"........."
".........."
บรรยากาศชวนอึดอัดทันที เมื่อซิลค์เลือกนั่งหันหลังใส่คนตัวเล็กนอนหมดแรงบนเตียง พลางมองสำรวจบริเวณรอบห้อง ตกแต่งสไตล์เนียบดูสะอาดเหมือนเจ้าของ
เธอลอบมองแผ่นหลังกว้างอยู่ระยะนึง เขาไม่ส่งเสียงใดยิ่งเงียบผิดปกติ เป็นตัวบ่งบอกเรื่องความสัมพันธ์จากนี้
"ถ้าตามทฤษฎี...เราเป็นผัวเมียกันแล้วใช่ไหมคะ" โมอาเอ่ยบอก อยากรู้ตามความเข้าใจที่ทราบมา ขยับตัวนั่งพิงหัวเตียงสองมือกำชายผ้าน่วมข่มความรู้สึกประหม่า พอชำเรืองเห็นคราบสีแดงสดปนขาวขุ่นเปลื้อนผ้าปู ร่างอรชรรีบเอี้ยวตัวหยิบทิชชู่ทำลายร่องรอย
"หมายความว่าไง?" น้ำเสียงเข้มถามเรียบนิ่ง มีชายผ้าห่มปิดคลุมช่วงล่างเท่านั้น ผิวกายขาวสะอาดสะอ้านไม่มีแม้กระทั่งรอยด่างเลย
ลำตัวกำยำเอื้อมหยิบบุหรี่จากกางเกงสแล็คดำ จุดแช็กสูบไม่สนผู้ร่วมอาศัย จนเธอรวบรวมผ้าผืนหนายกขึ้นปิดจมูก ปล่อยเสียงอู้อี้พูดคุย
"แค่สงสัยเฉยๆ แต่ไม่ต้องคิดนะคะว่าฉันจะเรียกร้องอะไร" เธอรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ตามคำที่พูดบอก ทั้งสองต่างยินยอมทำเรื่องอย่างว่าเอง พอจะขยับส่วนล่างก็เกิดความรู้สึกปวดระบม เลยหยุดชะงักค้างท่าเดิมไว้ก่อน
"อวดดี..หึ" เสียงพ่นลมหายใจแรงๆตามหลัง เขาไม่มีทางพิศวาสกับความบริสุทธิ์อยู่แล้ว ทันทีที่ฝ่ามือหนาจะเลิกผ้านวม ดันสะดุดคราบเลือดแห้งกัง
"ในเมื่อเป็นสามีภรรยากันทั้งพฤตินัยและนิตินัย แบบนี้ก็ควรช่วยเหลือกันได้ไหม" คนเอ่ยถามเพ่งหน้าสนใจอีกฝ่าย
"ต้องการอะไร" ซิลค์พูดราวกับรู้ทัน ไม่คิดว่าหญิงสาวจะใช้เรื่องอย่างว่าเพื่อขอให้ช่วยเหลือ ช่างน่าจับตีก้นจนไม่เรียวหัก
"ฉันแค่อยากขอยืมเงินคุณนิดหน่อย มันคงไม่ดีใช่ไหมล่ะ เป็นถึงเมียระดับผอ.โรงพยาบาล แต่ดันไปยืมเงินลูกน้องหน่ะ" น้ำเสียงใสใสเล่าตามความจริง คล้ายเด็กกำลังสารภาพให้ผู้ปกครองฟัง
"........." ร่างกำยำลดบุหรี่ในมือลง เอี้ยวตัวหันหลังหรี่นัยน์ตาจ้องคนบนเตียง
"โดนแม่ตัดบัตรเครดิตหมดเลย แล้วทีนี้ใกล้จะเปิดเทอมแล้วด้วย มันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะแยะตามมา คุณต้องเห็นใจฉันมากแน่ๆเลยใช่ล่ะ" น้ำเสียงใสยังพูดต่อเนื่อง ยามเจอใบหน้าหล่อเหลาหันมอง เหมือนยิ่งกดดันให้ต้องอธิบายเพิ่ม
"อยากได้เงินว่างั้น?" เขาลุกยืนขึ้นโชว์ร่างกายเปล่าเปือย ดึงผ้าขนหนูสีขาวข้างโซฟาพันรอบเอวสอบ เดินตรงไปทิ้งก้นบุหรี่ใส่ถาดบนโต๊ะทำงาน แล้วล้วงเอาบัตรการ์ดดำตรงมาที่เตียงนอน ชูยื่นให้แต่ทว่าชักมือกลับต่อ
"อ้าวคุณ...ฉันมีศักดิ์เป็นเมียเชียวนะ" เธอแหงนมองอย่างหงุดหงิด เพราะไม่สามารถเดาความคิดอีกฝ่ายได้เลย
"งั้นก็ต้องรู้หน้าที่เมียดี" เขายอมยื่นบัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงินให้ ต่อให้จะรูดใช้สักเท่าไหร่ มันไม่มีทางสะเทือนกระเป๋าตังค์เขาได้หรอก
ร่างกำยำกระตุกผ้าขนหนูปล่อยลงพื้น เผยสัดส่วนด้านล่างมีแก่นกายดีดผงาดชี้ ทำดวงตากลมเลิกลัก ขยับถอยหลังชิดผนังห้องนอน
"ตะแต่เมื่อกี้ยังเจ็บอยู่เลย" โมอาบอก แค่ขยับนิดเดียวยังปวดร้าวแถมแสบจี๊ดเป็นระยะ คาดว่าร่องงามคงฉีกขาดเนื่องเพราะขนาดเขาใหญ่เกินไป
"ถ้าใช้ร่างกายแลกเงิน ควรให้คุ้มค่าหน่อย" คนตัวสูงขึ้นมาบนเตียง ท่าทางดั่งราชสีห์กำลังไล่ต้อนเหยื่อตัวน้อย เธอไม่มีทางรู้ได้เลย ผิวกายสาวบริสุทธิ์ดึงดูดอารมณ์กามชายมากแค่ไหน
