งานเลขาใครบอกว่าง่าย ไหนจะงานที่รัดตัว ไหนจะต้องจับแมลงให้เจ้านาย ไหนจะต้องจับงูให้เขาอีก เปลี่ยนยางรถยนต์ก็ต้องทำ คิดแล้วรติชาก็อยากร้องไห้ แต่เพราะงานเหล่านั้นทำให้เธอได้เป็นตัวของตัวเองแบบไม่ตั้งใจจนกระแทกหัวใจบอสสุดเพอร์เฟคเข้า บอสหนุ่มอย่างปิลันธน์จะขายขนมจีบเธอแบบไหน เพราะจะเข้าหาแบบสายเปย์เธอก็มีพร้อมหมดทุกอย่าง แถมรติชายังมีแผนจะย้ายประเทศอีก เขาจะรั้งหรือจะให้เธอได้ทำตามความฝัน
Voir plus“ก็ยังอยากมาทำงานนี่คะ”“สงสัยผมต้องเรียกรถพยาบาลมาสแตนบายรอคุณแล้วมั่งเนี่ย”“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ น้ำเดินแล้วค่อยไปโรงพยาบาลก็ได้ ว่าแต่เหตุการณ์ตอนนี้มันคุ้นๆ เหมือนกันนะคะบอส ตอนนั้นเอมก็ท้องแก่แบบนี้แล้วก็ให้ปิ่นมาช่วยงาน ทำงานอยู่ดีๆ เอมก็น้ำเดินจนต้องรีบไปโรงพยาบาล พูดแล้วก็คิดถึงปิ่น ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง” อรสาคิดถึงรติชามากจริงๆ แต่เพราะยุ่งๆ ระยะนี้จึงไม่ค่อยได้คุยกันเท่าที่ควร“สบายดีครับ วันก่อนพึ่งจะไปเล่นสกีมา”“เอมประทับใจความรักของบอสกับปิ่นจริงๆ นะคะ อยากให้มีคนเอาไปทำละครจัง”“งั้นช่วยตัดช่วงที่ผมกลัวแมลงออกก็ดีนะครับ” ปิลันธน์เอ่ยติดตลก เพราะคงไม่มีพระเอกที่ไหนกลัวแมลง“เอางั้นเหรอคะ”“ครับ”“สรุปบอสจะไม่รับเลขาจริงๆ เหรอคะ” อรสาเอ่ยถามอีกครั้ง“ไม่ครับ ผมจัดการงาน
“ทำไมหรือว่าคุณปิลันธน์ไม่อยากให้ปิ่นทำงาน”“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ แต่ปิ่นคิดว่าที่บริษัทไม่เหมาะกับปิ่น ยังไงปิ่นฝากพี่ฤดีดูแลและรักษามันด้วยนะคะ” รติชาส่งยิ้มให้ฤดี ซึ่งอีกคนก็ส่งยิ้มที่ออกมาจากใจให้รติชาเป็นครั้งแรกเช่นกัน“พี่สัญญา” ฤดีเอ่ยรับอย่างหนักแน่น เมื่อหยุดคิดว่าตัวเองนั้นดีหรือวิเศษกว่าใครลงได้ ก็เหมือนเปิดโลกให้ฤดีมองเห็นความดีของคนอื่นและใช้ชีวิตในเส้นทางที่ถูกที่ควรหลังจากนั้นอีกสามวันรติชาก็พาปิลันธน์ไปหาโสภิตาที่เชียงราย ซึ่งครั้งนี้คนที่ถูกแซวจนหน้าแดงก่ำคือเธอบ้าง ส่วนปิลันธน์นั้นก็เหมือนจะชอบการใช้ชีวิตที่ไร่ของโสภิตามากเช่นกัน จนอยากมีบ้านที่นี่สักหลัง“ถามจริงๆ นะ แกยังอยากไปต่างประเทศอยู่อีกหรือเปล่า”“ไป”“คุณปิลันธน์ไปด้วยใช่ไหม”“ไม่รู้” รติชาตอบเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ นั่นเพราะปิลันธน์เองก็มีงานที่ต้องทำที่นี่ คงไปอยู่กับเธออย่างถาวรที่ต่างประเทศไม่ได้ แต่จะใ
“ครับผม” ปิลันธน์เอ่ยรับแล้วหลับตาพริ้มรอรับสัมผัสที่จะเกิดขึ้น รติชาส่ายหน้าให้เขาเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวขึ้นไปหอมแก้มคนรักฟอดใหญ่ตามที่เขาร้องขอแต่จังหวะที่เธอกำลังขยับออกก็ถูกคนเมารวบตัวไว้แล้วมอบจูบให้อย่างดูดดื่มซึ่งรติชาเองก็จูบเขากลับไปเช่นกัน รสจูบของทั้งคู่ร้อนแรงเต็มไปด้วยความต้องการ ยิ่งมีกลิ่นแอลกอฮอล์เจืออยู่จางๆ ในรสจูบด้วยแล้วก็ยิ่งกระตุ้นให้เลือดในตัวสูบฉีดจนร้อนรุ่ม“อันที่จริงผมไม่อยากเมาแบบนี้เท่าไหร่ เพราะมันจะทำให้คุณพลอยเดือดร้อนไปด้วย” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยบอกเมื่อถอนจูบออก แววตาของปิลันธน์นั้นแพรวพราวเจ้าเล่ห์นัก“เดือดร้อนยังไงคะ” รติชาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะตอนนี้ปิลันธน์ก็ไม่ได้ทำให้เธอเดือดร้อนอะไรด้วยซ้ำ อีกอย่างการดูแลคนเมาเธอเองก็ไม่ได้ลำบากอะไร“เพราะถ้าเมาผมยิ่งต้องการคุณ ผมจะกลืนกินจนคุณเข่าอ่อนมากกว่าทุกๆ ครั้ง”“ไม่เชื่อ”“ผมชอบจังที่คุณเป็นคนไม่เชื่ออะไรง่ายๆ แบบนี้ เพร
“ปิ่นรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจังที่ได้รู้จักคุณ” คำพูดของรติชาทำให้ปิลันธน์ยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับยื่นมือมาสัมผัสแก้มของเธออย่างอ่อนโยน“ผมเองก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้เจอปิ่น” ทั้งคนพูดและคนฟังต่างยิ้มออกมาอย่างมีความสุขกับช่วงเวลาในขณะนี้ แต่ความรักที่ปิลันธน์มอบให้จากใจจริงก็ทำให้รติชารู้สึกผิดกับเขาอย่างบอกไม่ถูก นั่นเพราะแผนที่จะย้ายไปต่างประเทศก็ยังคงอยู่ เธอเหมือนคนโลภที่ไม่อยากเสียอะไรไปแม้แต่อย่างเดียวในที่สุดฤดีก็ยอมออกจากห้องและไปร่วมงานเผาศพของลูกชาย แม้จะทำใจยอมรับได้แต่ถึงอย่างนั้นก็ร้องไห้และเป็นลมล้มพับไปหลายต่อหลายครั้งโดยมีสามีและลูกสาวคอยอยู่ข้างๆ งานวันนี้มีญาติ เพื่อนและคนรู้จักเดินทางมาเพื่อแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและร่วมส่งร่างที่ไร้วิญญาณของน้องเอเป็นครั้งสุดท้ายมากมาย หนึ่งในนั้นคืออรสาและสามี ก่อนจะแปลกใจที่เห็นปิลันธน์อยู่ในงานด้วยอรสากำลังประติดประต่อเรื่องราว ยิ่งเห็นว่าทั้งคู่สนิทกันกว่าที่คิดก็ยิ่งให้จินตนาการไปไกล แต่ไม่ว่าความสัมพันธ์ของปิลันธน์กับรต
ฤดีคว้ารูปของลูกชายมากอดอย่างคิดถึงยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกผิดจนไม่กล้าสู้หน้าทุกคน เธอยังคงร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสารจนตัวไหวสะอื้น เสียงร้องไห้ของฤดีดังลงไปถึงชั้นล่างส่งผลให้ทุกคนที่ได้ยินอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เช่นเดียวกันรติชาเข้าไปสวมกอดพี่สะใภ้เป็นครั้งแรก แม้จะดูขัดๆ ไปบ้างแต่เธอก็อยากกอดเพื่อให้ฤดีรับรู้ว่าไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้เพียงแค่คนเดียว อ้อมกอดของรติชายิ่งกระตุ้นให้ฤดีร้องออกมาหนักกว่าเดิมเสียอีก นั่นเพราะความรู้สึกผิดที่เคยทำไว้ต่อรติชามันผุดขึ้นมาเช่นกันและคนที่ตรงเข้ามากอดฤดีต่อจากนั้นคือสามีและลูกสาวคนเล็ก สามคนพ่อแม่ลูกนั่งร้องไห้และกอดกันกลมราวกับต้องการให้น้ำตาช่วยชะล้างความเสียใจครั้งนี้ออกไป รติชายืนปาดน้ำตาตัวเองเช่นกัน หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เธอหวังแบบนั้นจริงๆ เมื่อเสร็จเรื่องเธอจึงขอตัวกลับ“นี่ก็ค่ำมากแล้วไม่นอนด้วยกันที่บ้านหรือปิ่น” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามขึ้น เพราะหลังจากกลับจากวัดรติชาก็ตรงมาบ้านเพื่อเข้าไปคุยกับฤดี“ไม่ดีกว่าค่ะแม่”“
