุมมาผูกห้อยไว้ที่ข้อมือทั้งสองข้างลงบนเรือนร่างงาม ยามเวลาเคลื่อนไหวร่างกายชายผ้าจะพลิ้วไหวสวยงามเวลาก้าวเดิน“เสร็จแล้วเพอร์เฟคมาก นี่แหละเทพธิดาของเทศกาลชีซี”เจ้าของร้านพูดชมฝีมือตัวเองในขณะที่มี่อิงยืนกะพริบตามองตัวเองที่อยู่ในชุดฮั่นฝูสมัยโบราณ สะท้อนผ่านกระจกเงาด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่เห็นตัวเธออยู่ในชุดโบราณเป็นครั้งแรกในชีวิต“นี่ตัวเราหรือนี่! ว้าว”มี่อิงได้แต่พูดเพียงแค่นั้นก่อนจะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเอ่ยขึ้น ผู้หญิงในยุคถังจะต้องมีดอกไม้ตรงกลางหน้าผากด้วย แต้มสีแดงสดใสลงไปด้วยจะยิ่งสวยมากกว่าเดิมจนละสายตาไม่ได้เลยเชียว
แกรบบบบ!!! ส้นเท้าสัมผัสกับสิ่งของบางอย่างที่ไปเหยียบเข้าด้วยความบังเอิญ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันใดด้วยรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างอยู่ใต้รองเท้าของเธอ“ไปเหยียบโดนอะไรเข้าก็ไม่รู้”มี่อิงพูดพร้อมถอนเท้าออกอย่างรวดเร็วพลางเพ่งสายตามองพื้นเบื้องล่าง หากแม้นหญิงสาวสังเกตจะพบว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ด้วยพื้นเบื้องล่างในยุคปัจจุบันเป็นพื้นซีเมนต์แต่ในยุคอดีตเบื้องล่างคือพื้นดิน มี่อิงเอื้อมมือลงเก็บสิ่งที่อยู่ใต้เท้านำขึ้นมาจากพื้นก่อนจะพบว่ามีลักษณะเป็นถุงผ้าบรรจุบางอย่างเอาไว้ภายในมีน้ำหนักมากพอสมควร“มันคืออะไร”หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความสงสัยพลางชั่งน้ำหนักถุงผ้าดังกล่าวบนฝ่ามือ“หนักเหมือนก้อนหินเลยวุ้ย”พูดพร้อมหันหลังกลับเดินเข้าไปในประตูเมืองมองหาแสงสว่างเพื่อคลี่ถุงผ้าในมือของเธอ โดยไม่ได้มองทิศทางตรงหน้าแต่อย่างใดว่าบัดนี้มีร่างสูงใหญ่ของบุรุษยืนขวางหน้าเธออยู่ในขณะนั้นพลั่ก! ร่างของมี่อิงปะทะเข้ากับอกกว้างของผู้ชายตรงหน้า ซึ่งเธอมีความสูงเพียงระดับหน้าอกของเขาเท่านั้น พรืดดด!!! จู่ๆ มี่อิงก็ถูกแรงมหาศาลกระชากท่อนแขนเรียวของหญิงสาวเอาไว้“เจ้านี่เอง!ที่ขโมยถุงเงินของข้าไป!เจ้าหัว
ระหงให้เดินออกมาจากทางเข้าของประตูเมืองฉางอาน หากแต่ครั้งนี้เบาแรงลงไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว ครั้นมี่อิงได้ยินเช่นนั้นถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกขึ้นมาเลยทีเดียว ในขณะที่กำลังถูกลากพยายามขืนตัวเองไปตลอดทางที่กำลังก้าวเดิน ดวงตาคู่งามกวาดสายตาหากลุ่มคนที่เธออาจจะพอรู้จักเพื่อขอความช่วยเหลือไปทั่วบริเวณงานก่อนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ แต่ยังมิทันที่จะเริ่มสังเกตอะไรต่อไป หูของเธอแทบดับเมื่อเสียงของผู้ชายที่กำลังใช้แรงลากเธออยู่ตะโกนก้องขึ้นมาโดยพลัน“เอาม้ามา!