เทศกาลชีซี
เทศกาล "ชีซี" ตรงกับวันแรม 7 ค่ำ เดือน 7 ซึ่งจะตรงกับเดือนสิงหาคม ตามปฏิทินสากลในแต่ละปีวันจัดงานเทศกาลดังกล่าวจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับว่าขึ้น 7 ค่ำตรงกับวันที่เท่าไรในเดือนสิงหาคมของแต่ละปีนั่นเอง ตามตำนานของหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า ถือเป็น "วันวาเลนไทน์จีน" ยังมีชื่อเรียกอื่นเช่น "ชีเฉี่ยวเจี๋ย" เทศกาลขอให้ประสิทธิประสาทความประณีตละเอียดอ่อน "เซ่าหนี่ว์เจี๋ย" เทศกาลเด็กสาว หรือ "หนี่ว์เอ๋อร์เจี๋ย" หรือเทศกาลหญิงสาว
พอถึงวันที่ 7 เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน บรรดาหญิงสาวก็จะเตรียมด้ายหลายๆ สีและเข็ม 7 เล่ม หากใครสามารถร้อยด้ายเข้ารูเข็มทั้ง 7 เล่มได้ ก็จะเป็นผู้มีฝีมือในด้านการเย็บปักถักร้อยเหมือนสาวทอผ้าในนิทาน และจะมีการอวยพรให้มีความสุข ร่างระหงของจ้าวมี่อิงเดินเตร็ดเตร่มาเรื่อยๆ แถวหุยหมินเจีย ซึ่งเป็นถนนคนเดินดั้งเดิมของชาวจีนมุสลิม ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซีอาน สองข้างทางบนถนนมีร้านรวงขายของทั้งอาหารพื้นเมืองอย่างของแห้งและขนมมากมาย มี่อิงทานอาหารเช้า กลางวันและเย็นรวดเดียวเสร็จสรรพในมื้อเดียว ภายในมือของหญิงสาวถือถ้วยไอศกรีมเดินตักกินไปด้วยตามท้องถนนที่ถูกประดับประดาด้วยแสงสีมากมายเนื่องด้วยเทศกาลชีซี และสองขาเรียวยาวหยุดลงทันใดเมื่อสายตามองตรงไปเบื้องหน้า เห็นแผ่นป้ายขนาดใหญ่ระบุสถานที่จัดงานเทศกาลชีซีในปีนี้ “เทศกาลชีซีในปีนี้จัดขึ้นที่กำแพงเมืองซีอานอย่างนั้นเหรอ”หญิงสาวอ่านข้อความบนป้ายประกาศ และแผนที่เดินทางไปสถานที่จัดงานก่อนจะรีบตักไอศกรีมที่ถืออยู่ในมือใส่ปากของตัวเองจนหมด พร้อมเรียกแท็กซี่เดินทางไปยังสถานที่จัดงานเทศกาลชีซีในปีนี้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานร่างระหงของจ้าวมี่อิง มาหยุดยืนมองกำแพงเมืองซีอานซึ่งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังและถูกบูรณะมาเรื่อยๆ จากหลายราชวงศ์และสร้างต่อเติมครั้งใหญ่ในสมัยราชวงศ์หมิงบริเวณทางเข้าของประตูโบราณถูกตกแต่งด้วยไฟหลากสีมากมายตลอดความยาวของกำแพง อีกทั้งยังถูกประดับประดาด้วยโคมแดงและดอกไม้นานาพรรณไปทั่วทั้งงาน ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปตลบอบอวลเป็นวงกว้างและสวยงามตระการตาอย่างยิ่งยวด ภายในงานเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างย้อนไปในสมัยโบราณตั้งแต่เดินเข้าลอดเข้าประตูกำแพงยาวไปตลอดแนวเลยทีเดียว จนผู้คนที่มาเที่ยวงานดังกล่าวต่างใช้โทรศัพท์มือถือของตนหรือกล้องชั้นดีถ่ายภาพเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก ครั้นแหงนหน้ามองไปด้านบนประตูของกำแพงเมืองพบป้ายขนาดใหญ่แขวนไว้เห็นอย่างเด่นชัด เชิญเที่ยวงานเทศกาลชีซี ณ เมืองจำลองฉางอาน ดื่มด่ำกลิ่นอายของแผ่นดินในยุคราชวงศ์ถัง “ว้าว! เข้าท่าแฮะที่ซีอานจัดเทศกาลชีซีแบบย้อนยุคไปในราชวงศ์ถังเสียด้วย น่าสน น่าสน”มี่อิงไม่รอช้าเดินตรงปรี่ไปยังกำแพงเมืองซีอานที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ซึ่งเต็มไปด้วยคู่รักทั้งวัยหนุ่มสาว วัยผู้ใหญ่จนกระทั่งวัยชราต่างพากันทยอยเข้ามาร่วมชมและเดินเที่ยวงานเทศกาลชีซีกันอย่างคับคั่ง ในขณะที่ดวงตาสีชาเริ่มสังเกตเห็นคนที่มาร่วมงานต่างแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าในสมัยโบราณด้วยกันทั้งสิ้น บางคนที่มิได้ใส่ชุดโบราณดังกล่าวก็มาเช่าชุดอยู่ตรงหน้างานซึ่งมีให้บริการนับสิบๆ ร้าน แต่ละร้านตกแต่งและสร้างบรรยากาศในยุคโบราณสมัยราชวงศ์ถังราวกับว่ากำลังอยู่ในยุคนั้นก็มิปาน ครั้นมี่อิงเห็นเช่นนั้นอดไม่ได้ที่จะถามไถ่กลุ่มหญิงสาววัยแรกรุ่นที่มาด้วยกันหกคน ซึ่งกำลังต่อคิวเช่าชุดโบราณอยู่บริเวณประตูทางเข้าด้านหน้าก่อนจะเข้าไปภายใน คนสวยเดินตรงเข้าไปถามเด็กสาววัยรุ่นคะเนว่าน่าจะอยู่ระดับมัธยมปลาย “น้องสาวคะต่อแถวยาวเหยียดแบบนี้ทำอะไรกันเหรอ”มี่อิงถามกลับไปด้วยความอยากรู้ กลุ่มสาววัยรุ่นหันกลับมาก่อนจะหยุดชะงักครั้นเห็นหญิงสาวหน้าตาสวยจัดถามไถ่เช่นนั้น “อ่อ...