@ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
โมอาถือโอกาสดีเปิดใช้บัตรเครดิตใบใหม่รูดใช้จ่ายสินค้ามากมาย ส่งถุงแบรนด์หรูให้เดโม่ผู้ช่วยส่วนตัวคอยประกบด้านหลัง โดยเธอไม่ลืมคืนเงินจำนวนนึง ถือคติที่ว่าไม่ยอมเป็นหนี้ใครง่ายๆโดยเฉพาะคนใกล้ตัว
"คุณโมไม่ต้องคืนหรอกครับ องค์ชายแอบส่งให้แล้ว" เขาพยามกระซิบบอกยังไงหญิงสาวก็ไม่มีท่าทีจะฟัง พาเดินเข้าแต่ร้านสิ่งของหรูหรา เขาเกรงว่าอีกไม่นานวงเงินในบัตรนั้นคงหมดเร็วๆนี้ หากคนยังใช้ประหนึ่งเล่นสะสมแต้ม
"ได้ไงพี่เดย์ ระดับมือขวาของโมเชียว เลือกเสื้อสูทดีๆสักตัวสิ เวลายืนข้างพี่เตจะได้ดูเด่นกว่าเขาไง" น้ำเสียงใสฉายแววหมั่นไส้ ยามนึกถึงใบหน้าคมคายทั้งเจ้านายและลูกน้อง เขาเล่นกอบโกยเรี่ยวแรงทำสองขาเรียวสั่นเวลาก้าวเดิน
"อย่าแต่งแบบนั้นเลยครับ เราจะเป็นที่จับตามองได้" พอมาอยู่ประเทศไทยรอบนี้ การแต่งกายเขาเปลี่ยนเป็นแบบชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ทั่วไป ดูกลมกลืนเข้ากับสังคมดีกว่า
"เลือก!นี่คือคำสั่ง อ้อ..แล้วเราไปซื้ออาหารสดกันด้วย เย็นนี้โมจะเข้าครัว" ร่างอรชรยื่นแขนเรียวขาวปานเชิญเข้าร้านด้านใน การันตีผ้าแบรนด์ขนาดใหญ่ ยิ่งทำให้องครักษ์รู้สึกเกรงใจ ทว่าพอเห็นแววตากลมจริงจัง เลยยอมเข้าไปเลือกชนิดราคาต่ำที่สุดเพียงพอ
"อาหารไทยมีอะไรน่ากินบ้างนอกจากต้มยำกุ้ง" ขณะหญิงสาวเข็นรถลากเลือกซื้ออาหารสด เพื่อเตรียมสวมบทเป็นแม่บ้าน หลังเธออยากกินอาหารไทย แต่ยังนึกเมนูอื่นไม่ได้นอกจากต้มรสจัดอร่อยๆ
"พวกแกงเขียวหวาน หรือไม่ก็พะแนงหมูไหมครับ" คนเดินตามหลังส่งเสียงบอก จะขออาสาเข็นรถเองเธอก็ไม่ยอมปล่อย
"อันนั้นทำยากไป เราซื้อไปเพิ่มเอาดีกว่า" วงเงินมากมายอยู่ในมือ เหตุใดต้องเหนื่อยลงแรงทำ รอยยิ้มหวานฉีกกว้าง เลิกคิ้วมนเจ้าเล่ห์ยามคิดว่าตัวเองคือเจ้าของบัตร
"แล้วสรุปคุณโมจะเอากุ้งแม่น้ำเพิ่มไหมครับ" เขาเดินแยกไปตรงโซนอาหารทะเล ซึ่งรู้ดีว่าเธอชอบพิเศษ หากมีน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัด กว่าจะหยุดทานต้องรอจนเกลี้ยงก่อนเลย
"จัดไปเลยสักสามโล!!"
@ บ้านซิลค์
"ลา~อืม~ลั้น~ลา~" แม่ครัวจำเป็นส่งเสียงร้องเพลงฮึมผ่านลำคอ อารมณ์ดีเป็นพิเศษกำลังจะได้ทานอาหารรสโปรดปราน สวมผ้ากันเปื้อนสีหวานคลุมปิดเบื้องหน้า กันเศษอาหารกระเด็นใส่ตามตัว
เธอไม่ได้วานให้ใครเป็นลูกมือ แถมยังตั้งใจทำอาหารเผื่อกลุ่มบอดี้การ์ดด้านหลังบ้าน ปล่อยเดโม่ฝึกร่วมกับพวกเขาได้สานมิตรภาพกัน
"เจ้ากุ้ง..วันนี้จะกินไม่ให้เหลือเลย" ฝ่ามือเรียวรีบปอลกพริกกับกระเทียมใส่โถปั่น เทน้ำมะนาวสดพ่วงด้วยเกลือเล็กน้อย แค่กลิ่นหอมๆตอนอาหารใกล้ เรียกอาการหิวท้องร้องไว
เธอรีบเร่งจัดใส่จานให้สวยงาม ไม่ลืมแบ่งไว้อีกชุดสำหรับลูกน้องคนอื่น ลงแรงเตรียมโต๊ะมื้อค่ำเรียบร้อย รอแค่เจ้าของบ้านกลับมา
"ใคร?" เมื่อถึงเวลากลับตรงตามเตโชบอก ร่างอรชรรีบลุกขึ้นยืนคอยต้อนรับหน้าโซนห้องอาหาร ฉีกยิ้มกว้างยามเจอหน้าคนตัวสูง
ซิลค์ส่งเสื้อสูทสีเข้มให้ลูกน้องด้านหลัง บรรยากาศดูแปลกตาจนคิ้วหนาเลิกสงสัย เขาชอบเหตุการณ์ดั่งเมื่อก่อนมากกว่า เพราะตอนนี้ไม่รู้แสดงอารมณ์ไหนดี
"ฉันอยากทำอาหารกินเอง แม่เคยบอกว่ามันจะอร่อยก็ต่อเมื่อเราลงมือปรุง" โมอาเอาใจด้วยการลากเก้าอี้ตัวประจำหัวโต๊ะให้ ยิ่งท่าทางผิดแปลก เขายิ่งไม่ตอบสนอง เอื้อมไปดึงที่ว่างด้านข้างนั่งลงแทน
