เป็นเด็กกำพร้าปากกัดตีนถีบมาทั้งชีวิต บังเอิญตกบันไดทะลุมิติมาเป็นสนมในตำหนักเย็น “โอ๊ย” นั่ง ๆ นอน ๆ มีคนรับใช้ แค่ถูกขังอยู่ด้านในลึกสุดของวังหลวง ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่นที่ถูกล้อมด้วยกำแพง สบายกว่าทำงานงก ๆ คอยรับใช้ลูกท่านหลานเธอทั้งหลาย
View Moreบทที่ 30ไม่นานหลังจากนั้น ตัวแทนของบริษัทก็เข้ามาพบเธอ พวกเขาอธิบายถึงเงินชดเชยที่เธอจะได้รับเพื่อไม่ให้ฟ้องร้องบริษัท แม้จะรู้ว่าเป็นหัวหน้างานที่ทำผิด แต่บริษัทก็ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น“เราขอโทษจริง ๆ ครับสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ” ตัวแทนกล่าวด้วยน้ำเสียงขอโทษ “เราหวังว่าคุณจะยอมรับเงินชดเชยนี้และพักฟื้นอย่างสบายใจ”เฟยเฟยมองเงินก้อนโตที่อยู่ตรงหน้า เธอรู้ว่าการตัดสินใจในวันนี้จะส่งผลต่ออนาคตของเธอ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจรับเงินก้อนนั้นไว้เพื่อไม่ให้ฟ้องบริษัท และเพื่อใช้เวลาพักผ่อนกับตัวเอง “ขอบคุณค่ะ” เธอพูดออกมาด้วยน้้ำเสียงเด็ดขาดราวกับยังคงอยู่ในยุคโบราณเฟยเฟยใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลพักใหญ่ ก่อนที่หมอและพยาบาลจะปล่อยให้เธอกลับบ้าน เธอตัดสินใจที่จะไม่กลับไปทำงานที่บริษัทนี้อีก เธออยากเริ่มต้นใหม่ แต่ก่อนหน้านั้นเธอจะต้องพยายามอยู่กับปัจจุบันให้ได้ซะก่อน ในทุกคืนหญิงสาวยังคงฝันถึงชายหนุ่มคนรักที่ห่างกับเธอตอนนี้เป็นร้อยเป็นพันปี เธอมั่นใจว่าเขาจะต้องเสียใจมากแน่ ๆ กับการจากมาของเธอเฟยเฟยออกไปซื้อด้ายและผ้ามาทำผ้าเช็ดหน้า เธอไม่เคยทำพวกนี้ได้ แต่ตอนนี้กลับทำม
บทที่ 29บั้นปลายชีวิตของหลี่อวิ๋น เขาสละราชบัลลังก์ให้กับน้องชายและใช้ชีวิตอยู่ที่สุสานของฮองเฮาเพียงคนเดียวของเขาสุสานแห่งนี้มีขนาดใหญ่โต สร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาวสะอาดตา มีการแกะสลักลวดลายดอกไม้บานสะพรั่งรอบ ๆ เหมือนสวนของพวกเขา เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความทรงจำ หลี่อวิ๋นเลือกสถานที่นี้เพราะมันตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสวยงาม มีดอกไม้หลากหลายชนิดบานสะพรั่งรอบ ๆ ราวกับว่าดอกไม้เหล่านั้นก็รู้ดีถึงความรักที่เขามีต่อเฟยเฟยจึงผลัดกันบานไม่เคยหยุด “เฟยเฟย...” เสียงที่เคยหนุ่มกลับแหบแห้งและขาดหายแบบคนมีอายุ เขายังคงจดจำรอยยิ้มของนางอันเป็นที่รักได้ “ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน แม้จะไม่อยากรบกวนเจ้าแต่ก็อดไม่ได้ที่จะมานั่งอยู่ตรงนี้”เขานั่งอยู่กับสุสานนานหลายชั่วโมง น้ำตาที่รินไหลลงมาบนแก้ม กลายเป็นน้ำตาที่ซึมซาบลงไปในดินที่รอบ ๆ สุสาน มือที่แห้งเหี่ยวปัดฝุ่นบนจารึกหินอ่อนและยิ้มจาง ๆ “อีกไม่นานข้าก็คงจะตามไปเจอเจ้าแล้วไม่ว่าที่ไหนก็ตาม” วันนั้นหลี่อวิ๋นไม่ได้กลับออกไปจากสุสาน เขายังคงอยู่ที่สุสานแห่งนี้ สถานที่ที่เต็มไปด้วยความรักและความเจ็บปวดของเขาร่างของอดีตฮ่องเต้ถูกพบหลังจากน
