Share

บทที่ 2 ไม่ขอทน

last update Last Updated: 2025-03-27 13:44:47

บทที่ 2 ไม่ขอทน

เฟยเฟยเดินกระแทกส้นเท้าออกมาจากห้องประชุม ทุกก้าวที่เต็มไปด้วยอารมณ์ หญิงสาวเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองด้วยความโมโห เธอรวบรวมของที่จำเป็นด้วยมือสั่นเทาและก็พยายามทำเป็นใจแข็งไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ขณะเก็บของที่จำเป็นที่โต๊ะทำงาน ที่ผ่านมาเธอยอมก้มหัวให้ทุกคนมาตลอด ยอมอ่อนน้อมและเงียบเสียงตัวเอง เพื่อหวังว่าสักวันจะมีโอกาสได้โชว์ฝีมือ แต่ในที่สุดความหวังที่มีมาตลอดก็พังทลาย เธอกลายเป็นเหยื่อของหัวหน้างานที่เห็นแก่ตัว มือที่สั่นน้อย ๆ เก็บเอกสารบางส่วนลงในกระเป๋า ก่อนจะหยิบหมอนใบโปรดที่ใช้หนุนหลังและผ้าห่มที่เธอเคยใช้คลุมขาเวลาทำงานมาถือเอาไว้ เธอตั้งใจจะเก็บของส่วนตัวไปให้ได้มากกว่านี้ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว

“เฟยเฟย!” หัวหน้าแผนก HR เดินมาขวางและจ้องหญิงสาวด้วยสายตาดูถูกน้อย ๆ “ถ้าจะลาออก ก็ต้องแจ้งล่วงหน้าให้ถูกต้องตามระเบียบนะ ส่วนของที่จะเอาไปก็ต้องตรวจเช็คก่อน”

เฟยเฟยกัดฟันข่มความโกรธที่พุ่งขึ้นในอก “ฉันไม่สนระเบียบแล้ว วันนี้ฉันตัดสินใจแล้วจะออกฉันก็จะออก”

“งั้นคุณจะไม่ได้รับเงินเดือนเดือนนี้นะ เพราะถือว่าผิดระเบียบ” หัวหน้าแผนก HR ยักไหล่อย่างไม่แยแส “ถ้าไม่สนก็แล้วไป ฉันจะถือว่าคุณลาออกเองโดยไม่ผ่านขั้นตอนตามระบบก็แล้วกัน”

เฟยเฟยกลอกตา เธอเบื่อหน่ายเหลือเกินกับกฎที่เอาแต่ทำให้คนที่ตั้งใจทำงานต้องถูกเอารัดเอาเปรียบ หญิงสาวขี้เกียจมีปัญหาจึงเอาแต่ของที่แน่ใจว่าที่นี่จะไม่มีอย่างของส่วนตัวจริง ๆ แม้แต่ปากกาแท่งโปรดหรือโพสอิสลายน่ารักเธอก็ทิ้งเอาไว้เพราะกลัวว่าคนเหล่านั้นจะบอกว่าเธอเอาของบริษัทไป ในมือของหญิงสาวจึงมีแค่กระเป๋าที่ใช้ใส่ของมาทุกวันแล้วก็หมอนกับผ้าห่มของเธอเท่านั้น

เฟยเฟยสูดลมหายใจลึกเพื่อระงับความรู้สึกที่เดือดพล่านในอก เธอมองหัวหน้าแผนก HR ที่ยืนขวางทางด้วยสายตาท้าทาย แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำ มือของเธอกระชับกระเป๋าและหมอนใบโปรดที่ถือไว้อย่างแน่น เธอรู้ดีว่าหากเธอหลุดคำพูดหรือการกระทำที่แสดงความไม่พอใจออกไปมากกว่านี้ มีแต่จะทำให้เรื่องแย่ลงเท่านั้น

“ถือว่าฉันขอบคุณนะ ที่ทำให้รู้ว่าพนักงานคนหนึ่งมีค่ากับที่นี่แค่ไหน” เฟยเฟยพูดอย่างเย็นชา เธอจ้องหัวหน้าแผนก HR เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมาแม้แต่น้อย เธอทิ้งของส่วนตัวที่ไม่สำคัญไว้บนโต๊ะทำงาน โดยเลือกเพียงสิ่งที่จำเป็นจริงๆ เพราะไม่อยากให้ใครพูดได้ว่าเธอเอาของที่ไม่ใช่ของเธอไป

หญิงสาวเดินออกจากบริษัทด้วยหัวใจที่อ่อนล้าแต่มั่นคง เธอเลือกที่จะจากไปอย่างสง่างาม แม้จะรู้ว่าความยุติธรรมในที่ทำงานนี้ไม่มีอยู่จริงก็ตาม วันนี้เธอได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากที่ที่บั่นทอนศักดิ์ศรีและความพยายามของเธอแล้ว

เฟยเฟยเดินผ่านทุกคนออกมาอย่างรวดเร็ว แม้ใบหน้าจะเชิดไม่แยแส แต่ข้างในนั้นพังทลายไปแล้ว เธออยากจะกรีดร้องออกมาให้สุดเสียงแต่ก็ทำไม่ได้ และก็ไม่อยากจะเสียศักดิ์ศรีด้วยการหลั่งน้ำตาต่อหน้าคนพวกนี้

เมื่อเดินออกมาจากตึกบริษัทได้สักพัก หญิงสาวก็หยุดยืนตรงมุมหนึ่งของถนน เธอสูดหายใจลึกเพื่อสงบจิตใจ ในหัวก็ยังคิดวนเวียนถึงความอยุติธรรมและความพยายามที่สูญเปล่าของตัวเอง จู่ ๆ เธอก็นึกถึงอีเมลที่ใช้ติดต่อกับหัวหน้าทุกครั้ง ทุกการประสานงาน ทุกเอกสารที่เธอส่งงานไปให้เขา

เฟยเฟยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเริ่มฟอร์เวิร์ดอีเมลทั้งหมดไปยังเจ้าของบริษัท พร้อมเขียนข้อความสั้น ๆ บรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา

“ดิฉัน จ้าวเฟยเฟย พนักงานทั่วไปที่เคยทำโปรเจกต์ใหญ่ให้กับแผนกวางแผน ขอแจ้งเรื่องการลาออก และฝากเรียนให้ทราบถึงสิ่งที่ดิฉันทำในโปรเจกต์นี้ ดิฉันหวังว่าบริษัทจะเห็นถึงความพยายามของพนักงานทุกคนในอนาคต ไม่ใช่แค่ให้คนที่มีตำแหน่งใหญ่รับความดีความชอบทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ไปเพียงคนเดียว”

หญิงสาวกดส่งอีเมลด้วยรอยยิ้มบาง ๆ แม้ว่าจะได้เอาคืนไปบ้างแต่ความเสียใจที่เธออดทนไว้ก็ทำให้น้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง

“อย่างน้อยก็ไม่ต้องกลับไปนั่งทนฟังคำที่ไม่อยากฟังอีกต่อไป” เฟยเฟยถอนหายใจพลางเดินลงบันไดไปรถไฟใต้ดิน เธอก้มมองโทรศัพท์เพื่อเช็กการส่งอีเมลอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้หญิงสาวไม่ทันระวัง ก้าวผิดไปราวกับไม่เห็นบันไดที่ทอดยาวลงไปข้างหน้า

เฟยเฟยก้าวพลาด ขาขวาของเธอลื่นไถลไปข้างหน้า ร่างของเธอกลิ้งไปตามขั้นบันไดยาวอย่างรวดเร็ว แม้จะพยายามคว้าราวจับเอาไว้แต่ก็สายไปซะแล้ว เสียงสิ่งของกระจายออกจากกระเป๋าของเธอดังก้องไปทั่วบริเวณ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร่างกายของหญิงสาวที่กระแทกพื้นเป็นอย่างสุดท้าย ความเจ็บปวดค่อย ๆ ลามไปทั่วตัว เธอล้มแน่นิ่งลงที่พื้น

สติของเธอเริ่มพร่ามัว เหมือนทุกอย่างรอบตัวจะเลือนหายไป

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงรอบข้างค่อย ๆ หายไป เหลือเพียงความว่างเปล่าที่เข้ามาแทนที่ แล้วทุกอย่างก็มืดมิดไป...

“พระสนม... พระสนม” เสียงเรียกซ้ำ ๆ ดังขึ้นท่ามกลางความมืด เฟยเฟยรู้สึกเหมือนถูกดึงออกจากความว่างเปล่า ความรู้สึกเจ็บปวดที่หัวรุนแรงจนเธอคิดว่าอาจเป็นฝันร้าย เสียงของหญิงสาวแปลกหน้าแทรกเข้ามาในสติที่เลือนรางจนเธอคิดว่าอาจจะเป็นผู้หวังดีสักคนที่เข้ามาช่วยเธอ

“พระสนม... พระสนมเพคะ”

เฟยเฟยค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างงุนงง สายตาเธอจับจ้องไปที่เพดานไม้แกะสลักที่ดูหรูหราเกินกว่าที่เคยเห็น

หญิงสาวขยับตัวเพื่อลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เพราะความเจ็บปวดที่หัว แต่เพราะบรรยากาศที่แปลกประหลาดไปจากสิ่งที่เธอเคยชิน เรียกได้ว่ามองไปตรงไหนก็ไม่มีอะไรที่คุ้นเคย

“พระสนมตื่นแล้วหรือเพคะ” เสียงของหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่พื้นใกล้ ๆ ดังขึ้นอีกครั้ง

“มีอะไร” เฟยเฟยหันไปมองตามเสียง ก่อนจะพบว่าหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อีกฝ่ายอยู่ในชุดโบราณพร้อมทั้งทำท่าสงบเสงี่ยมอย่างน่าแปลก ท่าทางราวกับเคารพจนเกินพอดีทำให้เธอรู้สึกกระอักกระอ่วน

“...ที่นี่มันที่ไหนกัน” เฟยเฟยพึมพำออกมาอย่างงงงวย แต่คำถามของเธอกลับทำให้หญิงสาวคนนั้นเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ “พระสนม... ยังรู้สึกไม่สบายอยู่หรือเพคะ ที่นี่ก็คือตำหนักของพระสนมในพระราชวัง ส่วนหม่อมฉันก็นางกำนัลของพระสนมอย่างไรเล่าเพคะ”

“พระราชวัง...” เฟยเฟยพูดซ้ำอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน หัวใจเธอเริ่มเต้นแรงขึ้น เมื่อคำตอบนี้ดูไม่ใช่ความจริง เธอจำได้ว่าเธอลาออกจากงาน ทะเลาะกับเพื่อนร่วมงานเพราะเธอทนมาจนถึงที่สุดแล้ว ก่อนที่เธอทำสิ่งที่คนอื่นไม่คาดคิดคือการแก้แค้นหัวหน้างานที่ขโมยผลงานของเธอไปหน้าด้าน ๆ แต่เพราะมัวแต่สนใจว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรจึงก้าวเท้าพลาดตกบันได แต่ตอนนี้...

