"ไม่รู้แหละฉันทำไปแล้ว..ไม่มีทางเลือกด้วย" "เรื่องบ้าอะไรว่ะ!!!" "ฉะนั้น..รีบบอกพวกเขาไปสิว่าเรามีอะไรกันแล้ว" "เหอะ!!!!"
Lihat lebih banyak@ แคมป์พยาบาล ระหว่างรอนายแพทย์หนุ่มจัดการแผลโดนยิงด้วยตัวเอง โดยให้เตโชเข้าช่วยด้านในได้เท่านั้น ร่างอรชรนั่งรอกับพี่ชายอยู่เบื้องหน้าห้อง จิกกุมเสื้อโค้ทแน่นหลังผ่านเรื่องร้ายๆ"ยัยโม...เป็นยังไงบ้างแก" เบลล์รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดเพื่อนสาว พอทราบข่าวว่าโมอากลับมาอย่างปลอดภัยแม้ว่าเดโม่ไม่ยอมบอกอะไรให้เธอรู้เลย"ไม่เป็นอะไรแล้ว..นี่คือพี่ชายเราเอง" ถึงเวลาที่เธอต้องยอมบอกความจริงแก่เพื่อนรัก เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายสามารถเก็บความลับได้ เผื่อมีเหตุคราวจำเป็นเบลล์จะได้ระวังตัวไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้มาร์แชลล์นั่งนิ่งตีหน้าตาย เบื่อนหันหนีมองทางป่าทึบ เขาไม่ได้อยากรู้จักใครอีกแล้ว แค่ติดตามน้องสาวมาเพื่อรับกลับบ้านเท่านั้น"สวัสดีค่ะ แต่แกต้องเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมดนะ" คนบอกพนมมือไหว้เคารพถึงอีกฝ่ายไม่สนใจจะรับก็ตาม ก่อนดึงแขนเพื่อนสาวเพราะอยากรู้ความจริง นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อก็ได้ จู่จู่มีองค์หญิงแฝงตัวจนสนิทกัน"พูดไม่เพราะ!" มาร์แชลล์ปรามน้ำเสียงเข้ม แม้จะยังโกรธน้องสาวแต่ก็ต้องนึกถึงเกียรติของเธออันดับแรก"เอ่อ....""เดี๋ยวโมมานะคะ" เธอรีบดึงข้อมือเพื่อนสาวหนีจากพี่ชายใจร้าย หลังเขาเล่า
"พี่มาร์..." น้ำเสียงหวานร้องอย่างหมดหวัง ถูกพี่ชายดึงเรียวแขนห้ามไว้ไม่ให้เข้าช่วยเหลือ ทั้งเพื่อนทั้งสามีบอบช้ำน่าถึงจุดสิ้นสุดสักที ทว่าต่างคนต่างไม่ยอมกันเลย ร่างอรชรสะอื้นจนตัวโยน มองดูสองคนเบื้องหน้าใช้ความรุนแรง ไม่คิดว่าพี่ชายจะมีด้านมืดในจิตใจ เห็นอาการทรมานคือเรื่องชินชา"คุณ!!!" คนตัวเล็กยิ่งร้องตกใจ เมื่อซิลค์พลาดท่าโดนหมัดกระแทกใส่โครงหน้า ทั้งเตโชกับลูกน้องนับสิบเตรียมเข้าช่วย