Home / รักโบราณ / ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น / บทที่ 5 สวมบทกุ้ยเฟยจะไปยากอะไร

Share

บทที่ 5 สวมบทกุ้ยเฟยจะไปยากอะไร

last update Last Updated: 2025-03-29 02:07:08

บทที่ 5 สวมบทกุ้ยเฟยจะไปยากอะไร

เฟยเฟยนั่งคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่เธอตื่นขึ้นมาในร่างใหม่ แม้จะชอบกับชีวิตใหม่แต่ก็ยังมีความรู้สึกสับสนอยู่บ้างกับการเป็นพระสนมเอก

ในบริษัทว่ามีการต่อสู้ขัดแข้งขัดขาแล้ว ในพระราชวังนี่กลับเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดียิ่งกว่า

และเมื่อดูจากการกลั่นแกล้งเล็กน้อยที่เธอได้รับอยู่เรื่อย ๆ มันก็ทำให้เฟยเฟยรู้ว่าเส้นทางนี้ไม่น่าจะง่าย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดจะยอมแพ้หรอก อย่างน้อยอยู่ที่นี่ก็แค่กิน ๆ นอน ๆ และหาทางเอาตัวรอดไปวัน ๆ ก็เท่านั้น ไม่ต้องปากกัดตีนถีบทำงานหัวฟูแต่ไม่รู้ว่าผลตอบแทนจะคุ้มไหม

เพียงแต่สิ่งที่เธอยังสงสัยคือเพราะอะไรเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่ แทนที่หญิงสาวที่รูปร่างบอบบางคนนี้

“แต่อย่างไรก็มาแล้ว... ต่อให้เป็นใครก็มาเถอะ นี่ใคร เฟยเฟยนะ จะไม่ยอมให้ใครมากดขี่ข่มแห่งได้อีกแน่ ๆ” หญิงสาวพูดกับตัวเองเบา ๆ พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาเป็นสัญญาณราวกับตอบรับคำที่เธอพูด

และถึงแม้สถานการณ์ของจางกุ้ยเฟยอย่างเธอจะไม่ดีนักในตอนนี้ แต่เธอก็ยังมีความหวังว่าเธอจะทำให้มันดีขึ้นได้

เพราะตอนนี้สิ่งที่เฟยเฟยมีมากที่สุดคือเวลา หญิงสาวจึงคิดจะตรวจสอบตัวตนของพระสนมคนนี้สักหน่อย

เฟยเฟยเดินไปทั่วตำหนักกุ้ยเฟยของร่างเดิม เพื่อค้นหาอะไรบางอย่างที่จะสามารถทำให้เธอรับรู้ได้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เจ้าของร่างจากไป และเพราะอะไรเธอถึงมาอยู่ที่นี่

น่าแปลกยิ่งค้นหากลับพบว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเหงาและความเศร้าใจ ร่องรอยของเจ้าของร่างเดิมยังคงอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ส่วนตัว ภาพเขียนที่หญิงสาวยังคงวาดไม่เสร็จ หรือแม้กระทั่งตำราที่วางเรียงรายอยู่บนชั้นหนังสือ

เฟยเฟยหยิบตำราเล่มหนึ่งที่มีปกหนังเก่า ๆ ออกมาเปิดดู แต่เมื่อเธอพลิกหน้ากระดาษ กลับต้องสะดุดตากับบางสิ่ง บันทึกส่วนตัวของกุ้ยเฟยคนก่อนถูกซ่อนอยู่ในนั้น เป็นกระดาษที่บันทึกด้วยลายมืองดงามบ่งบอกถึงความตั้งใจของผู้เขียน เฟยเฟยเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อได้อ่านข้อความในนั้น

ใครจะไปคิดว่าภายใต้ข้าวของมากมายที่สวยงาม เจ้าของตำหนักนี้กลับซ่อนความลับของตนเอาไว้ในมุมที่ไม่ค่อยมีคนสนใจ

“บันทึกเหรอเนี่ย” เฟยเฟยบ่นพึมพำกับตัวเอง หญิงสาวหยิบเอาบันทึกเล่มนั้นติดมือมาด้วย เธอค่อย ๆ นั่งลงที่ตั่งและเปิดบันทึกอ่านอย่างช้าๆ ด้วยความระมัดระวัง แต่ละหน้าที่อ่านผ่านไปราวกับได้สัมผัสความรู้สึกและเรื่องราวของเจ้าของร่างคนก่อนและนั่นก็ทำให้เธอถึงกับขนลุกซู่

ยิ่งเมื่อเธอได้อ่านไปถึงตอนที่กล่าวถึงข่าวลือ ที่ทุกคนกล่าวหาว่ากุ้ยเฟยนั้นมีใจให้กับองค์ชาย มันก็ยิ่งทำให้เฟยเฟยรู้สึกหายใจไม่ออก

“ข้าไม่เคยคิดจะทรยศฝ่าบาท แม้จะไม่ได้ถวายตัวแต่ก็รับใช้ในฐานะพระสนมที่ดี แต่เพราะคำครหาจากพระสนมตำหนักอื่น และผู้คนในพระราชวังแห่งนี้ ทำให้ทั้งฝ่าบาทและองค์ชายต้องแปดเปื้อน ด้วยเหตุนี้ข้าจึงไม่อาจทนได้อีกต่อไป...คงเป็นทางดีเสียกว่าที่คนไร้ค่าเช่นข้าจะจากไปเสีย”

เฟยเฟยเข้าใจลึกซึ้งก็ตอนนี้ ข่าวลือที่ราชองครักษ์คนนั้นพูดถึง คงเป็นข่าวเดียวที่ทำลายชีวิตของเจ้าของร่างคนก่อน ช่างน่าเศร้าและน่าหดหู่ เพราะคำนินทาของคนบางคนทำให้คนที่อมทุกข์และไร้ที่ปรึกษาทางใจ เลือกที่จะจากไปเพื่อให้หลุดพ้น