ในเมื่อเขาคือเจ้าของ ก็ควรสอนบทเรียนอย่างนึงให้เธอจำไว้ ว่าไม่ควรเอาร่างกายนี้ไปให้ใครเชยชมนอกจากเขาเท่านั้น
@ วันรุ่งขึ้น
"อื้อ.." ยามแสงแดดจากนอกหน้าต่างส่องกระทบเปลือกตา หญิงสาวที่พึ่งหลับได้ไม่นานต้องจำใจตื่น เธอไม่ได้กลับห้องส่วนตัว หลังโดนช่วงชิงเรี่ยวแรงจนผลอยหลับไป
พอขยับเรือนร่างเล็กน้อยดันปวดร้าว อุณหภูมิในร่างกายร้อนระอุสูงขึ้น ยังเจ็บตรงกลางกายสาวเป็นระยะ ร่องรอยบนตัวคือสิ่งย้ำเตือนเหตุการณ์
"ทิ้งกันได้ลง" โมอาพึมพำเบาๆ หลังสอดส่องภายในห้องกลับไม่พบใคร เธอไม่ได้คาดหวังจะเอาพรมจันท์์ล่อหลอกชายหนุ่มให้ยึดมั่น ทั้งที่ตัวเองต่างหากดันเผลอไผลไผตามอารมณ์
ฝ่ามือบางรีบหยิบบัตรการ์ดสีดำ คือสิ่งมีค่าสุดท้ายจะเอาชีวิตรอด หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่วางปลายเตียงใส่ชั่วคราว เพื่อกลับห้องไปจัดการชำระล้างเรือนร่าง ก่อนคนอื่นจะล่วงรู้เรื่องเมื่อคืน
_นาทีถัดมา
"เจ้านายพี่เตไปไหน นี่พึ่งจะแปดโมงเช้าเองนะ" โมอาพูดถาม ตอนนั่นบนโต๊ะรอรับอาหารเช้า เตโชพึ่งเดินสวนเข้ามาโซนในพอดี เลยหยุดชะงักบอกคำตอบก่อน
"นายมีออกตรวจตั้งแต่เช้ามืดแล้วครับ" เขาตอบน้ำเสียงนิ่ง รีบหันไปสนใจสั่งงานรุ่นน้องต่อ ชายชุดสูทดำเนียบสับเปลี่ยนทุกวันมากมาย จนหญิงสาวเริ่มคุ้นชิน
"วันนี้คุณโมอยากไปไหนไหมครับ" เดโม่นำถ้วยข้าวต้นปลามาเสิร์ฟ เขาสั่งจากร้านดังเพื่อเจ้านายช่วงเช้ามาเตรียมไว้ พึ่งทราบจากทางวงในว่า มาร์แชลล์จะส่งเงินลับจำนวนนึงไว้ดูแลน้องสาว แล้วค่อยหาโอกาสมารับตัวกลับ
"โมอยากไปซื้อชุดใหม่ จะเปิดเทอมทั้งทีต้องสวยๆหน่อย" เธอรีบจับช้อนสำหรับตักข้าวต้ม เป่าเบาๆไล่ๆร้อน อ้าปากเรียวบางชิมรส นึกถึงฝีมือพี่เลี้ยงอีกคนยามอยู่ในวัง
"ครับ" เดโม่ยืนถอยห่างอยู่ข้างหลัง ก่อนเวลาเจ้านายตื่น เขาไปช่วยพวกบอดี้การ์ดของมาเฟียแลกเปลี่ยนการต่อสู้ เลยได้เพื่อนใหม่จำนวน แต่ก็ไม่อาจวางใจเผื่อวันใดกลายเป็นศัตรูกัน
"พี่เดย์ไม่ต้องห่วงแล้วนะ พอดีโมเจอบัตรเครดิตใบใหม่แล้ว"
"ไหนว่าเมื่อวานเอาออกมาใช้รูดหมดแล้วไงครับ" เขาอยู่ตอนพนักงานเรียกขอบัตรใบใหญ่ ซึ่งแน่ใจดีว่าเธอไม่น่าจะเหลืออีก
"เอาน่าพี่เดย์ ส่วนเงินที่ยืมเมื่อวานโมขอคืนเป็นสิ่งของแทนนะ"
...........................................................................................
เมื่อน้องไม่ใช่นางเอกที่เวลาเสียพรหมจรรย์แล้วร้องไห้ ตกทรัพย์ผัวยิ่งกว่ามิจฉาชีพอีก 5555
@ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำโมอาถือโอกาสดีเปิดใช้บัตรเครดิตใบใหม่รูดใช้จ่ายสินค้ามากมาย ส่งถุงแบรนด์หรูให้เดโม่ผู้ช่วยส่วนตัวคอยประกบด้านหลัง โดยเธอไม่ลืมคืนเงินจำนวนนึง ถือคติที่ว่าไม่ยอมเป็นหนี้ใครง่ายๆโดยเฉพาะคนใกล้ตัว"คุณโมไม่ต้องคืนหรอกครับ องค์ชายแอบส่งให้แล้ว" เขาพยามกระซิบบอกยังไงหญิงสาวก็ไม่มีท่าทีจะฟัง พาเดินเข้าแต่ร้านสิ่งของหรูหรา เขาเกรงว่าอีกไม่นานวงเงินในบัตรนั้นคงหมดเร็วๆนี้ หากคนยังใช้ประหนึ่งเล่นสะสมแต้ม"ได้ไงพี่เดย์ ระดับมือขวาของโมเชียว เลือกเสื้อสูทดีๆสักตัวสิ เวลายืนข้างพี่เตจะได้ดูเด่นกว่าเขาไง" น้ำเสียงใสฉายแววหมั่นไส้ ยามนึกถึงใบหน้าคมคายทั้งเจ้านายและลูกน้อง เขาเล่นกอบโกยเรี่ยวแรงทำสองขาเรียวสั่นเวลาก้าวเดิน"อย่าแต่งแบบนั้นเลยครับ เราจะเป็นที่จับตามองได้" พอมาอยู่ประเทศไทยรอบนี้ การแต่งกายเขาเปลี่ยนเป็นแบบชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ทั่วไป ดูกลมกลืนเข้ากับสังคมดีกว่า"เลือก!นี่คือคำสั่ง อ้อ..แล้วเราไปซื้ออาหารสดกันด้วย เย็นนี้โมจะเข้าครัว" ร่างอรชรยื่นแขนเรียวขาวปานเชิญเข้าร้านด้านใน การันตีผ้าแบรนด์ขนาดใหญ่ ยิ่งทำให้องครักษ์รู้สึกเกรงใจ ทว่าพอเห็นแววตากลมจ