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลสิ่งที่รติชาเห็นคือภาพการร้องห่มร้องไห้ของพี่สะใภ้พร้อมกับเอ่ยโทษทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่พรากลมหายใจของลูกชายสุดที่รักไป ฤดีกอดร่างที่ไร้วิญญาณของลูกชายไม่ยอมปล่อย ร้องไห้ปานจะขาดใจตายตาม ไม่สนใจใครทั้งนั้นแม้กระทั่งสามีและลูกสาวอีกคนการเสียชีวิตของน้องเอทำให้ชีวิตของฤดีเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือก็ว่าได้ อาจเพราะความเสียใจอย่างกะทันหันเธอจึงตั้งสติรับไม่ทันจนกลายเป็นคนซึมเศร้าและไม่เอาอะไรทั้งนั้น วันๆ หมกตัวอยู่แต่ในห้องลูกชายไม่ยอมออกไปไหนแม้กระทั่งงานศพก็ไม่ไปร่วมงานแม้แต่วันเดียว“ออกไป ฉันบอกให้ออกไป” ฤดีขว้างปาข้าวของใส่สามีที่พยายามเข้าไปคุยเรื่องลูกชาย แจกันดอกไม้ลอยมากระแทกเข้ากับใบหน้าจนเลือดอาบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่นึกโกรธเคืองแต่อย่างใดสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ทำให้รติชาต้องยื่นมือเข้าไปช่วยจัดการงานศพของหลานชาย เธอแทบไม่ได้พักด้วยซ้ำยังดีที่มีปิลันธน์คอยดูแลไม่งั้นกว่าจะเสร็จงานก็คงล้มพับไม่สบายไปอีกคน แม้ใครในงานจะสงสัยว่าปิลันธน์นั้นเป็นอะไรกับรติชา แต่บรรดาญาติๆ ก็ไม่กล้าถาม
“คุณมีพี่น้องไหมคะ”“ไม่มีครับ ผมเป็นลูกคนเดียว”“อืม...ส่วนฉันพ่อกับแม่ท่านยังมีชีวิตอยู่ค่ะ สุขสบายตามอัตภาพ ฉันมีพี่ชายคนหนึ่งแต่ตอนนี้แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ด้วยความที่ฉันเป็นลูกผู้หญิงงานบริหารพ่อเลยยกให้พี่ชายดูแล คนจีนอะเนอะอะไรๆ ก็ลูกผู้ชายไว้ก่อนพี่ชายกับพี่สะใภ้สองคนนั้นช่วยกันบริหารธุรกิจของพ่อจนตอนนี้มั่นคงและใหญ่โต จะว่าไปเราสองคนก็มีเรื่องที่เหมือนกันอยู่นะคะ”“เรื่องไหนครับ”“เรื่องที่เราต่างก็ถูกที่บ้านส่งไปเรียนต่อที่เมืองนอกน่ะค่ะ พอเรียนจบฉันก็ตั้งใจกลับไปช่วยบริหารงานแต่สุดท้ายก็เข้ากับพี่สะใภ้ไม่ได้ เลยถอนตัวออกมาแล้วหางานทำดูแลตัวเอง ยังดีหน่อยที่พอจะมีหุ้นเลยได้เงินปันผลบ้าง เอาง่ายๆ ฉันกับพี่สะใภ้ไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่อะไรที่พี่สะใภ้สร้างไว้ฉันก็ไม่อยากเข้าไปแตะ” ทุกอย่างมันค่อยๆ สะสม ความอัดอั้นค่อยๆ ก่อตัวเพราะฤดีมักจะทำเหมือนเธอนั้นไม่มีตัวตนเสมอ พูดจากระทบกระเทียบไม่เว้นแต่ละวัน สุดท้ายรติชาจึงเลือกที่จะเดินออกมา“แต่อะไรที่เป็นของผม คุณสามารถแ
“ถึงอย่างนั้นผมก็คงต้องขยันทำงานเก็บเงินให้มากกว่านี้ เดี๋ยวเลี้ยงคุณไม่ไหว” คนเจ้าเล่ห์เอ่ยบอก ทั้งๆ ที่ตอนนี้เงินในบัญชีเขาสามารถเลี้ยงดูรติชาได้อย่างสุขสบายเป็นร้อยๆ ปีก็ตาม“ใครบอกว่าฉันจะให้คุณเลี้ยง”“คุณพ่อมักจะสอนผมเสมอว่า สามีที่ดีต้องเลี้ยงดูภรรยาให้มีความสุขทั้งกายและใจ”“งั้นเอามาเลยสามแสน โทษฐานที่คุณทำให้ฉันแพ้เมื่อวาน” รติชาแกล้งแบมือขอเงิน ส่วนปิลันธน์กลับเอาจริง