โลกเดิมที่เธอจากมาก็ไม่ต่างกัน การบูลลี่ การพูดบั่นทอนคนที่มีภาวะซึมเศร้า หลาย ๆ คนจึงเลือกที่จะจบชีวิตลง ในยุคโบราณนี้ก็คงไม่ต่างกัน แค่ผู้คนยังไม่รู้ว่ามีโรคเช่นนี้อยู่

“เขียนเช่นนี้ก็คงจะฆ่าตัวตายแน่ ๆ” เฟยเฟยพูดกับตัวเอง

เสียงในความคิดที่เธอได้อ่านยังคงดังก้องอยู่ในหัว เพราะหญิงสาวยังเด็กไร้เดียงสาและไม่เคยเผชิญกับความยากลำบาก เจอเรื่องราวเท่านี้จึงได้ทุกข์ทรมานจนรับไม่ไหว แม้จะยังไม่ได้ถูกตัดสินและลงโทษ แต่กลับเลือกที่จะลงโทษตัวเองไปแล้ว

นั่นก็เพราะความกดดันจากคำกล่าวหาของผู้คนที่ว่าเธอมีใจให้กับองค์ชายผู้หนึ่ง นี่เองสาเหตุที่ตำหนักนี้ถูกกลั่นแกล้งและโดดเดี่ยว มิต่างจากตำหนักเย็น หรือจะเรียกว่าตำหนักเย็นก็ไม่ผิดนัก

เฟยเฟยคิดถึงตัวเอง เธอเชื่อว่าก่อนที่อีกฝ่ายจะตัดสินใจแบบนี้ก็คงจะพยายามอธิบายความจริงออกไปแล้ว แต่เมื่อดูจากการกระทำที่ทุกคนทำกับคนตำหนักนี้ เห็นทีตอนนั้นคงจะไม่มีใครเชื่อคำของจางกุ้ยเฟย สุดท้ายความทุกข์ที่มีคงมากพอจะพานางไปสู่การจบชีวิตตนเอง

เฟยเฟยวางบันทึกลงด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เธอนึกภาพออกเลยว่ากุ้ยเฟยคนก่อนจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดเช่นไร ถูกกล่าวหาทั้ง ๆ ที่ไม่มีความผิด

ถึงจะเข้าใจแต่สำหรับเฟยเฟยแล้ว การฆ่าตัวตายไม่ใช่ทางออกที่จะช่วยแก้ปัญหา เธอหายใจเข้าลึกแล้วปิดบันทึกเล่มนั้นลง ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจการตัดสินใจของเจ้าของร่าง

“ขอโทษนะจางกุ้ยเฟย แต่ข้าไม่ใช่คนที่ยอมแพ้เช่นนั้น” เฟยเฟยพูดกับตัวเอง ดวงตาของเธอส่องประกายแห่งความมุ่งมั่น “อะไรที่ไม่ได้ทำก็ไม่จำเป็นจะต้องไปเดือดร้อน คำครหาก็แค่คำพูดของคน เอาไว้ฮ่องเต้สั่งประหารข้าค่อยคิดก็แล้วกัน ส่วนเรื่องกลั่นแกล้งไร้สาระพวกนั้น” หญิงสาวยกยิ้ม “ข้าจะเผชิญหน้ากับพวกที่กลั่นแกล้งข้า และข้าจะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด หากวิญญาณท่านยังอยู่แถวนี้ก็เอาใจช่วยข้าด้วยก็แล้วกัน”

เฟยเฟยวางบันทึกลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน ร่างกายของเธออาจจะยังอ่อนแอเพราะมันเป็นของเจ้าของร่างเก่า แต่จิตใจของเธอกลับแข็งแกร่งเหมือนอย่างที่เธอเป็นมาเสมอ

หญิงสาวตัดสินใจแล้วว่า ตั้งแต่นี้ไป เธอจะไม่ปล่อยให้ใครมาเอาเปรียบเธอและคนในตำหนักนี้ได้อีก เธอจะไม่ยอมแพ้เหมือนกุ้ยเฟยคนก่อนที่จบชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเพียงแค่เพราะคำคน

บทบาทของกุ้ยเฟยคนใหม่ ข้าจะเขียนขึ้นมาเอง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 6 การเปลี่ยนแปลง

    บทที่ 6 การเปลี่ยนแปลงหลังจากรู้สถานะที่ชัดเจนของตัวเองจากบันทึกของเจ้าของร่างแล้ว แทนที่เฟยเฟยจะเครียด นางกลับใช้ชีวิตอย่างมีความสุขขึ้นกว่าเก่า หญิงสาวออกไปเดินเล่นในสวนอย่างผ่อนคลาย ไม่ได้ระแวดระวังเหมือนก่อนหน้า ดอกไม้หลากสีสันที่บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกมา ทำให้เฟยเฟยรู้สึกสบายใจแม้จะยังรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่บ้าง เพราะข้างกายนางนอกจากจูหลิงและขันทีน้อยก็ไม่มีใครกล้าขยับเข้ามาใกล้ ถึงมาก็เหมือนต้องการจะหาเรื่องหรือกลั่นแกล้งนางมากกว่า แต่พอเห็นว่านางสู้กลับที่เหลือก็ดูจะถอยออกไป ยกเว้นเพียงแต่...“คนผู้นั้นคือใครกัน” เฟยเฟยถามจูหลิงที่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเอ่ยถึงอีกฝ่าย และดึงนายหญิงของตัวเองอย่างกุ้ยเฟยให้กลับที่พัก“ทำไมล่ะ” จูงหลิงส่ายหน้า นางจำได้ดีว่าชายคนที่พระสนมถามถึงคือใคร แต่ช่วงนี้อาการเศร้าซึมของพระสนมหายไปแล้ว แม้จะแทนที่ด้วยอาการหลง ๆ ลืม ๆ แต่ก็ดูมีความสุขในชีวิตแต่ละวัน นางไม่อยากให้นายหญิงของตนกลับไปเป็นคนอมทุกข์อีก“ท่านผู้นั้นพระสนมไม่ควรพบเพคะ” จูหลิงตัดสินใจเอ่ยออกไป กุ้ยเฟยได้ยินก็ทำหน้าสงสัยก่อนหน้านี้นางรู้สึกสะดุดตากับร่างสูงของชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใต

    Last Updated : 2025-03-30
  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 7 ข่าวลือ

    บทที่ 7 ข่าวลือ“พระสนมเพคะ เพราะวันนั้นที่พระสนมเจอกับองค์ชายทำให้เกิดข่าวลือ ลือกันไปทั่วทั้งพระราชวังชั้นนอกและชั้นในแล้วนะเพคะ” จูหลิงสาวใช้คนสนิทเอ่ยพลางมองจางกุ้ยเฟยด้วยสีหน้าเป็นห่วง เพราะครั้งก่อนที่เป็นเช่นนี้นายหญิงของนางเก็บตัวอยู่แต่ในห้องนอนไม่กินไม่นอนจนเป็นไข้ไปหลายวัน แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป“ข้ารู้ดี” เฟยเฟยตอบอย่างเรียบเฉย “แต่ข้าไม่มีเวลาจะไปสนใจเรื่องพวกนั้นหรอก เรื่องที่ควรสนใจคือราชองครักษ์คนนั้นเอาของคืนกลับมาให้พวกเราได้หมดหรือยังต่างหาก” จูหลิงถึงกลับถอนหายใจ “ก็มีบ้างที่ถูกทำลายไปจึงเอากลับมาไม่ได้ แต่ตามที่ข้าเขียนไปเขาก็ช่วยตามกลับมาให้จนเกือบครบแล้วเพคะ”“ดี ดีมาก อะไรแตกหักไปแล้วก็ช่าง แต่อะไรที่เป็นสิทธิของเราต้องไม่ให้ใครเอาไปรู้ไหม” กุ้ยเฟยพูดก่อนจะหันกลับไปจัดตำหนักของตนเองตามปกติ หญิงสาวเลือกของใช้ต่าง ๆ ที่สามารถหามาได้เพื่อปรับปรุงให้ห้องของนางสะดวกสบายและสวยงามมากยิ่งขึ้นในแบบที่นางชอบ นางสั่งให้สาวใช้ช่วยหาผ้าไหมเนื้อดีมาตกแต่งประตูและหน้าต่าง จัดดอกไม้สดใหม่ไว้ตามมุมห้อง และจัดเตรียมชุดน้ำชาชั้นดีไว้รับแขกยามจำเป็น ซึ่งก็แทบจะไม่มีแขกกุ้ยเฟย

    Last Updated : 2025-03-30
  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 8 รักแต่เอื้อมไม่ถึง

    บทที่ 8 รักแต่เอื้อมไม่ถึงตั้งแต่วันที่หลี่อวิ๋นได้พบกับจางกุ้ยเฟยอีกครั้ง เขาก็เริ่มแอบมาหานางที่ตำหนักกุ้ยเฟยอยู่บ่อย ๆ ด้วยการปลอมตัวเป็นราชองครักษ์ เพื่อไม่ให้เป็นที่จับตามองจากทุกคนถึงอีกฝ่ายจะมองเขาเป็นเพียงแค่คนรู้จักหรือจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แต่ในใจของเขาหญิงสาวก็ยังเป็นคนที่เขาต้องการมาเป็นชายา หากวันนั้นเขากลับมาจากชายแดนทัน เสด็จพ่อก็คงจะไม่รับนางเข้าวัง แต่ในเมื่อรับเข้ามาแล้ว เขาจึงทำได้เพียงแค่แอบมองเท่านี้แม้จะรักอีกฝ่ายมากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่คิดที่จะแย่งของของบิดาตน แต่ไม่นึกว่าเพียงแค่มอง พบหรือพูดคุยบ้างก็ทำให้อีกฝ่ายต้องลำบากเสียแล้วที่จริงก็ผิดที่เขาตั้งแต่ต้น เขาแค่ยึดติดกับคำพูดที่เคยเอ่ยเล่น ๆ ยามเป็นเด็ก ที่บอกจะรับอีกฝ่ายเป็นชายา และตอนที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพระสนมก็ตั้งใจจะตัดใจแล้วแท้ ๆ แต่เมื่อวันก่อนตอนที่ได้เจอ ใจของเขากลับดังจนแทบจะทะลุอกออกมา หากตอนนี้เสด็จพ่อถามเขาอีกครั้งว่ารักนางหรือไม่ เขาคงตอบได้เต็มปากกว่าครั้งก่อนทางด้านกุ้ยเฟย แม้จะไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับองค์ชายหลี่อวิ๋น ถึงจะรู้สึกคุ้นเคยแต่ก็เท่านั้น นางคิดว่านี่คงเป็นเพราะร่างกายเจ้าของเด

    Last Updated : 2025-03-30
  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 9 สงบสุขที่ไม่ได้แปลว่าสงบสุข

