@ ห้องพักระดับพรีเมี่ยม
ภายในห้องพักระดับหรูหรา แสงไฟนีออนจ้าสว่าง มีชายร่างกำยำนอนเปือยกายส่วนบนในผ้านวมผืนสีขาวหนา หลับตาสนิทด้วยใบหน้าแสนหล่อเหลา บนเตียงกว้างขนาดใหญ่
ระหว่างนั้นดวงตาของหญิงสาวเพ่งมอง ครุ่นคิดถึงการกระทำผิดชอบชั่วดี แต่ถึงอย่างไรนั้น...คงเป็นเหตุผลเดียวที่สามารถต่อกร เอาตัวรอดจากเรื่องยุ่งเหยิงได้
"คุณ!!!ตื่นได้แล้ว" โมอาตะเบ่งเสียงดัง หลังจัดการเสื้อผ้าของตัวเอง ชนิดขาดรุ่ยหากใครมองคงตกใจ แถมยังป้ายลิปสติกสีบนปากบางลงตามแผงอกกว้าง เธอพยามปลุกคนข้างกายหวังให้ตื่นก่อนใครจะเข้ามา
"หื้ม...เฮ้ย!!!" ทันทีที่ประสาทสัมผัสว่องไวทำงาน ซิลค์รีบลุกชันตัวนั่งพิงหัวเตียง สำรวจทั้งสถานที่และหญิงสาวข้างกาย
นัยน์ตาคมตื่นตนกครั้งแรก ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งสนิท จับจ้องใบหน้าสวยกำลังสับส่ายอย่างมีพิรุจ
"เมื่อคืนเรา...." น้ำเสียงใสกลั้นใจพูด สองมือประสานตรงหน้าตักราวประหม่า เหตุใดต้องไหวสั่นกับเวลาอีกฝ่ายจ้องหน้า ยิ่งกว่าผู้ปกครองจ้องจับผิด
"ไม่มีทาง" น้ำเสียงเข้มตอบกลับอย่างราบเรีียบ จับผ้านวมสะบัดเตรียมลุกตัวหนี ส่วนล่างยังสวมกางเกงสแลคดำแต่หัวเข็มขัดปลดออก เขาพอจำเธอได้เลือนลางเหมือนเคยเจอครั้งก่อน แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร
เขาไม่มีทางใคร่ในกามอารมณ์ง่ายดาย จิตใจแสนเย็นชาไร้การแยแสเพศสตรี ช่างน่าแปลกเหลือเกินระดับมาเฟียหนุ่มดันมาตกม้าตาย พลาดท่าให้กับใครก็ไม่รู้
"คุณ!ฉันไม่มีเวลาแล้ว!" แล้วระดับประสาทว่องไงเจ้าหญิงของเมือง รับรู้แรงฝีเท้าก้าวเดินดูร้อนรนคนจำนวนนึงตรงบริเวณหน้าห้องพัก ฝ่ามือเรียวรีบกระชากท่อนแขนแกร่ง ล้มตัวนอนบนเตียงโดยอยู่ใต้ล่าง
อุ๊บ~~
เธอโน้มลำคอหนาลงประกบปากจูบคนด้านบน แนบเรียวปากบางสัมผัสอีกฝ่าย โดยเขาไม่ได้ตอบโต้แต่กลับนิ่งสนิท ไม่มีลิ้นเกี่ยวพันกัน ก่อนตวัดผ้านวมคลุมสองเรือนร่างราวทำท่ามีเพศสัมพันธ์เรื่องอย่างว่า
แอ๊ด~~~
"โมอา!!!/พี่มาร์!!!!" ยิ่งกว่าตกใจใดใด ผู้เป็นพี่ชายดันผลีผลามเข้ามาพร้อมองค์ครักษ์คนสนิท เปิดประตูห้องกว้างราวตลึงกับภาพที่เห็น
"นาย!!!" ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของบอดี้การ์ดอีกคน นั่นคือเตโชดวงตาเบิกโพลง เขารีบเร่งตามเจ้านายขึ้นมาแล้ว แต่จู่จู่รถยนต์ที่นำไปจอดดันมีปัญหา สัญญาณเตือนเสียงดังตลอดเวลา จึงต้องตามช่างไปแก้ไขก่อน
"โมอา!ตามพี่ไปที่วังเดี๋ยวนี้!!!!" มาร์แชลล์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น รักษาภาพพจน์เจ้าชายไว้น่าเกรงขาม ตวัดสายตาเหลือบมองชายหนุ่มบนเตียงอย่างไม่พอใจ ก่อนเดินนำลิ่วทิ้งคนที่เหลือยืนงง
"วัง??" ซิลค์หันมาเอ่ยถามกับหญิงสาวคนใต้ล่าง พอตั้งสติกับเหตุการณ์ได้ รีบเขยิบออกต่างคนต่างนั่งบนเตียงแทน เตโชไปคว้าเอาเสื้อคลุมสีขาวในตู้เสื้อผ้าส่งให้เจ้านาย ยืนข้างกายราวคนอื่นคือผู้บุกรุก
"องค์หญิงเป็นอะไรไหมครับ" เดโม่ก็เหมือนกันรีบสลัดผ้านวมคลุมให้ร่างอรชรเพื่อรักษาภาพลักษณ์ เขาไม่มีแม้แต่จะเหลือบมองตอนชุดเดรสเผยความวาบหวิว
"ไม่ต้องห่วง เอาเอกสารมาตอนนี้" น้ำเสียงใสถามหาสิ่งสำคัญ ให้องค์รักษ์ล้วนจากด้านในเสื้อสูทข้างหลังออกมา ปรากฏว่าเป็นแฟ้มเอกสาร มีใบทะเบียนสมรสประเทศไทยชัด
"หมายความว่ายังไง" เตโชเอ่ยถามแทนเจ้านาย ถึงทราบยศฐาบรรดาศักดิ์ก็ยังไม่เข้าใจเหตุการณ์นี้อยู่ดี
"รีบเซ็นต์ซะไม่งั้นคุณไม่มีทางออกจากประเทศนี้ได้แน่นอน" โมอาจับแฟ้มเอกสารพร้อมปากกายัดเหยียดใส่มือหนาราวบังคับ ใบหน้าสวยร้อนรนสลับมองเดโม่ เขารู้แผนการนี้ดีแต่ไม่คิดว่าองค์หญิงต้องแปดเปื้อนสัมผัสชายหนุ่มด้วย
"เรื่องบ้าอะไรว่ะ!!" ซิลค์สบถคำพูดอย่างหัวเสีย ร่างสูงลุกยืนขึ้นยกแขนแกร่งเท้าเอวสอบ หันหน้าไปทางหน้าต่างไม่ให้ใครเห็น เขายังนึกไม่ออกเลยว่าพลาดท่าให้คนพวกนี้ได้ยังไง แล้วยิ่งไม่มีทางใหญ่เลยหากต้องมีพันธะด้วยกัน
"หากใครหมิ่นเกียรติขององค์หญิง ไม่ว่าใครก็ไม่อาจไว้ชีวิต" เดโม่จ้องตาบอดี้การ์ดราวเฉือดเฉือน ไม่ได้รู้สึกถูกชะตาแม้แต่นิดเดียว
"นายแพทย์ระดับประเทศแบบคุณคงไม่อยากเดือดร้อนใช่ไหม?"