"เธอแน่ใจ?" น้ำเสียงเข้มเอ่ยถาม อาหารหลากหลายบนโต๊ะมากมาย ทว่ามีเมนูตั้งเยอะที่เขาไม่สามารถทานได้ เหตุใดเตโชถึงไม่ห้ามปราม หรือว่าหญิงสาวส่งเสียงแวดใส่จึงยอมแพ้ ให้มาฟังจากปากเขาเสียเอง
"ก็ฉันจะทานพร้อมคุณด้วยไง ไม่ต้องกลัวหรอกว่ามียาพิษ มานี่ทดสอบให้ดูก่อนเลย" เมื่ออาการหิวโหยเกือบตาลาย ได้โอกาสเธอรีบนั่งลงฝั่งตรงข้าม จับช้อนกลางตักต้มยำน้ำข้น เน้นกุ้งตัวใหญ่จิ้มเนื้อทาน
พอลิ้มลองได้คำนึง อุตสาห์มีน้ำใจเตรียมตักให้อีกฝ่าย ฝ่ามือหนารีบดึงจานข้าวสวยออก ชักสีหน้านิ่งเหมือนซ่อนความคิด
"ฉันแพ้อาหารทะเล" เขาพูดบอกตัดปัญหา ให้เธอทราบไปเลย จะได้ไม่มีครั้งต่อไป
"นี่มันกุ้งแม่น้ำนะ" ดวงตากลมเบิกโตขยาย อาหารเหล่านี้แทบไม่มีคนเคยแพ้
"ในต้มมีปลาหมึก" นัยน์ตาคมหรี่บอก เอียงใบหน้าหล่อเหลาเล็กน้อย ก่อนจับช้อนกลางตักผัดผักใส่หมูกรอบแทน
"คุณ!ฉันไม่ชอบผักคะน้า" ร่างอรชรแทบพุ่งตัวไปปัดมือออก อีกฝ่ายดูเหมือนหวังดี แต่การทานผักใบเขียวมันไม่ง่ายเช่นกัน รสขมเฝื่อนจางๆแทบติดตรึงรสชาตในคอ จะกินอะไรต่อก็ไม่อร่อยแล้ว
"แลกกับสามแสน" คนตัวสูงยังไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจ ใช้ลำตัวกำยำโน้มเล็กน้อย สามารถเทอาหารในช้อนใส่จานข้าวหญิงสาวได้
"จะให้เงินอีกหรอ?" ใบหน้าสวยยิ่งฉีกยิ้มกว้างไปใหญ่ ยามมีผู้ปกครองหาสิ่งหลอกล่อราคาแพงให้ หากลองทานสักชิ้นสองชิ้นแลกกับเงินจำนวนสูง เธอจะยอมกลั้นใจทานจนหมดเอง
"ป่าว..แลกกับสามแสนวันนี้ที่เสียไป"
.
.
"เจ้านายมึงเสร็จแน่ไอเดย์" เป็นเสียงของเตโชพูดข่มขวัญคนด้านข้าง เขาพึ่งชวนกันทดสอบร่างกาย นั่งพักอยู่ข้างบ้านมีผ้าเย็นเช็ดเหงื่อ
"เจ้านายมึงสิตายแน่ ใครได้ชิมฝีมือคุณโมมีจำไปอีกนาน" เดโม่ใช้หัวรองเท้าผ้าใบถีบหน้าขาคู่สนทนา ทั้งหมั่นไส้แทนเจ้านาย แถมยังชอบพูดเหน็บแหนมอีก
"นี่มึงแน่ใจนะว่าชมเจ้านายตัวเอง" เขาหันหน้าถามย้ำอีกรอบ หรือหูคู่นี้จะได้ยินผิดไป
"เออดิ...ว่าแต่กุ้งวันนี้ของกูนะเว้ย มึงนินทาคุณโมไปกินข้าวกล่องตามเดิมเลย!"
....................................................
"เฮ้อ..กว่าจะกินได้ มันขมขึ้นคอเชียวนะ" คนตัวเล็กถึงกลับทิ้งร่างกายอ่อนยวบ นั่งพิงหลังบนเก้าอี้ส่งสายตาชำเรืองค้อนแก่เจ้าของบ้าน หลังร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำ เขาเลือกเน้นตักแต่ผักใบเขียวใส่จานบังคับ"ไหนว่าโต" ซิลค์ส่ายหน้าคมคายซ้ายขวา ตอนแรกตั้งใจจะกลับมายึดบัตรเครดิตคืน แต่พอเห็นรายการใช้จ่าย ส่วนมากเป็นของใช้ในบ้าน เลยทำเป็นแกล้งลืมไปก่อน ค่อยชำระทบต้นทบดอกทีหลัง"อยู่ที่นู้นไม่เห็นมีใครบังคับเรื่องการกินเลย คุณนี่ติดนิสัยเป็นหมอชอบบังคับคนไข้ชัวร์!" โมอาส่งเสียงใสยิ่งกว่านกกระจิบ ใช้ช้อนส้อมจิ้มเนื้อกุ้งแม่น้ำขนาดใหญ่แกล้งยั่วน้ำลายอีกฝ่าย"พูดมาก" เขาปรามสั้นๆ ใช้สายตาเข้มหรี่มอง วางช้อนส้อมข้างจานข้าวเป็นระเบียบ ยกแก้วน้ำกระดกดื่มตาม"เชอะ..แคร่ก! แคร่ก!" แต่ยังไม่ทันไร หญิงสาวฝั่งตรงข้ามเกิดอาการสำลักกระทันหัน ใช้กำปั้นเล็กทุบหน้าอวบรัวๆ ลมหายใจเริ่มติดขัด ใบหน้าแดงก่ำผิดจากเมื่อกี้แววตากลมคล้ายร้องขอ แต่ไม่มีเสียงเอ่ยบอก รู้สึกแสบทั่วลำคอด้านใน ราวจะหมดลมหายใจเพียงไม่กี่นาที"คุณโม!!!!เป็นอะไรครับ" เดโม่และเตโชพึ่งจะเข้ามานำอาหารในครัวไปทานกับพวกบอดี้การ์ด แต่ต้องตกใจเสียงใสร
