ชะตาทำให้เธอต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อย แต่สวรรค์กำหนดให้ฟู่หลินหลินนั้นได้ข้ามทะลุมิติไปอยู่ใต้ร่างของท่านแม่ทัพรั่วเฉิน ที่เขาเกลียดเธอเพราะคำว่าเธอคือของบรรณาการ และเมียเชลย แต่เกลียดอย่างไรท่านถึงได้จับกดข้าบ่อยเหลือเกิน นางผวากอดรัดร่างของเขาที่ทาบทับลงมากอดรัดนางแน่น ๆ เช่นกัน คนทั้งคู่หายใจโกยเอาอากาศเข้าปอดอย่างหนัก ช่างเป็นอะไรที่เสพสุขสมใจของเขายิ่งนัก บุรุษผู้นั้นสุขสมกับการครอบครองและได้บอกให้นางได้รู้ว่าได้ตกเป็นภรรยาของเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว ต่อมาเขาก็ได้เอนกายลงบนเตียง นอนก่ายกอดเคียงข้างกายฟู่หลินหลิน แล้วหายใจสม่ำเสมอคล้ายคนหลับ เสียงหายใจแผ่วเบาของเขา ทำให้นางรู้สึกกลัวเล็กน้อย ที่ว่ากลัวคือ... กลัวว่าเขาจะลุกขึ้นมาทำอะไรตนเองอีก "นี่คืออะไรกันแน่ ทำไมข้าถึงมาโผล่ที่นี่ บนเตียงหลังนี้ ที่มีบุรุษผู้นี้อยู่ด้วย แล้วข้าก็เสียตัวให้เขา โอ้... สวรรค์ช่างแกล้งข้า เอ๊ะ! หรือว่านี่เป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น" ฟู่หลินหลินบ่นพึมพำ นางก็ใช้นิ้วมือหยิกตามร่างกายของนางปรากฏว่าก็รู้สึกเจ็บตามปกติ "โอ๊ะ โอ๊ย..." นี่ไม่ใช่ความฝัน ถ้าไม่ใช่ความฝันฟู่หลินหลินงงงวย
View More“อะแฮ่ม... ท่านแม่” รั่วเฉินกระแอมกระไอ“อะไรหรือ”“เรื่องแต่งงานใหม่เพิ่ม... อ่า...”“ทำไม” ท่านแม่ถามเสียงดัง“ภรรยาของข้า ฮ่องเต้เป็นผู้ประทานให้ หากจะแต่งงานหาภรรยาอีกหลายคน ต้องได้รับราชโองการจากฮ่องเต้อีกขอรับ” ที่แม่ทัพรั่วตอบออกไปอย่างนั้น เพราะเขาอ่านใจท่านแม่ออก“เรื่องขออนุญาตจากฮ่องเต้หรือ แม่จะให้พ่อเจ้าจัดการเอง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”“ท่านแม่ขอรับ ลูกไม่ได้อยากให้มีปัญหา”“ปัญหาอะไรอีกเล่า”“มีภรรยาหลายคนปวดหัวนี่ขอรับ อีกอย่างดูอย่างท่านแม่ ท่านยังไม่ยอมให้ท่านพ่อมีบ้านเล็กบ้านน้อย ใครก็พูดกันว่าท่านพ่อรักท่านแม่มากน่ะขอรับ จนไม่คิดจะมีหญิงอื่นอีก”ท่านแม่เผลอยิ้ม แต่ประเดี๋ยวเดียวก็ทำหน้าบูดบึ้งจ้าวอวี้เจินกลับตีความหมายทุกอย่าง เหมือนว่าเขาจะไม่อยากแต่งงานกับตนเอง เพราะที่รั่วฮูหยินเอ่ยเรื่องนี้ ก็เพราะอยากได้จ้าวอวี้เจินมาเป็นสะใภ้อีกคน“ข้าอยากจะเป็นหญิงหนึ่งเ