บทที่ 28ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันทำให้หลี่อวิ๋นและเฟยเฟยเข้าใจว่าแม้จะมีอุปสรรคใด ๆ แต่หากพวกเขาอยู่เคียงข้างกันก็จะสามารถก้าวข้ามไปได้อย่างมีความสุขโดยไม่คิดเลยว่าเรื่องราวมันจะบานปลายไปได้ถึงเพียงนี้แม้ทุกคนจะรู้ว่ามีการต่อต้านเฟยเฟยอย่างรุนแรง แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าความเกลียดชังจะนำไปสู่การทำร้ายถึงชีวิตได้ หลี่อวิ๋นระแวดระวังทุกย่างก้าวของเฟยเฟย เพราะรู้ดีว่ามีภัยซ่อนเร้นอยู่ใกล้แค่เอื้อมค่ำคืนหนึ่งขณะที่หลี่อวิ๋นทำงานอยู่ในห้องทรงงาน เขาได้ยินเสียงเฟยเฟยเรียกชื่อเขา “หลี่อวิ๋น ช่วยด้วย” เมื่อเขารีบเข้าไปที่ห้องบรรทมก็พบว่าเฟยเฟยนอนหมดสติอยู่ที่พื้นทั้ง ๆ ที่เขาไม่สนอะไรและนำตัวหญิงสาวมาอยู่ตำหนักเดียวกันแล้วแท้ ๆ ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือด หลี่อวิ๋นตกใจและรีบเข้าไปกอดนางแน่น เขารู้สึกถึงความเย็นและร้อนของร่างกายที่แปลกประหลาด“ตามหมอหลวงเร็ว และปิดตำหนักเดี๋ยวนี้” หลี่อวิ๋นตะโกนเสียงดังเมื่อหมอหลวงมาถึง หลี่อวิ๋นที่แทบจะตั้งสติไม่ได้ก็ทำได้แค่เดินไปมาและจ้องมองหมอหลวงรักษาหญิงสาวที่รักด้วยความกระวนกระวาย “นางต้องฟื้นคืนมา ข้าขอร้อง” เขาพูดเสียงสั่น หมอพยักหน้าแต่สีหน้าก็ไม่มั่นใจ
บทที่ 27วันเวลาผ่านไป ภายในพระราชวังยังคงมีเสียงกระซิบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหลี่อวิ๋นและเฟยเฟยอยู่ แม้ขุนนางส่วนใหญ่เริ่มยอมรับนาง แต่กระแสต่อต้านก็ยังไม่สิ้นสุด ขุนนางบางคนมักบอกว่านางเป็นปีศาจที่ล่อลวงคนพ่อและยังล่อลวงคนลูกอีกด้วย ความไม่พอใจเหล่านี้ทำให้เกิดความตึงเครียดและข่าวลือที่อาจจะทำให้ตำแหน่งของหญิงสาวสั่นคลอนแต่ในช่วงเวลาที่ทั้งสองเหนื่อยล้าจากหน้าที่ พวกเขาก็มักจะมานั่งคุยกันในสวน “หากการรับสนมจะทำให้พวกเขาหยุดพูด...” “ข้าไม่รับใครนอกจากเจ้า” เฟยเฟยยังไม่ทันพูดจบ หลี่อวิ๋นก็ขัด เรื่องในพระราชวังตอนนี้ ดูก็รู้ว่าเป็นเพราะอยากได้อำนาจ“ข้ารักแต่เจ้าไม่สามารถแสร้งทำเป็นรักคนอื่นได้หรอก” เฟยเฟยมองหลี่อวิ๋นด้วยความรักแล้วหญิงสาวก็แอบแปลกใจว่า วันเวลามันเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร จากคนแปลกหน้าที่ไม่มีวันได้พบ ตอนนี้กลายเป็นคู่ชีวิตที่นางพร้อมจะรับฟังคำของอีกฝ่าย“อย่าได้ห่วงไปเราจะดูแลเจ้าอย่างดี คงต้องเพิ่มคนดูแลเจ้าอีกหน่อย เรื่องพวกนั้นก็คงต้องปล่อยให้พูดไป คนเชื่อจริงไม่มีหรอก แค่อยากรู้เท่านั้นว่าใครยังกล้าถึงเพียงนี้ มิเห็นตระกูลหนิงหรืออย่างไร”“แม้ข้าจะพยายามทำให้