ตึก! ตึก! หญิงสาวก้าวเท้าเรียวฉับพลัน อาศัยเหตุการณ์เมื่อคืนเลยจำสถานที่ได้ดี หยุดยืนชะงักข้างริมเตียงขนาดใหญ่เหลือบมองเห็นผ้าปูสีเดิม รอยคราบเลือดผสมน้ำขาวขุ่นแห้งกัง ยิ่งย้ำความรู้สึกก้นบึ้งลึก จิตใจดวงน้อยไม่เคยไหวอ่อนให้ชายใด แต่นัยน์ตาคมคู่นั้นทำสูญเสียอาการ"อยู่นี่เอง" น้ำเสียงใสพูด เมื่อเจอกระปุกยาอยู่ตรงหัวเตียงจริงๆ ร่างอรชรถือวิสาสะคลานขึ้นบนเตียง ขยับไปเอื้อมมือหยิบ เพื่อให้หายป่วยไข้ไวไวหมับ!"อ๊ะ!!คุณจะมาเอาให้ทำไมไม่บอกเล่า" จู่จู่มือหนาดันแย่งคว้ากระปุกไปต่อหน้าต่อตา โมอารีบเอี้ยวตัวหันจ้องอย่างสงสัย แต่ดันถูกท่อนแขนแกร่งช้อนหน้าท้องราบไว้ ทำให้เธอค้างอยู่ในท่าคลานเข่าโดยมีร่างกำยำยืนข้างหลัง"จะทำอย่างอื่น" ซิลค์บอกผ่านน้ำเสียงแห่บพล่า ใช้มือข้างนึงอาศัยเปิดกระปุกยา หยิบออกมาหนึ่งเม็ดคาบไว้ ก่อนขวดน้ำที่ถือตามมาเตรียมส่งให้หญิงสาว"คุณป่วยเหรอ""ป่าว.." พอให้คำตอบเสร็จคนตัวสูงก้มประกบปากปิดทันที สิ้นสากทำหน้าที่ดันเม็ดยาลดไข้ใส่โพรงปากนุ่มแทน"อื้อ" รสชาติขมปี๋กว่าการกินแบบธรรมดา แล่นเข้าสู่ลำคอระหงทำขนลุกซาบซ่าน รีบแย่งคว้าขวดน้ำกระดกดื่ม ใบหน้าแดงระเรื่อไม่รู้ว่า
นาทีต่อมา_"คุณไม่นอนเหรอ" เสียงของคนตัวเล็กด้านข้างเอ่ยถาม เวลานอนแปลกสถานที่ เธอมักกังวลเรื่องสิ่งลี้ลับตามถ้อยคำบอกเล่าต่อๆกัน ไหนจะพิษไข้อุณหภูมิร่างกายสูงจนหลับตาไม่ลง ปวดมึนศีรษะแทบทุกนาทีแล้วคนตัวโตยังหอบโน๊ตบุ๊คมาทำงานบนเตียงอีก ถึงแม้จะเปิดแค่โครมไฟสลัวส่อง มันกลับกระทบคนหลับยากต้องหันมองตามด้วยนิสัยอยากรู้"งานยังไม่เสร็จ" เขาให้คำตอบสั้นๆ ผมดกดำพึ่งสระหมาดๆโชยกลิ่นหอม ไร้การเซ็ทตัวเช่นวันอื่น เผยใบหน้าคมคายดูอายุอ่อนกว่าวัย เป็นเท่าตัวแถมดูเข้าถึงง่ายๆดั่งคนสนิทกัน ตอนช่วงเขาไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย โมอาเลยรีบหยิบชุดนอนตัวเดิมมาสวมใส่ชั่วคราว ถึงจะเคยเห็นเรือนร่างกันแล้ว แต่ความเขินอายไม่มีน้อยลง รวมกระทั่งตอนนี้"งั้นให้หนูกลับห้องดีไหม..อ๊ะ!" จังหวะจะลุกนั่งพิษไข้ดันเล่นงาน เซนอนทรุดลงตำแหน่งเก่า เรียกคนด้านข้างหันมองดูตามสัญชาตญาณแพทย์รักษาคนป่วย"หนู?" น้ำเสียงเข้มย้อนถามอีกครั้ง ผ่านใบหน้าหนาเย็นชา เอื้อมหยิบผ้าขนหนูพึ่งซับน้ำพอหมาดๆ วางทาบบนหน้าผากมนเหมือนเดิม"เด็กเวลาคุยกับคนแก่กว่าต้องแทนตัวเองว่าหนูไงคะ" เธอคิดแบบนั้นจริงๆ หากไม่นับถือคงไม่เรียกคำนี้แน่ๆ"เหรอ" แ
ณ มหาวิทยาลัยชื่อดัง"ยัยเมลล์!!! ฉันเรียกแกหลายรอบแล้วนะ นั่งเหม่ออะไรอยู่" โมอาพยามตะเบ่งเสียงเรียกเพื่อนสาวซ้ำๆ กะว่าจะพุ่งมาจ๊ะเอ๋ให้ตกใจจากด้านหลัง แต่เมล์กลับนั่งเหม่อเฝ้าหน้าจอโทรศัพท์พวกเธอนัดกันใต้ตึกคณะคุรุศาสตร์ ตรงโต๊ะตัวเดิมมุมประจำ หลบแสงแดดได้ทั้งเช้าและเย็นค่อนข้างสงบไร้คนพลุ้งพล่าน"ไม่ได้เหม่อ ว่าแต่วันนั้นได้เอาดอกไม้ไปส่งน้องนิวไหม" เมล์เหลียวหันถาม กดปิดแสงหน้าจอหยิบเอาหนังสือเรียนขึ้นสนใจ"ให้แล้ว อย่าบอกนะว่าน้องไม่รับรักแกอ่ะ" เธออุตส่าห์ทำตัวเป็นแม่สื่อ ส่งดอกไม้ให้รุ่นน้องดาวคณะบริหารเกือบทุกวัน เมื่อเพื่อนสาวรู้ใจตัวเองว่าลุ่มหลงเพศสตรีเหมือนกัน เธอเลยอยากช่วยให้สมปรารถนา ร่างอรชรในชุดนักศึกษาค่อยๆหย่อนขาเรียวนั่งลงด้านข้าง ยกมือกอดเพื่อนรักคอปลอบใจ"แหง่แหละ ไม่อ่านไม่ตอบ" เมลล์ตอบสั้นๆ แค่อกหักตามประสาวัยรุ่นทั่วไป ผิดหวังคือเรื่องธรรมดาไม่ได้มีผลต่อชีวิต อย่างน้อยมนุษย์เราควรเรียนรู้หลายๆสิ่ง"งั้นก็กลับมาสนใจเรียนนะ เทอมสุดท้ายแล้ว อ้อ..โมว่าจะขอไปฝึกงานบนดอยอ่ะ เมล์ว่าไง" น้ำเสียงใสเอ่ยบอก เธอไม่ได้อยากอยู่ในพื้นที่เจริญหูเจริญตาแต่แรก หากไม่ติดว่าสถา