“นี่เราทะลุมิติมาเหรอ” เธอพึมพำ พลางหัวเราะหยันตัวเอง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 3 ชีวิตใหม่

    บทที่ 3 ชีวิตใหม่ก่อนที่เธอจะทันตั้งคำถามอะไรต่อ เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบก็ดังมาจากด้านนอก หญิงสาวที่บอกว่าตัวเองเป็นนางกำนัลรีบหันไปมอง ก่อนจะหันกลับมาหาเฟยเฟย “พระสนมเพคะ... ศาลาในตำหนักของพระสนมถูกจุดไฟเพคะ ขันทีกำลังพยายามดับเพลิงอยู่ แต่สถานการณ์ยังไม่สงบดีเพคะ”เฟยเฟยยังคงสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว เธอรู้สึกเหมือนถูกผลักให้ต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ไม่รู้จัก “ศาลาของฉัน..ไม่ใช่สิ ของข้าเหรอ” เธอพูดอย่างไม่เชื่อ แต่ก็ลุกขึ้นตามแรงกระตุ้นภายในใจที่ทำให้หญิงสาวเริ่มอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นความจริงหรือเพียงแค่ความฝันนางกำนัลรีบพาเฟยเฟยเดินออกจากห้องไปยังศาลาที่เกิดเหตุ ท่ามกลางความมืดสลัวของค่ำคืน เฟยเฟยสังเกตเห็นว่ารอบ ๆ ตำหนักนี้เงียบสงัดอย่างน่าประหลาด เมื่อเทียบกับความคึกคักที่เธอเคยเห็นในซีรีส์โบราณที่ชอบดู เมื่อมาถึงศาลา เฟยเฟยเห็นขันทีคนหนึ่งกำลังใช้ถังไม้ตักน้ำจากสระใกล้ ๆ เพื่อดับไฟที่กำลังมอดลง กลิ่นควันยังคงตลบอบอวล และแสงไฟยังคงสะท้อนในสายตาของทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุหญิงสาวเพิ่งรู้ตอนนี้ว่า เสียงฝีเท้าที่ได้ยินนั

    Last Updated : 2025-03-27
  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 4 ตำหนักเย็น

    บทที่ 4 ตำหนักเย็นเฟยเฟยนั่งอยู่ในศาลาเล็กภายในสวนตำหนักของเจ้าของร่างเดิม แสงแดดยามเช้าอาบผ่านใบไม้ที่ปลิดปลิวลงมาจากต้นไม้ใหญ่ สายตาคมของหญิงสาวมองไปที่ศาลาอีกหลัง ที่ยังคงมีร่องรอยเผาไหม้อยู่ไกล ๆ บรรยากาศที่นี่ดูสงบแต่ใจของเธอกลับไม่สงบตามไปด้วย ชีวิตใหม่ในร่างของกุ้ยเฟยไม่ใช่สิ่งที่เธอเคยคาดคิดไว้ เธอคิดว่าจะได้ไปเมาให้หายเครียดก่อนจะหางานใหม่ต่างหากการเป็นพระสนมเอกดูเหมือนจะนำมาซึ่งอำนาจและความสุขสบาย แต่ในความเป็นจริง ชีวิตของเธอกลับเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวและความกดดัน“นี่มันไม่ใช่สิ่งที่คิดไว้เลย...จะโดนฆ่าเมื่อไรก็ไม่รู้” เธอพึมพำกับตัวเอง สายตามองไปยังสวนที่เงียบเหงา สถานที่ที่ควรจะเต็มไปด้วยคนรับใช้และของประดับหรูหรา กลับเหลือเพียงความว่างเปล่าเฟยเฟยพยายามปรับตัวกับชีวิตในตำหนักที่ถูกลดความสำคัญจนแทบไม่มีใครเหลียวแล เหลือเพียงแค่สาวใช้เพียงคนเดียวและขันทีชั้นผู้น้อยที่คอยดูแลเธอ แม้ทั้งสองจะซื่อสัตย์และนอบน้อม แต่ความเป็นอยู่ของเธอก็เรียกว่ายังต่ำกว่าที่ควรจะเป็นในฐานะกุ้ยเฟย “พระสนมเพคะ วันนี้ของที่นำมาจากคลังหลวงถูกยึดไปอีกแล้วเพคะ” สาวใช้รายงานด้วยเสียงอันเศร้าสร้อย

    Last Updated : 2025-03-29
  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 5 สวมบทกุ้ยเฟยจะไปยากอะไร

    บทที่ 5 สวมบทกุ้ยเฟยจะไปยากอะไรเฟยเฟยนั่งคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่เธอตื่นขึ้นมาในร่างใหม่ แม้จะชอบกับชีวิตใหม่แต่ก็ยังมีความรู้สึกสับสนอยู่บ้างกับการเป็นพระสนมเอกในบริษัทว่ามีการต่อสู้ขัดแข้งขัดขาแล้ว ในพระราชวังนี่กลับเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดียิ่งกว่าและเมื่อดูจากการกลั่นแกล้งเล็กน้อยที่เธอได้รับอยู่เรื่อย ๆ มันก็ทำให้เฟยเฟยรู้ว่าเส้นทางนี้ไม่น่าจะง่าย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดจะยอมแพ้หรอก อย่างน้อยอยู่ที่นี่ก็แค่กิน ๆ นอน ๆ และหาทางเอาตัวรอดไปวัน ๆ ก็เท่านั้น ไม่ต้องปากกัดตีนถีบทำงานหัวฟูแต่ไม่รู้ว่าผลตอบแทนจะคุ้มไหมเพียงแต่สิ่งที่เธอยังสงสัยคือเพราะอะไรเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่ แทนที่หญิงสาวที่รูปร่างบอบบางคนนี้ “แต่อย่างไรก็มาแล้ว... ต่อให้เป็นใครก็มาเถอะ นี่ใคร เฟยเฟยนะ จะไม่ยอมให้ใครมากดขี่ข่มแห่งได้อีกแน่ ๆ” หญิงสาวพูดกับตัวเองเบา ๆ พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาเป็นสัญญาณราวกับตอบรับคำที่เธอพูดและถึงแม้สถานการณ์ของจางกุ้ยเฟยอย่างเธอจะไม่ดีนักในตอนนี้ แต่เธอก็ยังมีความหวังว่าเธอจะทำให้มันดีขึ้นได้เพราะตอนนี้สิ่งที่เฟยเฟยมีมากที่สุดคือเวลา หญิง

    Last Updated : 2025-03-29
  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 6 การเปลี่ยนแปลง