แต่เจ้านายดันยกมือห้ามเพราะคิดว่าเป็นศึกลูกผู้ชาย"มึงต้องตาย!" อองตวนแทบจะทรุดอยู่ตรงสังเวียนนั้น ยังส่งเสียงไม่มียอมแพ้ให้อีกฝ่าย ในเมื่อเขาไม่ได้หญิงสาวเคียงคู่คนอื่นก็ไม่ควรสุขสมหวัง"หึ..." ร่างกำยำกระตุกเม็ดกระดุมตรงแผงอกกว้าง ให้เปิดคล่องตัวโชยไอร้อนจากภายใน เขาไม่ได้รู้สึกว่าอองตวนสมควรเป็นผู้ต่อสู้สักนิดเดียว แต่ถึงอย่างไรนั้นถ้าเรื่องนี้ไม่จบโมอาต้องลำบากแน่"พี่มาร์....โมขอร้องนะ" น้องสาวเร่งกระตุกข้อมือผู้เป็นพี่ซ้ำๆ มันปวดใจเหลือเกินที่ตัวเองทำได้แค่ยืนดู ในระหว่างนั้นชายสองคนเตรียมตั้งท่าต่อสู้ใหม่ตุ๊บ!!! ผลั๊วะ!!!!"คุณ!!อองตวน!!!" ร่างอรชรรวบรวมแรงครั้งสุดท้าย สะบัดพันธการพี่ชายทิ
อีกด้านนึง"ผมว่าต้องเป็นสัญญาลักษณ์ที่คุณโมทิ้งไว้แน่เลยครับ" เดโม่ออกความคิดเห็น เขาหยิบดินสอทุกแท่งที่ล่วงอยู่กลางป่า ไม่น่าใช่ความบังเอิญในสถานการณ์ตอนนี้ เมื่อทุกคนต่างแยกย้ายช่วยกันตามหาโมอาในป่าทึบ แม้เตโชคุ้นชินสถานที่นี้ดีเท่าไหร่ แต่ใช่ว่าจะสามารถหาได้ง่ายดาย เพราะเส้นทางคดเคี้ยวเต็มไปด้วยกิ่งไม้มีต้นหญ้าขึ้นสูง อาจเป็นที่หลบพลางของสัตว์ร้าย"แต่มันสิ้นสุดตรงนี้นะเว้ย แล้วคุณโมจะหายไปได้ไง?" เตโชพูดขึ้น ถ้าค้นหาตามสัญลักษณ์ที่ทิ้งไว้เมื่อหยิบชิ้นสุดท้ายได้ ก็ควรเจอเธอได้แล้ว ท้องยามค้ำคืนมืดมิดจนไม่เห็นดาว พวกเขาต้องหรี่ไฟฉายเกรงศัตรูสังเกตุเจอ"ตามมา" ซิลค์เอ่ยบอก เมื่อเขาคิดอะไรได้ สองขายาวดุจนายแบบเร่งก้าวไปตรงข้างริมลำธาร ซึ่งช่วงนี้เป็นปลายทางสายน้ำคาดว่าอีกไม่กี่ก้าวก็เจอถนนหลัก แต่พวกคนนิรนามอาจหลบซ่อนในแถบนี้ก่อน กันสายสืบของเขาจับได้"......" แล้วทุกอย่างก็เป็นดั่งที่มาเฟียหนุ่มคาดคิด แสงไฟสลัวตรงเชิงเขาดูมีพิรุธ ทันใดนั้นยันต์ตาคมกริบเล็งเห็นร่างบอบบาง ถูกมัดใส่ต้นไม้ใหญ่สภาพสะบักสะบอม สองฝ่ามือหนากำแน่นจนเส้นเลือดปูด อารมณ์เดือดดาลทำงานหนักริอาจทรมานภรรยาสาว"เอ