พวกเราต่อแถวเช่าชุดโบราณค่ะพี่สาว จะได้เข้าไปชมเทศกาลชีซีข้างใน”กลุ่มเด็กสาวตอบเธอกลับมา ครั้นมี่อิงได้ยินเช่นนั้นเธอแปลกใจอย่างยิ่งยวดพลางก้มลงมองชุดที่กำลังสวมใส่ของตัวเองพร้อมเอ่ยขึ้น “เข้าไปชมงานด้วยชุดที่เราใส่มาจากบ้านไม่ได้เหรอ จำเป็นต้องเช่าชุดโบราณเพื่อเข้าไปชมเทศกาลด้วยอย่างนั้นเหรอจ๊ะน้องสาว”มี่อิงอดไม่ได้ที่จะถามกลับไปด้วยความสงสัย “อ่อ..ถ้าใครไม่อยากเช่าชุดก็ไม่ต้องเข้าไปในงานก็ได้ค่ะ ธีมจัดงานในปีนี้คือสวมชุดฮั่นฝูเพื่อเข้ามาร่วมงานในเทศกาลชีซีกันทั้งนั้น บางคนก็แต่งมาจากบ้านเลย บางคนก็มาเช่าชุดตามร้านที่มีให้บริการหรือจะมาเช่าด้านหน้าของงานก็ได้ค่ะ ค่าเช่าอยู่ที่ตัวชุดว่าจะมีเอาแบบธรรมดาชาวบ้านทั่วไปหรืออยากได้ระดับนางสนมชาววังก็มีค่ะพี่สาว แต่ถ้าใครไม่อยากเดินเที่ยวงานก็จะไม่เช่าชุดและพากันกลับค่ะ” กลุ่มเด็กสาวตอบได้ใจความและชัดเจนทำให้มี่อิงพยักหน้าขึ้นลง เมื่อเธอเข้าใจในสิ่งที่กลุ่มเด็กวัยรุ่นบอกกลับมาเช่นนั้น ดวงตาคู่สวยเหลือบมองผู้คนที่มาเที่ยวงานซึ่งกำลังยืนต่อแถวยาวเหยียดเพื่อเช่าชุดโบราณเข้าไปเที่ยวเทศกาลอันเป็นที่นิยมของประเทศและจัดขึ้นพร้อมกันทุกมุมเมือง “แถวยาวเหยียดแบบนี้ไม่ไหวจะต่อคิวกลับดีกว่า”มี่อิงรำพึงอยู่ภายในใจพลางส่งยิ้มสวยกลับไปให้กลุ่มเด็กสาว “ขอบใจมากจ๊ะที่อธิบายให้ฟัง”มี่อิงกล่าวขอบคุณพลางเดินเลี่ยงออกมา “เดี๋ยวคะพี่สาวคนสวย”เสียงของกลุ่มเด็กสาวหนึ่งในนั้นเรียกตามหลัง ร่างระหงหยุดชะงักหันกลับไปมองตามเสียงเรียก พร้อมร่างเล็กๆ ของเด็กสาวนางหนึ่งก้าวเดินออกมา “พี่สาวลองไปเที่ยวชมงานเทศกาลชีซีสักครั้งสิคะ เห็นพี่มาคนเดียวแสดงว่ายังไม่มีแฟนเข้าไปชมเทศกาลแล้วขอพรกับเทพจันทราและเทพธิดาทอผ้าที่อยู่ในงานสิคะ มีอยู่ร้านหนึ่งตรงใกล้ประตูทางเข้าไม่มีลูกค้าไปต่อแถวเลยสักคนเดียว ร้านนั้นแหละคะเขามีบริการเช่าชุดแต่เจ้าของร้านจะยอมให้เช่าก็ต่อเมื่อได้เห็นลักษณะของลูกค้าว่าสมควรสวมชุดของร้านเขาได้หรือเปล่า เงื่อนไขของร้านแบบนั้นก็เลยทำให้มีลูกค้าน้อยมากเลยค่ะ พี่สาวสวยขนาดนี้น่าจะได้สวมชุดของร้านนั้นนะคะ ลองดูนะคะแล้วพบกันในงานค่ะ”เด็กสาวแนะนำมี่อิงกลับมา ใบหน้าสวยพยักหน้าขึ้นลงครั้นได้ยินคำแนะนำเช่นนั้น “ขอบใจมากนะจ๊ะน้องสาวที่แนะนำ”มี่อิงกล่าวขอบคุณกลับไป เด็กสาวส่งยิ้มตอบกลับมาพร้อมหันหลังเดินกลับไปเข้าแถวต่อคิวตามเดิม เด็กสาวกลุ่มนั้นต่างส่งยิ้มให้เธอพลางชี้มือให้ไปร้านเช่าชุดดังกล่าวเป็นการใหญ่ ดวงตาสีชาคู่สวยมองตรงไปตามนิ้วของเด็กสาวกลุ่มนั้นพากันชี้ไม้ชี้มือเป็นการใหญ่ ร้านเช่าชุดดังกล่าวตั้งป้ายไว้หน้าร้านเขียนข้อความบางอย่าง ที่ผู้คนทั่วไปซึ่งตั้งใจมาร่วมงานและตั้งใจเช่าชุดต่างพากันหยุดอ่านก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว บางรายก็ก้าวเข้าไปภายในร้านและเพียงครู่ก็ต้องออกมาในเวลาไม่ถึงอึดใจเช่นกัน “อยากจะรู้เหมือนกันว่าร้านนั้นเขามีเงื่อนไขอะไรมากมายถึงกล้าปฏิเสธลูกค้าที่ต้องการใช้บริการเป็นจำนวนมากขนาดนี้ เขาไม่อยากได้เงินค่าเช่าชุดอย่างนั้นเหรอแปลกจริงเชียว”มี่อิงพูดพลางก้มลงสำรวจตัวเองเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง หญิงสาวพาเรือนร่างอรชรเดินตรงไปร้านเช่าชุดโบราณที่ติดป้ายขนาดใหญ่เอาไว้หน้าร้าน ก่อนจะมาหยุดยืนอ่านข้อความบนป้ายดังกล่าว หนุ่มหล่อ สาวสวย รูปร่างดี