ข้าจะกลับจวน!!!”“โอ้ย! อยู่ก็ไม่ไกลแค่ไม่ถึง 50 เมตรด้วยมั้งอีตาบ้านี่ตะโกนออกมาทำไมหูดับแล้วฉัน”มี่อิงพูดพร้อมทำหน้าทำตาคล้ายกำลังหูจะตึงก็ว่าได้ ก่อนจะได้ยินเสียงสั่งการของผู้ชายตรงหน้าเธอขึ้นมาอีกครั้ง“ไปแจ้งกรมอาญาด้วยว่าข้าจะนำส่งนักโทษจากแดนเหนือไปให้”“ขอรับท่านแม่ทัพ!”เสียงของชายมากมายที่อยู่บนหลังม้าต่างส่งเสียงขานรับ ท่ามกลางความแปลกใจของมี่อิง“นี่พวกเขาแสดงละครเวทีอยู่อย่างนั้นเหรอ ถึงได้พูดจาสมัยย้อนยุคแบบนั้น”เธอยืนบ่นพึมพำพร้อมกับรู้สึกว่ามือทั้งสองข้างถูกรวบเข้าหากันพร้อมเชือกกำลังจะนำมามัดมือเรียวสว
“ข้าจะมีคนรักเหมือนเช่นผู้อื่นได้อย่างไรในเมื่อไม่รู้จักคำๆ นี้ หากอาการโหยหาความรักของข้าดั่งที่เจ้ากล่าวมาทั้งหมดเพียงเพาะไม่รู้จักคำว่ารัก เจ้ากล่าวผิดแล้วเหยียนไฉ”แม่ทัพหนุ่มพูดพลางหันกลับมามองใบหน้าคนสนิท “ข้าน้อยพูดผิดอย่างนั้นหรือขอรับ”เหยียนไฉพูดพลางหันนิ้วชี้เข้าหาตน ใบหน้าหล่อเหลาพยักขึ้นลงติดๆ กันเป็นคำตอบที่ส่งกลับมา “สาเหตุเพราะไม่มีหญิงใดทำให้ข้ารู้จักกับคำว่ารักนี้ได้ ไม่มีสตรีนางใดสามารถเข้าไปนั่งในหัวใจของข้าแม้แต่คนเดียว ในเมื่อเป็นเช่นนี้อาการโหยหารักของข้าก็ต้องเป็นเช่นนี้ไปตลอดกาล”จางเย่วฉินพูดออกมาจากความรู้สึกส่วนลึกภายใน ท่ามกลางความเงียบ กระแสลมเย็นยะเยือกพาดผ่านเรือนกายกำยำ พร้อมเกล็ดหิมะค่อยๆ โปรยปรายลงมาตรงเบื้องหน้าของจางเย่วฉิน ก่อนจะยกมือหนาขึ้นรองรับหิมะแรกของฤดูเหมันต์ที่มาถึงแล้วในยามนี้ ดวงเนตรสีนิลกาฬมองไปที่ฝ่ามือของตนเองที่เต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ ภาพในอดีตหวนคืนกลับมาเมื่อครั้งรอยฟันที่ถูกกัดอย่างแรงบนฝ่ามือเมื่อห้าปีก่อนยังปรากฏอยู่ ทุกครั้งที่เห็นบาดแผลดังกล่าว จะทำให้จางเย่วฉินนึกถึงสตรีที่เป็นต้นเหตุของรอยแผลบนฝ่าม