@ บ้านซิลค์เอี๊ยดดดด!!!!เสียงเหยียบเบรกรถยนต์กระทันหัน ลากยาวจนน่าตกใจว่าคนขับอาจจะเกิดอันตรายได้ เมื่อวิ่งมาด้วยความเร็วสูงสุดเข้าในเขตรั้วบ้านมาเฟียหนุ่มทั้งเงียบสนิทและไม่มีไฟสักดวงติดสว่าง ปานกระตุ้นอารมณ์บางอย่างในใจแกร่ง พื้นที่ส่วนตัวไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น พาลนึกถึงภรรยาในนามชั่วคราว"เธออยู่ไหน" น้ำเสียงเข้มเอ่ยถาม เมื่อก้าวเท้าลงจากรถคันหรู กลุ่มบอดี้การ์ดมีอาวุธยืนประกบ ใบหน้าสากนิ่งเก็บอาการ รวมถึงนัยน์ตาคมดำกริบยากอ่านความคิด มองสำรวจทุกตารางนิ้วกลับไม่พบคนของหญิงสาว"ช่วงมีคนบุกมาไฟในบ้านดับทุกดวงครับ เธอน่าจะหนีไปแอบกับเดโม่" ลูกน้องคนนึงที่เฝ้าบ้านรีบรายงาน เขาก็ตกใจเช่นกันแต่ยังมีสติพยามควบคุมสถานการณ์"มัน เป็น ใคร" ซิลค์ถามน้ำเสียงราบเรียบ แต่บ่งบอกอารมณ์บึ้งลึกได้ดี แม้แต่ลูกน้องด้านข้างยังรับรู้รัศมีมืด เจ้านายหนุ่มไม่เคยปราณีกับผู้หยามถิ่น"คนของเราติดตามไปแล้วครับ รอรายงานข้อมูลเพิ่มเข้ามา" เตโชโบกมือส่งสัญญาณไล่ลูกน้องไปสำรวจพื้นที่รอบบริเวณต่อ เขาอาสารายงานตามความจริงแทนเอง เพราะดูจากสีหน้ารุ่นน้องคงกังวลว่าจะโดนทำโทษ ระหว่างนั้นไฟในบ้านเริ่มติดส
นาทีต่อมา_"เอาไงดีครับนาย?" เตโชเอี้ยวตัวมากระซิบข้างร่างกำยำ เมื่อเหตุการณ์เหมือนจะแย่ลงไปทุกที แม้ว่าทุกคนจะสับสนสรรพนามที่หญิงสาวแทนตัวเอง เวลาคุยกับเจ้านายของพวกเขา"......." ซิลค์ไม่ตอบอะไรต่อ หมุนตัวเดินกลับเข้าทางหลังบ้าน ท่าทางไม่สบอารมณ์หนัก ลูกน้องต่างเลิกลักเดาใจไม่ถูก"เอามาเลย! ใจร้ายทั้งเจ้านายทั้งลูกน้องจริงๆ!" ได้โอกาสโมอารีบวิ่งมาเขย่งปลายเท้าเปล่า คว้าลูกแมวตัวน้อยอุ้มใส่อกอวบ ลูบหลังและเกาคางปลอบประโลม เดินหนีดุ่มๆไปนั่งเก้าอี้หลังครัวทิ้งคนอื่นให้แยกย้ายไปทำหน้าที่ตัวเอง หลังคนใจร้ายเลือกไม่ออกคำสั่งเพิ่ม"แต่เราต้องเอาไปปล่อยนะครับ" เดโมเดินตามเอ่ยบอกด้านข้าง ในเมื่อหญิงสาวได้ตามต้องการแล้ว ก็ควรหาคนเลี้ยงมันจริงๆ คาดว่าคงอยู่ในบริเวณนี้ ถึงหลุดวิ่งมายามค่ำคืนได้"พี่เดย์ไปดูแถวนี้ก่อนว่ามีเจ้าของไหม น่ารักขนาดนี้ต้องมีคนตามหาแน่ๆ" ฝ่ามือเรียวลูบแล้วลูบอีก วางมันลงบนเก้าอี้ ก่อนวิ่งเข้าไปหาของกินในครัว พอพบเจอจานปลาทอดตั้งแต่ตอนเย็น เลยยกมาทั้งหมดดีกว่าทิ้งใส่ขยะ ร่างอรชรทิ้งก้นลงบนพื้นหญ้า ให้สัตว์มีชีวิตสีขาวดูน่าถนุถนอมออดอ้อนบนเก้าอี้แทน วางจานปลาทอดใส่ในต