"เธอรู้?" ยิ่งกว่าตกใจซ้ำซาก อีกฝ่ายเล่นรู้ประวัติของเขาดี ร่างสูงหันกลับมาไล่นัยน์ตาคมสำรวจ คิ้วหนาขมวดเพ่งเรือนร่างอรชร ทั้งผิวพรรณและเครื่องแต่งกายรวมถึงชายคนก่อนหน้า บ่งบอกอะไรแก่เขาได้ดี
"ถ้าช่วยฉันครั้งนี้สำเร็จ ฉันสามารถช่วยคุณอย่างอื่นได้นะ"
...................................
โคร้มม!!!!!เสียงของแก้วสแตนเลสทรงสวยถูกปาใส่พนังกำแพงห้องลับอย่างไม่พอใจ ณ ราชวังเมืองนาเธอร์ลาส ด้วยฝีมือประมุขผู้ยิ่งใหญ่ เพราะธิดาสาวกระทำผิดขั้นรุนแรง ไม่ให้คนรับใช้หรือบอดี้การ์ดย่างกรายเข้าล่วงรู้"ท่านพ่อโปรดใจเย็นก่อน" น้ำเข้มสุขุมของเจ้าชายพยามกักเก็บอารมณ์โมโหเช่นเดียวกัน รีบลุกจากที่นั่งไปยืนเคียงข้างบิดา เอื้อมจับมือผู้เป็นแม่กำลังนั่งถือยาดมราวกับจะวูบสลบเมื่อทราบข่าว โดยทุกคนยังเพ่งเล็งชายหญิงสองคนที่นั่งตรงอีกฝั่งห้อง องค์หญิงคนก่อเรื่องก้มหน้าก้มตาแสร้งรู้สึก แต่ใบหน้าหล่อเหลากลับนิ่งเรียบไม่ได้หวั่นเกรงตามบรรยากาศ ถอนหายใจเบื่อหน่ายดันตกหลุมพลาง เรื่องราวคล้ายในละครน้ำเน่า"โมอา!ทำไมเจ้าถึงไม่รู้ผิดชอบชั่วดี กล้าทำเรื่องเสื่อมเสียเกียรติได้ยังไงกัน!!!" ราชาผู้ยิ่งใหญ่ตะเบ่งเสียงแข็งกร้าว พุ่งคว้าดาบยาวโยนปลอกทิ้ง พาดปลายแหลมสีเงินสะท้อนเงาความคมกริบ ตวัดเฉียดลำคอหนายังนั่งหลังตรงเขาไม่มีแม้แต่จะหลบสายตา นัยน์ตาคมบึ้งลึกยากจะอ่านใจออก"อึก!""ท่านพ่อ!!" โมอารีบเอาตัวเองแทรกอยู่ระหว่างกลางดาบนั้นด้วยตัวเอง หากเขาดันโดนทำร้ายถึงชีวิต เธอคงรู้สึกผิดไปตลอดกาล ฝ่ามือหนา
ประเทศไทย@ บ้านซิลค์"ทำไมต้องเป็นฉัน?" น้ำเสียงเข้มถามขึ้น ทันทีที่เขาพาเธอมายังบ้านหลังส่วนตัว มันไม่ง่ายเลยกับการพาคนแปลกหน้าเข้าอาณาเขตตัวเอง หากไม่มีพันธะสัญญาบ้าบอ ชีวิตอิสระคงเป็นเช่นเดิม ซิลค์ไม่คิดแม้แต่แยแสหญิงสาวด้านข้าง ที่ถือวิสาสะแทนเจ้าของไล่สำรวจบริเวณโซนต่างๆในบ้าน โดยมีเดโม่ติดตามมารับใช้ด้วย พอทราบคร่าวๆว่าเธอยังศึกษา ณ มหาวิทยาลัยแห่งนึง คณะคุรุศาสตร์ที่ไทยช่วงปีสุดท้ายแล้ว"คุณคนเดียวเท่านั้นสามารถต่อกรกับด้านมืดได้" โมอาตอบกลับ พอหยุดสำรวจบริเวณบ้านตกแต่งได้เนียบหรูทุกจุดเสร็จ หันมายืนเอามือไขว่หลังราวมีคำพูดอะไรต่อจากนี้"ผี?" ซิลค์พูด ช่างน่าตลกเขาเป็นศัลยแพทย์อัจฉริยะ ทุกเรื่องต้องมีการพิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์ ใบหน้าหล่อเหลาสายสะบัด รู้สึกเวลาไร้เหตุผล"ไม่ใช่สักหน่อย ว่าแต่ที่นี่มีห้องรับแขกไหมคะ ฉันมีเงินนะขอเช่าก็ได้" ใบหน้าสวยดูพูดตรงกับความคิด ไม่มีการแสดงเบ่งฐานะใด เพราะอย่างน้อยช่วงรับตำแหน่ง เธอมีเงินพิเศษเก็บจำนวนตอนไปช่วยงานต่างๆแม้จะโดนบังคับ"ไปอยู่คอนโดเดิมดีกว่าไหมครับ" เดโม่เข้ามากระซิบด้านข้างกาย แต่ไม่ได้เบาจนคนรอบข้างไม่ได้ยิน"ออกไปตอนยั