เชิญข้างใน บริการชุดฮั่นฝูฟรีไม่คิดค่าใช้จ่าย หากคุณคิดว่าหล่อและสวยจริงดั่งเช่นบุรุษและสตรีในยุคโบราณ “โอโห่! ตกลงให้บริการเช่าชุดหรือต้องการสแกนนายแบบ นางแบบกันแน่ เงื่อนไขเหมือนจะคัดเลือกไปถ่ายปกลงนิตยสารหรือถ่ายซีรีส์อย่างไงก็อย่างงั้น”หญิงสาวบ่นพึมพำพลางหมุนตัวกลับเดินออกจากร้าน ตั้งใจจะเดินทางกลับเข้าที่พัก “น้องสาวเดี๋ยวก่อนค่ะ”เสียงเรียกรั้งร่างไว้ให้รอดังอยู่ด้านหลังมี่อิงหยุดชะงักพลางหันกลับมามองด้านหลังของเธอและพบว่า มีหญิงวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบปลายๆ ยืนส่งยิ้มให้“พี่สาวเรียกหนูเหรอคะ”มี่อิงถามพร้อมยกนิ้วชี้หันเข้าหาตัวร่างอวบอิ่มเดินออกจากร้านดังกล่าวตรงเข้ามาหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว“เรียกน้องสาวนั่นแหละคะจะเรียกใครซะอีก”หญิงคนดังกล่าวตอบกลับไปท่ามกลางความแปลกใจของอีกฝ่าย“มีอะไรหรือเปล่าคะถึงเรียก”มี่อิงถามกลับไปด้วยความอยากรู้ก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบกลับมา“พี่สาวเห็นมายืนอยู่หน้าร้านก็เลยคิดว่าคงต้องการอยากได้ชุดโบราณเพื่อสวมเข้าไปชมงานเทศกาลชีซี แต่ก็แปลกใจที่ไม่เห็นเข้ามาภายในร้านจู่ๆ ก็เดินออกไปก็เลยรีบออกมาเรียกนะจ๊ะ”หญิงคนดังกล่าวตอบกลับไปและนั่นทำให้คนงามพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันครั้นได้ยินเช่นนั้น“อ่อ...อย่างนี้เองถึงได้ออกมาเรียก หนูอยากมาเดินชมเทศกาลชีซีจริงคะเพราะยังไม่เคยมาเที่ยวงานนี้สักครั้งเลย และไม่รู้ว่าธีมปีนี้ต้องแต่งชุดโบราณเข้าชมงาน บริเวณหน้างานมีบริการให้เช่าชุดก็จริงแต่คิวยาวมาก เห็นร้านพี่สาวไม่มีคนหนูก็เลยเดินเข้ามา แต่พออ่านเงื่อนไขก็เลยคิดว่ากลับไปนอนต่อดีกว่า”มี่อิงตอบกลับไปอย่างไม่อ้อมค้อม ตามนิสัยที่เป็นค
ในขณะที่ใบหน้าไม่ต้องแต่งเติมอะไรเพิ่มด้วยเพราะสวยเฉี่ยวอยู่แล้ว มีเพียงเติมแป้งผสมรองพื้นสีเดียวกับเนื้อผิวพร้อมลิปสติกสีกลีบบัวให้แน่นกว่าเดิมและแต้มสีแดงลงไปอีกตรงเนื้อปากบริเวณด้านในให้มีมิติแต่พองาม ร่างงามค่อยๆ ถูกสวมชุดฮั่นฝูสีขาวเนื้อผ้าโปร่งบางเบาและสวมทับเสื้อคลุมตัวยาวทำมาจากผ้าไหมสีขาวเงาระยับปักลายหงส์สีเงินด้วยไหมที่สามารถสะท้อนแสงเงาวาวระยับ คาดทับด้วยเข็มขัดผ้าปักลายหงส์เพิ่มความทะมัดทะแมงทีละชิ้น ก่อนจะนำชายผ้าห้อยระย้าจากบริเวณหัวไหล่เสื้อคลุมมาผูกห้อยไว้ที่ข้อมือทั้งสองข้างลงบนเรือนร่างงาม ยามเวลาเคลื่อนไหวร่างกายชายผ้าจะพลิ้วไหวสวยงามเวลาก้าวเดิน“เสร็จแล้วเพอร์เฟคมาก นี่แหละเทพธิดาของเทศกาลชีซี”เจ้าของร้านพูดชมฝีมือตัวเองในขณะที่มี่อิงยืนกะพริบตามองตัวเองที่อยู่ในชุดฮั่นฝูสมัยโบราณ สะท้อนผ่านกระจกเงาด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่เห็นตัวเธออยู่ในชุดโบราณเป็นครั้งแรกในชีวิต“นี่ตัวเราหรือนี่! ว้าว”มี่อิงได้แต่พูดเพียงแค่นั้นก่อนจะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเอ่ยขึ้น ผู้หญิงในยุคถังจะต้องมีดอกไม้ตรงกลางหน้าผากด้วย แต้มสีแดงสดใสลงไปด้วยจะยิ่งสวยมากกว่าเดิมจนละสายตาไม่ได้เลยเชียว
แกรบบบบ!!! ส้นเท้าสัมผัสกับสิ่งของบางอย่างที่ไปเหยียบเข้าด้วยความบังเอิญ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันใดด้วยรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างอยู่ใต้รองเท้าของเธอ“ไปเหยียบโดนอะไรเข้าก็ไม่รู้”มี่อิงพูดพร้อมถอนเท้าออกอย่างรวดเร็วพลางเพ่งสายตามองพื้นเบื้องล่าง หากแม้นหญิงสาวสังเกตจะพบว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ด้วยพื้นเบื้องล่างในยุคปัจจุบันเป็นพื้นซีเมนต์แต่ในยุคอดีตเบื้องล่างคือพื้นดิน