_ เวลาค่ำ"เมื่อไหร่เราจะถึงบ้านข้าวนึ่งคะ" โมอาเอ่ยถาม จากความรู้สึกเป็นห่วงเด็กชาย เริ่มเปลี่ยนเป็นสงสัยขึ้นทันที แถมโยนแท่งดินสอในมือจนหมดแล้วยังไม่ถึงที่หมายเลย ท้องฟ้าในป่ามืดครึ้มไว ไฟฉายสักกระบอกก็ไม่มี"โมคิดว่าพี่จะพามาหาเด็กนั่นจริงเหรอ" จู่จู่น้ำเสียงสุภาพเปลี่ยนจากเมื่อกี้ ร่างสูงเอี้ยวตัวมองคนด้านหลังยามถึงจุดนัดพบกับเจ้านายเขาเอง อิฐล้วงเอาไฟฉายส่องกดแสงกระพริบส่งสัญญาณให้คนซุ่มอยู่รีบออกมาต้อนรับ"จะทำอะไร??" ร่างอรชรหันซ้ายขวาดวงใจน้อยแทบช่วงหล่น มีชายนิรนามจำนวนมากเดินวนรอบตัวเธอ แต่สัญญาลักษณ์บางอย่างทำให้นึกถึงคนเคยสนิทขึ้นมา"จริงๆถ้าวันนั้นโมไม่ปฏิเสธพี่ พี่คงไม่พาเรามาส่งให้คนอื่นหรอก""มาส่ง??ส่งอะไร??" แม้เกิดความกลัวแต่นิสัยกล้าหาญกลับส่งเสียงตะเบ่งกลับ ทำกำปั้นเล็กชูขึ้นขู่ทั้งสองข้าง ร่างอรชรยังค่อยๆหมุนคอยระวังรอบตัว เกรงว่าคนร้ายจะใช้ช่วงทีเผลอประชิดกาย"เราไงโมอา ลืมเพื่อนรักคนนี้ไปแล้วหรือยัง?" อองตวนปรากฏตัวขึ้น ดึงสายตากลมหันมอง ใบหน้าหล่อเหลือร้ายจนหญิงสาวเกิดความรู้สึกต่อต้านอย่างไม่เคยเป็น ชายนิรนามคนอื่นยอมหยุดฝีเท้า ถอยหลังเล็กน้อยให้เจ้านายยืนเ
"พี่ลืมบอกโมไปว่า น้องนักเรียนที่ชื่อว่าข้าวนึ่งอะ ช่วงนี้เค้าป่วยนะ" หมอหนุ่มทำท่าทีล่ะล่ำละลักบอก เกรงคนฟังอาจไม่เชื่อหรือเกิดความรู้สึกสงสารจนเกินเหตุ ทั้งที่เลือกบอกยามเหลือกันสองคนตรงด้านหน้าห้อง ปล่อยให้เบลล์ไปตามเก็บสมุดเรียนไว้ที่โต๊ะข้างในก่อน"พี่อิฐรู้ได้ไงคะ แค่เขาพึ่งขาดเรียนวันเดียวเองนะ" ตอนแรกเธอไม่ได้สงสัยหรอก หากรุ่นพี่หนุ่มไม่บอก ช่างบังเอิญตรงกับเด็กชายไม่มาเรียนวันนี้พอดี ใจดวงน้อยเต้นตุ่มๆ พึ่งเริ่มสอนครั้งแรกดันเกิดเรื่องแล้ว ร่างอรชรมือไม้สั่นระริก แทบตัวอ่อนแรงครุ่นคิดถึงใบหน้าเด็กชายขึ้นมา"พี่พึ่งตรวจเขากับพ่อเมื่อเช้านี้อะ คงจะป่วยเยอะ" อิฐบอกผ่านใบหน้าจริงจัง พลางเหลือบมองหญิงสาวในห้องเรียน ช่วงเวลาบ่ายคล้อยผู้คนแถวนี้สงบเงียบ ต่างแยกย้ายกลับเข้าบ้าน"แล้วบ้านข้าวนึ่งอยู่ไกลไหมคะ โมควรจะแวะไปดูเขาสักหน่อย" แถวนี้คงไม่ต้องนึกถึงรถ หากเด็กชายเดินมาเรียนได้ เธอเป็นครูก็ต้องไปหาได้เช่นกัน เกิดความรู้สึกวิตกนึกถึงใบหน้านักเรียน ชายแสนเก่ง"จากประวัติที่พี่ซักเมื่อเช้า เห็นบอกว่าอยู่แถวเชิงเขา เราไปตอนนี้ก็ทันนะ" เขารีบแนะนำยังไงก็คงกลับมาทันก่อนช่วงค่ำ ต่อให้