    บทที่ 6 การเปลี่ยนแปลงหลังจากรู้สถานะที่ชัดเจนของตัวเองจากบันทึกของเจ้าของร่างแล้ว แทนที่เฟยเฟยจะเครียด นางกลับใช้ชีวิตอย่างมีความสุขขึ้นกว่าเก่า หญิงสาวออกไปเดินเล่นในสวนอย่างผ่อนคลาย ไม่ได้ระแวดระวังเหมือนก่อนหน้า ดอกไม้หลากสีสันที่บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกมา ทำให้เฟยเฟยรู้สึกสบายใจแม้จะยังรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่บ้าง เพราะข้างกายนางนอกจากจูหลิงและขันทีน้อยก็ไม่มีใครกล้าขยับเข้ามาใกล้ ถึงมาก็เหมือนต้องการจะหาเรื่องหรือกลั่นแกล้งนางมากกว่า แต่พอเห็นว่านางสู้กลับที่เหลือก็ดูจะถอยออกไป ยกเว้นเพียงแต่...“คนผู้นั้นคือใครกัน” เฟยเฟยถามจูหลิงที่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเอ่ยถึงอีกฝ่าย และดึงนายหญิงของตัวเองอย่างกุ้ยเฟยให้กลับที่พัก“ทำไมล่ะ” จูงหลิงส่ายหน้า นางจำได้ดีว่าชายคนที่พระสนมถามถึงคือใคร แต่ช่วงนี้อาการเศร้าซึมของพระสนมหายไปแล้ว แม้จะแทนที่ด้วยอาการหลง ๆ ลืม ๆ แต่ก็ดูมีความสุขในชีวิตแต่ละวัน นางไม่อยากให้นายหญิงของตนกลับไปเป็นคนอมทุกข์อีก“ท่านผู้นั้นพระสนมไม่ควรพบเพคะ” จูหลิงตัดสินใจเอ่ยออกไป กุ้ยเฟยได้ยินก็ทำหน้าสงสัยก่อนหน้านี้นางรู้สึกสะดุดตากับร่างสูงของชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใต

    Last Updated : 2025-03-30
  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 7 ข่าวลือ

    บทที่ 7 ข่าวลือ“พระสนมเพคะ เพราะวันนั้นที่พระสนมเจอกับองค์ชายทำให้เกิดข่าวลือ ลือกันไปทั่วทั้งพระราชวังชั้นนอกและชั้นในแล้วนะเพคะ” จูหลิงสาวใช้คนสนิทเอ่ยพลางมองจางกุ้ยเฟยด้วยสีหน้าเป็นห่วง เพราะครั้งก่อนที่เป็นเช่นนี้นายหญิงของนางเก็บตัวอยู่แต่ในห้องนอนไม่กินไม่นอนจนเป็นไข้ไปหลายวัน แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป“ข้ารู้ดี” เฟยเฟยตอบอย่างเรียบเฉย “แต่ข้าไม่มีเวลาจะไปสนใจเรื่องพวกนั้นหรอก เรื่องที่ควรสนใจคือราชองครักษ์คนนั้นเอาของคืนกลับมาให้พวกเราได้หมดหรือยังต่างหาก” จูหลิงถึงกลับถอนหายใจ “ก็มีบ้างที่ถูกทำลายไปจึงเอากลับมาไม่ได้ แต่ตามที่ข้าเขียนไปเขาก็ช่วยตามกลับมาให้จนเกือบครบแล้วเพคะ”“ดี ดีมาก อะไรแตกหักไปแล้วก็ช่าง แต่อะไรที่เป็นสิทธิของเราต้องไม่ให้ใครเอาไปรู้ไหม” กุ้ยเฟยพูดก่อนจะหันกลับไปจัดตำหนักของตนเองตามปกติ หญิงสาวเลือกของใช้ต่าง ๆ ที่สามารถหามาได้เพื่อปรับปรุงให้ห้องของนางสะดวกสบายและสวยงามมากยิ่งขึ้นในแบบที่นางชอบ นางสั่งให้สาวใช้ช่วยหาผ้าไหมเนื้อดีมาตกแต่งประตูและหน้าต่าง จัดดอกไม้สดใหม่ไว้ตามมุมห้อง และจัดเตรียมชุดน้ำชาชั้นดีไว้รับแขกยามจำเป็น ซึ่งก็แทบจะไม่มีแขกกุ้ยเฟย

    Last Updated : 2025-03-30
  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 8 รักแต่เอื้อมไม่ถึง

    บทที่ 8 รักแต่เอื้อมไม่ถึงตั้งแต่วันที่หลี่อวิ๋นได้พบกับจางกุ้ยเฟยอีกครั้ง เขาก็เริ่มแอบมาหานางที่ตำหนักกุ้ยเฟยอยู่บ่อย ๆ ด้วยการปลอมตัวเป็นราชองครักษ์ เพื่อไม่ให้เป็นที่จับตามองจากทุกคนถึงอีกฝ่ายจะมองเขาเป็นเพียงแค่คนรู้จักหรือจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แต่ในใจของเขาหญิงสาวก็ยังเป็นคนที่เขาต้องการมาเป็นชายา หากวันนั้นเขากลับมาจากชายแดนทัน เสด็จพ่อก็คงจะไม่รับนางเข้าวัง แต่ในเมื่อรับเข้ามาแล้ว เขาจึงทำได้เพียงแค่แอบมองเท่านี้แม้จะรักอีกฝ่ายมากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่คิดที่จะแย่งของของบิดาตน แต่ไม่นึกว่าเพียงแค่มอง พบหรือพูดคุยบ้างก็ทำให้อีกฝ่ายต้องลำบากเสียแล้วที่จริงก็ผิดที่เขาตั้งแต่ต้น เขาแค่ยึดติดกับคำพูดที่เคยเอ่ยเล่น ๆ ยามเป็นเด็ก ที่บอกจะรับอีกฝ่ายเป็นชายา และตอนที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพระสนมก็ตั้งใจจะตัดใจแล้วแท้ ๆ แต่เมื่อวันก่อนตอนที่ได้เจอ ใจของเขากลับดังจนแทบจะทะลุอกออกมา หากตอนนี้เสด็จพ่อถามเขาอีกครั้งว่ารักนางหรือไม่ เขาคงตอบได้เต็มปากกว่าครั้งก่อนทางด้านกุ้ยเฟย แม้จะไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับองค์ชายหลี่อวิ๋น ถึงจะรู้สึกคุ้นเคยแต่ก็เท่านั้น นางคิดว่านี่คงเป็นเพราะร่างกายเจ้าของเด