"เฮ้อ..กว่าจะกินได้ มันขมขึ้นคอเชียวนะ" คนตัวเล็กถึงกลับทิ้งร่างกายอ่อนยวบ นั่งพิงหลังบนเก้าอี้ส่งสายตาชำเรืองค้อนแก่เจ้าของบ้าน หลังร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำ เขาเลือกเน้นตักแต่ผักใบเขียวใส่จานบังคับ"ไหนว่าโต" ซิลค์ส่ายหน้าคมคายซ้ายขวา ตอนแรกตั้งใจจะกลับมายึดบัตรเครดิตคืน แต่พอเห็นรายการใช้จ่าย ส่วนมากเป็นของใช้ในบ้าน เลยทำเป็นแกล้งลืมไปก่อน ค่อยชำระทบต้นทบดอกทีหลัง"อยู่ที่นู้นไม่เห็นมีใครบังคับเรื่องการกินเลย คุณนี่ติดนิสัยเป็นหมอชอบบังคับคนไข้ชัวร์!" โมอาส่งเสียงใสยิ่งกว่านกกระจิบ ใช้ช้อนส้อมจิ้มเนื้อกุ้งแม่น้ำขนาดใหญ่แกล้งยั่วน้ำลายอีกฝ่าย"พูดมาก" เขาปรามสั้นๆ ใช้สายตาเข้มหรี่มอง วางช้อนส้อมข้างจานข้าวเป็นระเบียบ ยกแก้วน้ำกระดกดื่มตาม"เชอะ..แคร่ก! แคร่ก!" แต่ยังไม่ทันไร หญิงสาวฝั่งตรงข้ามเกิดอาการสำลักกระทันหัน ใช้กำปั้นเล็กทุบหน้าอวบรัวๆ ลมหายใจเริ่มติดขัด ใบหน้าแดงก่ำผิดจากเมื่อกี้แววตากลมคล้ายร้องขอ แต่ไม่มีเสียงเอ่ยบอก รู้สึกแสบทั่วลำคอด้านใน ราวจะหมดลมหายใจเพียงไม่กี่นาที"คุณโม!!!!เป็นอะไรครับ" เดโม่และเตโชพึ่งจะเข้ามานำอาหารในครัวไปทานกับพวกบอดี้การ์ด แต่ต้องตกใจเสียงใสร
ตึก! ตึก! หญิงสาวก้าวเท้าเรียวฉับพลัน อาศัยเหตุการณ์เมื่อคืนเลยจำสถานที่ได้ดี หยุดยืนชะงักข้างริมเตียงขนาดใหญ่เหลือบมองเห็นผ้าปูสีเดิม รอยคราบเลือดผสมน้ำขาวขุ่นแห้งกัง ยิ่งย้ำความรู้สึกก้นบึ้งลึก จิตใจดวงน้อยไม่เคยไหวอ่อนให้ชายใด แต่นัยน์ตาคมคู่นั้นทำสูญเสียอาการ"อยู่นี่เอง" น้ำเสียงใสพูด เมื่อเจอกระปุกยาอยู่ตรงหัวเตียงจริงๆ ร่างอรชรถือวิสาสะคลานขึ้นบนเตียง ขยับไปเอื้อมมือหยิบ เพื่อให้หายป่วยไข้ไวไวหมับ!"อ๊ะ!!คุณจะมาเอาให้ทำไมไม่บอกเล่า" จู่จู่มือหนาดันแย่งคว้ากระปุกไปต่อหน้าต่อตา โมอารีบเอี้ยวตัวหันจ้องอย่างสงสัย แต่ดันถูกท่อนแขนแกร่งช้อนหน้าท้องราบไว้ ทำให้เธอค้างอยู่ในท่าคลานเข่าโดยมีร่างกำยำยืนข้างหลัง"จะทำอย่างอื่น" ซิลค์บอกผ่านน้ำเสียงแห่บพล่า ใช้มือข้างนึงอาศัยเปิดกระปุกยา หยิบออกมาหนึ่งเม็ดคาบไว้ ก่อนขวดน้ำที่ถือตามมาเตรียมส่งให้หญิงสาว"คุณป่วยเหรอ""ป่าว.." พอให้คำตอบเสร็จคนตัวสูงก้มประกบปากปิดทันที สิ้นสากทำหน้าที่ดันเม็ดยาลดไข้ใส่โพรงปากนุ่มแทน"อื้อ" รสชาติขมปี๋กว่าการกินแบบธรรมดา แล่นเข้าสู่ลำคอระหงทำขนลุกซาบซ่าน รีบแย่งคว้าขวดน้ำกระดกดื่ม ใบหน้าแดงระเรื่อไม่รู้ว่า
ฉึ่บ!!!สิ้นเสียงของกรรไกรผ่าตัดแยกเนื้อเยื่อจากกัน ด้วยฝีมือซิลค์นายแพทย์หนุ่มดีกรีผู้อำนวยการโรงพยาบาล ใบหน้าคมคายเงยขึ้นทันที เอียงส่งสัญญาณให้หมอผู้ช่วยรับผิดชอบอาการคนไข้ต่อ"ขอบคุณอาจารย์นะคะ" ตามด้วยเสียงของพยาบาลประจำห้องผ่าตัด เอ่ยกล่าวต่อนายแพทย์หนุ่มผู้รับผิดชอบเป็นหัวหน้าทีมครั้งนี้ ซิลค์พยักหน้าตอบรับเล็กน้อย ยืนลำตัวตรงนิ่งความสูงเกินร้อยแปดห้า ทำให้ผู้ช่วยต้องเขย่งปลายเท้าปลดปมผูกชุดผ่าตัดด้านหลัง เพื่อกันเชื้อโรคแปดเปื้อนไปยังพื้นที่นอกเขตควบคุมผับSK"เฮียไม่คิดจะมีเมียบ้างเหรอ" ภาคินลองใจถามซิลค์ รุ่นพี่หนุ่มแสนเย็นชา ใบหน้าเรียบนิ่งไม่ได้เข้ากับบรรยากาศสักนิดเดียว ขณะร่วมโต๊ะดื่มสังสรรค์ ตรงโซนวีไอพีเฉพาะพวกเขาแม้ว่าเสียงดนตรีจะดังครึกครื้นขนาดไหน มีสิ่งยัวยุมากมาย ก็ไม่เคยเห็นเอนไหวสักนิดเดียว"ไม่" ซิลค์ตอบน้ำเสียงเข้ม ถลกแขนเสื้อเชิ้ตขาวขึ้นข้อศอก นั่งเอนหลังพิงพนักโซฟา จับแก้วเหล้าสีอำพันยกดื่ม หลังจบเคสผ่าตัดรักษาสมองเสร็จสิ้น เขาไม่ได้รู้สึกฉาบฉวยมีช่วงเวลาสนุกดั่งมนุษย์คนอื่น ในขณะที่คนรอบตัวล้วนกอบโกยความสุขมากมาย มีครอบครัวสมบูรณ์กันหมดแล้ว"แหม่..ถ
ณ ประเทศนาเธอร์ลาสติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!"แย่แล้วค่ะองค์หญิงตื่นได้แล้ว องค์ชายกำลังมาเพคะ" ผู้ได้รับมอบหมายเป็นพี่เลี้ยงมาร่วมยี่สิบปี กำลังร้อนรนเอื้อมมือสะกิดเจ้าหญิงตัวเล็กบนเตียงหรูประกอบด้วยทองคำ ลิลลี่ส่งเสียงกระวนกระวาย จวนเจียนเหมือนกองเพลิงใกล้ขยับทุกที หลังพยามปลุกร่วมชั่วโมงกว่า แต่ไม่มีท่าทีจะลุกตื่นขึ้นมาเลย"อะไรกันแต่เช้าพี่ลิลลี่ โมอาขอตื่นตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ!" ใบหน้าสวยงอค้ำไม่พอใจ รุดออกจากผ้าห่มผืนหนา สบัดตัวนั่งบนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์"นี่มันเกือบบ่ายสองแล้วนะเพคะ องค์ชายกำลังมาตามแล้ว""ห๊ะ!!!!..แล้วทำไมไม่ปลุกกันเล่า!" ดวงตากลมขนงอนเงา รีบเหลือบดูนาฬิกาเรือนใหญ่ข้างพนังห้อง ทันใดนั้นร่างอรชรรีบกระโดดลงจากเตียง เริ่มมีท่าทีกระวนกระวายไม่ต่างจากพี่เลี้ยงเลย"ลิลลี่ปลุกมาเกือบชั่วโมงแล้วนะเพคะ" เธอรีบส่งเครื่องแต่งกายทั้งหมดให้องค์หญิงราวรู้ใจ เพราะไม่ว่าจะทำอะไร ลิลลี่รับหน้าที่ช่วยดูแลตลอดมา... ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงันภายในห้องโถงใหญ่ ของเมืองเล็กๆซึ่งน้อยคนรู้จักทางแถบตะวันตก ทั้งองค์หญิงและองค์ชายนั่งก้มหน้าตึงเครียด เมื่อโดนถ้อยคำบังคับจากบิดา ให้ไปงานการกุศ
@ โรงแรมหรูชื่อดัง"พี่มาร์จะให้น้องเข้าไปจริงๆหน่ะหรอ" ข้อศอกเล็กรีบสะกิดผู้เป็นพี่ชาย ยามทั้งคู่หยุดอยู่หน้าโซนทางเข้างาน ร่างบอบบางสวมชุดราตรียาว เปิดไหล่โชว์ผิวขาวโดดเด่น ท่ามกลางงานระรื่นผู้คนมากล้น ต่างจับจ้องชนชั้นสูงของยศเจ้าหญิง ที่มาพร้อมกับเจ้าชายเรียงลำดับขั้น เตรียมจะขึ้นครองบัลลังก์อีกไม่นาน"ถอยหลังไปตอนนี้ มีหวังท่านพ่อสั่งขังเจ้าแน่โมอา" ใบหน้าหล่อสมฉายาเจ้าชายของเมือง เอียงมองน้องสาวก่อนจับฝ่ามือบางกระชับเข้าที่ ตรงท่อนแขนแกร่ง ออกแรงก้าวเดินนำโดยที่คนด้านข้างจำใจยอมตามทันใดนั้นเกิดเสียงแสงแฟลชกล้องถ่ายรูปกดรัวชัตเตอร์ เป็นจุดจับจ้องจนเจ้าของงานรีบวิ่งเข้าต้อนรับ"ในที่สุดองค์หญิงก็มาด้วย" อองตวนเอ่ยบอก เขาคือลูกของนักการเมืองชื่อดัง แฝงไปด้วยบารมีจากสิ่งผิดกฎหมาย รีบก้มคำนับลงเล็กน้อย เพื่อเป็นการเคารพในเกียรติของทั้งสอง แม้จะรู้จักเล่นสนุกกันตั้งแต่วัยเยาว์"เล่นบังคับกันยันท่านแม่ เกินไปแล้วนะอองตวน!" น้ำเสียงใสรีบโต้กลับเบาๆ ครั้นต้องรักษากิริยาเพราะไม่ว่ายังไงผู้คนก็จับจ้องสถานะพวกเธออยู่ดี"ฝากดูแลเธอด้วย...พี่มีคุยกับพวกองคมนตรีแป๊บเดียว" มาร์แชลล์พยักหน้าใ
