ณ มหาวิทยาลัยชื่อดัง
"ยัยเมลล์!!! ฉันเรียกแกหลายรอบแล้วนะ นั่งเหม่ออะไรอยู่" โมอาพยามตะเบ่งเสียงเรียกเพื่อนสาวซ้ำๆ กะว่าจะพุ่งมาจ๊ะเอ๋ให้ตกใจจากด้านหลัง แต่เมล์กลับนั่งเหม่อเฝ้าหน้าจอโทรศัพท์
พวกเธอนัดกันใต้ตึกคณะคุรุศาสตร์ ตรงโต๊ะตัวเดิมมุมประจำ หลบแสงแดดได้ทั้งเช้าและเย็นค่อนข้างสงบไร้คนพลุ้งพล่าน
"ไม่ได้เหม่อ ว่าแต่วันนั้นได้เอาดอกไม้ไปส่งน้องนิวไหม" เมล์เหลียวหันถาม กดปิดแสงหน้าจอหยิบเอาหนังสือเรียนขึ้นสนใจ
"ให้แล้ว อย่าบอกนะว่าน้องไม่รับรักแกอ่ะ" เธออุตส่าห์ทำตัวเป็นแม่สื่อ ส่งดอกไม้ให้รุ่นน้องดาวคณะบริหารเกือบทุกวัน เมื่อเพื่อนสาวรู้ใจตัวเองว่าลุ่มหลงเพศสตรีเหมือนกัน เธอเลยอยากช่วยให้สมปรารถนา
ร่างอรชรในชุดนักศึกษาค่อยๆหย่อนขาเรียวนั่งลงด้านข้าง ยกมือกอดเพื่อนรักคอปลอบใจ
"แหง่แหละ ไม่อ่านไม่ตอบ" เมลล์ตอบสั้นๆ แค่อกหักตามประสาวัยรุ่นทั่วไป ผิดหวังคือเรื่องธรรมดาไม่ได้มีผลต่อชีวิต อย่างน้อยมนุษย์เราควรเรียนรู้หลายๆสิ่ง
"งั้นก็กลับมาสนใจเรียนนะ เทอมสุดท้ายแล้ว อ้อ..โมว่าจะขอไปฝึกงานบนดอยอ่ะ เมล์ว่าไง" น้ำเสียงใสเอ่ยบอก เธอไม่ได้อยากอยู่ในพื้นที่เจริญหูเจริญตาแต่แรก หากไม่ติดว่าสถานศึกษาที่นี่มีชื่อเสียง
ยังคงมีความตั้งใจอยากช่วยเหลือผู้ขาดโอกาส เอาความรู้ตัวเองไปสอนหนังสือ ร่ายล้อมด้วยเด็กนักเรียนมากมาย
"บนดอย!!!" ให้ตายเถอะ!ชีวิตที่นี่ออกจะสะดวกสบาย ใยต้องไปทนลำบากแถวริมชายแดน
"ไปเป็นเพื่อนหน่อยเมล์ แค่เดือนเดียวเอง แกคงไม่อยากทิ้งเพื่อนหรอกเนอะ" จากกอดคออยู่เมื่อกี้ เธอรีบเปลี่ยนเป็นคล้องแขนกระเซ้าแหย่ หากได้ไปคนเดียวแล้วไม่มีคนรู้จักคงว้าเหว่ไม่น้อย ส่วนเพื่อนสาวก็เคยบอก ว่ายังไม่รู้จะเลือกฝึกงานที่ไหนดี
"โห่วโม...ขาดน้ำขาดไฟไม่มีเน็ตจะอยู่ได้ไหมล่ะ" วัยรุ่นยุคใหม่จะขาดโลกอินเตอร์เน็ตไปได้อย่างไร
"ได้สิ มีอย่างอื่นให้ทำตั้งเยอะตั้งแยะ" ใบหน้าสวยเอียงมองอีกฝ่ายจากใต้คาง เหลือบสบตากระพริบปริบขอร้อง
"อืมๆ ถ้าไปแล้วไม่เป็นอย่างที่พูดนะ ฉันจับแกเป็นแฟนเลยนี่" เมลล์ยกสองมือเตรียมตั้งท่าจะเขย่าไหล่มนเพื่อนรักหยอกล้อ แต่ถ้าให้จีบอย่างที่ปากบอก คงทำไม่ได้เพราะรู้สึกผูกพันธ์ดั่งเช่นพี่น้องไปแล้ว ไม่มีทางทำลายความสัมพันธ์แน่นอน
"ไม่เอาหรอก ไม่อยากมีสามีประหลาด" ฝ่ามือเรียวบีบคางมนเพื่อนสาวอย่างหมั่นเขี้ยว คงลืมไปว่าความจริงสามีในนามแปลกอย่างมหันต์ จนอาจเดาใจได้ในแต่ละนาที
"ฮ่าๆ"
@ โกดังลับ
"สารของคุณซิลค์อยู่ทางนู้นครับ" โจบอดี้การ์ดมือขวาของต้นไม้บอก ยามมาเฟียหนุ่มเข้ามาตรวจลังสินค้าพร้อมเตโช เขาจ้างเครื่องบินรอบพิเศษขนส่ง เพื่อป้องกันอันตรายจากสารตัวดั่งกล่าว
พวกลูกน้องคนอื่นคอยยกลังสีน้ำตาลสลับเข้าออก มีคนคอยคุ้มกันโดยรอบแน่นหนา เพราะสินค้าบางชนิดเป็นที่จับตามอง