ฟู่หลินหลินมีใบหน้าออกสีแดง และรีบเดินเร็วนำหน้าเจียงอ่าวไป“เขินอะไรเล่าเจ้าคะ ข้าพูดเรื่องจริง ข้าอยากเลี้ยงท่านแม่ทัพตัวน้อย ๆ แล้ว”“หยุดล้อข้าได้แล้วน่า” เดินขาแทบขวิด“เจียงอ่าวถึงห้องแล้ว ข้าจะอาบน้ำนะ”“ได้เจ้าค่ะ ข้าจะระดมคนมาทำให้นายหญิงอย่างรวดเร็ว”การเดินทางกลับเป็นระยะเวลาสิบวันนั้น นางไม่ได้ทำความสะอาดร่างกายเลย นอกจากล้างหน้าล้างตาเท่านั้นเมื่อก่อนอยู่เซี่ยงไฮ้อาบน้ำกันค่อนข้างบ่อย ไม่เหมือนกับคนในสมัยนี้ ตอนแรกนางก็ไม่เข้าใจว่า พวกเขาอยู่กันได้อย่างไร ไม่อึดอัด หรือว่ารู้สึกเหม็นกลิ่นกายของตนเองบ้างเลยหรือ แต่เมื่อนางต้องทำเช่นนั้นบ้างก็เลยเข้าใจ ต่อให้อึดอัดเพียงใด เหม็นเพียงใดก็ต้องทนวันต่อมา มีรถม้ามาจอดที่หน้าประตูจวน ฟู่หลินหลินประหลาดใจเล็กน้อย แต่นางก็เพียงแค่คิดว่า น่าจะเป็นคนของทางการที่มาพบสามี หรือไม่ก็เป็นแขกของท่านแม่ก็เป็นได้อีกทั้งเพราะว่าแม่ทัพรั่วเองได้เดินทางไปรบที่เมืองหลูตงตั้งเดือนกว่า ก็น่าจะมีงานให้ต
“พร้อม อื้อ ท่านพี่รั่วอย่าทรมานข้าอีกเลยเจ้าค่ะ”ท่านแม่ทัพจับร่างฟู่หลินหลินให้หันหลังให้ แล้วกดให้นางโก้งโค้ง จากนั้นเขาก็เอาท่อนบุรุษเข้าประชิดกดลงไปในร่องสาวที่มีน้ำหวานเชื่อมหยาดเยิ้มฟู่หลินหลินทำได้แต่เพียงหยัดสะโพก และผ่อนลมหายใจ “อึก อ้า... ท่านพี่... ซี้ด...” ฟู่หลินหลินขยับอ้าปากเปล่งเสียงทรมานแบบสุข ๆ ออกมาเขากระแทกท่อนทวนอันใหญ่เข้าไปในร่องสาวให้ร่องน้อย ๆ นั้นกลืนทวนเนื้อเข้าไปใหม่ ต่อมารั่วเฉินก็เริ่มชักลำแกร่งเข้าออก ๆ เขาเองก็สูดปากด้วยความเสียวสยิวลำแข็งใหญ่ครูดไปกับร่องคับแคบที่แอมอิ่มกินท่อนรักของเขา ทั้งบีบ ทั้งอัด และตอดขมิบ“โอ้... ซี้ด... ดูดแรง” ท่านแม่ทัพแทบแตกพ่าย สวรรค์เกือบล่มปากอ่าวเสียแล้ว“กระแทกเถอะท่านพี่ ข้า อ้า...”จากนั้นแม่ทัพรั่วก็จัดให้ตามคำร้องขอ ฟู่หลินหลินได้แต่เพียงส่งเสียงครางครวญ และแอ่นสะโพกเข้าหาแท่งแกร่งของสามี“อื้อ อ๊า... ซี้ด... อะ อะ อะ...” นางส่ายหัวสะบัดศีรษะไปมา รับรู้ได้ถึงการกระแทกชนผนังภายในที่อ่อนนุ่ม
ไม่ทันตั้งตัวทหารแคว้นฉู่หนีตายกันชุลมุนวุ่นวาย และอลหม่าน เสียทั้งขวัญและกำลังใจ แล้วยังธนูไฟที่ถูกยิงมาจากกำแพงเมืองอีกแม่ทัพรั่วที่อยู่บนหลังม้า เขาตะเบ็งห้อขับขี่ม้าตัวใหญ่มุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่แม่ทัพหวงอยู่ ทั้งสองพุ่งเข้าโรมรันกัน แม่ทัพรั่วมีฝีมือของเขามากกว่าแม่ทัพหวง ฝีมือฉกาจกว่าแม่ทัพรั่วต่อสู้ด้วยทวน ด้านหนึ่งเป็นมีดดาบ อีกด้านเป็นปลายทวน ในจังหวะที่แสงตะวันสาดเข้าตาของแม่ทัพหวง เพราะแม่ทัพรั่วต้อนม้าของแม่ทัพหวงให้หันหน้าไป พอแม่ทัพหวงลืมตาหมายจะกวัดแกว่งดาบของตัวเองจัดการกับแม่ทัพรั่วรั่วเฉินก็ได้ตวัดปลายทวน