@ มหาวิทยาลัยแห่งนึง ตอนรถยนต์คันหรูจอดเทียบริมฟุตบาทหน้ารั้วสถาบันศึกษา ช่วงเวลาเช้ามืดยังไม่ทันสว่างดี เหตุที่ต้องรีบมาก่อนเพราะเธอกับเพื่อนสาว ยังเหลือส่งโครงงานของเทอมที่แล้วค้างไว้ เนื่องด้วยอาจารย์คนสั่งติดเดินไปต่างประเทศ จึงนำมาส่งก่อนเวลาเข้าเรียน"วันนี้มีคนขอมาดูคอนโด ผมอาจจะมารับช้าหน่อยนะครับ" ขณะหญิงสาวรีบหยิบสัมภาระเตรียมลง ทว่าพลขับผู้หวังดีเอ่ยบอกซะก่อนโมอาตัดสินใจปล่อยคอนโดเช่าชั่วคราว เพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน แถมยังไม่มีเวลากลับอยู่ ดีกว่าปล่อยทรุดโทรมลงเรื่อยๆ"ไม่ต้องห่วงโมหรอก วันนี้ว่าจะบอกพี่เดย์อยู่แล้วว่าคงกลับเย็น ไหนจะเคลียร์เอกสารฝึกงานอีก" น้ำเสียงใสตอบ ชายหนุ่มทำอย่างกับว่าเธอไม่เคยขึ้นรถสาธารณะ ตอนนั้นยังแอบหนีเที่ยวกับเมลล์เลย"ยังไงก็ระวังตัวหน่อยก็ดีนะครับ เรารู้อยู่แล้วว่าพวกนั้นคือใคร" เดโม่เอ่ยบอกอย่างเป็นห่วงในฐานะคนปกป้อง เดาได้ไม่ยากเลยว่าฝีมือใครก่อเหตุช่วงค่ำ"คงไม่ทำอะไรในมหาลัยหรอก แล้วอีกอย่างพวกนั้นไม่มีทางจับเราไปฆ่าแน่ๆ" คนบอกรีบแสดงนิสัยดื้อดึง พลางเอื้อมหยิบกระดาษสีม้วนใหญ่ยกกอดไว้"ครับ""อ้อ..ถ้าเช็คประวัติคนเช่าได้ พ
@ บ้านซิลค์ รถยนต์คันหรูรีบแล่นจอดเข้าโรงเก็บ เมื่อเดโม่ได้รับข้อความของบอดี้การ์ดที่เฝ้าบ้าน ว่ามีครอบครัวของโมอาเดินทางมาเยี่ยม เป็นการกดดันให้เธอต้องเผชิญหน้าครั้งแรก หลังเกิดเรื่องจากวันนั้นสองเท้าเรียวแทบจะยกก้าวไม่ขึ้น ด้วยความคิดแง่ลบพลุ่งพล่านไปไกล จนองครักษ์พยักหน้าให้สัญญาณ ร่างอรชรสูดลมเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนมุ่งเข้าทางหน้าบ้าน"ท่านแม่!พี่มาร์!" น้ำเสียงหวานหลุดร้องแสดงความดีใจ ยามเห็นทั้งสองนั่งบนโซฟา สีหน้ายิ้มแย้มยามเจอกัน เธอรีบพุ่งไปกอดให้หายคิดถึง ละลายความรู้สึกหม่นหมองของวันที่จากลา"เบาๆหน่อยเจ้าโม เดี๋ยวแม่ท่านก็หายใจไม่ออก" มาร์แชลล์ส่งเสียงปรามนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจดีว่าทั้งหมดมาจากอาการคิดถึง พวกเขาแต่งกายอย่างคนธรรมดาทั่วไป ไม่ได้ถือตัวอวดเบ่งกับกลุ่มลูกน้องของมาเฟียหนุ่มเลยเดโม่รีบก้มเคารพเช่นกัน เมื่อบุคคลทั้งสองยอมเดินทางมาถึงที่นี่ เกิดรอยยิ้มมุมปากนิดๆราวสบายใจขึ้นมา"คนมันคิดถึงแม่หนิ" ร่างอรชรยังสวมกอดมารดาราวเป็นลูกตัวน้อยๆ ยิ่งคนถูกกอดลูบผมสลวย นิสัยออดอ้อนยิ่งทวีคูณ ยามอยู่ต่างแดนทั้งบุพการีและตัวเธอไม่นิยมใช้คำสรรพนาม เพื่อให้ดูกลมกลืนกับคนทั่วไป"ที
เช้าวันใหม่_"แกโอเคไหมยัยโม" ผู้เป็นเพื่อนสาวต้องรีบถามเพราะความเป็นห่วง ใบหน้าใสคนข้างกายดูหมองเศร้า เหมือนคนอดนอนมาตลอดคืน หลังพวกเธอพึ่งจัดของพร้อมออกไปสอนหนังสือ ทว่าโอมาดูไม่มีกะจิตกะใจเหมือนทุกวัน"ช่างเถอะน่า วันนี้เราว่าจะสอนหลายวิชาไม่ใช่เหรอ" น้ำเสียงหวานตอบให้คนฟังคลายกังวล เมื่อวานนี้ต้องรีบส่งนักเรียน จึงเอาชั่วโมงว่างของวันสอนชดเชยต่อ คงทิ้งความคิดถึงใครบางคนไว้ชั่วคราว เพราะเธอรออยู่ที่เดิมทั้งคืนไร้รี่แวว นั่นเป็นคำตอบแทนการอยากรู้ในใจดี"ก็ใช่น่ะสิ แกรับบทภาษาต่างประเทศด้วยอย่าลืมเชียว" คนบอกทำสีหน้ากึ่งขยาด เธอไม่มั่นใจเสียเวลากลัวออกเสียงผิดๆ ครั้งนึงเคยโดนอาจารย์ประจำภาควิชาตำหนิ เกรงว่าอาจสืบทอดความรู้ผิดต้นตอ"ไม่ลืมหรอก แกหน่ะหัดมั่นใจตัวเองบ้าง""ขอเวลาอีกนิดนะ ของจริงกับตอนเรียนมันต่างกันนี่หน่า" เบลล์บอกน้ำเสียงอ่อน"จะต่างยังไงมันก็เหมือนกันทุกอย่างนั่นแหละ" เธอกับคิดถึงบางเรื่องขึ้นมาเสียดื้อๆ เผลอจิกผมเช็ดตัวในมือใกล้ฉีกขาด"อาชีพครูต้องอย่าเอาเรื่องอะไรมาปะปนนะแกอย่าลืมดิ" เบลล์บอกเตือน หากครูผู้สอนไม่สามารถส่งอารมณ์ให้นักเรียนได้ แล้วคนฟังจะไปรู้สึกสนุก