    บทที่ 9 สงบสุขที่ไม่ได้แปลว่าสงบสุขข่าวการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่สนข่าวลือของจางกุ้ยเฟยเริ่มกระจายไปทั่ววังหลวง และมันทำให้สนมเจินไม่พอใจอย่างมาก นางเก็บความโกรธไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นว่าผู้คนเริ่มหันมามองกุ้ยเฟยในแง่ดีซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่สนมเจินต้องการทั้งที่เคยคิดว่าจางกุ้ยเฟยคงจะเป็นหญิงสาวอ่อนแอและอยู่ได้ไม่นานนักในวังหลัง ดูเหมือนตอนนี้ที่เคยคิดเอาไว้จะผิดไปเสียทั้งหมด “ถ้าแค่นี้ทนได้ก็ทนต่อไปอีกหน่อยก็แล้วกัน” เช้าวันถัดมาขณะที่เฟยเฟยกำลังนั่งอยู่ในสวน สนมเจินก็เข้ามาหาโดยมีนางกำนัลคนสนิทและขันทีเดินตามเข้ามาติด ๆ หญิงสาวกรีดยิ้มอย่างน่ากลัวก่อนจะเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตรแต่แฝงไปด้วยคำพูดจาเหน็บแนม"ตำหนักของจางกุ้ยเฟยช่างเงียบเหงาเสียจริง ๆ นะ นางกำนัลและขันทีหายไปไหนกันหมดหรือ นี่พระสนมคงไม่ต้องกวาดถูตำหนักเองกระมัง” สนมเจินเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่แฝงความเยาะเย้ยแต่เฟยเฟยที่ได้ฟังกลับยิ้มเรียบๆ "ตำหนักของข้าเงียบก็จริง แต่ก็สงบใจดีไม่วุ่นวายเท่านั้น อ้อ แต่ก็เพิ่งวุ่นวายเมื่อครู่ เสียงคล้ายนกร้องบาดแก้วหู ดูเหมือนจะเป็นตอนที่พระสนมเข้ามากระมัง" แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครแต่ปากคอแบ

    Last Updated : 2025-03-30
  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 10 นางเปลี่ยนไป

    บทที่ 10 นางเปลี่ยนไปค่ำคืนที่เงียบสงบ เหล่าข้าราชบริพารต่างทำหน้าที่ของตน นางกำนัลและขันทีไม่ได้เดินกันขวักไขว่เท่ากับตอนกลางวัน จึงทำให้หลี่อวิ๋นที่อยู่ในชุดราชองครักษ์เดินไปมาได้อย่างสบายใจและไม่มีใครสังเกตและสงสัยตัวเขาแน่นอนว่าหลี่อวิ๋นรู้ว่าราชองครักษ์ตัวจริงจะเดินมาถึงตรงนี้เมื่อไร ในเมื่อตารางการตรวจตราอยู่ในมือจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะใช้ช่วงเหล่านั้นแอบเข้าไปในตำหนักจางกุ้ยเฟยชายหนุ่มแอบเดินเข้าไปข้างในตำหนักที่ค่อนข้างเงียบกว่าตำหนักอื่น ชายหนุ่มคอยสังเกตความเคลื่อนไหวรอบข้างให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดติดตาม หลี่อวิ๋นขยับตัวเข้าไปใกล้เฟยเฟยที่นั่งอยู่ในสวนริมน้ำของตนอย่างแผ่วเบา รอบกายของนางไม่มีแม้แต่นางกำนัลหรือขันที ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนที่จูหลิงและขันทีน้อยจะประกบติดนายหญิงของตนเสมอเมื่อมั่นใจว่าที่ตรงนี้มีเพียงแค่เขากับหญิงสาวอยู่กันตามลำพัง หมวกราชองครักษ์ก็ถูกถอดออกเพื่อให้เห็นใบหน้าของคนด้านในชัดเจนขึ้น"มาอีกแล้วหรือ มีธุระอันใดจึงมาหาข้าถึงตำหนักเช่นนี้เล่า"หลี่อวิ๋นยิ้มและก้าวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น เฟยเฟยเงยหน้าขึ้นสบตาเขาแม้แววตาของนางจะสงบนิ่งแต่ก็มีความสงสัยแฝง

    Last Updated : 2025-03-30
  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 11 ช้าไป

    บทที่ 11 ช้าไปแสงจันทร์ส่องผ่านม่านบังลมในตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท ผู้ที่เพิ่งกลับมาหลังจากปลอมตัวเพื่อออกไปหาจางกุ้ยเฟยในยามดึก ชายหนุ่มถอนหายใจพลางปลดชุดราชองครักษ์ออกและสวมชุดรัชทายาทเช่นเดิม เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะไม้แกะสลักที่ติดกับบานหน้าต่างใต้ต้นไม้ใหญ่ มองดูใบไม้ร่วงหล่นลงมาตามสายลมที่พัดผ่าน ราวกับเป็นสัญญาณแห่งความผันแปรที่เขาไม่อาจควบคุมได้หลี่อวิ๋นคิดถึงคำพูดของเฟยเฟยอีกครั้ง ‘ท่านเองก็ระวังตนด้วย อย่าให้ใครจับได้ว่ามาหาข้าถึงตำหนักในยามดึกดื่นเช่นนี้ จะได้ไม่ต้องลำบากตัวเองเพราะข้าอีก ลำพังข้าเคยชินเสียแล้ว’ คำเตือนของนางก้องอยู่ในความคิด ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ เขารู้สึกยินดีที่หญิงสาวเป็นห่วง แม้ในใจลึก ๆ จะรู้ดีว่าความสัมพันธ์นี้เต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่ทุกครั้งที่ได้พบกับเฟยเฟย เขากลับรู้สึกเหมือนความรู้สึกที่เคยแสนอ้างว้างกลับมีสีสันขึ้นมาอีกครั้งมือแกร่งเอื้อมไปหยิบสุราในไหเล็กขึ้นมาเทใส่จอก ก่อนจะยกดื่มช้า ๆ เขาปล่อยให้รสขมและร้อนแผ่ซ่านไปในลำคอ ขณะเดียวกันปล่อยให้ความคิดความทรงจำในอดีตย้อนกลับคืนมา ภาพของหญิงสาวในวัยเด็กที่พูดคุยวิ่งเล่นกับเขามันบริสุทธิ์และสดใส

    Last Updated : 2025-03-30
  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 12 แผนการใส่ร้าย

