แค่แฟนเก่า ถ้าดีจริงจะกลายเป็นของเก่าได้ยังไง “มึงนี่สร้างเรื่องเซอร์ไพรส์ได้เก่งมาก” “ไหนว่าโค้ชลงสนามเองไม่มีทางแพ้” “มันแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มลงเลย” . . . “ไม่คิดเลยว่าตั้งแต่เลิกกันจะตกต่ำถึงขนาดต้องเป็นเด็กเสี่ย” “...” “หรือตอนนั้นก็เป็นเด็กเสี่ยแล้วเหรอวะ ของแบรนด์เนมถึงได้ไม่เคยขาด” “ระหว่างเราตอนนี้เป็นแค่แฟนเก่า จำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอ”
View More“ไหนมันว่าจะไม่มา” เมื่อมาถึงฉันก็เกิดอาการหงุดหงิดเพราะสองคนที่บอกว่าจะไม่มา โผล่มาก่อนฉันซะอีก แล้วก็เป็นเหตุให้ห้องพักที่จองไว้ไม่พอ ซึ่งฉันจะไม่นอนร่วมห้องกับแตงกวาแน่นอน ฉันไม่อยากเสแสร้ง ขี้เกียจจะพูดเหน็บด้วย ฉันไม่ได้เก็บอารมณ์เก่งขนาดนั้น“มันบอกว่าเพื่อนมาทั้งทีจะไม่มาได้ยังไง”“แล้วมาไม่บอก มันจะพักห้องไหน”“แตงกวามันบอกว่าเดินทางเหนื่อย ปวดหัว ไอ้ออยล์ก็เลยเข้าพักห้องที่มึงจะพัก”“อืม”“ไอ้ออยล์มันก็เลยบอกว่าให้มึงพักกับแตงกวาแล้วเดี๋ยวมันพักกับพี่เซ้นต์”“มีสิทธิ์อะไร” มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจเรื่องของฉัน มันอยากให้ฉันตีกับเมียมันหรือไง“ถ้าหากเพ้นท์ไม่โอเคพี่พักกับไอ้โจได้นะ”“ไม่ได้นะคะ” หว่าหวาพูดเสียงดัง ก็ใช่สิ หว่าหวากับพี่โจจะนอนห้องเดียวกัน สองคนนี้เป็นคนคุยที่ใกล้ชิดกันมากกว่าฉันที่เป็นแฟนกับพี่เซ้นต์ซะอีก ไอ้หวามันวางแผนมาซะดิบดีมีเหรอที่มันจะนอนแยกห้องกับพี่โจ ฝันเถอะ“แตงกวามันไม่สบายก็ให้ออยล์ไปนอนด้วยเถอะ กูมาเที่ยวไม่ได้มาดูแลคนป่วย ไม่ใช่หน้าที่กูที่ต้องดูแลแฟนคนอื่นด้วย”“ได้ งั้นมึงนอนไหน” สีหน้าหว่าหวาชัดเจนว่ากลัวฉันจะบอกว่านอนด้วย กลัวฉันจะเอาคืนเร่าร้อ
สรุปแล้วทริปวันหยุดยาวฉันตัดสินใจไปกับเพื่อนเพราะหว่าหวารบเร้าหนักมาก เนื่องจากช่วงนี้นางกำลังคุยกับพี่โจ หว่าหวาอยากไปเที่ยวกับพี่โจ แต่ก็ไม่กล้าชวนตรง ๆ จึงใช้ฉันเป็นข้ออ้าง ฉันไปพี่เซ้นต์ก็ไป เมื่อพี่เซ้นต์ไปพี่โจที่รักเพื่อนและว่างไม่ได้เดินทางกลับบ้านก็ไปด้วย ทุกอย่างเข้าแผนที่หว่าหวาวางไว้เพื่อนฉันนี่มันฉลาดจริง ๆฉันเสนอตัวขับรถมารับพี่เซ้นต์ที่บ้านของเขา หว่าหวาหาเรื่องเดินทางกับพี่โจสองคน เพื่อนที่เหลือเจอกันจุดนัดหมาย นั่นก็คือบ้านพักเขาใหญ่ที่พ่อแม่หว่าหวาเป็นเจ้าของ“เพ้นท์อยู่หน้าบ้านพี่แล้วค่ะ”(ครับ เดี๋ยวพี่ออกไป)หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ก็เดินออกมาตัวเปล่า กระเป๋าเสื้อผ้าเขาไปไหนล่ะ ทำไมไม่พกมาด้วย ปกติเห็นชอบพกตลอด ไปเรียนก็พกเสื้อผ้าติดตัวไปเปลี่ยน หลายวันมานี้เสื้อผ้าเขาอยู่ที่ห้องฉันหลายตัวแล้ว คือหลังเลิกเรียนเขาชอบเตะบอลกับเพื่อนน่ะ ก่อนกลับบ้านก็จะแวะมาอาบน้ำที่ห้องแล้วเราก็ไปกินข้าวด้วยกัน จากนั้นเขาก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านของเขา“เสื้อผ้าไม่เอาไปเหรอ”“เข้าบ้านกับพี่ได้ไหมครับ”“ทำไมคะ”“ป้าของพี่อยากเจอเพ้นท์ เข้าไปทำความรู้จักได้ไหมครับ”“ตอนนี้เลยเหรอคะ”“ครับ