มี่อิงเอื้อมมือลงเก็บสิ่งที่อยู่ใต้เท้านำขึ้นมาจากพื้นก่อนจะพบว่ามีลักษณะเป็นถุงผ้าบรรจุบางอย่างเอาไว้ภายในมีน้ำหนักมากพอสมควร“มันคืออะไร”หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความสงสัยพลางชั่งน้ำหนักถุงผ้าดังกล่าวบนฝ่ามือ“หนักเหมือนก้อนหินเลยวุ้ย”พูดพร้อมหันหลังกลับเดินเข้าไปในประตูเมืองมองหาแสงสว่างเพื่อคลี่ถุงผ้าในมือของเธอ โดยไม่ได้มองทิศทางตรงหน้าแต่อย่างใดว่าบัดนี้มีร่างสูงใหญ่ของบุรุษยืนขวางหน้าเธออยู่ในขณะนั้นพลั่ก! ร่างของมี่อิงปะทะเข้ากับอกกว้างของผู้ชายตรงหน้า ซึ่งเธอมีความสูงเพียงระดับหน้าอกของเขาเท่านั้น พรืดดด!!! จู่ๆ มี่อิงก็ถูกแรงมหาศาลกระชากท่อนแขนเรียวของหญิงสาวเอาไว้“เจ้านี่เอง!ที่ขโมยถุงเงินของข้าไป!เจ้าหัว
ระหงให้เดินออกมาจากทางเข้าของประตูเมืองฉางอาน หากแต่ครั้งนี้เบาแรงลงไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว ครั้นมี่อิงได้ยินเช่นนั้นถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกขึ้นมาเลยทีเดียว ในขณะที่กำลังถูกลากพยายามขืนตัวเองไปตลอดทางที่กำลังก้าวเดิน ดวงตาคู่งามกวาดสายตาหากลุ่มคนที่เธออาจจะพอรู้จักเพื่อขอความช่วยเหลือไปทั่วบริเวณงานก่อนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ แต่ยังมิทันที่จะเริ่มสังเกตอะไรต่อไป หูของเธอแทบดับเมื่อเสียงของผู้ชายที่กำลังใช้แรงลากเธออยู่ตะโกนก้องขึ้นมาโดยพลัน“เอาม้ามา!ข้าจะกลับจวน!!!”“โอ้ย! อยู่ก็ไม่ไกลแค่ไม่ถึง 50 เมตรด้วยมั้งอีตาบ้านี่ตะโกนออกมาทำไมหูดับแล้วฉัน”มี่อิงพูดพร้อมทำหน้าทำตาคล้ายกำลังหูจะตึงก็ว่าได้ ก่อนจะได้ยินเสียงสั่งการของผู้ชายตรงหน้าเธอขึ้นมาอีกครั้ง“ไปแจ้งกรมอาญาด้วยว่าข้าจะนำส่งนักโทษจากแดนเหนือไปให้”“ขอรับท่านแม่ทัพ!”เสียงของชายมากมายที่อยู่บนหลังม้าต่างส่งเสียงขานรับ ท่ามกลางความแปลกใจของมี่อิง“นี่พวกเขาแสดงละครเวทีอยู่อย่างนั้นเหรอ ถึงได้พูดจาสมัยย้อนยุคแบบนั้น”เธอยืนบ่นพึมพำพร้อมกับรู้สึกว่ามือทั้งสองข้างถูกรวบเข้าหากันพร้อมเชือกกำลังจะนำมามัดมือเรียวสว
หนึ่งชั่วยามผ่านไปท่ามกลางสายตาของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถังจางเยว่ฉิน กำลังยืนอยู่บริเวณทางเข้าออกของประตูเมืองฉางอาน ร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกพร้อมกวาดสายตาไปทุกทิศทาง แม่ทัพหนุ่มเริ่มกลับมาเป็นปกติหากแต่อาการจุกและเจ็บหน่วงๆ ตรงบริเวณหว่างขายังไม่ทุเลาเสียเท่าใดนัก พร้อมเสียงของทหารคนสนิทซึ่งคอยติดตามรับใช้เอ่ยขึ้น “ท่านแม่ทัพนั่งก่อนดีไหมขอรับ ยืนอยู่เช่นนี้จะทำให้อาการเจ็บหน่วงตรงหว่างขาปะทุขึ้นมาอีกได้จะไม่เป็นผลดีต่อตัวท่านหรือว่าจะให้ข้าน้อยไปตามหมอมาดูอาการ”ทหารรับใช้คนสนิทนามว่ากัวเหยียนไฉถามด้วยความเป็นห่วงทว่าดูท่าท่านแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถังจะมิได้ฟังคำของคนสนิทแต่อย่างใด ด้วยเพราะภายในใจตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองและต้องการพบสตรีอาภรณ์ขาวเป็นยิ่งนัก“สตรีผู้นี้ช่างหาญกล้ายิ่งนัก..อีกทั้งมีวรยุทธ์ล้ำเลิศถึงขนาดทำร้ายท่านแม่ทัพผู้ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าไม่มีผู้ใดทัดเทียม แต่นี่นางกลับเล่นกระหน่ำเข้าจุดดวงใจท่านแม่ทัพจนนิ่งสนิท จุกไปถึงอกเลยทีเดียว”เหยียนไฉรำพึงออกมาเบาๆโป๊ก!!! ปลายดาบที่อยู่ในมือของแม่ทัพหนุ่มที่กำลังถูกเอ่ยถึงกระหน่ำลงบนศีรษะทหารคนสนิททันที“พูดมากจริงนะ!แล้วนี่มายืน