    บทที่ 12 แผนการใส่ร้ายขันทีของสนมเจินยอบกายเข้าหาหญิงสาวอย่างนอบน้อม ก่อนจะเอ่ยกระซิบอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ "สนมเจินพ่ะย่ะค่ะ มีข่าวที่อาจจะทำให้พระสนมสนใจทีเดียว มีนางกำนัลหลายคนเริ่มพูดกันว่ามีราชองครักษ์ที่เข้าออกตำหนักของจางกุ้ยเฟยบ่อยนัก ได้ยินมาว่าเขาคนนั้นมีหน้าที่จัดการเรื่องสิ่งของที่ถูกขโมยไปจากตำหนักจางกุ้ยเฟย ทั้งที่เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เขากลับทำให้ข้าราชบริพารในพระราชวังเริ่มหวาดกลัวจนไม่มีใครกล้าเข้าไปกลั่นแกล้งหรือแตะต้องของในตำหนักนั้นอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ"สนมเจินยิ้มบาง ๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน "ราชองครักษ์หนุ่มถึงขั้นออกหน้ารับแทนนางเช่นนั้นหรือ ช่างน่าสนใจจริง ๆ เป็นถึงราชองครักษ์แต่กลับยอมลดตัวลงมาดูแลเรื่องเล็กน้อยของสนมที่ถูกลืมในวังหลัง ดูคล้ายว่าจะเป็นคนรับใช้มากกว่าจะเป็นองค์รักษ์ในวังหลวง แต่ก็น่าชื่นชมจริง ๆ เจ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่ น่าชื่นชมจนควรทำให้คนทั้งวังหลวงได้รู้เรื่องนี้กันให้ทั่ว"ขันทีพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "พ่ะย่ะค่ะ ที่จริงการที่ราชองครักษ์ผู้หนึ่งยอมเสียเกียรติไปทำหน้าที่เช่นนั้น และเขายังดูแลตำหนักจางกุ้ยเฟยอย่างใส่ใจเป็นพิเศษ หลายคนก็เร

    Last Updated : 2025-03-30
  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทนำ

    บทนำเฟยเฟย หญิงสาวที่โตมาในบ้านเด็กกำพร้า เมื่ออายุ 18 จำต้องออกมาใช้ชีวิตด้วยตนเอง เพราะบ้านเด็กกำพร้าต้องรับชีวิตใหม่เข้ามาแทนที่เธอ ที่โตพอจะดูแลตนเองได้แล้ว ยิ่งรู้ว่าโลกภายนอกที่กว้างใหญ่ไม่ได้สวยงามอย่างที่เป็น มีทั้งการกดขี่ข่มเหง กดดัน แก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น การวางอำนาจเพื่อยกตนเองให้สูงขึ้นเฟยเฟยเป็นคนละเอียดอ่อนและเข้าใจความยากลำบากของชีวิตได้ดี ตั้งแต่ออกจากบ้านเด็กกำพร้า เธอทำงานหลายอย่างเพื่อส่งเสียตัวเอง บางครั้งต้องทำงานทั้งเช้าและกลางคืน แต่เธอก็ไม่เคยบ่น เพราะเธอเชื่อว่าทุกความลำบากที่เจอจะทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นด้วยความที่โตขึ้นมาด้วยความขาดแคลน เฟยเฟยรู้จักคุณค่าของสิ่งเล็กน้อย และมักจะเก็บเงินและสิ่งของเล็ก ๆ น้อยๆ ไว้อย่างระมัดระวัง แม้เธอจะไม่มีครอบครัว แต่เธอไม่เคยอิจฉาคนอื่นที่มี เพราะเธอเข้าใจว่าแต่ละคนมีชะตาของตัวเอง การขาดคนหนุนหลังทำให้เธอเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเองและไม่พึ่งพาผู้อื่นง่าย ๆ เธอจึงเป็นคนที่เข้มแข็ง และมักจะทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อความสำเร็จของตัวเองเฟยเฟยเชื่อว่าความอ่อนน้อมถ่อมตนจะช่วยให้เธอได้อยู่ในที่ที่ปลอดภัย ในสังคมที่บางครั้งโหดร้ายและไม

    Last Updated : 2025-03-27

Latest chapter

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 12 แผนการใส่ร้าย

    บทที่ 12 แผนการใส่ร้ายขันทีของสนมเจินยอบกายเข้าหาหญิงสาวอย่างนอบน้อม ก่อนจะเอ่ยกระซิบอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ "สนมเจินพ่ะย่ะค่ะ มีข่าวที่อาจจะทำให้พระสนมสนใจทีเดียว มีนางกำนัลหลายคนเริ่มพูดกันว่ามีราชองครักษ์ที่เข้าออกตำหนักของจางกุ้ยเฟยบ่อยนัก ได้ยินมาว่าเขาคนนั้นมีหน้าที่จัดการเรื่องสิ่งของที่ถูกขโมยไปจากตำหนักจางกุ้ยเฟย ทั้งที่เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เขากลับทำให้ข้าราชบริพารในพระราชวังเริ่มหวาดกลัวจนไม่มีใครกล้าเข้าไปกลั่นแกล้งหรือแตะต้องของในตำหนักนั้นอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ"สนมเจินยิ้มบาง ๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน "ราชองครักษ์หนุ่มถึงขั้นออกหน้ารับแทนนางเช่นนั้นหรือ ช่างน่าสนใจจริง ๆ เป็นถึงราชองครักษ์แต่กลับยอมลดตัวลงมาดูแลเรื่องเล็กน้อยของสนมที่ถูกลืมในวังหลัง ดูคล้ายว่าจะเป็นคนรับใช้มากกว่าจะเป็นองค์รักษ์ในวังหลวง แต่ก็น่าชื่นชมจริง ๆ เจ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่ น่าชื่นชมจนควรทำให้คนทั้งวังหลวงได้รู้เรื่องนี้กันให้ทั่ว"ขันทีพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "พ่ะย่ะค่ะ ที่จริงการที่ราชองครักษ์ผู้หนึ่งยอมเสียเกียรติไปทำหน้าที่เช่นนั้น และเขายังดูแลตำหนักจางกุ้ยเฟยอย่างใส่ใจเป็นพิเศษ หลายคนก็เร