หกโมงเย็นที่สนามฟุตบอลพี่เซ้นต์เดินตรงมาหาฉันที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ เขาในชุดฟุตบอลเท่จังเลย ใจฉันเต้นรัวแปลก ๆ แล้วสิไม่เพ้นท์ตอนนี้สายตามึงไม่ได้มองหน้าเขา มึงมองเป้าเขา จังหวะที่เขาวิ่งตรงนั้นมันดิ้นดุ๊กดิ๊กน่ารักจนใจฉันสั่น“รอพี่นานไหม” เสียงของพี่เซ้นต์ทำให้ฉันละสายตาจากเป้ากางเกงของเขา“ไม่นานค่ะ” ส่งยิ้มพร้อมกับยื่นน้ำเย็นให้เขา คงไม่ได้จับได้นะว่าฉันจ้องตรงนั้นอะพี่เซ้นต์รับน้ำไปดื่ม เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อกระดกน้ำดื่ม จังหวะที่เขากลืนน้ำลูกกระเดือกขยับขึ้นลง ท่าดื่มน้ำจำเป็นต้องเซ็กซี่ขนาดนี้ไหม แล้วนี่อะไร ทำไมต้องเทน้ำที่เหลือใส่หน้า ทำไมต้องทำให้มันเปื้อนเสื้อด้วยล่ะไม่ แล้วทำไมฉันต้องตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะ ใช่ว่าไม่เคยเห็นผู้ชายเซ็กซี่สักหน่อย จะตื่นเต้นอะไรขนาดนี้ไม่ทราบ“ตอนนี้ห้องน้ำใกล้ ๆ นี้น่าจะเต็มไปด้วยคน รออีกแป๊บได้ไหม รอพี่เปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”“กลับชุดนี้เลยก็ได้นะคะ เพ้นท์ไม่ถือ” ผู้ชายที่อยู่ในชุดกีฬานี่เท่จริง ๆ ข้างบนก็ดูแกร่ง ข้างล่างก็...“เหงื่อพี่เยอะ เดี๋ยวเพ้นท์...”“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่เซ้นต์กังวลก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำที่ห้องเพ้นท์ก่อนก็ได้นะคะ นี่เย็
เมื่อปิดประตูพี่เซ้นต์ก็กวาดตามองรอบห้อง “ห้องใหญ่มาก สวยมากครับ”ราคาของคอนโดแห่งนี้น่าจะไม่ใช่ถูก ๆ ห้องที่ฉันอยู่มีสองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องครัว สำหรับฉันแล้วก็ถือว่าใหญ่เลยนะกับการอยู่คนเดียวแต่ฉันไม่มีสิทธิ์พูดว่าไม่ชินเพราะอยู่บ้านฉันก็อยู่คนเดียวบ่อยไป จะไม่ชินได้ยังไง น้อยใจแม่ไม่ได้ด้วย แม่ฉันน่ะเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แม่ขยันที่สุดและฉันรู้ว่าแม่รักฉัน“เปลี่ยนใจกลับบ้านตอนนี้ยังทันนะคะ”“จะทิ้งให้แฟนทำคนเดียวได้ไงครับ มาเดี๋ยวพี่ช่วย เราเริ่มจากอะไรดี” พี่เซ้นต์หันมายิ้ม“ระหว่างรอพี่เซ้นต์มาเพ้นท์ทำไปนิดหน่อยแล้ว เหลือห้องครัวที่ยังไม่ได้ทำ”“งั้นเราเริ่มกันเลยดีไหม”“ค่ะ”เวลาห้าทุ่มทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ไม่คิดเลยว่าการย้ายเข้าอยู่โดยไม่ได้หาแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดก่อนจะเหนื่อยขนาดนี้“น้ำค่ะ” น้ำโค้กเทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งเย็น