“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”มี่อิงตัดสินใจถามกลับไปด้วยความอยากรู้และเพื่อให้แน่ใจอีกฝ่ายพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันพร้อมเอ่ยขึ้น“เจ้าอยากจะถามอะไรข้าเหรอ!”เสียงของคนเป็นเจ้านายตอบกลับมา ในขณะที่คนเป็นบ่าวนั่งเม้มปากสนิทอยู่ใกล้ๆ“ที่นี่คือเมืองอะไร!ตั้งอยู่ที่ไหนอย่างนั้นเหรอ”หญิงสาวในโลกอนาคตถามกลับไปทันทีด้วยความอยากรู้ก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบกลับมา“ที่นี่คือเมืองฉางอาน เมืองหลวงของต้าถัง...นี่เจ้าอย่าบอกนะว่าไม่ล่วงรู้แท้จริงแล้วกำลังอยู่ที่ไหน”เสียงของอีกฝ่ายตั้งคำถามกลับมาใบหน้าแสนสวยของสาวยุคใหม่เกิดอาการเหวอขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น ทว่าก็ยังเข้าข้างตัวเองไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินและได้เห็นในขณะนี้คือความจริง“เมืองหลวงฉางอานของต้าถัง! ใช่เมืองที่อยู่ในสมัยราชวงศ์ถังหรือเปล่า”มี่อิงถามกลับไปอือ! อีกฝ่ายส่งเสียงตอบรับอยู่ในลำคอพร้อมพยักหน้าขึ้นลง“ดูท่าเจ้าคงไม่เคยมาที่ฉางอานจึงตั้งคำถามเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าในฐานะชาวเมืองฉางอานก็จะแนะนำเมืองหลวงที่แสนภาคภูมิใจแห่งนี้ให้เจ้าฟัง ว่าที่ซึ่งเจ้ากำลังอยู่ในเวลานี้คือเมืองหลวงฉางอาน แห่งแผ่นดินต้าถังปกครองโดยพระเจ้าถังไท่จงฮ
จวนสกุลเฉียน“โอโห่! คุณหนูเจ้าขางามจังเลยเจ้าค่ะ บ่าวยังไม่เคยพานพบสตรีที่มีความงดงามเช่นนี้มาก่อนเลย”อี๋นั่วพูดออกมาทันใดครั้นเห็นใบหน้าของมี่อิงอย่างชัดเจนในขณะที่เจ้าตัวก้มลงสำรวจตัวเองไปทั่วก่อนจะเงยหน้ามองเพื่อนใหม่ต่างยุคที่กำลังยืนนิ่งมองใบหน้าของเธอจนตาค้างเลยทีเดียว“นี่พวกเธอเป็นกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่มีลักษณะแบบฉันเลยหรือไง”มี่อิงถามกลับไปอย่างสงสัย“ไม่เคยมีเช่นเจ้าแม้แต่ผู้เดียว!”สองนายบ่าวพูดพร้อมต่างส่ายหน้าไปมาอย่างพร้อมเพรียงฉับพลันเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นอยู่ภายในประตูจวน“คุณหนูกลับมาแล้วอย่างนั้นหรือขอรับ”เสียงนั้นดังออกมาก่อนที่ตัวจะมาถึงพร้อมร่างสันทัดสูงไม่ถึง 165 เซนติเมตรก้าวออกมาจากประตูจวนสกุลเฉียน“คุณหนูมาพอดีเลยใต้เท้ากำลังถามหาอยู่ อีกอย่างคุณชายสกุลวะ..หวัง”เอ่ยได้เพียงเท่านั้นพลันต้องเงียบงันครั้นดวงตากระทบเข้ากับร่างงามระหงของมี่อิงซึ่งยืนอยู่เคียงข้างคุณหนูของตนและนั่นทำให้เฉียนจินเอ๋อต้องรีบแก้สถานการณ์อย่างรวดเร็วด้วยเพราะพ่อบ้านประจำตระกูลดันมาเห็นเพื่อนใหม่ของนางเข้าให้ด้วยความบังเอิญ“ถ้าเช่นนั้นข้าจะเข้าไปหาท่านพ่อภายหลัง วัน
หากแต่สายตาจับจ้องอยู่ที่นิ้วมือเรียวสวยของมี่อิงบริเวณเล็บมือซึ่งถูกฉาบด้วยสีนู้ดชมพูกลีบบัว นิ้วเรียวดั่งลำเทียนและเล็บมือที่ตัดได้รูปสวยครั้นเคลือบด้วยสีสันหวานลออตาดังกล่าว ทำให้คุณหนูตระกูลเฉียนเฝ้าจับจ้องมิรู้คลายราวกับว่านางอยากแต่งแต้มเช่นนั้นบ้างท่ามกลางสายตาของมี่อิงจนอดไม่ได้ที่จะถามกลับไป “เธอเอาแต่มองเล็บมือของฉันอยู่ตลอดเวลาเลยแสดงว่าอยากมีเล็บแบบนี้ใช่ไหม”หญิงสาวถามกลับไป และนั่นทำให้คุณหนูตระกูลเฉียนตาลุกวาววับขึ้นมาทันที “อือ...เจ้าคาดเดาได้ถูกแล้ว ข้าอยากเรียนรู้การแต่งแต้มเล็บมือเช่นนี้บ้าง อีกทั้งอยากรู้ด้วยว่าจะสามารถหาซื้อสิ่งที่นำมาประทินโฉมนี้ได้จากที่ใดกัน อีกทั้งเครื่องประทินโฉมที่เจ้าใช้จนขับดวงหน้าสวยงามอะไรเช่นนี้ซื้อมาจากแหล่งใดบอกข้าได้หรือไม่ ข้าอยากรู้บางทีถ้ามีเครื่องประทินโฉมดั่งเจ้าอาจทำให้ข้าได้ออกเรือนเร็วขึ้น”คุณหนูตระกูลเฉียนพูดออกไปอย่างไม่อ้อมค้อมต่อหน้าเพื่อนใหม่ของนาง มี่อิงแทบจะสำลักน้ำชาที่กำลังจิบอยู่ในขณะนั้นออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “นี่เธอ!อะไรจะรีบด่วนออกเรือน ปีนี้อายุเท่าไรกันเชียวทำไมถึงอยากมีสามีเร็วถึงเพียงนี้ทั้งๆ ที่อา