"อืม" ซิลค์ตอบกลับสั้นๆ นิสัยเช่นเดียวกันกับรุ่นพี่คนสนิท นั่นทำให้คนฟังคุ้นชินดี รีบผายมือเชิญเข้าด้านในอีกชั้นนึง ซึ่งดูใช้ระบบความปลอดภัยดีเลิศ สามารถแจ้งเตือนเสียงดังแค่ผิดปกติเพียงนิดเดียว
"เฮียซิลค์!มาเอาสินค้าเหมือนกันเหรอ" ฮาเกนรีบก้าวมาต้อนรับ เมื่อเห็นร่างสูงสง่ามุ่งเข้าเขตพื้นที่ต้องห้าม สองแถบด้านข้างมีแต่ลังสินค้าขนาดใหญ่จัดเรียงขึ้นสูงหลายชั้น
"อืม" รุ่นพี่หนุ่มไม่ได้สนใจเหมือนทุกครั้ง ทำราวกับว่าน้องรักเป็นบรรยากาศแทน มุ่งเดินตามโจไปหยุดหน้าแถบสินค้าตัวเอง รับเอกสารจากมือลูกน้องเช็ครายการ
"ครบไหม" เสียงของต้นไม้ดังขึ้นแทนคำทักทาย ใบหน้าเฉยชาราวกับไร้ความรู้สึก ก้าวขายาวมายืนตรงหน้าซิลค์แค่เพียงสบนัยน์ตาคมก็อ่านใจกันออกแล้ว
"พวกเฮียใช้กระแสจิตคุยกันหรอ?" ฮาเกนไม่เข้าใจพวกรุ่นพี่จริงๆ ส่ายหน้าซ้ายขวาหันขอความเห็นจากโจและเตโช
"เสือก" ต้นไม้ตอบกลับแม้ไม่ได้หันมอง เขาแบมือรับเอกสารจากลูกน้องฮาเกน ล้วงเอาปากกาในเสื้อเชิ้ตสีดำ ตวัดลายเซ็นต์ลงให้เพื่อใช้คำอนุญาตขอขนส่งต่อ
ระดับเจ้าของสายการบินแค่ลงลายลักษณ์เพียงนิดหน่อย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงาน ย่อมอนุมัติผ่านง่ายดาย
"กับน้องแบบนี้ทุกทีเลยนะเฮีย" ฮาเกนตัดพ้อเบาๆ รีบรับเอกสารจากรุ่นพี่หนุ่มมาถือไว้ โบกมือสั่งพวกลูกน้องขนถ่ายลังสินค้าขึ้นรถส่วนตัวได้
"ยังไม่ชินอีก" ซิลค์เองก็ยื่นใบเช็ครายการให้โจ ยามไล่ตรวจรายละเอียดครบถี่ถ้วนดี เพียงเท่านั้นเตโชก็รู้หน้าที่ ดีดนิ้วเรียกลูกน้องนำสะสารขึ้นตามด้วย
"ว่าแต่วันนี้เฮียไม่มีผ่าตัดสมองใครสมองเหรอ"
"เพื่อ?" เขาไม่เข้าใจว่ารุ่นน้องจะอยากรู้ไปเพื่ออะไร ร่างสูงสง่าก้มหัวเคารพต้นไม้เล็กน้อย ตามสไตล์คนสนิทกำลังอำลา
"แล้วมึงล่ะ" ต้นไม้เอียงหน้าถาม ทุกคนมีงานเร่งรีบแต่เขายังยืนเฉย ทั้งที่ตัวเองได้ของตามต้องการแล้ว
"ผมว่าจะอยู่ทักทายนาเบลหน่อย เห็นตอนเจอในผับวันก่อนยังไม่ได้คุยเลย" น้ำเสียงทะเล้นดังพูดหยอก เขารู้ดีว่านิสัยรุ่นพี่หนุ่มหวงเมียรักขนาดไหน แค่อยากแกล้งกระตุ้นอารมณ์ก่อกวน
"ไสหัวไปซะ"
@ บนรถ
ขณะรถยนต์คันหรูกำลังแล่นบนถนนหลังตอนพลบค่ำ หลังเสร็จจากการตรวจคนไข้พิเศษที่โรงพยาบาล ลูกน้องคอยอารักขาขับรถให้ ส่วนเตโชนั่งข้างพลขับคอยช่วยดูทาง
"นายครับ" ทันทีที่เขารับรู้แรงสั่นสะเทือนของสมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกง รีบหยิบขึ้นมากดดูข้อความเป็นอันตกใจ เหลียวกระจกมองใบหน้าเจ้านายตาม
"ว่ามา" นายแพทย์หนุ่มเอื้อมปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตตรงคอหนา ปลดระบายไอร้อนและเพิ่มความสบายตัว เรือนร่างกำยำแค่ขยับนิดเดียว เห็นกล้ามเนื้อมัดเรียงรายดูแข็งแรง
"ลูกน้องรายงานมาว่ามีคนบุกรุกไปที่บ้านครับ" เขารายงานด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่เคยมีใครกล้าลองดีเข้าเหยียบพื้นที่หวงห้ามสักครั้ง
"เร่งให้เร็วกว่านี้!"
......................................
เขาจะเป็นใครหนอ ????
