งานเลขาใครบอกว่าง่าย ไหนจะงานที่รัดตัว ไหนจะต้องจับแมลงให้เจ้านาย ไหนจะต้องจับงูให้เขาอีก เปลี่ยนยางรถยนต์ก็ต้องทำ คิดแล้วรติชาก็อยากร้องไห้ แต่เพราะงานเหล่านั้นทำให้เธอได้เป็นตัวของตัวเองแบบไม่ตั้งใจจนกระแทกหัวใจบอสสุดเพอร์เฟคเข้า บอสหนุ่มอย่างปิลันธน์จะขายขนมจีบเธอแบบไหน เพราะจะเข้าหาแบบสายเปย์เธอก็มีพร้อมหมดทุกอย่าง แถมรติชายังมีแผนจะย้ายประเทศอีก เขาจะรั้งหรือจะให้เธอได้ทำตามความฝัน
Lihat lebih banyak“ไม่อยากรู้ค่ะ”“แต่ผมอยากบอก” ปิลันธน์เงียบไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะพูดความรู้สึกออกไปตอนนี้ดีไหมหรือรอจนกว่ารติชาสร่างเมาเสียก่อน แต่อีกใจก็อยากพูดให้มันหายอึดอัด “เพราะผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอ”“บอสใจร้าย ไปหักอกผู้หญิงสวยๆ แบบนั้นได้ยังไง”“เพราะผมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว เธอคนนั้นดูจริงใจไม่วางฟอร์ม ทำอะไรที่ผู้หญิงเขาไม่ทำกันตั้งหลายอย่างและที่สำคัญเธอไม่กลัวแมลง” ปิลันธน์สารภาพรักทางอ้อมกับรติชา แต่คนเมาก็แกล้งทำเป็นทิ้งตัวนอนหลับทั้งๆ ที่ใจนั้นเต้นแรงจนกลัวว่าบอสหนุ่มจะได้ยินปิลันธน์รู้ว่ารติชาได้ยินที่เขาพูดทุกคำอย่างชัดเจน แต่ในเมื่อเธอแกล้งหลับเพราะขัดเขินเขาจึงไม่อยากปลุกเธอขึ้นมา บอสหนุ่มใช้จังหวะนั้นนั่งมองใบหน้าที่แดงก่ำเพราะฤทธิ์เหล้าของคนตรงหน้า นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เคยรู้สึกพิเศษกับผู้หญิงคนไหนเท่ารติชามาก่อนเธอกำลังทำให้หัวใจเขาเต้นด้วยจังหวะแปลกๆเธอกำลังทำให้ผู้ชายที่ไม่เคยคิดว่าจะรักใคร
แต่ยิ่งเห็นว่าใครต่อใครให้ความสนใจเธอมากขึ้นปิลันธน์ก็เกิดอาการหวง พอหวงมากเข้าก็ดื่มเหล้าข่มอารมณ์ตัวเองไปหลายต่อหลายแก้วเช่นกัน ขณะที่หูก็พยายามฟังว่าโต๊ะของรติชากำลังคุยกันเรื่องอะไร แต่จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาชนแก้วกับเขา“คุณแองจี้”“บังเอิญจังเลยนะคะ ที่เราได้เจอกันที่นี่” แองจี้คือหนึ่งในลูกค้าวีไอพีของปิลันธน์ เธอเองก็มาพักผ่อนที่รีสอร์ตแห่งนี้และบังเอิญรู้ว่าบริษัทชายหนุ่มเองก็จัดทริปประจำปีและเข้าพักเช่นกัน จึงถือวิสาสะเดินเข้ามาหาทั้งๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง“ครับ...คุณแองจี้มาพักผ่อนหรือครับ”“ใช่ค่ะแองจี้มาพักผ่อนกับเพื่อนๆ เราสองคนไปนั่งดื่มกันตรงริมชายหาดดีไหมคะ ตรงนี้เสียงดังมากแองจี้แสบหูไปหมดแล้ว” แองจี้เอ่ยชวน แม้ปิลันธน์จะอยากปฏิเสธแต่เพราะเธอคือลูกค้ากระเป๋าหนักและคิดว่าไปคุยกันไม่นานก็คงแยกย้าย สุดท้ายชายหนุ่มจึงตอบรับคำเชิญนั้นรติชาหันไปเห็นจังหวะที่ปิลันธน์กำลังเดินออกไปกับผู้หญิงคนหนึ่งเข้าพอดี ซึ่งผู้หญิงคนนั้นสวยและเซ็