อีกด้านนึง_ณ สวนสาธารณะแห่งนึงในเมืองนาเธอร์ลาส ชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งพูดคุยบนเก้าอี้ยาวสีน้ำตาลเข้ม โดยมีบอดี้การ์ดคอยซุ่มตามต้นไม้ใหญ่ไม่ไกล ระดับองค์ชายคนสำคัญมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ เวลานี้คงไม่หาใครช่วยไม่ได้นอกจากผู้มีอำนาจด้านมืดล้นมือ"นายคงไม่คิดว่าโมอาจะกล้าทำจริงๆใช่ไหม" มาร์แชลล์พูด สวมเสื้อฮู้ดสีดำใช้หมวกคลุมปกปิดใบหน้ากันผู้คนรู้จัก แค่เวลาผ่านไปไม่ถึงสองวันดี คนเป็นพี่ชายย่อมห่วงใยน้องสาว ถึงเธอจะศึกษาอยู่ข้ามทวีปกัน"ต่อให้มันเป็นใคร รับรองได้เลยว่าอองตวนคนนี้จะปิดปากมันเอง" น้ำเสียงบ่งบอกแววโหดร้าย ใบหน้าชายหนุ่มหล่อเหลาไม่ต่างจากรูปปั้นชาวโรมัน ทว่าจิตใจอำมหิตเกินที่บุคคลรอบข้างจะเข้าหา ยกเว้นโมอาคือเพื่อนสนิท แม้คิดไม่ซื่อก็ตามเขาแอบชอบเธอตลอดมา จนครอบครัวพยามวางตำแหน่งคู่ครองในไม่ช้า แต่ใครจะคิดว่าหญิงสาวหาวิธีปฏิเสธได้แบบนี้"เราไว้ใจเจ้านะอองตวน" เวลานี้คนบอกคิดแค่ว่า หากปิดกลั้นเรื่องถูกผิดไว้ชั่วคราว เขาจะเลือกลงโทษชายแปลกหน้าคนนั้นด้วยความตายเป็นพอ ปล่อยเรื่องคือความลับตลอดกาล"ขอบใจที่เลือกผม"@ ประเทศไทยก็อก! ก็อก!"ฉันรู้ว่าคุณกลับมาแล้ว ขอคุยด้วยหน่อยไ
มหาวิทยาลัยชื่อดัง_"อาทิตหน้าก็จะเปิดเทอมสุดท้ายของเราแล้ว ดีใจจังเลยโมอา" เมล์คือเพื่อนสาวคนสนิทที่โมอาคบอยู่ บุคลิกนิสัยมาดแมนแถมยังตัดผมสั้น หากเป็นผู้ชายคงหล่อเท่ไม่น้อย เธอนอนใช้แขนหนุนศีรษะบนสนามหญ้าข้างตึกคณะ ช่วงเวลานี้ไร้นักศึกษาเพ่นพล่าน สมควรเหมาะแก่การพักสายตา หลังอ่านสือตลอดคืน"แล้วปีนี้เราต้องเลือกสถานที่ฝึกงานด้วยใช่ไหมเมลล์" เธอไม่ได้บอกเพื่อนสาวเรื่องสถานะศักดิ์เกียรติยศใด ป้องกันผู้อื่นล่วงรู้ตาม ถึงแม้ว่าเมล์สามารถเก็บความลับได้ดีจึงคบหาต่อเนื่องจนเข้าสู่ปีที่ห้าแล้ว"แค่สามเดือนเอง เลือกติดๆกับมหาลัยก็ได้มั้ง" คนบอกส่งเสียงคล้ายขี้เกียจ โยนกระเป๋าเป้ใส่ตักเพื่อนสาวหวังให้นอนเฝ้าสิ่งของยามเธอหลับ"แถวนี้ตรงไหนที่เข้าง่ายๆบ้างล่ะ คะแนนปีนี้จะสู้ปีที่แล้วได้ไหม อาจารย์เล่นโหดเกิน" เธอเจอด่านทดสอบยากเย็น กว่าจะจบเทอมก่อนเล่นส่งรายงานวิ่งเข้าออกห้องอาจารย์ประจำภาคทุกวัน"ไว้ค่อยคิดก็ได้ ตื่นมาเราไปร้องคาราโอเกะกัน""ก็ได้" ปากเรียวสวยเผยรอยยิ้มกว้าง เธอชอบร้องเพลงเป็นงานอดิเรกยิ่งมาเจอคนชอบแนวเดียว เลยเหมือนมีผู้สนับสนุนเพิ่ม เตรียมแลกเหรียญจำนวนนับไปหยอดจนกระทั่งหมดก
ภายในห้องครัว_"........" ยามใบหน้าทั้งสองอยู่ระยะใกล้ ดวงตาสองคู่กำลังอ่านข้างในกันและกัน เกิดความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น รับรู้ถึงอุณหภูมิอุ่นราดรดริมฝีปากก้อนใจดวงน้อยเต้นตึกตัก ไม่เคยเข้าใกล้ชายใดแล้วสูญเสียความเป็นตัวเอง คับคล้ายร่างกายกำลังอ่อนไหว ค่อยๆเคลื่อนเปิดเปลือกตาปิด เมื่อริมฝีหนาใกล้จะประกบก๊อก! ก็อก!"องค์หญิงครับ" เดโม่กดน้ำเสียงต่ำเรียก เขาเคาะพนังกำแพงราวกับส่งสัญญาณขัดจังหวะ ยืนหันหลังให้ตรงกรอบประตู หมายบอกคนทั้งคู่ตรึงตนักสถานะตน"เอ่อ..ขอบคุณค่ะ" ร่างอรชรรีบผละอ้อมแขนแกร่งออก เอียงใบหน้าสวยหันสนใจเตาอบปกปิดสีแดงบนแก้มเนียน"ไม่ถือ" ซิลค์บอกเหมือนไม่ได้ใส่ใจ กระแทกลมหายใจราวหงุดหงิด ไม่คิดเช่นกันว่าทำไมถึงเผลอไผลไป ก่อนเดินผ่านองครักษ์ใช้สายตาเฉือดเฉือนมอง"เกิดอะไรขึ้นหรอครับ" เขาเอ่ยถามทันที เมื่อเหลือกันสองคนภายในครัว หลังเห็นมาเฟียหนุ่มขึ้นช้างบนแล้ว"โมลื่นเมื่อกี้นิดหน่อย ว่าแต่มีข่าวทางนั้นบ้างไหม" ร่างอรชรเลือกเดินตรงไปหน้าเตาอบ สวมถุงกันร้อนพร้อมเปิดดูผลงาน เธอไม่มีกล้าแม้แต่จะหันมองคู่สนทนา เกรงว่าจะจับอาการเมื้อกี้ออก"วงในเงียบสนิท พวกท่านน่าจ