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 11 ช้าไป

    บทที่ 11 ช้าไปแสงจันทร์ส่องผ่านม่านบังลมในตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท ผู้ที่เพิ่งกลับมาหลังจากปลอมตัวเพื่อออกไปหาจางกุ้ยเฟยในยามดึก ชายหนุ่มถอนหายใจพลางปลดชุดราชองครักษ์ออกและสวมชุดรัชทายาทเช่นเดิม เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะไม้แกะสลักที่ติดกับบานหน้าต่างใต้ต้นไม้ใหญ่ มองดูใบไม้ร่วงหล่นลงมาตามสายลมที่พัดผ่าน ราวกับเป็นสัญญาณแห่งความผันแปรที่เขาไม่อาจควบคุมได้หลี่อวิ๋นคิดถึงคำพูดของเฟยเฟยอีกครั้ง ‘ท่านเองก็ระวังตนด้วย อย่าให้ใครจับได้ว่ามาหาข้าถึงตำหนักในยามดึกดื่นเช่นนี้ จะได้ไม่ต้องลำบากตัวเองเพราะข้าอีก ลำพังข้าเคยชินเสียแล้ว’ คำเตือนของนางก้องอยู่ในความคิด ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ เขารู้สึกยินดีที่หญิงสาวเป็นห่วง แม้ในใจลึก ๆ จะรู้ดีว่าความสัมพันธ์นี้เต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่ทุกครั้งที่ได้พบกับเฟยเฟย เขากลับรู้สึกเหมือนความรู้สึกที่เคยแสนอ้างว้างกลับมีสีสันขึ้นมาอีกครั้งมือแกร่งเอื้อมไปหยิบสุราในไหเล็กขึ้นมาเทใส่จอก ก่อนจะยกดื่มช้า ๆ เขาปล่อยให้รสขมและร้อนแผ่ซ่านไปในลำคอ ขณะเดียวกันปล่อยให้ความคิดความทรงจำในอดีตย้อนกลับคืนมา ภาพของหญิงสาวในวัยเด็กที่พูดคุยวิ่งเล่นกับเขามันบริสุทธิ์และสดใส

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 10 นางเปลี่ยนไป

    บทที่ 10 นางเปลี่ยนไปค่ำคืนที่เงียบสงบ เหล่าข้าราชบริพารต่างทำหน้าที่ของตน นางกำนัลและขันทีไม่ได้เดินกันขวักไขว่เท่ากับตอนกลางวัน จึงทำให้หลี่อวิ๋นที่อยู่ในชุดราชองครักษ์เดินไปมาได้อย่างสบายใจและไม่มีใครสังเกตและสงสัยตัวเขาแน่นอนว่าหลี่อวิ๋นรู้ว่าราชองครักษ์ตัวจริงจะเดินมาถึงตรงนี้เมื่อไร ในเมื่อตารางการตรวจตราอยู่ในมือจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะใช้ช่วงเหล่านั้นแอบเข้าไปในตำหนักจางกุ้ยเฟยชายหนุ่มแอบเดินเข้าไปข้างในตำหนักที่ค่อนข้างเงียบกว่าตำหนักอื่น ชายหนุ่มคอยสังเกตความเคลื่อนไหวรอบข้างให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดติดตาม หลี่อวิ๋นขยับตัวเข้าไปใกล้เฟยเฟยที่นั่งอยู่ในสวนริมน้ำของตนอย่างแผ่วเบา รอบกายของนางไม่มีแม้แต่นางกำนัลหรือขันที ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนที่จูหลิงและขันทีน้อยจะประกบติดนายหญิงของตนเสมอเมื่อมั่นใจว่าที่ตรงนี้มีเพียงแค่เขากับหญิงสาวอยู่กันตามลำพัง หมวกราชองครักษ์ก็ถูกถอดออกเพื่อให้เห็นใบหน้าของคนด้านในชัดเจนขึ้น"มาอีกแล้วหรือ มีธุระอันใดจึงมาหาข้าถึงตำหนักเช่นนี้เล่า"หลี่อวิ๋นยิ้มและก้าวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น เฟยเฟยเงยหน้าขึ้นสบตาเขาแม้แววตาของนางจะสงบนิ่งแต่ก็มีความสงสัยแฝง

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 9 สงบสุขที่ไม่ได้แปลว่าสงบสุข

    บทที่ 9 สงบสุขที่ไม่ได้แปลว่าสงบสุขข่าวการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่สนข่าวลือของจางกุ้ยเฟยเริ่มกระจายไปทั่ววังหลวง และมันทำให้สนมเจินไม่พอใจอย่างมาก นางเก็บความโกรธไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นว่าผู้คนเริ่มหันมามองกุ้ยเฟยในแง่ดีซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่สนมเจินต้องการทั้งที่เคยคิดว่าจางกุ้ยเฟยคงจะเป็นหญิงสาวอ่อนแอและอยู่ได้ไม่นานนักในวังหลัง ดูเหมือนตอนนี้ที่เคยคิดเอาไว้จะผิดไปเสียทั้งหมด “ถ้าแค่นี้ทนได้ก็ทนต่อไปอีกหน่อยก็แล้วกัน” เช้าวันถัดมาขณะที่เฟยเฟยกำลังนั่งอยู่ในสวน สนมเจินก็เข้ามาหาโดยมีนางกำนัลคนสนิทและขันทีเดินตามเข้ามาติด ๆ หญิงสาวกรีดยิ้มอย่างน่ากลัวก่อนจะเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตรแต่แฝงไปด้วยคำพูดจาเหน็บแนม"ตำหนักของจางกุ้ยเฟยช่างเงียบเหงาเสียจริง ๆ นะ นางกำนัลและขันทีหายไปไหนกันหมดหรือ นี่พระสนมคงไม่ต้องกวาดถูตำหนักเองกระมัง” สนมเจินเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่แฝงความเยาะเย้ยแต่เฟยเฟยที่ได้ฟังกลับยิ้มเรียบๆ "ตำหนักของข้าเงียบก็จริง แต่ก็สงบใจดีไม่วุ่นวายเท่านั้น อ้อ แต่ก็เพิ่งวุ่นวายเมื่อครู่ เสียงคล้ายนกร้องบาดแก้วหู ดูเหมือนจะเป็นตอนที่พระสนมเข้ามากระมัง" แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครแต่ปากคอแบ