โดยหันด้านปลายมีดที่คมตัดฉับศีรษะแม่ทัพหวงลงมาได้ภาพศีรษะของแม่ทัพหวงที่ขาดสะบั้นจากร่างกายของเขา แล้วหล่นร่วงลงไปยังพื้นดินเบื้องล่าง“ไชโย ไชโย”“แม่ทัพรั่วเฉินได้ตัดหัวของแม่ทัพหวงจือเฟยได้แล้ว กองทัพฉินของเราได้รับชัยชนะ”ฝ่ายทหารแคว้นฉู่ถึงกับวางอาวุธลง แล้วทรุดนั่งลงไปกับพื้นดินเพื่อศิโรราบเสียงโห่ร้องของทหารในกองทัพของรั่วเฉิน กองทหารของเมืองหยูตง และประชาชนที่ออกมาช่วยสู้รบ
“เอาเถอะอย่าไปเกรงกลัวอะไร ข้ามีแผนการดี ๆ อยู่แล้ว ประการแรกพวกเราต้องทำลายขวัญกำลังใจของทหารฉู่เสียก่อน” แม่ทัพรั่วพูดขึ้น“อย่างไรหรือขอรับ” หวังหว่านถามอยู่ ๆ ก็มีเสียงสตรีดังขึ้นมาจากหน้าห้อง“ข้ามีวิธี” ฟู่หลินหลินก้าวเข้ามาในห้อง“ไม่ใช่เรื่องของเจ้านะหลินหลิน” แม่ทัพรั่วปรามฟู่หลินหลินในชาติภพที่แล้ว นางเป็นคนที่ชอบอ่านและศึกษาวิชาความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ อย่างเช่นตำราพิชัยสงครามของซุนวู นางก็อ่านมาแล้วอีกทั้งนางยังเป็นคนที่ฉลาด มีไหวพริบ ดังนั้นเรื่องที่จะเอาความรู้จากตำราพิชัยสงครามมาใช้นั้น หาได้ยากสำหรับนางไม่“ฟังข้าก่อนสิท่านพี่” สีหน้าของฟู่หลินหลิน“เจ้ามีวิธีอะไร เจ้าจงว่ามา” แม่ทัพรั่วไม่อยากจะหักหน้านาง และวันนี้นางก็ได้แสดงความสามารถที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน จัดการกับทหารของแคว้นฉู่ลงได้ ทั้งที่ทหารคนนั้นตัวใหญ่กว่านางหลายเท่า โดยที่ร่างกายของนางไม่มีบาดแผลฟู่หลินหลินยืดตั
กองทัพของทัพแคว้นฉู่นำโดยแม่ทัพหวงจือเฟยเดินทัพอย่างเร่งรีบ ระยะทางห้าสิบลี้ อย่างไรก็น่าจะไปถึงก่อนรุ่งสาง เขาอยากจะโจมตีเมืองหลูตงในขณะที่ยังไม่มีแสงสว่าง เพราะถ้าหากพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว จะทำให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้แม่ทัพหวงเป็นศัตรูคู่อาฆาตของแม่ทัพรั่วมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พวกเขาออกรบเจอกันก็หลายครั้ง แต่ทว่าทุกครั้งแม่ทัพรั่วก็จะเอาชนะไปได้ตลอด หวงจือเฟยจึงผูกใจเจ็บเรื่องนี้เป็นอย่างมากและเมื่อวันนี้หากมีโอกาสในการแก้แค้น เขาถึงกับลั่นวาจาว่า จะเหยียบแม่ทัพรั่วให้จมอยู่ภายใต้บาทาของตนเองให้ได้ ถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่เขาได้กล่าวเอาไว้ เขาจะไม่กลับไปสู้หน้าท่านอ๋องเจียงกวงที่เมืองตานหยางอีก“พวกเจ้าเร่งเดินเข้า เราต้องรีบไปถึงก่อนเช้ามืด” แม่ทัพหวงออกคำสั่งเหล่าทหารแคว้นฉู่จากเดิมที่เดินก้าวเท้าฉับ ๆ เร็วอยู่แล้วก็เปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะในทันทีที่เมืองหยูตง ณ เวลานี้ได้มีการรวบรวมทหารได้ครบแล้ว แต่ทว่ากำลังทหารที่มีเพียงห้าพันนายนั้น จะเอาอะไรไปสู้กับข้าศึกที่มีถึงหนึ่งหมื่นนายให้ชนะได