ๆ ยื่นให้พี่เซ้นต์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็มานั่งที่โซฟาช่วงที่พี่เซ้นต์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าฉันลงไปซื้อน้ำซื้อขนมของกินจากร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ ฉันเกรงใจเขาอะ เกรงใจเขามาก เราเพิ่งเป็นแฟนกันวันเดียวฉันก็ใช้งานเขาหนักจนเหงื
“พี่โจวิศวะ มาหามึงทำไมวะ” ฟินฟินถามเมื่อฉันกลับเข้าห้องเรียนก่อนอาจารย์เข้าสอน“เขาชื่อโจเหรอ” ฉันถามด้วยความไม่รู้ เพิ่งรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของพี่เซ้นต์ก็ตอนที่พี่เซ้นต์แนะนำให้รู้จัก แนะนำตอนเขาเข้ามานั่งประจำที่คนขับแล้วก็ขับรถมาส่งฉันที่หน้าตึกเมื่อกี้นี้เอง แล้วก็ไม่ได้มีแค่พี่โจ มีพี่อีกคนด้วยที่เข้ามานั่งข้างคนขับ เขาชื่อว่าเบย์“มึงไม่รู้จักเขาแล้วไปกับเขาทำไมอีเพ้นท์” ฟินฟินทำหน้าโมโห“ก็เขาบอกมีเรื่องคุยด้วย”“แบบนี้ถ้าใครขอคุยด้วยมึงไม่ไปกับเขาหมดเหรอ”“ก็ไปนะ มีมารยาท”“อี อีเพ้นท์บ้า ทีหลังอย่าไปกับคนแปลกหน้า ดีนะที่วันนี้คนที่มาคือเพื่อนพี่เซ้นต์ ถ้าเป็นคนอื่นจะทำไง มึงไม่กลัวมีปัญหากับพี่เซ้นต์เหรอ หรือว่ามึงเลิกคุยกับพี่เซ้นต์แล้ว”“เปล่า ก็คุยอยู่ เขาเป็นคนให้เพื่อนเขามาตามน่ะ”“อ้อ งั้นกูถามหน่อย”“ถามอะไร”“มึงได้บอกเขาไหมว่ามึงชอบลืมโทรศัพท์แล้วบางทีอารมณ์ผีบ้าเข้าสิงมึงก็ชอบกดปิดเสียง ปิดแจ้งเตือน”“บอกนะ บอกไปนิดหน่อย”“ตอนนี้มึงกับเขาเป็นอะไรกัน คนคุยไหมหรือยังไง” หว่าหวาที่ฟังอยู่เงียบ ๆ เอ่ยถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“เขาเพิ่งขอกูเป็นแฟนเมื่อกี้เอง”“ว้าว มึ
“เราจะไปคุยกันที่ไหนคะ” เดินออกมาไกลจากโรงอาหารของคณะบริหารแล้วนะ นี่ต้องไปไกลแค่ไหนกันแต่ทำไมฉันต้องเดินตามเขาล่ะ ฉันไม่ได้รู้จักเขาสักหน่อย“รู้จักพี่ไหม” หนุ่มคณะวิศวะหยุดเดิน หันมาพูดกับฉัน“เหมือนจะเคยเห็นนะคะ แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน”“แล้วรู้จักไอ้เซ้นต์ไหม”“อ้อ รู้จักค่ะ”“เป็นอะไรกับมัน”“...”“ว่าไง”“ก็คุย ๆ กันอยู่ค่ะ”“คนคุย?”“ทำไมคะ”“ถ้าเป็นคนคุยงั้นก็คุยกับมันหน่อยสิ”“หืม?”“มันนั่งรออยู่ในรถ” หนุ่มวิศวะชี้ไปที่รถเก๋งสีดำเงาที่จอดอยู่ตรงลานจอดรถ “ไปดิ”“ค่ะ” เพราะท่าทางน่ากลัวของคนพูด ทำให้ฉันต้องเดินมาที่ลานจอดรถ เดินใกล้เข้ามาถึงได้ยินเสียงเครื่องยนต์ติดอยู่ ฉันเคาะที่กระจกฝั่งคนขับไม่รู้เหมือนกันว่ามีคนนั่งอยู่ตรงนี้ไหม เพราะว่ามันมืด มองไม่เห็นด้านในของรถประตูจากเบาะหลังเปิดออก ฉันชะโงกหน้ามองจึงเห็นว่าพี่เซ้นต์นั่งอยู่เบาะหลัง สีหน้าที่เรียบนิ่งผลักให้ฉันเดินเข้ามานั่งในรถข้างเขา“ผู้ชายคนนั้นเพื่อนพี่เซ้นต์เหรอคะ” ฉันถามพลางมองไปที่หนุ่มวิศวะคนนั้นซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่ก็ไม่ได้ใกล้มากพี่เซ้นต์เอื้อมมือปิดประตูโดยการขยับตัวมาใกล้ฉันมาก ๆ ฉันก็เลยพยายามลีบตัวใ