“ขอบคุณค่ะ”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับจากนั้นก็อาสาเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้ เมื่อเสร็จทั้งสองก็กลับเข้าการแข่งแรลลี่อีกครั้ง แม้ตอนนี้จะอยู่รั้งท้ายก็ตามแต่ดูเหมือนผลแพ้ชนะจะไม่สำคัญเท่ากับการได้รู้จักตัวตนของอีกฝ่าย ถึงอย่างนั้นปิลันธน์ก็ยังคงไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมาอย่างชัดเจน ส่วนรติชาก็ยังคงปกติไม่ได้แสดงท่าทางเชื้อเชิญใดๆ เช่นกัน ทั้งๆ ที่ในใจของทั้งคู่นั้นค่อยๆ เชื่อมเข้าหากันทีละนิดช่วงพักเบรกจู่ๆ รติชาก็เผลอมองหาปิลันธน์อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน พอรู้ว่าเขากำลังทำอะไรก็เอาแต่มองอยู่แบบนั้น กระทั่งส่ายหน้าไล่ความรู้สึกบ้าๆ ของตัวเองให้ออกไปจากสมองพร้อมคว้าโทรศัพท์ออกมากดโทรหาโสภิตา“ฉันว่าตัวเองต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ”“ไม่เพี้ยนหรอก แกกำลังปิ๊งบอสปิลันธน์อยู่ต่างหาก” คนโสดอีกหนึ่งคนเอ่ยอย่างรู้ใจรติชา เพื่อนสนิทเธอคนนี้เป็นพวกปากไม่ตรงกับใจสักเท่าไหร่หรือต่อให้รู้ใจตัวเองก็ยังต้องการกองหนุน“ไม่...หรอก...มั้งแก”
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาทริปท่องเที่ยวของบริษัทก็เกิดขึ้น โดยครั้งนี้มีการแบ่งกลุ่มเพื่อแข่งแรลลี่หาผู้ชนะที่จะได้เงินรางวัลถึงหนึ่งแสนบาท รติชาลงชื่อเข้าร่วมแข่งอย่างไม่ลังเลแต่กลับไม่มีคนมาจับคู่กับเธอด้วยเหตุเกรงใจสายตาของบอสหนุ่ม นั่นจึงเปิดโอกาสให้ปิลันธน์ลงมาแจมแต่ก็วางฟอร์มว่าเขาไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่จุดสตาร์ทคือที่หน้าบริษัทส่วนจุดเริ่มต้นนั้นคือหน้าโรงแรมที่พัก โดยมีทั้งหมดสิบฐานและต้องเก็บแต้มแต่ละฐานให้ได้มากที่สุด รติชาจริงจังกับกิจกรรมทุกๆ ฐานเธอนึกสนุกแต่ไมได้หวังเงิน ส่วนปิลันธน์ก็ใจเย็นเป็นน้ำแข็ง บางจังหวะยังแกล้งขับรถหลงทาง“บอส”“มองผมแบบนั้นทำไม ผมไม่ได้ตั้งใจพาคุณหลงนะ” คนไม่ได้ตั้งใจรีบออกตัว รถวันนี้ที่เขาใช้คือรถสปอร์ตคันสวยคู่ใจที่รติชาเคยขับรถมาชนท้ายจนต้องส่งไปซ่อมนั่นเอง “ก็ฉันบอกแล้วนี่ค่ะว่าให้บอสเลี้ยวซ้ายๆ บอสจะเลี้ยวขวามาทำไม” จีพีเอสสาวหน้างอเพราะฉุนชายหนุ่มเล็กน้อย เธอนั่งมองแผนที่แบบกระดาษให้ปิลันธน์มาตลอดทางจนตาล้าไปหมด เพราะการแข่งแรลลี่ครั้งนี้ห้ามใช้จีพีเอสจากโทรศัพท์มือถือหรือที่ติดมาในรถยนต์อย่างเด็ดขาด“ผมขอโทษๆ เดี๋ยวกลับรถให้” ปิลันธน์เอ่ยบอกอ