“ข้าจะมีคนรักเหมือนเช่นผู้อื่นได้อย่างไรในเมื่อไม่รู้จักคำๆ นี้ หากอาการโหยหาความรักของข้าดั่งที่เจ้ากล่าวมาทั้งหมดเพียงเพาะไม่รู้จักคำว่ารัก เจ้ากล่าวผิดแล้วเหยียนไฉ”แม่ทัพหนุ่มพูดพลางหันกลับมามองใบหน้าคนสนิท “ข้าน้อยพูดผิดอย่างนั้นหรือขอรับ”เหยียนไฉพูดพลางหันนิ้วชี้เข้าหาตน ใบหน้าหล่อเหลาพยักขึ้นลงติดๆ กันเป็นคำตอบที่ส่งกลับมา “สาเหตุเพราะไม่มีหญิงใดทำให้ข้ารู้จักกับคำว่ารักนี้ได้ ไม่มีสตรีนางใดสามารถเข้าไปนั่งในหัวใจของข้าแม้แต่คนเดียว ในเมื่อเป็นเช่นนี้อาการโหยหารักของข้าก็ต้องเป็นเช่นนี้ไปตลอดกาล”จางเย่วฉินพูดออกมาจากความรู้สึกส่วนลึกภายใน ท่ามกลางความเงียบ กระแสลมเย็นยะเยือกพาดผ่านเรือนกายกำยำ พร้อมเกล็ดหิมะค่อยๆ โปรยปรายลงมาตรงเบื้องหน้าของจางเย่วฉิน ก่อนจะยกมือหนาขึ้นรองรับหิมะแรกของฤดูเหมันต์ที่มาถึงแล้วในยามนี้ ดวงเนตรสีนิลกาฬมองไปที่ฝ่ามือของตนเองที่เต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ ภาพในอดีตหวนคืนกลับมาเมื่อครั้งรอยฟันที่ถูกกัดอย่างแรงบนฝ่ามือเมื่อห้าปีก่อนยังปรากฏอยู่ ทุกครั้งที่เห็นบาดแผลดังกล่าว จะทำให้จางเย่วฉินนึกถึงสตรีที่เป็นต้นเหตุของรอยแผลบนฝ่าม
ยุคอดีต รัชสมัยถังเกาจงฮ่องเต้แผ่นดินในยุคโบราณขณะนี้ตรงกับยุคของราชวงศ์ถัง เข้าสู่รัชศกซ่างหยวนปีที่ 5 รัชสมัยของถังเกาจงฮ่องเต้พระนามเดิมหลี่จื่อ ทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อจากถังไท่จงฮ่องเต้ จักรพรรดิลำดับที่ 3 แห่งราชวงศ์ถังซึ่งในประวัติศาสตร์ถือว่าเป็นช่วงยุคสมัยของราชวงศ์ถังตอนต้น ในยามนี้แม่ทัพจางเย่วฉินได้รับพระราชทานโปรดเกล้าแต่งตั้งให้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหาร ควบคุมกองกำลังทหารและกองทัพทั้งหมด และยังรั้งตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารราชองครักษ์ เป็นขุนนางฝ่ายบู้ขั้น 2 ระดับเสนาบดีด้วยวัยเพียง 27 ปีเท่านั้น นับได้ว่าเป็นคนหนุ่มที่สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งทางราชการสูงสุดในเวลาอันรวดเร็ว หากแต่แม่ทัพหนุ่มชื่อกระฉ่อนกลับใช้ชีวิตอยู่แต่ในสนามรบคอยเฝ้าระวังเขตชายแดนอยู่ทางด่านนอกตอนเหนือมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่ทางราชสำนักและชาวเมืองนครฉางอานต่างพากันเรียกร้องให้แม่ทัพลือชื่อผู้นี้กลับคืนสู่เมืองหลวงอันมั่งคั่ง ช่วงระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา จางเย่วฉินสร้างความดีความชอบอย่างใหญ่หลวงทั้งให้แก่ตัวเองและเอื้อประโยชน์ต่อตระกูลจางเป็นยิ่งนัก ชื่อเสียงกระฉ่อนล่วงรู้
ในขณะเดียวกัน ยุคอนาคตร่างระหงของจ้าวมี่อิงกำลังนั่งยองๆ หลับตาปี๋อยู่ตรงประตูโค้งซึ่งเป็นทางเข้าออกของประตูเมืองตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน ท่ามกลางผู้คนมากมายกำลังแหงนหน้าชื่นชมกับดอกไม้ไฟในพิธีเปิดงานเทศกาลชีซี ฟิ้ว!ฟิ้ว!ฟิ้ว! เสียงหวีดหวิวแหวกว่ายขึ้นสู่ท้องฟ้า ปัง!ปัง!ปัง!กลุ่มก้อนเล็กๆ ต่างพากันแตกตัวเป็นสีสันมากมายอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิด เสียงดังกระหี่มกึกก้องไปทั่ว ในขณะที่ร่างของมี่อิงที่กำลังนั่งหลับตาปี๋อยู่ในขณะนั้นได้ยินเสียงดังกระหึ่มอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งอยู่บนเหนือศีรษะของเธอก็ว่าได้ “เสียงดอกไม้ไฟ! นั่นมันเสียงของดอกไม้ไฟมิใช่เหรอ แต่ว่าในฉางอานงานชีซีสิ้นสุดลงแล้วจะมีการจุดดอกไม้ไฟอีกทำไมกันอีก”หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ภายในใจ ฉับพลันเสียงจากไมโครโฟน ซึ่งดังมาจากด้านในของการจัดงานหลังประตูเมืองดังกล่าวแผดเสียงดังก้องขึ้นมาทันใด “ขอต้อนรับผู้เข้าชมงานทุกท่าน เทศกาลชีซีประจำปีนี้ของเมืองซีอานในบรรยากาศของเมืองจำลองโบราณในสมัยราชวงศ์ถังบัดนี้เริ่มต้นขึ้นแล้ว สวมชุดฮั่นฝู เที่ยวชมงานกับบรรยากาศในยุคต้าถัง ดื่มด่ำกับดอกไม้ไฟหนึ่งแสนนัดซึ่งทางซี