บทที่ 26หลี่อวิ๋นฟังคำนั้นก็หัวเราะเบา ๆ “คิดว่ากำลังจะตัดใจจากเจ้า แต่น่าแปลกเมื่อเห็นเจ้า… ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป”เฟยเฟยรู้สึกถึงความร้อนผ่าวในใบหน้า ขณะที่หญิงสาวนึกถึงช่วงเวลานั้น นางจำได้ว่ารู้สึกแปลก ๆ เมื่อได้สบตากับเขา “ข้าดีใจที่เราได้เจอกัน” หญิงสาวพูดออกมาจากใจ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่นำพานางมาที่นี่นางขอบคุณหลี่อวิ๋นกระชับตัวหญิงสาวที่เดินมาข้างกันให้แน่นขึ้นอีก เขาจับมือของนางอย่างเบามือ “ข้าก็ดีใจที่ได้พบกับเจ้า ทันเวลา...” หลี่อวิ๋นรู้ดีว่าตอนนั้นเขาเพียงแค่รู้สึกว่าต้องทำตามสัญญาหลังจากรู้สึกไม่ดีมานานนับปีและอีกฝ่ายก็เลี่ยงที่จะพบเจอเขา สุดท้ายเขาตั้งใจจะจบทุกอย่าง แต่คนที่เคยหลีกเลี่ยงเขาอย่างเฟยเฟยกลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ที่จริงวันนั้นเขาคงตัดใจจากเฟยเฟยในยามเด็กที่กลายเป็นสนมของเสด็จพ่อไปได้ แต่กลับตกหลุมรักคนเดิมอีกครั้ง มีหลายครั้งที่เขาสงสัยถึงท่าทางแปลก ๆ และความสามารถที่เคยมีและเคยไม่มี แต่ยามนี้เขาไม่สนแล้ว นางคือเฟยเฟยของเขาหลี่อวิ๋นหันไปสบตากับหญิงสาวอีกครั้ง ความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยนแล่นผ่านไปทั่วร่าง สายลมที่พัดผ่านทำให้ดอกไม้รอบตัวไหวเอน เหมือน
บทที่ 25หลังจากเรื่องราววุ่นวายผ่านไปไม่นาน เมื่อหลี่อวิ๋นเริ่มจัดการทุกอย่างในพระราชวัง ราชกิจต่าง ๆ ก็เป็นชายหนุ่มที่จัดการ เมื่อทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทางฮ่องเต้ก็หมดห่วงและจากไปในพระราชวังที่เคยมีความรุ่งเรืองและอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ ขณะนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบสงัด เดินผ่านไปทางไหนก็ได้ยินเพียงเสียงแผ่วเบาของการร้องไห้ ทุกซอกทุกมุมของวังเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความเศร้าโศกฮ่องเต้สิ้นพระชนม์แล้ว การจากไปของเจ้าชีวิตทิ้งความว่างเปล่าไว้ในใจของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพระสนม ข้าราชบริพาร หรือแม้แต่ชาวบ้านที่อยู่ภายนอกวังหลวง ทุกคนล้วนแต่รู้สึกเสียใจจากการสูญเสียครั้งใหญ่นี้เฟยเฟยยืนอยู่ที่กลางพระตำหนัก น้ำตาไหลอาบแก้ม ใจของนางเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยเมื่อคิดถึงอีกฝ่าย หลังจากเรื่องของนางและหลี่อวิ๋นชัดเจนขึ้นมา หญิงสาวก็ได้เข้าเฝ้าทั้งฮ่องเต้และฮองเฮาบ่อยครั้ง ทั้งสองเหมือนเป็นคนเติมตะเกียงเพื่อส่องทางให้แสงสว่างในชีวิตที่จะต้องใช้ในวันข้างหน้าของหญิงสาว แม้จะเตรียมใจแต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องสูญเสียพระองค์ไปเร็วเช่นนี้ ความรู้สึกเศร้าและเจ็บปวดกัดกินหัวใจของทุกคนในพระราชวังหลี่อวิ๋นประ