ในขณะที่ปิลันธน์เองก็คิดแบบเดียวกับเธอ บอสหนุ่มนั่งจิบวิสกี้ไปด้วยพร้อมกับคิดเรื่องตัวเอง ความรู้สึกที่เขามีให้รติชามันอาจเกิดขึ้นเพียงแค่ฝ่ายเดียว ที่คิดแบบนั้นเพราะเท่าที่ได้ทำงานด้วยกันหรือจังหวะที่มีโอกาสได้ไปไหนมาไหนนอกเหนือจากเวลางานตามลำพัง เขามองไม่ออกจริงๆ ว่ารติชารู้สึกอะไรกับเขาแต่เพราะเธอเป็นแบบนั้นเขาจึงยิ่งต้องใจเย็น ไม่บุ่มบ่ามจนทำให้เธอระแวงก่อนครบสามเดือนมีโปรเจกต์ใหญ่ที่รติชาต้องรับผิดชอบ นั่นคือทริปท่องเที่ยวประจำปีของบริษัท โดยก่อนลาคลอดอรสาทำไว้แล้วบางส่วนรติชาจึงเข้ามาสานต่อให้ลุล่วง ทางปิลันธน์ยกให้เธอเป็นแม่งานซึ่งตัวรติชาเองก็อยากใช้โปรเจกต์นี้ส่งท้ายการทำงานที่นี่เช่นกัน บอสหนุ่มรู้ว่าเหลือเวลาที่ตัวเองจะได้ทำงานกับเลขาอย่างรติชาอีกไม่นาน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรหากจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปในทิศทางอื่น สิ่งเดียวที่เขากังวลตอนนี้คือเธอยังคงยืนกรานที่จะไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ โปรเจกต์ส่งท้ายทำให้ตารางงานชีวิตของรติชาค่อนข้างยุ่ง เพราะอยากทำให้พนักงานเกือบร้อยชีวิตประทับใจ หัวหน้าแผนกทุกคนต่างเสนอแนะกิจกรรมที่พวกเขาอยากทำ บางอย่างก็ได้รับการอนุมัติแต่บางอย่างก็ถูก
ทุกวันทำงานของรติชาช่างมีอะไรให้ทำและลุ้นตลอดเวลา บางวันต้องออกไปประชุมกับปิลันธน์ที่กินเวลาแทบทั้งวัน บางวันก็ว่างจนนั่งตบยุงรองาน บางวันก็ต้องจับเจ้าตั๊กแตนตำข้าวที่แอบเข้ามาในห้องทำงานของชายหนุ่มไปปล่อย รติชามองออกว่ามันคนละตัวกันซึ่งไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมมันถึงขยันเข้ามากันนักพอนั่งนับนิ้วดูแล้วเธอก็ทำงานที่นี่มาเกือบสองเดือน เวลามันผ่านไปเร็วจนรติชาเองยังนึกใจหายและพลอยทำให้คิดถึงเพื่อนรุ่นพี่ขึ้นมา หลังเลิกงานวันนั้นเธอจึงเข้าไปเยี่ยมอรสาที่บ้าน แม้ก่อนหน้าจะโทรคุยโทรถามไถ่กันตลอดแต่ก็ไม่เท่ากับการได้เจอตัวจริง“สวัสดีค่ะน้องอุ่น” รติชาเอ่ยทักทายหลานสาวตัวน้อยที่ตอนนี้อ้อแอ้อยากพูดอยากคุยกับทุกๆ คนไปหมด “อ้อแอ้แบบนี้อยากคุยกับพี่เหรอคะ” คำแทนตัวเองว่าพี่ของรติชาทำให้คุณแม่มือใหม่อย่างอรสาหัวเราะออกมา เพราะดูเหมือนใครๆ ก็อยากเป็นพี่ของลูกสาวเธอ“ชีวิตตอนนี้เป็นไงบ้างปิ่น”“เรื่อยๆ ค่ะ ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน ซึ่งบอสก็ยังเป็นบอส เยอะแยะเรื่องงานสารพัด”“นั่นแหละคือคุณปิลันธน์”“แต่เพราะเขาเป๊ะและเยอะแบบนั้นมั้งคะธุรกิจถึงได้โตวันโตคืน”“ใช่จ้ะ กว่าจะมีวันนี้บอสก็เริ่มทุกอย่างม