@ สวนดอกไม้ในวัง"พี่เดย์เรื่องที่ให้ไปหาข้อมูลไปถึงไหนแล้ว" เสียงขององค์หญิงกระซิบกระซาบ ยามบรรดาพี่เลี้ยงคนสนิทแยกตัวไปจัดเตรียมมื้ออาหารว่าง เธอเลยลอบคุยเรื่องความลับ นั่งบนชิงช้าแกว่งขาเรียวท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ผีเสื้อบินคล่องตัวเหนือดอกกุหลาบหลากสี"เรียบร้อยครับ เป็นผู้มีอิทธิพลค่อนข้างใหญ่โตทางแทบประเทศไทย นี่คือประวัติของเขาครับ" เดโม่แอบยื่นเอกสารลับระบุประวัติของชายนิรนาม มีใบหน้าคมคายแต่นัยน์ตาดำกริบชวนวังเวง"เราจะเริ่มแผนได้เมื่อไหร่" โมอากลับพูดจริงจัง ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกโลเล ยามคิดแผนสำคัญทำชีวิตผลิกผันได้เพียงแค่นาทีเดียว พอเห็นพี่ชายเดินมาระยะไกลรีบขย้ำเอกสารใบนั้นโยนใส่ชายหนุ่มด้านข้าง มือเรียวบางแสร้งรับแก้วน้ำผลไม้สีส้มอมแดงจากองครักษ์ ยกจิบเล็กน้อยให้คล่องคอ"คืนนี้ครับ แต่ว่าองค์หญิง..." เดโม่ลากเสียงยาวไม่ยอมพูดจนจบ ปานวิตกในหัวสมอง"ไม่มีเวลาแล้วรีบไปจัดการนะ" เธอเอ่ยออกคำสั่งแผ่วเบา เมื่อมีบุคคลใหมาใกล้เข้ามาทุกที จนเดโม่พยักเคารพรีบออกจากจุดนั้นสวนคนละทางกัน"ตามหาน้องอยู่หรอพี่มาร์" น้ำเสียงใสพูดก่อน เมื่อเห็นความหมายผ่านนัยน์ตาคมผู้เป็นพี่ ร่างสูงแต่งต
@ ห้องพักระดับพรีเมี่ยม ภายในห้องพักระดับหรูหรา แสงไฟนีออนจ้าสว่าง มีชายร่างกำยำนอนเปือยกายส่วนบนในผ้านวมผืนสีขาวหนา หลับตาสนิทด้วยใบหน้าแสนหล่อเหลา บนเตียงกว้างขนาดใหญ่ ระหว่างนั้นดวงตาของหญิงสาวเพ่งมอง ครุ่นคิดถึงการกระทำผิดชอบชั่วดี แต่ถึงอย่างไรนั้น...คงเป็นเหตุผลเดียวที่สามารถต่อกร เอาตัวรอดจากเรื่องยุ่งเหยิงได้"คุณ!!!ตื่นได้แล้ว" โมอาตะเบ่งเสียงดัง หลังจัดการเสื้อผ้าของตัวเอง ชนิดขาดรุ่ยหากใครมองคงตกใจ แถมยังป้ายลิปสติกสีบนปากบางลงตามแผงอกกว้าง เธอพยามปลุกคนข้างกายหวังให้ตื่นก่อนใครจะเข้ามา"หื้ม...เฮ้ย!!!" ทันทีที่ประสาทสัมผัสว่องไวทำงาน ซิลค์รีบลุกชันตัวนั่งพิงหัวเตียง สำรวจทั้งสถานที่และหญิงสาวข้างกาย นัยน์ตาคมตื่นตนกครั้งแรก ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งสนิท จับจ้องใบหน้าสวยกำลังสับส่ายอย่างมีพิรุจ"เมื่อคืนเรา...." น้ำเสียงใสกลั้นใจพูด สองมือประสานตรงหน้าตักราวประหม่า เหตุใดต้องไหวสั่นกับเวลาอีกฝ่ายจ้องหน้า ยิ่งกว่าผู้ปกครองจ้องจับผิด"ไม่มีทาง" น้ำเสียงเข้มตอบกลับอย่างราบเรีียบ จับผ้านวมสะบัดเตรียมลุกตัวหนี ส่วนล่างยังสวมกางเกงสแลคดำแต่หัวเข็มขัดปลดออก เขาพอจำเธอได้เลือ
ตึก! ตึก! หญิงสาวก้าวเท้าเรียวฉับพลัน อาศัยเหตุการณ์เมื่อคืนเลยจำสถานที่ได้ดี หยุดยืนชะงักข้างริมเตียงขนาดใหญ่เหลือบมองเห็นผ้าปูสีเดิม รอยคราบเลือดผสมน้ำขาวขุ่นแห้งกัง ยิ่งย้ำความรู้สึกก้นบึ้งลึก จิตใจดวงน้อยไม่เคยไหวอ่อนให้ชายใด แต่นัยน์ตาคมคู่นั้นทำสูญเสียอาการ"อยู่นี่เอง" น้ำเสียงใสพูด เมื่อเจอกระปุกยาอยู่ตรงหัวเตียงจริงๆ ร่างอรชรถือวิสาสะคลานขึ้นบนเตียง ขยับไปเอื้อมมือหยิบ เพื่อให้หายป่วยไข้ไวไวหมับ!"อ๊ะ!!คุณจะมาเอาให้ทำไมไม่บอกเล่า" จู่จู่มือหนาดันแย่งคว้ากระปุกไปต่อหน้าต่อตา โมอารีบเอี้ยวตัวหันจ้องอย่างสงสัย แต่ดันถูกท่อนแขนแกร่งช้อนหน้าท้องราบไว้ ทำให้เธอค้างอยู่ในท่าคลานเข่าโดยมีร่างกำยำยืนข้างหลัง"จะทำอย่างอื่น" ซิลค์บอกผ่านน้ำเสียงแห่บพล่า ใช้มือข้างนึงอาศัยเปิดกระปุกยา หยิบออกมาหนึ่งเม็ดคาบไว้ ก่อนขวดน้ำที่ถือตามมาเตรียมส่งให้หญิงสาว"คุณป่วยเหรอ""ป่าว.." พอให้คำตอบเสร็จคนตัวสูงก้มประกบปากปิดทันที สิ้นสากทำหน้าที่ดันเม็ดยาลดไข้ใส่โพรงปากนุ่มแทน"อื้อ" รสชาติขมปี๋กว่าการกินแบบธรรมดา แล่นเข้าสู่ลำคอระหงทำขนลุกซาบซ่าน รีบแย่งคว้าขวดน้ำกระดกดื่ม ใบหน้าแดงระเรื่อไม่รู้ว่า
"เฮ้อ..กว่าจะกินได้ มันขมขึ้นคอเชียวนะ" คนตัวเล็กถึงกลับทิ้งร่างกายอ่อนยวบ นั่งพิงหลังบนเก้าอี้ส่งสายตาชำเรืองค้อนแก่เจ้าของบ้าน หลังร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำ เขาเลือกเน้นตักแต่ผักใบเขียวใส่จานบังคับ"ไหนว่าโต" ซิลค์ส่ายหน้าคมคายซ้ายขวา ตอนแรกตั้งใจจะกลับมายึดบัตรเครดิตคืน แต่พอเห็นรายการใช้จ่าย ส่วนมากเป็นของใช้ในบ้าน เลยทำเป็นแกล้งลืมไปก่อน ค่อยชำระทบต้นทบดอกทีหลัง"อยู่ที่นู้นไม่เห็นมีใครบังคับเรื่องการกินเลย คุณนี่ติดนิสัยเป็นหมอชอบบังคับคนไข้ชัวร์!" โมอาส่งเสียงใสยิ่งกว่านกกระจิบ ใช้ช้อนส้อมจิ้มเนื้อกุ้งแม่น้ำขนาดใหญ่แกล้งยั่วน้ำลายอีกฝ่าย"พูดมาก" เขาปรามสั้นๆ ใช้สายตาเข้มหรี่มอง วางช้อนส้อมข้างจานข้าวเป็นระเบียบ ยกแก้วน้ำกระดกดื่มตาม"เชอะ..แคร่ก! แคร่ก!" แต่ยังไม่ทันไร หญิงสาวฝั่งตรงข้ามเกิดอาการสำลักกระทันหัน ใช้กำปั้นเล็กทุบหน้าอวบรัวๆ ลมหายใจเริ่มติดขัด ใบหน้าแดงก่ำผิดจากเมื่อกี้แววตากลมคล้ายร้องขอ แต่ไม่มีเสียงเอ่ยบอก รู้สึกแสบทั่วลำคอด้านใน ราวจะหมดลมหายใจเพียงไม่กี่นาที"คุณโม!!!!เป็นอะไรครับ" เดโม่และเตโชพึ่งจะเข้ามานำอาหารในครัวไปทานกับพวกบอดี้การ์ด แต่ต้องตกใจเสียงใสร
@ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำโมอาถือโอกาสดีเปิดใช้บัตรเครดิตใบใหม่รูดใช้จ่ายสินค้ามากมาย ส่งถุงแบรนด์หรูให้เดโม่ผู้ช่วยส่วนตัวคอยประกบด้านหลัง โดยเธอไม่ลืมคืนเงินจำนวนนึง ถือคติที่ว่าไม่ยอมเป็นหนี้ใครง่ายๆโดยเฉพาะคนใกล้ตัว"คุณโมไม่ต้องคืนหรอกครับ องค์ชายแอบส่งให้แล้ว" เขาพยามกระซิบบอกยังไงหญิงสาวก็ไม่มีท่าทีจะฟัง พาเดินเข้าแต่ร้านสิ่งของหรูหรา เขาเกรงว่าอีกไม่นานวงเงินในบัตรนั้นคงหมดเร็วๆนี้ หากคนยังใช้ประหนึ่งเล่นสะสมแต้ม"ได้ไงพี่เดย์ ระดับมือขวาของโมเชียว เลือกเสื้อสูทดีๆสักตัวสิ เวลายืนข้างพี่เตจะได้ดูเด่นกว่าเขาไง" น้ำเสียงใสฉายแววหมั่นไส้ ยามนึกถึงใบหน้าคมคายทั้งเจ้านายและลูกน้อง เขาเล่นกอบโกยเรี่ยวแรงทำสองขาเรียวสั่นเวลาก้าวเดิน"อย่าแต่งแบบนั้นเลยครับ เราจะเป็นที่จับตามองได้" พอมาอยู่ประเทศไทยรอบนี้ การแต่งกายเขาเปลี่ยนเป็นแบบชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ทั่วไป ดูกลมกลืนเข้ากับสังคมดีกว่า"เลือก!นี่คือคำสั่ง อ้อ..แล้วเราไปซื้ออาหารสดกันด้วย เย็นนี้โมจะเข้าครัว" ร่างอรชรยื่นแขนเรียวขาวปานเชิญเข้าร้านด้านใน การันตีผ้าแบรนด์ขนาดใหญ่ ยิ่งทำให้องครักษ์รู้สึกเกรงใจ ทว่าพอเห็นแววตากลมจ
"........." ".........."บรรยากาศชวนอึดอัดทันที เมื่อซิลค์เลือกนั่งหันหลังใส่คนตัวเล็กนอนหมดแรงบนเตียง พลางมองสำรวจบริเวณรอบห้อง ตกแต่งสไตล์เนียบดูสะอาดเหมือนเจ้าของ เธอลอบมองแผ่นหลังกว้างอยู่ระยะนึง เขาไม่ส่งเสียงใดยิ่งเงียบผิดปกติ เป็นตัวบ่งบอกเรื่องความสัมพันธ์จากนี้"ถ้าตามทฤษฎี...เราเป็นผัวเมียกันแล้วใช่ไหมคะ" โมอาเอ่ยบอก อยากรู้ตามความเข้าใจที่ทราบมา ขยับตัวนั่งพิงหัวเตียงสองมือกำชายผ้าน่วมข่มความรู้สึกประหม่า พอชำเรืองเห็นคราบสีแดงสดปนขาวขุ่นเปลื้อนผ้าปู ร่างอรชรรีบเอี้ยวตัวหยิบทิชชู่ทำลายร่องรอย"หมายความว่าไง?" น้ำเสียงเข้มถามเรียบนิ่ง มีชายผ้าห่มปิดคลุมช่วงล่างเท่านั้น ผิวกายขาวสะอาดสะอ้านไม่มีแม้กระทั่งรอยด่างเลยลำตัวกำยำเอื้อมหยิบบุหรี่จากกางเกงสแล็คดำ จุดแช็กสูบไม่สนผู้ร่วมอาศัย จนเธอรวบรวมผ้าผืนหนายกขึ้นปิดจมูก ปล่อยเสียงอู้อี้พูดคุย"แค่สงสัยเฉยๆ แต่ไม่ต้องคิดนะคะว่าฉันจะเรียกร้องอะไร" เธอรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ตามคำที่พูดบอก ทั้งสองต่างยินยอมทำเรื่องอย่างว่าเอง พอจะขยับส่วนล่างก็เกิดความรู้สึกปวดระบม เลยหยุดชะงักค้างท่าเดิมไว้ก่อน"อวดดี..หึ" เสียงพ่นลมหายใจแรงๆตามหลั