ในขณะเดียวกัน มิติแห่งกาลเวลาพลันเกิดซ้อนทับขึ้นมาโดยพลัน ห้วงเวลาในยุคปัจจุบันซึ่งกำลังจุดดอกไฟหนึ่งแสนนัดในงานเทศกาลชีซีอยู่ในขณะนั้นยังคงดำเนินต่อไปในโลกของอนาคต เสียงดอกไม้ไฟดังกระหึ่มกึกก้องดังแว่วเข้าหูของมี่อิง ปัง!ปัง!ปัง! เสียงกระหึ่มกึกก้องประหนึ่งฟ้าคำรามลั่นแทรกทะลุมิติเข้ามาในกาลเวลาแห่งอดีต พร้อมร่างระหงของจ้าวมี่อิงเลือนหายไปจากโลกอดีตทันที พร้อมเสียงกระโดดจากหลังคารถม้ามาหยุดอยู่ตรงประตูทางเข้า ผ้าม่านผืนใหญ่ที่กำลังปิดในขณะนั้นถูกแม่ทัพรูปงามเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พรึ่บ!!! ผ้าม่านผืนใหญ่ถูกมือหนาเปิดขึ้นอย่างรวดเร็วติดตามด้วยเสียงเกรี้ยวกราด “คิดหรือว่าซ่อนตัวในรถม้าของขุนนาง ข้าจะไม่ตรวจค้น!”เสียงตวาดดุดันดังก้อง ใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้มีชัยเลือนหายไปทันที ครั้นดวงตาสีนิลเห็นสตรีสาวสองนางกำลังซุกตัวกอดกันจนตัวกลมด้วยความหวาดกลัว อะ...เออ จางเย่วฉินได้แต่ส่งเสียงเบาๆ อยู่ในลำคอเมื่อภายในรถนั้น มีสตรีเพียงสองนางมิใช่สามนางตามรายงาน แต่ถึงกระนั้นเพื่อความแน่ใจก็ต้องตรวจค้น “เจ้าทั้งสองเงยหน้าขึ้น”เสียงกร้าวสั่งการออกไป
“โอ้ย! ค่อยยังชั่วดีนะที่ไฟดับแปปเดียวเพราะต้องการโชว์ดอกไม้ไฟ แต่ถ้าไฟดับเพราะระบบการจ่ายไฟขัดข้องท่าทางนายกเทศมนตรีเมืองซีอานได้โดนร้องเรียนแน่ว่าทำงานไม่ได้เรื่อง”สาวใหญ่เจ้าของร้านบ่นโวยวาย ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างครั้นเห็นคนสวยนั่งมองนางอยู่ในขณะนี้ “น้องสาวรอนานไหม พอดีพี่ต้องเดินกลับไปที่รถเอากล้องถ่ายรูปด้วยตัวเอง ผู้ช่วยพี่ดันมีเรื่องวุ่นวายทางบ้านเกิดขึ้นขอลากลับไปแล้ว พี่ก็เลยต้องทำเองคนเดียวหมดเลยว่าแต่...” สาวใหญ่เจ้าของร้านกล่าวได้เพียงเท่านั้นกลับต้องเงียบงันเมื่อสายตาของนางสังเกตชุดฮั่นฝูที่อยู่บนเรือนร่างของหญิงสาวแสนสวยตรงหน้ามิใช่ชุดของทางร้านที่เลือกไว้ให้ “คุณน้องชุดของพี่ที่แต่งให้หายไปไหนอย่างนั้นเหรอ แล้วเอาชุดจากไหนมาใส่แทนทำไมพี่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ไม่ใช่ชุดในร้านของพี่เลยนะ”เจ้าของร้านพูดพลางเอื้อมมือจับเนื้อผ้าพลางสังเกตลวดลายที่ปักอยู่บนตัวชุด ช่างงดงามและมีลายวิจิตรที่มิเคยเห็นมาก่อน “งาม! งามมากเลยพี่ยังไม่เคยเห็นลวดลายบนผ้าแบบนี้มาก่อนเลยนะ ฝีเข็มลงยากมากต้องใช้ความเชี่ยวชาญและทักษะสูงมากเลยทีเดียว”สาวใหญ่เจ้าของร้านพูดชมไม่ขาดปาก ใ
ในขณะเดียวกันทหารจำนวนสองนายเดินมาถึงรถม้าก่อนจะหยุดลงตรงหน้าประตู “ข้าน้อยทำตามหน้าที่ได้รับคำสั่งจากแม่ทัพจางให้ค้นหาคนร้าย ดังนั้นได้โปรดแจ้งชื่อเสียงเรียงนามผู้ที่อยู่บนรถม้าให้ครบทุกคนด้วย” กล่าวพร้อมตรงเข้าเปิดผ้าที่ปิดประตูทางเข้าของตัวรถม้าเอาไว้ทันใดบนรถม้าคันดังกล่าวล้วนเป็นสตรีทั้งสิ้น นั่งอยู่ด้วยกันสามนางพร้อมเสียงของอี๋นั่วเอ่ยขึ้นทันใด “รถม้าคันนี้คุณหนูของตระกูลเฉียนนั่งอยู่ พวกท่านยังต้องการทราบชื่อเสียงเรียงนามอยู่อีกอย่างนั้นรึ” ทหารสองนายที่ทำหน้าที่ตรวจค้นต่างหันกลับมามองหน้ากันครั้นได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะยกสองมือประสานเข้าหากันเพื่อขออภัยสตรีที่อยู่ในชนชั้นสูง “ข้าน้อยต้องขออภัย คุณหนูให้ความร่วมมือด้วยเถิดได้โปรดแจ้งชื่อเสียงเรียงนามของผู้ที่นั่งมาด้วยให้ครบเป็นคำสั่งของท่านแม่ทัพขอรับ”ทหารสองนายกล่าวอย่างนอบน้อม “แม่ทัพอีกแล้ว! เอะอะอะไรก็คำสั่งไอ้หมอนั่น”มี่อิงบ่รำพึงออกมาเบาๆพร้อมเสียงของทหารตรวจค้นเอ่ยขึ้น “ขอทราบนามผู้ที่นั่งอยู่บนรถด้วยว่ามีผู้ใดบ้าง”กล่าวพร้อมทหารที่มาด้วยกันกำลังใช้พู่กันเตรียมจดบันทึกลงในสมุดพร้อมเสียง