หน้าบริเวณที่คุมขังนักโทษ ด้านหลังจวนว่าการซ่า... น้ำจากในถังสาดไปที่หน้าโจรวางเพลิงที่ถูกจับมา ในเวลานี้เขาถูกมัดไว้ติดกับเสาที่กลางลานเนื้อตัวของโจรผู้นั้นเปียกโชก น้ำเย็น ๆ ที่สาดเข้าหน้าเข้าตา เข้าปากและรูจมูก ทำให้มันลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ“เหตุใดเจ้าจึงต้องวางเพลิงที่จวนของท่านเจ้าเมือง ใครใช้เจ้ามา” แม่ทัพรั่วเปิดการสนทนาก่อนโจรผู้นั้นสะบัดหน้าไปมาเพื่อไล่หยาดน้ำให้พ้นไปจากใบหน้า เพราะมือไม้ของเขาถูกพันธนาการผู้ทำผิดเอาแต่จ้องหน้าของแม่ทัพรั่ว และไม่ยอมตอบคำถาม เพียงแต่ส่งสายตามองผู้ถามอย่างเคียดแค้น“ข้าถามเจ้า เจ้าหูหนวกหรือ จึงทำเป็นไม่ได้ยิน” แม่ทัพรั่วเริ่มโมโห น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวทีเดียว“หึ... ข้าไม่บอกเจ้าหรอก”“เจ้าไม่รู้หรือไงว่าข้าเป็นใคร ระวังเถอะจะไม่มีโอกาสได้พูดอีก”“เจ้าคือแม่ทัพรั่วล่ะสินะ” โจรร้ายพูดแบบไม่เกรงใจในยศถาบรรดาศักดิ์ของรั่วเฉิน จนเขาได้ลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินมาที่ตัวของโจรวางเพลิงท่านแม่ทัพใช้
ฟู่หลินหลินก้มตัวหลบหมัดที่พุ่งเข้าหา นางใช้ไม้ฟาดเข้าไปที่ข้อพับขาทั้งสองข้างของเขา จนโจรร้ายเสียหลักล้มลงหลังกระแทกกับพื้น คนผู้นั้นรีบลุกขึ้นมาตั้งท่ารับ แต่ด้วยความที่เขาเจ็บทั้งที่ขา และที่สะโพก เจ็บจนจุกจึงไม่สามารถที่จะยืดตัวตรงได้ฟู่หลินหลินเห็นเป็นโอกาสที่จะเอาชนะเขาได้ เพราะว่าตอนนี้มันกำลังอ่อนแอ นางจึงเป็นฝ่ายกระโดดพร้อมกับเงื้อไม้ฟาดกระหน่ำเขาแทนฟู่หลินหลินรัวฟาดไม้ใส่ลำตัวของเขาไม่ยั้ง จนเขาถอยร่นไปติดกำแพง แล้วนางก็ปล่อยไม้ตายสุดท้ายออกมา คือใช้หมัดข้างหนึ่งต่อยเสยเข้าที่ปลายคางของโจรผู้นั้น เลือดสีสด ๆ ไหลออกจากจมูกและปากของมันเป็นจำนวนมาก และไหลย้อยเป็นทางยาว แล้วเขาก็ร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างน่าเวทนาพอดีกับที่ท่านแม่ทัพรั่วมาถึง เขาเห็นแผ่นหลังของฟู่หลินหลินกระเพื่อมอยู่ราวกับว่านางเพิ่งเหน็ดเหนื่อยจากการทำอะไรสักอย่างมาเขารีบวิ่งมาหานางด้วยความเป็นห่วงเป็นใย พร้อมกับทหารอีกสี่ห้านายที่วิ่งตามหลังท่านแม่ทัพมาติด ๆเมื่อมาถึง ก็เห็นนางยืนหอบอยู่ตรงหน้าร่างอันปวกเปียกของชายผู้หนึ่งที่ใบหน้าอาบไปด้วยเลือด และตามเนื้อตัวของมันก็มีรอ