@ คอนโดโมอา เมื่อรองเท้าผ้าใบสีขาวก้าวลงจากรถยนต์คันหรูของสามีในนามชั่วคราว หลังเดโม่ยืมจากเตโชเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เขาสืบทราบข่าววงในได้ว่ามาร์แชลล์ไม่มีทางปล่อยน้องสาวมาร่วมชะตาลำพัง ร่างอรชรสวมชุดธรรมดาเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นเช่นเคย ล้วงบัตรแสกนเพื่อเข้าตัวอาคาร โดยให้องครักษ์ติดตามไปยืนรอตรงหน้าประตูห้อง เวลานี้อะไรก็ไม่แน่ไม่นอนเผื่อมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!"รีบไปกันเถอะ จะไปแวะซื้อหนังสืออีก" น้ำเสียงใสเอ่ยบอก โมอาจำเป็นต้องมาเอาสิ่งของสำคัญไว้ใช้เรื่องเรียน ซึ่งอีกไม่กี่วันดีก็จะเปิดเทอมสุดท้าย เดโม่มุ่งเดินนำหน้าไปยังลิฟท์กดประตูจะเลื่อนเปิดกว้างอัตโนมัติ มีบุคคลอื่นสวนลงมาชายนิรนามแปลกหน้าใส่เพียงแมสปิดปาก เหร่สายตาแฝงความคิดมองใบหน้าสวย จนเจ้าตัวรู้สึกรีบเดินไปยืนคู่คนด้านข้าง"เป็นอย่างที่เราคิด" น้ำเสียงเข้มเอ่ยบอก ระหว่างประตูลิฟท์เลื่อนปิดกดระบุชั้นปลายทาง เขาหันไปมองหญิงสาวเล็กน้อย เธอกำลังถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันไม่ง่ายสักนิดเดียวแค่อยากมีชีวิตอย่างคนทั่วไปติ่ง!"เชิญครับ" เดโม่พุ่งตัวออกจากลิฟท์ก่อน สอดส่องสายตาดูบริเวณรอบ เมื่อเข้าเขตพื้นที่อยู่อาศ
"ฉันจะบอกว่า.." น้ำเสียงใสเริ่มละล่ำลัก ยามเห็นซิลค์ขยับมายืนข้างโต๊ะทำงาน มีอุปกรณ์การแพทย์จำนวนนึงวางอยู่ ชิ้นเนื้อต่างๆกระจัดกระจายในถาดแสตนเลส จากการคาดคะเนตามสายตาอาจเป็นเนื้อเยื่ออ่อน ผสมรอยเลือดสีแดงสดยังไหลซึม"เศษสมองคน" คนตัวโตให้คำตอบชัดทุกถ้อยคำ ยิ่งทับถมความคิดหญิงสาว เกิดอาการกลัวเกร็งสั่นตามมือบาง ปล่อยสองข้างพนักจับเป็นอิสระ ลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอเล็ก ใครจะคิดว่าได้เห็นของจริงระยะใกล้แบบไม่เต็มใจ แสงหริบหรี่ของหน้าจอคอมพิวเตอร์ พาลกดดันก้อนใจดวงน้อยเต้นตึกตัก กระหน่ำรัวแข่งกับแรงสูบเลือดทั่วกายสาว บ่งบอกว่าไม่ควรฝืนอยู่บริเวณอันตราย"ไว้วันอื่นก็ได้เนอะ" ร่างอรชรลุกขึ้นยืน ถึงกลับพะอืดพะอมไม่มีแรงก้าวขา ยกมือทุบขมับเล็กเบาๆตั้งสติ แต่ทว่าดันสะดุดเท้าตัวเองเซล้มใส่คนตัวสูง"แล้วอวดเก่ง?" เป็นเสียงเข้มแว่วผ่านหูบาง ทำใบหน้าสวยแหงนตามองศาเอี้ยวมอง เงาสะท้อนกระทบนัยน์ตาคมชวนลุ่มหลงรอบสอง"คือ.." คนบอกยังสบมองนัยน์ตาคม พาลร่างอรชรอ่อนระทวยสูญเสียความเป็นตัวเอง ฝ่ามือบางทั้งคู่เกาะแผงอกแกร่ง ค่อยๆเลื่อนใบหน้าสวยสีแดงจางเข้าหาริมขอบปากหยัก"อย่ามาร้องเสียใจทีหลัง" ซิลค์