(เป็นอะไรมากไหม หาหมอหรือยัง ที่บ้านมีคนอยู่ด้วยหรือเปล่า)“เพ้นท์กินยาแล้วค่ะ อีกหน่อยจะนอนพัก”(พี่ผิดเอง เมื่อคืนไม่น่าพาเที่ยวจนดึก ขอโทษนะ)“ไม่ใช่ความผิดของพี่เซ้นต์ค่ะ เพ้นท์ไม่สบายนิดเดียว เดี๋ยวก็หายค่ะ”(เพ้นท์ยังไม่ตอบพี่เลยว่าที่บ้านมีคนอยู่ด้วยไหม ไม่ได้อยู่คนเดียวใช่ไหม)“มีค่ะ วันนี้แม่ของเพ้นท์อยู่บ้าน”(โอเค พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง)“ค่ะ พี่เซ้นต์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ นอนพักไม่นานเพ้นท์ก็หายแล้วค่ะ”(ถ้าอยากได้อะไรบอกพี่นะ พี่จะส่งไปให้)“ขอบคุณนะคะ พี่เซ้นต์ดีกับเพ้นท์มากเลย”(พี่ชอบเพ้นท์ไง)“...”(พักผ่อนนะ ตื่นแล้วทักหาพี่หน่อยนะ)“โอเคค่ะ เพ้นท์วางนะ”(ครับ)หลังจากวางสายพี่เซ้นต์ฉันก็นอนมองเพดานห้อง วันนี้ฉันไม่ได้ไปเรียน สภาพของฉันไม่เหมาะที่จะออกไปเจอคนอื่น ฉันไม่ควรเอาตัวเองออกไปประจานเมื่อคืนนี้ทุกอย่างจบลงที่เรื่องอย่างว่า เป็นครั้งแรกที่ฉันไม่เต็มใจที่จะมีอะไรกับออยล์ และเป็นครั้งแรกที่ออยล์รุนแรงใส่ฉันและฉันรู้สึกรังเกียจเขาที่ทำเหมือนฉันเป็นของเล่น คิดจะทำอะไรกับฉันก็ได้ ทำเหมือนฉันไร้ความรู้สึก“เมื่อคืนกูขอโทษ” คนทำก็ไม่ได้หายไปไหน นอนอยู่ข้างฉันนี่แหละ
“ยังไงไหนเล่า ทำไมมึงถึงได้ไปกับพี่เซ้นต์” เข้ามานั่งในห้องเรียนก้นยังไม่ถึงเก้าอี้ฟินฟินก็ถามพร้อมสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“ก็ไม่ยังไง เบื่อ ๆ เลยหาคนคุย”“มึงเนี่ยนะหาคนคุย อะไรเข้าสิงมึง” ทรีถาม“กูมันยังไง ทำไมจะมีคนคุยไม่ได้” ฉันหันไปมองหนุ่มหล่อสายเกา เขาเป็นลูกครึ่งเกาหลี-ไทย ทรีกับทูกับฝาแฝดกัน สองคนนี้หน้าเหมือนกันมาก สิ่งที่ทำให้แยกสองคนนี้ออกคือความสูงที่ห่างกัน 10 เซนติเมตร“ก็ไม่เห็นมึงจะสนใจใคร ขนาดว่ากูหล่อขนาดนี้ ตามจีบมึงมาตั้งหลายเดือนไม่เห็นมึงสนกู” ทรีทำหน้าน้อยใจ จริงอย่างที่ทรีพูด เขาตามจีบฉัน แต่ว่าฉันไม่สนใจเขา“คนที่เปลี่ยนสาวจนกระเจี๊ยวป่วยแบบมึงกูจะกล้าให้ใจได้ไง” ทรีน่ะเจ้าชู้ สาวเยอะ ไม่คบใครจริงจัง“ก็ถ้ามึงยอมรับรักกูกูก็พร้อมจะมีแค่มึง”“คำพูดคนเจ้าชู้เชื่อไม่ได้”“ลองเชื่อกูสักครั้งกูจะไม่ทำให้มึงเสียใจ” ทรีพูดด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุด รอยยิ้มของคนเจ้าชู้แต่ก็ต้องยอมรับว่าฝาแฝดคู่นี้หล่อจริง ๆ“ไม่ขอลองเสี่ยงดีกว่า เป็นเพื่อนกันแบบนี้ดีแล้ว ไม่อยากเสียเพื่อน” เพราะว่าฉันสูญเสียออยล์ไปแล้ว ฉันกับออยล์กลับไปเป็นเพื่อนที่แปลว่าเพื่อนแบบนั้นไม่ได้อีกแล้