@ บ้านซิลค์เอี๊ยดดดด!!!!เสียงเหยียบเบรกรถยนต์กระทันหัน ลากยาวจนน่าตกใจว่าคนขับอาจจะเกิดอันตรายได้ เมื่อวิ่งมาด้วยความเร็วสูงสุดเข้าในเขตรั้วบ้านมาเฟียหนุ่มทั้งเงียบสนิทและไม่มีไฟสักดวงติดสว่าง ปานกระตุ้นอารมณ์บางอย่างในใจแกร่ง พื้นที่ส่วนตัวไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น พาลนึกถึงภรรยาในนามชั่วคราว"เธออยู่ไหน" น้ำเสียงเข้มเอ่ยถาม เมื่อก้าวเท้าลงจากรถคันหรู กลุ่มบอดี้การ์ดมีอาวุธยืนประกบ ใบหน้าสากนิ่งเก็บอาการ รวมถึงนัยน์ตาคมดำกริบยากอ่านความคิด มองสำรวจทุกตารางนิ้วกลับไม่พบคนของหญิงสาว"ช่วงมีคนบุกมาไฟในบ้านดับทุกดวงครับ เธอน่าจะหนีไปแอบกับเดโม่" ลูกน้องคนนึงที่เฝ้าบ้านรีบรายงาน เขาก็ตกใจเช่นกันแต่ยังมีสติพยามควบคุมสถานการณ์"มัน เป็น ใคร" ซิลค์ถามน้ำเสียงราบเรียบ แต่บ่งบอกอารมณ์บึ้งลึกได้ดี แม้แต่ลูกน้องด้านข้างยังรับรู้รัศมีมืด เจ้านายหนุ่มไม่เคยปราณีกับผู้หยามถิ่น"คนของเราติดตามไปแล้วครับ รอรายงานข้อมูลเพิ่มเข้ามา" เตโชโบกมือส่งสัญญาณไล่ลูกน้องไปสำรวจพื้นที่รอบบริเวณต่อ เขาอาสารายงานตามความจริงแทนเอง เพราะดูจากสีหน้ารุ่นน้องคงกังวลว่าจะโดนทำโทษ ระหว่างนั้นไฟในบ้านเริ่มติดส
นาทีต่อมา_"เอาไงดีครับนาย?" เตโชเอี้ยวตัวมากระซิบข้างร่างกำยำ เมื่อเหตุการณ์เหมือนจะแย่ลงไปทุกที แม้ว่าทุกคนจะสับสนสรรพนามที่หญิงสาวแทนตัวเอง เวลาคุยกับเจ้านายของพวกเขา"......." ซิลค์ไม่ตอบอะไรต่อ หมุนตัวเดินกลับเข้าทางหลังบ้าน ท่าทางไม่สบอารมณ์หนัก ลูกน้องต่างเลิกลักเดาใจไม่ถูก"เอามาเลย! ใจร้ายทั้งเจ้านายทั้งลูกน้องจริงๆ!" ได้โอกาสโมอารีบวิ่งมาเขย่งปลายเท้าเปล่า คว้าลูกแมวตัวน้อยอุ้มใส่อกอวบ ลูบหลังและเกาคางปลอบประโลม เดินหนีดุ่มๆไปนั่งเก้าอี้หลังครัวทิ้งคนอื่นให้แยกย้ายไปทำหน้าที่ตัวเอง หลังคนใจร้ายเลือกไม่ออกคำสั่งเพิ่ม"แต่เราต้องเอาไปปล่อยนะครับ" เดโมเดินตามเอ่ยบอกด้านข้าง ในเมื่อหญิงสาวได้ตามต้องการแล้ว ก็ควรหาคนเลี้ยงมันจริงๆ คาดว่าคงอยู่ในบริเวณนี้ ถึงหลุดวิ่งมายามค่ำคืนได้"พี่เดย์ไปดูแถวนี้ก่อนว่ามีเจ้าของไหม น่ารักขนาดนี้ต้องมีคนตามหาแน่ๆ" ฝ่ามือเรียวลูบแล้วลูบอีก วางมันลงบนเก้าอี้ ก่อนวิ่งเข้าไปหาของกินในครัว พอพบเจอจานปลาทอดตั้งแต่ตอนเย็น เลยยกมาทั้งหมดดีกว่าทิ้งใส่ขยะ ร่างอรชรทิ้งก้นลงบนพื้นหญ้า ให้สัตว์มีชีวิตสีขาวดูน่าถนุถนอมออดอ้อนบนเก้าอี้แทน วางจานปลาทอดใส่ในต
@ มหาวิทยาลัยแห่งนึง ตอนรถยนต์คันหรูจอดเทียบริมฟุตบาทหน้ารั้วสถาบันศึกษา ช่วงเวลาเช้ามืดยังไม่ทันสว่างดี เหตุที่ต้องรีบมาก่อนเพราะเธอกับเพื่อนสาว ยังเหลือส่งโครงงานของเทอมที่แล้วค้างไว้ เนื่องด้วยอาจารย์คนสั่งติดเดินไปต่างประเทศ จึงนำมาส่งก่อนเวลาเข้าเรียน"วันนี้มีคนขอมาดูคอนโด ผมอาจจะมารับช้าหน่อยนะครับ" ขณะหญิงสาวรีบหยิบสัมภาระเตรียมลง ทว่าพลขับผู้หวังดีเอ่ยบอกซะก่อนโมอาตัดสินใจปล่อยคอนโดเช่าชั่วคราว เพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน แถมยังไม่มีเวลากลับอยู่ ดีกว่าปล่อยทรุดโทรมลงเรื่อยๆ"ไม่ต้องห่วงโมหรอก วันนี้ว่าจะบอกพี่เดย์อยู่แล้วว่าคงกลับเย็น ไหนจะเคลียร์เอกสารฝึกงานอีก" น้ำเสียงใสตอบ ชายหนุ่มทำอย่างกับว่าเธอไม่เคยขึ้นรถสาธารณะ ตอนนั้นยังแอบหนีเที่ยวกับเมลล์เลย"ยังไงก็ระวังตัวหน่อยก็ดีนะครับ เรารู้อยู่แล้วว่าพวกนั้นคือใคร" เดโม่เอ่ยบอกอย่างเป็นห่วงในฐานะคนปกป้อง เดาได้ไม่ยากเลยว่าฝีมือใครก่อเหตุช่วงค่ำ"คงไม่ทำอะไรในมหาลัยหรอก แล้วอีกอย่างพวกนั้นไม่มีทางจับเราไปฆ่าแน่ๆ" คนบอกรีบแสดงนิสัยดื้อดึง พลางเอื้อมหยิบกระดาษสีม้วนใหญ่ยกกอดไว้"ครับ""อ้อ..ถ้าเช็คประวัติคนเช่าได้ พ