แม่ทัพรั่วกับเหล่าทหารมาถึงหน้าจวนเจ้าเมืองที่ไฟกำลังไหม้อยู่ เขาเห็นเจียงอ่าวกับคนอื่นทว่ารั่วเฉินไม่เห็นฟู่หลินหลิน เขาถามเอาความกับเจียงอ่าว และทหารอีกสองคน“นายหญิงไปไหน”“ข้าไม่เห็นขอรับ”“อ้าวนายหญิงหายไปจากที่นี่ตอนไหน” หันรีหันขวาง ทุกคนดูตกใจ ที่ฟู่หลินหลินหายไปจากบริเวณนั้น“ช่วยกันตามหานางเร็ว” รั่วเฉินออกคำสั่ง ทุกคนพากันสอบถามว่าใครเห็นนางบ้างทหารคนหนึ่งวิ่งมาหาแม่ทัพรั่ว “มีคนเห็นนายหญิงวิ่งไปทางนั้นขอรับ”“รีบตามไป ฮึ... พวกเจ้านี่ละสายตาไปจากภรรยาของข้าได้อย่างไร ไป... หานางให้เจอ พวกเจ้าจำเอาไว้ หากว่าหาหลินหลินไม่เจอ กลับไป... ข้าจะลงโทษเจ้าให้หมด” แม่ทัพรั่วพูดด้วยโทสะเจียงอ่าวถึงกับเข่าอ่อนล้มพับลงตรงนั้น ดีว่ามีผู้หญิงอยู่ตรงนั้นหลายคนได้เข้ามาช่วยนางแม่ทัพรั่วออกวิ่งไปยังทิศทางที่ทหารบอกทันที มีทหารสี่ห้านายวิ่งตามเขามาด้วยส่วนฟู่หลินหลินที่ตั้งใจตามชายผู้นั้นไป เพราะนางมั่นใจว่าชายคนนั
เขาเถาซาน เป็นภูเขาที่ค่อนข้างโล่ง หรืออาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้เป็นช่วงฤดูหนาว จึงทำให้ต้นไม้ต่าง ๆ ดูไม่สดใสเท่าที่ควร บนพื้นแทบจะไม่มีหญ้าขึ้นหิมะปรอยลงมาบ้างเล็กน้อย ทำให้ถนนที่เป็นเพียงแค่ร่องทางเดินน้อยนิดนั้นออกจะลื่นและเฉอะแฉะ ผู้ที่จะสัญจรทางนี้ก็ต้องเดินด้วยความระมัดระวังในเวลานี้อากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็นทำให้บรรยากาศบนเขาลูกนี้ออกจะน่าขนลุกอยู่บ้าง สายลมฤดูหนาวพัดมาเอื่อย ๆ คนเจ็ดคนบนไหล่เขาเถาซาน กำลังเดินขึ้นเขาไปชมวิว ต่างพูดคุยกันไปอย่างสนุกสนานจุดหมายของพวกเขานั้น คือจะไปให้ถึงจุดชมวิวก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน เพื่อไปสัมผัสบรรยากาศสวยงามของดวงอาทิตย์กลมโตสีสวยก่อนที่จะลาลับขอบฟ้าบนที่นั่นฟู่หลินหลิน ลูกสาวคนกลางของตระกูล เธอมัวแต่ชมธรรมชาติอยู่ จึงเดินรั้งท้ายทุกคน ทุกครั้งที่ออกนอกบ้านมา นางจะเป็นอย่างนี้เสมอ ก็คือเล่นซนและมัวแต่สนใจสิ่งรอบข้าง จนตามคนอื่นเขาไม่ทันฟู่จั๋วเฉิง ลูกชายคนสุดท้องที่ชอบทำตัวมั่งคั่ง เพิ่งจะได้กล้องถ่ายรูปมาใหม่ เป็นกล้องถ่ายรูปฟิล์มขาวดำขนาดใหญ่พอสมควร แต่เขาก็ยังแบกมาด้วย เพื่อที่จะไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินให้ได้ฟู่เหว่ยกวงและฟู่หวั่นอิ๋น...
Comments