"คุณหนวดมันจิ้ม!!" คนตัวเล็กร้องบอก พร้อมฝ่ามือว่องไวตีเข้าต้นแขนใหญ่ทันที ผิวหน้าแสนบอบบางถูกปลายหนวดจิ้มไม่ต่างจากโดนเข็มแทง กระตุ้นความรู้สึกเจ็บจี๊ดตอบสนอง"กล้าตีฉันเลยเหรอ?" หัวคิ้วหนาเลิกขึ้นสูง อะไรดลจิตดลใจให้เหยื่อตัวน้อยไม่กลัวราชสีห์ จากอารมณ์ดีๆใบหน้าหล่อเหลาอึมครึมเหมือนเดิม เหลือบคนทำเขาเจ็บมีสีหน้าสลดลง หากเป็นเมื่อก่อนคงจัดการเหลือไว้แค่ชื่อแล้ว"คุณอย่าเงียบสิ"".........""หนูขอโทษ..." แล้วที่น่าตกใจกว่าคืออารมณ์ของโมอา เพียงนาทีเดียใสับเปลี่ยนได้หลายบทบาท ดวงตากลมกระพริบวิงวอน ใช้แก้มเนียนถูหลังมือหนาอ้อน"......." หัวใจแกร่งเต้นสะเทือน ยามสบตากลมคู่นั้นมีความหมายสื่อมา ชายหนุ่มมาดแมนย่อมอ่านเข้าใจ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่โมอารู้ กลิ่นน้ำหอมบนกายสาวหอมละมุน เปลี่ยนบรรยากาศสบายใจแทนนาทีกดดันก่อนหน้านี้"โกรธกันหรอคะ แต่หนูโกรธอยู่นะอย่าลืมสิ" นิ้วชี้ยาวสวยยกจิ้มแก้มสากสองสามที ก่อนเปลี่ยนมาปิดปากเรียวหาววอด ทุกการกระทำอยู่ในสายตาคมทั้งหมด"แล้ว""ก็ถือว่าเป็นโมฆะวินวินทั้งคู่ไงคะ""อืม..นอนพักเถอะ" น้ำเสียงเข้มบอก เขาใช้ความอบอุ่นของฝ่ามือหนาลูบผมสลวยกล่อม เพราะฤท
"ฉันรีบ" น้ำเสียงเข้มราบเรียบรอบ คนตัวสูงสวมทบบาทแพทย์ชั่วคราว ถือเข็มฉีดยาเตรียมจิ้มใส่สะโพกมน ใช้นัยน์ตาคมบังคับให้หญิงสาวถลกกางเกงลง เผยบั้นท้ายขาวโพลนน่าขย้ำ"คุณเบามือนิดนึงนะ พอดีเมื่อกี้ล้มแรงไปหน่อย" หญิงสาวหลับตาปี๋ กักเก็บอาการกลัวจนลืมตัวดึงแขนเสื้อเชิ้ตแพทย์หนุ่มจิกไว้แน่น ท่าทางเหมือนกำลังต่อสู้ความเจ็บ แต่กลัวอีกฝ่ายหัวเราะเยาะแสร้งอดทน"....." ฝ่ามือหนาล็อคท้ายทอยเล็กซุกใส่แผงอกกว้าง รับรู้แรงหายใจของคนตัวเล็กได้ดี ช่างน่าขำที่เธอแสร้งชินชาทว่าแสดงอาการออกชัดเจน"อึก!" โมอากัดฟันแน่น ยามปลายแหลมเข็มจิ้มใส่เนื้อบาง เจ็บแปลบแทบมีน้ำตาเอ่อ ซุกใส่แผงกว้างซ้ำกว่าเดิมสูดดมกลิ่นกายชายหอมสดชื่น ลืมกระทั่งความเจ็บหลังฉีดยาเมื่อกี้"กลับไหวไหมล่ะ" ซิลค์ถามกลับ พร้อมเอื้อมหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์ปิดรอยเลือดซิบ ยิ่งทำร่างอรชรเกร็งเจ็บเท่าตัว โอบกอดแผ่นหลังกว้างราวเหลือสิ่งเดียวยึดเหนี่ยว"คุณ!!