    Last Updated : 2025-03-30
  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 9 สงบสุขที่ไม่ได้แปลว่าสงบสุข

    บทที่ 9 สงบสุขที่ไม่ได้แปลว่าสงบสุขข่าวการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่สนข่าวลือของจางกุ้ยเฟยเริ่มกระจายไปทั่ววังหลวง และมันทำให้สนมเจินไม่พอใจอย่างมาก นางเก็บความโกรธไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นว่าผู้คนเริ่มหันมามองกุ้ยเฟยในแง่ดีซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่สนมเจินต้องการทั้งที่เคยคิดว่าจางกุ้ยเฟยคงจะเป็นหญิงสาวอ่อนแอและอยู่ได้ไม่นานนักในวังหลัง ดูเหมือนตอนนี้ที่เคยคิดเอาไว้จะผิดไปเสียทั้งหมด “ถ้าแค่นี้ทนได้ก็ทนต่อไปอีกหน่อยก็แล้วกัน” เช้าวันถัดมาขณะที่เฟยเฟยกำลังนั่งอยู่ในสวน สนมเจินก็เข้ามาหาโดยมีนางกำนัลคนสนิทและขันทีเดินตามเข้ามาติด ๆ หญิงสาวกรีดยิ้มอย่างน่ากลัวก่อนจะเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตรแต่แฝงไปด้วยคำพูดจาเหน็บแนม"ตำหนักของจางกุ้ยเฟยช่างเงียบเหงาเสียจริง ๆ นะ นางกำนัลและขันทีหายไปไหนกันหมดหรือ นี่พระสนมคงไม่ต้องกวาดถูตำหนักเองกระมัง” สนมเจินเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่แฝงความเยาะเย้ยแต่เฟยเฟยที่ได้ฟังกลับยิ้มเรียบๆ "ตำหนักของข้าเงียบก็จริง แต่ก็สงบใจดีไม่วุ่นวายเท่านั้น อ้อ แต่ก็เพิ่งวุ่นวายเมื่อครู่ เสียงคล้ายนกร้องบาดแก้วหู ดูเหมือนจะเป็นตอนที่พระสนมเข้ามากระมัง" แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครแต่ปากคอแบ

    Last Updated : 2025-03-30
  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 10 นางเปลี่ยนไป

    บทที่ 10 นางเปลี่ยนไปค่ำคืนที่เงียบสงบ เหล่าข้าราชบริพารต่างทำหน้าที่ของตน นางกำนัลและขันทีไม่ได้เดินกันขวักไขว่เท่ากับตอนกลางวัน จึงทำให้หลี่อวิ๋นที่อยู่ในชุดราชองครักษ์เดินไปมาได้อย่างสบายใจและไม่มีใครสังเกตและสงสัยตัวเขาแน่นอนว่าหลี่อวิ๋นรู้ว่าราชองครักษ์ตัวจริงจะเดินมาถึงตรงนี้เมื่อไร ในเมื่อตารางการตรวจตราอยู่ในมือจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะใช้ช่วงเหล่านั้นแอบเข้าไปในตำหนักจางกุ้ยเฟยชายหนุ่มแอบเดินเข้าไปข้างในตำหนักที่ค่อนข้างเงียบกว่าตำหนักอื่น ชายหนุ่มคอยสังเกตความเคลื่อนไหวรอบข้างให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดติดตาม หลี่อวิ๋นขยับตัวเข้าไปใกล้เฟยเฟยที่นั่งอยู่ในสวนริมน้ำของตนอย่างแผ่วเบา รอบกายของนางไม่มีแม้แต่นางกำนัลหรือขันที ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนที่จูหลิงและขันทีน้อยจะประกบติดนายหญิงของตนเสมอเมื่อมั่นใจว่าที่ตรงนี้มีเพียงแค่เขากับหญิงสาวอยู่กันตามลำพัง หมวกราชองครักษ์ก็ถูกถอดออกเพื่อให้เห็นใบหน้าของคนด้านในชัดเจนขึ้น"มาอีกแล้วหรือ มีธุระอันใดจึงมาหาข้าถึงตำหนักเช่นนี้เล่า"หลี่อวิ๋นยิ้มและก้าวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น เฟยเฟยเงยหน้าขึ้นสบตาเขาแม้แววตาของนางจะสงบนิ่งแต่ก็มีความสงสัยแฝง

    Last Updated : 2025-03-30

Latest chapter

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 12 แผนการใส่ร้าย

    บทที่ 12 แผนการใส่ร้ายขันทีของสนมเจินยอบกายเข้าหาหญิงสาวอย่างนอบน้อม ก่อนจะเอ่ยกระซิบอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ "สนมเจินพ่ะย่ะค่ะ มีข่าวที่อาจจะทำให้พระสนมสนใจทีเดียว มีนางกำนัลหลายคนเริ่มพูดกันว่ามีราชองครักษ์ที่เข้าออกตำหนักของจางกุ้ยเฟยบ่อยนัก ได้ยินมาว่าเขาคนนั้นมีหน้าที่จัดการเรื่องสิ่งของที่ถูกขโมยไปจากตำหนักจางกุ้ยเฟย ทั้งที่เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เขากลับทำให้ข้าราชบริพารในพระราชวังเริ่มหวาดกลัวจนไม่มีใครกล้าเข้าไปกลั่นแกล้งหรือแตะต้องของในตำหนักนั้นอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ"สนมเจินยิ้มบาง ๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน "ราชองครักษ์หนุ่มถึงขั้นออกหน้ารับแทนนางเช่นนั้นหรือ ช่างน่าสนใจจริง ๆ เป็นถึงราชองครักษ์แต่กลับยอมลดตัวลงมาดูแลเรื่องเล็กน้อยของสนมที่ถูกลืมในวังหลัง ดูคล้ายว่าจะเป็นคนรับใช้มากกว่าจะเป็นองค์รักษ์ในวังหลวง แต่ก็น่าชื่นชมจริง ๆ เจ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่ น่าชื่นชมจนควรทำให้คนทั้งวังหลวงได้รู้เรื่องนี้กันให้ทั่ว"ขันทีพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "พ่ะย่ะค่ะ ที่จริงการที่ราชองครักษ์ผู้หนึ่งยอมเสียเกียรติไปทำหน้าที่เช่นนั้น และเขายังดูแลตำหนักจางกุ้ยเฟยอย่างใส่ใจเป็นพิเศษ หลายคนก็เร