ยุคอดีต รัชสมัยถังเกาจงฮ่องเต้แผ่นดินในยุคโบราณขณะนี้ตรงกับยุคของราชวงศ์ถัง เข้าสู่รัชศกซ่างหยวนปีที่ 5 รัชสมัยของถังเกาจงฮ่องเต้พระนามเดิมหลี่จื่อ ทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อจากถังไท่จงฮ่องเต้ จักรพรรดิลำดับที่ 3 แห่งราชวงศ์ถังซึ่งในประวัติศาสตร์ถือว่าเป็นช่วงยุคสมัยของราชวงศ์ถังตอนต้น ในยามนี้แม่ทัพจางเย่วฉินได้รับพระราชทานโปรดเกล้าแต่งตั้งให้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหาร ควบคุมกองกำลังทหารและกองทัพทั้งหมด และยังรั้งตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารราชองครักษ์ เป็นขุนนางฝ่ายบู้ขั้น 2 ระดับเสนาบดีด้วยวัยเพียง 27 ปีเท่านั้น นับได้ว่าเป็นคนหนุ่มที่สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งทางราชการสูงสุดในเวลาอันรวดเร็ว หากแต่แม่ทัพหนุ่มชื่อกระฉ่อนกลับใช้ชีวิตอยู่แต่ในสนามรบคอยเฝ้าระวังเขตชายแดนอยู่ทางด่านนอกตอนเหนือมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่ทางราชสำนักและชาวเมืองนครฉางอานต่างพากันเรียกร้องให้แม่ทัพลือชื่อผู้นี้กลับคืนสู่เมืองหลวงอันมั่งคั่ง ช่วงระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา จางเย่วฉินสร้างความดีความชอบอย่างใหญ่หลวงทั้งให้แก่ตัวเองและเอื้อประโยชน์ต่อตระกูลจางเป็นยิ่งนัก ชื่อเสียงกระฉ่อนล่วงรู้
ในขณะเดียวกัน ยุคอนาคตร่างระหงของจ้าวมี่อิงกำลังนั่งยองๆ หลับตาปี๋อยู่ตรงประตูโค้งซึ่งเป็นทางเข้าออกของประตูเมืองตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน ท่ามกลางผู้คนมากมายกำลังแหงนหน้าชื่นชมกับดอกไม้ไฟในพิธีเปิดงานเทศกาลชีซี ฟิ้ว!ฟิ้ว!ฟิ้ว! เสียงหวีดหวิวแหวกว่ายขึ้นสู่ท้องฟ้า ปัง!ปัง!ปัง!กลุ่มก้อนเล็กๆ ต่างพากันแตกตัวเป็นสีสันมากมายอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิด เสียงดังกระหี่มกึกก้องไปทั่ว ในขณะที่ร่างของมี่อิงที่กำลังนั่งหลับตาปี๋อยู่ในขณะนั้นได้ยินเสียงดังกระหึ่มอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งอยู่บนเหนือศีรษะของเธอก็ว่าได้ “เสียงดอกไม้ไฟ! นั่นมันเสียงของดอกไม้ไฟมิใช่เหรอ แต่ว่าในฉางอานงานชีซีสิ้นสุดลงแล้วจะมีการจุดดอกไม้ไฟอีกทำไมกันอีก”หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ภายในใจ ฉับพลันเสียงจากไมโครโฟน ซึ่งดังมาจากด้านในของการจัดงานหลังประตูเมืองดังกล่าวแผดเสียงดังก้องขึ้นมาทันใด “ขอต้อนรับผู้เข้าชมงานทุกท่าน เทศกาลชีซีประจำปีนี้ของเมืองซีอานในบรรยากาศของเมืองจำลองโบราณในสมัยราชวงศ์ถังบัดนี้เริ่มต้นขึ้นแล้ว สวมชุดฮั่นฝู เที่ยวชมงานกับบรรยากาศในยุคต้าถัง ดื่มด่ำกับดอกไม้ไฟหนึ่งแสนนัดซึ่งทางซี