บทที่ 24ขันทีคนนั้นกำลังราดน้ำมันจะจุดไฟ ราชองครักษ์เร่งเข้าไปจับกุมคนของสนมหนิง พวกเขาถูกควบคุมตัวและนำตัวไปสอบสวนข่าวการจับกุมแพร่กระจายไปทั่วพระราชวัง สนมหนิงที่ได้รู้ก็เตรียมจะหนีแต่ดูเหมือนจะไม่ทัน นางถูกราชองครักษ์ที่เฝ้าเวรยามเข้าไปจับถึงในตำหนักฮ่องเต้เมื่อได้รับทราบเรื่องก็รู้สึกโกรธเคืองและผิดหวังในความไม่จงรักภักดีของสนมหนิง เขาตัดสินใจเรียกสนมหนิงและคนของนางเข้ามาพบเพื่อตัดสินโทษ โดยให้โอกาสสนมหนิงได้ชี้แจงความจริง“เราเห็นเจ้าเป็นครอบครัวจึงเล่าเรื่องให้ฟัง แต่เจ้ากลับไม่เชื่อฟังเรา ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำในวังหลวง” ฮ่องเต้กล่าวเสียงแข็ง “แม้เจ้าจะรับใช้เรามานานแต่เราคงเก็บคนอย่างเจ้าเอาไว้ไม่ได้ ทำไมถึงได้ทำอย่างนี้กัน”สนมหนิงเชิดหน้าอย่างไม่เกรงกลัวเพราะอย่างไรก็คงจะต้องตายอยู่แล้ว “หม่อมฉันเพียงต้องการทำให้แน่ใจว่า จะไม่มีผู้ที่ไม่สมควรอยู่ เข้ามาในราชวงศ์”ฮ่องเต้ส่ายหน้า “นั่นไม่ใช่ความจริง ขันทีของเจ้าบอกเราแล้ว เฟยเฟยนางได้ตำแหน่งที่เจ้าต้องการจะยกให้กับหลานสาว ความริษยาและความโกรธของเจ้าทำให้เจ้าสูญเสียสติไปแล้ว เราจะไม่ให้เจ้ามีโอกาสทำร้ายผู้บริสุทธิ์อีกต่อไป”เม
บทที่ 23“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าการเสี่ยงทำความผิดมันจะได้ผลรางวัลคุ้มขนาดนี้” เฟยเฟยยิ้ม “ถึงตำหนักแล้ว” “ยังไม่อยากจากเจ้าเลย” ชายหนุ่มหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา “เพราะถึงแม้จะมีสิ่งนี้แต่มันก็ไม่หอมและอ่อนโยนนุ่มนวลเช่นเจ้า” เฟยเฟยหัวเราะใบหน้าแดง“อ่อนโยนคงไม่ใช่ข้าแล้วกระมัง” หลี่อวิ๋นพยักหน้า เขารู้ว่าพรุ่งนี้จะยิ่งเหนื่อยยิ่งกว่าวันนี้ แต่เมื่อมีเฟยเฟยอยู่เคียงข้าง เขาก็มั่นใจว่าเขาจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ “เราจะทำให้ดีที่สุดเพื่อสร้างอนาคตที่ดีร่วมกัน” หลี่อวิ๋นพูดด้วยความมั่นใจ แม้ว่าจะมีความท้าทายรออยู่ แต่เขาเชื่อว่าความรักของพวกเขาจะช่วยให้พวกเขาเผชิญหน้ากับทุกสิ่งได้“พรุ่งนี้จะมาขอกำลังใจเจ้าแต่เช้า” แม้จะรู้ว่าไม่ควร แต่เพราะเขาและหญิงสาวก็ไม่เคยสนใจกฎระเบียบเหล่านั้นอยู่แล้ว เฟยเฟยได้ยินก็ยิ้มหวานและถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตอบออกไปแต่นางคิดว่าจะตั้งหน้าตั้งตารออย่างแน่นอน ในขณะที่ข่าวเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจางเฟยเฟยกับหลี่อวิ๋นเริ่มกระจายไปทั่วพระราชวัง ผู้คนส่วนใหญ่ก็รับรู้และเห็นชอบในความรักของทั้งคู่ หรือไม่ก็ยอมจำนนต่อพระราชโองการแต่สนมหนิงกลับรู้สึกไม่พอใจอย่า