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 11 ช้าไป

    บทที่ 11 ช้าไปแสงจันทร์ส่องผ่านม่านบังลมในตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท ผู้ที่เพิ่งกลับมาหลังจากปลอมตัวเพื่อออกไปหาจางกุ้ยเฟยในยามดึก ชายหนุ่มถอนหายใจพลางปลดชุดราชองครักษ์ออกและสวมชุดรัชทายาทเช่นเดิม เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะไม้แกะสลักที่ติดกับบานหน้าต่างใต้ต้นไม้ใหญ่ มองดูใบไม้ร่วงหล่นลงมาตามสายลมที่พัดผ่าน ราวกับเป็นสัญญาณแห่งความผันแปรที่เขาไม่อาจควบคุมได้หลี่อวิ๋นคิดถึงคำพูดของเฟยเฟยอีกครั้ง ‘ท่านเองก็ระวังตนด้วย อย่าให้ใครจับได้ว่ามาหาข้าถึงตำหนักในยามดึกดื่นเช่นนี้ จะได้ไม่ต้องลำบากตัวเองเพราะข้าอีก ลำพังข้าเคยชินเสียแล้ว’ คำเตือนของนางก้องอยู่ในความคิด ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ เขารู้สึกยินดีที่หญิงสาวเป็นห่วง แม้ในใจลึก ๆ จะรู้ดีว่าความสัมพันธ์นี้เต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่ทุกครั้งที่ได้พบกับเฟยเฟย เขากลับรู้สึกเหมือนความรู้สึกที่เคยแสนอ้างว้างกลับมีสีสันขึ้นมาอีกครั้งมือแกร่งเอื้อมไปหยิบสุราในไหเล็กขึ้นมาเทใส่จอก ก่อนจะยกดื่มช้า ๆ เขาปล่อยให้รสขมและร้อนแผ่ซ่านไปในลำคอ ขณะเดียวกันปล่อยให้ความคิดความทรงจำในอดีตย้อนกลับคืนมา ภาพของหญิงสาวในวัยเด็กที่พูดคุยวิ่งเล่นกับเขามันบริสุทธิ์และสดใส

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 10 นางเปลี่ยนไป

    บทที่ 10 นางเปลี่ยนไปค่ำคืนที่เงียบสงบ เหล่าข้าราชบริพารต่างทำหน้าที่ของตน นางกำนัลและขันทีไม่ได้เดินกันขวักไขว่เท่ากับตอนกลางวัน จึงทำให้หลี่อวิ๋นที่อยู่ในชุดราชองครักษ์เดินไปมาได้อย่างสบายใจและไม่มีใครสังเกตและสงสัยตัวเขาแน่นอนว่าหลี่อวิ๋นรู้ว่าราชองครักษ์ตัวจริงจะเดินมาถึงตรงนี้เมื่อไร ในเมื่อตารางการตรวจตราอยู่ในมือจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะใช้ช่วงเหล่านั้นแอบเข้าไปในตำหนักจางกุ้ยเฟยชายหนุ่มแอบเดินเข้าไปข้างในตำหนักที่ค่อนข้างเงียบกว่าตำหนักอื่น ชายหนุ่มคอยสังเกตความเคลื่อนไหวรอบข้างให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดติดตาม หลี่อวิ๋นขยับตัวเข้าไปใกล้เฟยเฟยที่นั่งอยู่ในสวนริมน้ำของตนอย่างแผ่วเบา รอบกายของนางไม่มีแม้แต่นางกำนัลหรือขันที ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนที่จูหลิงและขันทีน้อยจะประกบติดนายหญิงของตนเสมอเมื่อมั่นใจว่าที่ตรงนี้มีเพียงแค่เขากับหญิงสาวอยู่กันตามลำพัง หมวกราชองครักษ์ก็ถูกถอดออกเพื่อให้เห็นใบหน้าของคนด้านในชัดเจนขึ้น"มาอีกแล้วหรือ มีธุระอันใดจึงมาหาข้าถึงตำหนักเช่นนี้เล่า"หลี่อวิ๋นยิ้มและก้าวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น เฟยเฟยเงยหน้าขึ้นสบตาเขาแม้แววตาของนางจะสงบนิ่งแต่ก็มีความสงสัยแฝง

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 9 สงบสุขที่ไม่ได้แปลว่าสงบสุข