"ฉันจะบอกว่า.." น้ำเสียงใสเริ่มละล่ำลัก ยามเห็นซิลค์ขยับมายืนข้างโต๊ะทำงาน มีอุปกรณ์การแพทย์จำนวนนึงวางอยู่ ชิ้นเนื้อต่างๆกระจัดกระจายในถาดแสตนเลส จากการคาดคะเนตามสายตาอาจเป็นเนื้อเยื่ออ่อน ผสมรอยเลือดสีแดงสดยังไหลซึม"เศษสมองคน" คนตัวโตให้คำตอบชัดทุกถ้อยคำ ยิ่งทับถมความคิดหญิงสาว เกิดอาการกลัวเกร็งสั่นตามมือบาง ปล่อยสองข้างพนักจับเป็นอิสระ ลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอเล็ก ใครจะคิดว่าได้เห็นของจริงระยะใกล้แบบไม่เต็มใจ แสงหริบหรี่ของหน้าจอคอมพิวเตอร์ พาลกดดันก้อนใจดวงน้อยเต้นตึกตัก กระหน่ำรัวแข่งกับแรงสูบเลือดทั่วกายสาว บ่งบอกว่าไม่ควรฝืนอยู่บริเวณอันตราย"ไว้วันอื่นก็ได้เนอะ" ร่างอรชรลุกขึ้นยืน ถึงกลับพะอืดพะอมไม่มีแรงก้าวขา ยกมือทุบขมับเล็กเบาๆตั้งสติ แต่ทว่าดันสะดุดเท้าตัวเองเซล้มใส่คนตัวสูง"แล้วอวดเก่ง?" เป็นเสียงเข้มแว่วผ่านหูบาง ทำใบหน้าสวยแหงนตามองศาเอี้ยวมอง เงาสะท้อนกระทบนัยน์ตาคมชวนลุ่มหลงรอบสอง"คือ.." คนบอกยังสบมองนัยน์ตาคม พาลร่างอรชรอ่อนระทวยสูญเสียความเป็นตัวเอง ฝ่ามือบางทั้งคู่เกาะแผงอกแกร่ง ค่อยๆเลื่อนใบหน้าสวยสีแดงจางเข้าหาริมขอบปากหยัก"อย่ามาร้องเสียใจทีหลัง" ซิลค์
@ คอนโดโมอา เมื่อรองเท้าผ้าใบสีขาวก้าวลงจากรถยนต์คันหรูของสามีในนามชั่วคราว หลังเดโม่ยืมจากเตโชเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เขาสืบทราบข่าววงในได้ว่ามาร์แชลล์ไม่มีทางปล่อยน้องสาวมาร่วมชะตาลำพัง ร่างอรชรสวมชุดธรรมดาเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นเช่นเคย ล้วงบัตรแสกนเพื่อเข้าตัวอาคาร โดยให้องครักษ์ติดตามไปยืนรอตรงหน้าประตูห้อง เวลานี้อะไรก็ไม่แน่ไม่นอนเผื่อมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!"รีบไปกันเถอะ จะไปแวะซื้อหนังสืออีก" น้ำเสียงใสเอ่ยบอก โมอาจำเป็นต้องมาเอาสิ่งของสำคัญไว้ใช้เรื่องเรียน ซึ่งอีกไม่กี่วันดีก็จะเปิดเทอมสุดท้าย เดโม่มุ่งเดินนำหน้าไปยังลิฟท์กดประตูจะเลื่อนเปิดกว้างอัตโนมัติ มีบุคคลอื่นสวนลงมาชายนิรนามแปลกหน้าใส่เพียงแมสปิดปาก เหร่สายตาแฝงความคิดมองใบหน้าสวย จนเจ้าตัวรู้สึกรีบเดินไปยืนคู่คนด้านข้าง"เป็นอย่างที่เราคิด" น้ำเสียงเข้มเอ่ยบอก ระหว่างประตูลิฟท์เลื่อนปิดกดระบุชั้นปลายทาง เขาหันไปมองหญิงสาวเล็กน้อย เธอกำลังถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันไม่ง่ายสักนิดเดียวแค่อยากมีชีวิตอย่างคนทั่วไปติ่ง!"เชิญครับ" เดโม่พุ่งตัวออกจากลิฟท์ก่อน สอดส่องสายตาดูบริเวณรอบ เมื่อเข้าเขตพื้นที่อยู่อาศ