หนูเจ็บนะ" โมอายอมปล่อยอ้อมแขนออก เหมือนเสี้ยวนาทีนึงเห็นรอยยิ้มบนปากหยัก พอจะเงยหน้าขึ้นมองระยะใกล้ ร่างกำยำกลับหมุนหันหลังหนี"ทีหลังก็อย่าซน""แล้วคืนนี้คุณจะรอหนูอีกไหม" ร่างอรชรรีบดึงกางเกงข
เวลาต่อมา_"เป็นไงการสอนวันแรกของเรา" ร่างอรชรรุดทิ้งกายหมดเรี่ยวแรงกับเพื่อนรัก นั่งบนเสื่อผืนเก่าแทนที่นักเรียนตัวน้อย หลังเปิดสอนผ่านไปเกือบสามชั่วโมง เรียกว่าพวกเธอจัดเต็มทุกวิชาฝ่ามือเรียวล้วงหยิบผ้าเช็ดสีหวานส่งให้เบลล์ แม้แดดยามเย็นไม่ส่องเท่าไหร่หนัก แต่คนเคยอยู่ให้ห้องแอร์อุณหภูมิเย็นตลอด ย่อมได้รับผลกระทบต่อผิวบ้าง"เหนื่อยแต่สนุก" เบลล์ยิ้มอ่อน รีบคืนผ้าเช็ดหน้าแก่เพื่อนรัก เพราะใบหน้าสวยมีเหงื่อผุดเต็มขมับ อาการ ไม่ต่างไปกว่ากัน พอเห็นข้าวนึ่งหัวหน้าห้องเรียนรวบรวมถือสมุดทุกคนมาส่ง เธอรีบตบมือชื่นชมก่อนรับของจากเด็กชาย"วันนี้สนุกสุดๆเลยครับ แต่ผมไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลย" เด็กชายรีบนั่งลงข้างคุณครูอาสา เปิดสมุดของตัวเองกางโชว์ให้ดู ลายมือขยึกขยักเป็นตัวชี้บอก เขาไม่เข้าใจวิธีการเขียนเริ่มจุดไหนก่อน"เราเก่งมากนะ แค่ไม่ถนัดเรื่องลายละเอียดใช่ไหมล่ะ" โมอารีบชะโงกดูตาม ถือว่าเขาเป็นนักเรียนภายใต้การสั่งสอน ย่อมควรช่วยเหลือให้เด็กชายเข้าใจถูกวิธี"ครับ""เอางี้นะข้าวนึ่ง ช่วงที่คุณครูมาสอนเราแวะมาได้ตลอดเลยนะ ต้องใช้โอกาสนี้เก็บเกี่ยวความรู้ให้มากๆเชียว" เบลล์บอก พลางจับมือนักเ
@ เช้าวันต่อมา"เมื่อคืนแกกลับมาตอนไหน ฉันจำได้ว่ารอเป็นชั่วโมงเลย" หลังจากทั้งสองเสร็จภารกิจส่วนตัวรีบออกมาพบชาวบ้านเตรียมการสอนให้เด็กๆ ซึ่งทุกคนร่วมมือกันอย่างดี เบลล์ใช้ช่วงตอนนั่งพักใต้ต้นไม้ถาม ราวว่าค้างคาอยู่ในหัวสมอง"พอดีเจอคนรู้จักหน่ะเลยคุยเพลินไปหน่อย" คนรู้จักที่ว่าก็คือสามีในนานนั่นแหละ ย้อนนึกถึงช่วงเมื่อคืนเขาไม่ได้ตอบคำถามที่เธออยากรู้เลย ปล่อยเป็นความเงียบตามบรรยากาศ พาลแสงดาวส่องมองจนเพลิน กระทั่งถึงกลางดึกเลยรีบกลับพักผ่อน~ความหวั่นไหวในใจดวงน้อย คงไม่มีความหมายถ้าเกิดเพียงฝั่งเดียว~"เจอคนรู้จักที่นี่อะนะแก?" คนบอกถึงกับตกตะลึง โลกช่างกลมยิ่งกว่าพรมลิขิตอีก เธอมากันแค่สองคนครั้งแรกด้วยซ้ำ อีกฝ่ายจะรู้ใครเยอะแยะขนาดนั้น"เอ่อ..." โมอาเริ่มเลิกลัก จะหยิบยกเอาใครอ้างต่อดี หากเอาองครักษ์มาอ้าง อาจโดนถามต่อไม่จบสิ้น"อ้าว!น้องโมตัวเป็นๆเลย อาสามาสอนเด็กๆที่นี่ด้วย" แล้วเป็นเสียงของอิฐรุ่นพี่หนุ่ม นักศึกษาแพทย์ชั้นปีสุดท้ายมากับกลุ่มโรงพยาบาล เขาแค่แวะนำยาที่ขาดเหลือส่งให้ชาวบ้าน พอเห็นหน้าคุ้นๆเลยรีบทักทายดู ใบหน้าขาวตี๋แสดงความดีใจเปี่ยมล้ม ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันเรีย
ฉึ่บ!!!สิ้นเสียงของกรรไกรผ่าตัดแยกเนื้อเยื่อจากกัน ด้วยฝีมือซิลค์นายแพทย์หนุ่มดีกรีผู้อำนวยการโรงพยาบาล ใบหน้าคมคายเงยขึ้นทันที เอียงส่งสัญญาณให้หมอผู้ช่วยรับผิดชอบอาการคนไข้ต่อ"ขอบคุณอาจารย์นะคะ" ตามด้วยเสียงของพยาบาลประจำห้องผ่าตัด เอ่ยกล่าวต่อนายแพทย์หนุ่มผู้รับผิดชอบเป็นหัวหน้าทีมครั้งนี้ ซิลค์พยักหน้าตอบรับเล็กน้อย ยืนลำตัวตรงนิ่งความสูงเกินร้อยแปดห้า ทำให้ผู้ช่วยต้องเขย่งปลายเท้าปลดปมผูกชุดผ่าตัดด้านหลัง เพื่อกันเชื้อโรคแปดเปื้อนไปยังพื้นที่นอกเขตควบคุมผับSK"เฮียไม่คิดจะมีเมียบ้างเหรอ" ภาคินลองใจถามซิลค์ รุ่นพี่หนุ่มแสนเย็นชา ใบหน้าเรียบนิ่งไม่ได้เข้ากับบรรยากาศสักนิดเดียว ขณะร่วมโต๊ะดื่มสังสรรค์ ตรงโซนวีไอพีเฉพาะพวกเขาแม้ว่าเสียงดนตรีจะดังครึกครื้นขนาดไหน มีสิ่งยัวยุมากมาย ก็ไม่เคยเห็นเอนไหวสักนิดเดียว"ไม่" ซิลค์ตอบน้ำเสียงเข้ม ถลกแขนเสื้อเชิ้ตขาวขึ้นข้อศอก นั่งเอนหลังพิงพนักโซฟา จับแก้วเหล้าสีอำพันยกดื่ม หลังจบเคสผ่าตัดรักษาสมองเสร็จสิ้น เขาไม่ได้รู้สึกฉาบฉวยมีช่วงเวลาสนุกดั่งมนุษย์คนอื่น ในขณะที่คนรอบตัวล้วนกอบโกยความสุขมากมาย มีครอบครัวสมบูรณ์กันหมดแล้ว"แหม่..ถ...
Komen