    บทที่ 9 สงบสุขที่ไม่ได้แปลว่าสงบสุขข่าวการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่สนข่าวลือของจางกุ้ยเฟยเริ่มกระจายไปทั่ววังหลวง และมันทำให้สนมเจินไม่พอใจอย่างมาก นางเก็บความโกรธไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นว่าผู้คนเริ่มหันมามองกุ้ยเฟยในแง่ดีซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่สนมเจินต้องการทั้งที่เคยคิดว่าจางกุ้ยเฟยคงจะเป็นหญิงสาวอ่อนแอและอยู่ได้ไม่นานนักในวังหลัง ดูเหมือนตอนนี้ที่เคยคิดเอาไว้จะผิดไปเสียทั้งหมด “ถ้าแค่นี้ทนได้ก็ทนต่อไปอีกหน่อยก็แล้วกัน” เช้าวันถัดมาขณะที่เฟยเฟยกำลังนั่งอยู่ในสวน สนมเจินก็เข้ามาหาโดยมีนางกำนัลคนสนิทและขันทีเดินตามเข้ามาติด ๆ หญิงสาวกรีดยิ้มอย่างน่ากลัวก่อนจะเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตรแต่แฝงไปด้วยคำพูดจาเหน็บแนม"ตำหนักของจางกุ้ยเฟยช่างเงียบเหงาเสียจริง ๆ นะ นางกำนัลและขันทีหายไปไหนกันหมดหรือ นี่พระสนมคงไม่ต้องกวาดถูตำหนักเองกระมัง” สนมเจินเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่แฝงความเยาะเย้ยแต่เฟยเฟยที่ได้ฟังกลับยิ้มเรียบๆ "ตำหนักของข้าเงียบก็จริง แต่ก็สงบใจดีไม่วุ่นวายเท่านั้น อ้อ แต่ก็เพิ่งวุ่นวายเมื่อครู่ เสียงคล้ายนกร้องบาดแก้วหู ดูเหมือนจะเป็นตอนที่พระสนมเข้ามากระมัง" แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครแต่ปากคอแบ

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 8 รักแต่เอื้อมไม่ถึง

    บทที่ 8 รักแต่เอื้อมไม่ถึงตั้งแต่วันที่หลี่อวิ๋นได้พบกับจางกุ้ยเฟยอีกครั้ง เขาก็เริ่มแอบมาหานางที่ตำหนักกุ้ยเฟยอยู่บ่อย ๆ ด้วยการปลอมตัวเป็นราชองครักษ์ เพื่อไม่ให้เป็นที่จับตามองจากทุกคนถึงอีกฝ่ายจะมองเขาเป็นเพียงแค่คนรู้จักหรือจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แต่ในใจของเขาหญิงสาวก็ยังเป็นคนที่เขาต้องการมาเป็นชายา หากวันนั้นเขากลับมาจากชายแดนทัน เสด็จพ่อก็คงจะไม่รับนางเข้าวัง แต่ในเมื่อรับเข้ามาแล้ว เขาจึงทำได้เพียงแค่แอบมองเท่านี้แม้จะรักอีกฝ่ายมากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่คิดที่จะแย่งของของบิดาตน แต่ไม่นึกว่าเพียงแค่มอง พบหรือพูดคุยบ้างก็ทำให้อีกฝ่ายต้องลำบากเสียแล้วที่จริงก็ผิดที่เขาตั้งแต่ต้น เขาแค่ยึดติดกับคำพูดที่เคยเอ่ยเล่น ๆ ยามเป็นเด็ก ที่บอกจะรับอีกฝ่ายเป็นชายา และตอนที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพระสนมก็ตั้งใจจะตัดใจแล้วแท้ ๆ แต่เมื่อวันก่อนตอนที่ได้เจอ ใจของเขากลับดังจนแทบจะทะลุอกออกมา หากตอนนี้เสด็จพ่อถามเขาอีกครั้งว่ารักนางหรือไม่ เขาคงตอบได้เต็มปากกว่าครั้งก่อนทางด้านกุ้ยเฟย แม้จะไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับองค์ชายหลี่อวิ๋น ถึงจะรู้สึกคุ้นเคยแต่ก็เท่านั้น นางคิดว่านี่คงเป็นเพราะร่างกายเจ้าของเด

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 7 ข่าวลือ

    บทที่ 7 ข่าวลือ“พระสนมเพคะ เพราะวันนั้นที่พระสนมเจอกับองค์ชายทำให้เกิดข่าวลือ ลือกันไปทั่วทั้งพระราชวังชั้นนอกและชั้นในแล้วนะเพคะ” จูหลิงสาวใช้คนสนิทเอ่ยพลางมองจางกุ้ยเฟยด้วยสีหน้าเป็นห่วง เพราะครั้งก่อนที่เป็นเช่นนี้นายหญิงของนางเก็บตัวอยู่แต่ในห้องนอนไม่กินไม่นอนจนเป็นไข้ไปหลายวัน แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป“ข้ารู้ดี” เฟยเฟยตอบอย่างเรียบเฉย “แต่ข้าไม่มีเวลาจะไปสนใจเรื่องพวกนั้นหรอก เรื่องที่ควรสนใจคือราชองครักษ์คนนั้นเอาของคืนกลับมาให้พวกเราได้หมดหรือยังต่างหาก” จูหลิงถึงกลับถอนหายใจ “ก็มีบ้างที่ถูกทำลายไปจึงเอากลับมาไม่ได้ แต่ตามที่ข้าเขียนไปเขาก็ช่วยตามกลับมาให้จนเกือบครบแล้วเพคะ”“ดี ดีมาก อะไรแตกหักไปแล้วก็ช่าง แต่อะไรที่เป็นสิทธิของเราต้องไม่ให้ใครเอาไปรู้ไหม” กุ้ยเฟยพูดก่อนจะหันกลับไปจัดตำหนักของตนเองตามปกติ หญิงสาวเลือกของใช้ต่าง ๆ ที่สามารถหามาได้เพื่อปรับปรุงให้ห้องของนางสะดวกสบายและสวยงามมากยิ่งขึ้นในแบบที่นางชอบ นางสั่งให้สาวใช้ช่วยหาผ้าไหมเนื้อดีมาตกแต่งประตูและหน้าต่าง จัดดอกไม้สดใหม่ไว้ตามมุมห้อง และจัดเตรียมชุดน้ำชาชั้นดีไว้รับแขกยามจำเป็น ซึ่งก็แทบจะไม่มีแขกกุ้ยเฟย