ในขณะเดียวกัน มิติแห่งกาลเวลาพลันเกิดซ้อนทับขึ้นมาโดยพลัน ห้วงเวลาในยุคปัจจุบันซึ่งกำลังจุดดอกไฟหนึ่งแสนนัดในงานเทศกาลชีซีอยู่ในขณะนั้นยังคงดำเนินต่อไปในโลกของอนาคต เสียงดอกไม้ไฟดังกระหึ่มกึกก้องดังแว่วเข้าหูของมี่อิง ปัง!ปัง!ปัง! เสียงกระหึ่มกึกก้องประหนึ่งฟ้าคำรามลั่นแทรกทะลุมิติเข้ามาในกาลเวลาแห่งอดีต พร้อมร่างระหงของจ้าวมี่อิงเลือนหายไปจากโลกอดีตทันที พร้อมเสียงกระโดดจากหลังคารถม้ามาหยุดอยู่ตรงประตูทางเข้า ผ้าม่านผืนใหญ่ที่กำลังปิดในขณะนั้นถูกแม่ทัพรูปงามเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พรึ่บ!!! ผ้าม่านผืนใหญ่ถูกมือหนาเปิดขึ้นอย่างรวดเร็วติดตามด้วยเสียงเกรี้ยวกราด “คิดหรือว่าซ่อนตัวในรถม้าของขุนนาง ข้าจะไม่ตรวจค้น!”เสียงตวาดดุดันดังก้อง ใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้มีชัยเลือนหายไปทันที ครั้นดวงตาสีนิลเห็นสตรีสาวสองนางกำลังซุกตัวกอดกันจนตัวกลมด้วยความหวาดกลัว อะ...เออ จางเย่วฉินได้แต่ส่งเสียงเบาๆ อยู่ในลำคอเมื่อภายในรถนั้น มีสตรีเพียงสองนางมิใช่สามนางตามรายงาน แต่ถึงกระนั้นเพื่อความแน่ใจก็ต้องตรวจค้น “เจ้าทั้งสองเงยหน้าขึ้น”เสียงกร้าวสั่งการออกไป
“โอ้ย! ค่อยยังชั่วดีนะที่ไฟดับแปปเดียวเพราะต้องการโชว์ดอกไม้ไฟ แต่ถ้าไฟดับเพราะระบบการจ่ายไฟขัดข้องท่าทางนายกเทศมนตรีเมืองซีอานได้โดนร้องเรียนแน่ว่าทำงานไม่ได้เรื่อง”สาวใหญ่เจ้าของร้านบ่นโวยวาย ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างครั้นเห็นคนสวยนั่งมองนางอยู่ในขณะนี้ “น้องสาวรอนานไหม พอดีพี่ต้องเดินกลับไปที่รถเอากล้องถ่ายรูปด้วยตัวเอง ผู้ช่วยพี่ดันมีเรื่องวุ่นวายทางบ้านเกิดขึ้นขอลากลับไปแล้ว พี่ก็เลยต้องทำเองคนเดียวหมดเลยว่าแต่...” สาวใหญ่เจ้าของร้านกล่าวได้เพียงเท่านั้นกลับต้องเงียบงันเมื่อสายตาของนางสังเกตชุดฮั่นฝูที่อยู่บนเรือนร่างของหญิงสาวแสนสวยตรงหน้ามิใช่ชุดของทางร้านที่เลือกไว้ให้ “คุณน้องชุดของพี่ที่แต่งให้หายไปไหนอย่างนั้นเหรอ แล้วเอาชุดจากไหนมาใส่แทนทำไมพี่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ไม่ใช่ชุดในร้านของพี่เลยนะ”เจ้าของร้านพูดพลางเอื้อมมือจับเนื้อผ้าพลางสังเกตลวดลายที่ปักอยู่บนตัวชุด ช่างงดงามและมีลายวิจิตรที่มิเคยเห็นมาก่อน “งาม! งามมากเลยพี่ยังไม่เคยเห็นลวดลายบนผ้าแบบนี้มาก่อนเลยนะ ฝีเข็มลงยากมากต้องใช้ความเชี่ยวชาญและทักษะสูงมากเลยทีเดียว”สาวใหญ่เจ้าของร้านพูดชมไม่ขาดปาก ใ