ภายในห้องครัว_"........" ยามใบหน้าทั้งสองอยู่ระยะใกล้ ดวงตาสองคู่กำลังอ่านข้างในกันและกัน เกิดความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น รับรู้ถึงอุณหภูมิอุ่นราดรดริมฝีปากก้อนใจดวงน้อยเต้นตึกตัก ไม่เคยเข้าใกล้ชายใดแล้วสูญเสียความเป็นตัวเอง คับคล้ายร่างกายกำลังอ่อนไหว ค่อยๆเคลื่อนเปิดเปลือกตาปิด เมื่อริมฝีหนาใกล้จะประกบก๊อก! ก็อก!"องค์หญิงครับ" เดโม่กดน้ำเสียงต่ำเรียก เขาเคาะพนังกำแพงราวกับส่งสัญญาณขัดจังหวะ ยืนหันหลังให้ตรงกรอบประตู หมายบอกคนทั้งคู่ตรึงตนักสถานะตน"เอ่อ..ขอบคุณค่ะ" ร่างอรชรรีบผละอ้อมแขนแกร่งออก เอียงใบหน้าสวยหันสนใจเตาอบปกปิดสีแดงบนแก้มเนียน"ไม่ถือ" ซิลค์บอกเหมือนไม่ได้ใส่ใจ กระแทกลมหายใจราวหงุดหงิด ไม่คิดเช่นกันว่าทำไมถึงเผลอไผลไป ก่อนเดินผ่านองครักษ์ใช้สายตาเฉือดเฉือนมอง"เกิดอะไรขึ้นหรอครับ" เขาเอ่ยถามทันที เมื่อเหลือกันสองคนภายในครัว หลังเห็นมาเฟียหนุ่มขึ้นช้างบนแล้ว"โมลื่นเมื่อกี้นิดหน่อย ว่าแต่มีข่าวทางนั้นบ้างไหม" ร่างอรชรเลือกเดินตรงไปหน้าเตาอบ สวมถุงกันร้อนพร้อมเปิดดูผลงาน เธอไม่มีกล้าแม้แต่จะหันมองคู่สนทนา เกรงว่าจะจับอาการเมื้อกี้ออก"วงในเงียบสนิท พวกท่านน่าจ
มหาวิทยาลัยชื่อดัง_"อาทิตหน้าก็จะเปิดเทอมสุดท้ายของเราแล้ว ดีใจจังเลยโมอา" เมล์คือเพื่อนสาวคนสนิทที่โมอาคบอยู่ บุคลิกนิสัยมาดแมนแถมยังตัดผมสั้น หากเป็นผู้ชายคงหล่อเท่ไม่น้อย เธอนอนใช้แขนหนุนศีรษะบนสนามหญ้าข้างตึกคณะ ช่วงเวลานี้ไร้นักศึกษาเพ่นพล่าน สมควรเหมาะแก่การพักสายตา หลังอ่านสือตลอดคืน"แล้วปีนี้เราต้องเลือกสถานที่ฝึกงานด้วยใช่ไหมเมลล์" เธอไม่ได้บอกเพื่อนสาวเรื่องสถานะศักดิ์เกียรติยศใด ป้องกันผู้อื่นล่วงรู้ตาม ถึงแม้ว่าเมล์สามารถเก็บความลับได้ดีจึงคบหาต่อเนื่องจนเข้าสู่ปีที่ห้าแล้ว"แค่สามเดือนเอง เลือกติดๆกับมหาลัยก็ได้มั้ง" คนบอกส่งเสียงคล้ายขี้เกียจ โยนกระเป๋าเป้ใส่ตักเพื่อนสาวหวังให้นอนเฝ้าสิ่งของยามเธอหลับ"แถวนี้ตรงไหนที่เข้าง่ายๆบ้างล่ะ คะแนนปีนี้จะสู้ปีที่แล้วได้ไหม อาจารย์เล่นโหดเกิน" เธอเจอด่านทดสอบยากเย็น กว่าจะจบเทอมก่อนเล่นส่งรายงานวิ่งเข้าออกห้องอาจารย์ประจำภาคทุกวัน"ไว้ค่อยคิดก็ได้ ตื่นมาเราไปร้องคาราโอเกะกัน""ก็ได้" ปากเรียวสวยเผยรอยยิ้มกว้าง เธอชอบร้องเพลงเป็นงานอดิเรกยิ่งมาเจอคนชอบแนวเดียว เลยเหมือนมีผู้สนับสนุนเพิ่ม เตรียมแลกเหรียญจำนวนนับไปหยอดจนกระทั่งหมดก
อีกด้านนึง_ณ สวนสาธารณะแห่งนึงในเมืองนาเธอร์ลาส ชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งพูดคุยบนเก้าอี้ยาวสีน้ำตาลเข้ม โดยมีบอดี้การ์ดคอยซุ่มตามต้นไม้ใหญ่ไม่ไกล ระดับองค์ชายคนสำคัญมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ เวลานี้คงไม่หาใครช่วยไม่ได้นอกจากผู้มีอำนาจด้านมืดล้นมือ"นายคงไม่คิดว่าโมอาจะกล้าทำจริงๆใช่ไหม" มาร์แชลล์พูด สวมเสื้อฮู้ดสีดำใช้หมวกคลุมปกปิดใบหน้ากันผู้คนรู้จัก แค่เวลาผ่านไปไม่ถึงสองวันดี คนเป็นพี่ชายย่อมห่วงใยน้องสาว ถึงเธอจะศึกษาอยู่ข้ามทวีปกัน"ต่อให้มันเป็นใคร รับรองได้เลยว่าอองตวนคนนี้จะปิดปากมันเอง" น้ำเสียงบ่งบอกแววโหดร้าย ใบหน้าชายหนุ่มหล่อเหลาไม่ต่างจากรูปปั้นชาวโรมัน ทว่าจิตใจอำมหิตเกินที่บุคคลรอบข้างจะเข้าหา ยกเว้นโมอาคือเพื่อนสนิท แม้คิดไม่ซื่อก็ตามเขาแอบชอบเธอตลอดมา จนครอบครัวพยามวางตำแหน่งคู่ครองในไม่ช้า แต่ใครจะคิดว่าหญิงสาวหาวิธีปฏิเสธได้แบบนี้"เราไว้ใจเจ้านะอองตวน" เวลานี้คนบอกคิดแค่ว่า หากปิดกลั้นเรื่องถูกผิดไว้ชั่วคราว เขาจะเลือกลงโทษชายแปลกหน้าคนนั้นด้วยความตายเป็นพอ ปล่อยเรื่องคือความลับตลอดกาล"ขอบใจที่เลือกผม"@ ประเทศไทยก็อก! ก็อก!"ฉันรู้ว่าคุณกลับมาแล้ว ขอคุยด้วยหน่อยไ