@ ช่วงเย็น ภายในสถานที่พักส่วนตัวของมาเฟียหนุ่ม นั่งตรงข้ามกับหญิงสาวก้มหน้าอย่างรับผิด เมื่อโดนพี่ชายตำหนิผ่านแววตาจริงจังจนโมอาไม่กล้าสู้มอง บรรยากาศตึงเครียดแม้แต่องครักษ์ด้านนอกยังรู้สึกกดดัน ต่างคนต่างมองกันเลิกลักแม้ว่าไม่เคยเจอรู้จักมาก่อน"เราขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ในเมื่อทุกคนรู้เรื่องจริงทั้งหมดแล้ว เราคงต้องพาโมอากลับบ้าน...สถานที่ของเธอจริงๆ" มาร์แชลล์พูดน้ำเสียงเข้ม จ้องมองคู่สนทนาอย่างไม่ลดหรี่ เขาต้องการพาเธอกลับสู่ครอบครัวจริง ที่นั่นเหมาะสมกับโมอาสุดแล้ว"ตะแต่...." คนตัวเล็กแทบไม่มีถ้อยคำโต้แย้ง เธอรู้ดีว่าพี่ชายเก็บอารมณ์โมโหไว้ก้นบึ้งลึกขนาดไหน คงไม่ต้องอธิบายถึงบุพการี ถ้ากลับไปรับโทษโดนบทสูงสุด สั่งกักขังหรือตัดอิสระอยู่สักพักนึงเขียว"....." ซิลค์เอาแต่มองใบหน้าสวย อายุจวนเจียนใกล้สามสิบวางท่าทางสุขุม แม้อีกฝ่ายเอ่ยคำไม่ต้องการได้ยิน ฝ่ามือหนากำพนักเก้าอี้เกร็งจนเส้นเลือดปูด นัยน์ตาดำนิ่งกริบไม่บ่งบอกความหมาย"คุณคงไม่ว่าอะไรหรอกนะ ในเมื่อแผนนี้น้องสาวเราเป็นคนคิดเอง" ทุกถ้อยคำที่เขาพยามพูดออกมา มันสื่อความหมายอีกอย่างว่า โมอาต้นคิดแผนการณ์เรื่องบ้านั่นคนเ
@ แคมป์พยาบาล ระหว่างรอนายแพทย์หนุ่มจัดการแผลโดนยิงด้วยตัวเอง โดยให้เตโชเข้าช่วยด้านในได้เท่านั้น ร่างอรชรนั่งรอกับพี่ชายอยู่เบื้องหน้าห้อง จิกกุมเสื้อโค้ทแน่นหลังผ่านเรื่องร้ายๆ"ยัยโม...เป็นยังไงบ้างแก" เบลล์รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดเพื่อนสาว พอทราบข่าวว่าโมอากลับมาอย่างปลอดภัยแม้ว่าเดโม่ไม่ยอมบอกอะไรให้เธอรู้เลย"ไม่เป็นอะไรแล้ว..นี่คือพี่ชายเราเอง" ถึงเวลาที่เธอต้องยอมบอกความจริงแก่เพื่อนรัก เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายสามารถเก็บความลับได้ เผื่อมีเหตุคราวจำเป็นเบลล์จะได้ระวังตัวไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้มาร์แชลล์นั่งนิ่งตีหน้าตาย เบื่อนหันหนีมองทางป่าทึบ เขาไม่ได้อยากรู้จักใครอีกแล้ว แค่ติดตามน้องสาวมาเพื่อรับกลับบ้านเท่านั้น"สวัสดีค่ะ แต่แกต้องเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมดนะ" คนบอกพนมมือไหว้เคารพถึงอีกฝ่ายไม่สนใจจะรับก็ตาม ก่อนดึงแขนเพื่อนสาวเพราะอยากรู้ความจริง นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อก็ได้ จู่จู่มีองค์หญิงแฝงตัวจนสนิทกัน"พูดไม่เพราะ!" มาร์แชลล์ปรามน้ำเสียงเข้ม แม้จะยังโกรธน้องสาวแต่ก็ต้องนึกถึงเกียรติของเธออันดับแรก"เอ่อ....""เดี๋ยวโมมานะคะ" เธอรีบดึงข้อมือเพื่อนสาวหนีจากพี่ชายใจร้าย หลังเขาเล่า
"พี่มาร์..." น้ำเสียงหวานร้องอย่างหมดหวัง ถูกพี่ชายดึงเรียวแขนห้ามไว้ไม่ให้เข้าช่วยเหลือ ทั้งเพื่อนทั้งสามีบอบช้ำน่าถึงจุดสิ้นสุดสักที ทว่าต่างคนต่างไม่ยอมกันเลย ร่างอรชรสะอื้นจนตัวโยน มองดูสองคนเบื้องหน้าใช้ความรุนแรง ไม่คิดว่าพี่ชายจะมีด้านมืดในจิตใจ เห็นอาการทรมานคือเรื่องชินชา"คุณ!!!" คนตัวเล็กยิ่งร้องตกใจ เมื่อซิลค์พลาดท่าโดนหมัดกระแทกใส่โครงหน้า ทั้งเตโชกับลูกน้องนับสิบเตรียมเข้าช่วย แต่เจ้านายดันยกมือห้ามเพราะคิดว่าเป็นศึกลูกผู้ชาย"มึงต้องตาย!" อองตวนแทบจะทรุดอยู่ตรงสังเวียนนั้น ยังส่งเสียงไม่มียอมแพ้ให้อีกฝ่าย ในเมื่อเขาไม่ได้หญิงสาวเคียงคู่คนอื่นก็ไม่ควรสุขสมหวัง"หึ..." ร่างกำยำกระตุกเม็ดกระดุมตรงแผงอกกว้าง ให้เปิดคล่องตัวโชยไอร้อนจากภายใน เขาไม่ได้รู้สึกว่าอองตวนสมควรเป็นผู้ต่อสู้สักนิดเดียว แต่ถึงอย่างไรนั้นถ้าเรื่องนี้ไม่จบโมอาต้องลำบากแน่"พี่มาร์....