@ บ้านซิลค์ รถยนต์คันหรูรีบแล่นจอดเข้าโรงเก็บ เมื่อเดโม่ได้รับข้อความของบอดี้การ์ดที่เฝ้าบ้าน ว่ามีครอบครัวของโมอาเดินทางมาเยี่ยม เป็นการกดดันให้เธอต้องเผชิญหน้าครั้งแรก หลังเกิดเรื่องจากวันนั้นสองเท้าเรียวแทบจะยกก้าวไม่ขึ้น ด้วยความคิดแง่ลบพลุ่งพล่านไปไกล จนองครักษ์พยักหน้าให้สัญญาณ ร่างอรชรสูดลมเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนมุ่งเข้าทางหน้าบ้าน"ท่านแม่!พี่มาร์!" น้ำเสียงหวานหลุดร้องแสดงความดีใจ ยามเห็นทั้งสองนั่งบนโซฟา สีหน้ายิ้มแย้มยามเจอกัน เธอรีบพุ่งไปกอดให้หายคิดถึง ละลายความรู้สึกหม่นหมองของวันที่จากลา"เบาๆหน่อยเจ้าโม เดี๋ยวแม่ท่านก็หายใจไม่ออก" มาร์แชลล์ส่งเสียงปรามนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจดีว่าทั้งหมดมาจากอาการคิดถึง พวกเขาแต่งกายอย่างคนธรรมดาทั่วไป ไม่ได้ถือตัวอวดเบ่งกับกลุ่มลูกน้องของมาเฟียหนุ่มเลยเดโม่รีบก้มเคารพเช่นกัน เมื่อบุคคลทั้งสองยอมเดินทางมาถึงที่นี่ เกิดรอยยิ้มมุมปากนิดๆราวสบายใจขึ้นมา"คนมันคิดถึงแม่หนิ" ร่างอรชรยังสวมกอดมารดาราวเป็นลูกตัวน้อยๆ ยิ่งคนถูกกอดลูบผมสลวย นิสัยออดอ้อนยิ่งทวีคูณ ยามอยู่ต่างแดนทั้งบุพการีและตัวเธอไม่นิยมใช้คำสรรพนาม เพื่อให้ดูกลมกลืนกับคนทั่วไป"ที
@ชั่วโมงต่อมา เมื่อถึงช่วงเวลาพลบค่ำ ชายหนุ่มเจ้าของบ้านรีบลงมานั่งคอยบนโซฟา ตรงข้างๆมุมรับประทานอาหาร ปล่อยหญิงสาวคลุกกับมารดาในครัว บรรยากาศเริ่มครึกครื้นเพราะเสียงหัวเราะทั้งสองฝ่ายดังเล็ดรอดออกมา ฝ่ามือหนาเลือกวางแฟ้มเอกสารลง ทำอย่างว่ามันไร้ความหมาย พอเหลือบเห็นเดโม่และลูกน้องคนสนิท ลอบสังเกตุทางหลังบ้านเป็นระยะ นัยน์ตาคมเลยหรี่เพ่งจนทั้งคู่ละไปทำหน้าที่ตัวเอง"อาหารเสร็จแล้วค่ะคุณ" น้ำเสียงใสพยามอ่อนหวานกว่าเดิม ยามมีมารดาอยู่ในบริเวณนั้น เธอรีบเรียกสามีชั่วคราวเพื่อให้ไปช่วยท่านยกจานจัดเรียงขึ้นโต๊ะรอ"อืม" คนตัวสูงพยักหน้ารับเล็กน้อย ให้ร่างอรชรเดินข้างหน้าประหนึ่งว่าสามารถนำเขาได้ คงเก็บกดจากเมื่อคืนได้ทีเอาใหญ่สั่งอย่างเดียวร่างสูงเริ่มมีท่าทางเงอะงะ ตั้งแต่มีบ้านส่วนตัวพึ่งเข้ามาในห้องนี้ไม่กี่ครั้ง ยิ่งดูแม่ครัวทำอาหารกำลังวุ่นวาย จะขยับนิดหน่อยยังเกรงว่าเป็นส่วนเกิน"รบกวนคุณช่วยยัยโมถือจานนี้ที ระวังร้อนหน่อยนะ" น้ำเสียงอ่อนโยนบอก ระหว่างดันถ้วยมีไอร้อนโชยซึ่งใช้จานรองอีกชั้นนึงแล้ว ท่านไม่ได้วางท่าทางรังเกียจ แค่เห็นความเป็นอยู่ลูกสาวดีก็เพียงพอ"ครับ" ซิลค์รีบถือ
"ตะแต่ว่า...." หญิงสาวกลับรู้สึกกระด้างอาย ยังยืนตัวแข็งทื่อสองมือบางยึดบ่ากว้างทรงตัว เอียงใบหน้าสวยหลบยามถูกมองด้วยสายตาหื่นกระหาย ความสูงระดับใต้คางสากทำให้จมูกใหญ่คลอเคลียผมสลวย แค่ลมหายใจร้อนวาบหวิวกระทบหน้าผากมน ทำร่างอรชรสยิวขนไรอ่อนลุกชันทั่วกาย เกิดความรู้สึกแปลกใหม่ทุกครั้งยามใกล้ชิดกัน"เลือกเอาจะนอนครางอย่างเดียว หรือขึ้นขย่มเอง" เขาค่อยๆเชยคางมนขึ้นสบตาระยะใกล้ ปลายจมูกชนถูไถกันและกัน เมื่อความต้องการพลั่งพลู ฝ่ามือหนาเริ่มล้วงเข้าใต้เสื้อนอนลูบแผ่นหลังบาง"คุณ..อื้มมม" คนตัวสูงเลื่อนใบหน้าแนบปากประกบจูบ พยามเนิบนาบหว่านล้อมหญิงสาว แค่เพียงลิ้นสากตวัดทักทายในโพรงนุ่ม ร่างอรชรอ่อนระทวยแทบเสียการทรงตัวเรียวแขนเล็กตวัดคล้องคอหนา เมื่อปล่อยความรู้สึกนำพามากกว่าอาการกระด้างอายสาว จูบตอบแบบเงอะงะไม่ชำนาญ ยิ่งทำให้ผู้คุมเกมส์พอใจ"......." ซิลค์ยอมถอนจูบออกราวเสียดาย ตวัดปลายลิ้นเลียรอบปากหยักเก็บคราบน้ำหวาน ดวงตาสองคู่ยังจ้องมองอย่างเห่อร้อน ท่อนแขนแกร่งช้อนร่างอรชรอุ้มขึ้นมาวางบนเตียง"แล้วผ้าที่เปื้อนไปอยู่ไหนคะ" เกิดความสงสัยรีบแสร้งถามกักเก็บอาการเขิน หากเขาใช้พวกบอดี้