"........." ".........."บรรยากาศชวนอึดอัดทันที เมื่อซิลค์เลือกนั่งหันหลังใส่คนตัวเล็กนอนหมดแรงบนเตียง พลางมองสำรวจบริเวณรอบห้อง ตกแต่งสไตล์เนียบดูสะอาดเหมือนเจ้าของ เธอลอบมองแผ่นหลังกว้างอยู่ระยะนึง เขาไม่ส่งเสียงใดยิ่งเงียบผิดปกติ เป็นตัวบ่งบอกเรื่องความสัมพันธ์จากนี้"ถ้าตามทฤษฎี...เราเป็นผัวเมียกันแล้วใช่ไหมคะ" โมอาเอ่ยบอก อยากรู้ตามความเข้าใจที่ทราบมา ขยับตัวนั่งพิงหัวเตียงสองมือกำชายผ้าน่วมข่มความรู้สึกประหม่า พอชำเรืองเห็นคราบสีแดงสดปนขาวขุ่นเปลื้อนผ้าปู ร่างอรชรรีบเอี้ยวตัวหยิบทิชชู่ทำลายร่องรอย"หมายความว่าไง?" น้ำเสียงเข้มถามเรียบนิ่ง มีชายผ้าห่มปิดคลุมช่วงล่างเท่านั้น ผิวกายขาวสะอาดสะอ้านไม่มีแม้กระทั่งรอยด่างเลยลำตัวกำยำเอื้อมหยิบบุหรี่จากกางเกงสแล็คดำ จุดแช็กสูบไม่สนผู้ร่วมอาศัย จนเธอรวบรวมผ้าผืนหนายกขึ้นปิดจมูก ปล่อยเสียงอู้อี้พูดคุย"แค่สงสัยเฉยๆ แต่ไม่ต้องคิดนะคะว่าฉันจะเรียกร้องอะไร" เธอรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ตามคำที่พูดบอก ทั้งสองต่างยินยอมทำเรื่องอย่างว่าเอง พอจะขยับส่วนล่างก็เกิดความรู้สึกปวดระบม เลยหยุดชะงักค้างท่าเดิมไว้ก่อน"อวดดี..หึ" เสียงพ่นลมหายใจแรงๆตามหลั
ตึก! ตึก! หญิงสาวก้าวเท้าเรียวฉับพลัน อาศัยเหตุการณ์เมื่อคืนเลยจำสถานที่ได้ดี หยุดยืนชะงักข้างริมเตียงขนาดใหญ่เหลือบมองเห็นผ้าปูสีเดิม รอยคราบเลือดผสมน้ำขาวขุ่นแห้งกัง ยิ่งย้ำความรู้สึกก้นบึ้งลึก จิตใจดวงน้อยไม่เคยไหวอ่อนให้ชายใด แต่นัยน์ตาคมคู่นั้นทำสูญเสียอาการ"อยู่นี่เอง" น้ำเสียงใสพูด เมื่อเจอกระปุกยาอยู่ตรงหัวเตียงจริงๆ ร่างอรชรถือวิสาสะคลานขึ้นบนเตียง ขยับไปเอื้อมมือหยิบ เพื่อให้หายป่วยไข้ไวไวหมับ!"อ๊ะ!!คุณจะมาเอาให้ทำไมไม่บอกเล่า" จู่จู่มือหนาดันแย่งคว้ากระปุกไปต่อหน้าต่อตา โมอารีบเอี้ยวตัวหันจ้องอย่างสงสัย แต่ดันถูกท่อนแขนแกร่งช้อนหน้าท้องราบไว้ ทำให้เธอค้างอยู่ในท่าคลานเข่าโดยมีร่างกำยำยืนข้างหลัง"จะทำอย่างอื่น" ซิลค์บอกผ่านน้ำเสียงแห่บพล่า ใช้มือข้างนึงอาศัยเปิดกระปุกยา หยิบออกมาหนึ่งเม็ดคาบไว้ ก่อนขวดน้ำที่ถือตามมาเตรียมส่งให้หญิงสาว"คุณป่วยเหรอ""ป่าว.." พอให้คำตอบเสร็จคนตัวสูงก้มประกบปากปิดทันที สิ้นสากทำหน้าที่ดันเม็ดยาลดไข้ใส่โพรงปากนุ่มแทน"อื้อ" รสชาติขมปี๋กว่าการกินแบบธรรมดา แล่นเข้าสู่ลำคอระหงทำขนลุกซาบซ่าน รีบแย่งคว้าขวดน้ำกระดกดื่ม ใบหน้าแดงระเรื่อไม่รู้ว่า
"เฮ้อ..กว่าจะกินได้ มันขมขึ้นคอเชียวนะ" คนตัวเล็กถึงกลับทิ้งร่างกายอ่อนยวบ นั่งพิงหลังบนเก้าอี้ส่งสายตาชำเรืองค้อนแก่เจ้าของบ้าน หลังร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำ เขาเลือกเน้นตักแต่ผักใบเขียวใส่จานบังคับ"ไหนว่าโต" ซิลค์ส่ายหน้าคมคายซ้ายขวา ตอนแรกตั้งใจจะกลับมายึดบัตรเครดิตคืน แต่พอเห็นรายการใช้จ่าย ส่วนมากเป็นของใช้ในบ้าน เลยทำเป็นแกล้งลืมไปก่อน ค่อยชำระทบต้นทบดอกทีหลัง"อยู่ที่นู้นไม่เห็นมีใครบังคับเรื่องการกินเลย คุณนี่ติดนิสัยเป็นหมอชอบบังคับคนไข้ชัวร์!" โมอาส่งเสียงใสยิ่งกว่านกกระจิบ ใช้ช้อนส้อมจิ้มเนื้อกุ้งแม่น้ำขนาดใหญ่แกล้งยั่วน้ำลายอีกฝ่าย"พูดมาก" เขาปรามสั้นๆ ใช้สายตาเข้มหรี่มอง วางช้อนส้อมข้างจานข้าวเป็นระเบียบ ยกแก้วน้ำกระดกดื่มตาม"เชอะ..แคร่ก! แคร่ก!" แต่ยังไม่ทันไร หญิงสาวฝั่งตรงข้ามเกิดอาการสำลักกระทันหัน ใช้กำปั้นเล็กทุบหน้าอวบรัวๆ ลมหายใจเริ่มติดขัด ใบหน้าแดงก่ำผิดจากเมื่อกี้แววตากลมคล้ายร้องขอ แต่ไม่มีเสียงเอ่ยบอก รู้สึกแสบทั่วลำคอด้านใน ราวจะหมดลมหายใจเพียงไม่กี่นาที"คุณโม!!!!เป็นอะไรครับ" เดโม่และเตโชพึ่งจะเข้ามานำอาหารในครัวไปทานกับพวกบอดี้การ์ด แต่ต้องตกใจเสียงใสร
@ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำโมอาถือโอกาสดีเปิดใช้บัตรเครดิตใบใหม่รูดใช้จ่ายสินค้ามากมาย ส่งถุงแบรนด์หรูให้เดโม่ผู้ช่วยส่วนตัวคอยประกบด้านหลัง โดยเธอไม่ลืมคืนเงินจำนวนนึง ถือคติที่ว่าไม่ยอมเป็นหนี้ใครง่ายๆโดยเฉพาะคนใกล้ตัว"คุณโมไม่ต้องคืนหรอกครับ องค์ชายแอบส่งให้แล้ว" เขาพยามกระซิบบอกยังไงหญิงสาวก็ไม่มีท่าทีจะฟัง พาเดินเข้าแต่ร้านสิ่งของหรูหรา เขาเกรงว่าอีกไม่นานวงเงินในบัตรนั้นคงหมดเร็วๆนี้ หากคนยังใช้ประหนึ่งเล่นสะสมแต้ม"ได้ไงพี่เดย์ ระดับมือขวาของโมเชียว เลือกเสื้อสูทดีๆสักตัวสิ เวลายืนข้างพี่เตจะได้ดูเด่นกว่าเขาไง" น้ำเสียงใสฉายแววหมั่นไส้ ยามนึกถึงใบหน้าคมคายทั้งเจ้านายและลูกน้อง เขาเล่นกอบโกยเรี่ยวแรงทำสองขาเรียวสั่นเวลาก้าวเดิน"อย่าแต่งแบบนั้นเลยครับ เราจะเป็นที่จับตามองได้" พอมาอยู่ประเทศไทยรอบนี้ การแต่งกายเขาเปลี่ยนเป็นแบบชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ทั่วไป ดูกลมกลืนเข้ากับสังคมดีกว่า"เลือก!นี่คือคำสั่ง อ้อ..แล้วเราไปซื้ออาหารสดกันด้วย เย็นนี้โมจะเข้าครัว" ร่างอรชรยื่นแขนเรียวขาวปานเชิญเข้าร้านด้านใน การันตีผ้าแบรนด์ขนาดใหญ่ ยิ่งทำให้องครักษ์รู้สึกเกรงใจ ทว่าพอเห็นแววตากลมจ
"........." ".........."บรรยากาศชวนอึดอัดทันที เมื่อซิลค์เลือกนั่งหันหลังใส่คนตัวเล็กนอนหมดแรงบนเตียง พลางมองสำรวจบริเวณรอบห้อง ตกแต่งสไตล์เนียบดูสะอาดเหมือนเจ้าของ เธอลอบมองแผ่นหลังกว้างอยู่ระยะนึง เขาไม่ส่งเสียงใดยิ่งเงียบผิดปกติ เป็นตัวบ่งบอกเรื่องความสัมพันธ์จากนี้"ถ้าตามทฤษฎี...เราเป็นผัวเมียกันแล้วใช่ไหมคะ" โมอาเอ่ยบอก อยากรู้ตามความเข้าใจที่ทราบมา ขยับตัวนั่งพิงหัวเตียงสองมือกำชายผ้าน่วมข่มความรู้สึกประหม่า พอชำเรืองเห็นคราบสีแดงสดปนขาวขุ่นเปลื้อนผ้าปู ร่างอรชรรีบเอี้ยวตัวหยิบทิชชู่ทำลายร่องรอย"หมายความว่าไง?" น้ำเสียงเข้มถามเรียบนิ่ง มีชายผ้าห่มปิดคลุมช่วงล่างเท่านั้น ผิวกายขาวสะอาดสะอ้านไม่มีแม้กระทั่งรอยด่างเลยลำตัวกำยำเอื้อมหยิบบุหรี่จากกางเกงสแล็คดำ จุดแช็กสูบไม่สนผู้ร่วมอาศัย จนเธอรวบรวมผ้าผืนหนายกขึ้นปิดจมูก ปล่อยเสียงอู้อี้พูดคุย"แค่สงสัยเฉยๆ แต่ไม่ต้องคิดนะคะว่าฉันจะเรียกร้องอะไร" เธอรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ตามคำที่พูดบอก ทั้งสองต่างยินยอมทำเรื่องอย่างว่าเอง พอจะขยับส่วนล่างก็เกิดความรู้สึกปวดระบม เลยหยุดชะงักค้างท่าเดิมไว้ก่อน"อวดดี..หึ" เสียงพ่นลมหายใจแรงๆตามหลั
"ฉันจะบอกว่า.." น้ำเสียงใสเริ่มละล่ำลัก ยามเห็นซิลค์ขยับมายืนข้างโต๊ะทำงาน มีอุปกรณ์การแพทย์จำนวนนึงวางอยู่ ชิ้นเนื้อต่างๆกระจัดกระจายในถาดแสตนเลส จากการคาดคะเนตามสายตาอาจเป็นเนื้อเยื่ออ่อน ผสมรอยเลือดสีแดงสดยังไหลซึม"เศษสมองคน" คนตัวโตให้คำตอบชัดทุกถ้อยคำ ยิ่งทับถมความคิดหญิงสาว เกิดอาการกลัวเกร็งสั่นตามมือบาง ปล่อยสองข้างพนักจับเป็นอิสระ ลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอเล็ก ใครจะคิดว่าได้เห็นของจริงระยะใกล้แบบไม่เต็มใจ แสงหริบหรี่ของหน้าจอคอมพิวเตอร์ พาลกดดันก้อนใจดวงน้อยเต้นตึกตัก กระหน่ำรัวแข่งกับแรงสูบเลือดทั่วกายสาว บ่งบอกว่าไม่ควรฝืนอยู่บริเวณอันตราย"ไว้วันอื่นก็ได้เนอะ" ร่างอรชรลุกขึ้นยืน ถึงกลับพะอืดพะอมไม่มีแรงก้าวขา ยกมือทุบขมับเล็กเบาๆตั้งสติ แต่ทว่าดันสะดุดเท้าตัวเองเซล้มใส่คนตัวสูง"แล้วอวดเก่ง?" เป็นเสียงเข้มแว่วผ่านหูบาง ทำใบหน้าสวยแหงนตามองศาเอี้ยวมอง เงาสะท้อนกระทบนัยน์ตาคมชวนลุ่มหลงรอบสอง"คือ.." คนบอกยังสบมองนัยน์ตาคม พาลร่างอรชรอ่อนระทวยสูญเสียความเป็นตัวเอง ฝ่ามือบางทั้งคู่เกาะแผงอกแกร่ง ค่อยๆเลื่อนใบหน้าสวยสีแดงจางเข้าหาริมขอบปากหยัก"อย่ามาร้องเสียใจทีหลัง" ซิลค์
@ คอนโดโมอา เมื่อรองเท้าผ้าใบสีขาวก้าวลงจากรถยนต์คันหรูของสามีในนามชั่วคราว หลังเดโม่ยืมจากเตโชเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เขาสืบทราบข่าววงในได้ว่ามาร์แชลล์ไม่มีทางปล่อยน้องสาวมาร่วมชะตาลำพัง ร่างอรชรสวมชุดธรรมดาเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นเช่นเคย ล้วงบัตรแสกนเพื่อเข้าตัวอาคาร โดยให้องครักษ์ติดตามไปยืนรอตรงหน้าประตูห้อง เวลานี้อะไรก็ไม่แน่ไม่นอนเผื่อมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!"รีบไปกันเถอะ จะไปแวะซื้อหนังสืออีก" น้ำเสียงใสเอ่ยบอก โมอาจำเป็นต้องมาเอาสิ่งของสำคัญไว้ใช้เรื่องเรียน ซึ่งอีกไม่กี่วันดีก็จะเปิดเทอมสุดท้าย เดโม่มุ่งเดินนำหน้าไปยังลิฟท์กดประตูจะเลื่อนเปิดกว้างอัตโนมัติ มีบุคคลอื่นสวนลงมาชายนิรนามแปลกหน้าใส่เพียงแมสปิดปาก เหร่สายตาแฝงความคิดมองใบหน้าสวย จนเจ้าตัวรู้สึกรีบเดินไปยืนคู่คนด้านข้าง"เป็นอย่างที่เราคิด" น้ำเสียงเข้มเอ่ยบอก ระหว่างประตูลิฟท์เลื่อนปิดกดระบุชั้นปลายทาง เขาหันไปมองหญิงสาวเล็กน้อย เธอกำลังถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันไม่ง่ายสักนิดเดียวแค่อยากมีชีวิตอย่างคนทั่วไปติ่ง!"เชิญครับ" เดโม่พุ่งตัวออกจากลิฟท์ก่อน สอดส่องสายตาดูบริเวณรอบ เมื่อเข้าเขตพื้นที่อยู่อาศ
ภายในห้องครัว_"........" ยามใบหน้าทั้งสองอยู่ระยะใกล้ ดวงตาสองคู่กำลังอ่านข้างในกันและกัน เกิดความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น รับรู้ถึงอุณหภูมิอุ่นราดรดริมฝีปากก้อนใจดวงน้อยเต้นตึกตัก ไม่เคยเข้าใกล้ชายใดแล้วสูญเสียความเป็นตัวเอง คับคล้ายร่างกายกำลังอ่อนไหว ค่อยๆเคลื่อนเปิดเปลือกตาปิด เมื่อริมฝีหนาใกล้จะประกบก๊อก! ก็อก!"องค์หญิงครับ" เดโม่กดน้ำเสียงต่ำเรียก เขาเคาะพนังกำแพงราวกับส่งสัญญาณขัดจังหวะ ยืนหันหลังให้ตรงกรอบประตู หมายบอกคนทั้งคู่ตรึงตนักสถานะตน"เอ่อ..