โมขอร้องนะ" น้องสาวเร่งกระตุกข้อมือผู้เป็นพี่ซ้ำๆ มันปวดใจเหลือเกินที่ตัวเองทำได้แค่ยืนดู ในระหว่างนั้นชายสองคนเตรียมตั้งท่าต่อสู้ใหม่ตุ๊บ!!! ผลั๊วะ!!!!"คุณ!!อองตวน!!!" ร่างอรชรรวบรวมแรงครั้งสุดท้าย สะบัดพันธการพี่ชายทิ
อีกด้านนึง"ผมว่าต้องเป็นสัญญาลักษณ์ที่คุณโมทิ้งไว้แน่เลยครับ" เดโม่ออกความคิดเห็น เขาหยิบดินสอทุกแท่งที่ล่วงอยู่กลางป่า ไม่น่าใช่ความบังเอิญในสถานการณ์ตอนนี้ เมื่อทุกคนต่างแยกย้ายช่วยกันตามหาโมอาในป่าทึบ แม้เตโชคุ้นชินสถานที่นี้ดีเท่าไหร่ แต่ใช่ว่าจะสามารถหาได้ง่ายดาย เพราะเส้นทางคดเคี้ยวเต็มไปด้วยกิ่งไม้มีต้นหญ้าขึ้นสูง อาจเป็นที่หลบพลางของสัตว์ร้าย"แต่มันสิ้นสุดตรงนี้นะเว้ย แล้วคุณโมจะหายไปได้ไง?" เตโชพูดขึ้น ถ้าค้นหาตามสัญลักษณ์ที่ทิ้งไว้เมื่อหยิบชิ้นสุดท้ายได้ ก็ควรเจอเธอได้แล้ว ท้องยามค้ำคืนมืดมิดจนไม่เห็นดาว พวกเขาต้องหรี่ไฟฉายเกรงศัตรูสังเกตุเจอ"ตามมา" ซิลค์เอ่ยบอก เมื่อเขาคิดอะไรได้ สองขายาวดุจนายแบบเร่งก้าวไปตรงข้างริมลำธาร ซึ่งช่วงนี้เป็นปลายทางสายน้ำคาดว่าอีกไม่กี่ก้าวก็เจอถนนหลัก แต่พวกคนนิรนามอาจหลบซ่อนในแถบนี้ก่อน กันสายสืบของเขาจับได้"......" แล้วทุกอย่างก็เป็นดั่งที่มาเฟียหนุ่มคาดคิด แสงไฟสลัวตรงเชิงเขาดูมีพิรุธ ทันใดนั้นยันต์ตาคมกริบเล็งเห็นร่างบอบบาง ถูกมัดใส่ต้นไม้ใหญ่สภาพสะบักสะบอม สองฝ่ามือหนากำแน่นจนเส้นเลือดปูด อารมณ์เดือดดาลทำงานหนักริอาจทรมานภรรยาสาว"เอ
_ เวลาค่ำ"เมื่อไหร่เราจะถึงบ้านข้าวนึ่งคะ" โมอาเอ่ยถาม จากความรู้สึกเป็นห่วงเด็กชาย เริ่มเปลี่ยนเป็นสงสัยขึ้นทันที แถมโยนแท่งดินสอในมือจนหมดแล้วยังไม่ถึงที่หมายเลย ท้องฟ้าในป่ามืดครึ้มไว ไฟฉายสักกระบอกก็ไม่มี"โมคิดว่าพี่จะพามาหาเด็กนั่นจริงเหรอ" จู่จู่น้ำเสียงสุภาพเปลี่ยนจากเมื่อกี้ ร่างสูงเอี้ยวตัวมองคนด้านหลังยามถึงจุดนัดพบกับเจ้านายเขาเอง อิฐล้วงเอาไฟฉายส่องกดแสงกระพริบส่งสัญญาณให้คนซุ่มอยู่รีบออกมาต้อนรับ"จะทำอะไร??" ร่างอรชรหันซ้ายขวาดวงใจน้อยแทบช่วงหล่น มีชายนิรนามจำนวนมากเดินวนรอบตัวเธอ แต่สัญญาลักษณ์บางอย่างทำให้นึกถึงคนเคยสนิทขึ้นมา"จริงๆถ้าวันนั้นโมไม่ปฏิเสธพี่ พี่คงไม่พาเรามาส่งให้คนอื่นหรอก""มาส่ง??ส่งอะไร??" แม้เกิดความกลัวแต่นิสัยกล้าหาญกลับส่งเสียงตะเบ่งกลับ ทำกำปั้นเล็กชูขึ้นขู่ทั้งสองข้าง ร่างอรชรยังค่อยๆหมุนคอยระวังรอบตัว เกรงว่าคนร้ายจะใช้ช่วงทีเผลอประชิดกาย"เราไงโมอา ลืมเพื่อนรักคนนี้ไปแล้วหรือยัง?" อองตวนปรากฏตัวขึ้น ดึงสายตากลมหันมอง ใบหน้าหล่อเหลือร้ายจนหญิงสาวเกิดความรู้สึกต่อต้านอย่างไม่เคยเป็น ชายนิรนามคนอื่นยอมหยุดฝีเท้า ถอยหลังเล็กน้อยให้เจ้านายยืนเ