“ทำไมตาบวม” แตงกวาเพื่อนในกลุ่มถามใช่ค่ะ แตงกวาคนนั้นแหละเราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันและเราใช้ผู้ชายคนเดียวกัน แค่สถานะของเราต่างกัน แตงกวาเป็นแฟนออยล์ แฟนที่ออยล์ถนอม แฟนที่ออยล์ให้ความชัดเจน ขณะที่ฉันเป็นแค่เพื่อนนอน เป็นแค่คนในมุมมืด ใจฉันรู้ดีว่าฉันควรเลิกโง่ได้ตั้งนานแล้ว ทนแบบนี้ไปเพื่ออะไรทว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างใจคิด เพราะที่ผ่านมาฉันหมกมุ่นกับออยล์มากเกินไป มากซะจนฉันลืมไปว่าไม่ควรฝากความรู้สึกไว้กับใครมากขนาดนี้“อ่านนิยาย” เพื่อนรู้ดีว่าการอ่านนิยายเป็นสิ่งที่ฉันชอบทำเวลาว่าง อ่านแล้วก็อินคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกอยู่เรื่อย ในนิยายพระเอกเถื่อนมันกร้าวใจ แต่ชีวิตจริงขอไม่เจออะไรแบบนั้นนะแค่ที่เจออยู่ชีวิตรักก็รันทดจนไม่รู้จะรันทดยังไงแล้ว ก็รู้นะว่าโทษใครไม่ได้เพราะว่าฉันทำตัวเองล้วน ๆ“คนเก่งนี่ดีจริง ๆ จะสอบอยู่แล้วก็ยังมีเวลาอ่านนิยาย ไม่เหมือนเรา อ่านเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัว” แตงกวาเอ่ยหึ การทำตัวโง่นี่ได้ใจผู้ชายสินะ“กวามีข้อไหนไม่มั่นใจก็ให้เพ้นท์มันติวให้สิ” ออยล์พูดพลางจับแก้มแตงกวาเล่นคนที่ไม่รักมักจะไม่ถนอมน้ำใจกัน ทั้งที่พูดกับฉันขนาดนั้น ไม่คิดว่าฉันจะเสียใจบ้า
“มึง”“หืม”“เราเลิกกันนะ” จู่ ๆ คนที่รักเขาก็เดินมาหยุดตรงหน้าฉันและพูดประโยคน่าตกใจ เมื่อก่อนทะเลาะกันแค่ไหนเราก็จะไม่พูดคำนี้ออกมา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินจากปากเขา“หมายความว่ายังไง ทำไมจะเลิก” ฉันงงมากอะคือฉันจะไม่งงได้ยังไง เราเพิ่งเอากันเสร็จเมื่อกี้ ให้พูดหยาบ ๆ น้ำยังไม่ทันแห้งก็โดนบอกเลิกงั้นเหรอ“สงสารกวาว่ะ ไม่อยากทำแบบนี้อีกแล้ว อยากจริงจังกับกวา กูตั้งใจไว้ว่าจะรักกวามีแค่กวา กูคบกับกวามาสักพักแล้ว ถึงเวลาที่ความสัมพันธ์ต้องเลื่อนขั้น” ผู้ชายที่ฉันรักกำลังพูดถึงผู้หญิงอีกคนที่เขารักความสัมพันธ์ของเราโคตรท็อกซิกเลยเนอะฉันถามเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “แล้วที่ผ่านมาไม่สงสารกูบ้างเหรอ กูยอมมึงทุกอย่างทำไมถึงเป็นแบบนี้ กูผิดอะไรออยล์ ไหนว่าคบกับมันเฉย ๆ”“ตอนนี้กูรักกวา กูไม่ได้รักมึงเพ้นท์ คือตั้งแต่แรกระหว่างเรามันก็ไม่ใช่รักแล้วไหมวะ มันก็แค่เซ็กซ์ไงมึง เราตกลงมีเซ็กซ์กัน สนุกด้วยกัน มึงฟินกูฟิน น้ำแตกด้วยกันทั้งคู่ก็แค่นั้น”“มันไม่ได้แค่นั้นไงออยล์ กูรักมึง กูรักมึงอะออยล์ กูรักมึงไปแล้ว ไม่ไปได้ไหมไม่เลิกได้ไหม กูยอมอยู่เงียบ ๆ แล้วไง ไม่เลิกนะ อย่าเลิกกับกูเ...
Comments