“อืม...ไม่น่าจะใช่นะคะ แต่ฉันขอหาข้อมูลก่อน” เอ่ยบอกเสร็จรติชาก็เอาสีและลายของงูที่ตอนนี้ตายแล้วไปเสิร์ชหาชื่อมันในอินเตอร์เน็ต หาไปหามาจึงรู้ว่ามันคืองูเขียวพระอินทร์ “งูเขียวพระอินทร์ค่ะ มีพิษแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงมาก” “ชื่อเพราะแต่ไม่น่าคบสักเท่าไหร่” คำพูดของปิลันธน์ทำให้รติชาหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะหันไปจัดการฝังซากงูให้เรียบร้อย ท่าทางจับพลั่วขุดดินของเธอมันอิมแพคเข้าที่หัวใจของบอสหนุ่มอย่างจัง ให้ตายสิทำไมเขาต้องแพ้ทางผู้หญิงแบบนี้ด้วยเมื่อฝังงูเสร็จรติชาก็ยืนเท้าสะเอวมองแถวต้นไทรเกาหลีที่ปลูกไว้ริมรั้วบ้านของปิลันธน์ เพราะทุกต้นใบของมันร่วงจนเกือบหมดแล้วที่ไม่ร่วงก็เหลืองรอวันร่วงโรยเช่นกัน“บอสให้คนมาดูสวนบ้างหรือเปล่าคะ”“เปล่าครับ ทำไม”“ต้นไทรเกาหลีมันกำลังจะตายนะคะ”“ไทรเกาหลีคือต้นไหนครับ” ปิลันธน์เอ่ยถามอย่างงุนงงเพราะวันๆ เขานั้นทำแต่งานจึงไม่มีเวลาสนใจเรื่องต้นไม้รอบๆ บ้านสักเท่าไหร่ “ต้นที่บอสปลูกไว้ติดรั้วพวกนี้ไงคะ” รติชาชี้นิ้วไปยังต้นไม้ที่ว่า “อ้อ...ต้นที่ทางโครงการให้มาตอนซื้อบ้าน งั้นพรุ่งนี้เช้าคุณปิ่นไปช่วยผมเลือกต้นไม้ได้ไหมครับ พอดีผมไม่มีความรู้เรื่
“เรียกแล้วแต่กู้ภัยบอกจะมาจับให้ก็ตอนที่ผมเห็นตัวงูแล้ว” นั่นคือสิ่งที่บอสหนุ่มได้หลังจากคุยกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเขาก็พอเข้าใจได้ “อ้าว! ต้องเจองูก่อนด้วยเหรอถึงจะมาช่วย แล้วถ้าหาไม่เจอไม่ต้องอยู่กับงูไปตลอดหรือไง แล้วรปภ.หมู่บ้านละคะ บอสบอกไปหรือยัง” ก่อนจะถามถึงรปภ.หมู่บ้านรติชาก็บ่นเรื่องกู้ภัยยาวเหยียด “บอกแล้วครับแต่คงมาไม่ได้เพราะท้องเสียหนัก”“เอ่อ...งั้นบอสรอก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปช่วยหางู” เอ่ยบอกเสร็จรติชาก็วางสายจากปิลันธน์ทันที จากนั้นก็คว้ากระเป๋าและกุญแจรถมาไว้ในมือ รีบรุดไปยังรถที่จอดอยู่ในชั้นห้าของคอนโดมิเนียมเมื่อมาถึงก็บึ่งไปหาชายหนุ่มอย่างไม่ลังเล ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถของรติชาก็จอดเทียบอยู่ข้างๆ รั้วบ้านของปิลันธน์ “งูยังอยู่ในบ้านไหมคะ” ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่วันนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนสบายๆ สวมรองเท้าแตะสีชมพูเอ่ยถามผู้ชายตัวโตกว่าขึ้นอย่างมาดแมน พร้อมกับรวบผมขึ้นแล้วมัดไว้ตรงหลังศีรษะ สีหน้าจริงจัง“อยู่ครับ” เจ้าบ้านเอ่ยบอกเพราะทันทีที่เห็นงูเลื้อยเข้าไปภายในบ้านเขาก็รีบออกมาแล้วปิดประตูหน้าต่างทุกบานเพื่อขังมันไว้ข้างในเพื่อรอคนมาจับออกไป รติชาอดที่จะขำสีหน้าที