ขอบคุณค่ะ" ร่างอรชรรีบผละอ้อมแขนแกร่งออก เอียงใบหน้าสวยหันสนใจเตาอบปกปิดสีแดงบนแก้มเนียน"ไม่ถือ" ซิลค์บอกเหมือนไม่ได้ใส่ใจ กระแทกลมหายใจราวหงุดหงิด ไม่คิดเช่นกันว่าทำไมถึงเผลอไผลไป ก่อนเดินผ่านองครักษ์ใช้สายตาเฉือดเฉือนมอง"เกิดอะไรขึ้นหรอครับ" เขาเอ่ยถามทันที เมื่อเหลือกันสองคนภายในครัว หลังเห็นมาเฟียหนุ่มขึ้นช้างบนแล้ว"โมลื่นเมื่อกี้นิดหน่อย ว่าแต่มีข่าวทางนั้นบ้างไหม" ร่างอรชรเลือกเดินตรงไปหน้าเตาอบ สวมถุงกันร้อนพร้อมเปิดดูผลงาน เธอไม่มีกล้าแม้แต่จะหันมองคู่สนทนา เกรงว่าจะจับอาการเมื้อกี้ออก"วงในเงียบสนิท พวกท่านน่าจ
มหาวิทยาลัยชื่อดัง_"อาทิตหน้าก็จะเปิดเทอมสุดท้ายของเราแล้ว ดีใจจังเลยโมอา" เมล์คือเพื่อนสาวคนสนิทที่โมอาคบอยู่ บุคลิกนิสัยมาดแมนแถมยังตัดผมสั้น หากเป็นผู้ชายคงหล่อเท่ไม่น้อย เธอนอนใช้แขนหนุนศีรษะบนสนามหญ้าข้างตึกคณะ ช่วงเวลานี้ไร้นักศึกษาเพ่นพล่าน สมควรเหมาะแก่การพักสายตา หลังอ่านสือตลอดคืน"แล้วปีนี้เราต้องเลือกสถานที่ฝึกงานด้วยใช่ไหมเมลล์" เธอไม่ได้บอกเพื่อนสาวเรื่องสถานะศักดิ์เกียรติยศใด ป้องกันผู้อื่นล่วงรู้ตาม ถึงแม้ว่าเมล์สามารถเก็บความลับได้ดีจึงคบหาต่อเนื่องจนเข้าสู่ปีที่ห้าแล้ว"แค่สามเดือนเอง เลือกติดๆกับมหาลัยก็ได้มั้ง" คนบอกส่งเสียงคล้ายขี้เกียจ โยนกระเป๋าเป้ใส่ตักเพื่อนสาวหวังให้นอนเฝ้าสิ่งของยามเธอหลับ"แถวนี้ตรงไหนที่เข้าง่ายๆบ้างล่ะ คะแนนปีนี้จะสู้ปีที่แล้วได้ไหม อาจารย์เล่นโหดเกิน" เธอเจอด่านทดสอบยากเย็น กว่าจะจบเทอมก่อนเล่นส่งรายงานวิ่งเข้าออกห้องอาจารย์ประจำภาคทุกวัน"ไว้ค่อยคิดก็ได้ ตื่นมาเราไปร้องคาราโอเกะกัน""ก็ได้" ปากเรียวสวยเผยรอยยิ้มกว้าง เธอชอบร้องเพลงเป็นงานอดิเรกยิ่งมาเจอคนชอบแนวเดียว เลยเหมือนมีผู้สนับสนุนเพิ่ม เตรียมแลกเหรียญจำนวนนับไปหยอดจนกระทั่งหมดก
อีกด้านนึง_ณ สวนสาธารณะแห่งนึงในเมืองนาเธอร์ลาส ชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งพูดคุยบนเก้าอี้ยาวสีน้ำตาลเข้ม โดยมีบอดี้การ์ดคอยซุ่มตามต้นไม้ใหญ่ไม่ไกล ระดับองค์ชายคนสำคัญมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ เวลานี้คงไม่หาใครช่วยไม่ได้นอกจากผู้มีอำนาจด้านมืดล้นมือ"นายคงไม่คิดว่าโมอาจะกล้าทำจริงๆใช่ไหม" มาร์แชลล์พูด สวมเสื้อฮู้ดสีดำใช้หมวกคลุมปกปิดใบหน้ากันผู้คนรู้จัก แค่เวลาผ่านไปไม่ถึงสองวันดี คนเป็นพี่ชายย่อมห่วงใยน้องสาว ถึงเธอจะศึกษาอยู่ข้ามทวีปกัน"ต่อให้มันเป็นใคร รับรองได้เลยว่าอองตวนคนนี้จะปิดปากมันเอง" น้ำเสียงบ่งบอกแววโหดร้าย ใบหน้าชายหนุ่มหล่อเหลาไม่ต่างจากรูปปั้นชาวโรมัน ทว่าจิตใจอำมหิตเกินที่บุคคลรอบข้างจะเข้าหา ยกเว้นโมอาคือเพื่อนสนิท แม้คิดไม่ซื่อก็ตามเขาแอบชอบเธอตลอดมา จนครอบครัวพยามวางตำแหน่งคู่ครองในไม่ช้า แต่ใครจะคิดว่าหญิงสาวหาวิธีปฏิเสธได้แบบนี้"เราไว้ใจเจ้านะอองตวน" เวลานี้คนบอกคิดแค่ว่า หากปิดกลั้นเรื่องถูกผิดไว้ชั่วคราว เขาจะเลือกลงโทษชายแปลกหน้าคนนั้นด้วยความตายเป็นพอ ปล่อยเรื่องคือความลับตลอดกาล"ขอบใจที่เลือกผม"@ ประเทศไทยก็อก! ก็อก!"ฉันรู้ว่าคุณกลับมาแล้ว ขอคุยด้วยหน่อยไ