วันรุ่งขึ้น__"ยังไงก็ฝากคุณไปส่งยัยโมด้วยนะ" น้ำเสียงโทนอ่อนโยนเอ่ยบอก ตอนกำลังส่งบุตรสาวขึ้นรถยนต์คันหรูพร้อมออกจากบ้านไปกับสามีในนาม ร่างชุดนักศึกษาสาวพุ่งสวมกอดมารดาจนอิ่มเอม ก้มใบหน้าสวยพรมจูบแก้มเหี่ยวย่นสองข้างเมื่อเข้าสู่วัยชรา"ครับ" ซิลค์ตอบกลับผ่านน้ำเสียงสุภาพ หากเป็นลูกน้องคนสนิทคงได้รู้ว่าเขาจะประพฤติเช่นนี้สำหรับบุพการีเท่านั้น ร่างสูงสวมเสื้อเชิ๊ตขาวกับกางเกงสแลคดำเรียบกริบทุกมุมตามนิสัยเจ้าระเบียบ ผายมือเล็กน้อยให้เกียรติภรรยาในนาม เนื่องจากวันนี้ดันมีบุคคลคอยจ้องจับพิรุธทั้งคู่"เดี๋ยวโมจะรีบกลับมาให้ทันพี่มาร์นะคะ" หญิงสาวยังส่งเสียงใสบอก แม้ว่าก้าวขาขึ้นไปนั่งในรถยนต์เรียบร้อยแล้ว นั่นยิ่งทำให้คนตัวสูงด้านข้าง ต้องพิงหลังปล่อยพื้นที่เบื้องหน้าให้โมอาแทรกแซง พอมารดาของเธอเห็นว่าสมควรแก่เวลา จึงพยักให้เตโชปิดประตูพร้อมไปส่งเจ้านายได้ เมื่อรถยนต์คันหรูแล่นสู่ถนนหลัก หญิงสาวข้างกายดันชะโงกหน้ามองกระจกหลัง วางฝ่ามือเรียวเกาะบ่า ยิ่งทำให้คนถูกกระทำเริ่มไปสบอารมณ์"หยุดได้หรือยัง" โครงหน้าคมคายเอียงมองฝ่ามือบนบ่า ราวกับส่งนัยนะว่าเธอล่วงล้ำจนเกินงาม ไม่รู้ว่าครั้ง
@ บ้านซิลค์"ว๊ายยยย" คนตัวเล็กถึงกลับหลุดร้องเสียงตกใจ ไม่คิดว่าซิลค์จะกลับมาก่อนเวลา พุ่งเข้ามาในห้องส่วนตัวแถมยืนแทรกตรงกลางตู้เสื้อผ้า ขณะร่างอรชรสวมเพียงบาร์เซียและเพนตี้ตัวบาง โชว์สัดส่วนโค้งเว้าล่อแหลม เธออุตส่าห์เลือกช่วงที่มารดาเผลอหวังเปลี่ยนชุดสวยๆใส่ ไปล่องเรือดื่มดำบรรยากาศกลางแม่น้ำ"คน!" น้ำเสียงเข้มจริงจังบอก วางฝ่ามือประคองแผ่นหลังบางดันประชิดลำตัวกำยำ โดยเขาหันเลือกเครื่องแต่งกายเอง"แล้วคุณจะเข้ามาทำไมเล่า" พอจะพยามคว้าเอาชุดคลุมใส่ปกปิด ก็โดนคนตัวสูงแกล้งยืนบัง ปล่อยสองเต้าอวบถูไถแผงอกกว้าง ทำโมอาลอบสูดดมกลิ่นน้ำหอมชายสู้กับอาการวาบหวิบตรงยอดประทุมถัน"ไม่บอกก่อนล่ะว่ามีผู้ชายคนอื่นไปด้วย" ซิลค์ยังค้างมือจับราวแขวนเสื้อผ้า ใช้ร่างกายดันคนตัวเล็กชิดด้านใน ก้มลงประทับรอยจูบบนไหล่มน"อื้อ...นะหนูรีบ" ชายหนุ่มกลับกลั่นแกล้งด้วยการไล่ขยับปลายจมูกใหญ่คลอเคลียซอกคอระหง แล้วเหมือนมีช่วงจังหวะนึง ขบเม้มปากใส่ผิวขาวละเอียด พอได้ร่องรอยพอใจ ถึงยอมขยับออกอย่างเสียดาย เธอไม่เข้าใจความหมายของคนตัวสูงบอกสักเท่าไหร่ คนอื่นที่ว่าคงเป็นกลุ่มองครักษ์เองหรือเปล่า ไม่แปลกหากเขาไม่เค
เช้าวันใหม่_"แกโอเคไหมยัยโม" ผู้เป็นเพื่อนสาวต้องรีบถามเพราะความเป็นห่วง ใบหน้าใสคนข้างกายดูหมองเศร้า เหมือนคนอดนอนมาตลอดคืน หลังพวกเธอพึ่งจัดของพร้อมออกไปสอนหนังสือ ทว่าโอมาดูไม่มีกะจิตกะใจเหมือนทุกวัน"ช่างเถอะน่า วันนี้เราว่าจะสอนหลายวิชาไม่ใช่เหรอ" น้ำเสียงหวานตอบให้คนฟังคลายกังวล เมื่อวานนี้ต้องรีบส่งนักเรียน จึงเอาชั่วโมงว่างของวันสอนชดเชยต่อ คงทิ้งความคิดถึงใครบางคนไว้ชั่วคราว เพราะเธอรออยู่ที่เดิมทั้งคืนไร้รี่แวว นั่นเป็นคำตอบแทนการอยากรู้ในใจดี"ก็ใช่น่ะสิ แกรับบทภาษาต่างประเทศด้วยอย่าลืมเชียว" คนบอกทำสีหน้ากึ่งขยาด เธอไม่มั่นใจเสียเวลากลัวออกเสียงผิดๆ ครั้งนึงเคยโดนอาจารย์ประจำภาควิชาตำหนิ เกรงว่าอาจสืบทอดความรู้ผิดต้นตอ"ไม่ลืมหรอก แกหน่ะหัดมั่นใจตัวเองบ้าง""ขอเวลาอีกนิดนะ ของจริงกับตอนเรียนมันต่างกันนี่หน่า" เบลล์บอกน้ำเสียงอ่อน"จะต่างยังไงมันก็เหมือนกันทุกอย่างนั่นแหละ" เธอกับคิดถึงบางเรื่องขึ้นมาเสียดื้อๆ เผลอจิกผมเช็ดตัวในมือใกล้ฉีกขาด"อาชีพครูต้องอย่าเอาเรื่องอะไรมาปะปนนะแกอย่าลืมดิ" เบลล์บอกเตือน หากครูผู้สอนไม่สามารถส่งอารมณ์ให้นักเรียนได้ แล้วคนฟังจะไปรู้สึกสนุก
@ ช่วงเย็น ภายในสถานที่พักส่วนตัวของมาเฟียหนุ่ม นั่งตรงข้ามกับหญิงสาวก้มหน้าอย่างรับผิด เมื่อโดนพี่ชายตำหนิผ่านแววตาจริงจังจนโมอาไม่กล้าสู้มอง บรรยากาศตึงเครียดแม้แต่องครักษ์ด้านนอกยังรู้สึกกดดัน ต่างคนต่างมองกันเลิกลักแม้ว่าไม่เคยเจอรู้จักมาก่อน"เราขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ในเมื่อทุกคนรู้เรื่องจริงทั้งหมดแล้ว เราคงต้องพาโมอากลับบ้าน...สถานที่ของเธอจริงๆ" มาร์แชลล์พูดน้ำเสียงเข้ม จ้องมองคู่สนทนาอย่างไม่ลดหรี่ เขาต้องการพาเธอกลับสู่ครอบครัวจริง ที่นั่นเหมาะสมกับโมอาสุดแล้ว"ตะแต่...." คนตัวเล็กแทบไม่มีถ้อยคำโต้แย้ง เธอรู้ดีว่าพี่ชายเก็บอารมณ์โมโหไว้ก้นบึ้งลึกขนาดไหน คงไม่ต้องอธิบายถึงบุพการี ถ้ากลับไปรับโทษโดนบทสูงสุด สั่งกักขังหรือตัดอิสระอยู่สักพักนึงเขียว"....." ซิลค์เอาแต่มองใบหน้าสวย อายุจวนเจียนใกล้สามสิบวางท่าทางสุขุม แม้อีกฝ่ายเอ่ยคำไม่ต้องการได้ยิน ฝ่ามือหนากำพนักเก้าอี้เกร็งจนเส้นเลือดปูด นัยน์ตาดำนิ่งกริบไม่บ่งบอกความหมาย"คุณคงไม่ว่าอะไรหรอกนะ ในเมื่อแผนนี้น้องสาวเราเป็นคนคิดเอง" ทุกถ้อยคำที่เขาพยามพูดออกมา มันสื่อความหมายอีกอย่างว่า โมอาต้นคิดแผนการณ์เรื่องบ้านั่นคนเ
@ แคมป์พยาบาล ระหว่างรอนายแพทย์หนุ่มจัดการแผลโดนยิงด้วยตัวเอง โดยให้เตโชเข้าช่วยด้านในได้เท่านั้น ร่างอรชรนั่งรอกับพี่ชายอยู่เบื้องหน้าห้อง จิกกุมเสื้อโค้ทแน่นหลังผ่านเรื่องร้ายๆ"ยัยโม...เป็นยังไงบ้างแก" เบลล์รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดเพื่อนสาว พอทราบข่าวว่าโมอากลับมาอย่างปลอดภัยแม้ว่าเดโม่ไม่ยอมบอกอะไรให้เธอรู้เลย"ไม่เป็นอะไรแล้ว..นี่คือพี่ชายเราเอง" ถึงเวลาที่เธอต้องยอมบอกความจริงแก่เพื่อนรัก เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายสามารถเก็บความลับได้ เผื่อมีเหตุคราวจำเป็นเบลล์จะได้ระวังตัวไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้มาร์แชลล์นั่งนิ่งตีหน้าตาย เบื่อนหันหนีมองทางป่าทึบ เขาไม่ได้อยากรู้จักใครอีกแล้ว แค่ติดตามน้องสาวมาเพื่อรับกลับบ้านเท่านั้น"สวัสดีค่ะ แต่แกต้องเล่าความจริงให้ฟังทั้งหมดนะ" คนบอกพนมมือไหว้เคารพถึงอีกฝ่ายไม่สนใจจะรับก็ตาม ก่อนดึงแขนเพื่อนสาวเพราะอยากรู้ความจริง นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อก็ได้ จู่จู่มีองค์หญิงแฝงตัวจนสนิทกัน"พูดไม่เพราะ!" มาร์แชลล์ปรามน้ำเสียงเข้ม แม้จะยังโกรธน้องสาวแต่ก็ต้องนึกถึงเกียรติของเธออันดับแรก"เอ่อ....""เดี๋ยวโมมานะคะ" เธอรีบดึงข้อมือเพื่อนสาวหนีจากพี่ชายใจร้าย หลังเขาเล่า