เพราะชายหนุ่มคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาถือไว้ ทำการสแกนนิ้วมือเพื่อปลดล็อคหน้าจอจากนั้นก็กดเข้าไปยังแอปธนาคารแล้วส่งโทรศัพท์ให้รติชา“คุณโอนเงินจากโทรศัพท์ผมเข้าบัญชีคุณได้เลย”“ไม่กลัวฉันโอนออกทั้งหมดหรือไง”“ไม่กลัว กลัวคุณไม่โอนออกสักบาทมากกว่า”“รู้อีก เอาคืนไปค่ะ” รติชาส่งโทรศัพท์คืนให้ปิลันธน์ ทว่าบอสหนุ่มกลับไม่ยอมรับมันคืนมาแต่อย่างใด สิ่งที่เขาทำต่อจากนั้นคือการดึงตัวรติชามาจูบ เธอตกใจจึงนั่งนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะรับจูบจากเขาด้วยความเต็มใจพร้อมกับมอบจูบใ
นั่นคือประโยคที่รติชาแย้งปิลันธน์ขึ้นมาในใจ“คุณคิดยังไงกับฉันหรือคะ” ทั้งๆ ที่นี่เป็นประโยคที่รติชาไม่ควรเอ่ยออกมา เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับปิลันธน์นั้นก้าวไปไกลแล้วก็ตาม แต่เธออยากรู้จริงๆ ว่าเขาคิดยังไง“คุณดูอ๊องๆ ตลกๆ ดี”“ตอบไม่ตรงคำถาม” คนในอ้อมกอดหน้างอ“ผมชอบคุณ”“แล้วทำไมถึงชอบคะ ทั้งๆ ที่ผู้หญิงที่เหมาะกับคุณก็น่าจะมียาวเป็นหางว่าว”“เหมาะแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องรักเธอเหล่านั้นนี่ เวลางานคุณจริงจังทุ่มเท นอกเวลางานคุณดูเพี้ยนๆ แต่เป็นความเพี้ยนที่ทำให้ผมมีความสุข คุณเติมเต็มบางอย่างที่ผมไม่มี ที่สำคัญคุณคือผู้หญิงคนเดียวที่กล้าจับแมลงให้ผม” ทุกคำพูดปิลันธน์เอ่ยออกมาจากหัวใจและอยากสื่อให้รติชารู้ว่าเขานั้นจริงจังกับความสัมพันธ์ในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่อารมณ์ฉาบฉวยมาแล้วจบไป“ข้อสุดท้ายนี่ฉันควรจะดีใจใช่ไหม”“ครับ...แต่รวมๆ แล้วคือผมชอบ
บทนำก๊อก ก๊อก ก๊อก“เข้ามา” เสียงทุ้มดังออกมาจากในห้องทำงานเพื่ออนุญาตให้คนที่รออยู่เข้าไปได้ ไม่นานประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกจากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินถือแฟ้มเอกสารตรงไปยังเจ้าของห้องที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่..“งบบัญชีค่ะบอส” เอ่ยจบก็วางแฟ้มลงบนโต๊ะแล้วขยับออกไปรอรับคำสั่งอยู่ไม่ไกล“ขอบคุณมาก”“ค่ะ” “นี่คุณยังไม่ลาคลอดอีกเหรอ” ชายที่อีกฝ่ายเรียกว่าบอสเอ่ยถามขึ้น ก่อนจะละสายตาจากงานที่กำลังทำอยู่แล้วหันมองไปยังเลขาส่วนตัวที่ทำงานด้วยกันมาหลายปี แต่สิ่งที่สะดุดตาเขาได้มากคงเป็นหน้าท้องของเธอที่เมื่อก่อนแบนราบทว่าตอนนี้กลับนูนออกมามาก มากเสียจนเขากลัวว่าเธอจะเดินไม่ไหวเสียด้วยซ้ำ นั่นเพราะตอนนี้อรสากำลังตั้งครรภ์และคงใกล้คลอดเต็มที “ยังค่ะ ตั้งใจว่าจะทำงานอีกสองอาทิตย์ค่อยลา”“สองอาทิตย์ก็ครบกำหนดคลอดพอดีไม่ใช่หรือ ทำไมไม่ลาตั้งแต่ก่อนหน้านั้น” ปิลันธน์เอ่ยถามด้วยใบหน้าจริงจัง นั่นเพราะเขาอยากให้เลขามีเวลาเตรียมตัวรอคลอดมากกว่านี้“อยากเก็บวันลาไปไว้ใช้กับตัวเล็กเยอะๆ น่ะค่ะ เอมกะว่าน้ำเดินก่อนค่อยลา”“เอาจริง”“จริงค่ะ” ว่าที่คุณแม่ตอบรับกลับมาอย่างหนักแน่น “คุณลาคลอดมากก...
Commentaires