ในขณะเดียวกันทหารจำนวนสองนายเดินมาถึงรถม้าก่อนจะหยุดลงตรงหน้าประตู “ข้าน้อยทำตามหน้าที่ได้รับคำสั่งจากแม่ทัพจางให้ค้นหาคนร้าย ดังนั้นได้โปรดแจ้งชื่อเสียงเรียงนามผู้ที่อยู่บนรถม้าให้ครบทุกคนด้วย” กล่าวพร้อมตรงเข้าเปิดผ้าที่ปิดประตูทางเข้าของตัวรถม้าเอาไว้ทันใดบนรถม้าคันดังกล่าวล้วนเป็นสตรีทั้งสิ้น นั่งอยู่ด้วยกันสามนางพร้อมเสียงของอี๋นั่วเอ่ยขึ้นทันใด “รถม้าคันนี้คุณหนูของตระกูลเฉียนนั่งอยู่ พวกท่านยังต้องการทราบชื่อเสียงเรียงนามอยู่อีกอย่างนั้นรึ” ทหารสองนายที่ทำหน้าที่ตรวจค้นต่างหันกลับมามองหน้ากันครั้นได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะยกสองมือประสานเข้าหากันเพื่อขออภัยสตรีที่อยู่ในชนชั้นสูง “ข้าน้อยต้องขออภัย คุณหนูให้ความร่วมมือด้วยเถิดได้โปรดแจ้งชื่อเสียงเรียงนามของผู้ที่นั่งมาด้วยให้ครบเป็นคำสั่งของท่านแม่ทัพขอรับ”ทหารสองนายกล่าวอย่างนอบน้อม “แม่ทัพอีกแล้ว! เอะอะอะไรก็คำสั่งไอ้หมอนั่น”มี่อิงบ่รำพึงออกมาเบาๆพร้อมเสียงของทหารตรวจค้นเอ่ยขึ้น “ขอทราบนามผู้ที่นั่งอยู่บนรถด้วยว่ามีผู้ใดบ้าง”กล่าวพร้อมทหารที่มาด้วยกันกำลังใช้พู่กันเตรียมจดบันทึกลงในสมุดพร้อมเสียง
“เออจริงสิ! ผู้ชายคนที่มีเรื่องกับฉันนะเขามีอำนาจมากเลยเหรอถึงขนาดสั่งปิดประตูเมืองและออกคำสั่งให้ค้นหาได้ทั่วทั้งเมืองแบบนั้นนะ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าไปทำอะไรผิด ถุงเงินอะไรนั่นฉันก็เก็บได้ไม่ได้ไปขโมยของเขาเลยนะ” คุณหนูตระกูลเฉียนยิ้มออกมาบางๆ ครั้นได้ยินเช่นนั้น “ข้าเชื่อเจ้าว่าไม่ได้ทำผิด สบายใจเถอะเพราะว่าข้าเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง แต่ก็ใช่ว่าจะเห็นตั้งแต่ต้นเข้าใจว่าท่านแม่ทัพน่าจะถูกหัวขโมยล้วงถุงเงินแล้ววิ่งหนีออกมาทางประตูเมือง และบังเอิญช่วงนั้นจุดพลุไฟทำให้ท่านแม่ทัพไม่ทันได้ระวัง ข้ามาเห็นเหตุการณ์ตอนที่มีคนผู้หนึ่งวิ่งออกมาจากประตูเมืองและเห็นเจ้าเดินออกมาท่ามกลางกลุ่มคน เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจว่าคนผู้นั้นหายไปไหนเมื่อเดินชนกับเจ้าจนกระเด็นลอยออกไปไกลเลยเชียวนะ”คุณหนูตระกูลเฉียนเล่าเหตุการณ์ให้ฟังอย่างละเอียด ในขณะที่มี่อิงนั่งเอามือเท้าคางฟังเพื่อนใหม่ของเธอด้วยความรู้สึกว่าไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ “หรือว่าฉันพลัดหลงเข้ามาตอนเกิดมิติเวลาซ้อนทับ แบบนี้ก็ยิ่งแย่นะสิแล้วฉันจะรู้ได้อย่างไงว่าจะได้กลับตอนไหน”หญิงสาวรำพึงอยู่ภายในใจ ก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยขึ้