"พี่มาร์..." น้ำเสียงหวานร้องอย่างหมดหวัง ถูกพี่ชายดึงเรียวแขนห้ามไว้ไม่ให้เข้าช่วยเหลือ ทั้งเพื่อนทั้งสามีบอบช้ำน่าถึงจุดสิ้นสุดสักที ทว่าต่างคนต่างไม่ยอมกันเลย ร่างอรชรสะอื้นจนตัวโยน มองดูสองคนเบื้องหน้าใช้ความรุนแรง ไม่คิดว่าพี่ชายจะมีด้านมืดในจิตใจ เห็นอาการทรมานคือเรื่องชินชา"คุณ!!!" คนตัวเล็กยิ่งร้องตกใจ เมื่อซิลค์พลาดท่าโดนหมัดกระแทกใส่โครงหน้า ทั้งเตโชกับลูกน้องนับสิบเตรียมเข้าช่วย แต่เจ้านายดันยกมือห้ามเพราะคิดว่าเป็นศึกลูกผู้ชาย"มึงต้องตาย!" อองตวนแทบจะทรุดอยู่ตรงสังเวียนนั้น ยังส่งเสียงไม่มียอมแพ้ให้อีกฝ่าย ในเมื่อเขาไม่ได้หญิงสาวเคียงคู่คนอื่นก็ไม่ควรสุขสมหวัง"หึ..." ร่างกำยำกระตุกเม็ดกระดุมตรงแผงอกกว้าง ให้เปิดคล่องตัวโชยไอร้อนจากภายใน เขาไม่ได้รู้สึกว่าอองตวนสมควรเป็นผู้ต่อสู้สักนิดเดียว แต่ถึงอย่างไรนั้นถ้าเรื่องนี้ไม่จบโมอาต้องลำบากแน่"พี่มาร์....โมขอร้องนะ" น้องสาวเร่งกระตุกข้อมือผู้เป็นพี่ซ้ำๆ มันปวดใจเหลือเกินที่ตัวเองทำได้แค่ยืนดู ในระหว่างนั้นชายสองคนเตรียมตั้งท่าต่อสู้ใหม่ตุ๊บ!!! ผลั๊วะ!!!!"คุณ!!อองตวน!!!" ร่างอรชรรวบรวมแรงครั้งสุดท้าย สะบัดพันธการพี่ชายทิ
อีกด้านนึง"ผมว่าต้องเป็นสัญญาลักษณ์ที่คุณโมทิ้งไว้แน่เลยครับ" เดโม่ออกความคิดเห็น เขาหยิบดินสอทุกแท่งที่ล่วงอยู่กลางป่า ไม่น่าใช่ความบังเอิญในสถานการณ์ตอนนี้ เมื่อทุกคนต่างแยกย้ายช่วยกันตามหาโมอาในป่าทึบ แม้เตโชคุ้นชินสถานที่นี้ดีเท่าไหร่ แต่ใช่ว่าจะสามารถหาได้ง่ายดาย เพราะเส้นทางคดเคี้ยวเต็มไปด้วยกิ่งไม้มีต้นหญ้าขึ้นสูง อาจเป็นที่หลบพลางของสัตว์ร้าย"แต่มันสิ้นสุดตรงนี้นะเว้ย แล้วคุณโมจะหายไปได้ไง?" เตโชพูดขึ้น ถ้าค้นหาตามสัญลักษณ์ที่ทิ้งไว้เมื่อหยิบชิ้นสุดท้ายได้ ก็ควรเจอเธอได้แล้ว ท้องยามค้ำคืนมืดมิดจนไม่เห็นดาว พวกเขาต้องหรี่ไฟฉายเกรงศัตรูสังเกตุเจอ"ตามมา" ซิลค์เอ่ยบอก เมื่อเขาคิดอะไรได้ สองขายาวดุจนายแบบเร่งก้าวไปตรงข้างริมลำธาร ซึ่งช่วงนี้เป็นปลายทางสายน้ำคาดว่าอีกไม่กี่ก้าวก็เจอถนนหลัก แต่พวกคนนิรนามอาจหลบซ่อนในแถบนี้ก่อน กันสายสืบของเขาจับได้"......" แล้วทุกอย่างก็เป็นดั่งที่มาเฟียหนุ่มคาดคิด แสงไฟสลัวตรงเชิงเขาดูมีพิรุธ ทันใดนั้นยันต์ตาคมกริบเล็งเห็นร่างบอบบาง ถูกมัดใส่ต้นไม้ใหญ่สภาพสะบักสะบอม สองฝ่ามือหนากำแน่นจนเส้นเลือดปูด อารมณ์เดือดดาลทำงานหนักริอาจทรมานภรรยาสาว"เอ
_ เวลาค่ำ"เมื่อไหร่เราจะถึงบ้านข้าวนึ่งคะ" โมอาเอ่ยถาม จากความรู้สึกเป็นห่วงเด็กชาย เริ่มเปลี่ยนเป็นสงสัยขึ้นทันที แถมโยนแท่งดินสอในมือจนหมดแล้วยังไม่ถึงที่หมายเลย ท้องฟ้าในป่ามืดครึ้มไว ไฟฉายสักกระบอกก็ไม่มี"โมคิดว่าพี่จะพามาหาเด็กนั่นจริงเหรอ" จู่จู่น้ำเสียงสุภาพเปลี่ยนจากเมื่อกี้ ร่างสูงเอี้ยวตัวมองคนด้านหลังยามถึงจุดนัดพบกับเจ้านายเขาเอง อิฐล้วงเอาไฟฉายส่องกดแสงกระพริบส่งสัญญาณให้คนซุ่มอยู่รีบออกมาต้อนรับ"จะทำอะไร??" ร่างอรชรหันซ้ายขวาดวงใจน้อยแทบช่วงหล่น มีชายนิรนามจำนวนมากเดินวนรอบตัวเธอ แต่สัญญาลักษณ์บางอย่างทำให้นึกถึงคนเคยสนิทขึ้นมา"จริงๆถ้าวันนั้นโมไม่ปฏิเสธพี่ พี่คงไม่พาเรามาส่งให้คนอื่นหรอก""มาส่ง??ส่งอะไร??" แม้เกิดความกลัวแต่นิสัยกล้าหาญกลับส่งเสียงตะเบ่งกลับ ทำกำปั้นเล็กชูขึ้นขู่ทั้งสองข้าง ร่างอรชรยังค่อยๆหมุนคอยระวังรอบตัว เกรงว่าคนร้ายจะใช้ช่วงทีเผลอประชิดกาย"เราไงโมอา ลืมเพื่อนรักคนนี้ไปแล้วหรือยัง?" อองตวนปรากฏตัวขึ้น ดึงสายตากลมหันมอง ใบหน้าหล่อเหลือร้ายจนหญิงสาวเกิดความรู้สึกต่อต้านอย่างไม่เคยเป็น ชายนิรนามคนอื่นยอมหยุดฝีเท้า ถอยหลังเล็กน้อยให้เจ้านายยืนเ