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 8 รักแต่เอื้อมไม่ถึง

    บทที่ 8 รักแต่เอื้อมไม่ถึงตั้งแต่วันที่หลี่อวิ๋นได้พบกับจางกุ้ยเฟยอีกครั้ง เขาก็เริ่มแอบมาหานางที่ตำหนักกุ้ยเฟยอยู่บ่อย ๆ ด้วยการปลอมตัวเป็นราชองครักษ์ เพื่อไม่ให้เป็นที่จับตามองจากทุกคนถึงอีกฝ่ายจะมองเขาเป็นเพียงแค่คนรู้จักหรือจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แต่ในใจของเขาหญิงสาวก็ยังเป็นคนที่เขาต้องการมาเป็นชายา หากวันนั้นเขากลับมาจากชายแดนทัน เสด็จพ่อก็คงจะไม่รับนางเข้าวัง แต่ในเมื่อรับเข้ามาแล้ว เขาจึงทำได้เพียงแค่แอบมองเท่านี้แม้จะรักอีกฝ่ายมากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่คิดที่จะแย่งของของบิดาตน แต่ไม่นึกว่าเพียงแค่มอง พบหรือพูดคุยบ้างก็ทำให้อีกฝ่ายต้องลำบากเสียแล้วที่จริงก็ผิดที่เขาตั้งแต่ต้น เขาแค่ยึดติดกับคำพูดที่เคยเอ่ยเล่น ๆ ยามเป็นเด็ก ที่บอกจะรับอีกฝ่ายเป็นชายา และตอนที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพระสนมก็ตั้งใจจะตัดใจแล้วแท้ ๆ แต่เมื่อวันก่อนตอนที่ได้เจอ ใจของเขากลับดังจนแทบจะทะลุอกออกมา หากตอนนี้เสด็จพ่อถามเขาอีกครั้งว่ารักนางหรือไม่ เขาคงตอบได้เต็มปากกว่าครั้งก่อนทางด้านกุ้ยเฟย แม้จะไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับองค์ชายหลี่อวิ๋น ถึงจะรู้สึกคุ้นเคยแต่ก็เท่านั้น นางคิดว่านี่คงเป็นเพราะร่างกายเจ้าของเด

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 7 ข่าวลือ

    บทที่ 7 ข่าวลือ“พระสนมเพคะ เพราะวันนั้นที่พระสนมเจอกับองค์ชายทำให้เกิดข่าวลือ ลือกันไปทั่วทั้งพระราชวังชั้นนอกและชั้นในแล้วนะเพคะ” จูหลิงสาวใช้คนสนิทเอ่ยพลางมองจางกุ้ยเฟยด้วยสีหน้าเป็นห่วง เพราะครั้งก่อนที่เป็นเช่นนี้นายหญิงของนางเก็บตัวอยู่แต่ในห้องนอนไม่กินไม่นอนจนเป็นไข้ไปหลายวัน แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป“ข้ารู้ดี” เฟยเฟยตอบอย่างเรียบเฉย “แต่ข้าไม่มีเวลาจะไปสนใจเรื่องพวกนั้นหรอก เรื่องที่ควรสนใจคือราชองครักษ์คนนั้นเอาของคืนกลับมาให้พวกเราได้หมดหรือยังต่างหาก” จูหลิงถึงกลับถอนหายใจ “ก็มีบ้างที่ถูกทำลายไปจึงเอากลับมาไม่ได้ แต่ตามที่ข้าเขียนไปเขาก็ช่วยตามกลับมาให้จนเกือบครบแล้วเพคะ”“ดี ดีมาก อะไรแตกหักไปแล้วก็ช่าง แต่อะไรที่เป็นสิทธิของเราต้องไม่ให้ใครเอาไปรู้ไหม” กุ้ยเฟยพูดก่อนจะหันกลับไปจัดตำหนักของตนเองตามปกติ หญิงสาวเลือกของใช้ต่าง ๆ ที่สามารถหามาได้เพื่อปรับปรุงให้ห้องของนางสะดวกสบายและสวยงามมากยิ่งขึ้นในแบบที่นางชอบ นางสั่งให้สาวใช้ช่วยหาผ้าไหมเนื้อดีมาตกแต่งประตูและหน้าต่าง จัดดอกไม้สดใหม่ไว้ตามมุมห้อง และจัดเตรียมชุดน้ำชาชั้นดีไว้รับแขกยามจำเป็น ซึ่งก็แทบจะไม่มีแขกกุ้ยเฟย