บทที่ 22“ไม่ใช่สนมแล้วเป็นอะไรกัน” เสียงของสนมเจินดังขึ้นพร้อมกับความตกใจ สายตาของนางหันไปหาสนมเซียงและสนมหนิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “ฝ่าบาทนี่หมายความว่าอย่างไร” สนมเซียงถามอย่างไม่เชื่อ ในขณะที่สนมหนิงยกมือขึ้นปิดปากเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงหวีดร้องหลุดออกมา “นางเข้ามาอยู่ในวังหลวงในฐานะว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาทตลอดมา แต่ตอนนั้นเรื่องราวมันวุ่นวาย ที่เราบอกพวกเจ้าก็เพราะเห็นว่าเป็นครอบครัวเดียวกันไม่อยากให้เข้าใจกันผิด” ฮ่องเต้ประกาศชัดและบอกถึงเหตุผลในใจแต่แน่นอนว่าความจริงที่ได้ฟังทำให้บรรดาสนมที่เคยเห็นเฟยเฟยเป็นเพียงแค่หนึ่งในสนมของฮ่องเต้ตกใจจนแทบจะเป็นลม เพราะพวกนางแกล้งหญิงสาวเอาไว้มากฮ่องเต้จ้องไปที่สนมเจิน สนมเซียง และสนมหนิงอย่างเด็ดเดี่ยว “ข้าต้องการให้พวกเจ้าเข้าใจฐานะที่แท้จริงของจางเฟยเฟย นางไม่ใช่เพียงสนมธรรมดา แต่จะเป็นคนที่อยู่เคียงข้างกับหลี่อวิ๋นในวันข้างหน้า”“แต่ฝ่าบาท ทำไมถึง…” สนมเจินยังไม่สามารถพูดจบได้ ฮ่องเต้ก็ยกมือขึ้นเพื่อทำให้นางสงบ“ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามีความรู้สึกไม่พอใจต่อกัน แต่ขอให้พวกเจ้ารับฟังสิ่งที่ข้ากำลังจะพูด” พระองค์หยุดหายใจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่
บทนำเฟยเฟย หญิงสาวที่โตมาในบ้านเด็กกำพร้า เมื่ออายุ 18 จำต้องออกมาใช้ชีวิตด้วยตนเอง เพราะบ้านเด็กกำพร้าต้องรับชีวิตใหม่เข้ามาแทนที่เธอ ที่โตพอจะดูแลตนเองได้แล้ว ยิ่งรู้ว่าโลกภายนอกที่กว้างใหญ่ไม่ได้สวยงามอย่างที่เป็น มีทั้งการกดขี่ข่มเหง กดดัน แก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น การวางอำนาจเพื่อยกตนเองให้สูงขึ้นเฟยเฟยเป็นคนละเอียดอ่อนและเข้าใจความยากลำบากของชีวิตได้ดี ตั้งแต่ออกจากบ้านเด็กกำพร้า เธอทำงานหลายอย่างเพื่อส่งเสียตัวเอง บางครั้งต้องทำงานทั้งเช้าและกลางคืน แต่เธอก็ไม่เคยบ่น เพราะเธอเชื่อว่าทุกความลำบากที่เจอจะทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นด้วยความที่โตขึ้นมาด้วยความขาดแคลน เฟยเฟยรู้จักคุณค่าของสิ่งเล็กน้อย และมักจะเก็บเงินและสิ่งของเล็ก ๆ น้อยๆ ไว้อย่างระมัดระวัง แม้เธอจะไม่มีครอบครัว แต่เธอไม่เคยอิจฉาคนอื่นที่มี เพราะเธอเข้าใจว่าแต่ละคนมีชะตาของตัวเอง การขาดคนหนุนหลังทำให้เธอเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเองและไม่พึ่งพาผู้อื่นง่าย ๆ เธอจึงเป็นคนที่เข้มแข็ง และมักจะทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อความสำเร็จของตัวเองเฟยเฟยเชื่อว่าความอ่อนน้อมถ่อมตนจะช่วยให้เธอได้อยู่ในที่ที่ปลอดภัย ในสังคมที่บางครั้งโหดร้ายและไม...
Comments