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 6 การเปลี่ยนแปลง

    บทที่ 6 การเปลี่ยนแปลงหลังจากรู้สถานะที่ชัดเจนของตัวเองจากบันทึกของเจ้าของร่างแล้ว แทนที่เฟยเฟยจะเครียด นางกลับใช้ชีวิตอย่างมีความสุขขึ้นกว่าเก่า หญิงสาวออกไปเดินเล่นในสวนอย่างผ่อนคลาย ไม่ได้ระแวดระวังเหมือนก่อนหน้า ดอกไม้หลากสีสันที่บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกมา ทำให้เฟยเฟยรู้สึกสบายใจแม้จะยังรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่บ้าง เพราะข้างกายนางนอกจากจูหลิงและขันทีน้อยก็ไม่มีใครกล้าขยับเข้ามาใกล้ ถึงมาก็เหมือนต้องการจะหาเรื่องหรือกลั่นแกล้งนางมากกว่า แต่พอเห็นว่านางสู้กลับที่เหลือก็ดูจะถอยออกไป ยกเว้นเพียงแต่...“คนผู้นั้นคือใครกัน” เฟยเฟยถามจูหลิงที่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเอ่ยถึงอีกฝ่าย และดึงนายหญิงของตัวเองอย่างกุ้ยเฟยให้กลับที่พัก“ทำไมล่ะ” จูงหลิงส่ายหน้า นางจำได้ดีว่าชายคนที่พระสนมถามถึงคือใคร แต่ช่วงนี้อาการเศร้าซึมของพระสนมหายไปแล้ว แม้จะแทนที่ด้วยอาการหลง ๆ ลืม ๆ แต่ก็ดูมีความสุขในชีวิตแต่ละวัน นางไม่อยากให้นายหญิงของตนกลับไปเป็นคนอมทุกข์อีก“ท่านผู้นั้นพระสนมไม่ควรพบเพคะ” จูหลิงตัดสินใจเอ่ยออกไป กุ้ยเฟยได้ยินก็ทำหน้าสงสัยก่อนหน้านี้นางรู้สึกสะดุดตากับร่างสูงของชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใต

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 5 สวมบทกุ้ยเฟยจะไปยากอะไร

    บทที่ 5 สวมบทกุ้ยเฟยจะไปยากอะไรเฟยเฟยนั่งคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่เธอตื่นขึ้นมาในร่างใหม่ แม้จะชอบกับชีวิตใหม่แต่ก็ยังมีความรู้สึกสับสนอยู่บ้างกับการเป็นพระสนมเอกในบริษัทว่ามีการต่อสู้ขัดแข้งขัดขาแล้ว ในพระราชวังนี่กลับเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดียิ่งกว่าและเมื่อดูจากการกลั่นแกล้งเล็กน้อยที่เธอได้รับอยู่เรื่อย ๆ มันก็ทำให้เฟยเฟยรู้ว่าเส้นทางนี้ไม่น่าจะง่าย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดจะยอมแพ้หรอก อย่างน้อยอยู่ที่นี่ก็แค่กิน ๆ นอน ๆ และหาทางเอาตัวรอดไปวัน ๆ ก็เท่านั้น ไม่ต้องปากกัดตีนถีบทำงานหัวฟูแต่ไม่รู้ว่าผลตอบแทนจะคุ้มไหมเพียงแต่สิ่งที่เธอยังสงสัยคือเพราะอะไรเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่ แทนที่หญิงสาวที่รูปร่างบอบบางคนนี้ “แต่อย่างไรก็มาแล้ว... ต่อให้เป็นใครก็มาเถอะ นี่ใคร เฟยเฟยนะ จะไม่ยอมให้ใครมากดขี่ข่มแห่งได้อีกแน่ ๆ” หญิงสาวพูดกับตัวเองเบา ๆ พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาเป็นสัญญาณราวกับตอบรับคำที่เธอพูดและถึงแม้สถานการณ์ของจางกุ้ยเฟยอย่างเธอจะไม่ดีนักในตอนนี้ แต่เธอก็ยังมีความหวังว่าเธอจะทำให้มันดีขึ้นได้เพราะตอนนี้สิ่งที่เฟยเฟยมีมากที่สุดคือเวลา หญิง

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 4 ตำหนักเย็น

    บทที่ 4 ตำหนักเย็นเฟยเฟยนั่งอยู่ในศาลาเล็กภายในสวนตำหนักของเจ้าของร่างเดิม แสงแดดยามเช้าอาบผ่านใบไม้ที่ปลิดปลิวลงมาจากต้นไม้ใหญ่ สายตาคมของหญิงสาวมองไปที่ศาลาอีกหลัง ที่ยังคงมีร่องรอยเผาไหม้อยู่ไกล ๆ บรรยากาศที่นี่ดูสงบแต่ใจของเธอกลับไม่สงบตามไปด้วย ชีวิตใหม่ในร่างของกุ้ยเฟยไม่ใช่สิ่งที่เธอเคยคาดคิดไว้ เธอคิดว่าจะได้ไปเมาให้หายเครียดก่อนจะหางานใหม่ต่างหากการเป็นพระสนมเอกดูเหมือนจะนำมาซึ่งอำนาจและความสุขสบาย แต่ในความเป็นจริง ชีวิตของเธอกลับเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวและความกดดัน“นี่มันไม่ใช่สิ่งที่คิดไว้เลย...จะโดนฆ่าเมื่อไรก็ไม่รู้” เธอพึมพำกับตัวเอง สายตามองไปยังสวนที่เงียบเหงา สถานที่ที่ควรจะเต็มไปด้วยคนรับใช้และของประดับหรูหรา กลับเหลือเพียงความว่างเปล่าเฟยเฟยพยายามปรับตัวกับชีวิตในตำหนักที่ถูกลดความสำคัญจนแทบไม่มีใครเหลียวแล เหลือเพียงแค่สาวใช้เพียงคนเดียวและขันทีชั้นผู้น้อยที่คอยดูแลเธอ แม้ทั้งสองจะซื่อสัตย์และนอบน้อม แต่ความเป็นอยู่ของเธอก็เรียกว่ายังต่ำกว่าที่ควรจะเป็นในฐานะกุ้ยเฟย “พระสนมเพคะ วันนี้ของที่นำมาจากคลังหลวงถูกยึดไปอีกแล้วเพคะ” สาวใช้รายงานด้วยเสียงอันเศร้าสร้อย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status