"พี่ลืมบอกโมไปว่า น้องนักเรียนที่ชื่อว่าข้าวนึ่งอะ ช่วงนี้เค้าป่วยนะ" หมอหนุ่มทำท่าทีล่ะล่ำละลักบอก เกรงคนฟังอาจไม่เชื่อหรือเกิดความรู้สึกสงสารจนเกินเหตุ ทั้งที่เลือกบอกยามเหลือกันสองคนตรงด้านหน้าห้อง ปล่อยให้เบลล์ไปตามเก็บสมุดเรียนไว้ที่โต๊ะข้างในก่อน"พี่อิฐรู้ได้ไงคะ แค่เขาพึ่งขาดเรียนวันเดียวเองนะ" ตอนแรกเธอไม่ได้สงสัยหรอก หากรุ่นพี่หนุ่มไม่บอก ช่างบังเอิญตรงกับเด็กชายไม่มาเรียนวันนี้พอดี ใจดวงน้อยเต้นตุ่มๆ พึ่งเริ่มสอนครั้งแรกดันเกิดเรื่องแล้ว ร่างอรชรมือไม้สั่นระริก แทบตัวอ่อนแรงครุ่นคิดถึงใบหน้าเด็กชายขึ้นมา"พี่พึ่งตรวจเขากับพ่อเมื่อเช้านี้อะ คงจะป่วยเยอะ" อิฐบอกผ่านใบหน้าจริงจัง พลางเหลือบมองหญิงสาวในห้องเรียน ช่วงเวลาบ่ายคล้อยผู้คนแถวนี้สงบเงียบ ต่างแยกย้ายกลับเข้าบ้าน"แล้วบ้านข้าวนึ่งอยู่ไกลไหมคะ โมควรจะแวะไปดูเขาสักหน่อย" แถวนี้คงไม่ต้องนึกถึงรถ หากเด็กชายเดินมาเรียนได้ เธอเป็นครูก็ต้องไปหาได้เช่นกัน เกิดความรู้สึกวิตกนึกถึงใบหน้านักเรียน ชายแสนเก่ง"จากประวัติที่พี่ซักเมื่อเช้า เห็นบอกว่าอยู่แถวเชิงเขา เราไปตอนนี้ก็ทันนะ" เขารีบแนะนำยังไงก็คงกลับมาทันก่อนช่วงค่ำ ต่อให้
"คุณหนวดมันจิ้ม!!" คนตัวเล็กร้องบอก พร้อมฝ่ามือว่องไวตีเข้าต้นแขนใหญ่ทันที ผิวหน้าแสนบอบบางถูกปลายหนวดจิ้มไม่ต่างจากโดนเข็มแทง กระตุ้นความรู้สึกเจ็บจี๊ดตอบสนอง"กล้าตีฉันเลยเหรอ?" หัวคิ้วหนาเลิกขึ้นสูง อะไรดลจิตดลใจให้เหยื่อตัวน้อยไม่กลัวราชสีห์ จากอารมณ์ดีๆใบหน้าหล่อเหลาอึมครึมเหมือนเดิม เหลือบคนทำเขาเจ็บมีสีหน้าสลดลง หากเป็นเมื่อก่อนคงจัดการเหลือไว้แค่ชื่อแล้ว"คุณอย่าเงียบสิ"".........""หนูขอโทษ..." แล้วที่น่าตกใจกว่าคืออารมณ์ของโมอา เพียงนาทีเดียใสับเปลี่ยนได้หลายบทบาท ดวงตากลมกระพริบวิงวอน ใช้แก้มเนียนถูหลังมือหนาอ้อน"......." หัวใจแกร่งเต้นสะเทือน ยามสบตากลมคู่นั้นมีความหมายสื่อมา ชายหนุ่มมาดแมนย่อมอ่านเข้าใจ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่โมอารู้ กลิ่นน้ำหอมบนกายสาวหอมละมุน เปลี่ยนบรรยากาศสบายใจแทนนาทีกดดันก่อนหน้านี้"โกรธกันหรอคะ แต่หนูโกรธอยู่นะอย่าลืมสิ" นิ้วชี้ยาวสวยยกจิ้มแก้มสากสองสามที ก่อนเปลี่ยนมาปิดปากเรียวหาววอด ทุกการกระทำอยู่ในสายตาคมทั้งหมด"แล้ว""ก็ถือว่าเป็นโมฆะวินวินทั้งคู่ไงคะ""อืม..นอนพักเถอะ" น้ำเสียงเข้มบอก เขาใช้ความอบอุ่นของฝ่ามือหนาลูบผมสลวยกล่อม เพราะฤท
"ฉันรีบ" น้ำเสียงเข้มราบเรียบรอบ คนตัวสูงสวมทบบาทแพทย์ชั่วคราว ถือเข็มฉีดยาเตรียมจิ้มใส่สะโพกมน ใช้นัยน์ตาคมบังคับให้หญิงสาวถลกกางเกงลง เผยบั้นท้ายขาวโพลนน่าขย้ำ"คุณเบามือนิดนึงนะ พอดีเมื่อกี้ล้มแรงไปหน่อย" หญิงสาวหลับตาปี๋ กักเก็บอาการกลัวจนลืมตัวดึงแขนเสื้อเชิ้ตแพทย์หนุ่มจิกไว้แน่น ท่าทางเหมือนกำลังต่อสู้ความเจ็บ แต่กลัวอีกฝ่ายหัวเราะเยาะแสร้งอดทน"....." ฝ่ามือหนาล็อคท้ายทอยเล็กซุกใส่แผงอกกว้าง รับรู้แรงหายใจของคนตัวเล็กได้ดี ช่างน่าขำที่เธอแสร้งชินชาทว่าแสดงอาการออกชัดเจน"อึก!" โมอากัดฟันแน่น ยามปลายแหลมเข็มจิ้มใส่เนื้อบาง เจ็บแปลบแทบมีน้ำตาเอ่อ ซุกใส่แผงกว้างซ้ำกว่าเดิมสูดดมกลิ่นกายชายหอมสดชื่น ลืมกระทั่งความเจ็บหลังฉีดยาเมื่อกี้"กลับไหวไหมล่ะ" ซิลค์ถามกลับ พร้อมเอื้อมหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์ปิดรอยเลือดซิบ ยิ่งทำร่างอรชรเกร็งเจ็บเท่าตัว โอบกอดแผ่นหลังกว้างราวเหลือสิ่งเดียวยึดเหนี่ยว"คุณ!!หนูเจ็บนะ" โมอายอมปล่อยอ้อมแขนออก เหมือนเสี้ยวนาทีนึงเห็นรอยยิ้มบนปากหยัก พอจะเงยหน้าขึ้นมองระยะใกล้ ร่างกำยำกลับหมุนหันหลังหนี"ทีหลังก็อย่าซน""แล้วคืนนี้คุณจะรอหนูอีกไหม" ร่างอรชรรีบดึงกางเกงข