“เออจริงสิ! ผู้ชายคนที่มีเรื่องกับฉันนะเขามีอำนาจมากเลยเหรอถึงขนาดสั่งปิดประตูเมืองและออกคำสั่งให้ค้นหาได้ทั่วทั้งเมืองแบบนั้นนะ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าไปทำอะไรผิด ถุงเงินอะไรนั่นฉันก็เก็บได้ไม่ได้ไปขโมยของเขาเลยนะ” คุณหนูตระกูลเฉียนยิ้มออกมาบางๆ ครั้นได้ยินเช่นนั้น “ข้าเชื่อเจ้าว่าไม่ได้ทำผิด สบายใจเถอะเพราะว่าข้าเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง แต่ก็ใช่ว่าจะเห็นตั้งแต่ต้นเข้าใจว่าท่านแม่ทัพน่าจะถูกหัวขโมยล้วงถุงเงินแล้ววิ่งหนีออกมาทางประตูเมือง และบังเอิญช่วงนั้นจุดพลุไฟทำให้ท่านแม่ทัพไม่ทันได้ระวัง ข้ามาเห็นเหตุการณ์ตอนที่มีคนผู้หนึ่งวิ่งออกมาจากประตูเมืองและเห็นเจ้าเดินออกมาท่ามกลางกลุ่มคน เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจว่าคนผู้นั้นหายไปไหนเมื่อเดินชนกับเจ้าจนกระเด็นลอยออกไปไกลเลยเชียวนะ”คุณหนูตระกูลเฉียนเล่าเหตุการณ์ให้ฟังอย่างละเอียด ในขณะที่มี่อิงนั่งเอามือเท้าคางฟังเพื่อนใหม่ของเธอด้วยความรู้สึกว่าไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ “หรือว่าฉันพลัดหลงเข้ามาตอนเกิดมิติเวลาซ้อนทับ แบบนี้ก็ยิ่งแย่นะสิแล้วฉันจะรู้ได้อย่างไงว่าจะได้กลับตอนไหน”หญิงสาวรำพึงอยู่ภายในใจ ก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยขึ้
ยามอิ๋น บริเวณบนกำแพงเมือง รอยฟันกัดอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นแผลฝังลึกบนฝ่ามือของแม่ทัพหนุ่มรูปงามจางเย่วฉินเพื่อเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของเขา มิหนำซ้ำยังทำร้ายจุดอ่อนอันเป็นจุดตายของบุรุษทุกคนจนเกือบหมดรูปสิ้นชื่อไปเลยทีเดียว ดวงตาสีนิลกาฬคู่สวยเฝ้าจับจ้องอยู่กับผ้าพันแผลรอบฝ่ามือใหญ่ท่ามกลางสายตาของทหารคนสนิท “ท่านแม่ทัพยังเจ็บอยู่อย่างนั้นเหรอ”กัวเหยียนไฉเอ่ยถามพร้อมเอียงคอมองไปมา ฮึ่มมม!!! เสียงคำรามดังเบาๆ อยู่ในลำคอของแม่ทัพหนุ่มก่อนจะค่อยๆ หันกลับมามองทหารคนสนิทของตนเขม็ง เอือก!!! กัวเหยียนไฉกลืนน้ำลายลงคอทันใดเมื่อแม่ทัพหนุ่มหันกลับมาจ้องตนเช่นนั้น “แผลเล็กน้อยเพียงแค่แมวข่วนจะทำให้ข้ารู้สึกเจ็บเจียนตายได้อย่างไร! ถ้าบอกว่าเจ็บใจสิจึงจะถูกเสียมากกว่า! แล้วนี่อะไรหามาทั้งคืนแล้วยังไม่เจอตัวกันอีก สตรีตัวเล็กๆ เพียงคนเดียวแต่ทหารของข้านับร้อยชีวิตกลับหาไม่เจอช่างน่าละอายสิ้นดี!”แม่ทัพหนุ่มกล่าวอย่างหัวเสีย “โธ่! ท่านแม่ทัพหาจนไม่รู้จะทำเยี่ยงไรดีแล้ว ค้นหาทั่วทุกบ้านและร้านค้าจนชาวเมืองพากันแตกตื่นกันไปทั่ว ถามกันให้วุ่นวายว่าเกิดเหต
หากแต่สายตาจับจ้องอยู่ที่นิ้วมือเรียวสวยของมี่อิงบริเวณเล็บมือซึ่งถูกฉาบด้วยสีนู้ดชมพูกลีบบัว นิ้วเรียวดั่งลำเทียนและเล็บมือที่ตัดได้รูปสวยครั้นเคลือบด้วยสีสันหวานลออตาดังกล่าว ทำให้คุณหนูตระกูลเฉียนเฝ้าจับจ้องมิรู้คลายราวกับว่านางอยากแต่งแต้มเช่นนั้นบ้างท่ามกลางสายตาของมี่อิงจนอดไม่ได้ที่จะถามกลับไป “เธอเอาแต่มองเล็บมือของฉันอยู่ตลอดเวลาเลยแสดงว่าอยากมีเล็บแบบนี้ใช่ไหม”หญิงสาวถามกลับไป และนั่นทำให้คุณหนูตระกูลเฉียนตาลุกวาววับขึ้นมาทันที “อือ...เจ้าคาดเดาได้ถูกแล้ว ข้าอยากเรียนรู้การแต่งแต้มเล็บมือเช่นนี้บ้าง อีกทั้งอยากรู้ด้วยว่าจะสามารถหาซื้อสิ่งที่นำมาประทินโฉมนี้ได้จากที่ใดกัน อีกทั้งเครื่องประทินโฉมที่เจ้าใช้จนขับดวงหน้าสวยงามอะไรเช่นนี้ซื้อมาจากแหล่งใดบอกข้าได้หรือไม่ ข้าอยากรู้บางทีถ้ามีเครื่องประทินโฉมดั่งเจ้าอาจทำให้ข้าได้ออกเรือนเร็วขึ้น”คุณหนูตระกูลเฉียนพูดออกไปอย่างไม่อ้อมค้อมต่อหน้าเพื่อนใหม่ของนาง มี่อิงแทบจะสำลักน้ำชาที่กำลังจิบอยู่ในขณะนั้นออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “นี่เธอ!อะไรจะรีบด่วนออกเรือน ปีนี้อายุเท่าไรกันเชียวทำไมถึงอยากมีสามีเร็วถึงเพียงนี้ทั้งๆ ที่อา