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 6 การเปลี่ยนแปลง

    บทที่ 6 การเปลี่ยนแปลงหลังจากรู้สถานะที่ชัดเจนของตัวเองจากบันทึกของเจ้าของร่างแล้ว แทนที่เฟยเฟยจะเครียด นางกลับใช้ชีวิตอย่างมีความสุขขึ้นกว่าเก่า หญิงสาวออกไปเดินเล่นในสวนอย่างผ่อนคลาย ไม่ได้ระแวดระวังเหมือนก่อนหน้า ดอกไม้หลากสีสันที่บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกมา ทำให้เฟยเฟยรู้สึกสบายใจแม้จะยังรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่บ้าง เพราะข้างกายนางนอกจากจูหลิงและขันทีน้อยก็ไม่มีใครกล้าขยับเข้ามาใกล้ ถึงมาก็เหมือนต้องการจะหาเรื่องหรือกลั่นแกล้งนางมากกว่า แต่พอเห็นว่านางสู้กลับที่เหลือก็ดูจะถอยออกไป ยกเว้นเพียงแต่...“คนผู้นั้นคือใครกัน” เฟยเฟยถามจูหลิงที่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเอ่ยถึงอีกฝ่าย และดึงนายหญิงของตัวเองอย่างกุ้ยเฟยให้กลับที่พัก“ทำไมล่ะ” จูงหลิงส่ายหน้า นางจำได้ดีว่าชายคนที่พระสนมถามถึงคือใคร แต่ช่วงนี้อาการเศร้าซึมของพระสนมหายไปแล้ว แม้จะแทนที่ด้วยอาการหลง ๆ ลืม ๆ แต่ก็ดูมีความสุขในชีวิตแต่ละวัน นางไม่อยากให้นายหญิงของตนกลับไปเป็นคนอมทุกข์อีก“ท่านผู้นั้นพระสนมไม่ควรพบเพคะ” จูหลิงตัดสินใจเอ่ยออกไป กุ้ยเฟยได้ยินก็ทำหน้าสงสัยก่อนหน้านี้นางรู้สึกสะดุดตากับร่างสูงของชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใต

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 5 สวมบทกุ้ยเฟยจะไปยากอะไร

    บทที่ 5 สวมบทกุ้ยเฟยจะไปยากอะไรเฟยเฟยนั่งคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่เธอตื่นขึ้นมาในร่างใหม่ แม้จะชอบกับชีวิตใหม่แต่ก็ยังมีความรู้สึกสับสนอยู่บ้างกับการเป็นพระสนมเอกในบริษัทว่ามีการต่อสู้ขัดแข้งขัดขาแล้ว ในพระราชวังนี่กลับเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดียิ่งกว่าและเมื่อดูจากการกลั่นแกล้งเล็กน้อยที่เธอได้รับอยู่เรื่อย ๆ มันก็ทำให้เฟยเฟยรู้ว่าเส้นทางนี้ไม่น่าจะง่าย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดจะยอมแพ้หรอก อย่างน้อยอยู่ที่นี่ก็แค่กิน ๆ นอน ๆ และหาทางเอาตัวรอดไปวัน ๆ ก็เท่านั้น ไม่ต้องปากกัดตีนถีบทำงานหัวฟูแต่ไม่รู้ว่าผลตอบแทนจะคุ้มไหมเพียงแต่สิ่งที่เธอยังสงสัยคือเพราะอะไรเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่ แทนที่หญิงสาวที่รูปร่างบอบบางคนนี้ “แต่อย่างไรก็มาแล้ว... ต่อให้เป็นใครก็มาเถอะ นี่ใคร เฟยเฟยนะ จะไม่ยอมให้ใครมากดขี่ข่มแห่งได้อีกแน่ ๆ” หญิงสาวพูดกับตัวเองเบา ๆ พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาเป็นสัญญาณราวกับตอบรับคำที่เธอพูดและถึงแม้สถานการณ์ของจางกุ้ยเฟยอย่างเธอจะไม่ดีนักในตอนนี้ แต่เธอก็ยังมีความหวังว่าเธอจะทำให้มันดีขึ้นได้เพราะตอนนี้สิ่งที่เฟยเฟยมีมากที่สุดคือเวลา หญิง

  • ตำหนักเย็นก็แค่สนามเด็กเล่น   บทที่ 4 ตำหนักเย็น

    บทที่ 4 ตำหนักเย็นเฟยเฟยนั่งอยู่ในศาลาเล็กภายในสวนตำหนักของเจ้าของร่างเดิม แสงแดดยามเช้าอาบผ่านใบไม้ที่ปลิดปลิวลงมาจากต้นไม้ใหญ่ สายตาคมของหญิงสาวมองไปที่ศาลาอีกหลัง ที่ยังคงมีร่องรอยเผาไหม้อยู่ไกล ๆ บรรยากาศที่นี่ดูสงบแต่ใจของเธอกลับไม่สงบตามไปด้วย ชีวิตใหม่ในร่างของกุ้ยเฟยไม่ใช่สิ่งที่เธอเคยคาดคิดไว้ เธอคิดว่าจะได้ไปเมาให้หายเครียดก่อนจะหางานใหม่ต่างหากการเป็นพระสนมเอกดูเหมือนจะนำมาซึ่งอำนาจและความสุขสบาย แต่ในความเป็นจริง ชีวิตของเธอกลับเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวและความกดดัน“นี่มันไม่ใช่สิ่งที่คิดไว้เลย...จะโดนฆ่าเมื่อไรก็ไม่รู้” เธอพึมพำกับตัวเอง สายตามองไปยังสวนที่เงียบเหงา สถานที่ที่ควรจะเต็มไปด้วยคนรับใช้และของประดับหรูหรา กลับเหลือเพียงความว่างเปล่าเฟยเฟยพยายามปรับตัวกับชีวิตในตำหนักที่ถูกลดความสำคัญจนแทบไม่มีใครเหลียวแล เหลือเพียงแค่สาวใช้เพียงคนเดียวและขันทีชั้นผู้น้อยที่คอยดูแลเธอ แม้ทั้งสองจะซื่อสัตย์และนอบน้อม แต่ความเป็นอยู่ของเธอก็เรียกว่ายังต่ำกว่าที่ควรจะเป็นในฐานะกุ้ยเฟย “พระสนมเพคะ วันนี้ของที่นำมาจากคลังหลวงถูกยึดไปอีกแล้วเพคะ” สาวใช้รายงานด้วยเสียงอันเศร้าสร้อย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status