ยามอิ๋น บริเวณบนกำแพงเมือง รอยฟันกัดอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นแผลฝังลึกบนฝ่ามือของแม่ทัพหนุ่มรูปงามจางเย่วฉินเพื่อเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของเขา มิหนำซ้ำยังทำร้ายจุดอ่อนอันเป็นจุดตายของบุรุษทุกคนจนเกือบหมดรูปสิ้นชื่อไปเลยทีเดียว ดวงตาสีนิลกาฬคู่สวยเฝ้าจับจ้องอยู่กับผ้าพันแผลรอบฝ่ามือใหญ่ท่ามกลางสายตาของทหารคนสนิท “ท่านแม่ทัพยังเจ็บอยู่อย่างนั้นเหรอ”กัวเหยียนไฉเอ่ยถามพร้อมเอียงคอมองไปมา ฮึ่มมม!!! เสียงคำรามดังเบาๆ อยู่ในลำคอของแม่ทัพหนุ่มก่อนจะค่อยๆ หันกลับมามองทหารคนสนิทของตนเขม็ง เอือก!!! กัวเหยียนไฉกลืนน้ำลายลงคอทันใดเมื่อแม่ทัพหนุ่มหันกลับมาจ้องตนเช่นนั้น “แผลเล็กน้อยเพียงแค่แมวข่วนจะทำให้ข้ารู้สึกเจ็บเจียนตายได้อย่างไร! ถ้าบอกว่าเจ็บใจสิจึงจะถูกเสียมากกว่า! แล้วนี่อะไรหามาทั้งคืนแล้วยังไม่เจอตัวกันอีก สตรีตัวเล็กๆ เพียงคนเดียวแต่ทหารของข้านับร้อยชีวิตกลับหาไม่เจอช่างน่าละอายสิ้นดี!”แม่ทัพหนุ่มกล่าวอย่างหัวเสีย “โธ่! ท่านแม่ทัพหาจนไม่รู้จะทำเยี่ยงไรดีแล้ว ค้นหาทั่วทุกบ้านและร้านค้าจนชาวเมืองพากันแตกตื่นกันไปทั่ว ถามกันให้วุ่นวายว่าเกิดเหต
หากแต่สายตาจับจ้องอยู่ที่นิ้วมือเรียวสวยของมี่อิงบริเวณเล็บมือซึ่งถูกฉาบด้วยสีนู้ดชมพูกลีบบัว นิ้วเรียวดั่งลำเทียนและเล็บมือที่ตัดได้รูปสวยครั้นเคลือบด้วยสีสันหวานลออตาดังกล่าว ทำให้คุณหนูตระกูลเฉียนเฝ้าจับจ้องมิรู้คลายราวกับว่านางอยากแต่งแต้มเช่นนั้นบ้างท่ามกลางสายตาของมี่อิงจนอดไม่ได้ที่จะถามกลับไป “เธอเอาแต่มองเล็บมือของฉันอยู่ตลอดเวลาเลยแสดงว่าอยากมีเล็บแบบนี้ใช่ไหม”หญิงสาวถามกลับไป และนั่นทำให้คุณหนูตระกูลเฉียนตาลุกวาววับขึ้นมาทันที “อือ...เจ้าคาดเดาได้ถูกแล้ว ข้าอยากเรียนรู้การแต่งแต้มเล็บมือเช่นนี้บ้าง อีกทั้งอยากรู้ด้วยว่าจะสามารถหาซื้อสิ่งที่นำมาประทินโฉมนี้ได้จากที่ใดกัน อีกทั้งเครื่องประทินโฉมที่เจ้าใช้จนขับดวงหน้าสวยงามอะไรเช่นนี้ซื้อมาจากแหล่งใดบอกข้าได้หรือไม่ ข้าอยากรู้บางทีถ้ามีเครื่องประทินโฉมดั่งเจ้าอาจทำให้ข้าได้ออกเรือนเร็วขึ้น”คุณหนูตระกูลเฉียนพูดออกไปอย่างไม่อ้อมค้อมต่อหน้าเพื่อนใหม่ของนาง มี่อิงแทบจะสำลักน้ำชาที่กำลังจิบอยู่ในขณะนั้นออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “นี่เธอ!อะไรจะรีบด่วนออกเรือน ปีนี้อายุเท่าไรกันเชียวทำไมถึงอยากมีสามีเร็วถึงเพียงนี้ทั้งๆ ที่อา