“คุณโฉมมีธุระอะไรกับผมหรือครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามลูกค้าคนสำคัญออกไปอย่างสุภาพ “คือโฉมจะจองรถรุ่นใหม่น่ะค่ะ คุยกับเซลล์ก็ไม่มีใครรู้เรื่องรถรุ่นนี้เลยสักคน ความหวังเดียวของโฉมคงเป็นคุณปิลันธน์” นอกจากเรื่องรถที่หยิบมาใช้เป็นข้ออ้างแล้วความหวังเดียวของผู้หญิงวัยสี่สิบต้นๆ ที่ชื่อว่าโฉมฉายเจิดจรัสก็คือปิลันธน์นั่นเอง เธอตามตื้อตามขายขนมจีบชายหนุ่มมาตั้งแต่รู้จักกันใหม่ๆ ส่งสินสอดเป็นค่าตัวรถสปอร์ตก็หลายคัน โดยเธอซื้อกับเขาแบบไม่เกี่ยงราคาด้วยซ้ำ ทว่าสุดท้ายก็ยังซื้อใจเขาไม่ได้เสียที“งั้นคุณโฉมรอผมสักครึ่งชั่วโมงได้ไหมครับ พอดีผมติดประชุม” ปกติปิลันธน์จะไม่ดูแลลูกค้าด้วยตัวเอง ยกเว้นบางเคสที่รีเควสอยากให้เขาลงไปดู นั่นเพราะก่อนหน้านี้ปิลันธน์ควบทั้งตำแหน่งผู้บริหารและพนักงานขายอยู่เป็นปีๆ จึงมีคอนเนคชั่นกับบรรดาลูกค้า“ได้ค่ะได้ โฉมเข้าไปนั่งรอในห้องรับรองเลยนะคะ”“ครับ...เดี๋ยวผมให้เลขานำกาแฟไปเสิร์ฟให้”“ขอบคุณค่ะ” โฉมฉายเจิดจรัสยิ้มกว้างออกมา นี่ถ้าเธอกระโดดกอดปิลันธน์ได้เธอทำไปนานแล้ว แต่ก็ต้องวางฟอร์มความเป็นคนรวยเป็นเศรษฐีเอาไว้แล้วรอให้ชายหนุ่มคุกเข่าเข้ามาหาแทน เพราะเธอทำแบบนั้น
บทนำก๊อก ก๊อก ก๊อก“เข้ามา” เสียงทุ้มดังออกมาจากในห้องทำงานเพื่ออนุญาตให้คนที่รออยู่เข้าไปได้ ไม่นานประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกจากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินถือแฟ้มเอกสารตรงไปยังเจ้าของห้องที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่..“งบบัญชีค่ะบอส” เอ่ยจบก็วางแฟ้มลงบนโต๊ะแล้วขยับออกไปรอรับคำสั่งอยู่ไม่ไกล“ขอบคุณมาก”“ค่ะ” “นี่คุณยังไม่ลาคลอดอีกเหรอ” ชายที่อีกฝ่ายเรียกว่าบอสเอ่ยถามขึ้น ก่อนจะละสายตาจากงานที่กำลังทำอยู่แล้วหันมองไปยังเลขาส่วนตัวที่ทำงานด้วยกันมาหลายปี แต่สิ่งที่สะดุดตาเขาได้มากคงเป็นหน้าท้องของเธอที่เมื่อก่อนแบนราบทว่าตอนนี้กลับนูนออกมามาก มากเสียจนเขากลัวว่าเธอจะเดินไม่ไหวเสียด้วยซ้ำ นั่นเพราะตอนนี้อรสากำลังตั้งครรภ์และคงใกล้คลอดเต็มที “ยังค่ะ ตั้งใจว่าจะทำงานอีกสองอาทิตย์ค่อยลา”“สองอาทิตย์ก็ครบกำหนดคลอดพอดีไม่ใช่หรือ ทำไมไม่ลาตั้งแต่ก่อนหน้านั้น” ปิลันธน์เอ่ยถามด้วยใบหน้าจริงจัง นั่นเพราะเขาอยากให้เลขามีเวลาเตรียมตัวรอคลอดมากกว่านี้“อยากเก็บวันลาไปไว้ใช้กับตัวเล็กเยอะๆ น่ะค่ะ เอมกะว่าน้ำเดินก่อนค่อยลา”“เอาจริง”“จริงค่ะ” ว่าที่คุณแม่ตอบรับกลับมาอย่างหนักแน่น “คุณลาคลอดมากก...
Komen