"พี่ลืมบอกโมไปว่า น้องนักเรียนที่ชื่อว่าข้าวนึ่งอะ ช่วงนี้เค้าป่วยนะ" หมอหนุ่มทำท่าทีล่ะล่ำละลักบอก เกรงคนฟังอาจไม่เชื่อหรือเกิดความรู้สึกสงสารจนเกินเหตุ ทั้งที่เลือกบอกยามเหลือกันสองคนตรงด้านหน้าห้อง ปล่อยให้เบลล์ไปตามเก็บสมุดเรียนไว้ที่โต๊ะข้างในก่อน"พี่อิฐรู้ได้ไงคะ แค่เขาพึ่งขาดเรียนวันเดียวเองนะ" ตอนแรกเธอไม่ได้สงสัยหรอก หากรุ่นพี่หนุ่มไม่บอก ช่างบังเอิญตรงกับเด็กชายไม่มาเรียนวันนี้พอดี ใจดวงน้อยเต้นตุ่มๆ พึ่งเริ่มสอนครั้งแรกดันเกิดเรื่องแล้ว ร่างอรชรมือไม้สั่นระริก แทบตัวอ่อนแรงครุ่นคิดถึงใบหน้าเด็กชายขึ้นมา"พี่พึ่งตรวจเขากับพ่อเมื่อเช้านี้อะ คงจะป่วยเยอะ" อิฐบอกผ่านใบหน้าจริงจัง พลางเหลือบมองหญิงสาวในห้องเรียน ช่วงเวลาบ่ายคล้อยผู้คนแถวนี้สงบเงียบ ต่างแยกย้ายกลับเข้าบ้าน"แล้วบ้านข้าวนึ่งอยู่ไกลไหมคะ โมควรจะแวะไปดูเขาสักหน่อย" แถวนี้คงไม่ต้องนึกถึงรถ หากเด็กชายเดินมาเรียนได้ เธอเป็นครูก็ต้องไปหาได้เช่นกัน เกิดความรู้สึกวิตกนึกถึงใบหน้านักเรียน ชายแสนเก่ง"จากประวัติที่พี่ซักเมื่อเช้า เห็นบอกว่าอยู่แถวเชิงเขา เราไปตอนนี้ก็ทันนะ" เขารีบแนะนำยังไงก็คงกลับมาทันก่อนช่วงค่ำ ต่อให้
"คุณหนวดมันจิ้ม!!" คนตัวเล็กร้องบอก พร้อมฝ่ามือว่องไวตีเข้าต้นแขนใหญ่ทันที ผิวหน้าแสนบอบบางถูกปลายหนวดจิ้มไม่ต่างจากโดนเข็มแทง กระตุ้นความรู้สึกเจ็บจี๊ดตอบสนอง"กล้าตีฉันเลยเหรอ?" หัวคิ้วหนาเลิกขึ้นสูง อะไรดลจิตดลใจให้เหยื่อตัวน้อยไม่กลัวราชสีห์ จากอารมณ์ดีๆใบหน้าหล่อเหลาอึมครึมเหมือนเดิม เหลือบคนทำเขาเจ็บมีสีหน้าสลดลง หากเป็นเมื่อก่อนคงจัดการเหลือไว้แค่ชื่อแล้ว"คุณอย่าเงียบสิ"".........""หนูขอโทษ..." แล้วที่น่าตกใจกว่าคืออารมณ์ของโมอา เพียงนาทีเดียใสับเปลี่ยนได้หลายบทบาท ดวงตากลมกระพริบวิงวอน ใช้แก้มเนียนถูหลังมือหนาอ้อน"......." หัวใจแกร่งเต้นสะเทือน ยามสบตากลมคู่นั้นมีความหมายสื่อมา ชายหนุ่มมาดแมนย่อมอ่านเข้าใจ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่โมอารู้ กลิ่นน้ำหอมบนกายสาวหอมละมุน เปลี่ยนบรรยากาศสบายใจแทนนาทีกดดันก่อนหน้านี้"โกรธกันหรอคะ แต่หนูโกรธอยู่นะอย่าลืมสิ" นิ้วชี้ยาวสวยยกจิ้มแก้มสากสองสามที ก่อนเปลี่ยนมาปิดปากเรียวหาววอด ทุกการกระทำอยู่ในสายตาคมทั้งหมด"แล้ว""ก็ถือว่าเป็นโมฆะวินวินทั้งคู่ไงคะ""อืม..นอนพักเถอะ" น้ำเสียงเข้มบอก เขาใช้ความอบอุ่นของฝ่ามือหนาลูบผมสลวยกล่อม เพราะฤท
"ฉันรีบ" น้ำเสียงเข้มราบเรียบรอบ คนตัวสูงสวมทบบาทแพทย์ชั่วคราว ถือเข็มฉีดยาเตรียมจิ้มใส่สะโพกมน ใช้นัยน์ตาคมบังคับให้หญิงสาวถลกกางเกงลง เผยบั้นท้ายขาวโพลนน่าขย้ำ"คุณเบามือนิดนึงนะ พอดีเมื่อกี้ล้มแรงไปหน่อย" หญิงสาวหลับตาปี๋ กักเก็บอาการกลัวจนลืมตัวดึงแขนเสื้อเชิ้ตแพทย์หนุ่มจิกไว้แน่น ท่าทางเหมือนกำลังต่อสู้ความเจ็บ แต่กลัวอีกฝ่ายหัวเราะเยาะแสร้งอดทน"....." ฝ่ามือหนาล็อคท้ายทอยเล็กซุกใส่แผงอกกว้าง รับรู้แรงหายใจของคนตัวเล็กได้ดี ช่างน่าขำที่เธอแสร้งชินชาทว่าแสดงอาการออกชัดเจน"อึก!" โมอากัดฟันแน่น ยามปลายแหลมเข็มจิ้มใส่เนื้อบาง เจ็บแปลบแทบมีน้ำตาเอ่อ ซุกใส่แผงกว้างซ้ำกว่าเดิมสูดดมกลิ่นกายชายหอมสดชื่น ลืมกระทั่งความเจ็บหลังฉีดยาเมื่อกี้"กลับไหวไหมล่ะ" ซิลค์ถามกลับ พร้อมเอื้อมหยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์ปิดรอยเลือดซิบ ยิ่งทำร่างอรชรเกร็งเจ็บเท่าตัว โอบกอดแผ่นหลังกว้างราวเหลือสิ่งเดียวยึดเหนี่ยว"คุณ!!หนูเจ็บนะ" โมอายอมปล่อยอ้อมแขนออก เหมือนเสี้ยวนาทีนึงเห็นรอยยิ้มบนปากหยัก พอจะเงยหน้าขึ้นมองระยะใกล้ ร่างกำยำกลับหมุนหันหลังหนี"ทีหลังก็อย่าซน""แล้วคืนนี้คุณจะรอหนูอีกไหม" ร่างอรชรรีบดึงกางเกงข